Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

กมธ. เตรียมสรุปมาตรการคุมบุหรี่ไฟฟ้าในไทยยันป้องกันเด็กและเยาวชน แต่ต้องไม่ริดรอนสิทธิในทางเลือกของผู้สูบบุหรี่

(10 ธ.ค. 67) โฆษก กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ย้ำศึกษากฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างโปร่งใส พิจารณาข้อมูลจากทุกฝ่าย และใกล้สรุปรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อเสนอสภาฯ ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ เข้าใจสังคมและฝ่ายสุขภาพกังวลเรื่องเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้า ชี้ กมธ. เห็นปัญหาและต้องการแก้ไขอย่างรอบด้าน ไม่ผลักให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย

กรณีการจัดเวทีเสียงประชาชน รัฐบาลและรัฐสภารวมพลังคนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายทศพร ทองศิริ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการชี้แจงความคืบหน้าการทำงานของ กมธ. ว่า “คณะกรรมาธิการฯ เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 โดยเชิญหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทนสมาคมแพทย์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า มาร่วมแสดงความคิดเห็น มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 2 คณะ เพื่อพิจารณากฎหมายและรวบรวมข้อมูล ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสรุปผลและจัดทำรายงาน รายงานฉบับดังกล่าวจะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ทางเลือก ได้แก่ 1) การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อน พร้อมเพิ่มมาตรการปราบปรามเข้มงวด 2) การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าแต่ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อน และ 3) การควบคุมผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบภายใต้กฎหมาย”
 
พร้อมเสริมว่า “การศึกษานโยบายบุหรี่ไฟฟ้าที่ผ่านมา มีการดำเนินงานอย่างโปร่งใส มีการพิจารณาข้อมูลจากทุกฝ่าย คณะกรรมาธิการประกอบด้วยสมาชิก 35 คน มาจากทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ข้อกล่าวหาที่ว่าการทำงานของ กมธ. ถูกแทรกแซงโดยกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบจึงเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เป็นการกล่าวอ้างที่ไร้ความรับผิดชอบ กมธ. เห็นว่า วิธีที่ดีที่สุดในการศึกษาประเด็นต่างๆ คือการรวมความเห็นและข้อมูลจากทุกกลุ่ม เพื่อให้แน่ใจว่ารายงานจะครบถ้วน รอบด้าน สมบูรณ์ ดังนั้น การรวมมุมมองที่หลากหลาย รวมถึงมุมมองของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า จึงเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณานโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างสมดุล เหมาะสม และทั่วถึง”
 
นายทศพร ยังกล่าวถึงความกังวลเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนว่า “เรื่องนี้กำลังเป็นที่กังวลของคนในสังคม ซึ่ง กมธ. ยินดีรับฟังเสียงของประชาชน และเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่รอบคอบและมีประสิทธิภาพ เราเข้าใจและรับฟังข้อเสนอของฝ่ายสุขภาพ แต่ก็ต้องพิจารณามิติในด้านอื่นให้รอบด้าน ไม่สามารถมองเฉพาะมิติด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวได้ ยกตัวอย่างเช่น มิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม มิติทางกฏหมายและการบังคับใช้ เป็นต้น เราดูทั้งบริบทในประเทศ และตัวอย่างจากประเทศที่ทั้งควบคุมให้ถูกกฎหมาย จึงอยากให้นำเรื่องนี้มาช่วยกันพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหา แต่อยากให้ใช้กลไกของรัฐสภาในการพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลมากกว่าที่จะผลักให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นอาชญากรที่ทำผิดกฎหมาย

หาทางออก!! แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ในเวทีสานพลังไทย รับมือ!! ‘สังคมสูงวัย’

(10 ธ.ค. 67) ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช  ผู้ทรงคุณวุฒิ ประธานการประชุมกล่าวเปิดว่า มุมมองของคนไทยต่อ ‘สังคมสูงวัย’ ยังค่อนข้างแคบ หลายคนยังมองว่าสังคมสูงวัยเป็นเรื่องของ ‘ผู้สูงอายุ’ เท่านั้น โดยเน้นไปที่ความจำเป็นในการดูแลสุขภาพ หรือการจัดสวัสดิการสำหรับผู้สูงวัย แต่ในความเป็นจริง สังคมสูงวัยคือเรื่องของ ‘ทุกคน’ และทุกช่วงวัยในสังคม  พร้อมเสนอข้อคิดมุมมองเพื่อการเตรียมรับมือสังคมสูงวัยไว้  5 ประการ คือ

(1) รณรงค์สร้างความรู้ ว่าผู้สูงอายุ คือพลัง ไม่ใช่ภาระ ผู้สูงวัยมีศักยภาพที่จะเป็น ‘ครูชีวิต’ ที่ดีได้  การเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่จำกัดเฉพาะช่วงวัยใดวัยหนึ่ง แต่เป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรมี เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงรอบตัว

(2) ให้มีกลไกสานพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ให้เข้ามาขับเคลื่อนงานในลักษณะการนำหมู่ (Collective Leaderships) 

(3) ปรับสภาพแวดล้อมทั้งในเชิงพื้นที่และกลไกให้เอื้อต่อการดำรงชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ร่วมกันของผู้สูงอายุและคนทุกวัย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย

(4) ใช้วัฒนธรรม ‘สังคมเกื้อกูล’ เป็นธงนำ ใช้รูปแบบวัฒนธรรมของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และ 

(5) ขยายผลนวัตกรรมและรูปธรรมความสำเร็จไปสู่วงกว้าง อย่างการปรับตัวของภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชน

“การที่ 12 องค์กรร่วมกันสานพลังทำงานนี้บนแนวคิด สานพลังไทย รับมือสังคมสูงวัย ไปด้วยกัน  เป็นการเดินในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม   และมองว่าการเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นโอกาสที่เราจะร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคมที่เป็นสุข สังคมที่เกื้อกูลกัน สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน มุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพของตนเอง และส่งเสริมการใช้ศักยภาพของผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด” นายแพทย์วิจารณ์ กล่าว

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่าการขับเคลื่อนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เป็นภารกิจใหญ่และสำคัญ มีทั้งโอกาสและความท้าทายมากมาย ไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังโดยกลไกภาครัฐเท่านั้น จำเป็นต้องมีการสานพลังทั้งสังคม เพื่อการขับเคลื่อนร่วมกันอย่างเป็นระบบ และเกิด ความรับผิดชอบร่วมและการขับเคลื่อน ซึ่งการจัดประชุมวิชาการครั้งนี้  เพื่อให้เกิดการสานพลังองค์กรภาคีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานโยบายรองรับสังคมสูงวัย  พัฒนาวิชาการและองค์ความรู้จากประสบการณ์ขององค์กรภาคีเครือข่าย และสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายนำไปสู่ขับเคลื่อนรองรับสังคมสูงวัยทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่ 

รศ.ดร.เจิมศักดิ์  ปิ่นทอง  ผู้ทรงคุณวุฒิและอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง ‘สังคมสูงวัย…จุดเปลี่ยนสู่ศักยภาพใหม่ของสังคมไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า’ โดยกล่าวว่า หากปล่อยปัญหาเรื่องสังคมสูงวัยไปไม่มีการดำเนินการใดๆ  และยังคงให้มีปัญหาผลกระทบในอีกสิบปีข้างหน้าจะหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น ยังไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการแก้ไขปัญหาเด็กเกิดใหม่ลและความพร้อมของครอบครัวที่มีคุณภาพก็ลดน้อยลง  ผู้สูงวัยไม่สามารถพึ่งพิงตนเองได้จึงเป็นภาระของวัยคนทำงาน ไม่มีเงินออม คนจน ความเหลื่อมล้ำ อาชญากรรมจะมีมากขึ้น รัฐเก็บภาษีอากรได้น้อยลงเพราะคนทำงานมีน้อยลง ขณะที่หนี้สาธารณะมีมากขึ้น สวัสดิการมีไม่เพียงพอ ยังไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีได้แม้มีหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุแต่ก็ไม่อาจฝากชีวิตได้  มองว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมแก้ไขปัญหาเดี๋ยวนี้ ช่วยกันปลุกเตือนให้ทุกคนได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนประเทศไทยด้วยการสานพลัง มีระบบช่วยดูแลผู้สูงอายุ มีการปรับสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เอื้อกับผู้สูงวัย รัฐบาลส่วนกลางต้องรับผิดชอบและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ คิดและทำให้ประชากรแก่ให้ช้า โดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและมีสุขภาพดียาวนานที่สุด  ให้ระยะเวลาเจ็บป่วยเกิดสั้นที่สุด พึ่งพาตัวเองให้ยาวที่สุด เสริมทัศนคติให้ระยะเวลาทำงานยาวขึ้น ออมตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เพราะออมเมื่อสูงอายุแล้วจะไม่ทัน

นายวีระศักดิ์  โควสุรัตน์  ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและอดีตสมาชิกวุฒิสภา  ปาฐกถาก่อนปิดการประชุม ในหัวข้อ ‘ต่อยอดจุดแข็งประเทศไทย ไปสู่  Smart Aging Society’  กล่าวว่า สถานการณ์โครงสร้างประชากรทั่วโลกที่ลดน้อยลง ฐานปิรามิดประชากรใน 100 ปีข้างหน้า จะผอมลงมาก  และสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ทำให้คนไม่กล้ามีลูก ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง  20 ปีที่ผ่านมาไม่มีเสถียรภาพ จึงไม่มีสมาธิที่จะเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างประชากรที่ลดน้อยลง  สภาพโลกร้อนขึ้นไม่หยุด รวมถึงนโยบายเลือกเฟ้นคนเข้าเมือง นโยบายถิ่นที่อยู่ นโยบายสัญชาติ ที่น่าจะสามารถเลือกสรรคนมีความสามารถจากทั่วโลกมาร่วมพัฒนาบ้านเมือง  เพราะเราไม่มีทางผลิตประชากรเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันในเวลาอันใกล้นี้  

นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารโครงการสานพลังพัฒนาโยบายรองรับสังคมสูงวัย เพื่อสุขภาวะองค์รวม พ.ศ. 2568 และอดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวปิดเวทีว่า การขับเคลื่อนสังคมสูงวัยต้องมีการปรับความคิดว่าไม่ใช่เรื่องผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้อง เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องช่วยกันขยับทั้งภาครัฐ  ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ  เพื่อสร้างสังคมที่ Smart  และเชื่อมั่นว่าทำได้  เวทีที่จัดขึ้นเป็นเพียง  1 กิจกรรมในความพยายามที่ต้องทำต่อเนื่อง  เหมือนการวิ่งมาราธอน  เพื่อร่วมกันสร้างความรู้และปัญญาจากงานที่จัด  โดยจะมีการสรุปประมวลเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย  ข้อเสนอไปสู่การพัฒนาปฏิบัติ   บางเรื่องอาจต้องมีการศึกษาวิจัยต่อจากเวทีในครั้งนี้  มีหลายหน่วยงานที่มาได้รู้จักว่ากลุ่มไหน ทำอะไร  ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้ว ยังประสานทำงานร่วมกันต่อไปอีกด้วย  

การประชุมวิชาการ (Mini-symposium) สานพลังไทย รับมือสังคมสูงวัย ไปด้วยกัน  (Smart Aging Society : Together, We can)  จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับมูลนิธิสานพลังเพื่อแผ่นดิน (มสผ.) และองค์กรเจ้าภาพอีก 10 องค์กร ได้แก่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นเวทีคู่ขนานกับการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ 2567 มีผู้เข้าร่วมกว่า200 คน จากภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และนักวิชาการ  พบว่าเรื่อง ‘สังคมสูงวัย’ ยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง มีเพียงการดูแลสวัสดิการ สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้สูงอายุ  และคาดว่าจะผลิตแรงงานไม่ทันกับความต้องการ ระบบโครงสร้าง ยังไม่รองรับความเปลี่ยนแปลงในสังคมที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก เด็กเกิดน้อย แรงงานลดลง พร้อมนำเสนอ 14 กรณีตัวอย่างขับเคลื่อนสังคมสูงวัยแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ทัพภาค 4 จับมือ GTO Academy อบรมสถาบันการศึกษา มวลชนและประชาชนภาคใต้

(10 ธ.ค. 67) พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 มอบหมายให้พลตรีอนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ลงนาม MOU แทน ระหว่างกองทัพภาคที่ 4 และสถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ gto academy โดยดร.ดรัณ เตชะโสภณวณิช ประธานสถาบัน GTO ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 13:00 น. ณ.สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

โดยมี พลตำรวจโทเผ่าไทย ทองธิว ประธานฯกรรมการบริหารเมืองโบราณ พลเรือเอกเชษฐา ใจเปี่ยม, พลโทองอาจ ชวาลวิวัฒน์ พลเรือตรีไพฑูรย์ ปัญญสิน นางรฏาวัลย์ วงษ์ศรีวงษ์ และคุณนภาพร รุ่งเรือง ร่วมเป็นพยานในพิธี ทั้งนี้ ในการทำบันทึกข้อตกลงนี้ เพื่อสถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ GTO Academy จะส่งเสริมสนับสนุนในการจัดกิจกรรมโครงการหลักสูตรพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล “หลักสูตรศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ” และให้บริการทางวิชาการ "จิตตปัญญาศึกษา" ให้กับแกนนำใน 14 จังหวัดภาคใต้

และส่วนกองทัพภาคที่ 4 จะอำนวยความสะดวกในการจัดอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพให้กับสถาบันฯ และจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือการจัดการอบรมฯ และติดตามประเมินผล เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายตามที่ได้รับทราบข้อมูล ร่วมทั้งประสานส่วนราชการ และภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาให้กับครู และนักเรียนฯ ตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ และวางแผนอำนวยการ และขยายผลการจัดอบรมหลักสูตร ไปยังสถาบันการศึกษาทุกระดับหน่วยงาน กลุ่มมวลชน และประชาชนทั่วไปผู้สนใจโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมทั่วภาคใต้ ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

นราธิวาส-มทภ.4 มอบความห่วงใย ให้กำลังใจส่งตรงถือมือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ผ่านถุงยังชีพ 650 ชุด

(10 ธ.ค. 67) ที่บ้านปูยู ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นำถุงยังชีพ พร้อม ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งตรงถึงมือพี่น้องชาวตำบลเกาะสะท้อน เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ โดยมี พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส , นาวาเอก สันติ  เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ และ คณะผู้บังคับบัญชาร่วมคณะฯ

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยืนยันสนับสนุนกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลดต่อเนื่อง กำชับกำลังพลลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพแก่พี่น้องประชาชน ชุมชนต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อม กล่าวให้กำลังใจและแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนเข้าใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของโลกและมีอีกหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน 

จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นำถุงยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 150 ชุด นำไปมอบให้สมาชิกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บ้านรอตันบาตู ตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส  จังหวัดนราธิวาส

นอกจากนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จัดทีมแพทย์ พยาบาล จากศูนย์แพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ลงพื้นที่ให้บริการด้านสุขภาพแก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 - 16.00 น. เพื่อตรวจรักษาสุขภาพเบื้องต้น พร้อมมอบยา เวชภัณฑ์ และ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ สุขอนามัย สภาพจิตใจ เพื่อดูแล เคียงข้างประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

มุกดาหาร​ -​แม่ทัพภาค 2 ร่วมทหารแขวงสะหวันนะเขตแถลงข่าวจับยาบ้ามูลค่า 450 ล้านบาท

เมื่อวันที่ (9 ธ.ค. 67​) ที่สถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พลโท บุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายรณรงค์เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  พลเรือตรี ณรงค์  เอมดี  ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส. ภาค 4 และพันโท สีทอง เลียนสะหวัน หัวหน้าแผนกสู้รบ กองทัพประชาชนลาว แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 20 กระสอบ ประมาณ 8,000,000 เม็ด มูลค่า 450 ล้านบาทได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงมุกดาหาร

สืบเนื่องจาก น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงจาก สปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้วางแผนและจัดกำลัง ชุดปฏิบัติการออกทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ เมื่อไปถึงบริเวณท่าน้ำหมู่ที่ 4 บ้านหว้านใหญ่ ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กขนาดใหญ่ติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอดบริเวณริมตลิ่ง จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงไปช่วยกันลำเลียงกระสอบจากลำเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวและคนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ การตรวจสอบพบกระสอบขนาดใหญ่รวมจำนวน 20 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 480,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับพร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร​ #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี​ #กองทัพบกroyalthaiarmy​ #กองทัพภาคที่2​
ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สมุทรปราการ-พ่อเมืองปากน้ำ ทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบ 58 ปี ทุกหน่วยงานร่วมอวยพร

(10 ธ.ค. 67) นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 58 ปี ณ ศาลาการเปรียญวัดกลางวรวิหาร พระอารามหลวง ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ

โดยได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณพระราชสมุทรวัชราจารย์ (บุญสืบ วุฑฺฒิสาโร) เจ้าอาวาสวัดกลางวรวิหาร พระอารามหลวง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ จำนวน 9 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี นางสาวอรวรรณ ชิณศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายชาติชาย อุทัยพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นางศศิวิมล อุทัยพันธ์ อดีตนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ นายประทีป นทีทวีวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานผู้บริหาร บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายดำรง ยงค์สงวนชัย ประธานมูลนิธิปู่ทัพสำโรง ดร.กิตติ ยงค์สงวนชัย ประธานกรรมการ บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)

ดร.พัชรางสุ์ ชัยวรมุขกุล อดีตอัยการจังหวัดสมุทรปราการ ดร.ศิริภัสสร ปิยนันทวารินทร์ ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจน หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอฯ ปลัดอำเภอฯ คณะผู้บริหาร ข้าราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสมุทรปราการ หอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการ มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ และแขกผู้มีเกียรติ ต่างเดินทางมาร่วมอวยพร

พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้และของที่ระลึกมามอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ  58 ปี นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน
 

✨ นับถอยหลัง 3 วัน! ✨

สู่การครบรอบ 4 ปีของ ‘THE STATES TIMES’ สำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ยึดมั่นในข้อเท็จจริงและความเป็นธรรม 📢

มาร่วมเสวนาและเปิดมุมมองใหม่ในงาน “Thailand Outlook: From Global Disruption to Thailand Transformations”
📅 12 ธันวาคม 2567
📍 SCBX NEXT TECH, ชั้น 4 สยามพารากอน

สนใจลงทะเบียนร่วมงาน คลิกเลย 👉 https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdcIJhjLXtJ95Qd5-C3f53qm5MuVsKITj5Nfs5bh_73LEBfAA/viewform

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ เร่งตรวจสอบแก๊งคอลฯ ตุ๋น ‘ชาล็อต’ 4 ล้าน อ้างเป็นตร.ไซเบอร์หลอกโอนเงิน แต่ตอนนี้ยังติดต่อผู้เสียหายไม่ได้

ตร.ไซเบอร์ เร่งตรวจสอบ ‘ชาล็อต ออสติน’ ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ ตุ๋น 4 ล้าน บังคับวิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เผยยังติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ รอมาร้องทุกข์ พร้อมแฉใช้รูปแบบเดิม ๆ ในการหลอกลวง

(9 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่เพจ Miss Grand Thailand ต้นสังกัดมิสแกรนด์ ได้แจ้งข่าวว่า นางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพถูกข่มขู่ว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ทำให้สูญเงิน 4 ล้านบาท และยังถูกควบคุมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมงว่า หลังได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1. ไปดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อกับนางสาวชาล็อต แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง เพราะอาจยังติดภารกิจ

โดยกรณีนี้คนร้ายใช้กลอุบายข่มขู่ให้เหยื่อมีความหวาดกลัวและหลอกให้โอนเงิน ซึ่งรูปแบบการหลอกในครั้งนี้เป็นรูปแบบเดิมที่โทรศัพท์ไปแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และอ้างว่าเหยื่อถูกนำชื่อไปเปิดบัญชีมีเงินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายโอนเข้าไปในบัญชีพร้อมกับให้โอนเงินมาให้ตรวจสอบ นางสาวชาล็อตจึงได้โอนเงินไป จำนวน 4 ล้านบาท

แม้จะยังติดต่อนางสาวชาล็อตไม่ได้โดยตรงก็ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. รับผิดชอบงานด้านการปราบปรามดำเนินการไปอย่างเต็มที่ในระหว่างที่รอนางสาวชาล็อต มาร้องทุกข์ดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ พร้อมกับอยากให้นางสาวชาล็อตส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ของมิจฉาชีพมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมายที่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับธนาคารต่อไป

‘โหรลักยิ้ม’ อวยยศฉ่ำ ‘พล.ต.ท.เรวัช’ คนนี้ดวงดีไม่ตก หลัง ‘พีระพันธุ์’ ทาบทามช่วยสอบข้อเท็จจริงขนถ่านหิน กฟผ.

(9 ธ.ค. 67) โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร ได้โพสต์ Tiktok ถึงกรณีที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รับการทาบทามจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เป็นประธานสอบสวนเกี่ยวกับการไม่ชอบมาพากลของการ จัดซื้อจัดจ้าง กรณีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะจ้างบริษัทมาขนถ่านหิน เงินงบประมาณ 7,250 ล้าน ว่า ก่อนหน้านี้ ได้เคยดูดวง พล.ต.ท.เรวัช มาแล้ว และได้ทำงานว่าเป็นคนดวงดีไม่มีตก แต่จะมีช่วงที่หยุดชะงักแต่ไม่ใช่ดวงตก แต่เป็นการหยุดเพื่อไปต่อ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเผยศัตรู ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี อีกทั้งดวงของ พล.ต.ท.เรวัช  กำลังขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ 

“ดวงคุณอาเรวัช ไม่ใช่นักโต้ตอบ แต่เป็นดวงของนักรบ เมื่อเสนาบดีเรียกพบเจ้าพระยา สงครามย่อมเกิดเหมือนเมื่อครั้งสมัยโบราณ ที่เมื่อเกิดศึกสงครามก็มักจะมีการระดมพล หลังจากนี้ก็มาติดตามดูกันว่าจะมีอะไรเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นในดวงเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์อีก รวมทั้งมาติดตามดูว่าคุณอาเรวัช จะได้รับตำแหน่งอะไรเพิ่มเติม นอกเหนือจากตำแหน่งที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้สอบทุจริตดังกล่าว”

‘คุณพ่อยุคใหม่’ เปิดใจรับฟังเมื่อลูกสาวติด ร. 4 ตัว ใช้เหตุผลสั่งสอน พร้อมช่วยหาทางออกแก้ผลการเรียน

(9 ธ.ค. 67) ผู้ใช้ Tiktok ชื่อบัญชี Ticger_not โพสต์คลิปสอนลูกสาวหลังผลการเรียนออกมา ปรากฏว่า ลูกสาวติด ร. ถึง 4 ตัว โดยลูกสาวยอมรับว่า สาเหตุของการติด ร. นั้น เป็นเพราะไม่ตั้งใจเรียน ติดเล่นกับเพื่อน และติดเล่นโทรศัพท์มือถือจนส่งผลต่อการดังกล่าว

โดยคุณพ่อ ได้สอนลูกสาวโดยใช้เหตุผลอย่างน่าชื่นชม แม้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกโกรธกับผลการเรียนของลูกสาว แต่ก็ได้เปิดโอกาสลูกสาว ไปตามเก็บงานจากคุณครู ว่า ติดวิชาอะไรบ้าง ภายใน 3 วัน และมาหาทางออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป พร้อมกับได้ยื่นข้อเสนอ 2 ทางเลือก คือ 1. ให้ลูกสาวบังคับตัวเองให้ทำงานส่งคุณครูให้เสร็จ หรือ 2. คนเป็นพ่อจะเป็นผู้บังคับเอง ซึ่งลูกสาวได้เลือกข้อ 1 

หลังจากนั้น คุณพ่อ ได้กลับมาโพสต์คลิปอัปเดต ผลการแก้ ร. อีกครั้ง โดยลูกสาวบอกว่า ทำงานเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่ง เพราะตามหาตัวคุณครูไม่พบ เนื่องจากคุณครูกลับบ้านก่อน จึงเกิดการตามหาคุณครูอย่างจ้าละหวั่น และลูกสาวก็ยอมรับว่า ตามหาครูยากลำบาก

ทำให้คุณพ่อ ได้สั่งสอนเพิ่มเติมว่า การที่คุณครูทำเช่นนั้นถูกต้องแล้ว เพราะตอนที่ครูสอนไม่ตั้งใจเรียน เมินคุณครู และเมื่อถึงเวลาต้องส่งงาน ก็ต้องตามง้อครูด้วยเช่นกัน เพราะเป็นความผิดของเราเองที่ไม่สนใจเรียนในขณะที่ครูสอน เพราะครูคนเดียวต้องสอนเด็กหลายสิบคน ก็มีความยากลำบากเช่นกัน

พร้อมทั้งบอกด้วยว่า หากเป็นครูที่ดุ ๆ หรืออยากจะสั่งสอนเด็กเพิ่มมากกว่านี้ ครูไม่เพียงแต่จะให้ทำงานส่งเท่านั้น แต่จะพยายาม ไม่ให้นักเรียนได้เจอตัว เพื่อไม่ให้มีโอกาสได้ส่งงาน
นอกจากนี้ คุณพ่อยังฝากไปยังคุณครูด้วยว่า อยากให้ลูกสาวทำงานชดใช้เพิ่มเติม ด้วยการทำความสะอาดห้องน้ำให้คุณครูอีกด้วย อีกทั้ง ยังจะตามไปตรวจดูด้วยว่าได้ทำความสะอาดห้องน้ำครูจริงหรือไม่ ซึ่งลูกสาวก็ได้รับปากว่าจะไปทำให้

ทั้งนี้ ชาวเน็ตจำนวนมาก ที่ได้ชมคลิปดังกล่าว ต่างชื่นชมถึงวิธีการสอนของคุณพ่อ ที่ใช้เหตุผลในการพูดคุย โดยไม่ใช้อารมณ์แต่อย่างใด แม้จะโกรธและไม่พอใจกับผลการเรียนของลูกสาวก็ตาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top