Tuesday, 17 June 2025
SPECIAL

หล่อไม่สร่าง!! 'เก่ง-แซม-หนุ่ม-กบ-วิลลี่' 5 นักแสดงรุ่นเก๋ากับความหล่อระดับตำนาน

โอ้ยย...พ่อคุณ คิดว่าบอยแบนด์นัดซ้อมเต้นเตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ แต่ที่แท้เป็นแค่กองถ่ายละคร ที่นักแสดงรุ่นเก๋ามาประชันบทบาทกันในละครเรื่อง 'ฟ้าทานตะวัน' รุ่นใหญ่เขาเรียงแถวกันมาขนาดนี้เลยนะ!!

ละครน่าติดตามสุดๆ!! 

มาไล่เรียงอายุให้ชัดๆ กันนะ

>> เก่ง ชาติชาย อายุ 49 ปี
>> แซม ยุรนันท์ อายุ 60 ปี
>> หนุ่ม คงกระพัน อายุ 49 ปี
>> กบ ทรงสิทธิ์ อายุ 55 ปี
>> วิลลี่ แมคอินทอช อายุ 52 ปี

กองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการปฏิบัติที่น่าสนใจความผิดต่อชีวิต/ร่างกาย และความผิดเกี่ยวกับทรัพย์

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ กรณีวันที่ 20 ก.ค.65 เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สำราญ  นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์  แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น. ได้แถลงผลการปฏิบัติที่น่าสนใจ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คดีที่ 1 จับกุมคนร้ายประสบปัญหาทางการเงิน ใช้อาวุธปืนปลอมชิงทรัพย์ร้านทอง ในห้างสรรพสินค้าย่านพัฒนาการ สน.คลองตัน บก.น.๕ วันที่ 19 ก.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายประภากร หรือ กร อายุ 42 ปี ที่ห้องพักเลขที่ 210 ชั้น 2 ฝันดีแมนชั่น ซอยชยางกูร 38 ถนนชยางกูร อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมได้ตรวจยึดของกลาง

1.สร้อยข้อมือทองคำจี้ รูปหัวใจ พบในขวดโลชั่นทาผิว NIVEA จำนวน 1 เส้น

2.สร้อยข้อมือทองคำจี้ รูปปี่เชี้ยะ พบในขวดโลชั่นทาผิว NIVEA จำนวน 1 เส้น 

3.สร้อยข้อมือทองคำลายลูกคิดพลอย พบในขวดโลชั่นทาผิว NIVEA จำนวน 1 เส้น 

4.สร้อยข้อมือทองคำจี้เลข 8 พบในขวดโลออนครีม NIVEA จำนวน 1 เส้น 

5.สร้อยข้อมือทองคำจี้กุหลาบหัวใจเลข 9 พบในขวดโลออนครีม NIVEA จำนวน 1 เส้น 

6.สร้อยข้อมือทองคำลายดอกพิกุล พบในขวดแป้ง POND'S จำนวน 1 เส้น

7.ตะขอทองคำรูปตัว S พบในขวดแป้ง POND'S จำนวน 1 ชิ้น 

8.ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับ 500 บาท พบในกระเป๋ากางเกงข้างหน้าซ้าย ตัวที่ผู้ต้องหาสวมใส่อยู่   จำนวน 1 ฉบับ

9. ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับ 50 บาท พบในกระเป๋ากางเกงข้างหน้าช้ายที่ผู้ต้องหาสวมใส่อยู่    จำนวน 1 ฉบับ

10. ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับ 1,000 บาท จำนวน 12 ฉบับ

11. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Realme จำนวน 1 เครื่อง 

12. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Redmi จำนวน 1 เครื่อง

13. ชิมโทรศัพท์ AIS พบในกระเป๋ากางเกงข้างหน้าด้านขวาจำนวน 1 เบอร์

โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้โดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อพ้นการจับกุม และพาอาวุธเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

จากการตรวจสอบประวัติ นายประภากร เคยมีประวัติการต้องโทษ คดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน โดยประสบปัญหาการขาดทุนจากร้านที่เปิดและถูกดำเนินคดี กรณีไม่ปิดจุดเสี่ยง สถานบันเทิง ห้าง คลินิก บ่อน อาบ อบนวด

คดีที่ 2  กรณีผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ชนเด็กแล้วอุ้มขึ้นรถไปวางทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ สน.บุคคโล บก.น.8 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ว่ามีชาย อายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อยืดสีฟ้า ได้อุ้มเด็กซึ่งได้รับบาดเจ็บมาวางทิ้งไว้หน้า โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รับข้อมูลจากเด็กที่ถูกวางทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาล อายุประมาณ 4 ปี และถูกรถชนบริเวณลานจอดรถห้างบิ้กซี สาขาดาวคะนองแล้วถูกอุ้มขึ้นรถแล้วนำมาวางทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาลดังกล่าว 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ได้ออกตรวจที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาดาวคะนอง บริเวณทางเข้า – ออก และภายในบริเวณลานจอดรถของห้างฯ พบว่ารถยนต์ที่ขับมาชนเด็กเป็นรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด กะบะด้านหลังติดตั้งตู้ทึบ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ฒฒ 348 กรุงเทพมหานคร โดยขับรถเข้ามาภายในห้างฯ เวลาประมาณ 12.45 น. จากนั้นได้จอดเพื่อนำของมาส่งที่ห้างๆ ต่อมาได้ขับรถเลี้ยวเข้ามาภายในลานจอดรถเพื่อที่จะเดินทางกลับ และเมื่อเวลาประมาณ 13.15 น. ได้ขับรถชนเด็ก (ตามคำบอกเล่าพยานที่เห็นเหตุการณ์) จากนั้นเวลาประมาณ 13.19 น. ได้ขับรถออกจากห้างฯ เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าเมื่อเวลาประมาณ 13.21 น. รถยนต์คันดังกล่าวขับมุ่งหน้าผ่านบริเวณแยกดาวคะนอง แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ และได้ขับมุ่งหน้าไปทางแยกพระรามที่ 2 ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นเวลาประมาณ 13.25 น. ได้ขับผ่านบริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาบางปะกอก และได้กลับรถบริเวณแยกราษฎร์พัฒนา แขวงบางปะกอก  เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ต่อมาเวลาประมาณ 13.28 น. ได้เลี้ยวรถจอดบริเวณหน้า โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ จากนั้นคนขับรถได้อุ้มเด็กลงมาวางทิ้งไว้ที่หน้าโรงพยาบาลดังกล่าว แล้วขับรถหลบหนีไป มุ่งหน้าแยกพระรามที่ 2 

เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้สอบข้อมูลจากทะเบียนรถคันดังกล่าว จึงได้ทราบว่ามีนายอานนท์ฯ อายุ 52 ปี เป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าว และนำตัวเด็กไปวางทิ้งไว้ที่หน้าโรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ จึงได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

จากการตรวจสอบประวัติ นายอานนท์ ไม่มีประวัติการต้องโทษ ผลการตรวจวัดไม่มีแอลกอฮอล์ในร่างกาย ไม่มียาเสพติดในร่างกาย

คดีที่ 3 191 เปิดแผนวิเคราะห์อาชญากรรมสยบโจรลอบตัดสายไฟเมืองกรุง วันที่ 15 ก.ค.65เวลา 00.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย บริเวณริมถนนราษฎร์รัฐพัฒนา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ดังนี้

1.นายอณุ (สงวนนามสกุล)  อายุ  29 ปี

2.น.ส.ปารวตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี

พร้อมด้วยของกลาง

1.สายเคเบิ้ล น้ำหนัก 16 กิโลกรัม

2.สายเคเบิ้ล อยู่ภายในท่อพลาสติกสีดำ เส้นผ่านศูนย์กลาง 3 ซม. ยาว 6 เมตร    จำนวน    1 เส้น

3.สายเคเบิ้ล อยู่ภายในท่อพลาสติกสีดำ เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ซม. ยาว 6.5 เมตร  จำนวน    1 เส้น

4.คีมตัดสายไฟ สีเขียว - ดำ  จำนวน    1 อัน

5.ปลอกหุ้มสายเคเบิ้ลเปล่า จำนวน  13 อัน

6.รถกระบะอีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีขาว หมายเลขทะเบียน XXX-8982 กรุงเทพมหานคร   จำนวน    1 คัน

โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือ การพาทรัพย์นั้นไป”

สืบเนื่องจากในห้วงเดือนมีนาคม – กรกฎาคม 2565 มีผู้เสียหายและประชาชนพลเมืองดี ได้แจ้งเหตุผ่านโทรศัพท์สายด่วน 191 เกี่ยวกับเหตุลักสายไฟในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องจำนวนหลายเหตุ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ในวงกว้าง ตามดำริของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “นครบาลใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ได้รวบรวมสถิติ วิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมและพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย เพื่อเฝ้าระวังติดตามป้องกันมิให้คนร้ายสามารถก่อเหตุอาชญากรรมซ้ำ ตลอดจนสืบสวนติดตามพฤติกรรมกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุมาอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งในวันที่ 15 ก.ค.65 เวลา 00.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 2 กองกำกับการสายตรวจได้ออกตรวจพื้นที่ตามแผนวิเคราะห์อาชญากรรม ซึ่งมีการวางแผนวิเคราะห์และประเมินพื้นที่กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสในการเกิดอาชญากรรม โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราไปตามเส้นทางที่กำหนดได้พบรถกระบะต้องสงสัยจอดอยู่ในบริเวณ ซอยเคหะร่มเกล้า 78 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร และเมื่อเฝ้าสังเกตการณ์จึงพบว่ารถกระบะคันดังกล่าวเป็นรถที่อยู่ในกลุ่มต้องสงสัยในการก่อเหตุลักลอบตัดสายไฟสายเคเบิ้ล โดยมีชายเป็นผู้ขับขี่ ทราบชื่อต่อมาในภายหลังว่า นายอณุ ได้ลงมาจากรถ จากนั้นได้ปีนขึ้นไปบนสายเคเบิ้ลในบริเวณดังกล่าว และมีผู้หญิงคนหนี่งคอยให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทราบชื่อต่อมาในภายหลังว่า น.ส.ปารวตรี เป็นผู้ที่นั่งรถมาด้วยกัน ได้ขนสายเคเบิ้ลที่ถูกตัดกองทิ้งลงมาขึ้นไปที่บริเวณท้ายรถกระบะ และทั้งสองได้ขับรถออกจากบริเวณดังกล่าวไป 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามรถกระบะต้องสงสัย จนกระทั่งพบว่ารถกระบะได้ถูกนำไปจอดที่บริเวณริมถนนราษฎร์รัฐพัฒนา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้งสองกำลังช่วยกันปลอกสายเคเบิ้ลที่เพิ่งจะลักลอบตัดมา และพบสายเคเบิ้ลจำนวนมากอยู่ในบริเวณท้ายรถกระบะ ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองให้การ “รับสารภาพ” ว่า ได้นำสายเคเบิ้ลที่ลักลอบตัดมาจากสถานที่ต่างๆมาปลอกเพื่อเอาทองแดงข้างในไปขายต่อในราคากิโลกรัมละ 180-190 บาท โดยก่อนหน้านี้ได้เคยก่อเหตุลักลอบตัดสายไฟและสายเคเบิ้ลในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาแล้วจำนวนหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมด้วยของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งสองราย ผลปรากฏดังนี้

1.นายอณุ เคยต้องโทษ คดียาเสพติดเมื่อ ปี 2554 สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์

2.น.ส.ปารวตรี มีประวัติ ข้อหาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา  

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้เน้นย้ำเพื่อให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่า จะมุ่งเน้นการป้องกันอาชญากรรม ให้กับพี่น้องประชาชน และเมื่อเกิดเหตุแล้วจะเร่งทำการ สืบสวน ติดตามจับกุม คนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วทุกคดีและจะดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครมีความปลอดภัยมากที่สุด

สาวแชร์คลิปสุดซึ้ง ลุงวินพามาเลี้ยงสเต็ก เป็นการอำลาก่อนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย 

สาวโพสต์คลิปวิดีโอลงใน TikTok เผยลุงวินคู่ใจจู่ๆ พามาร้านสเต็ก บอกขอเลี้ยงก่อนแยกย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัย พบใช้บริการกันนานกว่า 5 ปี

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ผู้ใช้ TikTok @stamptyr ได้โพสต์คลิปสุดซึ้ง กับลุงวินจักรยานยนต์ที่เคยใช้บริการตั้งแต่ ม.2 จนถึง ม.6 ล่าสุดตัวผู้โพสต์เองกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คุณลุงได้พาตนเองมาเลี้ยงสเต็ก ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่ได้ใจชาวเน็ตเป็นอย่างมาก

'ดีอีเอส' แนะ 3 ช่องทางช่วยประชาชน หากถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างโซเชียลปลอม 

กระทรวงดิจิทัลฯ แนะประชาชน-คนดัง พบถูกแอบอ้างชื่อ/รูปภาพไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม รีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม แจ้งผ่านโทร. 1212 และแจ้งความได้ทั้งเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์/ตำรวจ ยืนยันดีอีเอส พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี  

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ผ่านมายังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่น ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง

สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่ บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดัง สร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น 

นางสาว นพวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 

1.) แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการ report ไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ Social Network ที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และ IG มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม

2.) ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส + ช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ 

และ 3.) แจ้งตำรวจ ทั้งการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) โดยให้รวบรวมหลักฐานไว้ เช่น capture จับภาพหน้าจอสนทนา หรือหน้ารูป Profile ที่ถูกปลอมขึ้นมา 

'เฉลิมชัย' รุกลึกทุกตำบลทั่วประเทศ เร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแพลตฟอร์มใหม่เป็นครั้งแรกของประเทศ

'อลงกรณ์' เผยความคืบหน้าตั้งกลไกใหม่ครบ 7 พันตำบลเดือนหน้าเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ภาคเกษตรของไทย

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเปิดเผยวันนี้ว่า กระทรวงเกษตรฯ และทุกภาคีภาคส่วนกำลังเร่งขับเคลื่อนโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทุกจังหวัดเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาเชิงพื้นที่ครอบคลุมลึกลงไปใน 70,000 หมู่บ้าน 7 พันตำบล 878 อำเภอรวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วยแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนโดยตนได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดและคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอ 878 อำเภอ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคการเกษตรของไทยโดยเฉพาะปัญหาความยากจน หนี้สินและความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ได้สั่งการให้เร่งจัดตั้งกลไกพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลหมู่บ้านให้เสร็จโดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนกล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบลคาดว่าจะครบ 7,435 พันตำบล ภายในเดือนหน้าซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับทุกภาคีภาคส่วนในแต่ละตำบลโดยเฉพาะ กระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นกลไกการพัฒนาภาคเกษตรอย่างยั่งยืน 

“นับเป็นครั้งแรกที่มีโครงสร้างและระบบการพัฒนาภาคเกษตรที่หยั่งลึกลงถึงตำบลหมู่บ้านชุมชนใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานครเพื่อดึงพลังชุมชน (Community Empowerment) ออกมารวมพลังการแก้ไขปัญหาในอดีตและปัจจุบันรวมทั้งการพัฒนาสู่อนาคตที่ดีขึ้น ซึ่งมีปลัดอำเภอ เกษตรตำบล อบต. และอาสาสมัครเกษตร (อกษ.) เป็นแกนหลักร่วมกับตัวแทนภาคเอกชนภาควิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิในหมู่บ้านตำบลเชื่อมโยงกับคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอระดับจังหวัดและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC แต่ละจังหวัดโดยมีหน้าที่จัดทำและขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรแบบยั่งยืนภายใต้แพลตฟอร์มการพัฒนาหลากหลายรูปแบบ

 

'นายกฯ' ห่วงใยเด็ก-เยาวชน สั่งตำรวจ-ดีอีเอส ปราบปรามสื่อลามก

(17 ก.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใย กรณีปรากฏเป็นข่าวการจำหน่ายคลิปลามกอนาจารแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ที่สามารถเข้าถึงโดยง่าย จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฯลฯ ให้เข้มงวดกวดขัน การเผยแพร่สื่อที่ไม่เหมาะสมในโลกออนไลน์ ส่งผลเสียต่อเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นวัยสำหรับการเรียนรู้ โดยขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อกรณีพบการกระทำความผิด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องดูแล ให้คำแนะนำบุตรหลานในการใช้สื่อออนไลน์อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเชื่อว่าสถาบันครอบครัวจะมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน ป้องกันการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เช่นเดียวกับโรงเรียน ต้องช่วยให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้เท่าทันสื่อในโลกออนไลน์ เพื่อใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับรู้ทันพิษภัยของการเสพสื่อในทางที่ผิด

น.ส.ไตรศุลี ย้ำเตือนว่า การขายคลิปลามกอนาจารมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา โดยกรณีสื่อลามก อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป เพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ก้าวไกลปล่อยโปสเตอร์ชวนประชาชนร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใบ้หัวข้อแซ่บเพียบ งานนี้สงสัย 'เผาจริง'!

เฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล เผยแพร่โปสเตอร์เชิญชวนประชาชนร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในธีม “ตอกตะปูปิดตาย ทลายระบอบประยุทธ์” โดยโปสเตอร์ถูกออกแบบให้คล้ายคลึงกับการ์ดเชิญงานศพ และมีการบอกใบ้หัวข้ออภิปรายที่น่าสนใจหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจจับระเบิด GT-200 ซึ่งเคยมีคดีทุจริตตลอดหลายปีผ่านมา คดีทุจริตอนุสาวรีย์ การอภิปราย “นักรบไซเบอร์” ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะเป็นภาคต่อของการอภิปรายปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของกองทัพ ซึ่งพรรคทำมาตั้งแต่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังยืนยันว่ามีหัวข้อการอภิปราย “บิ๊กเซอร์ไพรซ์” ที่จะอภิปรายโดยรังสิมันต์ โรม แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ซึ่งที่ผ่านมา รังสิมันต์เปิดประเด็นที่แหลมคมและเป็นไฮไลท์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง

นทท.ซาอุฯ ปลื้ม!! ตำรวจท่องเที่ยวไทย ช่วยตามหาของหาย สัญญามาไทยอีกแน่นอน

วานนี้ (16 ก.ค. 65) เวลา 16.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะ โฆษกกองบัญชาการฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวมีความประสงค์แจ้งให้สื่อมวลชนและสาธารณะทราบว่าในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 01.40 น. Mrs.Algarz Rehub Saleh A  นักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียพร้อมเพื่อน ได้ทำกระเป๋าสัมภาระซึ่งมีของสำคัญหายระหว่างการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังโรงแรมที่พัก และได้เดินทางกลับมาขอความช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาต่อมา 

ต่อมาเพียงเวลาไม่นาน ภายใต้การกำกับของ พ.ต.อ.มิลินทร์ เพียรช่าง ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยวได้ตรวจสอบจนพบรถแท็กซี่ที่นักท่องเที่ยวใช้บริการ และได้ประสานแจ้งคนขับจนสามารถนำกระเป๋าดังกล่าวกลับคืนมาอย่างปลอดภัยส่งผลให้นักท่องเที่ยวซาอุฯ ดังกล่าวได้เขียนชื่นชมประเทศไทยและตำรวจท่องเที่ยวว่า

"เจ้าหน้าที่ (ตำรวจท่องเที่ยว) ใจดีและทำงานแบบมืออาชีพมากๆ พวกเขาช่วยเราหาของที่เราทำหายเองและมีการบริหารจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ที่จริงเราหมดหวังที่จะได้ของคืนไปแล้ว แต่ตำรวจท่องเที่ยวก็ทุ่มเทอย่างสุดกำลังจนได้ของคืนมาจนได้"

"ไม่มีคำพูดใดที่สามารถอธิบายความรู้สึกขอบคุณของเราอย่างจริงใจได้ เรารักกรุงเทพฯ และกรุงเทพช่างเป็นเมืองที่โชคดีมากที่มีตำรวจท่องเที่ยวแบบนี้ เราจะกลับมาเที่ยวอีกแน่นอนเพราะการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว พวกเขายอดเยี่ยมที่สุด"

'ธัญวัจน์’ ชี้ เรียกร้อง ‘สมรสเท่าเทียม’ ในยูเครนคือการเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ผลักดันร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดจากภาวะสงครามของยูเครนและรัสเซีย กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ขับเคลื่อนรวบรวมรายชื่อ 28,000 คน ถึงรัฐสภายูเครนและประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ให้พิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อยอมรับบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศยูเครนที่มีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้มาแล้ว 9 ปี นับจากหมุดหมายสำคัญในการจัดงาน #PrideMonth ในปี 2013 จนนำมาสู่มีร่างกฎหมายขจัดการเลือกปฏิบัติเมื่อปี 2015 แต่อย่างไรก็ดีกฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศยังไม่สามารถทำได้

“การไม่มีกฎหมายรองรับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวนั้นไม่ได้หมายความว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่ประสบปัญหา เพราะการที่อยู่ด้วยกันไม่มีกฎหมายประกันสิทธิใด ๆ และยิ่งในภาวะสงครามที่มีการสูญเสีย การพลัดพราก ที่ไม่ต่างจากเพศชายหญิงทั่วไป ส่งผลกระทบทางตรงเมื่อพวกเขาไม่มีกฎหมายรับรองและประกันสิทธิ์ในฐานะคู่สมรส”  

ธัญวัจน์ ยังระบุอีกว่า การเรียกร้องของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในยูเครน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเรียกคืนสิทธิ์ที่ถูกพรากไป แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้โลกเราเห็นภาพใหญ่คือ “สงคราม” หรือ “สันติภาพ” ด้วย เพราะสมรสเท่าเทียมคือสัญลักษณ์ของความรักและสันติภาพ 

“เราทุกคนล้วนแล้วแต่อยากที่อยู่ใกล้กับคนที่เรารัก อยากดูแลกัน แบ่งปันกัน สร้างครอบครัวด้วยกัน ในขณะที่สงครามนั้นเกิดจากความเกลียดชังและบ้าคลั่งในอำนาจ ต้องการชัยชนะ แม้จะยืนอยู่บนความพ่ายแพ้ของผู้อื่น เราทุกคนไม่ได้อะไรจากสงครามและความเกลียดชัง”

ดร.นิว ถาม 'สามนิ้วแรงงาน' จะตาสว่างตอนไหน ปล่อยให้ 'สามนิ้วศักดินา' ฉกฉวยเอาเปรียบอยู่ได้

วานนี้ (16 ก.ค. 65) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า...

สามนิ้วศักดินา vs สามนิ้วแรงงาน ขณะที่ 'สามนิ้วแรงงาน' ต้องบากหน้าไปให้คนจัดงานกรุงเทพกลางแปลงปฏิเสธการเข้าร่วมงานอย่างไร้เยื่อใย อีกทั้งยังถูกชาวบ้านโห่ไล่อย่างไร้ที่ยืน

แต่ 'สามนิ้วศักดินา' กลับอาศัยชายกระโปรงฉกฉวยการเคลื่อนไหวของพวกแรงงานมาเป็นเครื่องมือในการปั่นกระแสทางโซเชียลมีเดียอย่างเอารัดเอาเปรียบ

อดีตแพทย์ทำเนียบขาว ฟัน!! ไบเดนอยู่ไม่ครบเทอม เนื่องจากความเสื่อมทางเชาวน์ปัญญา

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คงไม่สามารถอยู่รอดในช่วงเวลาที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรก เนื่องจากความเสื่อมทางเชาวน์ปัญญาของผู้นำรายนี้ไปไกลแล้ว รอนนี แจ็คสัน อดีตแพทย์ประจำทำเนียบขาวที่ผันตัวมาเป็นสมาชิกรัฐสภาจากรัฐเทกซัส เขียนคำทำนายบนทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) ที่ผ่านมา

แจ็คสัน อธิบายเพิ่มเติมว่า "กระบวนการการรับรู้ของไบเดน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมานานหลายปีแล้ว" และบอกว่า "เขาไม่ควรเป็นประธานาธิบดีของเรา!" ส่วนอีกทวีตเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวัย 79 ปี ลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ แจ็คสัน ซึ่งดำรงตำแหน่งแพทย์ส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ ด้วยว่า โอบามา ได้ส่งอีเมลฉบับหนึ่งถึงเขา และตำหนิเขาต่อกรณีที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับทักษะทางปัญญาของไบเดน

แม้ยอมรับว่า แจ็คสัน ทำงานให้เขาและครอบครัวด้วยดีเสมอมา และเรียกเขาว่าแพทย์ที่ดีและเพื่อนที่ดีเช่นกัน แต่อดีตประธานาธิดีโอบามา ตำหนิติเตียนแพทย์ที่ผันตัวเป็นสมาชิกรัฐสภารายนี้ ต่อกรณีกล่าวโจมตีแสกหน้าไบเดน แบบไม่ถนอมน้ำใจบนทวิตเตอร์

"มันไม่มีความเป็นอาชีพและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ที่คุณเคยรับผิดชอบ" โอบามา ระบุ พร้อมบอกว่า "ข้อความบนทวิตเตอร์ ขาดความเคารพกับผมและเพื่อนๆ มากมายของคุณในรัฐบาลของเรา" และบอกว่าเขาคาดหมายในตัวของ แจ็คสัน มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม แจ็คสัน ยืนยันในความเห็นของเขาเกี่ยวกับสถานะทางจิตของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกแห่งว่า "ผมรู้ว่าเขามีความสามารถทางปัญญาลดลง สืบเนื่องจากอายุของเขา ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาไม่เหมาะแล้ว" คุณหมอรายนี้กล่าวอ้าง "ลักษณะของการเดินงุ่มง่าม มองเหม่อจ้องไปในความว่างเปล่า" บ่งชี้ว่า ไบเดน ไม่ควรทำหน้าที่อีกต่อไป

รอง ผบ.ตร.เตือนภัยอาชญากรรมทางออนไลน์ ช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา 17 รูปแบบ หวั่นอาชญากรใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงหลอกลวงประชาชนตกเป็นเหยื่อ

วันนี้ 17 กรกฎาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT เปิดเผยว่า ภายหลัง ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และผู้ว่าฯ นครราชสีมา ได้ส่งต่อข้อความผ่านกลุ่มไลน์สื่อและช่องทางอื่นๆ เพื่อประชาสัมพันธ์หลังถูกแก๊งมิจฉาชีพปลอมไลน์ส่วนตัว และติดต่อขอยืมเงินกับบุคคลใกล้ชิด พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับมิจฉาชีพรายนี้นั้น

สำหรับเรื่องการปลอมหรือแฮ็ก Line หรือ Facebook ไปหลอกยืมเงินนั้น แนะนำว่าหากมีใครทักมายืมเงินควรโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลกลับไปสอบถามก่อนว่าใช่เจ้าตัวจริงหรือไม่ แต่หากมิจฉาชีพอ้างว่าติดประชุมหรือธุระสำคัญอยู่ก็ควรรอให้เสร็จธุระ หรือขอให้เขาโทรกลับมาก่อน คงไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบโอนขนาดนั้น 

'สมคิด' ลั่นจัดหนัก 'ประยุทธ์' บริหารไม่โปร่งใสเอื้อพวกพ้อง แนะพรรคร่วมรัฐบาลฟังข้อมูลก่อนตัดสินใจหวั่นตายในสนามเลือกตั้ง

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ถือเป็นครั้งสุดท้าย ที่จะมีการลงมติ พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคเก็บข้อมูลทำงานอย่างเต็มกำลัง ซึ่งการอภิปรายครั้งนี้เชื่อว่าประชาชนจะได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ การอภิปรายครั้งนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องตอบเพราะพี่น้องประชาชนจับตาดูอยู่ 

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีงูเห่าเพิ่มขึ้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีแล้ว เพราะประชาชนคงไม่ยอมแล้ว ที่ไปแล้วก็ไม่ว่ากันส่วนที่ยังอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทยที่ตัดสินใจร่วมฝ่ายค้านจะเป็นพลังที่จะช่วยให้ฝ่ายค้านได้คะแนนเพิ่มขึ้นทั้งนี้ส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาล หากฟังคำอภิปรายแล้วมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไม่แน่ว่ารัฐบาลจะรอดหรือไม่ เพราะอยู่ที่การอภิปรายของฝ่ายค้าน เชื่อว่าเป็นช่วงปลายรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องระวังตัวเอง เพราะต้องไปตอบคำถามประชาชนในสนามเลือกตั้ง ถ้ายังเข้าข้างรัฐบาลอย่างไม่มีเหตุผล พรรคการเมืองนั้นก็เตรียมตัวตายในสนามเลือกตั้ง

นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การอภิปรายจะมุ่งเน้นไปที่ความล้มเหลวของรัฐบาล ที่ผ่านมาทั้งหมด เพราะรับปากประชาชนแล้วทำไม่ได้ นอกจากนี้ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลล้มเหลวไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้เลย อีกทั้งการบริหารประเทศมีความไม่โปร่งใส การทำงานของรัฐบาลให้การช่วย เหลือพรรคพวกมาตลอด ซึ่งอยากให้ประชาชนรอฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน

'เพื่อไทย' ค้าน 'ประยุทธ์' ให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ชี้ แนะ งดเก็บภาษีหุ้น เร่งสร้างธุรกิจสมัยใหม่

'เพื่อไทย' ค้าน 'ประยุทธ์' ให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ชี้ เศรษฐกิจทรุดหนัก รายได้ลด เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้พุ่ง หุ้นตก คลิปโตร่วง ทำคนลำบาก แนะ งดเก็บภาษีหุ้น เร่งสร้างธุรกิจสมัยใหม่ เพิ่มจ้างงานรายได้สูง และเลือกเพื่อไทยกันมากๆ

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ชาวต่างประเทศซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ในจำนวนไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องนำเงินมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และต้องคงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปีในธุรกิจหรือกิจการประเภทที่กำหนดนั้น คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยขอคัดค้านนโยบายดังกล่าว 

ทั้งนี้เพราะคนไทยเองประมาณ 80% ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง ซึ่งหากให้ต่างชาติเข้าซื้อที่ดินได้ ก็จะยิ่งทำให้คนไทยหมดโอกาสที่จะเป็นเจ้าของที่ดินมากขึ้น ทั้งนี้จะคิดเหมือนประเทศสหรัฐไม่ได้ เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรสหรัฐสูงกว่ารายได้ต่อหัวของประชากรไทยมาก อย่างไรก็ดี ยังเห็นด้วยและควรส่งเสริมให้คนต่างชาติซื้อคอนโดได้ในสัดส่วน 49% ซึ่งก็สามารถมาอยู่ในประเทศไทยอย่างสะดวกได้อยู่แล้ว 

ทั้งนี้ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศไทยทรุดหนัก เศรษฐกิจแย่มาตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ไวรัสโควิดแล้ว ขนาดสื่อหลักของต่างประเทศยังบอกว่าประเทศไทยเป็นคนป่วยของอาเซียน พอมาเจอวิกฤตกาณ์โควิดเศรษฐกิจก็ยิ่งทรุดหนัก แถมหลังโควิดเศรษฐกิจไทยก็ยังฟื้นตัวช้า ขนาดแบงค์ชาติยังยอมรับว่าประเทศไทยฟื้นตัวช้าสุด ในขณะที่ประเทศอื่นฟื้นตัวกันแล้ว และยังมาเจอวิกฤติสงครามรัสเซียยูเครนทำให้ราคาน้ำมันพุ่ง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยกำลังจะขึ้น ส่งผลให้พี่น้องคนไทยรายได้ลด หนี้สินเพิ่ม หนี้ประเทศพุ่ง หนี้เสียเพิ่ม หนี้ครัวเรือนสูงถึงเกือบ 15 ล้านล้านบาท และทะลุ 90% ของจีดีพีไปแล้ว และคาดกันว่ากำลังจะมีการระเบิดของหนี้ในอีกไม่ช้า หากรัฐบาลยังบริหารอย่างที่เป็นอยู่ ธุรกิจที่ซบเซามานาน และมีหนี้สินเพิ่มมาก หนี้เดิมก็ลำบากแล้ว แต่กำลังจะต้องประสพปัญหากับดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขี้น ทำให้หุ้นตก คลิปโตตก ทองคำตก ขาดทุนกันถ้วนหน้า อีกทั้งการขาดดุลการคลังที่มาก และ การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่เงินตราต่างประเทศไหลออกจากไทยมากกว่าเงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้ามา และเงินทุนยังไหลออกอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทอ่อนสุดในรอบ 7 ปี และค่าเงินบาทจะยิ่งอ่อนค่าลงอีก จะส่งผลยิ่งทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น เรื่องเหล่านี้ดูเหมือนพลเอกประยุทธ์จะไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย 

ดังนั้นในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ คนไทยไม่มีเงินและไม่มีรายได้ ความเข้มแข็งทางการเงินของคนไทยอ่อนแอ แต่พลเอกประยุกต์จะอนุญาตให้ต่างชาติมาซื้อที่ดินไทย จะทำให้คนไทยจำเป็นต้องขายที่ดินให้ต่างชาติในราคาถูกและเสียเปรียบต่างชาติ ดังนั้น เรื่องนี้ควรต้องยกเลิกไป จนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และ รายได้ต่อหัวของคนไทยพุ่งสูงกว่านี้มากค่อยกลับมาคิดกันใหม่ นอกจากนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยยังคัดค้านการเก็บภาษีหุ้น เพราะการส่งเสริมตลาดทุนให้พัฒนาขึ้นไปยังจำเป็น 

ทัพหญิงพปชร. จี้!! ส.ก.ก้าวไกลแสดงความรับผิดชอบ ควรไขก๊อกตำแหน่งที่ได้ความไว้วางใจจากปชช.ด้วย

(17 ก.ค. 65) ที่พรรคพลังประชารัฐ.(พปชร.) น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. แถลงข่าวเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบของพรรคก้าวไกล กรณีนายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร พรรคก้าวไกล หลังถูกดำเนินคดีคุกคามทางเพศ ที่ขณะนี้มีการประกาศลาออกจากพรรคแล้ว ให้พิจารณาถึงตำแหน่งสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ที่มาจากความไว้วางใจของประชาชนด้วย แม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ผูกพันกับตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งแต่จิตสำนึกก็สำคัญเช่นกัน จึงไม่ได้อยากให้ในเรื่องนี้เงียบไปอย่างเช่นกรณี สก.เขตวัฒนาที่ถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศสาวประเภทสองก่อนหน้านี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top