Thursday, 19 June 2025
SPECIAL

'บิ๊กป๋อ' นำทีมชุดปฎิบัติการ ศอ.ปส.ตร. บุกรวบสองหนุ่มชาวสิงคโปร์ ลักลอบ บรรจุ ขนส่ง และจำหน่ายยาเสพติดส่งเอเยนต์ กลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพ ซ่อนตัวในไทยกว่า 20 ปี

ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับ สั่งการ และมอบโยบายสำคัญเร่งด่วนให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้าง ปราบปราม ขุดรากถอนโคน ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพ แบบครบวงจร ทั้งขบวนการ อย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง ซึ่งปรากฎตามสื่อที่ผ่านมาหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 16.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น , พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. , พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์  บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.วิชัย  สนสกุล  ผกก.1 บก.ปส.1 บช.ปส. พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศอ.ปส.ตร. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 บช.ปส. ร่วมกันสืบสวนจับกุม

1.นายออง เชา เซียง (Ong Shao Xiong)  อายุ 34 ปี ชาวสิงคโปร์  ทำหน้าที่ส่งยาเสพติด

2. นายโล จิน อัง (LOW GIN ANG) หรือ นายเส้ง อายุ 53 ปี ชาวสิงคโปร์  ทำหน้าที่เป็นลักษณะนักเคมี

พร้อมด้วยของกลาง
     1. เครื่องแพ็กซองยาเสพติด (Vacuum sealer) จำนวน 1 เครื่อง
     2. ซองยาเสพติด ลักษณะคล้ายคลึงกับแบบที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบ ณร้านจินหลิง และร้าน Leela จำนวน กว่า 100,000 ซอง 
     3. ลำโพงขนาดใหญ่ จำนวน 3 ตัว เพื่อใช้ในการซุกซ่อนยาเสพติดขณะสั่งซื้อ/ขนส่ง
    4.ไอซ์ ประมาณ 2 กรัม และไฟว์ไฟว์ จำนวน 20 เม็ด (ตรวจค้นได้จาก นายออง เชา เซียง( Ong Shao Xiong) 
    5. ยาไอซ์ 482.5 กรัม 
    6.ไฟว์ไฟว์ 380 เม็ด 
    7. ยาอี 151 ซอง 
    8.ยาบ้า ประมาณ 2,050 เม็ด 
    9.คีตามีน 10 กรัม 
    10.โคเคน จำนวน 1 กรัม 
    11. ยาเสพติด ชนิด แฮปปี้วอเตอร์ (Happy Water) จำนวน 8 ซอง 
    12. อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก และ กระสุนขนาด 9 มม. และ .22 รวม 84 นัด 
และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการที่ใช้ในการผสม และแพ็กเกจ

สืบเนื่องจากกรณีตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายยาเสะติดและกลุ่มนักเสพ นักท่องเที่ยวชาวจีน ณ สถานบริการภายใน ร้านจินหลิง และร้าน Leela ภายในท้องที่ สน.ยานนาวา เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมานั้น 

ต่อมา พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศอ.ปส.ตร. ได้ทำการเกาะติดผู้มีพฤติการต้องสงสัย มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็น เร่งรัด ติดตาม สืบสวน ขยายผลเพิ่มเติ่ม

พบว่า มีชาวต่างชาติชื่อว่า “นายเส้ง” สัญชาติสิงคโปร์  มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ตามสถานบันเทิงต่างๆในพื้นที่  จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการของ ศอ.ปส.ตร. ร่วมบูรณาการปฎิบัติการกับ กก.1 บก.ปส.1 และสืบสวนนครบาลทำการสืบสวนขยายผลจนทราบแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้บริเวณ หน้าห้างบิ๊กซี ลาดพร้าวซอย 9 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์) โดยไม่ได้รับอนุญาต” 

และจับกุม ตัวนาย โล จิน อัง (Low Gin Ang) ชาวสิงคโปร์ อายุ 63 ปี ในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,ยาบ้า,ยาอี) และจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์,คีตามีน)  โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและแพร่กระจายในชุมชน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวและเดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้บริเวณ หน้าโรงแรมย่านถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 

ในชั้นจับกุม นายออง เชา เซียง (Ong Shao Xiong) ให้การ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา  ส่วน นายโล จิน อัง (LOW GIN ANG) หรือ นายเส้ง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่า วิธีของผู้ต้องหาสั่งยามาจากประเทศลาว โดยซุกซ่อนมากับตู้ลำโพง มากับบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง โดยผู้ต้องหาจะเดินทางไปรับแถวย่านหัวลำโพง และจะเช่าห้องพักเพื่อเก็บรักษายาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองเข้าพักในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วจะเปลี่ยนที่พัก และเก็บรักษายาเสพติด โดยจะทำการย้ายที่พักและเคลื่อนย้ายสถานที่ยาเสพติดไปเรื่อยๆ

โดยผู้ต้องหาทั้งสองจะร่วมนำยาเสพติดชนิดต่างๆ มาผสมและลำเลียง จำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ  ตามสถานบันเทิงต่างๆ ในพื้นที่ โดยผู้ต้องหาทั้งสองนั้นรับว่าได้หลบหนีเข้าเมืองมาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเป็นเวลานานกว่า 20 ปี

หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและจะทำการสืบสวน ขยายผล ผู้ร่วมขบวนการและเครือข่ายยาเสพติดรายอื่นๆ 

ตร.โชว์ผลระดมตามนโยบายรัฐบาล เกือบ 10 วัน ยึดยาบ้ากว่า 18 ล้านเม็ด กวาดล้างหมายจับค้างเก่า 3,884 ราย ยาเสพติด 15,710 คดี และอาวุธปืน 3,984 คดี

(27 ต.ค.65) เวลา 18.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยผลการระดมฯ ในห้วงแรก (10–19 ต.ค.65) ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีผลการดำเนินการ ดังนี้...

1) บุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ 
2) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี (ผู้ต้องหา 15,866 คน) ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม
3) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน  ทั้งสิ้น 3,984 คดี ของกลางอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ และเครื่องกระสุน 16,168 นัด

แบ่งเป็นจับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนฯ โดยผิดกฎหมาย ทั้งโดยทางตรงและทางออนไลน์ จำนวน 97 คดี  ผู้ต้องหา 63 คน) ของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน  46 กระบอก มีทะเบียน 12 กระบอก วัตถุระเบิด 156 รายการ เครื่องกระสุน 1,296 นัด และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ อื่นๆ จำนวน 3,887 คดี (จับกุมผู้ต้องหา 3,864 คน) ของกลาง อาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) 2,392 กระบอก มีทะเบียน 440 กระบอก วัตถุระเบิด 444 รายการ เครื่องกระสุน 14,872 นัด

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม อย่างจริงจัง เน้นย้ำ ให้ทุกบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหา นำหน่วยงานในท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา อย่างต่อเนื่อง เข้มข้น เพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน ได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างในห้วงวันที่ 10 ต.ค. – 8 พ.ย.65 โดยผลระดมกวาดล้างในห้วง 10 วันแรก (10 ต.ค.-19 ต.ค.) ทุกหน่วยมีผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีหมายจับค้างเก่า  3,884 หมายจับ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี และจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน  3,984 คดี 

โดยในห้วงการระดมที่เหลือได้กำชับหน่วย เพิ่มความเข้มในการดำเนินการ และเพิ่มมาตรการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดออนไลน์ การสกัดกั้นยาเสพติดจากแนวชายแดน การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นบุคคลยานพาหนะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกเส้นทาง การสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่ายหรือขบวนการที่กระทำความผิด และดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ยุ่งเกี่ยว พัวพันกับการกระทำความผิดกฎหมาย หรือประพฤติไม่เหมาะสม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างเด็ดขาด ทั้งทางอาญา ทางวินัย และทางปกครองโดยทันที

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ห้วง 10-25 ต.ค.65 จับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 500 ราย และตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอเรียนชี้แจงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และการรับจ้างเปิดบัญชีม้า ในห้วงวันที่ 10 - 25 ต.ค.65 ดังต่อไปนี้ 

ตามโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด อาวุธปืน และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการควบคุม และปราบปรามอย่างต่อเนื่องให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมถึงแก้ไขปัญหาการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้มิจฉาชีพนำไปกระทำความผิด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปรามปรามจับกุมผู้กระทำผิดในทุกมิติ รวมถึงขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด อาวุธปืน บัญชีม้า และสิ่งของผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

โดยในระหว่างวันที่ 10 - 25 ต.ค.2565 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) มีผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมประเภทดังกล่าว ดังนี้...

1.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน จับกุมผู้ต้องหา 43 ราย ตรวจยึดของกลางอาวุธปืน 31 กระบอก และเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก
2.ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 100 ราย ตรวจยึดของกลางยาบ้า 94,006 เม็ด ยาไอซ์ 209.5 กรัม ยาอี 2,059 เม็ด
3.บุคคลตามหมายจับ จับกุมผู้ต้องหา 219 ราย
4.ความผิดเกี่ยวกับบุคคลซึ่งเปิดบัญชีให้มิจฉาชีพไปใช้ในการกระทำความผิด (บัญชีม้า) จับกุมผู้ต้องหา 45 ราย
5.ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงออนไลน์อื่นๆ จับกุมผู้ต้องหา 94 ราย

รวมจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 501 ราย

ทั้งนี้การดำเนินการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ยังคงมุ่งเน้นสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิด มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ

โฆษก บช.สอท. กล่าวต่ออีกว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทุกภาคส่วนจะร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เเต่ในปัจจุบันยังคงพบเห็นการซื้อขายสิ่งของผิดกฎหมายผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อขายบัญชีธนาคาร หรือบัญชีม้า ไม่ว่าท่านจะถูกหลอกลวง หรือเต็มใจเปิดบัญชีเพื่อเเลกเงินค่าตอบเเทนเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นความผิดในฐานะตัวการร่วมหรือเป็นผู้สนับสนับสนุนการกระทำความผิด และจะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2565 : หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

ดูตัวเอง 
ฝึกฝนตัวเอง
แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง
...เรียกว่า...
ดูที่ตัวเราก่อน
ไม่ต้องไปดูคนอื่น
เพราะส่วนมากแล้ว
คนเรามักชอบโทษคนอื่น
ไม่ชอบโทษตัวเอง

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

นศ.ระดับปริญญาโท รับรางวัล Excellent Oral presentation ในงานประชุมวิชการ ICKIM 2022

MR. Xiangyu Li นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการจัดการความรู้และนวัตกรรม วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิรพัฒน์ วาณิชวัฒนะโกศล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาการค้นคว้าอิสระ ได้รับรางวัล Excellent Oral Presentation จากผลงาน “A Decision - Making Model for Selecting the Best Digital Marketing Strategy for Chinese Long Stayers in Chiang Mai, Thailand” 

ซึ่งเป็นผลงานการศึกษาเกี่ยวกับการหาปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และเลือกกลยุทธ์ด้านการตลาดดิจิทัลที่ดีที่สุด ให้กับศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ สามารถดำเนินกิจกรรมการตลาดกับกลุ่มคนจีนที่พำนักระยะยาวในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มการบริการอาหาร งานวิจัยนี้ประยุกต์ใช้แนวทางการจัดการความรู้เพื่อพัฒนารูปแบบการตัดสินใจหลายเกณฑ์ โดยใช้เกณฑ์หลักตามหลักการ 4C (ลูกค้า ต้นทุน ความสะดวก การสื่อสาร) โดยได้รับรางวัลในการประชุมวิชาการ The 4th International Conference on Knowledge and Information Management (ICKIM 2022) ในรูปแบบ ออนไลน์ เมื่อวันที่ 28-30 กันยายน 2565 ณ Xiamen, the People's Republic of China

ขยายผลเมืองเทศกาลโลก ชูเสน่ห์เมือง ทำตลาดระดับสากล

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ประกาศเดินหน้า นำทุนวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์แบบล้านนา ต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ผลักดันยุทธศาสตร์ล้านนาสร้างสรรค์ขับเคลื่อนเชียงใหม่ก้าวสู่เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับสากล กระตุ้นรัฐและเอกชนทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง มุ่งพัฒนาจุดขายเชิงคุณภาพ ตั้งเป้าเป็นจุดหมายปลายทางระดับแนวหน้าของเอเชีย

วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ที่ โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์สปา รีสอร์ท เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวตอกย้ำศักยภาพเมืองเชียงใหม่ในฐานะไมซ์ซิตี้ (MICE City) และเมืองที่มีศักยภาพด้านการจัดงานเทศกาลระดับโลก (World Festival & Event City) ที่จะดึงนักเดินทางคุณภาพเข้าสู่เมือง รวมทั้งพัฒนาต่อยอดเป็นเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับสากลอย่างเต็มภาคภูมิ โดยนายนิรัตน์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับจังหวัดเชียงใหม่และขอบคุณทุก ภาคส่วนโดยเฉพาะผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเทศกาล ที่ร่วมกันนำความสำเร็จและชื่อเสียงมาสู่เมืองเชียงใหม่ และกล่าวย้ำว่า รางวัลนี้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเชียงใหม่ และในฐานะศูนย์กลางการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของภาคเหนือ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและทางตอนใต้ของประเทศจีน ตามนโยบายระเบียงเศรษฐกิจล้านนา

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า“จังหวัดเชียงใหม่มีทุนทางวัฒนธรรมที่ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีเสน่ห์ มีคุณค่าในระดับสากล สามารถนำมาเป็นจุดขายที่ทรงพลังในด้านการท่องเที่ยว ช่วยดึงดูดนักเดินทางคุณภาพให้เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย กุญแจสำคัญ ในการพัฒนาและขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงใหม่ให้มีสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นในทุกวันนั้น คือความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ในการร่วมสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองน่าอยู่ น่าท่องเที่ยว จำเป็นต้องลงมือทำอย่างรวดเร็วให้เกิดผล รวมทั้งมีการสื่อสารความคืบหน้าต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการสะท้อนปัญหา นำมาสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เมืองเดินหน้าสู่การพัฒนา กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างมั่นคงยั่งยืน”

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า แนวทางการขับเคลื่อนเมืองนับจากนี้ว่า จังหวัดเชียงใหม่พร้อมผลักดันนโยบายและยุทธศาสตร์ล้านนาสร้างสรรค์ หรือ Creative Lanna อย่างเต็มกำลัง โดยมุ่งบรรลุผลสำเร็จในการร่วมกับภาคีเครือข่ายผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเมืองมรดกโลก (World heritage), สร้างซอฟต์พาวเวอร์ผ่านทุนทางวัฒนธรรมและธรรมชาติให้เป็นรูปธรรม กำหนดปฏิทินงาน (event calendar) ในแต่ละเดือน เพื่อดึงผู้คนให้มาเยือนเชียงใหม่และมีความสุขตลอดทั้ง 12 เดือน 12 เทศกาล ในส่วนมิตินานาชาตินั้น จะกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ยกระดับความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว ทั้งด้านการทำงานกับกงสุลต่างประเทศในจังหวัดและบูรณาการการจัดการด้านเมืองนานาชาติอย่างมีทิศทาง สร้างผลกระทบเชิงบวกจากความร่วมมือเหล่านี้ เพื่อให้เชียงใหม่มีความโดดเด่นเป็นเมืองจุดหมายปลายทางระดับโลก เน้นตลาดคุณภาพสูง สร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นแตกต่างเพื่อดึงดูดนักเดินทางไมซ์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทีเส็บถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญในการนำเสนอเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางคุณภาพสูงต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ 6 ราย เอื้อประโยชน์เอเย่นหลอกผู้หญิงไปบังคับค้าประเวณีดูไบ

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.64 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล (ยศขณะดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.ศพดส.ตร.) ได้เดินทางไปประสานการปฏิบัติร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณี ซึ่งต่อมาได้ทำการขยายผลจนสามารถจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ตั้งแต่เอเย่นที่ทำหน้าที่หลอกเหยื่อไปทำงาน และส่งตัวเหยื่อบินไปยังดูไบ ดังที่ปรากฏตามข่าวและสื่อโซเชียลมีเดียแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ในการกระทำผิดของเครือข่ายค้ามนุษย์เหล่านี้ และดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุดทุกราย

จากการสืบสวนของชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ซึ่งได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับ นางสาวเอ (นามสมมติ) เอเย่นที่ทำหน้าอำนวยความสะดวกในการส่งเหยื่อเพื่อหลีกเลี่ยงจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ภายในสนามบิน และ ส.ต.ท.มงคล ต้นงอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งช่วยรับตัวเหยื่อผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางาน โดยจากการขยายผลจากผู้ต้องหาทั้งสองพบว่า ยังมีเอเย่นที่ทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกันอยู่อีก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีก 4 ราย ประกอบด้วย

1. น.ส.ภัทรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นเอเย่นหลอกเหยื่อไปทำงาน (จับกุมได้)
2. น.ส.สรินยา (ขอสงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นเอเย่นหลอกเหยื่อไปทำงาน (จับกุมได้)
3. น.ส.แสงดาว (ขอสงวนนามสกุล) ทำหน้าที่เป็นเอเย่นรอรับตัวเหยื่อที่ดูไบ (หลบหนีอยู่ ตปท.)
4. นายโฮ จุน ฮาว สัญชาติมาเลเซีย ทำหน้าที่เป็นเอเย่นรอรับตัวเหยื่อที่ดูไบ (หลบหนีอยู่ ตปท.)
โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 รายจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์

นอกจากนี้ จากการขยายผลจากเส้นทางการเงินของ นางสาวเอ (นามสมมติ) พบว่า มีการประสานงานอำนวยความสะดวกในการผ่านด่านตรวจคนหางาน โดยมีการจ่ายเงินให้หัวละ 4,000 บาท ซึ่งตัวเอเย่นจะได้ส่วนแบ่งจำนวน 1,000 บาท และอีก 3,000 บาท แบ่งให้กับตัวแทนของด่านตรวจคนหางาน จากการสืบสวนทราบว่า บุคคลดังกล่าวคือ นายสัมพันธุ์ (ขอสงวนนามสกุล) อดีตเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางาน ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้เครือข่ายค้ามนุษย์โดยทำหน้าที่เป็นตัวการหลักในการประสานงานส่งต่อรายชื่อของเหยื่อที่จะเดินทางไปต่างประเทศและรับเงินค่าดำเนินการจากเอเย่น แล้วนำมาแบ่งจ่ายต่อให้กับเจ้าหน้าที่รายอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบบุลคลนั้นๆ ซึ่งมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าถูกหลอกลวงหรือลักลอบไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยหากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าวจะต้องสั่งระงับการเดินทางของบุคคลนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายเข้าค้นบ้านของนายสัมพันธุ์ฯ เพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐาน รวมทั้งสมุดบัญชีเพื่อนำไปขยายผลต่อไป แต่ในระหว่างการสืบสวนเพื่อขออนุมัติหมายจับ นายสัมพันธุ์ฯ ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมเพื่อหลบหนีความผิดไปเสียก่อน เมื่อวันที่ 11 ต.ค.65 ที่ผ่านมา

รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เชิญถุงพระราชทานไปมอบผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายวลฺลภ ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เชิญถุงพระราชทานมามอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยจากพายุโนรู ในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอศรีเทพ และอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 2,939  ชุด โดยมี นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย พร้อมด้วย นายอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ นายอำเภอศรีเทพ นายอำเภอวิเชียรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมพิธี 

สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงห่วงใยและเมตตาต่อพสกนิกร ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พระราชทานถุงยังชีพ มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอศรีเทพ และอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 2,939 ชุด โดยภายหลังจากมอบถุงพระราชทาน นายวลฺลภ ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นำถุงยังชีพพระราชทานไปมอบให้แก่ผู้พิการ ผู้ป่วย ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จำนวน 3 ราย ประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ รู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอันล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้ของ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงห่วงใยและเมตตา ต่อพสกนิกรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ในครั้งนี้

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 : ท่านพุทธทาสภิกขุ

ปัญหา...เป็นสิ่งที่เราต้องแก้
กรรม...เป็นสิ่งที่เราต้องชดใช้
ทุกข์..เป็นสิ่งที่เราต้องดับ
เหล่านี้เป็นภาระชีวิตของเรา

-ท่านพุทธทาสภิกขุ-

วันหยุดแต่ ตำรวจทางหลวง จิตอาสา ไม่หยุด ลงช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนน้ำท่วมพิมาย สร้างความปลาบปลื้มต่อผู้ประสบภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2565 เวลา 15.00 น. บริเวณพื้นที่หมู่ 18 บ้านกล้วยสามัคคี ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้พ.ต.ท.จิระพันธ์ มณีรัตน์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา จิตอาสา 904 ฝ่ายป้องกันบรรเทาสาธารณภัย อ.พิมาย ชมรมฮักเขาใหญ่ และฮุก31 พิมาย ผู้ใหญ่บ้าน

โดยคณะเข้าช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนน้ำท่วมกว่า 100 หลังคาเรือน ที่มีน้ำท่วมขังกว่า 1 เดือน บ้านเรือนราษฎร พืชสวนไร่นา ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก หลายครอบครัวไม่มีรายได้ โดยนำถุงยังชีพ จำนวน 100 ถุง ไปเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมยารักษาโรค

ญาติสุดเศร้าซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ

บรรยากาศพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในพระบรมราชานุเคราะห์ ที่วัดราษฏร์สามัคคี ตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู  เต็มไปด้วยความโศกเศร้า และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้

โดยพิธีการเริ่มเมื่อเวลา15.20 น.เจ้าหน้าที่อัญเชิญไฟ​ ผ้าไตร และดอกไม้จันทน์พระราชทาน เวลา 15.30 น.พลเอก ประยุทธ์เดินทางมาเป็นประธานพิธี เจ้าหน้าที่กล่าวรายงานเหตุการณ์  

หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ตรวจความพร้อมกำลังพล และยุทโธปกรณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในภัยพิบัติ 

11 ต.ค. 65 พันเอก พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ในฐานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ได้สั่งการให้ พันเอก พรรณศักย์ เพรียวพานิช รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ทำการตรวจความพร้อมการช่วยเหลือประชาชน และอุปกรณ์เครื่องมือบรรเทาสาธารณภัยของหน่วย ซึ่งประกอบด้วย อาทิ วิทยุสื่อสาร ไฟฉาย เสื้อชูชีพ ชุดเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น รถยนต์บรรทุก (FTS) เครื่องมือช่วยเหลือ และ ชุดเสนารักษ์เคลื่อนที่ เป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมแผนการปฏิบัติในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ หากเกิดภัยพิบัติจะสามารถดำเนินการเข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ โดยกำลังพลทุกนายล้วนมีความพร้อมตามที่ได้ฝึกมาเป็นอย่างดี 

'อธิบดี กรมทะเลและชายฝั่ง' ย้ำหน่วยงานในพื้นที่ เข้มมาตราการคุ้มครองป้องกันภัยคุกคามสัตว์ทะเลหายาก ดึงภาคประชาชนร่วมดูแลและแจ้งเหตุสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล 1362

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนาย นางสุมนา ขจรวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่า ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.)ได้ทำการชันสูตรซากพะยูนเกยตื้น ซึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา เรื่องพบซากพะยูนเกยตื้น ณ บริเวณสะพานท่าเรือควนตุ้งกู ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยทางเจ้าหน้าที่ ศวอล.ได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ในการช่วยขนย้ายซากพะยูนมายังศูนย์วิจัยฯ เพื่อทำการชันสูตรหาสาเหตุการตาย ด้านเจ้าหน้าที่ ศวอล. และ ศวอบ. จึงเข้าทำการตรวจสอบซากพะยูนตัวดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยพบว่าพะยูนมีความยาวลำตัวโดยวัดแนบยาว 2.5 เมตร เพศผู้ อยู่ในช่วงโตเต็มวัย เขี้ยวอยู่ครบทั้งสองข้าง ความสมบูรณ์ของร่างกายค่อนข้างผอมเล็กน้อย ลักษณะภายนอกพบรอยเขี้ยวจากพฤติกรรมฝูงทั่วลำตัว ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์ สภาพซากเน่า ผิวหนังลอกหลุด และบวมอืด เมื่อเปิดดูอวัยวะภายในพบว่า อวัยวะภายในส่วนใหญ่เน่าสลายไม่สามารถระบุรอยโรคได้ชัดเจน ส่วนของทางเดินอาหารพบอาหารจำพวกหญ้าทะเลภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ พบพยาธิกลุ่มพยาธิตัวกลมจำนวนมากในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กพบพยาธิใบไม้ภายในกระพุ้งลำไส้ใหญ่ 

นายอรรถพล กล่าวต่อไปว่า พร้อมกันนี้ยังพบขยะทะเลประเภทกิจกรรมทางการประมงและเดินเรือ ได้แก่ เศษเชือกกระสอบปุ๋ย เศษเชือกและเศษอวน ในทางเดินอาหารส่วนลำไส้ใหญ่แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุการตาย ทั้งนี้ ทีมสัตวแพทย์ได้สรุปสาเหตุการตายโดยคาดว่าเกิดจากพะยูนป่วยตามธรรมชาติ เนื่องจากพบพยาธิซึ่งเป็นปรสิตภายในทางเดินอาหารจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของพะยูน ทำให้พะยูนผอม สภาพร่างกายอ่อนแอลงและตายในที่สุด นอกจากนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญอย่างการเข้มงวดในมาตราการคุ้มครองป้องกันภัยคุกคามสัตว์ทะเลหายาก ด้วยการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หากประชาชนพบการลักลอบทำลายทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่ง และป่าชายเลน รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก สามารถแจ้งมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล 1362 ตลอดจนมอบแนวทางในการปกป้องและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล สัตว์ป่า และสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย โดยเฉพาะพะยูน ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์สงวนที่ใกล้จะสูญพันธุ์ พร้อมทั้งกำชับให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานในการจัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติให้สำเร็จ โดยเน้นเป้าหมายการเพิ่มจำนวนประชากรของพะยูน และดูแลพื้นที่อาศัยของพะยูน รวมทั้งแหล่งหญ้าทะเลพะยูน เพื่อส่งต่อให้ถึงมือคนรุ่นหลังได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืนที่สุด 

'สโมสรไลออนส์สากล' ภาค 310 ซี ร่วมกับ สโมสรไลออนส์ในสังกัดภูมิภาค จัดกิจกรรมวันไลออนส์สากลบริการ ปี 2565 

ที่โรงเรียนสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ คณะผู้บริหารสโมสรไลออนส์สากล ภาค 310 ซี ร่วมกับ สโมสรไลออนส์ในสังกัดภูมิภาคที่ 1 และภูมิภาคที่ 2 ร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันไลออนส์สากลบริการ ปี 2565 LIONS SERVICE DAY 2022 ก้าวเข้าสู่ปีที่ 106 

โดยมี ไลออน แมรี่ หลิว สังกัดสโมสรไลออนส์กรุงเทพ นิมิตใหม่ ในฐานะประธานจัดกิจกรรมวันไลออนส์สากลบริการภูมิภาคที่ 1 เป็นผู้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ ร่วมกับ ไลออนราตรี แสงรุ่งเรื่อง สังกัดสโมสรไลออนส์ สระแก้วอรัญประเทศ ประธานจัดกิจกรรมวันไลออนส์สากลบริการภูมิภาคที่ 2 พร้อมด้วย ไลออนสมภพ พิชัยวงศ์ ผู้ว่าการไลออนส์สากลภาค 310 ซี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมี ผอ.ไพรัตน์ ก้อนทองคำ ผู้อำนวยการโรงเรียนสมุทรปราการ กล่าวให้การต้อนรับคณะผู้บริหารไลออนส์ ตลอดจน ไลออนพงศ์ศักดิ์ เกตุสวัสดิวงศ์ อดีตกรรมการอำนวยการไลออนส์สากล ไลออนส์ สุมาลี อุ่นพงศ์เจริญสุข รองผู้ว่าการภาค 301 ซี ไลออนส์ธเนศร์ เจริญชัย รองผู้ว่าการภาค 301 ซี ตลอดจน อดีตประธานสภาฯ อดีตผู้ว่าการภาคฯ คณะกรรมการภาคฯ นายกสโมสร สมาชิกไลออนส์ และสโมสรในสังกัดพื้นที่กรุงเทพ ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี และสมุทรปราการ นำโดย ไลออนส์ ชูศรี สัตยานนท์ นายกสโมสรไลออนส์ บางพลี สมุทรปราการ รวมทั้งหมด 23 สโมสร เป็นผู้ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมเนื่องในวันไลออนส์สากรบริการ ปี 2565 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2565 : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

'พอ' เป็นสิ่งที่หายาก ในหมู่คน 'โลภ'
'นิ่ง' เป็นสิ่งที่หายาก ในหมู่คน 'โกรธ'
'หยุด' เป็นสิ่งที่หายากในหมู่คน 'หลง'

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top