Tuesday, 24 June 2025
NEWS FEED

สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก

กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน CHONBURI PROUD EXPO 2024 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา โดยมุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs จังหวัดชลบุรีสู่เวทีโลก โดยได้รับเกียรติจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายกัมพล ตันสัจจาประธานสวนนงนุชพัทยา ให้การต้อนรับและร่วมเปิดงาน พร้อมด้วย รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาการค้าแห่งประเทศไทย ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี พาณิชย์จังหวัดชลบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ และคณะผู้บริหารจากภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นสักขีพยาน

งานครั้งนี้มีการจัดแสดงสินค้าและบริการสุดพิเศษจากผู้ประกอบการกว่า 100 บูธ ไม่ว่าจะเป็นสินค้านวัตกรรม สินค้าพรีเมียมจากโครงการ CHONBURI PROUD และสินค้าที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งถือเป็นสินค้าคุณภาพที่สะท้อนความภาคภูมิใจของชลบุร

โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดแสดงสินค้านวัตกรรมและสินค้า GI กิจกรรมเจรจาธุรกิจทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ การเสวนาวิชาการในหัวข้อ 'ชลบุรี โอกาสและความท้าทาย สู่ศูนย์กลางการค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ จีน-อาเซียน สำหรับ SMEs'

งาน CHONBURI PROUD EXPO 2024 จะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม SMEs ให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนระดับโลก พร้อมผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน-รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งเฮลิคอปเตอร์บินตรวจราชการที่ จ.ระยอง รับฟังปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ (22 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ลงบริเวณสนามหน้าศาลากลาง จ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อตรวจราชการตามภารกิจในหน่วยงานที่กำกับดูแล ประกอบด้วย กระทรวงพลังงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ โดยรับทราบปัญหาการดำเนินงานของหน่วยงานดังกล่าว โดยมีนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง พร้อม หน.ส่วนราชการ จ.ระยอง ให้การต้อนรับ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมารับทราบปัญหาในการปฏิบัติราชการของหน่วยงานภาครัฐของกระทรวงที่กำกับดูแลว่ามีปัญหาติดขัดเรื่องอะไรบ้าง และประชาชนประสบปัญหาอะไร และต้องการช่วยเหลือด้านใดบ้าง ซึ่งเป็นการเน้นลงพื้นที่ตรวจดูปัญหาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จะได้นำไปแก้ปัญหาได้ตรงจุด รวมทั้งการสร้างงานให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ เช่น การจัดงานหรือกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อเนื่องด้วย

‘ซุปเปอร์บอน’ ขึ้นแท่น!! แบรนด์แอมบาสเดอร์ ‘G-SHOCK’ สะท้อนไลฟ์สไตล์!! ฮีโร่นักสู้ ในงานเปิดตัวรุ่น GM-2110D

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ‘ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิ่งแคมป์’ เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เฉพาะกาล ได้รับเกียรติให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของแบรนด์นาฬิกาชื่อดัง  G-SHOCK รุ่นไอคอนิก G-STEEL GM-2110D Metal Series  (จี-สตีล จีเอ็ม-2110ดี เมทัล ซีรีส์) สี Sky Blue (สกาย บลู) ผ่านแคมเปญใหม่ ‘TOUGH LIKE YOU’ (ทัฟ ไลก์ ยู) โดยมีการจัดงานเปิดตัว ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

ภายในงานได้รับเกียรติจาก มร.คิคุโอะ อิเบะ (Kikuo Ibe) วิศวกรผู้ออกแบบนาฬิกา G-SHOCK และ มร.ไซโตะ ชินจิ (Shinji Saito) ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ แผนกธุรกิจนาฬิกา มาร่วมให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ พร้อมด้วย นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย มาร่วมแสดงความยินดี 

‘ซุปเปอร์บอน’ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุดของนาฬิกา G-SHOCK รุ่น G-STEEL GM-2110D Metal Series ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้เข้ามาร่วมงานกับทาง G-SHOCK ในครั้งนี้ว่า

G-SHOCK เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง เป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัยทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว G-SHOCK และดีใจมาก ๆ ที่ได้มีโอกาสร่วมถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของ G-SHOCK ผ่านตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผม ซึ่งกว่าที่ผมจะมีวันนี้ก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก เผชิญกับความพ่ายแพ้มาหลายครั้ง มีความคิดที่จะแขวนนวม แต่ด้วยใจสู้ เรียกว่า อึด ถึก ทนไม่ยอมแพ้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีเลือดนักสู้ สามารถเป็นฮีโร่ในแบบฉบับของตัวเองได้ครับ

สำหรับ ‘ซุปเปอร์บอน’ ถือเป็นตัวอย่างของนักกีฬาระดับโลกที่เปี่ยมด้วยวินัย ความมุ่งมั่น และจิตวิญญาณแห่งนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ จนส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จในเวทีระดับสากลมาอย่างยาวนานซึ่งสอดคล้องกับแคมเปญล่าสุดจากทาง G-SHOCK อย่าง ‘TOUGH LIKE YOU’ ที่ต้องการสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความแข็งแกร่ง การมุ่งมั่นและทะเยอทะยานในการคว้าชัยชนะด้วยความไม่ย่อท้อของผู้สวมใส่ ผ่านดีไซน์การออกแบบที่โดดเด่นของซีรีส์นาฬิกาโลหะ และร่องรอยที่เกิดจากการใช้งานซึ่งแฝงไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ทาง G-SHOCK ประเทศไทย ยังร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรสนับสนุนการแข่งขันของ วัน แชมเปียนชิพ เพื่อสะท้อนคาแรกเตอร์ของ G-SHOCK ที่มีความเป็นสปอร์ต และทนทานอีกด้วย

ทั้งนี้ ‘ซุปเปอร์บอน’ กำลังจะมีคิวขึ้นชกไฟต์สำคัญ เพื่อลุ้นขึ้นแท่นเป็นเจ้าบัลลังก์ 2 กติกา ในศึกรีแมตช์ชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต กับคู่ปรับเก่า ‘ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย’ เจ้าของเข็มขัดคนปัจจุบัน ในศึก ONE 170 ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ในวันศุกร์ที่ 24 ม.ค.68 เริ่มคู่แรก 19.30 น.

แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น. 

รวมทั้งติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ ONEFC.com อินสตาแกรม ONEChampTh และ TikTok ONEChampTH

‘ผู้ว่าฯ ชัชชาติ’ เจอ!! ‘พิธา’ โดยบังเอิญ ขณะปั่นจักรยาน เลียบริมคลองแสนแสบ

เมื่อวานนี้ (22 พ.ย. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ขณะออกจากบ้านย่านทองหล่อเพื่อไปประชุมที่ มศว.ประสานมิตร ด้วยการปั่นจักรยานเลียบคลองแสนแสบ โดยในระหว่างทักทายประชาชนริมทางไปด้วย แต่ที่เซอร์ไพรส์ คือเจอกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ปั่นจักรยานไปส่งลูกเหมือนกัน

Cat on the Roof นำย่าน ‘เจริญกรุง’ คว้าแชมป์!! ประกวด ‘ออกแบบบอร์ดเกม’ สะท้อน!! วิถีชีวิตคนไทยที่มีอัตลักษณ์ โดดเด่นด้านวัฒนธรรม ในย่านตึกเก่า

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย และพันธมิตร ได้ประกาศผลการประกวดออกแบบบอร์ดเกม Thailand Board Game Design Contest 2024 (TBDC 2024) ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ : บอร์ดเกมเพื่อส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อเล่าเรื่องราวของ กทม. โดยนำพื้นที่ใน 4 ย่านคือจตุจักร, เสาชิงช้า, เยาวราช และเจริญกรุง มาเป็นหัวข้อหลักในการสื่อสารฯ ปรากฏผลผู้ชนะอันดับ 1 ได้แก่เกม Cat on the Roof จากทีม MISCELLANEOUS โดยนายพลสิทธิ์ แซ่เฮ้ง และนายวุฒิไกร วาทิตเมธี ซึ่งได้นำย่านเจริญกรุงมาออกแบบจนคว้าชัยชนะ  ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำผลงานไปผลิตและเผยแพร่ พร้อมนำไปจัดแสดงในงานบอร์ดเกมระดับโลก ที่ประเทศเยอรมัน ในปี 68

นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวว่า การประกวดออกแบบบอร์ดเกมฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นด้วยความร่วมมือของสถาบันอุทยานการเรียนรู้ TK Park, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านเกม, สมาคมผู้ผลิตและออกแบบบอร์ดเกม และสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการสื่อสารถึงคุณค่าของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ใน 4 ย่านสำคัญของ กทม. ที่ประกอบด้วยย่านจตุจักร, เสาชิงช้า, เจริญกรุง และเยาวราช ซึ่งถือเป็นย่านที่เป็นที่รู้จัก และมีอัตลักษณ์ที่สะท้อนวิถีชีวิตของไทย นำมาสื่อสารผ่านบอร์ดเกมที่เป็นสื่อที่คนในยุคปัจจุบันให้ความสนใจ โดยมุ่งหวังว่านอกจากจะเป็นการสื่อสารถึงคุณค่าของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับนโยบาย Soft Power แล้ว ยังจะเป็นการผลักดันให้เกิดนักสื่อสารเชิงวัฒนธรรมที่สามารถหยิบเรื่องราวของไทยมาสื่อสารผ่านสื่อในรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น โดยหลัง จากนี้จะได้ขยายผลโดยผลงานของผู้ชนะเลิศจะถูกนำไปผลิต และเผยแพร่ให้ทดลองเล่นตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อุทยานการเรียนรู้ TK Park ฯลฯ นอกจากนี้หน่วยงานที่เป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนคือสมาคมบอร์ดเกมประเทศไทย ก็ได้มีแผนในการนำเกมที่ชนะการประกวดไปจัดแสดงที่งานบอร์ดเกมระดับโลก (Spiel 2025) ประเทศเยอรมนีในปี 2568

ด้าน นายพนม ศิริมงคลสกุล ผู้ดูแลโครงการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประกวดฯ ครั้งนี้ มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมจำนวน 121 ทีม เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวม 320,000 บาท หลังจากคัดเลือกเหลือ 16 ทีม ก็ได้นำไปทำกิจกรรม Workshop ร่วมกัน โดยจากการตัดสินของคณะกรรมการได้ผลดังนี้ 

1) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 1 ได้แก่เกม Cat on the Roof จากทีม MISCELLANEOUS โดยนายพลสิทธิ์ แซ่เฮ้ง และนายวุฒิไกร วาทิตเมธี คว้าเงินรางวัล 100,000 บาท และงบผลิตบอร์ดเกม 60,000 บาท โดยได้นำย่านเจริญกรุงมาออกแบบ มีแนวคิดให้ผู้เล่นเป็นแมวที่อาศัยอยู่ในย่านเจริญกรุง ออกเดินทางท่องเที่ยวสำรวจไปในย่านตึกเก่า และสถานที่ต่างๆ 

2) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 2 ได้แก่เกม Chatuchak Shop & Stuff จากทีมบุรินทร์ โดยนายบุรินทร์ มงคลสวัสดิกุล, นายธีรภัทร ประภัศร และคุณณัฏฐนิชา สาระ ซึ่งได้นำย่านจตุจักรมาออกแบบ โดยมีแนวคิดที่ให้ผู้เล่นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อของ และของฝากในตลาดจตุจักร 

3) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 3 ได้แก่เกมโล้ศิวะ จากทีม Unplugged Fun โดยนายธันยา นวลละออง และนางวินิทรา นวลละออง ซึ่งได้นำย่านเสาชิงช้ามาออกแบบ โดยมีแนวคิดจากพิธีตรียัมปวายในการโล้ชิงช้ามาจัดทำเป็นเกม 

4) ผู้ชนะการประกวดอันดับ 4 ได้แก่ เกม 1 Day Trip จากทีม Sci Whale SRC โดยนายวิศวัฒน์ สกุลศักดิ์นิมิตร, นายณัฐพล เขียวพิมพ์ และนายณัฐวุฒิ แก้วคำน้อย นำย่านเสาชิงช้ามาออกแบบ โดยมีแนวคิดเอาแผนที่ย่านเสาชิงช้าและร้านอาหารต่างๆ รวมถึงเวลาเปิดปิดจริงมาใส่เข้าในเกม 

โดยภายในงานประกาศผลฯ ยังได้จัดให้มีนิทรรศการแสดงผลงานบอร์ดเกมที่เข้ารอบ และเปิดให้ผู้สนใจเข้าร่วมทดลองเล่นบอร์ดเกม จากผลงานของทั้ง 16 ทีม, การเสวนาบนเวที 2 หัวข้อคือ 1) Lookback การพัฒนาบอร์ดเกมเพื่อเข้าประกวด กับตัวแทนผู้เข้าประกวด Thailand Board Game Design Contest 2024 ที่จะมาแชร์ Trick/Technique สำหรับผู้สนใจงานออกแบบบอร์ดเกมเชิงวัฒนธรรม และประสบการณ์จากการประกวดฯ และ 2) บอร์ดเกมในฐานะสินค้าเพื่อสื่อสาร Story เป็นเรื่องการสร้างจุดเด่นบอร์ดเกมที่มากกว่าสนุกสนาน การเติมเรื่องราวที่น่าสนใจสอดแทรกคุณค่าเชิงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จากนักออกแบบ, ค่ายเกมที่ส่งเกมไทยไปต่างประเทศ และ YouTuber ผู้เล่าเรื่องราวเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในบอร์ดเกม

สำหรับผู้สนใจที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดตามข่าวสารหรือผลของการแข่งขัน ได้ที่ Facebook เพจ TBDC : Thailand Board Game Design Contest ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เด็กไทยเก่ง โชว์!! ความเป็นเลิศทาง ‘วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์’ คว้า 36 เหรียญรางวัล โอลิมปิกวิชาการ ASMOPSS ที่ ‘อินโดนีเซีย’

(23 พ.ย. 67) กองทัพนักเรียนผู้แทนจากโครงการ ASMOPSS THAILAND ที่ไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระดับนานาชาติ ในโครงการ ASMOPSS (Asian Science And Mathematics Olympiad for Primary And Secondary Schools) ครั้งที่ 14 ณ เมืองบาญูวางี จังหวัดชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 28 คน เดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยมีสื่อมวลชน ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ณ สนามบินดอนเมืองอย่างอบอุ่น

สำหรับการแข่งขันในปีนี้ นักเรียนผู้แทนจากประเทศไทยที่ผ่านการคัดเลือกจากนักเรียนทั่วประเทศได้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดจำนวน 28 คน และได้รับรางวัลกลับมาให้ชาวไทยได้ชื่นชมจำนวน 36 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลประเภทบุคคล 28 รางวัล ได้แก่ 10 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน , 6 เหรียญทองแดง และ รางวัลประเภททีม 8 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 1 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จำนวน 4 รางวัล , รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จำนวน 3 รางวัล โดยโครงการ ASMOPSS ครั้งที่ 14 นี้ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา

นางสาวพรพัชร แผลงเดช ประธานโครงการ ASMOPSS THAILAND กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า สำหรับปีนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เราส่งนักเรียนผู้แทนเข้าแข่งขันจำนวน 28 คน น้องๆได้รับรางวัลประเภทบุคคลและประเภททีมครบทุกคน อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ได้รับรางวัลมากที่สุดของการแข่งขันในครั้งนี้ 

นายธนากร แผลงเดช (นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนนอกระบบ ผู้บริหารโรงเรียนกวดวิชาเอซายน์ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการแอสมอพส์) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมวิชาการ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่ น้อง ๆ ตั้งใจทำ เพราะกว่าจะมีวันนี้ทุกคนได้ผ่านการคัดเลือกกันอย่างเข้มข้นทั้ง 2 รอบ หลังจากนั้นเราได้จัดติวอย่างเป็นระบบจากทีมครูมืออาชีพและรุ่นพี่ ๆ อดีตผู้แทนประเทศเพื่อสร้างวัฒนธรรมความช่วยเหลือกันและกันส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งการจัดทีมผสมระหว่างผู้แทนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อแข่งประเภททีม 

ซึ่งการที่เด็ก ๆมาจากหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถมารวมทีมกันและทำงานร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยมขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณเด็ก ๆ เป็นอย่างมากที่ทำให้ประเทศไทยมีทีมที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในทุกครั้งที่ไปแข่งขัน เราจะนำวัฒนธรรมความเป็นไทยไปแสดง โดยในปีนี้มีเรานำการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดไทยทุกสมัยและชุดไทยประจำท้องถิ่นไปจัดแสดงบนเวทีในคืนแสดงวัฒนธรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้ชมโดยนักเรียนผู้แทนประเทศร่วมกับผู้ปกครองร่วมเดินอย่างเต็มภาคภูมิ และที่สำคัญคือชุดการแข่งขัน ASMOPSS ในปีนี้เราออกแบบโดยใช้ลายไทยผสมผสานไปกับแฟชั่นยุคใหม่ทำให้สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ชัดเจน โดยเราต้องการแสดงให้เห็นว่า Soft Power นั้นสามารถแทรกซึมได้ในทุก ๆ เหตุการณ์ให้ผู้คนรับรู้อย่างเต็มใจเกิดการยอมรับและสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งผ่านการถ่ายทอดจากความรู้ความสามารถ และเอกลักษณ์ความเป็นไทย เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเด็ก ๆ สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ทุก ๆ คนที่เห็นต่างชื่นชม

นางมัญชุมาศ บุญชู โกคิง ประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนนอกระบบกรุงเทพมหานคร และอุปนายกสมาคม APANE กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะของผู้ส่งเสริมการศึกษาเอกชนนอกระบบ สำหรับความสำเร็จในวันนี้ก็คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทั้ง ครู และโค้ช ได้ใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญ สอนเด็กด้วยความตั้งใจ สามารถทำให้เด็กมีศักยภาพเพิ่มขึ้น เรียนอย่างมีความสุข ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งนี้เสมือนผลลัพธ์หลังจากที่เด็ก ๆ ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไร และมีเป้าหมายร่วมกัน โดยมีครูและโค้ชเป็นผู้ใช้กระบวนการตั้งคำถามและสะท้อนความคิด จนได้รับชัยชนะและประสบความสำเร็จ นำชื่อเสียงสู่ประเทศไทย อยากให้ความสำเร็จในวันนี้เป็นแรงขับเคลื่อนในโรงเรียนทุกโรงเรียน และสังคม ร่วมกันมอบโอกาส ส่งเสริม สนับสนุนเยาวชนตัวอย่างในสิ่งที่พวกเขาได้ลงมือทำ สู่ความสำเร็จ เป็นแบบอย่าง แก่เยาวชนรุ่นต่อ ๆ ไป 

สำหรับโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นการร่วมมือกันระหว่าง โรงเรียนกวดวิชาเอซายน์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ภายใต้การควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ บริษัท ไมราห์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ให้จัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักเรียนผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ในโครงการ ASMOPSS (แอสมอพส์) ซึ่งเป็นโครงการแข่งขันวิชาการเพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ระดับนานาชาติ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยเน้นทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นฐาน ตลอดทั้งทักษะต่างๆ เช่น ทักษะด้านภาษาอังกฤษ เป็นต้น ที่ได้ความร่วมมือจาก 10 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม ทาจิกิสถาน กัมพูชา ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

การแข่งขันวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ระดับนานาชาติ ASMOPSS (แอสมอพส์) จัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี โดยโครงการ ASMOPSS THAILAND เป็นผู้จัดสอบเพื่อคัดเลือกนักเรียนรอบแรก (รอบประเทศ) สมัครช่วงเดือนพฤษภาคม และจัดสอบเดือนสิงหาคมของทุกปี ส่วนรอบสอง (รอบคัดเลือกผู้แทนประเทศ) คัดเลือกจากนักเรียนที่ผ่านเข้ารอบตามเกณฑ์มาตรฐานระดับนานาชาติของ ASMOPSS เท่านั้น เพื่อคัดเลือกเป็นผู้แทนของประเทศไทย 

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารจากโครงการ ASMOPSS THAILAND ได้ที่ Facebook : ASMOPSS THAILAND , Line Official : @asmopss.thailand หรือทางhttps://asmopssthailand.com

ประกาศขายด่วน!! พระตำหนักเวนคอร์ต ในอังกฤษ ครั้งหนึ่ง ‘รัชกาลที่ 7’ เคยพำนักหลังสละราชสมบัติ

เว็บไซต์ ขายบ้านของอังกฤษ ประกาศ ขายพระตำหนักเวนคอร์ต ที่ 'รัชกาลที่ 7-สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ' ทรงประทับหลังการสละราชสมบัติ ช่วงปี 2480-2482 เผยราคาน่าสนใจ มหาเศรษฐีไทยจับต้องได้

เมื่อวันที่ (20 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ขายบ้านของอังกฤษ 'inigo.com' ได้ประกาศขาย พระตำหนักเวนคอร์ต (Vane Court) พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงประทับหลังการสละราชสมบัติ ในช่วงระหว่างปี 2480-2482 ซึ่งพระตำหนักแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านบิ้ดเด็นเด็น (Biddenden) ใกล้เมืองแอชฟอร์ด (Ashford) ในจังหวัดเคนท์ (Kent) ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 ไมล์

โดยเว็บไซต์ได้บรรยายว่า พระตำหนักเวนคอร์ต ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชินีแห่งประเทศไทย เคยเป็นห้องโถง Wealden อันเก่าแก่ในศตวรรษที่ 15 ในหมู่บ้าน Biddenden รัฐ Kent ที่เป็นที่ต้องการ บ้านหลังนี้มีลักษณะพิเศษ โดยเจ้าของปัจจุบันต้องได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด โดยให้ความเอาใจใส่อย่างระมัดระวังต่อองค์ประกอบในการบูรณะ ขณะเดียวกันก็นำแง่มุมของความทันสมัยมาใช้อย่างละเอียดอ่อน บ้านหลังหลักมีพื้นที่ภายในเกิน 6,500 ตารางฟุต ประกอบด้วยห้องนอน 7 ห้อง และพื้นที่นั่งเล่นและห้องอ่านหนังสืออเนกประสงค์หลายห้อง บ้านหลังนี้อยู่ในสวนประดิษฐ์และสระน้ำอันเงียบสงบบนพื้นที่ประมาณ 5.36 เอเคอร์ พร้อมด้วยสระว่ายน้ำ สนามเทนนิส และโรงจอดรถสำหรับรถสี่คัน

เว็บไซต์บรรยายด้วยว่า ระหว่างการประทับที่พระตำหนัก เวนคอร์ต พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงสำราญเป็นอย่างมาก พระจริยวัตรที่ทรงโปรดปรานคือการเสด็จลงทำสวน ปลูกต้นคาร์เนชั่น ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ ทรงตัดดอกไม้มาปักแจกันไว้ตามห้องต่าง ๆ ในพระตำหนักทุกวัน อีกทั้งสองพระองค์ยังโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรดอกไม้ในสวน มีสะพานเล็ก ๆ 

มีบ่อน้ำที่ทรงเลี้ยงเป็ดเทศไว้หลายพันธุ์ ชาวบ้านในละแวกนั้นก็ได้เข้าเฝ้าฯ ทั้งสองพระองค์บ่อย ๆ เพราะแทนที่จะทรงสั่งซื้อของและให้ร้านในเมืองไปส่งที่พระตำหนัก แต่กลับทรงจักรยานตามถนนเล็ก ๆ เพื่อทรงจับจ่ายจากร้านในหมู่บ้าน โดยสัปดาห์หนึ่ง จะซื้อที่ร้านหนึ่ง อีกสัปดาห์ก็ซื้อของที่อีกร้าน รวมทั้งยังทรงทำหน้าที่เป็นมูลนาย (Squire) ประจำหมู่บ้าน ทรงเป็นองค์ประธานพระราชทานถ้วยรางวัลในการประกวดดอกไม้ งานแข่งม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านมั่นใจว่า พระองค์จะไม่กลับไปที่ประเทศสยาม เพราะทุกครั้งที่เห็นพระองค์ทรงพระดำเนินไปตามถนนในหมู่บ้านกับสุนัขพันธุ์แอร์เดล ที่ชื่อว่า แซม เขาเชื่อว่า พระองค์โปรดที่จะประทับในประเทศอังกฤษอย่างเงียบ ๆ มากกว่า

จากนั้นบรรยายส่วนต่าง ๆ ของบ้านทั้งภายในภายนอก หมดทุกซอกทุกมุม รวมถึงบริเวณโดยรอบของบ้านอย่างละเอียด ภายหลังเจ้าของบ้านปัจจุบันของพระตำหนัก เวนคอร์ต ทำการรีโนเวทบ้านหลังนี้ใหม่ โดยยังคงเอกลักษณ์บ้านเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด แต่สอดแทรกความโมเดิร์นเข้าไปได้อย่างลงตัว โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 3,950,000 ปอนด์ หรือ 173,618,300 บาท

ประธานวุฒิสภาให้การรับรองเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย

เมื่อวันที่ (20 พ.ย.67) เวลา 14.00 นาฬิกา ณ ห้องรับรองพิเศษ 204 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ให้การรับรองนางสาวหว่อง เสี่ยว ผิง แคเทอริน (H.E. Ms. Wong Siow Ping Catherine) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ที่มาเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานวุฒิสภา โดยมีนายสมบูรณ์ หนูนวล รองประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ นางสาววิธาวีร์ ประทุมสวัสดิ์ โฆษกคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ และนางปัณณิตา สท้านไตรภพ เลขาธิการวุฒิสภา ร่วมให้การรับรอง

ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ที่ราบรื่นและมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดในหลากหลายมิติทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน (ASEAN) และทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันในเวทีระหว่างประเทศทำให้ความสัมพันธ์ฉันมิตรของประเทศทั้งสองเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2568 ที่จะถึงนี้ จะเป็นปีครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน สำหรับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดในทุกระดับทั้งในระดับผู้นำและกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภา เป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ วุฒิสภาไทยยินดีจะทำงานร่วมกับเอกอัครราชทูตฯ ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของไทยและสิงคโปร์ให้แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

ด้านเอกอัครราชทูตฯ แสดงความขอบคุณประธานวุฒิสภาที่ให้การต้อนรับ สิงคโปร์และไทยนับเป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิดกันทั้งในระดับภูมิอาเซียนและระดับโลก มีการขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ โดยนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์มีกำหนดการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ นอกจากความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศยังมีความร่วมมือที่เข้มแข็งในด้านการศึกษาและความมั่นคง อีกทั้งมีความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาระดับทวิภาคีและพหุภาคีที่ดีในกรอบความร่วมมือสหภาพรัฐสภา (IPU) และสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) โอกาสนี้ ขอเรียนเชิญประธานวุฒิสภานำคณะสมาชิกวุฒิสภาเยือนสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีและผลักดันความร่วมมือระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นต่อไป และเป็นเกียรติร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีหน้าด้วย

ผบ.ตร. มอบหมาย รอง ผบ.ตร. ตรวจสอบคลิปแก๊งต่างด้าวท้าทายกฎหมาย หากพบเป็นความผิด ให้ติดตามสืบสวนจับกุมทันที ย้ำทุกพื้นที่จัดระเบียบคนต่างด้าวให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย

(22 พ.ย.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีปรากฏคลิปในสื่อโซเชียล พบพฤติกรรมของกลุ่มคนต่างด้าวที่มีลักษณะตั้งเป็นกลุ่มแก๊งท้าท้ายกฎหมายบ้านเมือง ว่า ได้รับทราบการรายงานคลิปที่ปรากฏแล้ว ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานสืบสวน ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกทุกมิติ ว่าตามคลิปที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ในประเทศหรือไม่ ให้ทุกหน่วยตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่ใด โดยเดินหน้าตรวจสอบ สืบสวนจับกุมทันที ต้องนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำว่า ได้สั่งการลงไปทุกพื้นที่ ห้ามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นที่ปรากฏในคลิปอย่างเด็ดขาด หากปล่อยปละละเลย จะพิจารณาทางวินัยและปกครองกับผู้บังคับการในพื้นที่ทันที จะไม่ยอมให้คนต่างด้าวเข้ามามีพฤติการณ์เช่นนี้ในประเทศไทยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้กำชับไปยังตำรวจพื้นที่และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ดำเนินการจัดระเบียบคนต่างด้าวให้อยู่ในกรอบกฎหมายคนเข้าเมือง ห้ามไม่ให้มีกลุ่มแก๊ง มีพฤติกรรมท้าทายกฎหมาย หากพบว่าหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองใดหย่อนยาน เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือมีการเรียกรับประโยชน์ จะถูกดำเนินการทางอาญา วินัย และปกครองอย่างเด็ดขาด ถือเป็นนโยบายของตนที่ยอมไม่ได้ที่จะให้มีแก๊งต่างด้าวมีพฤติกรรมผิดกฎหมายในประเทศไทย

ด้าน พล.ต.อ.ธนา ฯ เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการบริหารราชการงานสืบสวนสอบสวน ครั้งที่ 13/2567 วันเดียวกันนี้ เวลา 13.30 น. ณ ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการในที่ประชุม โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ตรวจสอบกรณีดังกล่าวตามที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. โดยเร็ว และดำเนินการตามข้อสั่งการและนโยบายของ ผบ.ตร.โดยเคร่งครัด

สมาคมตำรวจประชุมพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากลประจำปี 2568

(22 พ.ย.67) เวลา 08.30 น. สมาคมตำรวจได้จัดการประชุมพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 ณ ห้องบุญยะจินดา 4 ชั้น 2 อาคารสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ เป็นคณะอนุกรรมการคัดเลือกฯ , พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองนายกสมาคมตำรวจ และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองประธานอนุกรรมการ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้สมาคมตำรวจดำเนินการพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และส่งผลการพิจารณาคัดเลือกให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 โดยจะพิจารณาคัดเลือกพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น รวมทั้งหมด 9 รางวัล ได้แก่

1. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร(สอบสวน) ด้านคดีอาญาทั่วไป จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ , รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย 

2. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับรองสารวัตร(สอบสวน) ด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่เด็กหรือสตรี จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ , รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย

3. รางวัลพนักงานสอบสวนหญิงดีเด่น ระดับสารวัตร(สอบสวน) ขึ้นไป จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ , รางวัลรองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย 

ในปีนี้มีพนักงานสอบสวนหญิงที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในระดับกองบังคับการและระดับกองบัญชาการ เข้ารับการพิจารณาคัดเลือกในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 21 คน สำหรับรางวัลสำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 7,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากสมาคมตำรวจ , รางวัลรองชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากสมาคมตำรวจ , รางวัลชมเชย ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสมาคมตำรวจ 

นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ,รองชนะเลิศ และรางวัลชมเชย จะได้รับการเสนอชื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณามอบโล่หรือรางวัล ส่วนรางวัลชนะเลิศในแต่ละรางวัลทั้ง 3 รางวัล จะเสนอชื่อให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อรับการเชิดชูเกียรติในวันสตรีสากล ประจำปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ไม่ย่อท้อต่อภาระหน้าที่ ซึ่งเป็นผลดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สังคม และประชาชน ด้วยความสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top