Monday, 9 June 2025
NEWS FEED

‘เอกนัฏ’ ส่ง!! ‘ทีมสุดซอย’ กำราบ โรงงานเหล็ก BNSS ในนิคมฯ เมืองชลฯ ลงดาบ 5 ข้อหาโทษหนัก จำคุก 10 ปี ตั้งสอบ จนท. ฐานปล่อยผีเหล็ก IF ระบาด

(10 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘ทีมสุดซอย’ พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตจากโรงงานนี้ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจังหวัดภูเก็ตว่า ซื้อเหล็กเส้นจากโมเดิร์นเทรดแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำไปสร้างอาคาร แต่เมื่อนำมาดัดโค้งงอปรากฎว่าเหล็กหัก จึงได้ประสานมายังทีมสุดซอยเพื่อตรวจสอบ 

“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตนำตัวอย่างเหล็กจากหน้างานบริเวณที่ก่อสร้าง ส่งมาตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบเหล็กที่ส่งมาตรวจทั้ง 10 ท่อนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ตกค่าโบรอนทั้งหมด“ นายเอกนัฏ กล่าว

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กข้ออ้อย มีอักษร BNS DB16 SD4oT IF กำกับ ซึ่งเป็นเหล็กที่ผลิตโดย บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนประกอบกิจการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ชนิดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กรูปพรรณ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ใช้เตาหลอมแบบ IF ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน ตรวจพบการกระทำความผิดหลายเรื่อง อาทิ ไม่ขออนุญาตแจ้งเดินเครื่องจักร ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EIA ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมที่เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานในส่วนของค่าโบรอน ซึ่งตรงกับผลการตรวจวิเคราะห์ล่าสุดโดยสถาบันเหล็กฯ ตามที่ประชาชนจังหวัดภูเก็ตร้องเรียนมา และยังมีกรณีลักลอบจำหน่ายกากอุตสาหกรรมด้วย

”โรงงานแห่งนี้มีพฤติกรรมทำผิดเป็นระบบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ลักลอบประกอบกิจการ ฝ่าฝืน กฎหมายหลายฉบับ จึงต้องจัดการให้เด็ดขาด” นางสาวฐิติภัสร์ ระบุ

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบเชิงลึกพบสัญญาว่าจ้างผลิตเหล็กของ บริษัท เวล เอสทาบลิช จำกัด ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเมื่อตรวจสอบจากเอกสารภายในบริษัท ประกอบคำบอกเล่าของพนักงานพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีการตั้งบริษัทเพื่อรับเป็นนายหน้าจัดหาวัตถุดิบและจำหน่ายเหล็ก ซึ่งในวันที่เข้าตรวจค้นยังพบพฤติกรรมต้องสงสัยของชาวจีนหลายคน ซึ่งในส่วนนี้ กขค. จะขยายผลและเร่งตรวจสอบโดยเร็วต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีกับบริษัทฯ 5 ข้อหา คือ 
1. ทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
2. ติดเครื่องหมาย มอก. บนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
3. จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ 
4. ทำลายเครื่องหมายและป้ายคำเตือนที่เจ้าพนักงานยึดอายัดของกลาง โทษคดีอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ  
5. เคลื่อนย้ายทำลายของกลางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ พร้อมสั่งให้บริษัทฯ รีบดำเนินการเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล็กที่จำหน่ายออกสู่ท้องตลาดกลับมาทั้งหมด และให้แจ้งรายละเอียดการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัทฯ ทั้งหมดภายใน 7 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้รับไปจำหน่ายและประชาชนทราบโดยเร็ว

“นอกจากนี้จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า เหตุใดถึงปล่อยให้บริษัทฯ แห่งนี้มีการฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องขอบคุณประชาชนที่เป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือในการร่วมกำจัดปัญหาโรงงานเถื่อนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้สิ้นซากไป” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

เบื้องหลังความสำเร็จ ของ ‘น้องปุญ’ ความฝัน ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น สู่การเป็น นักเรียนโรงเรียนนายเรือ ‘Annapolis’ ประเทศสหรัฐอเมริกา

(10 พ.ค. 68) คนเรา ถ้าตั้งใจจริง แล้ว พยายาม อย่างที่สุด ก็จะสำเร็จ ....สัญญากับตัวเอง เตือนตัวเอง ว่าต้องทำให้ได้!!

เหมือน 'น้องปุญ' นักเรียนนายเรือ ปุญระพี ประกิจ ชั้นปีที่ 1 ที่ ผ่านทุกด่าน จนได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา United States Naval Academy( USNA,ที่เมือง Annapolis มลรัฐแมรี่แลนด์

น้องปุญ จบมัธยมจากสาธิตปทุมวัน ด้วยความที่พ่อ แม่ น้า ๆ เป็นวิศวกร น้องปุญ จึงตั้งเป้าหมายว่า จะเรียนวิศวฯ มาโดยตลอด และช่วงใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่บ้านอยากหาสนาม ให้ไปซ้อมสอบ และมีเพียงสนามสอบเตรียมทหาร ที่เปิดสอบ น้องปุญ ก็ไปสอบ และสอบติดทั้ง 4 เหล่า และด้วยความเป็นนักว่ายน้ำ ก็เลยตั้งใจเลือก ทหารเรือ และขอลองไปลองเรียนที่เตรียมทหาร และเมื่อผลสอบออกมา มหาวิทยาลัยออกมา น้องปุญ สอบได้ คณะวิศวฯ จุฬาฯ แต่ น้องปุญ ตัดสินใจ แล้วบอกว่า ”สละสิทธิ์นะแม่” ขอเรียนต่อที่ รร.เตรียมทหาร คุณพ่อและคุณแม่ ไม่ขัด ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของลูก อยากเรียนเตรียมทหาร อยากเป็นทหารเรือ ก็เอา!! ไว้เปลี่ยนใจ แล้วค่อยออกมา สอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ 

น้องปุญ เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น61 และ นักเรียนนายเรือ รุ่น118 และมุ่งมั่นตั้งแต่ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ว่า จะสอบไปเรียน โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา หรือ ที่รู้จักกันดีว่า รร.นายเรือ Annapolis ให้ได้ ความฝัน ของ น้องปุญ ที่อยากจะไปเรียน รร. นายเรือ Annapolis มาจากที่ อาจารย์ ที่เตรียมทหาร เปิดหนังเรื่อง Annapolis ในห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ 

หลังจากนั้น น้องปุญ ก็ ค้นหาข้อมูล เกี่ยวกับรร. นายเรือ Annapolis และยิ่งสร้างเป้าหมายในชีวิตว่า จะสอบเข้า รร. นายเรือ Annapolis นี้ให้ได้ หนึ่งในคลิป ที่ ต้องปุญ ดู คือ คลิป ที่ รายการลับลวงพราง พาไปเยี่ยมชม รร. นายเรือ Annapolis ที่มี น้องโมโน นนร. ธิปก เอกวิริยะเสถียร เป็นคนพาเดินชม รร. และเล่าเรื่องการเรียนให้ฟัง

น้องปุณ เขียนความตั้งใจอันแน่วแน่นี้ ไว้ในสมุดโน้ตประจำตัว ตอน เรียนเตรียมทหาร ตั้งแต่ 30 กย.2019 ว่า จะต้องสอบติด Annapolis ให้ได้ พร้อมวาดรูป แมลงเต่าทอง แมลงแห่งโชค พร้อมชื่อ รัฐMaryland และ ข้อคิดเตือนใจตัวเอง 12 ข้อ
- มุ่งมั่น ตั้งใจ สู้ๆ!
- มองไปถึงอนาคตไกลๆ
- ทำให้ดีที่สุด อย่ามาเสียใจตอนสาย
- เชื่อว่ามึงทำได้ !!!
- เตรียมตัวให้พร้อม
- ความสำเร็จ แม่งโคตรหอมหวาน
- ไม่ต้องรู้งี้ ทำให้ได้ไปเลย
- ห้ามพลาดโอกาสนี้ เด็ดขาด
- อย่าผลัดวัน ประกันพรุ่ง
- เพื่อตัวเองทุกวัน !!
- วัดกันสักตั้งดี"
- กัดฟันสู้ สิวะ

คุณแม่ของน้องปุญ เพิ่งค้นเจอ สมุดที่ นักเรียนเตรียมทหาร ต้องพกประจำตัว ที่น้องปุญ เขียนข้อความเหล่านี้ โดยบังเอิญ เมื่อไม่นานมานี้. ตอนที่เก็บของในห้องน้องปุญ ที่ทำให้ได้รู้ถึงความตั้งใจอันมุ่งมั่นของลูกชาย จนที่สุด น้องปุณ ก็ทำตามความฝันความตั้งใจ นั้นได้ เมื่อ ทัพเรือสหรัฐฯ ได้ตอบรับให้น้องปุณ ไปเรียนที่ รร.นายเรือAnnapolis และยัง สร้างความปลื้มใจให้ ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ ผู้เป็นกำลังใจ และกองหนุนสำคัญ ของลูก

โดยจะไปเรียนในเดือน มิย.นี้ ตอนนี้ น้องปุณได้เรียนภาษา ที่ ศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษา ทร. โดย จะใช้เวลาเรียนที่รร.นายเรือ สหรัฐฯ 5 ปี และจะสำเร็จการศึกษาในเดือน มิถุนายน 2569

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เคยส่งนักเรียนนายเรือไปเรียนที่โรงเรียนนายเรือประเทศสหรัฐฯ ครั้งแรกปี 2498 โดยส่งไปเข้าโรงเรียนนายเรือเป็นหลัก ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะเปลี่ยนไปเข้าที่โรงเรียนยามฝั่ง หากเข้าทั้ง 2 โรงเรียนไม่ได้ จะให้เข้ามหาวิทยาลัย การเข้าเรียนต้องผ่านการคัดเลือกเข้มข้น ผู้ที่กองทัพเรือส่งไปเรียนที่สหรัฐฯ ในช่วงแรกส่วนใหญ่ไปเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย มีช่วงที่ส่งไปต่อเนื่องคือระหว่างปี2522-2537 นักเรียนนายเรือ เสรี ฉ่ำชื่น (ปัจจุบัน ยศ นาวาเอก) นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 28 เป็นผู้ที่เข้าได้เข้ารับศึกษาในโรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ได้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2532 

แต่เนื่องจากการคัดเลือกเข้มข้น นักเรียนนายเรือไทย จึงได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนได้บ้างไม่ได้บ้าง กองทัพเรือจึงงดส่งนักเรียนนายเรือไปสหรัฐฯ ระยะหนึ่ง และมาเริ่มส่งอีกครั้งเมื่อปี 2553 จนถึงปัจจุบัน กองทัพเรือไทยมีผู้สำเร็จการศึกษาจากประเทศสหรัฐฯ ระดับต่าง ๆ ประมาณ 20 นาย ทั้ง ที่ Annapolis ,Coastguard และ มหาวิทยาลัย ไม่รวมระดับปริญญาโท

ซึ่งขณะนี้กองทัพเรือมีนักเรียนนายเรือที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายเรือ เมืองแอนนาโปลิส ประเทศสหรัฐอเมริกานี้ 3 คนคือ นักเรียนนายเรือ ณัทดรัณ คุรุวิชญา ปี 4 (จะสำเร็จการศึกษาในเดือน มิถุนายน 2564 นี้) นักเรียนนายเรือ ธงบุญ เพ็งแก้ว กำลังศึกษาอยู่ปีที่ 3 และ นักเรียนนายเรือ สุรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ กำลังศึกษาอยู่ปีที่ 2 พี่เล็ก วาสนา และ รายการ ลับลวงพราง Exclusive ยินดี ที่ได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ในการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ น้องปุญ สู่การเป็น USNA Cadet แต่ที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจ แรงสนับสนุนจาก คุณพ่อคุณแม่ และท้ายที่สุด ตัว น้องปุญ เอง ที่ ตั้งใจและมุ่งมั่น ทำความฝัน ความตั้งใจของตนเอง ให้สำเร็จ...แม้จะเป็น ก้าวแรก ก็ตาม.... อีก 5 ปี ที่ยิ่งต้องพยายาม และมุ่งมั่น สู้ต่อไป จ้า !!! ”

ตอนนี้เกือบจะครบ 5 ปีแล้วครับ น้องปุญ มิได้แค่เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ แต่ยังได้บทบาท เป็นผู้นำของนักเรียน ได้เป็นนักเรียนบังคับบัญชา ซึ่งน้อยมากที่จะให้นักเรียนต่างชาติได้เป็น และยังได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ ทั้งรุ่นและเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในโรงเรียนอีกด้วย

ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ พิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระราชทาน วันวิสาขบูชา 'ผบช.ภ.2' กำชับ 8 จังหวัด อำนวยความสะดวก ดูแลการจราจร

(10 พ.ค.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 ทั้ง 8 จังหวัด ได้เตรียมกำลังพร้อมสนับสนุนภารกิจในการอำนวยความสะดวก และดูแลความสงบเรียบร้อยในพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน 'พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร' เนื่องในวันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 11พฤษภาคม 2568 ในพื้นที่จังหวัดในความรับผิดชอบ ได้แก่ จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง และสระแก้ว 

“พิธีจะมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.29 น. โดยมีประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันวิสาขบูชา จึงกำชับให้ทุกสถานีตำรวจดูแลพื้นที่จัดพิธีอย่างใกล้ชิด อำนวยความสะดวกด้านจราจร ร่วมในกิจกรรมอันเป็นมงคลนี้” ผบช.ภ.2 กล่าว

สำหรับพื้นที่ 8 จังหวัดของตำรวจภูธรภาค 2  กำหนดสถานที่ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน 'พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร' ดังนี้
จังหวัดนครนายก - วัดพรหมมหาจุฬามณี อ.เมืองนครนายก
จังหวัดจันทบุรี -  วัดบ้านอ่าง อ.มะขาม
จังหวัดฉะเชิงเทรา - วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดชลบุรี – วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  อ.บางละมุง
จังหวัดตราด – วัดบางปรือ อ.เมืองตราด
จังหวัดปราจีนบุรี - วัดใหม่กรงทอง อ.ศรีมหาโพธิ
จังหวัดระยอง – โครงการอ่างเก็บน้ำดอกกราย อ.ปลวกแดง
จังหวัดสระแก้ว – วัดเขาป่าแก้ว อ.วังน้ำเย็น

‘หมอยง’ ไม่แนะนำ!! ให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 มองไม่คุ้มกับประโยชน์ที่ได้ ชี้!! โรคลดความรุนแรงลงแล้ว และมียาที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาได้

(10 พ.ค. 68) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แพทย์อาวุโส นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘โควิด-19’ โดยมีใจความว่า ...

โรคทุกโรคที่ป้องกันได้ควรจะได้รับการป้องกัน แต่การป้องกันมีหลายวิธี ตั้งแต่ล้างมือทำความสะอาด ลดการแพร่กระจายของโรค ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการเข้าชุมชนคนหมู่มาก วัคซีนเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง

โรคโควิด 19 ในระยะแรก ปีแรกๆ รุนแรงมากมีอัตราเสียชีวิตถึงร้อยละ 1 และมีอัตราการลงปอดเป็นปอดบวมสูงมากโอกาสต้องนอนโรงพยาบาลสูงมาก ๆ แต่ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อ และฉีดวัคซีน และไวรัสโควิดก็ลดความรุนแรงของโรคลงมา ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ เปรียบเทียบได้กับไข้หวัดใหญ่ ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมาก ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย เพราะเคยเป็นมาแล้ว ยกเว้นมีร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัว ก็เป็นเช่นเดียวกันกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่อาจจะรุนแรงขึ้น 

ทำไมเรายังต้องให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทั้งที่ความรุนแรงของไข้หวัดใหญ่กับโควิด ไม่ต่างกันมากแล้ว วัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หวังป้องกันความรุนแรงของโรค แต่เรายังแนะนำให้ฉีดโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้เพราะวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ใช้กันมานานมากแล้วร่วม 50 ปี มีราคาถูก และอาการข้างเคียงต่ำ เมื่อมาเปรียบเทียบกับวัคซีนโควิดในปัจจุบัน โควิดไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อน้อยมาก วัคซีนมีราคาแพงมาก มากกว่าไข้หวัดใหญ่เกือบ 10 เท่า และมีอาการข้างเคียงมากกว่า 

ดังนั้นในปัจจุบันจึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง โดยทางภาครัฐสนับสนุน ให้ได้ฉีดฟรี ส่วนวัคซีนโควิด เมื่อคิดถึงความคุ้มทุน และประโยชน์ที่ได้ เมื่อโรคลดความรุนแรงลง โดยส่วนตัวจึงไม่แนะนำ และถ้าป่วยให้รีบให้การรักษา เพราะมียาที่มีประสิทธิภาพ

‘กรมการปกครอง’ มีคำสั่งห้ามจนท.เรียกประชาชนผู้มาใช้บริการว่า ‘ลุง’ หรือ ‘ป้า’ หวั่นกระทบความรู้สึก! แนะใช้คำว่า ‘คุณลูกค้า’ เพื่อยกระดับงานบริการของภาครัฐ

(9 พ.ค. 68) ชาวเน็ตแห่แชร์เอกสารจากกรมการปกครองที่มีเนื้อหาระบุให้เจ้าหน้าที่รัฐเรียกประชาชนที่มาใช้บริการว่า 'คุณ' หรือ 'คุณลูกค้า' แทนการใช้คำว่า 'ลุง' หรือ 'ป้า' หลังมีประชาชนร้องเรียนว่าการใช้คำดังกล่าวไม่เหมาะสมและกระทบความรู้สึก

เอกสารดังกล่าวอ้างถึงข้อเสนอของผู้รับบริการที่ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จในห้างสรรพสินค้า ซึ่งสะท้อนความต้องการให้เจ้าหน้าที่ใช้ถ้อยคำสุภาพและเหมาะสมมากขึ้น โดยเฉพาะในการเรียกสรรพนามลูกค้า เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงานรัฐและข้าราชการไทย

กรมการปกครองจึงมีหนังสือเวียนไปยังจังหวัดต่าง ๆ ให้แจ้งกำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในจุดบริการต้องยึดหลักมารยาทสากลในการสื่อสาร โดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพทั้งทางวาจาและกิริยา เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน

ทั้งนี้แนวทางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับคุณภาพบริการภาครัฐ ให้มีความทันสมัย และใส่ใจต่อความรู้สึกของประชาชนมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการบริการด้วยหัวใจแบบมืออาชีพในยุคปัจจุบัน

ชมรมลูกเสือรัฐสภาไทยประชุมพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษา พร้อมเดินหน้าขยายสมาชิกและจัดกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคี

เมื่อวันที่ (7 พ.ค.68) ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ CB 402 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ประธานกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ครั้งที่ 2/2568 โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาชมรมฯ จำนวน 10 ท่าน เพื่อร่วมสนับสนุนภารกิจของชมรมฯ

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งที่ปรึกษาชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ได้แก่ รองศาสตราจารย์อาณัฐชัย รัตตกุล, นายไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว, นายอนิรุทธ์ สิงหศิริ, ว่าที่ร้อยตรี บุญชัย ดำรงโภคภัณฑ์, นายพงศ์เดช วิบูลย์ธนสาร, นายเกรียงไกร จันทร์หงษ์, นายสมชาย จรรยา, นายสามารถ ทับศรีนวล, พันตำรวจเอก อธิการ อัครกุล และว่าที่พันตำรวจตรีหญิงวรัญญา รอดวิไล

ในการประชุมยังได้หารือแนวทางการขยายจำนวนสมาชิกชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกสามัญที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 22 คน และสมาชิกวุฒิสภา 13 คน ถือว่ายังมีจำนวนน้อย จึงเห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนทั้งสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่สมัครเข้าร่วมชมรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนภารกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านแนวทางการดำเนินกิจกรรมของชมรมฯ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการวางแผนจัดโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ โดยจัดทำร่างโครงการพร้อมกำหนดงบประมาณ เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและความปรองดองระหว่างสมาชิกรัฐสภาเดิม ปัจจุบัน และบุคคลทั่วไป พร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ผ่านกิจกรรมในแนวทางลูกเสือเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ

ที่ประชุมยังได้เสนอแนวคิดจัดอบรมความรู้ทางการลูกเสือให้กับสมาชิกรัฐสภาที่สนใจ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตและสังคม อีกทั้งส่งเสริมการเผยแพร่กิจการลูกเสือให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรลูกเสือ และแสวงหาการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมชมรมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่องการแต่งกายด้วยเครื่องแบบลูกเสือ โดยยึดตามกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบลูกเสือ พ.ศ. 2510 ซึ่งระบุว่าผู้ที่จะสวมเครื่องแบบลูกเสือได้ต้องผ่านการอบรมที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติรับรอง โดยมีมติเห็นชอบให้ออกแบบและจัดทำแบดจ์ติดแขนเสื้อด้านซ้าย สำหรับผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรลูกเสือจากชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นลูกเสือรัฐสภาไทย

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำรับบรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมตั้งเป้าขับเคลื่อนชมรมให้มีบทบาทมากขึ้นทั้งในระดับรัฐสภาและสังคมส่วนรวม

'อ.เจษฎ์' ค้านรัฐขึ้นภาษีน้ำมัน-ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน แนะควรขึ้นภาษีเหล้าเบียร์ บุหรี่ หาเงินทดแทนดีกว่า

ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า 

น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสินค้าจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของประชาชน และเป็นต้นทุนในด้านการขนส่งของเศรษฐกิจประเทศ ..

จึงไม่ควรแค่จะขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน (เพื่อหาเงินเติมคลัง) แต่ควรจะหาทางลด เพื่อช่วยเหลือประชาชน ด้วยซ้ำครับ

อย่างน้อย ช่วงที่ราคาน้ำมันโลกลดลงต่อเนื่องแบบนี้ ก็ควรจะตรึงค่าภาษีสรรพสามิตไว้ จะได้ทำให้ราคาน้ำมันของผู้บริโภคในประเทศลดตามไปด้วย (ไม่ใช่ทำมาเป็นโม้ว่า ช่วยตรึงค่าน้ำมันให้คงที่ไว้ แต่จริงๆ คือเก็บภาษีเพิ่ม)

ไปขึ้นภาษีสรรพสามิตสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ อย่าง เหล้า เบียร์ไวน์ บุหรี่ ฯลฯ ดีกว่าครับ .. ถ้าจะหาเงินโปะ แก้รัฐถังแตก

นอกจากนี้ ดร.เจษฎา ยังระบุด้วยว่า (จากท้ายประกาศฯ) "เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้"

ดังนั้น มันไม่ได้ 'ปรับสมดุลรายรับ' อะไรหรอกครับ จริงๆ มันก็คือแอบเนียนๆ หาเงินภาษี มาโปะคลังเพิ่ม เพราะรัฐขาดรายได้ไปมาก (จากการไปสนับสนุนราคารถอีวีนั่นแหละ)

หรือพูดง่ายๆ คือ เทคนิคโยกเงินที่กองทุนน้ำมันควรจะได้ ไปเข้ากระเป๋ารัฐ เอาไปใช้อย่างอื่นแทน

ปิดฉากความสำเร็จ 'ผู้นำเมืองรุ่น 10' ม.นวมินทราธิราช มอบเข็มเกียรติยศอย่างชื่นมื่น

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.68) ที่ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ชั้น B2 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรพร้อมเข็มวิทยฐานะแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง ( ผู้นำเมือง รุ่น 10 ) โดยมี รศ.มนูธรรม มานวธงชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัย กล่าวรายงานผลการศึกษาอบรมหลักสูตร พร้อมด้วย นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้สำเร็จการศึกษาอบรม และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี 

ทั้งนี้ นายพินิจ จารุสมบัติ ตัวแทนหลักสูตรผู้นำเมือง รุ่น 10 มอบทุนการศึกษาให้แก่มหาวิทยาลัย เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท

สำหรับโครงการศึกษาอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง จัดโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ระหว่างวันที่ 13 ธันวาคม 2567 - 8 พฤษภาคม 2568 ผู้เข้ารับการศึกษาอบรม ประกอบด้วย ข้าราชการประจำสังกัดหน่วยงานภาครัฐและกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองของกรุงเทพมหานครและระดับประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน

ซึ่งการศึกษาอบรมหลักสูตร ผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้ผู้บริหารระดับสูงที่มาจากทุกภาคส่วน ได้รับการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเมือง ในทุกมิติพร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนากรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างบูรณาการและยังยืน

สำหรับผู้ที่จบหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมืองรุ่นที่ 10 จะนำความรู้ ประสบการณ์ และข้อคิดเห็น จากการอบรม อันจะนำไปสู่การเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการทำงาน ตลอดจนสร้างเครือข่ายในการบูรณาการความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อการพัฒนาเมือง สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ โดยผู้นำเมือง รุ่นที่ 10 รุ่นนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า 'ผู้นำเมืองรุ่นแผ่นดินไหว'

ภายหลังพิธีมอบประกาศนียบัตรและเข็มวิทยฐานะแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรม หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่นที่ 10) ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ในช่วงค่ำของวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการรุ่นได้จัดงานเลี้ยงแสดงความยินดี ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์

ภายในงานเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพและความอบอุ่น ผู้เข้าอบรมต่างร่วมแสดงความยินดี แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเก็บเกี่ยวความทรงจำร่วมกันอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมการแสดงและกิจกรรมที่สร้างสีสันและรอยยิ้มตลอดค่ำคืน

งานเลี้ยงครั้งนี้ถือเป็นการปิดฉากการเดินทางของ 'ผู้นำเมือง รุ่นที่ 10' อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเปิดประตูสู่การเดินหน้าของเหล่าผู้นำในภารกิจร่วมพัฒนาเมืองไทยให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

พี่ทหารพาน้องนักเรียนเที่ยว 'One Day Trip' ที่ ‘ปราสาทตาเมือนธม’ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ซึมซับความพอเพียงและศรัทธา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

(9 พ.ค. 68) กองกำลังสุรนารีจัดกิจกรรม 'One Day Trip' นำคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนดงรักวิทยา และโรงเรียนจันทน์หอมตาเสก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เดินทางทัศนศึกษายังแหล่งสำคัญใน จ.สุรินทร์ และ จ.อุบลราชธานี โดยจุดแรกได้พาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย เพื่อศึกษาอารยธรรมโบราณที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความงดงามทางประวัติศาสตร์

จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปยังโครงการทหารพันธุ์ดี ร.6 พัน.3 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางศาสตร์พระราชาในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปิดท้ายทริปด้วยการเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระธาตุหนองบัว เพื่อเสริมสิริมงคลในชีวิต

กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เสริมสร้างประสบการณ์ตรงจากแหล่งเรียนรู้จริง และเข้าใจบทบาทของกองทัพในพื้นที่ชายแดน อีกทั้งยังช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจและความตระหนักรู้ในหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติ

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เคยกล่าวถึงประเด็นพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมว่า ไทยยังคงรักษาอธิปไตยตามกรอบ MOU 43 พร้อมย้ำแนวทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญลุกลามเป็นความขัดแย้ง พร้อมยืนยันว่าการลดกำลังทหารต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติอย่างมั่นคง

'กฟผ.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 ฝ่าย' นำสื่อมวลชนภาคอีสาน เยี่ยมชมการผลิตกระแสไฟฟ้า พร้อมส่งต่อข้อมูลข่าวสารให้ ปชช

กฟผ. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 ฝ่าย ร่วมกับ กฟผ. กชส-ย. จัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ ประจำปี 2568 นำสื่อมวลชนจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา จำนวน 42 คน เข้าเยี่ยมชมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, ศูนย์เรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา และโรงไฟฟ้าศรีราชา (GSRC) จ.ชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธ์ร่วมกับสื่อมวลชนที่มีการจัดกิจกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำเสนอภารกิจ กฟผ. ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย เพื่อส่งต่อไปยังประชาชนต่อไป

เมื่อวันที่ (7 พ.ค.68) ที่ สฟ. นครราชสีมา 1 นายสหชาติ พิลาออน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อปอ. ) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธาน ในพิธีเปิดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2568 และบรรยายเรื่อง 'กฟผ. ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง' โดยโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประจำปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม 2568  นำสื่อมวลชนจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา จำนวน 42 คน เข้าเยี่ยมชมการผลิตกระแสไฟฟ้าจาก โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา, ศูนย์เรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา และโรงไฟฟ้าศรีราชา (GSRC) จ.ชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อสานสัมพันธ์ร่วมกับสื่อมวลชนที่มีการจัดกิจกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำเสนอภารกิจ กฟผ. ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย เพื่อส่งต่อไปยังประชาชนต่อไป, สถานการณ์ ระบบไฟฟ้าของประเทศไทย

ปัจจุบันและอนาคต สาธิตการบำรุงรักษาเสาและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง และขอความร่วมมือในการเผยแพร่ข้อมูล กฟผ. ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนให้ช่วยดูแลรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ป้องกันไฟฟ้าดับจากการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาทิ ข้อกำหนดความปลอดภัยในเขตเดินสายส่งไฟฟ้าแรงสูง การงดปลูกต้นไม้ยืนต้น และบ้านเรือนใกล้แนวสายส่งฯ, งดเผาหญ้าไร่อ้อยใต้สายส่งฯ, การระมัดระวังอันตรายต่อชีวิตในการขับรถแม็คโคร รถขุด รถตัก ต้องลดระดับลงเมื่อลอดสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ฯลฯ 

ในโอกาสนี้มี คณะผู้บริหาร และคณะทีมงาน กฟผ. ร่วมให้การต้อนรับและร่วมเดินทางไปกับคณะสื่อมวลชน อาทิ นายวิษณุ วัฒนเวชรัตน์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 (ช.อปอ.2), นางสาวเกษณภา มหารัตนวงศ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืน 1, นายพลากร บุญห่อ หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง (กชส-ย.), นายอนุพงษ์  เมืองครุธ หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าน้ำพอง(หชฟพ-ย.), นายจีราวัฒน์ กมลวิศาล หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชฟอ-ย.) และ น.ส. อภิสราธรณ์ ปัณณะมณีธนโชติ วิทยากรระดับ 8  แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชสอ-ย.) ฝ่ายปฏิบัติการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  (อปอ.) ร่วมด้วย คณะ กฟผ. จาก สถานีไฟฟ้าแรงสูงนครราชสีมา 1 คือ นายวิโรจน์ มณีเนตร หัวหน้าสำนักงานนครราชสีมา และ หัวหน้าแผนกบำรุงรักษาสถานีไฟฟ้าแรงสูง 2 , นายปรีชา สุขสวาท หัวหน้าแผนกบำรุงรักษาสายส่ง 2, นายมานพ หิรัญพิศ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการและบำรุงรักษาสายส่งนครราชสีมา 1, นายบุญเชิด กระจายกลาง หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการและบำรุงรักษาสายส่งชัยภูมิ พร้อมทีมงาน

การจัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ประจำปี 2568 ดำเนินการโดย แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชสอ-ย.), แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟัาน้ำพอง (หชฟพ-ย.) และ แผนกประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หชฟอ-ย.) ร่วมกับ กองประชาสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ระบบส่ง (กชส-ย.) ฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืน (อกย.) ซึ่งสื่อมวลชนที่ร่วมโครงการฯ ได้ให้ความสนใจ มีความเข้าใจตามวัตถุประสงค์โครงการฯ และยินดีจะนำข้อมูลของ กฟผ.ไปเผยแพร่ต่อประชาชนผ่านสื่อในสังกัดตนเองต่อไป

ด้าน นายสหชาติ พิลาออน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.มีหน้าที่ผลิต และส่งจ่ายไฟฟ้า เพราะส่วนมากโรงไฟฟ้าหลักๆ จะอยู่ห่างไกลจากผู้ใช้ไฟฟ้า ต้องอาศัยสายส่งไฟฟ้าเป็นตัวเชื่อมในการทำงานที่นี้ใช้ส่งไฟฟ้าแรงสูง เพราะกว่าจะได้มาต้องอาศัย การใช้รอนสิทธิ์จากพี่น้องประชาชน กว่าจะได้ใช้ส่งไฟฟ้าแรงสูงมา เพราะสายส่งเราเชื่อมโยงรับไฟมา และเชื่อมโยงระหว่างกัน จากสถานีไฟฟ้าเชื่อมโยงไปยังสถานีจังหวัด และอำเภอ ต่างๆและส่งให้ไฟฟ้าไปจำหน่าย ส่วนในการดูแลสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เราต้องอาศัยในการดูแลจากพี่น้องประชาชนในชุมชนใกล้ๆ เพื่อช่วยเหลือสายส่งในการทำหน้าที่ ขนส่งไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงในการทำให้สายส่งไฟฟ้าทำงานไม่ได้ เช่นไปจุดไฟใต้สายส่งไฟฟ้าแรงสูง การเผาอ้อย หรือแม้แต่ไปปลูกต้นไม้ใกล้เกินไป ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยดูแล สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของกฟผ.ด้วยกัน

นายสหชาติ  กล่าวอีกว่า ส่วนความต้องการในการใช้ไฟฟ้าถ้ามองตาม GDP แล้ว ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากการนับ ณ ปัจจุบัน การสร้างโรงงานไฟฟ้า นั้นจะกระจุกอยู่ในตัวในพื้นที่ที่เหมาะสม กับเชื้อเพลิงที่จะผลิตไฟฟ้านั้น โดยการส่งไฟฟ้าแรงสูงอีกมาก ซึ่งสายส่งไฟฟ้าแรงสูงถ้าจะส่งไฟฟ้าได้จำนวนมาก จะต้องใช้แรงดันไฟฟ้าสูง ๆ เพื่อเชื่อมโยงให้เกิดความมั่นคง ตอนนี้มีสายส่งทีเชื่อมโยงใกล้ที่จะมั่นคงมาก ๆ แล้ว  โดยมีการเชื่อมโยงกับ สปป.ลาว เชื่อมโยงกับ ภาคเหนือ ภาคกลาง เมื่อได้สายส่งที่เชื่อมโยงอย่างนี้แล้วจะมีความมั่นคงอย่างมาก 

นายสหชาติ กล่าวท้ายสุดว่า จากสถานการณ์ไฟฟ้าดับในยุโรป คือโปรตุเกส และสเปน นั้นส่วนหนึ่งมากจากการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มาก เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าหลักและประเทศนั้น ๆ มีสายส่งเชื่อมโยงกับประเทศฝรั่งเศส แต่เผอิญว่าพลังงานที่มันหายไปมันเยอะ กว่าพลังงานที่อื่นจะส่งผ่านสายส่งไฟฟ้าเข้ามาได้ ในส่วนของ กฟผ.เรามีสายส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงกันที่แข็งแกร่ง ค่อนข้างมาก มันทำให้สามารถที่จะส่งไฟอีกภาคหนึ่งมาช่วยอีกภาคหนึ่งได้ เช่น ถ้าภาคอีสานมีฟ้าจากโรงไฟฟ้าใหญ่ ๆ หายไปแต่เรายังสามารถรับไฟจากภาคเหนือ หรือภาคกลาง มาช่วยเสริมความมั่นคงในภาคอีสานได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top