Tuesday, 8 July 2025
NEWS FEED

ผบ.ตร.ประชุมปราบปรามอาชญากรรมตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน กำชับเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติด พนันออนไลน์ ทุนจีนสีเทา และสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดน จริงจัง ต่อเนื่อง

วานนี้ (8 กรกฎาคม 2567) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมปราบปรามอาชญากรรมตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  รอง ผบ.ตร. ,  พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยต่างๆ ได้แก่ บช.น. , ภ.1-9 , บช.ก. , บช.ปส. , บช.สอท , ตชด., สตม., สยศ.ตร. และ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม 

ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีศิลป์ นายกรัฐมนตรี สั่งการในเรื่องการแก้ไขปัญหาของประชาชน กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเน้นหนักในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในเรื่องสำคัญเร่งด่วน 5 เรื่อง ได้แก่ การแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน พนันออนไลน์ ทุนจีนสีเทา และสินค้าเถื่อนตามแนวชายแดน ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการหน่วยต่างๆ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอย่างจริงจัง ต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นที่น่าพอใจ โดยการแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เน้นหนักไปที่การสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดจากชายแดนและจากแหล่งพักลงสู่ภูมิภาคเป็นสําคัญ มีผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา สามารถสกัดกั้นรายสําคัญขนาดใหญ่ ของกลางตั้งแต่ 100,000 เม็ดขึ้นไป สูงขึ้นร้อยละ 67 ส่งผลให้การลําเลียงยาเสพติด ระหว่างชุมชนทําได้ยากขึ้น

- การปราบปรามพนันออนไลน์ ได้มีการสั่งการให้เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบุคคลตามหมายจับคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทุกประเภท พบว่าห้วงวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567 มีการปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปถึง 52,314 URL

- การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2567 มีการลาดตระเวนและตั้งจุดตรวจจุดสกัดอย่างต่อเนื่อง สามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดสินค้าเถื่อนจำนวนมาก หลายรายการ

- การปราบปรามการลับลอบนำ เข้า กักตุน สุกร หรือซากสุกรโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามการลักลอบนำ เข้า กักตุน สุกร หรือซากสุกรโดยผิดกฎหมาย ของสำนักงานตำรวจแห่ง ขึ้น พบว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ตรวจยึดของกลางได้จำนวนมาก จำนวนกว่า 200,000 กิโลกรัม

- การปราบปรามจับกุมชาวต่างชาติที่กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองร่วมกับหน่วยต่างๆ ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ในส่วนของนายทุนจีนเทานั้น ล่าสุดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวจีนสวมบัตรประชาชนไทย เปิดสถานบริการ ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด พร้อมทำการเพิกถอนวีซ่าและขึ้นบัญชีดำ

ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มอบหมายให้รอง ผบ.ตร.ติดตามขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม ชัดเจน , ให้มีการระดมกวาดล้าง กำหนดแผนในแต่ละเรื่องอย่างชัดเจน เป็นเอกภาพ ประสานหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด , ให้สอบสวนขยายผล ดำเนินคดีนายทุน ตัวการ เครือข่าย และดำเนินมาตรการยึดทรัพย์ และให้รายงานผลเป็นระยะ

‘รัดเกล้า’ เผย!! ‘กสศ.’ เพิ่มเงินอุดหนุน ‘เด็กประถม-ม.ต้น’ รายหัว 1,200 บาทต่อปี ช่วยนักเรียนทุนเสมอภาค บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายแก่ ‘ครัวเรือนยากจน’

(9 ก.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ปีการศึกษา 2566 มีเด็กและเยาวชนในช่วงอายุ 3-18 ปีกว่า 1,025,514 คน ที่ไม่พบข้อมูลในระบบการศึกษา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 23-26 กรกฎาคม 2567 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จะได้ทยอยจัดสรรเงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขให้แก่นักเรียนทุนเสมอภาคกลุ่มต่อเนื่องใน 6 สังกัดทั่วประเทศ จำนวนกว่า 8 แสนคน ซึ่งนับเป็นหนึ่งมาตรการสำคัญของรัฐบาลในการป้องกันการหลุดจากระบบการศึกษาของเด็กและเยาวชนจากครัวเรือนยากจนระดับรุนแรง โดยในปีนี้ เป็นปีแรกของการจัดสรรอัตราใหม่ตามที่ กสศ. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาระดับประถมศึกษา - มัธยมศึกษาตอนต้นจากอัตรา 3,000 บาท เป็น 4,200 บาท/คน/ปี และระดับชั้นอนุบาลคงเดิม อัตราจำนวน 4,000 บาท/คน/ปี  ซึ่งเงินอุดหนุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนค่าอาหารเช้าให้แก่กลุ่มนักเรียนทุนเสมอภาคเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนยากจน

สำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มที่มีความยากจนเสี่ยงหลุดจากระบบและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่  8 ก.ค.- 1 ส.ค. 2567 นี้ กสศ. ได้เปิดระบบทุนเสมอภาคให้สถานศึกษาบันทึกข้อมูลนักเรียนกลุ่มนี้เข้ามา (นร./กสศ.01) ผ่านระบบ cct.eef.or.th เพื่อคัดกรองความยากจนและให้ได้รับการช่วยเหลือ ในปีการศึกษา 2567 ภาคเรียนที่ 1 นี้ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษกลุ่มใหม่ได้รับความช่วยเหลืออีกราว 5 แสนคน ทำให้ในปีการศึกษา 2567 กสศ.จะสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงของนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษ ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษารวมกลุ่มต่อเนื่อง ราว 1.3 ล้านคน

ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดพบนักเรียนที่มีความเสี่ยงหลุดจากระบบ และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามารถแจ้งกับโรงเรียนที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ หรือ โรงเรียนใกล้เคียงจุดที่พบ ใน 6 สังกัดดังนี้  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และกรุงเทพมหานคร เพื่อบันทึกข้อมูลเข้าในระบบเพื่อให้ได้รับช่วยเหลือจากทุนเสมอภาค ของ กสศ. ทั้งนี้ สามารถติดตามและสอบสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก กสศ. กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยที่ผ่านมา กสศ. ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งสิ้น 1,200,161 คน และพบว่าทุนเสมอภาค ส่งผลให้นักเรียนทุนร้อยละ 95.95 ยังคงอยู่ในระบบการศึกษา

“นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา สั่งการให้ทุกหน่วยงานเดินหน้ามาตรการ Thailand Zero Dropout ต้องไม่มีเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา พร้อมย้ำว่าเด็กและเยาวชนคือผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติ ทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติ” นางรัดเกล้า กล่าว

สมุทรปราการ-“เทศบาลตำบลแพรกษา” จัดแข่งขันฟุตบอลต้านยาเสพติด!! มุ่งส่งเสริมเยาวชนด้านกีฬา ต้านภัยยาเสพติด

ท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการ “แข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดสำหรับเด็กและเยาวชน” ประจำปี 2567 ฟุตบอล 7 คน ณ สนามกีฬา TS คลับ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยมี นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาล รักษาราชการแทน ปลัดเทศบาลตำบลแพรกษา กล่าวรายงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณะนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขัน ตลอดจนประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้

ด้านท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา กล่าวว่า ในวันนี้เป็นพิธีเปิด โครงการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด ทางเทศบาลตำบลแพรกษาโดยท่านนายก อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้เล็งเห็นความสำคัญโทษของยาเสพติด จึงได้จัดการแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดสำหรับเด็กและเยาวชน
ประจำปี 2567 ขึ้น โดยเป็นการแข่งขันฟุตบอล 7 คน อายุไม่เกิน 12 ปี และอายุไม่เกิน 15 ปี

ประกอบกับปัจจุบัน ประเทศไทยยังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในยุคปัจจุบัน พบว่าเด็กและเยาวชนที่เริ่มใช้ยาเสพติดมีอายุน้อยลง พบว่าผู้เข้ารับบำบัดรักษาเป็นเยาวชน

ทั้งนี้ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้ส่งเสริมเยาวชนให้ใช้เวลาว่างไปกับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สุขภาพร่างกาย ห่างไกลจากยาเสพติดและอบายมุขทั้งปวง ส่งเสริมให้เด็กได้เล่นกีฬาอย่างถูกวิธี ช่วยยกระดับและพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไปแข่งขันระดับประเทศต่อไป และสำหรับการแข่งขันกีฬาฟุตบอล 7 คน จะสิ้นสุดลงและมีการมอบถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขัน ในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 นี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'แม่ฆาตกรชิงทองที่เชียงใหม่' ยอมรับ!! เลี้ยงลูกผิด 'ให้เล่นเกมแต่เด็ก-ดูหนังฆาตกรรม' เคยเตือนให้ลด แต่ลูกไม่ฟัง

(9 ก.ค.67) บรรยากาศที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว นายนิพิฐพนธ์ ผู้ต้องหาในคดีก่อเหตุชิงทอง โดยเจ้าหน้าที่ยังคงควบคุมตัวนายนิพิฐพนธ์ อยู่ในห้องคุมขังและอยู่ระหว่างการนำตัวออกมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของ สภ.แม่ปิง (เหตุชิงทอง) ก่อนจะส่งตัวผู้ต้องหาต่อไปยัง สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีฆ่าคนตาย

โดยเช้าวันนี้พ่อและแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่ สภ.แม่ปิง เพื่อมาเยี่ยมลูกชาย ที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องคุมขัง ซึ่งทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุให้ผู้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมากกับการกระทำของลูก เพราะลูกเป็นคนที่ดีสำหรับตน และในสายตาของตนลูกนั้นยังเด็กและลูกนั้นไม่เคยดื้อ

ยอมรับว่าตนเลี้ยงลูกผิด ตรงที่ให้ลูกเล่นเกมตั้งแต่เด็กและลูกติดเกมมาก รวมถึงลูกชอบดูหนังที่เป็นลักษณะของการวางแผนฆาตกรรม และหนังที่มีเนื้อหาที่รุนแรง ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เคยคุยกับลูกแล้ว ว่าให้ลดพฤติกรรมแบบนี้ แต่ลูกก็ไม่เชื่อ

ส่วนการวางแผนการก่อเหตุของลูกนั้น คาดว่าลูกน่าจะเห็นจากในเกมและวางแผนการก่อเหตุตามรูปแบบของเกม แต่ตนยืนยันว่าลูกไม่เคยมีพฤติกรรมลักษณะรุนแรงหรือก้าวร้าวแสดงให้เห็นมาก่อน เพราะลูกจะเป็นคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด

ในฐานะที่ตนเป็นแม่อยากขอโทษฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยใจจริง และตนเองจะประสานครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อเข้าไปขอขมาผู้ตาย และญาติ ที่งานศพได้ด้วย ส่วนจะไปเมื่อไหร่ยังไงนั้น ต้องทาง จนท.ตำรวจประสานให้อีกครั้ง

ด้านพ่อของผู้ก่อเหตุวันนี้ได้นำข้าวมาให้กับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเมนูข้าวเหนียวไก่ย่าง ของโปรดของลูกชาย เมื่อเดินมาถึงที่หน้าห้องควบคุมผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้าวจากพ่อและนำไปมอบให้กับผู้ก่อเหตุภายในห้องคุมขัง ก่อนพ่อของผู้ก่อเหตุจะเดินออกไป

โดยพ่อของผู้ก่อเหตุได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ปัญหาเรื่องเงินลูกชายทราบมาตลอด แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้ ซึ่งยอดที่ตนและภรรยาโดนโกงคือประมาณ 300,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (10 ล้านบาท) และก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ก็เคยโดนโกงคดีฟอเร็กซ์ไปประมาณ 2 ล้าน

ซึ่งเมื่อวานก่อนเกิดเหตุยังเจอลูกชาย ซึ่งลูกชายก็มีท่าทีปกติขับรถออกจากบ้านไป ตนคิดว่าไปหาเพื่อน และลูกก็กลับมาช่วงบ่าย ไม่ได้มีท่าทีเครียดหรือกังวลอะไร แต่ตนมาทราบภายหลังจากข่าวออกว่าลูกไปชิงทอง จึงได้ไปถามลูก ซึ่งลูกมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ตอบอะไร และตนมารู้ภายหลังตอนเย็นว่าลูกไปฆ่าคนตายมาก่อน ยิ่งทำให้ตนรู้สึกหดหู่ใจ และเสียใจมาก

ไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุรุนแรงแบบนี้ เพราะปกติตนจะให้ลูกชายมานั่งสมาธิสวดมนต์ด้วยกันทุกวัน แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลูกชายไม่มานั่งสมาธิด้วยกัน บอกว่าเดี๋ยวนั่งเองในห้อง ตนไม่รู้ว่าลูกชายจะคิดวางแผนก่อเหตุแบบนี้

ตนจึงอยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ และไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นด้วย

เลขารัฐมนตรีฯ “อารี”เยี่ยมผู้ฝึกนวดหน้าเพื่อความงาม อัพสกิลแรงงาน รับท่องเที่ยวสุขภาพบูม

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.30 น. นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เยี่ยมชมการฝึกอบรมหลักสูตร การนวดหน้าเพื่อความงาม ตามโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานรองรับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคุณค่าสูง โดยมี นายสมพจน์ กวางแก้ว ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายสมชาติ สุภารี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมเยี่ยมชมการฝึกอบรม นายสัญชัย ภัทรวรากุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 26 นนทบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่ จังหวัดนนทบุรี ร่วมให้การต้อนรับ ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 26 นนทบุรี

นายอารี กล่าวว่า ผมมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมชมการฝึกอบรมหลักสูตรนวดหน้าเพื่อความงามในวันนี้ ตามที่ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายเร่งด่วนให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเพิ่มทักษะให้กับแรงงานภาคการท่องเที่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้านการท่องเที่ยว โดยให้เร่งฝึกทักษะและอบรมในสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวและบริการ กระทรวงแรงงาน ในฐานะหน่วยงานหลักในการดูแลกำลังแรงงานของประเทศ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ส่งเสริมให้แรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแรงงานที่มีผลิตภาพสูง มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน 

นายอารี กล่าวต่อว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ดำเนินการจัดเตรียมกำลังแรงงาน (Up skill Re skill และ Cross skill) เพื่อสนับสนุนแรงงานภาคการท่องเที่ยวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความพร้อมรองรับและแรงงานสามารถเข้าระบบการจ้างงาน สอดคล้องกับความต้องการของภาคการท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการอบรมหลักสูตรด้านภาษา นวด-สปา อาหาร เน้นพัฒนาศักยภาพแรงงาน ส่งเสริมให้แรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแรงงานที่มีผลิตภาพสูง มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ นายอารี และคณะ ยังได้เยี่ยมชมการฝึกอบรมหลักสูตร การเพิ่มทักษะด้านรุกขกรสำหรับพนักงานดูแลสวนและต้นไม้ รุ่นที่ 2 ซึ่งเปิดอบรมระหว่างวันที่ 8 -12 กรกฎาคม 2567 มีผู้เข้ารับการฝึก รวม 20 คน ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 26 นนทบุรี โดยหลักสูตรดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะการทักษะการบริหารจัดการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการ ให้แก่ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลสวนและต้นไม้ของหน่วยงานและสถานประกอบกิจการในจังหวัดนนทบุรี

'อาจารย์ มช.' เตือน!! อย่า #Saveทับลาน จนลืมมองมุมทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน ชี้!! ผืนดินทำกินต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานแล้วหลายสิบปี

(9 ก.ค.67) ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ระบุทางเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีสังคมให้ความสนใจและถกเถียงการกำหนดพื้นที่ให้เป็นอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี จ.นครราชสีมา และ จ.สระแก้ว (ปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน จากการสำรวจแนวเขตเมื่อปี พ.ศ.2543 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566) ทั้งนี้ หากโหวต ‘เห็นด้วย’ จะเป็นการยอมรับการเพิกถอนพื้นที่ อช.ทับลาน 265,000 ไร่ ถ้า ‘ไม่เห็นด้วย’ คือการไม่ยอมรับการเพิกถอนพื้นที่ อช.ทับลาน 265,000 ไร่

พร้อมกันนี้ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ยังกล่าวถึงรายงานข่าวที่อ้างถึงคนในพื้นที่เห็นด้วยกับแนวเขตใหม่ อช.ทับลาน

ศ.ดร.ปิ่นแก้วระบุว่า สิ่งที่พวกกลุ่มอนุรักษ์ตั้งใจไม่พูดถึงคือ อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง จัดตั้งโดยไม่เคยสนใจที่จะสำรวจและกันพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนออกก่อนที่จะประกาศเป็นเขตป่า สนใจแต่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้มากเข้าไว้ แต่ไม่สนสี่สนแปดว่า ป่าที่จัดตั้งขึ้นนั้นไปแย่งที่ทำกินของใครเขามาบ้าง กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เผชิญหน้าระหว่างรัฐกับชุมชนเรื้อรังมานานหลายทศวรรษ อุทยานแห่งชาติทับลาน ก็เช่นกัน

การใช้วาทกรรม ‘ผืนป่าที่ถูกเฉือน’ ของกลุ่มอนุรักษ์บางกลุ่ม จึงเป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปั่นกระแสเขียวตกขอบในหมู่ชนชั้นกลางอย่างจงใจ ทั้งที่ในความเป็นจริง ผืนดินทำกินของชาวบ้านต่างหากที่ถูกเฉือนไปเซ่นป่าอนุรักษ์มานานหลายสิบปี อุทยานประกาศปี 2524 ชาวบ้านบางกลุ่มอยู่กันมาตั้งแต่ก่อนปี 2515 ด้วยซ้ำไป แบบนี้ไม่เรียกว่าอุทยานบุกรุกที่ชาวบ้าน จะให้เรียกว่าอะไร

การใช้ข้ออ้างเรื่องกลัวกลุ่มทุนจะมาฮุบที่เหมาเข่ง ดังนั้น จึงไม่ควรเพิกถอนป่าที่ไปแย่งชาวบ้านเขามา และคืนสิทธิให้กับเจ้าของที่ดินที่อยู่มาก่อน จึงเป็นตรรกะที่วิบัติมาก

ที่น่าแปลกคือ สื่อส่วนใหญ่ก็พากันไปกับกระแสเขียวตกขอบ แทบไม่เห็นสื่อไหนที่เสนอข้อเท็จจริงจากชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากข่าวนี้

ผู้ช่วยทูต กลับถิ่นสานสัมพันธ์ทัพเรือไทยมาเลเซีย แน่นแฟ้น

คณะผู้แทน ทร. โดยมี พล.ร.ต.เทพฤทธิ์ ลาภเหลือ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และกำลังพล กองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ 2 นาย กรมการสื่อสารและสารสนเทศทหารเรือ 1 นาย กรมยุทธการทหารเรือ 2 นาย เดินทางไปร่วมประชุม Navy to Navy Talks ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้น ณ กองบัญชาการกองเรือดำน้ำ รัฐซาบาร์ ก.บอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย 

ผลการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นสอดคล้องที่จะเสนอเพื่ออนุมัติในการแลกเปลี่ยนการศึกษาและการฝึกตามแผน การเยี่ยมเยือนและจัดกิจกรรมของ ผู้บังคับบัญชา ประจำปี (golf top ten) ตามที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ทร.มาเลเซียยังได้เปิดให้เยี่ยมชม กองเรือดำน้ำ และหน่วยบิน UAV (SCAN EAGLE) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตามโครงการ MSI (Maritime Security Initiative) ที่ได้เคยหารือไว้จากการประชุมครั้งที่ผ่านๆ มา สรุปการดูงาน ประกอบด้วย

การเยี่ยมชมกองเรือดำน้ำ จัดให้ชมทั้งหมดประกอบ อาทิ กองบัญชาการ โรงงานซ่อมเรอดำน้ำ (ด.) และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด อาคารฝึกกำลังพล เครื่องฝึก simulator การดำ ห้องฝึกซ่อมบำรุงเครื่องกล ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ห้องฝึกการนำเรือ ห้องฝึก ศูนย์ยุทธการ อาคารฝึกการช่วยเหลือกำลังพล ด. Submarine escape เครื่องฝึกป้องกันความเสียหาย

โดยมีข้อมูลที่สำคัญคือ ขณะนี้ ทร.มาเลเซีย สามารถฝึกกำลังพล และซ่อมบำรุง ด. ได้เองทั้งหมดเกือบ100% โดยในระยะแรกสร้างอู่ โดยใช้เงินรัฐบาลและจ้างบริษัทฝรั่งเศส ดำเนินการซ่อมบำรุง แล้วค่อยๆ สร้างบริษัท ของมาเลเซียมาทดแทน จนในปัจจุบัน บริษัท ของมาเลเซียทดแทนได้ทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 10 ปี มีเพียงการ refit โปรแกรมทุก 7 ปี ที่ยังต้องมี บริษัท ฝรั่งเศสช่วยบางส่วน โครงสร้างกำลังพลกองเรือ ด. ประมาณ 200 กว่านาย อู่บริษัท เอกชน 200-300 นาย ปัญหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกำลังพล ที่ฝึกไม่ผ่าน หาคนมาอยู่เรือ ด. ยาก ตามนิสัยมีครอบครัวใหญ่และรักครอบครัวของคนมาเลเซีย และต้องมาอยู่ เกาะบอร์เนียว ที่ไกลบ้าน

การเยี่ยมชมหน่วยบิน UAV - scan eagle นั้น ได้จัดให้ชม อุปกรณ์ทั้งหมด การควบคุมและใช้งาน การซ่อมบำรุง ข้อมูลสำคัญ ไม่แตกต่างจาก black jack ใช้จากฐานบินฝั่งเป็นหลัก เพราะอุปกรณ์ปล่อย และเก็บ UAV ใหญ่มาก ไม่สามารถเอาไปกับเรือที่ ทร.มาเลเซีย มีได้ แต่จะพัฒนาหารุ่นใหม่ ที่นำไปกับเรือได้ต่อไป เพื่อใช้ในพื้นที่ เกาะบอร์เนียวและ ทะเลจีนใต้เป็นหลัก

‘อภิศักดิ์’ ลั่น!! ไม่ได้เพิกถอนที่ดินป่าชั้นใน แต่เฉือนแค่รอบนอก เหตุเขตอุทยานไปทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้าน เรื้อรังกว่า 40 ปี

(9 ก.ค.67) จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดรับฟังความเห็นในการเพิกถอนพื้นทีอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งจะต้องเฉือนพื้นที่ป่า จำนวน 265,286.58 ไร่ ออกจากการเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งกรมอุทยานฯ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม สามารถแสดงความคิดเห็นได้ผ่านเว็บไซต์ของอุทยาน ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ซึ่งกระแสโซเชียลต่างเคลื่อนไหวอย่างหนัก แห่ #saveทับลาน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด ในโลกออนไลน์เฟซบุ๊กชื่อว่า Apisak Sukkasem หรือ นายอภิศักดิ์ สุขเกษม ตำแหน่งที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรรมการบริหารสัดส่วนภาคกลาง ที่สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย สนนท.ได้โพสต์ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวอีกแง่มุมหนึ่ง ระบุว่า…

'เรื่องป่าทับลานนั้น ไม่ได้เพิกถอนสภาพที่ดินอุทยานในป่าชั้นในที่เป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าที่สัตว์อาศัยอยู่นะครับ แต่เป็นการเพิกถอนแนวเขตที่อุทยานทับลานไปประกาศทับซ้อนกับที่ดินชาวบ้าน และที่ดินราชพัสดุครับ 260,000 กว่าไร่คือแนว ‘รอบนอก’ ที่เป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2524'

'เรื่องเพิกถอนป่าทับลานที่เป็นดรามาอยู่ตอนนี้ หาข้อมูลที่มาที่ไปดี ๆ ก่อนไปลงชื่อคัดค้านนะครับ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปค่อนข้างมาก เป็นปัญหาเรื่องการประกาศที่อุทยานทับซ้อนที่ทำกินชาวบ้านมาตั้งแต่ปี 2524'

ฮือฮา!! ‘เสือดาววัยรุ่น’ โผล่กลางถนนอุทยานแก่งกระจาน  สะท้อน!! ป่ามรดกโลกอุดมสมบูรณ์-เจ้าหน้าที่ดูแลเข้มงวด

(9 ก.ค.67) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.55 น. ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเดินทางลงจากหน่วย กจ.4 บ้านกร่าง ระยะทางประมาณ 1 ก.ม. ได้พบเสือดาว บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 เมื่อประเมินจากลักษณะคาดว่าอยู่ในช่วงวัยรุ่น จากการสังเกตพบว่า เสือดาวตัวดังกล่าวมีลักษณะสมบูรณ์ ขนาดโตเต็มวัย ไม่มีอาการบาดเจ็บ ปรากฏตัวเดินอยู่บริเวณข้างทาง โดยไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นรถยนต์ จากนั้นได้เดินเข้าป่าลึกไป สร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวที่พบเป็นอย่างมาก

เสือดาวที่พบเป็นเสือดาวที่มีขนาดโตเต็มวัย มักออกมาหากินในช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีรถนักท่องเที่ยววิ่งผ่านไปมา ซึ่งช่วงนี้เริ่มออกมาปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้น เนื่องจากมีแหล่งน้ำแหล่งอาหารสมบูรณ์ ซึ่งการบันทึกภาพในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำวิจัยเป็นอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่เสือดาวจะวิ่งและกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ทัน

และยังเป็นการตอกย้ำความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่ามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน ว่ายังมีสัตว์ป่าหายาก​ที่เราสามารถพบเจอได้หลายชนิด​ ทั้งนี้ สำหรับภาพดังกล่าวที่ถูกนำมาเผยแพร่ เพียงเพื่อต้องการให้ทราบถึงการทำงานปกป้องดูแลป่า และลาดตระเวนเชิงคุณภาพอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ ที่ป้องกันภัยคุกคามในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ ซึ่งการพบเสือดาวเป็นสัญญาณที่ดีที่จะช่วยอนุรักษ์​ และเป็นเหตุที่จะวางแนวทางอย่างไรให้คนจะอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน​ ต่อไป

ขอบคุณภาพ : คุณกิตติพงษ์​ งานจริง
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - Kaeng Krachan National Park

‘หนุ่มน้อยวัย 13 ปี’ มุ่งมั่นช่วยแกะสลักเทียนพรรษา วัดโบสถ์คงคาล้อม เผย ตนใฝ่ฝันอยากเป็น ‘ช่างแกะ’ ฝีมือดี เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น

เมื่อวานนี้ (8 ก.ค. 67) ที่วัดโบสถ์คงคาล้อม ต.กระโทก อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักของชาวบ้านที่ต่างพากันเร่งหล่อ และแกะสลักต้นเทียนพรรษา เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาประจำปี 2567 ที่เทศบาลตำบลโชคชัย จะจัดขึ้นในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ก่อนนำไปร่วมในงานเทศกาลแห่เทียนพรรษาของจังหวัดนครราชสีมา ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค. 67

โดยขณะนี้ ขบวนต้นเทียนพรรษาของวัดโบสถ์คงคาล้อม มีความคืบหน้าไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากวัดแห่งนี้ ขาดหายจากงานแห่เทียนไปเกือบ 10 ปี โดยเพิ่งเริ่มต้นทำขบวนต้นเทียนพรรษาแทบทั้งหมด เพราะเพิ่งได้ช่างแกะสลักเทียนลูกหลานในหมู่บ้านกลับมาช่วย ภายหลังจากไม่มีช่างแกะสลักเทียนมานานหลายปีแล้ว แต่ที่สะดุดตาที่สุด คือ ช่างแกะสลักเทียนจูเนียร์ ที่มุ่งมั่นช่วยแกะเทียน และทำงานช่วยทุกอย่าง หลังเลิกเรียนมาก็รีบมาช่วยงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน

ต่อมาทราบชื่อคือ เด็กชายพัฒนศักดิ์ ต้องกระโทก อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี ช่างแกะเทียนจูเนียร์ ที่มีความมุ่งมั่น อยากให้ขบวนแห่เทียนของวัดดังกล่าว ได้มีโอกาสไปโชว์ในงานแห่เทียนพรรษาอีกครั้ง ภายหลังห่างหายไปนานกว่า 10 ปี

ทั้งนี้ เด็กชายพัฒนศักดิ์ ต้องกระโทก เปิดเผยว่า เห็นกิจกรรมแกะสลักเทียนพรรษามาตั้งแต่เล็ก ๆ และเคยมาช่วยหล่อเทียนกับวัดเกือบทุกปี ซึ่งก็ห่างหายไปกว่า 10 ปีแล้ว ที่วัดจะมีขบวนแห่เทียน ดีใจมากที่วัดกลับมาฟื้นฟูขบวนแห่เทียนอีกครั้ง ตนเองมีความใฝ่ฝันอยากเป็นช่างแกะเทียนที่มีฝีมือดี เพื่อจะได้มาสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่มีความสวยงาม และอยากเห็นคนรุ่นใหม่สนใจประเพณีวัฒนธรรม หวังสืบทอดรุ่นต่อรุ่น และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะงานแห่เทียนพรรษาอำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top