Thursday, 19 June 2025
SPECIAL

'ตม.เชียงราย' สกัดจับรถขนแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สาย

(7 ม.ค. 66) พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายรับรายงานว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สายไปส่งจังหวัดเชียงใหม่จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติธร นาคเกลี้ยง รองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, ร.ต.อ.รัชภูมิ ฤทธิศร รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย นำกำลังชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายร่วมกับสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง 5 ติดตามไปถึงบริเวณถนนหมายเลข 1063 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมือง พบรถปิกอัป 3 คันขับตามกันมามุ่งหน้าไปทางอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงขับรถไล่สกัดบังคับรถทั้ง 3 คันให้จอดเพื่อทำการตรวจค้น

.

คันแรกเป็นรถปิกอัปโตโยต้าวีโร่สีดำ ทะเบียนเชียงใหม่โดยมีนายใจเป็นคนขับรถนำทางคอยดูต้นทาง

.

คันที่ 2 รถปิกอัปโตโยต้าวีโก้ทะเบียนเชียงใหม่ โดยมีนายวันเป็นคนขับรถขนแรงงานชาวเมียนมามา 10 คน เป็นชาย 6 หญิง 2 เด็ก 2 คน 

ปชป. กางยุทธศาสตร์ 3 ส. 'สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ' ย้ำ!! เจตนารมณ์พรรค 70 ปี มุ่งทำงานเพื่อชาติเป็นหลัก

ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ประกาศความพร้อมแบบ 'เต็มอัตราศึก' พร้อมลุยทุกสนามเลือกตั้ง ในทุกกระบวนท่า พร้อมทั้งในแง่นโยบาย ในแง่บุคลากร โดยจะส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งในทุกเขต 400 เขต และบัญชีรายชื่อ 100 คน ครบ 500 คน

การประกาศความพร้อมในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นความพยายามในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ การคิดนโยบายใหม่ ๆ เพื่อสนองตอบต่อปัญหาของประชาชน

นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังได้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ อันเป็นการ 'ปูพรม' กับการเปิดยุทธศาสตร์ 3 ส. คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ

โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง อธิบายขยายความกับเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ 3 ส. ว่า นอกจากการเตรียมผู้สมัครในแต่ละเขตแล้ว เรื่องนโยบายที่ใช้หาเสียงก็เป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เช่นกัน ซึ่งการจัดทำนโยบายของพรรคนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ กรอบงบประมาณที่ต้องใช้ภายใต้นโยบายที่จัดทำ ระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดต่อประชาชน และประเทศชาติ ทั้งด้านการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องดีขึ้น 

ซึ่งขณะนี้ หลักคิดเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเป็นทั้ง มาสเตอร์แพลน (Master plan) หรือแผนแม่บทของพรรคในการวางอนาคตของประเทศชาติและประชาชน ที่จะใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงครั้งนี้คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ โดยมีแนวทางที่สำคัญของทั้ง 3 ส. ดังนี้  

1.สร้างเงิน โดยการแยะเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือ สร้างเงินให้ประเทศ และสร้างเงินให้ประชาชน

2.การสร้างคน ที่พรรคจะสนับสนุนและส่งเสริมดูแลคนตั้งแต่ในครรภ์มารดา จนส่งสู่เชิงตะกอน ทั้งสร้างสวัสดิการเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงขึ้น เพราะพรรคเชื่อว่าเมื่อเราสร้างคนให้มีความความรู้และความมั่นคงในชีวิต จะแปรเปลี่ยนพลังของประชาชนให้เป็นพลังในการสร้างประเทศชาติได้อย่างมั่นคง 

3.สร้างชาติ ด้วยระบบประชาธิปไตย ที่สุจริต ควบคู่ไปกับการกระจายอำนาจมุ่งสู่สร้างเมืองมหานคร พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมเพื่อเชื่อมประเทศไทยกับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ มีความคืบหน้าจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งท่านหัวหน้าพรรค 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' และท่านเลขาฯ จะแถลงเปิดนโยบายฯ อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคมนี้ และในขณะนี้พรรคได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านแล้ว

'กรณ์' ชูนโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์-รื้อระบบสินเชื่อ' หวังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย-SME ให้เดินหน้าธุรกิจต่อได้

(7 ม.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง 'แก้หนี้ ให้ชีวิตเดินหน้า' โดยระบุว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตระหนักดีว่าคำว่า 'หนี้' ไม่มีใครอยากเป็น แต่เวลาเป็นแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดจากวงจรนี้ ซึ่งนอกจากนโยบายหาเงินให้คนไทยแล้ว การแก้หนี้คือความเร่งรีบอันดับต้น ๆ ที่ตนต้องการแก้ และเคยทำมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ปี 2552 แก้หนี้นอกระบบ 5 แสนราย ปี 2553 ปรับโครงสร้างหนี้กองทุนฟื้นฟู-เกษตรกร ปี 2554 ออกกฎหมาย 'กองทุนการออมแห่งชาติ' (กอช.) ปี 2559 ก่อตั้ง Refinn ช่วยคนไทยแก้หนี้ที่อยู่อาศัย ปี 2565 โครงการ 'กล้าปลดหนี้' ช่วยคนไทยเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ ปี 2566 นโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์' เสนอระบบ Credit Score

ส่วนกรณีที่มีบางคนระบุว่า คนที่เป็นหนี้คือคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า อาจถูกส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นความจริงเสมอไป ในหลาย ๆ ครั้งเกิดจากวิกฤตที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น วิกฤตโควิด ที่ทำให้ผู้ประกอบการและ SME เป็นจำนวนมาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และการกู้ยืมในระบบทำได้ยาก ตนในฐานะนักการเงินไม่อยากให้เกิดที่สุด คือ การกู้หนี้นอกระบบ การช่วยเหลือและออกนโยบายต่าง ๆ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งนี้ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าดอกเบี้ยโหดมาก และยากที่จะคืนเงินต้นได้ การติดแบล็กลิสต์ก็เช่นกัน ต่อให้ใช้หนี้ครบแล้วยังขึ้นจากเหวนี้ไม่ง่าย ตนจึงเสนอนโยบายปลดแบล็กลิสต์ แล้วใช้ระบบ Credit Scoring แทน ใครเครดิตดีก็กู้ได้มาก เครดิตไม่ดีก็กู้ได้น้อย นี่ก็เป็นวินัยทางการกู้รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้คนเป็นหนี้ขึ้นมาจากเหวได้ 

'พิธา' เปิดตัว 'หมิว สิริลภัส' ว่าที่ผู้สมัครส.ส. บางกะปิ พร้อมตั้งเป้า!! เลือกตั้งหนนี้ กรุงเทพฯ เป็นสีส้มทุกพื้นที่

(7 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ตลาดเคหะคลองจั่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โดยได้พูดคุยทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกายในตอนเช้า บริเวณสนามกีฬาคลองจั่น รวมถึงประชาชนและผู้ค้าขายในตลาดเช้าเคหะคลองจั่น พร้อมทั้งแจกแผ่นพับแนะนำนโยบายและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางกะปิ คือ นางสาวสิริลภัส กองตระการ หรือ 'หมิว' รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ หรือ 'หมอออย' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง, นายธนเดช เพ็งสุข หรือ 'ภูมิ' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตลาดพร้าว-วังทองหลาง, นางสาว สุภกร ตันติไพบูลย์ธนะ หรือ 'กิ๊ฟ' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง-ประเวศ และ นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ หรือ 'คุง' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตประเวศ-สะพานสูง 

โดยนายพิธา กล่าวถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง ส.ส. พื้นที่กรุงเทพฯ ว่า การลงพื้นที่วันนี้เพื่อถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ประชาชน และแนะนำ นางสาวสิริลภัส ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ ซึ่งเป็นที่รู้จักของสังคมจากการเป็นอดีตนักแสดงและเป็นกระบอกเสียงของประชาชนมาตลอด 2 ปี ในช่วงโควิด วันนี้ตัดสินใจลงสมัครเป็นผู้แทนราษฎรในนามพรรคก้าวไกล 

คนร้ายบุกแทงนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ในร้อยเอ็ดดับ หลังลงจากรถตู้รับ-ส่ง ลั่น!! "จะฆ่าล้างหมดชั่วโคตร"

เกิดเหตุระทึกขวัญ คนร้ายถือมีดบุกกระซวกแทงนักเรียนหญิงชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคารขณะกำลังจะลงจากรถตู้รับ-ส่ง ครูชายต้องช่วยกันล็อกตัว หวั่นคลุ้มคลั่งทำร้ายคนอื่นต่อ ด้านนักเรียนหญิงอาการสาหัสไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เผยชายคนร้ายเป็นญาติกับนักเรียนที่ถูกแทงและเพิ่งออกจากคุกมาได้แค่ 3 วัน

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ ( 6 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญ คนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อถือมีดบุกแทงนักเรียนในโรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร ตำบลหนองกองแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ สร้างความหวาดผวาแก่นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนเป็นอย่างมาก

หลังเกิดเหตุ ดร.ลัดดาวัลย์ สืบจิต ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย ช่วงเกิดเหตุ คือเวลาที่ครูเวรกำลังยืนรอรับเด็กนักเรียนที่กำลังลงจากรถรับ-ส่งของโรงเรียน พอรถจอด เด็กนักเรียนกำลังจะทยอยลงรถ ปรากฏว่า ชายคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมา ได้จอดรถแล้ววิ่งปรี่เข้าไปที่รถรับส่งนักเรียน แล้วจับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ไปแทง 1 คน ครูเห็นเหตุการณ์จึงรีบไปขอความช่วยเหลือจากคนในชุมชน

'นันทิวัฒน์' ฝากข้อคิดคนไทยก่อนตัดสินใจเลือกผู้นำฯ ชี้ อย่าเลือกนักการเมือง ‘โกงกิน ขี้โม้ คิดล้มล้างสถาบัน’

'นันทิวัฒน์' ฝากให้คิดปีนี้เป็นปีที่ท้าทายคนไทยจะตัดสินใจเลือกผู้นำทางการเมืองอย่างไร อย่าเลือกนักการเมืองโกงกิน ขี้โม้ คิดล้มล้างสถาบัน 

(6 ม.ค. 66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

ผู้นำแบบไหนที่คนไทยอยากได้

ปีนี้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายการตัดสินใจของคนไทยว่าจะเลือกผู้นำทางการเมืองอย่างไร

เพราะอายุของรัฐบาลลุงตู่มาถึงปีสุดท้าย ครบสี่ปีตามรัฐธรรมนูญ. จะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเร็ว ๆ นี้ ก็มีคำถามว่า.. เปลี่ยน พ.ศ.ใหม่เปลี่ยนใจหรือเปล่า

คนไทยจะเลือกพรรคหรือเลือกตัวบุคคลต้องตัดสินใจให้ดี ไม่มีใครบังคับได้

แต่ที่อยากจะฝากให้คิด คือ อย่าเลือกพรรคหรือนักการเมืองที่เคยโกงกิน พรรคที่เจ้าของพรรคเป็นนักธุรกิจการเมืองคอยสั่ง คอยชักใยให้ลูกพรรคทุจริตและติดคุก

อย่าเลือกนักการเมืองขี้โม้ คนพูดเก่งมักโกหก ให้ดูบทเรียนจากคนกรุงเทพ

'ชัยวุฒิ' นำทีมเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ลพบุรี ยัน!! ลุงป้อมใจดี พร้อมฟังเสียงประชาชน

เมื่อเย็นวันที่ (5 ม.ค. 66) เวลา 18.00 น. ณ ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เขต 1 จ.ลพบุรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ลพบุรี ขึ้นเวทีเปิดตัวครบทุกเขต เขต 1 พอ.สุชาติ คัดสูงเนิน, เขต 2 นายณฐพงศ์ นรสิงห์, เขต 3 นายไสว วงศ์ศรี และเขต 4 นายสนั่น พรหมสุข โดยบรรยากาศในวันนี้เต็มไปด้วยประชาชนในพื้นที่ จ.ลพบุรี ที่มาให้กำลังใจ ว่าที่ ผู้สมัคร สส.จ.ลพบุรี อย่างอบอุ่น มีการมอบดอกไม้และคล้องพวงมาลัย รวมทั้งถ่ายภาพร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง

และในโอกาสนี้ นายชัยวุฒิได้ร่วมพูดปราศรัย โดยได้กล่าวว่า “ในฐานะคนทำงานนั้น ตนดีใจที่ได้เห็นพี่น้องประชาชนชาวจ.ลพบุรี ให้การต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐกันอย่างล้นหลาม และในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น พรรคพลังประชารัฐนั้นก็ได้มีบุคลากรจำนวนมากที่มีความรู้ความสามารถ และมีใจที่พร้อมจะรับใช้พี่น้องประชาชน ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐนั้นก็ได้ลงพื้นที่ในจังหวัดลพบุรีมาโดยตลอด ทำให้ได้รับรู้ถึงปัญหา และความต้องการของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดลพบุรีเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าหากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้อง ได้รับโอกาสให้เป็นตัวแทนของประชาชน จังหวัดลพบุรีก็จะได้รับการพัฒนาอย่างแน่นอน” นายชัยวุฒิกล่าวรับปากอย่างหนักแน่น

รองโฆษก ตร. เตือน ปชช. ระวังโจรออนไลน์ หลอกให้โหลดแอปควบคุมมือถือ ก่อนฉกเงินหนี

วันนี้ (5 ม.ค. 66) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณี มีผู้เสียหาย ถูกคนร้ายส่งข้อความ “ขอขอบคุณที่ใช้บริการ จะมอบคูปองฟรีให้ 1 ใบ” ตามลิงก์ที่คนร้ายส่งให้ ผู้เสียหายกดลิงก์แอดไลน์ คนร้ายขอให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน ไลอ้อนแอร์ แล้วพิมพ์ชื่อ นามสกุล ภาษาอังกฤษ และเบอร์โทรศัพท์ จากนั้น คนร้ายบอกว่าให้รอห้ามวางสาย ต่อมาปรากฎว่ามีเงินหายไปหมดบัญชี คนร้ายยังกดเงินจากบัตรเครดิตซึ่งผูกกับ แอปพลิเคชันธนาคารออนไลน์ สูญเงินทั้งสิ้นกว่า 2 แสนบาท

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคนร้ายแอบอ้างบริษัทเอกชน ที่มีชื่อเสียงต่างๆส่ง sms แจ้งเหยื่อว่าจะได้รับของรางวัล หากหลงเชื่อจะหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมมือถือระยะไกล โดยปกติจะมีขั้นตอนของมันเล็กน้อย คนร้ายอาจจะบอกให้เรากรอก ตัวเลข หรือ ตัวอักษรสักชุด หรือไม่ คนร้ายก็หลอกถามเอาตัวเลขชุดนั้นจากเรา เมื่อคนร้ายได้รหัสหรือตัวเลขบางอย่างจากเครื่องของเรา คนร้ายจะนำรหัสไปใช้ในการควบคุมเครื่องของเราได้ทันที สามารถใช้งานบังคับ ทุกอย่างได้ เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของเครื่อง ขณะหลอกให้รอห้ามวางสาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงดูดข้อมูล จากนั้นคนร้ายจะขอเปลี่ยนรหัสเข้าบัญชีเอง เพราะมีเลข OTP ส่งจากธนาคารมาที่โทรศัพท์ผู้เสียหาย แต่คนร้ายสามารถเห็นได้ที่หน้าจอคนร้ายเอง และจะทำการโอนเงินไปสู่บัญชีเป้าหมายด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องให้เหยื่อโอนเงินให้เหมือนวิธีเดิมๆ ทำให้เหยื่อสูญเงินออกจากบัญชี

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ จึงขอประชาสัมพันธ์ วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้ สามารถป้องกันได้โดย

1. มีสติ ตรวจสอบข้อความที่ได้รับอย่างระมัดระวัง หากมีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานใดติดต่อหรือแสดงตัว ไม่ว่าเรื่องใด ๆ ให้โทรสอบถามจากเบอร์กลางของหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงนั้น ๆ ทุกครั้ง

2. ห้ามกดลิงก์หรือติดตั้งแอปที่ไม่ทราบที่มาที่ไป รวมถึงไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวใด ๆ เมื่อรับสายจากต้นทางที่ไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน

‘เพื่อไทย’ จี้ กกต. จับตา ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี หวั่นใช้งบแผ่นดินหาเสียง เอาเปรียบทางการเมือง

(5 ม.ค. 66) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ร่วมกับรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่จ.สิงห์บุรี และคาดว่าคงจะลงพื้นที่ถี่ยิบก่อนยุบสภาว่า กฎเหล็กของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีรายละเอียดชัดเจนว่าห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมือง มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การมอบสิ่งของช่วยเหลืออุทกภัย ทำให้ในช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ส.ส.และสมาชิกพรรคของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่สามารถทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยให้กับสังคมว่ากฎหมายเลือกตั้งที่มีขึ้นในยุค คสช. สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมืองหรือไม่  

การที่พล.อ.ประยุทธ์สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐ ทั้งรถยนต์ของรัฐ เครื่องบินของรัฐไปพบปะผู้ว่าฯ ใช้งบประมาณหรือกระทำการอื่นใด ที่อาจจะเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่สำนึก ยังคงเดินหน้าทำต่อไป ยืนยันได้จากการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่พล.อ.ประยุทธ์จะไปสังกัด เป็นเลขาธิการนายกฯ ซึ่งคนเขาเคลือบแคลงสงสัยว่าขัดมารยาททางการเมือง

‘นายหัวสิทธิ์’ เปิดตัวลงชิง ส.ส.โซน ‘ชะอวด-จุฬาภรณ์’ ท้าชน ‘อาญาสิทธิ์’ จาก พปชร. คนที่ตนเองเคยหนุน

ได้เจอกับนายสิทธิรัก ทิพย์อักษร หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม ‘ นายหัวสิทธิ์’ ในวันที่ผมลงไปปลูกป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งนายหัวสิทธิ์เป็นคนหนึ่งที่ให้การสนับสนุนโครงการ ‘หิ้วชั้น แบกจอบ ไปปลูกจาก’ และร่วมกิจกรรมปลูกจากจนจบสิ้น

นายหัวสิทธิ์ ถ้ามองจากภาพลักษณ์ภายนอก เขาน่าจะคือชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ไว้ผมยาว ไว้หนวด ไว้เครา ไม่พิถีพิถันกับการแต่งตัว แต่ลึก ๆ แล้ว นายหัวสิทธิ์ เขาเป็นนักธุรกิจในวงการอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างครบวงจรรายใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ เมื่อธุรกิจลงตัว เขาย้อนกลับมาดูแลบ้านเกิด มองเห็นปัญหามากมาย เขาจึงไม่นิ่งนอนใจ ด้วยการเริ่มต้นก่อตั้ง ‘ชมรมสำนึกรักษ์บ้านเกิด’ ไฟไหม้ น้ำท่วม โควิด ทุนการศึกษา ส่งเสริมกิจกรรมกีฬา เป็นภารกิจที่เข้าทำ และยังมีอีกมากมาย

นายหัวสิทธิ์ เปิดเผยกับ #นายหัวไทร ว่า ชมรมสำนึกรักษ์บ้านเกิด มีภารกิจในการอนุรักษ์ป่า ส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ช่วยเหลือเกษตรกร ชาวบ้าน ทุกปัญหาเราไม่ได้นิ่งเฉย ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย นอกเหนือจากการช่วยเหลือจากภาครัฐ เราเป็นส่วนของชาวบ้านจับมือกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน ที่ผ่านมาก็ทำหลายอย่าง น้ำท่วม ไฟไหม้ โควิดระบาด การส่งเสริมการเล่นกีฬา

“เราทำมาหลากหลายมาก ส่งเสริมคนดีให้มีความก้าวหน้า เยาวชนเราก็ให้ทุนการศึกษา ผมไม่ได้ถือว่าชะอวดคือบ้านเกิด แต่บ้านเกิดผมคือประเทศไทย ตรงไหนเดือดร้อนผมก็เข้าไปช่วยเหลือ”

นายหัวสิทธิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า เพิ่งไปสร้างโรงเรียน ตชด.ที่เชียงใหม่ด้วยทุนส่วนตัวเกือบสองล้านบาท ใครเดือดร้อนอะไร เราก็จะมาพิจารณาเพื่อให้การช่วยเหลือ

นายหัวสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่คิดว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำยังมีอีกมาก สรรหามาเป็นคำพูดยาก 

“ผมอยากสร้างความสุขให้กับตัวผมเอง อยากมีความสุขมาก ๆ ตอนนี้ก็มีความสุขระดับหนึ่ง แต่อยากเห็นคนอื่นมีความสุขด้วย ผมจะมีความสุขมาก ๆ ถ้าเห็นพี่น้องของผมมีความสุข”

สิทธิรัก กล่าวอีกว่า ภารกิจต่อไปที่ตั้งใจจะทำ คือการเป็นตัวแทนของชาวชะอวดในภาคการเมือง “ที่ผ่านมาผมก็ช่วยเหลือทุกคน แต่ไม่ได้ดั่งใจเท่าที่ควร จึงปรึกษาหารือกับทีมงาน และตัดสินใจลงสมัครเอง”

ทั้งนี้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา สิทธิรัก ให้การสนับสนุน อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ในการเลือกตั้งซ่อม และอาญาสิทธิ์ ก็ชนะการเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ ส่วนสิทธิรัก เสนอตัวลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ รอ มติจากพรรค แต่ไม่น่ามีปัญหา จะสับหลีกกันกับพงศ์สิน เสนพงศ์

กล่าวสำหรับเขตเลือกตั้งในโซนชะอวด จุฬาภรณ์ เฉลิมพระเกียรติ จุฬาภรณ์ พระพรหม มีอาญาสิทธิ์ เป็น ส.ส.อยู่ ในนามพรรคพลังประชารัฐ คู่แข่งที่ปรากฏตัวชัดแล้ว มี ‘ณัฐกิตติ์ หนูรอด’ จากพรรคภูมิใจไทย ที่เวลานี้ถือว่าเป็นคู่แข่งเต็งหนึ่งอยู่ มีสิทธิรัก ทิพย์อักษร จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และถ้าแบ่งเขตชัดเจนแล้ว ร่อนพิบูลย์บางส่วนมาอยู่เขตนี้ด้วย ‘ชัยชนะ เดชเดโช’ ส.ส.ประชาธิปัตย์ อาจจะมาลงเขตนี้ด้วย ให้ยุทธการ รัตนมาศ ไปลงโซนหัวไทร-เชียรใหญ่

หนุ่มกัมพูชาร้องสื่อ ถูกนายจ้างเบี้ยวค่าแรง ทวงเท่าไรก็ไม่คืน แถมถูกชักปืนถล่มกลับ

เมื่อวันที่ (4 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายบอล คัต อายุ 26 ปี สัญชาติกัมพูชา ว่าเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 เกิดเหตุคนร้ายบุกถล่มยิงบ้านจนได้รับความเสียหาย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 33/41 ม.4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ แล้ว แต่ด้วยตนเองเป็นชาวกัมพูชา และผู้ก่อเหตุเป็นคนพื้นที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนให้ช่วยนำเสนอ เพื่อมิให้คนร้ายกลุ่มนี้ลอยนวลได้

โดยนายบอล เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ทำงาน ที่ร้านขายกระท่อมและน้ำกระท่อมต้ม ภายในซอยชัยพฤกษ์สอง โดยตกลงค่าจ้างวันละ 300 บาท แต่เจ้าของร้านกลับเบี้ยวไม่ยอมจ่ายค่าแรงตนและเพื่อน เมื่อทักไปทวงก็จะนัดวันนั้นวันนี้ เมื่อทวงบ่อยเข้าเจ้าของร้านกลับเกิดความไม่พบใจ เคยมาด่าทอที่หน้าบ้าน กระทั่งวันที่ 3 มกราคม เจ้าของร้านกระท่อมที่ตนเองเคยทำงานด้วยได้โทรมาอาละวาดสอบถามว่า ทวงทำไมหนักหนาจนตนรับอารมณ์จากการถูกด่าไม่ไหว จึงด่าสวนกลับไป ก่อนมีการท้าทายนัดกันออกมาเคลียร์ แต่ตนเองกับเพื่อนไม่กล้าออกไป ส่วนที่ตนเองออกจากร้านนั้นเพราะเจ้าของคิดว่าพวกตนขโมยเงิน ทั้งที่เป็นไปไม่ได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บินด่วนนำทีมจับกุม ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ห้วยคต สมรู้ร่วมคิดจ้างวานเผาเสาไฟฟ้าผู้รับเหมาเสียหาย ในพื้นที่ สภ.ห้วยคต จว.อุทัยธานี

จากกรณีช่วงระหว่างวันที่ 19 - 20 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายได้ลักลอบวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้าส่องสว่างจำนวน 28 ต้น เหตุเกิดที่บริเวณถนนสายห้วยช้าง-คูคต ต.ห้วยคต อ.ห้วยคต จว.อุทัยธานี พื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ห้วยคต ภ.จว.อุทัยธานี ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลได้นำเสนอไปแล้วนั้น กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่ควบคุมดูแลสั่งการการสืบสวนสอบสวนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ มีความเกี่ยวเนื่องกับคดีอื่น ๆ อีกหลายคดีในลักษณะเดียวกันนี้ อีก 9 เหตุการณ์ ใน 7 พื้นที่ 2 จังหวัด ซึ่งมีลักษณะพฤติการณ์ในคดีใกล้เคียงกัน อาจมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ เกี่ยวข้องกับการประมูลงานในระดับท้องถิ่น และอาจมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ตราด, พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สส.บก.น.3 พร้อมด้วยทีมงานพนักงานสืบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่ 587/2565 รวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียด และเร่งรัดการสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากเกิดเหตุคดีเผาเสาไฟฟ้าจำนวนหลายต้น ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 65 นายอนุชา หรือบีม อายุ 19 ปี ได้เดินทางมามอบตัวต่อ พงส.สภ.ห้วยคต และให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ ก่อเหตุวางเพลิงเผาเสาไฟฟ้าส่องสว่างดังกล่าวด้วยตนเองจริง และได้ก่อเหตุแต่เพียงผู้เดียว พงส.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายอนุชาฯ หรือบีม ว่าได้กระทำความผิดฐาน “วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งจากกรณีดังกล่าว ทีมงานพนักงานสืบสวนฯ พบข้อพิรุธต้องสงสัยหลายประการ จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่าพฤติการณ์ตามที่นายอนุชาฯ หรือบีม ให้การรับสารภาพกับ พงส.สภ.ห้วยคต ดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง นำไปสู่รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมและยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ได้ร่วมก่อเหตุในคดีดังกล่าวเพิ่มเติม ได้แก่

1. นายสุรสีห์ หรือปลัดแมว หรือ ป.แมว อายุ 45 ปี ปลัดอำเภอห้วยคต ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1/2566 ลงวันที่ 2 ม.ค.66
2. นายวิรัตน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า วนอุทยานห้วยคต ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2/2566 ลงวันที่ 2 ม.ค. 66 

ซึ่งได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และซ่องโจร' 

ตร.ภ.7 โชว์ผลกวาดล้างอาชญกรรมช่วงปีใหม่ จับกุมผู้ต้องหา - ยึดของกลางได้จำนวนมาก

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ และ กวดขันจับกุมมาตรการ 10 ข้อหาหลัก เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2566 ภายใต้แผนยุทธการ ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี พร้อมของกลางจำนวนมาก

(4 ม.ค. 66) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 7 ชั้น 2 ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม กาญจนบุรี เพชรบุรี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ตลอดจนผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมให้ห้วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ภายใต้แผนยุทธการ ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 65 - 30 ธ.ค.65 (ระยะเวลา 10 วัน) พร้อมของกลางจำนวนมาก

ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีความห่วงใยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวและประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาของตน อาจมีผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสก่ออาชญากรรม ก่อให้ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการเดินทางสัญจรของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน จึงบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรม และกวดขันจับกุม 10 มาตรการหลักเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ

ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมสนองรับนโยบาย ควบคุมการปฏิบัติ และสั่งการให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในสังกัด 8 จังหวัด และผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานในพื้นที่ ระดม กวาดล้างอาชญากรรมในห้วงดังกล่าว และกวดขันจับกุม 10 มาตรการหลักเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในห้วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา (ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.65 - 2 ม.ค.66) โดยมีผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมภายใต้แผนยุทธการ ‘พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี’ (ระหว่างวันที่ 20 - 29 ธ.ค.65) เน้นเป้าหมายความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ยาเสพติด พรบ.คนเข้าเมือง และบุคคลหมายจับ เพื่อป้องกันเพื่อลดโอกาสมิให้ผู้ไม่หวังดีก่ออาชญากรรมในช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จับกุม 584 ราย ผู้ต้องหา 584 คน
2. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุม 1,977 ราย ผู้ต้องหา 1,993 คน
3. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จับกุม 789 หมาย ผู้ต้องหา 786 คน  
4. ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ จับกุม 2,312 ราย ผู้ต้องหา 2,326 คน
5. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน จับกุม 474 ราย ผู้ต้องหา 552 คน
6. ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ จับกุม 8 ราย ผู้ต้องหา 8 คน

พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1. อาวุธปืน รวม 503 กระบอก แบ่งเป็น
1.1 อาวุธปืน ไม่มีทะเบียน 420 กระบอก   
1.2 อาวุธปืน มีทะเบียน 83 กระบอก 

2. วัตถุระเบิด 48 ลูก

3. เครื่องกระสุนปืน 954 นัด

4. ยาเสพติด จำนวนมาก แบ่งเป็น
- ยาบ้า 46,020 เม็ด
- ยาไอซ์ 2,515 กรัม
- เฮโรอีน 7.22 กรัม  
- ยาอี 11 เม็ด
- ยาเค 5.98 กรัม

[LIVE] สัมภาษณ์พิเศษ! ส.ส. รักษ์ผืนป่า และรองหัวหน้ารวมไทยสร้างชาติ | ELECTION TIME EP.11

[LIVE] สัมภาษณ์พิเศษ! คุณดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และคุณวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

. ในประเด็น Hot!

📌 พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กั๊ก!! ยังไม่เลือกข้าง

เน้นนโยบายแก้ปัญหาผืนป่าเรื้อรังเป็นตัวชูก่อน

📌 ไม่พลิก!! ‘พล.อ.ประยุทธ์’ เข้าก๊วน ‘รวมใจไทยสร้างชาติ’

.

🎥 ช่องทางรับชม

•Facebook : THE STATES TIMES/THE STATES TIMES PODCAST

•YouTube : THE STATES TIMES/THE STATES TIMES PODCAST

.

🎤ดำเนินรายการโดย... 'ปรเมษฐ์ ภู่โต'

Chief Content Officer THE STATES TIMES

.

🎤แขกรับเชิญสุดพิเศษ . คุณดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และ คุณวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

[LIVE] เช็กความพร้อม 'ประชาธิปัตย์' กับ 'องอาจ คล้ามไพบูลย์' | ELECTION TIME EP.10

[LIVE] เปิดใจ องอาจ คล้ามไพบูลย์

📌เช็กความพร้อมพรรค 'ประชาธิปัตย์'

.

🎥 ช่องทางรับชม

•Facebook : THE STATES TIMES/THE STATES TIMES PODCAST

•YouTube : THE STATES TIMES/THE STATES TIMES PODCAST

.

🎤ดำเนินรายการโดย... 'ปรเมษฐ์ ภู่โต'

Chief Content Officer THE STATES TIMES

.

🎤และแขกรับเชิญสุดพิเศษ 'องอาจ คล้ามไพบูลย์'

ประธาน ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top