Thursday, 19 June 2025
SPECIAL

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 : หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

พร...ที่ประเสริฐที่สุด
คือ พรที่มาจากการสร้างความดี
ความดี...ที่ดีที่สุด
คือ ความดีที่ตัวเราเองสร้างขึ้นมา
โดยที่ไม่ต้องให้ผู้อื่น..อวยพรให้

‘ตำรวจ’ จับ 2 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่  ฉวยโอกาสช่วงปีใหม่ ขนส่งยาเสพติด

การกวาดล้างจับกุมและขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายทุกมิติอย่างเร่งด่วน  ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.นั้น ตำรวจ ปส. ได้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุมเข้มตรวจสอบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งขบวนการมักอาศัยช่วงเวลาเหล่านี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปจำหน่ายให้กลุ่มลูกค้าตามสถานบันเทิง สถานบริการจำนวนมาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.ธนรัช สอนกล้า ผบก.ปส.2 สั่งการให้ รวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบ ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งสามารถจับกุมได้ 2 คดี 

คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 จับกุม นายสมบูรณ์ สงวนนามสกุล อายุ 43 ปี ได้ริมถนนมิตรภาพ บริเวณแยกจุดให้สัญญาณจราจร ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี พร้อมตรวจยึดสารไอซ์ จำนวน 135 กก., ยาอี 40 ถุง รวม 40,000 เม็ด, วัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) จำนวน 44 กก., ยา Happy water บรรจุอยู่ในซองกาแฟซอง 1,313 ซอง, รถยนต์ PROTON หมายเลขทะเบียน ฆฮ 2893 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด และ โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง

เบื้องต้น แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (สารไอซ์, ยาอี, Happy water) ไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

‘รวบอธิบดีกรมอุทยานฯ - แต่งตั้งอธิบดีกรมฝนหลวง’ 2 เหตุการณ์ร้อน สะท้อนตำแหน่งแห่ง ‘ผลประโยชน์’

หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้พากันพร้อมใจพาดหัวข่าวใหญ่เกี่ยวกับอธิบดีกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ‘รวบอธิบดีกรมอุทยานฯ หรือ ครม.เดือด แต่งตั้งอธิบดีกรมฝนหลวง’

ประเด็นแรกคือ เช้าของวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ตำรวจจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) บุกเชิญตัว นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในระหว่างการประชุมร่วมกับผู้บริหารส่วนต่าง ๆ ของกรมอุทยานฯ ทั่วประเทศ ที่อาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมฯ อีกจำนวนมากรอมอบของขวัญปีใหม่ ถือว่าสั่นสะเทือนกรมอุทยานฯ อย่างยิ่ง

นายรัชฏา โดนข้อหา ‘เป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต’ ถือว่ารุนแรงอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ จากการตรวจค้นห้องทำงานของ นายรัชฎา ยังพบเงินสดประมาณ 5 ล้านบาทอยู่ในตู้เซฟ และส่วนหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ตำรวจจึงทำการยึดไว้ตรวจสอบต่อไป แต่นายรัชฏายังให้การปฏิเสธอยู่ และจะให้การในชั้นศาล

กล่าวสำหรับนายรัชฏาเป็นน้องชายคนเล็กของ พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา เตรียมทหารรุ่น 12 เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่ภายหลังได้ขอลาออกเนื่องจากเหตุผลได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ แทนนายธัญญา เนติธรรมกุล (วน.47) อธิบดีคนเก่า ที่หมดวาระเนื่องจากดำรงค์ตำแหน่งมาครบ 8 ปี และเป็นการได้รับการแต่งตั้งท่ามกลางข้อครหาความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจกันเองของศิษย์วนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์

ขยายผลจับกุมแก๊งนอมินีต่างชาติ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด สตม.ร่วมกับ บช.ก. ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อาภากร  โกมลสุทธิ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวขยายผลการจับกุมตัวคนต่างด้าวซึ่งมีพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจโดยใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการแทน (นอมินี) ดังนี้ 
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้เข้าจับกุมตัว Mr.SHAO คนต่างด้าว ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ในข้อหา “ยื่นขอมีบัตรประชาชนไทยโดยมิได้มีสัญชาติไทยฯ” พร้อมตรวจยึดของกลางรวม 36 รายการ ได้ที่สมาคมพ่อค้าไทย ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ซึ่งในการเข้าตรวจค้นจับกุมพบพยานหลักฐานว่า Mr.SHAO มีพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการแทน (นอมินี) จำนวน 3 บริษัท จึงได้ร่วมกับ บก.ปอศ. สืบสวนขยายผลจนพบชาวไทยผู้ให้ความช่วยเหลือ Mr.SHAO ในการประกอบธุรกิจในบริษัทดังกล่าว โดยต่อมาได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อเข้าตรวจค้นบริษัทที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด จำนวน 3 บริษัท คือ
1. บริษัท คิววาย ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด 
2. บริษัท ลีฟ อิเล็กทริก จำกัด 
3. บริษัท โฮป โฮม บิวดิ้ง จำกัด

ปปส กทม จับมือฝ่ายสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน เปิดรถของกลาง 11 คันในผับจินหลิง เก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ พบยังไม่เคยถูกตรวจสอบ จากที่ตรวจยึดไว้ทั้งหมด 35 คัน ผอ.ปปส. กทม. เผย ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในคดี 4,400 ล้านแล้ว

วันนี้ (27 ธ.ค.65) เวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กู้เกียรติ เจริญบุญ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด  นายอุดมชัย โลหณุต. ผอ.สำนักงาน ปปส.​กทม. และกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปเปิดรถยนต์ของกลางจำนวน 11 คัน จากที่ตรวจยึดไว้ 35 คัน ในผับจินหลิง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 

โดยพบว่ารถทั้ง 11 คันยังไม่เคยถูกเปิดและเก็บลายนิ้วมือ รวมทั้งดีเอ็นเอและเอกสารภายในรถ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่เป็นรถของนายทุนจีนสีเทา ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว โดยเฉพาะรถยนต์ อัลพาร์ด สีดำทะเบียน 7 กภ 1234 ซึ่ง จากเอกสารภายในรถพบว่าเป็นของนายหยาง เฉิน ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของนายตู้ห่าว 

และอีกคันคือรถยนต์โรลสรอยส์  ซึ่งมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปถึงคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านตากสิน โดยก่อนหน้านี้มีการตรวจค้นไปแล้วสองครั้งและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินไว้จำนวนมาก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นวันนี้เป็นการตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอภายในรถแต่ละคันซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้เปิดตรวจ จึงต้องทำให้ครบถ้วนนอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกหลายรายการที่ไม่ได้ถูกตรวจเช่นกันไม่ว่าจะเป็นชิปแลกเงินสำหรับเล่นการพนัน ถาดรองไม้ซึ่งน่าจะใช้เป็นถาดรองยาเสพติดสำหรับสูดดม และยังมีหลอดสำหรับเสพยาตกกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ 

โดยยืนยันว่าขณะนี้ฝ่ายสืบสวนได้ ดำเนินการในส่วนของคดีนายตู้หาว ครบแล้ว 100% ที่เหลือเป็นส่วนของสำนวนการสอบสวนซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ทางทีมสืบสวน ไม่มีความเกี่ยวข้อง 

ส่วนปัญหาที่นายชูวิทย์ เป็นห่วงนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวลเพราะถึงปัจจุบันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เข้ามาดูแลเรื่องสำนวนการสอบสวนด้วยตัวเองดังนั้นการทำงานจากนี้ไปก็ต้องเป็นไปตามกลไกส่วนจะมีการบันทึกหลักฐานชิ้นใดเกี่ยวข้องกับในคดีใดบ้างส่วนนี้เป็นหน้าที่ของนครบาล

'สืบนครบาล' รวบเสี่ยณัฐพระโขนงหลอกนำทองปลอมหลอกขายพริตตี้สาว

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบที่กระทำความผิดสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก  ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMBได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนจากประชาชนอาชีพพริตตี้ถูกคนร้ายนำทองปลอม น.น. 2 บาท มาหลอกขาย เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายจำนวน 30,000 บาท  และจากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์คนร้ายที่ก่อเหตุเคยถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และฉ้อโกงมาแล้ว 2 ครั้ง 

ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 18.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ  ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯบก.สส.บช.น. ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัว 

นายณัฐอินทร์ทัช อายุ 34 ปี ที่อยู่ เลขที่ 7 ซอยวชิรธรรมสาธิต 74 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โดยกล่าวหาว่าฉ้อโกง ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 622/2565 ลงวันที่  2 กันยายน พ.ศ.2565 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณลานจอดตลาดรถวิน ภายในซอยศรีนครินทร์ 40 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

จากการซักถามปากคำในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าเมื่อ มิ.ย.65 ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะนำทองปลอมน้ำหนัก 2 บาท มาเสนอขายให้แก่พริตตี้สาวผู้เสียหาย แต่ทองดังกล่าวอ้างว่าตนได้มาจากการรับซื้อมาจากคนที่เล่นเสียพนัน โดยในวันเกิดเหตุเมื่อตนได้ทองมาจากผู้เล่นเสียพนันให้ตนแล้ว ตนได้นัดพริตตี้สาวให้มาพบ ต่อมาตนมีธุระที่จะต้องใช้เงินด่วนจึงได้เสนอให้พริตตี้โอนเงินเข้าบัญชีตนจำนวน 30,000 บาท เพื่อแลกกับสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนมิได้ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาเป็นคนที่มีความรู้ด้านการสั่งทำกรอบพระ สั่งทำเครื่องประดับ ที่ทำจากเงินและทองไม่บริสุทธิ์ โดยมีร้านรับทำกรอบพระย่านศรีนครินทร์เป็นของตนเอง จึงมีความรู้ในการสั่งซื้อสั่งทำเครื่องประดับ รวมทั้งรู้แหล่งซื้อทองปลอมราคาหลักพัน ประกอบกับเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์กระทำความผิดของผู้ต้องหาพบว่าก่อนหน้าที่จะมาถูกจับกุมในครั้งนี้ ผู้ต้องหาดังกล่าวเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง และ ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน มาแล้ว 2 ครั้ง คือ

ลุ้น!! ‘ประยุทธ์’ สลายขั้วขัดแย้งได้จริงหรือ เมื่อ ‘คู่กัด’ เมืองหอยใหญ่โคจรมาอยู่พรรคเดียวกัน

คุยกันสนั่นลั่นสภากาแฟแถวปักษ์ใต้ ตั้งแต่ชุมพร ยันสงขลาว่ามันจะเป็นไปได้เหรอที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เปิดอกแบไต๋ออกมาแล้วว่าจะทิ้งพลังประชารัฐ และไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกับการเปิดตัว ‘บิ๊กเนม’ อย่าง ‘ไตรรงค์ สุวรรณคีรี’, ‘กำนันศักดิ์-พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว’ นายก อบจ.สุราษฏร์ธานี และ ‘ชุมพล กาญจนะ’ อดีต ส.ส.สุราษฏร์ 7 สมัย และ ‘ชัช-เตาปูน’ หรือ ‘ชัชวาลย์ คงอุดม’ จากพรรคพลังท้องถิ่นไทย

คนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับ ‘กำนันศักดิ์’ กับ ‘ชุมพล กาญจนะ’ ที่แม้จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯ อีกสมัย แต่ทั้งคู่ คือ ‘คู่กัด’ ที่โคจรมาอยู่ในพรรคเดียวกัน

หากย้อนเวลากลับไปเมื่อปลายปี 2563 กำนันศักดิ์ ผู้สร้างฐานอำนาจมาจาก สจ.มากบารมีจากฟาร์มหอยแครง กับ ชุมพล ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ในศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.สุราษฏร์ธานีนั้น จะพบว่าต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์มาสู้กันทุกรูปแบบ และท้ายที่สุด กำนันศักดิ์ เอาชนะ ชุมพล กาญจนะ ไปได้ ม้วนเดียวจบ แต่มิวายก็มีการยื่นคำร้องเรียน ว่าทีมงานกำนันศักดิ์ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จ่ายเงินทำบุญงานบวช แต่สุดท้าย กำนันศักดิ์ ก็สู้จนชนะในชั้นศาลอุทธรณ์และนั่งเป็นนายกฯ อบจ.สุราษฎร์ธานีจนถึงทุกวันนี้

เก่าแก่ที่สุด!!

รู้จัก ‘พรรคประชาธิปัตย์’ หรือชื่อย่อ ปชป. (Democrat Party) สถาบันการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2489 โดยนายควง อภัยวงศ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 76 ปี และผ่านสถานการณ์การเมืองมาแล้วทุกรูปแบบ

บิ๊กเด่น แถลงผลงาน ตำรวจ ปส.ขยายผลทลายเครือข่ายภาคเหนือ ลอบขนยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด  ส่งลูกค้าภาคกลาง

วันนี้เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาเป็นประธานแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายยาเสพติดพร้อมยาบ้าจำนวนมาก พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส. และ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส.บช.ปส. ซึ่งจากนโยบายเร่งด่วนของ ผบ.ตร. ในการปราบปรามยาเสพติด เดินหน้าเชิงรุกทุกมิติการทำงานเพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชนทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุม รวมทั้งขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก

จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดสกัดกั้นจับกุมและสืบสวนขยายผลการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด บช.ปส. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจข่าวกรองยาเสพติด บช.ปส. สนธิกำลังจับกุม 2 ผู้ต้องหา คือ นายอลงกรณ์ โรจนวิภาต อายุ 28 ปี และ นายทวีศักดิ์ สุกงาม อายุ 47 ปี ได้ริมถนนภายในหมู่บ้านหนองแรต ม. 8 ต.หนองกลับ อ.หนองบัว จว.นครสวรรค์ และ บริเวณทางเข้า บ้านเลขที่ 11/2 ม.9 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จว.สิงห์บุรี  

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2565 : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

การกระทำใด ๆ ที่ทำไปโดยต่อเนื่อง

ของเล็ก...ก็จะกลายเป็นของใหญ่

บุญน้อย...ก็จะกลายเป็นบุญมาก

ทำดีไม่ได้ผล เพราะทำตนลุ่ม ๆ ดอน ๆ

ทำดีที่ได้ผล เพราะทำตนสม่ำเสมอ

วาทกรรมอำพราง สูตรสำเร็จนักการเมืองที่ใช้ครองใจมวลชน แต่ผลกรรมตกอยู่ที่ประชาชนร่ำไป

จากการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองโดยมีประชาชนเป็นแกนหลัก ภายใต้นาม ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ (พธม.) ตั้งแต่กลางสมัยรัฐบาล ‘ทักษิณ 1’ ต่อเนื่องกระทั่งประเทศไทยเดินเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2549 สังคมไทยเริ่มถูกแบ่งด้วยขั้วการเมืองออกเป็นสองฝักฝ่ายอย่างชัดเจน เป็นเหตุให้ความสามัคคีของชนชาวสยามซึ่งพร้อมจะขาดผึงอยู่รอมร่อถูกทุกทำลายลงอย่างไร้หนทางหลีกเลี่ยง

เริ่มจากมีคนกลุ่มคน ‘สวมเสื้อสีแดง’ เข้าลอบทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรซึ่ง ‘สวมเสื้อสีเหลือง’ อันมีนัยหมายถึง ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อในหลวงรัชกาลที่ 9

ลองไปหาดูได้ไม่ยากว่าสีแดงแรกเริ่มนั้นสกรีนบนอกเสื้อว่าอะไร

แม้ดูเหมือนความชุลมุนจะจบลงที่เหตุรัฐประหาร 29 กันยายน ของปีเดียวกัน โดย ‘คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ’ (คมช.) ความระส่ำระสายแตกแยกของผู้คนก็ไม่มีทีท่าเบาบางจางลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับมีมวลชนจัดตั้งจากฝ่ายการเมืองผู้สูญเสียผลประโยชน์ โดยตั้งเป้าหลักคือต่อต้านการยึดอำนาจ เริ่มจากกลุ่มคนเล็กๆ ปราศรัยในสนามหลวง จนเติบโตกลายเป็น ‘กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ’ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง

เข็นเสื้อแดง นปช. ออกมาชนเสื้อเหลือง พธม. อย่างเต็มรูปแบบ

สร้าง ‘ตีนตบ’ (พลาสติก) ออกมาฉะสู้กับ ‘มือตบ’ ประมาณนั้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนคือน้ำมือนักการเมืองผู้กระสันแย่งชิงความได้เปรียบทั้งสิ้น

แม้กลุ่มคนผู้รวมตัวเรียกร้องทางการเมืองในภายหลัง ซึ่งเรียกตนเองว่าเป็น ‘ประชาชน’ ที่รับรู้ทั่วไปว่ามาจากการ ‘จัดตั้ง’ โดยกลุ่มนักการเมืองผู้สูญเสียประโยชน์และอำนาจยืนกำกับการแสดงอยู่เบื้องหลัง และหันมาใช้วิธีการดั้งเดิม คือ สร้างสูตรสำเร็จทางความเชื่อด้วย ‘วาทกรรม’

นักการเมืองไทยทุกยุคทุกสมัยรู้ดีว่า ‘วาทกรรม’ คือ ‘สูตรสำเร็จของการครองใจคน’ เปรียบประดุจอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน โดยผู้บริโภคไม่ต้องคอยกังวลใส่ใจว่าส่วนผสมหรือกรรมวิธีการปรุงนั้นมีที่มาอย่างไร เพียงแค่ผลิตป้อนให้รสชาติอร่อย ‘แซบ ลำ นัว หรอย’ ถูกปากถูกใจ (สาวก) เป็นพอ

คำ ‘ไพร่ อำมาตย์ และฝ่ายประชาธิปไตย’ จึงถือกำเนิดจนถูกจดจำนำมาใช้ต่ออย่างแพร่หลายยาวนาน นั่นเพราะ ‘วาทกรรม’ บริโภคง่ายไม่ต้องอาศัยกระบวนการทางความคิดมาบดย่อยให้ยุ่งยาก ไม่ต่างจากเหตุการณ์ต่อสู้ชิงอำนาจ ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ กับ ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ ยุค พ.ศ. 2475 ที่ใช้การแจก โปรยใบปลิวตามท้องถนน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นวาทกรรมบิดเบือนให้ร้าย และถูกผลิตจากโรงงานการเมือง

ศ.ดร.ธีรยุทธ บุญมี อดีตแกนนำนักศึกษา และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย เคยกล่าวถึงเรื่องวาทกรรมไว้อย่างน่าสนใจว่า “...น่าเป็นห่วงวิกฤติรอบใหม่ในลักษณะวาทกรรมที่จะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะค่อยทำลายคนที่ถูกมองว่าเป็นกลุ่มอื่น หรือคนอื่น ทีละเล็กทีละน้อย”

โฆษก ตร. เตือนภัย แชร์ลูกโซ่บ้านออมทอง เพจเฟซบุ๊ก เฟื่อง โกลด์ ดัง ออมทอง ขายทองออนไลน์ อ้างดารามีชื่อร่วมโปรโมต เหยื่อสูญเงินกว่า 700 ล้านบาท


วันนี้ (24 ธ.ค. 65) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยกรณี บ้านออมทอง เพจเฟซบุ๊ก เฟื่อง โกลด์ ดัง ออมทอง ขายทองออนไลน์ โพสต์โฆษณาชักชวนให้ร่วมลงทุนออมทอง อ้างดารามีชื่อร่วมโปรโมท หลอกให้ร่วมลงทุนและเป็นตัวแทนหาสมาชิกมาร่วมลงทุนออมทองผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนเชิดเงินหลบหนีไปรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 700 ล้านบาท

โฆษก ตร. กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าวกรณี บ้านออมทอง ซึ่งมีหน้าร้านอยู่ที่จังหวัดสระบุรี โดยใช้ชื่อว่าร้านทองเฟื่อง โกลด์ ดัง และมีเพจเฟซบุ๊กชื่อเฟื่อง โกลด์ ดัง ออมทอง ขายทองออนไลน์ โพสต์โฆษณาชักชวนให้ร่วมลงทุนออมทอง อ้างได้ค่าตอบแทนสูง ลงทุนระยะสั้น 23,000 บาท ครบ 1 เดือน จะได้รับทองคำน้ำหนัก 1 บาท ซึ่งราคาต่ำกว่าท้องตลาด นอกจากนี้ยังชักชวนให้เป็นตัวแทนหาสมาชิกมาร่วมลงทุนออมทอง โดยจะได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าตอบแทน 300 บาท ต่อการลงทุนออมทองคำน้ำหนัก 1 บาท คนร้ายสร้างความเชื่อถือโดยการช่วงแรกมีการจ่ายปันผล ได้รับทองคำ หรือ ค่าตอบแทนจริง ประกอบกับมีกลุ่มตัวแทน หรือหน้าม้า คอยรีวิวสร้างความมั่นใจ กับบ้านออมทองแห่งนี้ เพราะมีที่ตั้งร้านทองชัดเจน เปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 1 ปี 5 เดือน และทุกเดือนพวกเขาก็ได้เงินตรงตลอด ส่วนทองคำลูกค้าจะเอาเมื่อไรก็ไม่เคยเบี้ยว อีกทั้งอ้างว่าเคยมีการเชิญ อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 มาร่วมโปรโมทร้าน ทำให้ดูน่าเชื่อถือ จึงมีเหยื่อหลงเชื่อไปชักชวนคนรู้จักมาร่วมลงทุนรวมกว่า 700 ล้านบาท

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า วิธีป้องกันตนเองต่อภัยโจรออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ในกรณีนี้สามารถตั้งข้อ สังเกตว่าอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ออมทอง ได้ดังนี้

1. ทุกคนสามารถที่จะร่วมลงทุนในการออมทองได้ ไม่จำกัดอายุ อาชีพ เพศ การศึกษา หรือประสบการณ์ใดๆ และสามารถนำเงินมาร่วมลงทุนในการออมทองได้ไม่จำกัด

2. บ้านออมทองแห่งนี้ ลงทุนระยะสั้น 23,000 บาท ครบ 1 เดือน จะได้รับทองคำน้ำหนัก 1 บาท ซึ่งราคาต่ำกว่าท้องตลาด

3. ลักษณะการออมทอง คือการเปิดรับตัวแทน(แม่ข่าย) เน้นการสร้างเครือข่าย รายรับที่ได้มาจากการหาสมาชิกเพิ่ม ตัวแทนจะได้รับรายได้เป็นเปอร์เซ็น เช่น ถ้าลูกข่ายออมทองน้ำหนัก 1 บาท ตัวแทนก็จะได้เงิน 300 บาท

4. มีการสร้างความน่าเชื่อถือ โดยช่วงแรกจ่ายค่าปันผล ได้รับทองคำ หรือค่าตอบแทนจริง อีกทั้งกล่าวอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับในสังคมร่วมโปรโมทร้าน

5. การชักชวน ระดมหาสมาชิก จะมีการเร่งรัดให้ตัดสินใจเข้าร่วมให้ลงทุน โดยผู้ชักชวน ปิดบังไม่ให้ข้อมูลให้ครบทุกด้าน

สมุทรปราการ - ‘ทรงพล ทองวิจิตร’ นักธุรกิจชื่อดัง ทุ่มเงินกว่า 15 ล้าน เปิดร้านอาหารสุดหรู ‘ลา คาแนล คาเฟ่’

นายทรงพล ทองวิจิตร ผู้บริหาร ลา คาเเนล คาเฟ่ และ กรรมการบริหาร บริษัท ทรงพลการบัญชีและกฎหมาย จำกัด ถือฤกษ์ดี วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ตัดลิ๊บบิ้นเปิดร้านอาหารสุดหรู อย่างยิ่งใหญ่อลังการ หลังทุ่มเงินในการก่อสร้างจำนวนกว่า 15 ล้านบาท ในพิธีประกอบไปด้วย การถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสฉลองเปิดร้านอาหารใหม่ สไตล์วิคตอเรียล ซึ่งเป็นสไตล์แนวยุโรป ใช้ชื่อว่า ลา คาเเนล คาเฟ่ โดยร้านนั้นตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง ตรอ. ถนนเทพารักษ์ ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เยืองกลับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดกับโรงพยาบาลสินแพทย์เทพารักษ์

ภายในงานยังได้รับเกียรติ จากท่าน พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้เกียรติมาเป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดงานและร่วมแสดงความยินดีกับนายทรงพล ทองวิจิตร ผู้บริหาร ลา คาเเนล คาเฟ่ เนื่องในโอกาสฉลองเปิดร้านอาหารใหม่ ภายในงานยังมี พลตำรวจตรี ดร.พัลลภ แอร่มหล้า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และ ข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจ ร่วมแสดงความยินดีกันเป็นจำนวนมาก

ภายในงานยังได้พบกับศิลปินชื่อดัง บ่าววีอาร์สยาม / ติ๊ก ชีโร่ / ศร ศรศักดิ์ สวนแก้ว เจ้าของเพลงดัง “ใจปลาซิว” และ รอน อรัญฯ อีกทั้ง ยังได้พบกับ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟชื่อดังระดับประเทศ ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารไทย มาโชว์การทำอาหารให้กับแขกผู้มีเกียรติได้ลิ้มลอง

โดย นายทรงพล ทองวิจิตร ผู้บริหาร ลา คาเเนล คาเฟ่ กล่าวว่า ตนเองนั้นมีความคิดริเริ่มที่อยากจะเปิดร้านอาหาร ซึ่งเดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นที่รกร้าง ก่อนจะถูกรีโนเวทและถูกสร้างเป็นร้านอาหาร ซึ่งร้านอาหาร ลา คาเเนล คาเฟ่ เป็นเอกลักษณ์ของสภาปัตยกรรม สไตล์วิคตอเรียล ออกแบบการสร้างอย่างสวยหรูโดยนักออกแบบมืออาชีพ และในส่วนการตกแต่งร้านรวมถึงเฟอร์นิเจอร์นั้น เป็นการนำเอาเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยการประยุคประสมประสานในรูปแบบสไตล์ยุโรปเข้าด้วยกัน

มีห้องจัดเลี้ยง ที่สามารถรองรับได้ถึง 300-400 คน เป็นอาคารสูงสามชั้น บรรยากาศดี ด้านหลังติดกับคลองสำโรง เหมาะสำหรับจัดงานเลี้ยงรับรอง งานฉลอง งานเทศกาลปีใหม่ หรืองานสังสรรค์ต่างๆ ในส่วนความโดดเด่นของร้าน ลา คาเเนล คาเฟ่ นั้น มีทั้งอาหาร ไทย จีน ฝรั่ง ในส่วนเชฟประจำร้านเป็นเชฟมืออาชีพ มีประสบการณ์และมีความชำนาญในด้านการปรุงอาหารที่โดดเด่น 

อีกทั้ง ในการฉลองเปิดร้านใหม่ในครั้งนี้ ทางร้าน ลา คาแนล คาเฟ่ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติและผู้ที่มาร่วมภายในงาน โดยทางร้านจะมีส่วนลดพิเศษ 15 % และมีระยะเวลานานถึง 1 ปี สำหรับประชาชนท่านใดที่สนใจจะเดินทางมาลิ้มรสกับรสชาติความอร่อยของร้าน ลา คาแนล คาเฟ่ บรรยากาศแบบธรรมชาติ และมีอาหารที่หลากหลายให้เลือก สามารถโทรสอบถามได้ที่ 095-459-2483 และ 081-554-4435 


คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

รู้จัก ‘พรรคเพื่อไทย’ พรรคใหญ่อันดับ 1 ของการเมืองไทยในแง่จำนวน ส.ส. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กับเป้าหมาย ‘แลนด์สไลด์ 

รู้จัก ‘พรรคเพื่อไทย’ พรรคใหญ่อันดับ 1 ของการเมืองไทยในแง่จำนวน ส.ส. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กับเป้าหมาย ‘แลนด์สไลด์ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top