Tuesday, 17 June 2025
SPECIAL

'นายกฯ' ปลื้ม รายได้คงคลัง  9 เดือนแรกปีงบ 65 ทะลุ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ 3 กรมภาษี จัดเก็บได้กว่า 2 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ 116,130 ล้านบาท เพิ่ม 10%

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามคืบหน้า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยล่าสุดกระทรวงการคลังได้รายงานฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 64-มิ.ย. 2565) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,878,346 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 130,689 ล้านบาท หรือ 7.5% ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 2,434,146 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 44,979 ล้านบาท หรือ 1.9% ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 621,075 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 587,915 ล้านบาท
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564 - มิ.ย. 2565) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,857,524 ล้านบาท หรือ 6.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 6.4% โดยการจัดเก็บรายได้รวมของ 3 กรมภาษี (กรมสรรพากร, กรมสรรพาสามิต และกรมศุลกากร) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 2,004,834 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% สำหรับรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 116,130 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10,561 ล้านบาท หรือ 10% ส่วนหน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 109,710 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 14,495 ล้านบาท หรือ 11.7% 

ประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 

    ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.65 ที่ผ่านมา พลเอก ณตฐพล  บุญงาม เสนาธิการทหาร ได้เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าร่วมการประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดภาคพื้นอินโด แปซิฟิค (Chiefs of Defense Conference - CHODs) ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 
       ซึ่งเป็นการประชุมนานาชาติด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2565 กองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก และกองทัพออสเตรเลีย เป็นเจ้าภาพร่วม มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเวทีให้ผู้นำทางทหารของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ได้พบปะหารือ แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นด้านความมั่นคงที่สำคัญในภูมิภาค โดยในครั้งนี้มีผู้นำทางทหารเข้าร่วมประชุมจำนวน 27 ประเทศ ภายใต้หัวข้อ Promoting the Rules Based Order in the Indo-Pacific 
     ทั้งนี้ ได้มีการบรรยายและถกแถลงในหัวข้อ ผลกระทบต่อความมั่นคง จากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมทั้งประเด็นสงครามระหว่าง ยูเครนและรัสเซีย
     

นักเขียนชื่อดัง ‘สม สุจีรา’ ชู ‘รัสเซีย-จีน-สหรัฐฯ’ เป็นมหามิตรของไทย ทั้งช่วยกู้ชาติ และคานอำนาจนักล่าอาณานิคม ‘อังกฤษ-ฝรั่งเศส’ ช่วยไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้น ชี้ ในอนาคตหากต้องเลือกข้าง แนะให้ทำตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ทันตแพทย์สม สุจีรา ทันตแพทย์และนักเขียนชื่อดัง โพสต์ข้อความถึงการเสียดินแดนของไทยในอดีตโดยมีเนื้อหาว่า 

“ถ้าไทยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ”

ประเทศไทยเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลก ที่สามารถคงเอกราชได้ในช่วงล่าอาณานิคม  แต่ก็ต้องแลกด้วยการเสียดินแดนบางส่วน เป็นการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

ประมาณว่าดินแดนที่เราเสียไป มีขนาดพอๆกับประเทศไทยในปัจจุบันนี้ทีเดียว  ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางกิโลเมตร  เราตัดดินแดนยกให้ฝรั่งเศสไป  480,000 ตารางกิโลเมตร

มีคำถามว่า  ถ้าเรายอมให้อังกฤษเข้ามาปกครอง เป็นไปได้ไหม ที่จะไม่เสียดินแดนให้ฝรั่งเศส บางคนฝันหวานไปถึงขนาดว่า อังกฤษจะมาวางโครงสร้างพื้นฐานให้ไทยเจริญเหมือนฮ่องกง  สิงคโปร์

คำตอบคือ  “เป็นไปไม่ได้”   ในขณะนั้นอังกฤษ  ไม่ได้สนใจภาคตะวันออกและภาคอีสานของไทยเลย ต้องการเพียงภาคใต้ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อพม่ากับมาเลเซีย  ถ้าอังกฤษเข้ามาปกครองกรุงเทพมหานครได้  คงจะตกลงกับฝรั่งเศส โดยยกภาคอีสาน และภาคตะวันออก ให้กับฝรั่งเศสซึ่งอยากได้มาก  ส่วนอังกฤษแยกล้านนาออกเป็นอีกประเทศ  และให้ภาคใต้ไปรวมกับมาเลเซีย

แน่นอนว่า ฝรั่งเศสต้องขีดเส้นดินแดนให้ภาคอีสานและภาคตะวันออก เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพอินโดจีน  ส่วนภาคใต้เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย  หลังประกาศเอกราช ประเทศไทยจะเหลือเพียง กรุงเทพมหานคร กับจังหวัดภาคกลางไปสูงสุดที่พิษณุโลกเท่านั้น ภาคอีสานกับภาคตะวันออก กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ลาวกับกัมพูชา

เจ้าของร้านอาหาร - ชาวบ้าน นำหัวหมูไหว้ต้นกล้วย หลังพบยังออกเครือกล้วยและหัวปลี ทั้งที่ตัดต้นไปแล้ว เชื่อจะมีโชคลาภ

จากกรณีที่ร้านอาหารบ้านเล็กริมเขา ในจังหวัดนครนายกได้แจ้งไปยังผู้สื่อข่าวว่าที่บ้านของตนเองมีต้นกล้วยน้ำว้า ยืนต้นตายแล้วแต่ยังออกเครือกล้วยและหัวปลีออกมาได้ ทั้งที่ตัดต้นไปแล้วนั้น

จากการสัมภาษณ์นางวรรัตน์ พุทธปัญญา อายุ 63 ปี เจ้าของร้านได้เล่าให้ฟังว่า มีลูกค้ามากินอาหารที่ร้าน หลังกินอาหารเสร็จแล้วกำลังขึ้นรถยนต์กลับบ้าน ก็ได้เดินมาบอกตนเองว่ามีต้นกล้วยที่ตายแล้ว แต่ยังมีเครือกล้วยและหัวปลีมันงอกออกมามันแปลก ตนเองจึงเดินไปดูเองเพราะก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ก็เห็นต้นกล้วยน้ำว้าที่ตนเองตัดทิ้งไว้มีเครือกล้วยและหัวปลีงอกออกมาจริงๆ ซึ่งต้นกล้วยต้นนี้ตนเองเป็นคนตัดเอง เพราะถูกเจ้าพลายสาริกาช้างป่าลงจากเขามาแล้วมากินต้นกล้วยกอนี้ 

ตนเองอยู่ที่นี้มา 23 ปี ตัดต้นกล้วยมาก็หลายกอยังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน หลังจากลูกค้าที่มากลับบ้านไปก็เอาเลขบ้านเลขที่ไปซื้อลอตเตอรี่ในงวดที่ผ่านมา ปรากฏว่าถูก 3 ตัวหน้า ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อเลขเดียวกัน ก็ได้โทรมาบอกว่าได้โชคจากต้นกล้วยนี้ ตนเองก็เลยเห็นเป็นต้นกล้วยนี้ได้นำโชคลาภมาให้ก็เลย นำหัวหมู ผลไม้ เหล้า ยาสูบ มาถวายให้

‘นายกฯ’ เร่ง ปูทางโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ปี66 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ วอน ฝ่ายค้านร่วมมือช่วยพัฒนาประเทศ ยกระดับก้าวสู่ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเร่งเดินหน้าบริหารประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้งระบบ ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งภาคขนส่ง ทางถนน ราง ทางน้ำ และทางอากาศ ในโครงการสำคัญ 40 โครงการ 
.
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยภาคการขนส่งทางถนน ภายในปี 2566 คาดว่าจะเปิดใช้ทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์)ระหว่างภูมิภาค เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางปะอิน-โคราช  ระยะทาง 196 กิโลเมตร  ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร ซึ่งถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับระบบราง ลดการเวนคืนที่ดิน และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ส่วนการขนส่งทางอากาศ ระหว่างปี 2564-2567ได้ปรับสนามบินรองรับนักเดินทาง-การขนส่ง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิจะมีการก่อสร้างอาคาร-สร้างรันเวย์เพิ่มขึ้น รองรับเที่ยวบินได้ 94 เที่ยวต่อชม. และภายในปี 2570 สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา จะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารและโครงสร้างอื่น เพื่อรองรับการเติบโตของพื้นที่อีอีซี

มทบ.11 ร่วมมือจิตอาสา ร่วมขจัดผักตบชวา วัชพืช และเก็บขยะในลำคลองเพื่อเปิดทางระบายน้ำหลังฝนตกหนักในพื้นที่กทม.

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2565  มณฑลทหารบกที่11 (มทบ.11) โดย  พัน.ร.มทบ.11  ได้นำจิตอาสา 904 , กำลังพลจิตอาสา ร่วมกับประชาชนจิตอาสา ดำเนินการเก็บผักตบชวา กำจัดวัชพืช  และเก็บขยะใน ลำคลองบางตลาด เลียบคลองประปา อ.ปากเกร็ด  จว.นนทบุรี ซึ่งเป็นลำคลอง ที่รองรับน้ำจากถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่  

เพื่อเป็นการเปิดทางระบายน้ำให้คล่องตัว ในห้วงสถานการณ์ที่มีฝนตกหนัก ไม่ให้มีน้ำรอการระบายตามผิวถนน และเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน  รวมทั้งเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ลำคลอง ให้สะอาด เป็นระเบียบและเกิดความสวยงาม 

'อลงกรณ์' ชี้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังศึกซักฟอกเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ยืนยันขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์มีเอกภาพมากที่สุด พร้อมขอบคุณเสียงโหวตของประชาชนไว้วางใจ 'จุรินทร์' มากที่สุดอันดับ4 ขึ้นแท่นแชมป์เบอร์ 1 รัฐมนตรีชี้แจงดีที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคเขียนเฟสบุ๊คส่วนตัววันนี้ว่า การที่รัฐบาลผ่านความไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาและการรับมือวิกฤติต่างๆที่กำลังรุมเร้าประเทศจากผลกระทบของโควิด19 สงครามรัสเซีย-ยูเครนและความผันผวนทางเศรษฐกิจ

พร้อมกับยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้มีความเป็นเอกภาพมากที่สุดภายใต้การนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคทั้งก่อนหน้าและหลังศึกซักฟอกสะท้อนจากผลการลงมติไม่ไว้วางใจเป็นไปในทางเดียวกันซึ่งเป็นการลบข้อครหาและการวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ว่ามีความแตกแยกภายในพรรคและจะเกิดปัญหาเสียงแตกในการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนของพรรค

นอกจากนี้นายอลงกรณ์ยังแสดงความขอบคุณประชาชนที่โหวตให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ที่ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจดีที่สุดโดยเฉพาะซูเปอร์โพลโหวตให้เป็นรัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดอันดับ4

      “พรรคประชาธิปัตย์จะนำทุกกำลังใจที่มอบให้ทุ่มเททำงานให้ดีที่สุดเพื่อประชาชนและประเทศชาติอย่างเต็มที่ในวาระที่เหลืออยู่ของรัฐบาล”

       รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเสียงโหวตนอกสภากับในสภาแตกต่างกันมากระหว่างเสียงประชาชนกับเสียงการเมือง โดยเฉพาะเสียงจากกลุ่มพรรคเล็กและพรรคเศรษฐกิจไทยรวมทั้งเสียงของส.ส.ที่มีแนวโน้มย้ายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อผลคะแนนที่ปรากฎออกมา

INTERLINK เจาะลึก แนะเทคนิค กลุ่มราชการ รัฐวิสาหกิจ ก้าวสู่ Smart Government 

คุณสมบัติ  อนันตรัมพร ประธานกรรมการบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ กล่าวเปิดงาน “Networking Cabling Design Professional ” กับกลุ่มผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้เรื่องระบบ Digital Infrastructure  ผลักดันภาครัฐเข้าสู่ Smart Government ฉายภาพชัดเรื่องระบบ  Networking และ Cabling ที่สำคัญต่อการพัฒนาองค์กร เพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างเต็ม

ซูเปอร์โพล เผยคนรู้อยู่แล้วอภิปรายครั้งนี้ไม่มีอะไรใหม่ หวังแค่เสียดสีการเมืองเอา ทำลายความน่าเชื่อถือ ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังไว้วางใจให้ ‘บิกตู่’ ทำงานต่อเป็นอันดับ 1 แต่แนะปรับครม.ใหม่หาคนเก่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

วันที่ 24 ก.ค. 65 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง รัฐมนตรีคนไหนรอด เสียงโหวตนอกสภา กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 2,175 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22 – 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.7 รู้อยู่แล้วว่าจะอภิปรายอะไร ไม่มีอะไรใหม่ โจมตีกัน เสียดสีกันทางการเมืองและสถาบัน หวังทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาของคนไทย หาเสียงก่อนการเลือกตั้ง 

ในขณะที่ ร้อยละ 70.9 ระบุ มีแต่สาดโคลน เอาเรื่องส่วนตัวมาโจมตี เหมือนดูละคร น้ำเน่า ไม่ได้ประโยชน์ ร้อยละ 69.6 ระบุ เห็นฝ่ายค้านบางคนอภิปรายได้ดี รัฐบาลควรนำไปแก้ไข ร้อยละ 64.3 ระบุ เห็นชัดการเมืองไทย และหลักประชาธิปไตยไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มอำนาจผลประโยชน์และคนต่างประเทศ ร้อยละ 53.6 ระบุอื่น ๆ เช่น พรรคเล็ก พรรคใหญ่ต่อรองผลประโยชน์ มีทั้ง ดาวร่วง ดาวรุ่ง ไร้ค่ายสังกัด ประชาชนรู้ทัน เป็นต้น

ผลสำรวจพบด้วยว่า รัฐมนตรีที่ประชาชนวางใจให้ทำงานต่อ อันดับแรกคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร้อยละ 61.1 รองลงมาคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 59.2 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 58.7 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 53.2 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้อยละ 52.1 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร้อยละ 51.9 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยละ 51.4 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานร้อยละ 50.8 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 50.5 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 50.3 และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร้อยละ 50.3 เท่ากัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความต้องการของประชาชนต่อการปรับคณะรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.1 ระบุ ควรปรับคณะรัฐมนตรี หาคนเก่งมาร่วมงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องและความเดือดร้อนของประชาชนได้ดีกว่า ในขณะที่ ร้อยละ 30.9 ระบุ ไม่ควรปรับ เพราะ ทำงานดีอยู่แล้ว ปรับไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์ ยิ่งเกิดปัญหาขัดแย้งแก่งแย่งตำแหน่ง ใครจะเป็นอะไรไม่เกี่ยวกับชีวิต เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ 5 อันดับแรก คุณลักษณะเฉพาะของบุคคลสำคัญที่ประชาชนต้องการให้เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 55.8 ระบุ เป็นชาย สูงวัย ซื่อสัตย์ ไม่โกงบ้านโกงเมือง เด็ดขาด ปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ มีผลงาน มากประสบการณ์ เคยผ่านการเป็นผู้นำสูงสุดในอาชีพ อดทน คุมความขัดแย้งของคนในชาติได้ รับฟังความเห็นของทุกฝ่าย นานาประเทศยอมรับ รองลงมาคือ ร้อยละ 54.6 ระบุ เป็นชาย อดีตนักธุรกิจ นักบริหาร มีผลงานประสบความสำเร็จทั่วโลกยอมรับ มากประสบการณ์การเมือง อดทน จิตใจดีช่วยเหลือคนตัวเล็กตัวน้อย กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าทำ มีความสามารถแก้วิกฤตต่าง ๆ ได้ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจและสังคม เด็ดขาดเมื่อต้องเด็ดขาด มีจุดยืนปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ

อันดับสามคือ ร้อยละ 51.9 เป็นชาย สูงวัย มีประสบการณ์ กล้าทำ แก้ปัญหาใหญ่ ๆ ปราบปรามอิทธิพลเถื่อน แก้ต้นตอปัญหาทำกิน มีบารมีเครือข่าย คอนเนคชั่น คุมความขัดแย้งของคนในชาติ ปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ อันดับสี่คือ ร้อยละ 39.4 ระบุ เป็นชาย คนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์กว้างไกล โลกเสรีประชาธิปไตย พูดจาดีน่าฟัง มีเหตุผล เคยเป็นนักธุรกิจ และอันดับห้า คือ ร้อยละ 24.8 ระบุ เป็นหญิง คนรุ่นใหม่ อายุน้อย แต่ มีฐานะ มีตระกูลแกนนำการเมือง ตั้งใจจริงจะพัฒนาประเทศให้เจริญ มุ่งมั่นรวบรวมนักการเมืองเป็นครอบครัวเดียวกัน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เผย ศึกซักฟอก รัฐมนตรีรอดทุกคน แต่ประชาชน กำลังอดตาย ซัด สภาพึ่งไม่ได้ เดินหน้าสร้าง ต่อยอด แพลตฟอร์ม ประชาชนมีส่วนร่วม

24 ก.ค. 2565 -คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงผลการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 11 คน ที่สภาผู้แทนราษฎรเทคะแนนเกินครึ่งให้ความไว้วางใจปฏิบัติหน้าที่ต่อ ว่าความรู้สึกหลังจากทราบผลคือไม่อยู่จะพูดยังไง หรือภาษาอีสานคือ เบิดคำสิเว้า เพราะจากการที่ตัวเองติดตามฟังการอภิปรายมาตลอด 4 วัน 4 คืน หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนว่ารัฐบาลไร้สามารถในการบริหารประเทศจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย พลังงานแพง สินค้าและค่าครองชีพสูง 

นอกจากนี้ข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันหลายอย่างก็ชัดเจน ตั้งแต่ นาฬิกาหรูยืมเพื่อน ปั่นหุ้น ฮั้วประมูล เอื้อประโยชน์พวกพ้อง หรือเอาพรรคพวกเข้ามารับตำแหน่งกินภาษีประชาชนโดยมิชอบ ทั้งหมดมันยิ่งตอกย้ำว่าในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังลำบากเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับซ้ำเติมประชาชน แถมยังมีเสียงในสภาคอยหนุนหลัง เป็นผู้แทนราษฎรที่มองข้ามความเดือดร้อนและไม่ฟังเสียงประชาชน เช่นเดียวกับอีกหลายองค์กรอิสระที่กลายเป็นตรายางฟอกขาวให้รัฐบาล ดังนั้น การขจัดคอร์รัปชันต้องเป็นวาระแห่งชาติ และพรรคไทยสร้างไทยจะขอเป็นช่องทางรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา และพัฒนาเป็นนโยบายในอนาคต ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ สู้เพื่อคนตัวเล็ก

“อภิปรายไม่ไว้วางใจ รอดทุกคน ยกเว้นประชาชนที่กำลังจะอดตายในวิกฤตเศรษฐกิจ แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ เอาภาษีไปบำเรอพวกพ้อง เมื่อสภาก็พึ่งไม่ได้ ป.ป.ช. ก็พึ่งไม่ได้ พรรคไทยสร้างไทยขอเป็นที่พึ่งรับฟังเสียงของประชาชนเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาเป็นนโยบาย ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ สู้เพื่อคนตัวเล็ก” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแจมงานคราฟต์เบียร์ หลังเสร็จศึกซักฟอกรัฐบาล ให้คำมั่นเดินหน้าสู้เพื่อปลดแอกสุราคนไทย ตามนโยบายทำน้อยแต่ได้มาก

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ชั้น 2 อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า จัดงาน B.A.D. BEER ครั้งที่ 2 มหกรรมคราฟต์เบียร์รวมเบียร์ฝีมือคนไทย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก มีทั้งแบรนด์เบียร์ ร้านอาหารร่วมออกบูธ 

ภายในงานมีการออกบูธเบียร์-สุราชุมชนที่มีแบรนด์ถูกกฎหมาย รวมถึงจัดทำเวิร์คช็อป ชิม เบียร์-อาหาร โดยมี ส.ส. พรรคก้าวไกล เท่า พิภพ ลิมจิตกร เป็นวิทยากร โดยประชาชนและนักดื่มนักต้มเบียร์ ให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายของกิจกรรม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เซอร์ไพรส์ปรากฎตัวที่งาน โดยร่วมขึ้นปราศรัย ขอบคุณประชาชนที่ร่วมงานและต่อสู้เพื่อผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า จนสำเร็จผ่านการพิจารณาในวาระแรก เพื่อเดินหน้าทลายทุนผูกขาด ปลดล็อกศักยภาพเบียร์ฝีมือคนไทย

"สินค้าการเกษตรนั้นมันเกิดขึ้นได้จากคนที่มีแพชชั่นแบบคุณทุกคนที่อยู่ในงานนี้ และหากไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทุกคน คงไม่มีวันที่จะสำเร็จได้" นายพิธา กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม จับมือลงนาม ไทย-ปูซาน ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตั้งเป้าใน 3 ปี เพิ่มมูลค่าส่งออกไทย 2 แสนล้านบาท 

เมื่อวันที่24 ก.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายด้านการค้ากับประเทศพันธมิตรกลุ่มเมืองรองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง และนำไปสู่การลงนามความร่วมมือระหว่างไทย-ปูซาน เชื่อมั่นการทำบันทึกความเข้าใจ ไทย-ปูซาน ที่จะผลักดัน Soft power และการส่งออกของไทย

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งการเจรจาการค้าในเวทีระดับโลกและภูมิภาคในหลายรูปแบบ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรเมืองหลัก และเมืองรอง ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง อาทิ มณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู่ ประเทศจีน เมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น หรือรัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย เป็นต้น โดยวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการค้า (Memorandum Of Understanding : MOU) หรือ Mini FTA ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจปูซาน หรือ Busan Economic Promotion Agency (BEPA) สาธารณรัฐเกาหลี

ทูตนริศโรจน์ เผยหนังไทยกำลังได้รับความนิยม พร้อมขึ้นแท่นหนึ่งใน ‘Soft Power’ อันดับต้นๆ ของไทย พร้อมชวนออเจ้าไทยในออสเตรเลียร่วมชม ‘บุพเพสันนิวาส 2’ สร้างปรากฎการณ์หนังไทยในต่างแดน

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (คณะที่ 2) กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ดูแลเวลากองถ่ายทำจากต่างประเทศที่ขอเข้ามาถ่ายทำในไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ระบุว่า ...

มาออสเตรเลียเพื่องานนี้โดยเฉพาะ!!!

 ได้รับเชิญให้มาเป็นประธานเปิดฉายหนังเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส 2’ (Love Destiny the Movie) วันที่ 30 กค ที่ซิดนีย์ และวันที่ 6 สค. ที่เมลเบิร์น

ตอนนี้หนังไทยกลายเป็น Soft Power ในอันดับต้นๆที่สำคัญของไทยไปแล้ว

เปิดแล้ว ‘ศาลเจ้าชินโต ศรีราชา’ ที่พึ่งทางใจของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เปิดให้สักการะแล้ว หลังมีพิธีอัญเชิญเทพเจ้าประดิษฐานไปเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา

เฟซบุ๊กเพจ ททท. สำนักงานพัทยา เผยภาพบรรยากาศงานอัญเชิญเทพเจ้าประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าซินโต ศรีราชา ที่พึ่งทางใจของคนญี่ปุ่นในไทยและนักท่องเที่ยว พร้อมข้อความว่า

ภาพจาก ททท.สำนักงานพัทยา

การสร้างศาลเจ้าชินโต ศรีราชา นำโดย Mr.Masahiro Abe นายกสมาคมศาลเจ้าชินโตศรีราชา สร้างขึ้นเพื่อเผยเเพร่พระพุทธคุณของเทพเจ้าหลัก "เทพเจ้าอามาเตราซุโนะโอมิกามิ" และ "เทพเจ้าอุกะโนะมิทามะ" ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น ในฐานะเทพเจ้าผู้สามารถปกปักรักษาอำเภอศรีราชา และเป็นศูนย์รวมที่พึ่งทางจิตใจของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
 

องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกระดับการเตือนภัยโรคฝีดาษลิงเป็นขั้นสูงสุดแล้ว โดยประกาศให้เชื้อไวรัสชนิดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

การยกระดับเตือนภัยครังนี้หมายความว่า WHO มองว่าการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภัยคุกคามต่อสาธารณสุขทั่วโลกในระดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต่องใช้การตอบสนองเชิงประสานงานระหว่างประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปมากกว่านี้และไม่ให้มันกลายเป็นโรคระบาด

ถึงแม้ว่าการประกาศของ WHO จะไม่ได้บังคับให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกมาตรการแต่อย่างใด แต่มันเป็นการเรียกร้องให้มีการตอบสนองอย่างเร่งด่วน WHO ทำได้เพียงออกคำชี้แนะและแนวทางต่อรัฐสมาชิกเท่านั้น หน้าที่ของรัฐสมาชิกคือการรายงานเหตุการณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสาธารณสุขโลก

เมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาตินี้ประกาศภาวะฉุกเฉินระหว่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อโรคฝีดาษลิง แต่การติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บีบให้ เตโวโดรส อัดฮาโนม เกอเบรออีเยอซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกต้องออกคำเตือนขั้นสูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top