Wednesday, 18 June 2025
NEWS FEED

'เปิ้ล ไอริณ'ไม่ทน!! เอาผิดอินฟลูฯ เล่าข่าว วิจารณ์เดือด เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท นำเงินไปช่วยทหารผ่านศึก

(2 มี.ค. 68)  ‘เปิ้ล ไอริณ’ เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.คันนายาว พร้อมทนายอัครเดช หวังสุข และ ทนายนพฤทธิ์ จันทร์สุวรรณ เข้าแจ้งความหมิ่นประมาท กรณี ‘อินฟลูเล่าข่าว’ ได้โพสต์คลิปโดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ในแอพพลิเคชั่น TikTok ที่โพสต์ไว้เมื่อปี 2566 

เปิ้ล ไอริณ เผยว่า ปกติไม่เล่นติ๊กต็อก แต่วันนั้นเข้าไปเห็นคลิปที่อินฟลูฯสาวโพสต์ มีการกล่าวพูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญในชีวิตของเปิ้ลก็คือคุณแม่ ทุกวันนี้ก็ยังห้อยกระดูกแม่ติดตัว โดยเปิ้ลได้สืบมาแล้วว่า เขาเป็นใคร ทำอะไร

รวมไปถึงคนที่เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าวด้วยว่า ที่มีการด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงแม่ ตา ยาย ใครที่แตะถึงบรรพบุรุษ เปิ้ลเอาเรื่องทุกคน ให้เวลา 3 วันรีบลงทิ้ง หากไม่ลบจะให้ทางทนายจัดการทั้งหมด

เปิ้ล กล่าวว่า ที่ผ่านมาขอให้จัดการให้เรียบร้อย แต่ 1 เดือนผ่านไป ยังไม่มีการตอบกลับ หากจะมาขอโทษ ทุกคำด่ามีค่าใช้จ่าย ตนเองมาที่ สน.ก็ต้องมีการจ้างทนายความ ในทุกเดือนเปิ้ลจะนำเงินไปบริจาคให้กับทหารผ่านศึก เงินที่ได้จากการฟ้องก็จะนำไปมอบให้กับทหารผ่านศึกเช่นกัน โดยฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ก็เห็นคู่กรณีนั่ง first class อยู่ตลอดเวลา เงินจำนวนเท่านี้คงไม่ได้มาก แต่มันมากสำหรับการเอาไปช่วยทหารผ่านศึก

เปิ้ล ยังได้โพสต์ภาพคุณแม่และข้อความว่า เนื่องในวันที่ 28 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. เปิ้ลจะไปแจ้งความในคดีหมิ่นประมาทออนไลน์ ซึ่งตั้งแต่เปิ้ลอยู่ในวงการมาเกือบ 30 ปี ครั้งนี้ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทที่รุนแรงที่สุด โดยนักข่าวและพิธีกรคนดังได้กล่าวพาดพิงและสร้างความเกลียดชัง ชักชวนผู้อื่นให้เข้ามาด่าทอ ด้อยค่าเปิ้ล ถึงเรื่องที่เปิ้ลเคยแสดงออกในการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และบุคคลนี้ ได้กล่าวลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเปิ้ล ซึ่ง ณ ที่นี้ ทุกคนจะรู้ดีว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในชีวิตเปิ้ล ที่เปิ้ลระลึกและพูดถึงอยู่เสมอ ก็คือคุณแม่ของเปิ้ล แม้คุณแม่จะจากไป เป็นคนบนฟ้านับ 10 ปีแล้ว แต่ทุกๆปี เปิ้ลก็ยังคงระลึกถึงท่าน ทำบุญทุกวันครบรอบ นำกระดูกแม่มาห้อยคอติดตัวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดและยังสวดมนต์แผ่เมตตาให้ท่านทุกคืน ไม่เคยขาด!!

....การอยู่ในวงการนี้ จะด่าทำร้าย....การใช้พื้นที่ในโลกโซเชียล ถือเป็นสิ่งพึงระวัง หากพาดพิงถึงบุคคลอื่นที่เราไม่รู้จัก ด้วยความเกลียดชัง เพื่อสร้างยอดไลค์ สามารถสร้างความเสียหาย มีโทษอาญาถึงขั้นจำคุก และถ้าบุคคลนั้น ยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ที่มีอิทธิพลกับคนหมู่มาก ยิ่งพึงต้องระวัง โดยเฉพาะการใช้คำพูด ที่มีเจตนาในการสร้างความเกลียดชัง ในที่สาธารณะและสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นทั้งทางด้านจิตใจและชื่อเสียง

สมุทรปราการ-ชัยรัชต์พงษ์ ขึ้นเวทีปราศรัยชูนโยบายพัฒนาบางแก้ว ประชาชน กว่า 1,000 คน ส่งเสียงเชียร์

นายชัยรัชต์พงษ์ กุลรัตนจินดา ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว หมายเลข 3 ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยหาเสียงพร้อมทั้งชูนโยบายแผนพัฒนาเมืองบางแก้วให้มีความเจริญก้าวหน้า

โดยนายชัยรัชต์พงษ์ กุลรัตนจินดา ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว หมายเลข 3 นำคณะสมาชิกกลุ่มบางแก้วรวมพลัง ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยหาเสียงซึ่งเป็นเวทีแรกในการหาเสียง ภายในโรงเรียนวัดหนามแดง ต.บางแก้ว อ.บางพลี สมุทรปราการ 

โดยมีพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ จำนวนกว่า 1,000 คน เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงจากกลุ่มผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว โดยนายชัยรัชต์พงษ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว หมายเลข 3 กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเป็นห่วงพี่น้องประชาชนชาวบางแก้วและกลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงห่วงเรื่องความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่บางแก้ว

ตนเองมีความพร้อมที่จะเข้ามาบริหารและพัฒนาบางแก้ว พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงบางแก้วให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ ด้วย 11 นโยบาย การผลักดันเศรษฐกิจชุมชนฐานราก การให้ความรู้สร้างอาชีพเพื่อสร้างรายได้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชน แผนพัฒนาซ่อมแซมบ้านเรือนผู้ยากไร้ การพัฒนาด้านการศึกษา การสร้างโรงพยาบาลบางแก้ว การปฎิบัติการเฝ้าระวังน้ำท่วม การจัดการด้านขยะ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยหาเสียงจากกลุ่มผู้สมัครบางแก้วรวมพลังในครั้งนี้ ทำให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่บางแก้วที่เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยต่างชื่นชมกับนโยบาย 11 ข้อ พร้อมทั้งส่งเสียงเชียร์ให้การสนับสนุนทางผู้สมัครหมายเลข 3 อย่างเต็มที่

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

2 มีนาคม พ.ศ. 2477 รัชกาลที่ 7 ทรงประกาศสละราชสมบัติ ในขณะประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

วันนี้เมื่อ 91 ปีก่อน ... 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 คืออีกหนึ่งวันสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่อยากให้คนไทยทุก ๆ คนจดจำ สำนึก และตระหนักซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทย เพราะนี่คือวันที่รัชกาลที่ 7 ทรงประกาศสละราชสมบัติ โดยขณะนั้นพระองค์ได้ประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

หลังจากเหตุการณ์การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 จากคณะราษฎรส่งผลให้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีไปประทับที่ประเทศอังกฤษ และแต่งตั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 โดยในพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ ปรากฏข้อความที่ใช้อ้างอิงกันเสมอในเวลาต่อมา ดังนี้

"... ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร ... บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าความประสงค์ของข้าพเจ้าที่จะให้ราษฎรมีสิทธิออกเสียงในนโยบายของประเทศไทยโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จ และเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทาง ที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือ ให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติ และออกจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์แต่บัดนี้เป็นต้นไป ..."

อนึ่ง พระองค์ทรงกลับไปใช้พระนามและพระราชอิสริยยศเดิม ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา รวมระยะเวลาในการครองราชย์ได้ 9 ปี ขณะมีพระชนมายุได้ 41 พรรษา โดยไม่ทรงตั้งรัชทายาทเพื่อพระราชทานวโรกาสให้รัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้คัดเลือกพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เอง คณะรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรจึงได้อัญเชิญเสด็จ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์ขณะมีพระชนมายุ 9 พรรษา ซึ่งพระองค์เป็นเจ้านายเชื้อพระบรมวงศ์พระองค์ที่ 1 ในลำดับพระราชสันตติวงศ์แห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 ขึ้นทรงราชย์สืบพระราชสันตติวงศ์ต่อไป ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477

‘หมอทศพร’ อวยยศโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เจ็บป่วยเล็กน้อยรับยาใกล้บ้านไม่ต้องไปโรงพยาบาล

(1 มี.ค.68) นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า บัตรประชาชนแทนบัตรเครดิต ซื้อยาไม่ต้องจ่ายสตางค์ 

“ขออลั่มมิลค์ (ยาลดกรดในกระเพาะ) ขวดหนึ่งครับ”
เภสัชกรเดินไปหยิบยาให้ผม

ผม ล้วงกระเป๋า หยิบแบงค์ 100 ขึ้นมา 
แล้วผมก็ฉุกคิดอะไรบางอย่าง

“ที่นี่ มี 30 บาทรักษาทุกที่หรือเปล่าครับ”
” มีค่ะ “
น้องเภสัชกรตอบผม
“ถ้างั้นใช้เลยครับ”

ผมเก็บแบงก์ 100 ใส่กระเป๋า ควักบัตรประชาชนส่งไปแทน
น้องหยิบบัตรประชาชนผม ไปเสียบที่เครื่อง
“ปวดท้องยังไงคะ”
“น้ำหนักตัวเท่าไหร่ สูงเท่าไหร่คะ”
“มีโรคประจำตัวอะไรบ้างมั้ยคะ”
“แพ้ยาอะไรบ้างมั้ยคะ”
“อันนี้ยาลดกรดในกระเพาะ”
“อันนี้ยาแก้ท้องอืด”

น้องส่งยาน้ำให้ผมขวด ยาเม็ดอีก 2 แผง

“ขอเบอร์โทรศัพท์ด้วยค่ะ โทรไปแล้วรับด้วยนะคะ จะโทรไปถามอาการ ถ้าไม่ดีขึ้น ต้องไปพบแพทย์นะคะ” (ผมแอบยิ้มในใจ จะไปพบแพทย์ที่ไหนดีนะ)

ผมยกขวดยาขึ้นดื่ม รู้สึกเย็นวาบเข้าไปในกระเพาะ วันนี้มีความสุข เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี ที่ได้ยาโดยไม่ต้องจ่ายสตางค์

30 บาทรักษาทุกที่ จงเจริญ รักนะครับ เจ็บป่วยเล็กน้อยไม่ต้องไปโรงพยาบาลนะครับ ไปร้านขายยา ที่มีป้าย “ 30 บาทรักษาทุกที่ ” ครับ

‘สงกรานต์ เตชะณรงค์’ ไฮโซชื่อดังได้เลื่อนขั้นเป็น รองผู้กำกับ พร้อมติดยศ ‘พันตำรวจโท’ ตามโผโยกย้ายข้าราชการตำรวจปี 67

(1 มี.ค.68) เว็บไซต์กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยแพร่คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับ 'รอง ผบก.-สว.' วาระประจำปี 2567 โดยมีผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น และโยกสลับระนาบเดียวกัน กว่า 4,000 ตำแหน่ง

โดยบัญชีแนบท้ายคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 124/2568 ลงวันที่ 28 ก.พ. 2568 ลำดับ 137 ปรากฏชื่อ พ.ต.ท.สงกรานต์ เตชะณรงค์ สว.(ปฏิบัติงาน กอ.รมน.) สกพ. ได้เลื่อนเป็น รอง ผกก.(ปฏิบัติงาน กอ.รมน.) สกพ.

สำหรับ สงกรานต์ ไฮโซชื่อดัง อดีตสามี แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ปัจจุบันเป็นแฟน มายด์ ณภศศิ สุรวรรณ

เมื่อเดือนตุลาคม 2554 สงกรานต์ ได้โอนย้ายจากทหารเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจ ในตำแหน่งรองสารวัตรกองการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมาในปี 2556 ได้ดำรงตำแหน่งรองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ (รอง สว.ฝผ.บก.ป.) ที่ กองปราบปราม ก่อนจะย้ายไปเป็นรองสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปรามกระทั่งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 สำนักงานกำลังพลมีคำสั่งให้ สงกรานต์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจ กองบังคับการฝึกอบรมตำรวจกลาง (บก.ฝรก.) ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

ในปี 2563 มีรายงานว่า สงกรานต์ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น สารวัตร หลังปรากฏชื่อ ว่าที่ พ.ต.ต.สงกรานต์ เตชะณรงค์ สว.(ปฏิบัติงาน กอ.รมน.) สกพ. เข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุหรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (หลักสูตร กอส.) รุ่นที่ 45 แต่ไม่ได้เข้าเรียน

กระทั่งในเดือนตุลาคม 2564 สงกรานต์ ได้เข้ารับการอบรม กอส.รุ่น 47 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และจบหลักสูตร เป็นนายตำรวจสัญญาบัตรอย่างสมบูรณ์

‘ดร.เอ้ สุชัชวีร์’ เผยภาพประทับใจ บัณฑิตแพทย์ก้มกราบเท้าแม่ สุดภาคภูมิใจได้ร่วมสร้างแพทย์รักษาคนไข้ แถมได้คนดีให้สังคมไทย

(1 มี.ค.68) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "บัณฑิตหมอ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ก้มกราบแม่ ในวันรับปริญญา เห็นแล้วน้ำตาซึม" 'พี่หมอน้อย' ศาสตราจารย์ นายแพทย์อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีผู้ก่อตั้ง คณะแพทยศาสตร์ พระจอมเกล้าลาดกระบัง ส่งรูปนี้ให้ผม พร้อมเล่าเรื่องของศิษย์รัก ด้วยความภูมิใจ

'คุณหมอเลขเก้า' หรือ นายแพทย์ภูธน ทรัพย์บรรจง ก้มลงกราบแม่แนบพื้น หลังเข้ารับพระราชทานปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (Doctor of Medicine) เกียรตินิยมอันดับ 1 จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยังเป็น 'หมอพระจอมเกล้าฯ รุ่นที่ 1' เป็นภาพที่ทุกคนได้เห็น รวมทั้งผม 'น้ำตาซึม'

"การกราบพ่อแม่" และผู้มีพระคุณ คือ Soft Power คือ พลังอำนาจวิเศษ คือ วัฒนธรรมของชนชาติไทย เพราะเป็นการ 'กล่อมเกลา' ความดีงามของ 'มนุษย์' ซึ่งควรค่า เป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นในสังคมไทย

ผมมั่นใจว่าภาพนี้ จะส่งต่อถึง 'ลูกหลาน' ของคุณหมอเลขเก้า ให้มีความกตัญญูกตเวที ดังเช่นคุณหมอมีให้กับคุณพ่อคุณแม่ และยังเป็น 'ต้นแบบ' ให้คนไทยทุกรุ่น

ผมเชื่อว่า 'โลกยุค AI' ไม่น่ากลัว และเป็นโอกาส หาก 'คนรุ่นใหม่' มีความมุ่งมั่น ขยัน อดทน และมี 'ภูมิคุ้มกัน' คือ ต้องมีจิตใจละเอียดอ่อน ซาบซึ้ง กตัญญู ซึ่ง 'ไม่ง่าย' ในโลกที่รุมเร้าไปด้วย 'สื่อความรุนแรง' และความขัดแย้ง

ผมมั่นใจว่า การสอน 'ลูก' ให้เก่งและดี อย่างเช่น 'คุณหมอเลขเก้า' #เราทำได้ แต่ต้องเริ่มตั้งแต่วัยเยาว์ บ่มเพาะให้รู้จัก 'หน้าที่' และต้อง 'สำนึก' ว่าพ่อแม่ต้อง 'เสียสละ' มากแค่ไหนเพื่อลูก

ขณะที่ 'สังคมไทย' เราต้องช่วยกัน 'แชร์ภาพความประทับใจ' ให้เกิด 'ค่านิยม' ในความกตัญญู ให้ทุกคนยอมรับ และทำตาม

ผม "ภูมิใจที่สุด" ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคณะแพทยศาสตร์พระจอมเกล้าลาดกระบัง เราไม่ใช่เพียง "สร้างแพทย์" เพื่อดูแล รักษาคนไทย แต่เราได้ 'สร้างคนดี' ให้สังคมโลก ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน 'คุณหมอเลขเก้า' กำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนสาขาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หรือ มศว. พี่เอ้เชื่อว่า เมื่อคุณหมอมีความรักให้คุณแม่ คุณหมอจะมี 'ความรัก' ให้คนไข้ทุกคน

สุดท้ายนี้ พี่เอ้ขอให้ผลจากความกตัญญูกตเวที ส่งให้คุณหมอประสบความสำเร็จในชีวิต ได้ช่วยเหลือ ดูแล รักษา 'คนไทยทุกคน' ดังความตั้งใจ

GOOD Doctor You are

จเรตำรวจแห่งชาติ นำทีม ตม. รับตัว 119 คนไทยร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากปอยเปต เตรียมคัดแยกเหยื่อและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกราย

(1 มี.ค.68) เวลา 10.00 น. ที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว  พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เดินทางมารับตัวคนไทยที่เข้าร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการประสานงานกับทางการกัมพูชา รับตัวคนไทยทั้งสิ้น 119 ราย พบมีหมายจับบัญชีม้า 7 ราย เตรียมส่งให้ ตำรวจไซเบอร์ และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินคดี

พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากการระดมกวาดล้างขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา แยกเฉพาะคนไทย จำนวน 119 ราย ซึ่งทั้งหมดจะต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายของประเทศกัมพูชาก่อนจะส่งตัวกลับมาที่ประเทศไทยโดนผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองเบื้องต้นเพื่อหาข้อบ่งชี้จากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ตามกลไกส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism : NRM) ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ หากพบว่ารายใดเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือการบังคับแรงงานก็จะเข้าสู่ขบวนการเหยื่อต่อไป ส่วนรายที่สมัครใจไปเอง หรือ มีหมายจับ ก็จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป โดยจะส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท. และ บช.ก. รับดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้อง 

ด้าน พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ได้มีมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองคนเข้า-ออก จุดผ่านแดนทั่วประเทศ โดยเฉพาะคนไทยที่ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งชายแดนฝั่งกัมพูชา และเมียนมา และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติอย่าหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพชักชวนให้ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านโดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูง หากประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

📍 ที่อยู่: อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
📞 โทรศัพท์: ติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่
🌐 เว็บไซต์: www.immigration.go.th 

จับโป๊ะ UNHCR เคยปฏิเสธช่วยเหลือชาวอุยกูร์เมื่อปี 63 หวั่นส่งผลต่อ UNHCR ในจีน ที่อาจสูญเงินบริจาค 7.7 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันที่ (28 ก.พ. 68) นายธีรภัทร เจริญสุข นักเขียนชื่อดัง และประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านหนังสือ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Theerapat Charoensuk ระบุว่า เรื่องน่าสนใจมาก เมื่อไปเจอข่าวเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว (2024) ของ The New Humanitarian และมีลงใน Bangkok Post อีกต่อ

มีนักข่าวสืบสวน ไปค้นเจอเอกสารภายในว่า UNHCR สนง.ไทย ปฏิเสธคำร้องขออย่างไม่เป็นทางการของทางการไทย ว่าให้หาทางช่วยเหลือชาวอุยกูร์ ตั้งแต่ช่วงปี 2020 แต่ UNHCR สำนักงานกรุงเทพ ไม่ยอมทำอะไร แล้วมีข้อความว่า การช่วยอุยกูร์อาจจะเป็นผลเสียต่อการทำงานของ UNHCR ในจีน และทำให้ถูกลดเงินบริจาค ถูกลดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ 10 คน และอาจถูกตัดโครงการ 7.7 ล้าน $

รอง ผอ. Human Rights Watch สาขาเอเชียในตอนนั้น รีวิวเอกสาร แล้วบอกว่า น่าช็อกมากที่ได้รู้ว่าทางการไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ผ่าน UNHCR แล้ว แต่ฝ่าย UNHCR กลับปฏิเสธเอง โดยมองว่าไทยจะใช้ UNHCR ช่วยคุ้มครองจากความไม่พอใจของจีน (อ้าว แล้วจะมี UNHCR ไว้ทำหอกรึ) 

สำนักข่าวได้ติดต่อขอข้อมูลจาก UNHCR สาขาไทย แต่ได้คำตอบแบบทั่วไปๆ และปฏิเสธจะให้ความเห็นอื่นๆ

ความน่าเชื่อถือของข่าวนี้เป็นอย่างไร ก็คงต้องพิจารณากันดู

เพจ ‘ตี๋น้อย’ ชวนเรียนต่อในมหาลัยใน ‘มณฑลซินเจียง’ ค่าใช้จ่ายไม่สูง ได้รู้จักบ้านเกิด ‘ตี๋ลี่เร่อปา - กู่ลี่นาจา – ถงลี่หยา - อวี๋เมิ่งหลง’

เพจ ‘ตี๋น้อย’ โพสต์ภาพพร้อมข้อความเชิญชวนศึกษาต่อที่ประเทศจีน ท่ามกลางกระแสข่าวส่งกลับชาวอุยกูร์กลับสู่มาตู่ภูมิ โดยระบุว่า โพสต์นี้เผื่อใครสนใจเรียนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัย สือเหอจื่อ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีนครับผม ตอนนี้เปิดรับสมัครคนไทยเพิ่มนะครับ สนใจรีบสมัครกันมานะ จะเปิดเทอมแล้วครับ

รายละเอียดค่าสมัครคือ
1. ค่าเรียนปีละ 13000 หยวน หรือ 6500 หยวน ต่อเทอม
2. ค่าหอปีละ 5000 หยวน ห้องคู่ (ห้องเดี่ยวก็มีนะครับ) หรือ 2500 หยวน ต่อเทอม หอเป็นหอในมหาวิทยาลัยนะครับ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ 
3. ค่าวีซ่า 400 หยวนต่อปี

สิ่งที่จะได้รับคือ
1. เจอตี๋น้อยครับผม อยู่ที่นี่แหละ
2. มองจีนในมุมต่าง ที่นี่ทั้งสถาปัตยกรรม ผู้คน มีทั้งชาวฮั่น ชนเผ่าอุยกูร์ ชนเผ่าคาซัคฯ และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ 
3. คนไทยน้อย สามารถพัฒนาภาษาจีนของตัวเองได้เต็มที่
4. นอกจากได้ภาษาจีนแล้ว ยังได้ภาษาอังกฤษด้วย เนื่องจากชาวต่างชาติที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษคุยกัน
5.ได้เที่ยวซินเจียง ซินเจียงมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ทั้งเมือง คาชการ์ อุรุมชี ทุ่งหญ้านาลาถี ฯลฯ เยอะแยะ
6. ได้รู้จักบ้านเกิดของ ตี๋ลี่เร่อปา กู่ลี่นาจา ถงลี่หยา อวี๋เมิ่งหลง 
7.เรียนรู้วัฒนธรรมจีนเพิ่ม เพราะที่นี่มีให้เรียนพู่กันจีน ชงชาจีน ไทเก๊กฟรี ทุกวันศุกร์นะครับ
8. เวลามหาวิทยาลัยออกทริป ก็ได้เที่ยวฟรีด้วย ได้ความรู้เพิ่มด้วย
9. ที่นี่มหาวิทยาลัยมีจัดทัศนศึกษา เรียนรู้วัฒนธรรมจีน วัฒนธรรมซินเจียง 

“ตอนนี้ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว รีบสมัครกันนะครับ”

เชียงใหม่- กิจกรรมโครงการกองพันสีขาว สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด กองบิน 41

เมื่อวันที่ (26 ก.พ.68) กองบิน 41 จัดกิจกรรมโครงการกองพันสีขาว สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด กองบิน 41 โดยมี นาวาอากาศเอก ปกป้อง สุระกุล รองผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย ผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 ข้าราชการกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 และทหารกองประจำการ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ ห้องประชุมกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41

กิจกรรมกองพันสีขาว สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด กองบิน 41 จัดขึ้นโดยมุ่งเน้นตามหลักยุทธศาสตร์การป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดกองทัพอากาศ ซึ่งภายในกิจกรรมจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษ, พิษภัย และผลกระทบจากยาเสพติด ให้กับทหารกองประจำการกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 
     
ในโอกาสนี้ ได้เรียนเชิญ คุณทิพากร ชีวสกุลยอง หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมคณะฯ มาบรรยายให้ความรู้ในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top