Wednesday, 25 June 2025
NEWS FEED

พร้อมดูแลดุจครอบครัว! ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ และตำรวจทางหลวง นำขบวนเปิดทางกว่า 450 กิโลเมตร ส่งทารกอายุ 14 วัน และเด็กน้อย 3 ขวบป่วยวิกฤตถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วใน 4 ชั่วโมง

วันนี้ (8 พ.ย.67) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการคณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่พี่น้องประชาชน พร้อมป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งได้กำชับเน้นย้ำให้ทุกหน่วยนำไปขับเคลื่อนให้มีผลปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และล่าสุดขอชื่นชมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร และตำรวจทางหลวง อำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งเด็กมีอาการป่วยวิกฤต 2 เคส จากจังหวัดขอนแก่นส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประชาชน รวมถึงตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจรท้องที่ และเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จึงสามารถนำส่งผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 08.27 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่ามีผู้ป่วยเป็นเด็กทารกแรกเกิดอายุ 14 วัน มีภาวะหลอดเลือดใหญ่หัวใจสลับขั้ว ทางเดินหายใจตีบแคบ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ต้องส่งเข้ารับการรักษาต่อที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร เมื่อได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ได้เข้าสนับสนุนบริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดทางนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว

ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับการประสานงานจากโรงพยาบาลขอนแก่น ว่าต้องการตำรวจนำขบวนเปิดเส้นทางเพื่อส่งตัวเด็กหญิง อายุ 3 ปี 4 เดือน ป่วยปอดติดเชื้อขั้นรุนแรง ไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร ตำรวจทางหลวงจึงได้นำเปิดเส้นทาง จนถึง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เข้าสมทบ นำขบวนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว และนำส่งผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเคสนี้เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยที่สุด จึงต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเปิดเส้นทางเร่งด่วน เพื่อนำผู้ป่วยวิกฤตส่งรักษาต่อยังแพทย์เฉพาะทางโดยเร็วที่สุด เนื่องด้วยระยะทางไกลกว่า 450 กิโลเมตร หากไม่มีรถนำ รถพยาบาลจะสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก ไม่สามารถทำเวลาได้เต็มที่และอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะเดินทาง พล.ต.ท.ประจวบฯ จึงได้สั่งการให้ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่เข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวกนำขบวนเปิดเส้นทางโดยทันที เมื่อได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง และถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.กรไชยฯ ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ตำรวจทางหลวง รวมถึงตำรวจท้องที่ทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมช่วยเหลือ ดูแล และอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะเหตุด่วน เหตุร้าย เหตุฉุกเฉิน ขอให้นึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราพร้อมดูแลทุกท่านดุจสมาชิกในครอบครัว 

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงานขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ว่า หากพี่น้องประชาชนพบเห็นหรือประสบเหตุ สามารถแจ้ง ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทางช่องทาง
- โทร. 191 จราจรทุก สน./สภ. ทั่วประเทศ 
- โทร. 1197 สายด่วนตำรวจจราจร ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 
- โทร. 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ 
- โทร. 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘รถถัง’ เคลื่อนไหวหลังตกตาชั่งเสียแชมป์โลก ONE มวยไทย ลั่นทำเต็มที่แล้ว พร้อมขอร้องชาวเน็ต “อย่าว่าเมียผม”

(8 พ.ย.67) หลังจาก 'รถถัง จิตรเมืองนนท์' เจ้าของฉายา ดิไอรอนแมน ยอดนักชกชาวไทย ตกตาชั่งอีกครั้ง ทำน้ำหนักไม่ผ่านตามกำหนด ก่อนคิวเตรียมขึ้นชกกับ จาค็อบ สมิธ ผู้ท้าชิงจากสหราชอาณาจักร เพื่อป้องกันแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ที่สนามมวยลุมพินี (รามอินทรา) ในวันที่ 9 พ.ย. นี้ ทำให้ รถถัง ต้องถูกริบเข็มขัดแชมป์โลกตามกฎ ONE Championship แต่การชกจะยังคงมีอยู่ตามกำหนดการเดิม โดยถ้า สมิธ ชนะ จะคว้าแชมป์ไปครองทันที หาก สมิธ แพ้ แชมป์จะว่างลง

โดยทางรถถัง ได้เคลื่อนไหว ด้วยการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "7ปีที่เราอยู่ด้วยกันมา ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว จากกันแล้วก็จะไม่จากไกลผมสัญญาว่าจะเอากลับมาให้ได้ #ไม่ต้องด่าคนอื่นนะพี่ ๆ ด่าผมคนเดียวผม ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว" โดยมีแฟนคลับเข้าไปให้กำลังใจจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ 'บอย ท่าพระจันทร์' โดยได้คอมเมนต์ว่า 

ไม่ว่าใครจะด่า หรือว่าน้องยังไง อยากให้รู้ว่าพวกพี่ ๆ และเพื่อน ๆ เป็นกำลังใจให้น้องเสมอ #สู้

นอกจากนี้ รถถังยังได้ออกมาโพสต์ขอร้องทุกคนอย่าคอมเมนต์เสีย ๆ หาย ๆ ถึงภรรยาของตน เพราะเป็นคนที่คอยกำลังใจตนอยู่ตลอด โดยระบุว่า

"ใช่ คุณด่าได้เต็มที่เลยว่าผมไม่มืออาชีพ แต่อยากบอกอะไรให้นะ คุณมาลองอยู่กับผมสักไฟต์สิว่าผมทำอะไรบ้างแต่ละวัน ผมแม่งโคตรอยากทำให้ได้เลย ผมอยากไลฟ์สดให้ดูเลยว่าผมต้องอดทนขนาดไหน ผมแม่งโคตรอยากรักษาเข็มขัดเส้นนี้ไว้ไห้นานเลย พวกคุณรู้มั้ย"

"คุณลองมาเป็นผมดูมั้ยก่อนที่จะด่าจะว่าอะไรออกมาเคยลองคิดกลับไปมองตัวเองมั้ยว่าด่าเขาแล้วผมจะทำได้มั้ย ผมไม่เคยด่าเลยนะ เพราะผมรู้ว่าถ้าผมอยู่จุดแต่ละคนแล้วผมคงทำไม่ได้แน่ สักวันคุณจะเข้าใจ และขอฝากไว้นะครับ ทุกวันนี้ผมทำเพื่อครอบครัวและประเทศไทยจริงๆ มวยไทยผมรักมากที่สุด ขอบคุณที่ทนอ่านนะครับและขอร้องอย่าเมนต์เสีย ๆ หาย ๆ ว่าเมียผมเลยเขาคือคนที่ให้กำลังใจผมตลอดเวลา"

เส้นทางขนส่ง 'MIDDLE Corridor' กระตุ้นการค้าระหว่าง ​​ประเทศในเอเชียกลางและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

กรุงเทพ, 30 ตุลาคม 2567 สถานทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทยได้จัดสัมมนาในหัวข้อเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศทรานส์แคสเปียน (Middle Corridor) และประเทศคาซัคสถานในฐานะจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงที่มีศักยภาพ ผู้ร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้ประกอบไปด้วยตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ, นักวิชาการ ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการขนส่งที่มีประสบการณ์

​นาย อาร์มัน อิสเซตอฟ เอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทย กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำว่าประเทศคาซัคสถานที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญบนเส้นทาง ทรานส์แคสเปียน คาซัคสถานประเทศซึ่งเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคยูเรเชียน โดยมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงด้านการค้าและการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 21 คาซัคสถานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ณ วันนี้มีจุดผ่านแดนประเทศของเราถึง 11 จุด โดยเส้นทางที่สำคัญที่สุดคือเส้นทางทรานส์แคสเปียน

​ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศที่เผยแพร่โดยธนาคารโลกเมื่อปี 2023 ระบุว่าเส้นทางขนส่ง Middle Corridor ช่วยย่นระยะเวลาขนส่งระหว่างประเทศจีนและยุโรปอีกทั้งเพิ่มการขนส่งขึ้นถึงสามเท่าจนถึงระดับ 11 ล้านตันภายในปี 2030 UN ESCAP ในแผนนโยบายที่ได้แถลงเมื่อปี 2023 กล่าวว่า Middle Corridor และเส้นทางรถไฟจากประเทศจีนเชื่อมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่เปิดในปี 2021 จะช่วยกระตุ้นการค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียกลางและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

​การสัมมนายังได้เชิญผู้ประกอบการขนส่งจากบริษัท Rhenus Logistics นายศิวาพัชญ์ เผ่าพรหม ตัวแทนบริษัทฯ ขึ้นพูดเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ด้านการขนส่งที่เชื่อมโยงจากประเทศไทยสู่ประเทศคาซัคสถาน โดยเน้นถึงโอกาสการเติบโตทางด้านการค้าและศักยภาพที่สำคัญในการเชื่อมโยงการขนส่ง และ นายพีระพล พิภวากร ตัวแทนจาก Kazakh Thai Alliance มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการเปิดตลาดคาซัคสถาน รวมถึง วิธีการ และ แนวทางในการนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาดในประเทศคาซัคสถาน

​ช่วงท้ายของการสัมมนาได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รวมไปถึงการพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆที่มาร่วมงานเพื่อสร้างความร่วมมือในอนาคต สถานทูตคาซัคสถานขอขอบคุณผู้ร่วมงานทุกท่านและวิทยากรที่สละเวลามาร่วมงานในครั้งนี้ อีกทั้งอยากเน้นย้ำถึงความสำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศคาซัคสถานและประเทศไทย

รร.นานาชาติโชรส์เบอรี เปิดอาคารใหม่ ซิตี้แคมปัสสร้างสิ่งแวดล้อมเป็นครู

(7 พ.ย.67) โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส หนึ่งในโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทย ประกาศเปิดตัวอาคารเรียนส่วนต่อขยายเพื่อการรองรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล (Early Year) วัย 2-5 ปี อย่างเป็นทางการที่สาขาซิตี้แคมปัส ใจกลางย่านสุขุมวิท-พระราม 9 เพื่อรองรับความต้องการสมัครเรียนของนักเรียนระดับวัยอนุบาลที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย 

โดยโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีกรุงเทพ ซิตี้แคมปัส เป็นโรงเรียนหลักสูตรอังกฤษสำหรับเด็กปฐมวัย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกิจกรรมต่างๆ และสภาพแวดล้อมการเรียนรู้มาตรฐานระดับโลก เปิดรับนักเรียนตั้งแต่อายุ  2-11 ปี

อแมนดา เดนนิสัน ครูใหญ่และครูผู้บริหารรุ่นก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมบัส กล่าววว่า ปัจจุบันโรงเรียนตั้งเป้ารับนักเรียนวัยอนุบาลเพิ่มเป็น 232 คนต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 33% จากแผนเดิม ซึ่งส่วนต่อขยายนี้เป็นการรองรับความต้องการของผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาที่โรงเรียนมาขึ้น ด้วยความโดดเด่นของโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งแก่เด็กนักเรียนตั้งแต่ยังเล็ก เรามีการออกแบบหลักสูตรที่ให้เด็กเป็นผู้นำการเรียนรู้ บรรยากาศภายในห้องเรียนจึงเน้นการเรียนและเล่นอย่างผสมผสาน สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนเชิงบวกให้กับเด็กครบทุกด้าน

นางอแมนดา ยังกล่าวอีกว่า ในเชิงการออกแบบอาคารมีการคำนึงถึงการสร้างแวดล้อมแห่งการเรียนรู้เป็นพิเศษ โดยได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด 'Environment as the Third Teacher' หรือการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นครูคนที่สามแก่เด็กๆ ช่วยส่งเสริมกระตุ้นการเรียนรู้และความยากรู้อยากเห็นของเด็กตามธรรมชาติ

สร้างบรรยากาศการเรียนที่ผ่อนคลาย มีความสุขพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โรงเรียนจึงได้สร้างอาคารขึ้นมาอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อให้เด็กเล็กใช้เท่านั้น ทั้ง ห้องเรียน เฟอร์นิเจอร์ สิ่งของต่าง ๆ รวมถึงต้นไม่และสวนโดยรอบอาคาร ได้รับการออกแบบจัดวางอย่างเหมาะสมแก่เด็ก ๆ นอกจากนั้นยังมี Early Years Hub ซึ่งเป็นพื้นที่ตรงกลางเชื่อมต่อห้องเรียนเข้ากันอย่างกลมกลืน ไม่มีระเบียงกั้นทางเดินเหมือนกับโรงเรียนโดยทั่วไป เพื่อให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวร่างกายและใช้พื้นที่เพื่อทำกิจกรรมเสริมทักษะได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นบริเวณพื้นที่นี้ยังสามารถให้ผู้ปกครองสร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กและระหว่างผู้ปกครองด้วยกันได้อีกด้วย

ด้านนางแคธเทอรีน โอคิล ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายอนุบาลและประถม กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ซิตี้แคมปัส เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2561 นับเป็นการขยายสาขาของโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์ ที่เปิดการสอนครั้งแรกในกรุงเทพตั้งแต่ปี 2546 โดยสาขาซิตี้ แคมปัส เป็นการขยายเพื่อรองรับการเรียนการสอนนักเรียนระดับก่อนอนุบาล จนถึง ระดับประถมต้น จากนั้นนักเรียนสามารถไปเรียนต่อจนถึงอายุ 18 ปีที่สาขาริเวอร์ไซด์ เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

สำหรับระบบการเรียนการสอนของสาขาซิตี้แคมปัส นางโอคิล กล่าวว่า ด้วยความโดดเด่นของทีมครูผู้สอนที่พร้อมด้วยคุณวุฒิรับรองจากกระทรวงศึกษาของประเทศอังกฤษ (UK's Qualified Teacher Status-QTS) มีการนำหลักสูตรพัฒนาเด็กเล็กของอังกฤษ Early Years Foundation Stage และแนวทางการเรียนรู้แบบ Reggio Emillia Approach มาใช้กับการสอนที่นี่ ทำให้ในแต่ละปีมีเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ทางโรงเรียนจึงขยายเพิ่มเติมออกมาจากอาคารหลังเดิม ด้วยเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

"ที่สำคัญเราไม่ได้เพียงแค่เตรียมความพร้อมและให้การศึกษาที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนเท่านั้น แต่ยังเน้นสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้เชิงบวก ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานการเรียนรู้อันแข็งแกร่งที่จะอยู่ติดตัวเด็กๆ ต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน ภายหลังจบการศึกษาแล้ว” เดนนิสัน กล่าวทิ้งท้าย

อาคารอนุบาลหลังใหม่นี้ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์การเรียนรู้และการเล่นของเด็กนักเรียนอย่างเต็มที่ มีสวนธรรมชาติติดกับห้องเรียนทุกห้อง ตั้งแต่ระดับ Nursery ถึง EY2 นักเรียนยังได้รับสิทธิ์ใช้พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ของโรงเรียนอย่างครบครัน เช่น โรงยิม ห้องกีฬา สระว่ายน้ำขนาดใหญ่สองสระ หาดทรายจำลอง สนามฟุตบอลหญ้าธรรมชาติ และศูนย์การเรียนรู้สร้างสรรค์ของโรงเรียน ที่จัดไว้รองรับกิจกรรมด้านดนตรี ศิลปะ การออกแบบ และเทคโนโลยี ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของโรงเรียนที่มุ่งเน้นคุณภาพการศึกษาที่ดีที่สุด

สหรัฐเตรียมคืนโบราณวัตถุบ้านเชียง กรมศิลปากรจัดงานรับมอบวันที่ 14พ.ย.นี้

(7 พ.ย. 67) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานยูเนสโกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ณ กรุงเทพฯ และกรมศิลปากร จะจัดพิธีส่งมอบโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พิธีส่งมอบโบราณวัตถุบ้านเชียงและการเสวนาในโอกาสวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม จะจัดขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 10:30 - 15:00 น. ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพมหานคร

ในการนี้ ฯพณฯ โรเบิร์ต แฟรงก์ โกเด็ค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ ฯพณฯ ราฟีค แมนซัวร์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา จะทำพิธีส่งมอบโบราณวัตถุแก่ ฯพณฯ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยมี ซูฮย็อน คิม ผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโกภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ เป็นสักขีพยาน พร้อมกับมีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสอบถามข้อมูล

นอกจากนี้ ภายในงานทางยูเนสโกได้จัดการเสวนาผู้เชี่ยวชาญเนื่องในวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย พิพิธภัณฑ์ และองค์กรนานาชาติ มาร่วมพูดคุยถึงความท้าทายและแนวทางแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันอาชญากรรมดังกล่าว

ผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วยตัวแทนจากสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศิลปากร และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน จากนิวยอร์ก จะร่วมกันอภิปรายในประเด็นกรอบกฎหมาย ความร่วมมือระหว่างประเทศ และหลักการซื้อขายอย่างมีจริยธรรมในตลาดศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ประดับเครื่องหมายยศนายทหารสัญญาบัตร

(7 พ.ย. 67) เวลา 09.00 น. พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธาน ในพิธีประดับเครื่องหมายยศให้แก่นายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับการเลื่อนยศสูงขึ้น จำนวน 66 นาย ณ ห้อง พลเรือเอก ประพัฒน์ กฤษณจันทร์ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้กล่าวให้โอวาทแก่ผู้ร่วมพิธีว่า การที่ท่านทั้งหลายได้รับการเลื่อนยศสูงขึ้นนั้น ย่อมถือได้ว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ในการปฏิบัติงานอย่างดี สำหรับผู้ที่ได้รับการเลื่อนยศสูงขึ้น ตามแนวทางการรับราชการ ซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารกำลังพลที่ได้ให้ความเชื่อมั่นในความเจริญก้าวหน้าของอาชีพรับราชการอีกระดับหนึ่ง ในการปฏิบัติงานของหน่วยที่ผ่านมา มีปัจจัยแห่งความสำเร็จเกิดมาจากความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจ จากกำลังพลทุกนาย ซึ่งท่านเป็นส่วนหนึ่งแห่งความสำเร็จในครั้งนี้ และที่สำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้น จะต้องยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ ความจริงจัง และจริงใจ ทั้งต่อหน่วยงานและเพื่อนร่วมงาน อันจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการยิ่ง ๆ ขึ้นไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

สพฐ.ตร.เตรียม MOU กับ GIT เพื่อร่วมกันพัฒนาการตรวจพิสูจน์โลหะมีค่า อัญมณี และเครื่องประดับ ลดการถูกหลอกลวง พร้อมเปิด App CSI เสริมการตรวจที่เกิดเหตุ

 (7 พ.ย. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์  ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) เป็นประธานแถลงข่าวการหารือเพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนาวิธีการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ระหว่าง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT โดยมี นายสุเมธ  ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันฯ นายทนง  ลีลาวัฒนสุข รองผู้อำนวยการ (เทคนิค) และคณะทำงาน พล.ต.ต.ทนงค์  ทองประดับเพชร ที่ปรึกษา (สบ7) สพฐ.ตร. พล.ต.ต.วาที  อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐก.) พล.ต.ต.กัลป์  ทังสุพานิช ผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมและวิจัยการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สฝจ.) และข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ ณ ห้องประชุม กคม.พฐก. ชั้น 5 อาคาร 9 ชั้น กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (สวนพลู)

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ฯ กล่าวว่า ภายหลังมีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีเกี่ยวกับทองคำในหลายข้อหา โดยเฉพาะข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองหรือผู้อื่น ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหายจำนวนมาก อีกทั้งในปัจจุบันในการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนจะถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ จึงหารือกับทาง GIT อย่างใกล้ชิด โดยในอนาคตจะจัดทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินนโยบายความร่วมมือทางด้านวิจัยและพัฒนาทางด้านการตรวจพิสูจน์โลหะมีค่า อัญมณี และเครื่องประดับ เพื่อพัฒนาด้านบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจพิสูจน์หลักฐาน ส่งเสริมการให้บริการทดสอบ วิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ สนับสนุนเครื่องมือ และร่วมการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจในการตรวจพิสูจน์โลหะมีค่า อัญมณี และเครื่องประดับ ณ ห้องปฏิบัติการชั้น 6 ของกลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์(กคม.) กองพิสูจน์หลักฐานกลาง (สวนพลู) เมื่อมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้ตำรวจทั่วประเทศปรับการบริการและพัฒนางานสถานีตำรวจ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน อีกทั้ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คือ “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้ยกระดับการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ได้แก่ Application CSI ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตรวจเกิดเหตุ ใช้บันทึกข้อมูลการตรวจพิสูจน์แทนการบันทึกด้วยกระดาษ ซึ่งมีข้อดีดังนี้

1. Application CSI รองรับฟังก์ชันการพิมพ์ และฟังก์ชันการแปลงเสียงพูดเป็นข้อความได้สะดวกและรวดเร็ว ทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุสะดวกมากยิ่งขึ้น
2. สามารถกำหนดพิกัดที่เกิดเหตุ ผ่านละติจูดและลองจิจูด ได้อัตโนมัติ ทำได้ถูกต้องและรวดเร็ว โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมืออื่นๆประกอบ
3. มีฟังก์ชั่นการส่งและมอบวัตถุพยาน โดยกำหนดให้มีลายเซ็นดิจิตอลไว้ในระบบ ทำให้การส่งมอบวัตถุพยานได้ถูกต้องและรวดเร็ว
4. สามารถนำออกข้อมูลที่บันทึกไว้ในระบบ แปลงเป็นไฟล์เอกสารที่มีเนื้อหาถูกต้องแบบอัตโนมัติ ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน
5. สามารถบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์โดยอัตโนมัติทั่วประเทศ ทำให้ผู้บังคับบัญชาสามารถติดตามคดีสำคัญต่างๆได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุด ระบบดังกล่าวยังช่วยติดตามผลการตรวจพิสูจน์ การสังเคราะห์ผลตรวจพิสูจน์ หรือข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์ได้ทั้งประเทศ

ผบ.นย. ตรวจเยี่ยมกองพลนาวิกโยธิน เพื่อขวัญกำลังใจและความพร้อมรบสูงสุด

(7 พ.ย. 67) พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่และฝ่ายอำนวยการของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ตรวจเยี่ยม กองพลนาวิกโยธิน (พล.นย.) พร้อมทั้ง ได้รับฟังการบรรยายสรุป การปฏิบัติที่สำคัญรับทราบปัญหาข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะของหน่วย อีกทั้งได้ตรวจสภาพความพร้อมรบของ หน่วย อาทิ กองพันทหารราบหนุน กองกำลังด้านจันทบุรี-ตราด และกองร้อยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน โดยเป็นการตรวจความพร้อมของกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ ให้มีความพร้อมตามระดับความพร้อมรบระดับ 2 (พ.2) เพื่อให้มีความพร้อมทุกสถานการณ์ สามารถปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศและตอบสนองต่อภัยคุกคามทุกรูปแบบ โดยมี พล.ร.ต.โยธิน ธนะมูล ผู้บัญชาการกองพลนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ ณ บก.พล.นย. ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กของท่าน ‘ทนายวิชัย ทองแตง’ เห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จึงนำมาแบ่งปันเป็นข้อคิด สอดรับกับกระแสความร้อนแรงของทนายโซเชียล! ซึ่งกระทบภาพลักษณ์ทนายความอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

(7 พ.ย. 67) นายประกิจ เพชรรัตน์ อดีตประธานสภาทนายความจังหวัดสุราษฎร์ธานี โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า วันนี้ผมมีเวลาหยิบหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กของท่านทนายวิชัย ทองแตง “เคล็ดลับความสำเร็จของทนายมือทอง” ซึ่งได้อ่านมา 2-3 รอบแล้ว เห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จึงนำมาแบ่งปันเป็นข้อคิดให้กับผู้สนใจในบางตอน สอดรับกับกระแสความร้อนแรงของทนายโซเชี่ยล! ซึ่งสร้างความสั่นคลอนและเป็นหลุมดำกระทบภาพลักษณ์และวิกฤตศรัทธาของประชาชน สังคม ต่อองค์กรสภาทนายความอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนครับ!!

สำหรับ “เคล็ดลับความสำเร็จของทนายมือทอง” มาจากหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กชื่อ จากทนายความมือทอง สู่เซียนหุ้นหมื่นล้าน  ‘ลงทุนสไตล์ วิชัย ทองแตง’ ไขรหัสลับสู่ความสำเร็จ The Last Masterpieces ที่ถ่ายทอดความลับ การลงทุนหมื่นล้าน! ของ ‘คุณวิชัย ทองแตง’ เจ้าของฉายานักเทคโอเวอร์หมื่นล้าน นักลงทุนหุ้น เทิร์นอราวด์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยติดอับดับมหาเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้หันมาให้ความสำคัญกับการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัปให้เติบโต จนได้ฉายาใหม่ว่า ‘godfather of startup’ หรือแปลเล่น ๆ ว่า ‘พ่อทูนหัว’ ของวงการสตาร์ตอัปนั่นเอง

รมว.อุตสาหกรรม เรียกกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ 10 สมาคมเหล็ก ถกเร่งแก้วิกฤตอุตสาหกรรมเหล็กของไทย

(4 พ.ย. 67) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดกระทรวง เชิญแกนนำกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ 10 สมาคมเหล็ก ร่วมหารือปัญหาวิกฤตอุตสาหกรรมเหล็ก และหาแนวทางแก้ไขเพื่อความอยู่รอดตลอดจนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  เป็นประธานในการประชุมที่กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม หารือกับผู้แทนอุตสาหกรรมเหล็กไทย นำโดย นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก คณะกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. และ 10 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งมีสมาชิกรวม 510 บริษัท จ้างงานโดยตรงกว่า 50,000 อัตรา และจ้างงานทั้งระบบกว่า 3 แสนคน

นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานส.อ.ท. กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญต่อการรักษาและพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทย โดยอุตสาหกรรมเหล็กเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของระบบอุตสาหกรรม เพราะเหล็กเป็นวัตถุดิบที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย ได้แก่ ก่อสร้าง รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ โดยหลายประเทศต่างก็ปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศเพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติของตน แต่ขณะนี้โลกเผชิญวิกฤตกำลังการผลิตเหล็กของโลกล้นเกินความต้องการใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศจีนซึ่งประสบปัญหาเศรษฐกิจและธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ถดถอย ส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศของจีนลดลง ในขณะที่ผู้ผลิตเหล็กในจีนยังคงผลิตเหล็กในสัดส่วนสูงมากราวร้อยละ 58 ของการผลิตเหล็กของทั้งโลกรวมกัน จีนจึงมุ่งส่งออกสินค้าเหล็กไปยังภูมิภาคหรือประเทศที่มีช่องโหว่ซึ่งจีนสามารถทุ่มตลาดได้ โดยในช่วง 9 เดือนแรก ประเทศจีนได้ส่งออกสินค้าเหล็กแล้ว 81 ล้านตัน และคาดว่าทั้งปี 2567 จีนจะส่งออกสินค้าเหล็กมากสุดในรอบ 8 ปี ปริมาณสูงถึง 109 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีก่อนหน้า โดยสินค้าเหล็กจากจีนที่ส่งมายังประเทศไทยปีนี้มีแนวโน้มปริมาณมากกว่า 5.1 ล้านตัน และครองส่วนแบ่งปริมาณเหล็กนำเข้ามากที่สุดร้อยละ 44 ส่งผลให้ผู้ผลิตเหล็กในไทยมีการใช้กำลังการผลิต (Production Capacity Utilization) ถึงขั้นวิกฤตต่ำกว่าร้อยละ 30 แล้วจนหลายโรงงานเหล็กต้องทยอยปิดกิจการและเลิกจ้างแรงงานไป ดังนั้น กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ 10 สมาคมเหล็ก จึงขอเสนอ 7 แนวทางบรรเทาวิกฤตอุตสาหกรรมเหล็ก ดังนี้

มาตรการห้ามตั้งห้ามขยายโรงงานเหล็กเฉพาะประเภทที่มีกำลังการผลิตมากเกินความต้องการใช้ภายในประเทศไทยแล้ว ได้แก่ โรงงานเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต และโรงงานผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน เป็นต้น มาตรการส่งเสริมให้โครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐใช้สินค้าเหล็กในประเทศที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไป เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon การเร่งกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เหล็กโครงสร้างสำเร็จรูป มาตรการสงวนเศษเหล็กเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าเหล็กในประเทศ นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดการซากรถยนต์ เพื่อให้มีการบริหารจัดการและสามารถนำวัสดุต่างๆ มาแปรใช้ใหม่ (Recycle) ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด นโยบายส่งเสริมการใช้สินค้าที่ได้รับการรับรองจากส.อ.ท. ว่าผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand หรือ MiT) ไม่เพียงแค่เฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเท่านั้น โดยขยายไปยังโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public – Private Partnership หรือ PPP) และโครงการก่อสร้างของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment หรือ BOI) ด้วย

การสนับสนุนให้ใช้มาตรการทางการค้าต่างๆ โดยเข้มข้นขึ้นตามสถานการณ์และทันท่วงที เนื่องจากปัจจุบัน ประเทศไทยมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping หรือ AD) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (Anti-Circumvention หรือ AC) กับสินค้าเหล็กบางประเภทเท่านั้น โดยไม่มีการใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty หรือ CVD) และมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard หรือ SG) แต่อย่างใด ในขณะที่ประเทศไทยยังคงถูกจีนส่งสินค้าเหล็กมาทุ่มตลาดปริมาณเฉลี่ยกว่า 4.2 แสนตันต่อเดือน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับทราบข้อเสนอดังกล่าวและยืนยันว่าอุตสาหกรรมเหล็กเป็นหนึ่งในหลายอุตสาหกรรมของประเทศไทยต้องสนับสนุนด้วยมาตรการต่างๆ อย่างทันท่วงที โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กก็ต้องมีการปรับตัวรับการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและประโยชน์ของประเทศชาติด้วย ทั้งนี้หลายข้อเสนอจากกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กก็สอดคล้องกับนโยบายและมาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังดำเนินการอยู่ ได้แก่ มาตรการห้ามตั้งห้ามขยายโรงงานเหล็กบางประเภท การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) อาคารโครงสร้างเหล็ก มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเศษเหล็ก รวมถึงการจัดการซากรถยนต์ เป็นต้น โดยจะเร่งรัดผลักดันมาตรการต่างๆ ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล็กยังคงอยู่เป็นพื้นฐานสำคัญในห่วงโซ่อุตสาหกรรมต่อเนื่องภายในประเทศไทย

ณัฐธภพ พันสาย / จ.ประจวบคีรีขันธ์   0649646443


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top