Thursday, 19 June 2025
NEWS FEED

หลังจากที่รอลุ้นมานาน วัคซีน Covid-19 ล็อตแรกของบริษัท Pfizer-BioNTech ได้ส่งถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ในมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว ด้วยสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH604 เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (21 กุมภาพันธ์ 64)

วัคซีนชุดแรกที่มาเลเซียได้รับคิดเป็นจำนวน 312,390 โดส ดำเนินการขนส่งโดยบริษัท MASkargo หลังจากที่เครื่องบินโดยสารขนส่งของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถึงสนามบินในกัวลาลัมเปอร์ ทางการมาเลเซียได้จัดเตรียมรถขนถ่ายสินค้าดำเนินการโดยบริษัท DHL มารับไปจัดเก็บไว้ในสต็อควัคซีนของรัฐบาล โดยจะมีรถตำรวจตามประกบอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงการขนถ่ายวัคซีนจนถึงจุดหมาย

ซึ่งทางรัฐมนตรีสาธารณสุขมาเลเซีย ดาตุก์ เซอรี ด็อกเตอร์ แอดฮัม บาบา รัฐมนตรีฝ่ายประสานงานด้าน Covid -19 แห่งชาติ คาห์รี จามาลัดดิน และรัฐมนตรีคมนาคม ดาตุก์ เซอรี ด็อกเตอร์ วี กา ซง ได้เดินทางมาเป็นสักขีพยานในการรับวัคซีน Pfizer ชุดแรก ที่นับว่าช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

การเดินทางของวัคซีน Pfizer ชุดแรกของมาเลเซีย ได้จัดส่งมาจากประเทศเบลเยี่ยม มาเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานไลบ์ซิก ในเยอรมัน ก่อนที่จะบินตรงมาลงที่สิงคโปร์ ที่จะเป็นจุดกระจายวัคซีนไปสู่ประเทศอื่นๆในย่านเอเชียแปซิฟิครวมถึงมาเลเซียด้วย

ก่อนหน้านี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียได้ทำสัญญาจัดซื้อวัคซีนจาก Pfizer เมื่อวันที่ 11 มกราคมปีนี้ จำนวน 32 ล้านโดส

โดย คาห์รี จามาลัดดิน รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมพ่วง ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประสานงานด้าน Covid-19 แห่งชาติ ยืนยันว่าการจัดเก็บวัคซีน Pfizer ในอุณหภูมิต่ำถึง - 70 องศานั้นไม่เป็นปัญหา เนื่องจากได้ซื้อตู้แช่ไว้แล้วด้วยงบประมาณมูลค่า 16.6 ล้านริงกิต (ประมาณ 123 ล้านบาท)

ส่วนวัคซีนล็อตที่ 2 คาดว่าจะจัดส่งได้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ และนอกจากวัคซีนของ Pfizer แล้ว รัฐบาลมาเลเซียยังได้จัดซื้อวัคซีนจากบริษัท Sinovac Biotech ของประเทศจีน ที่มีกำหนดจัดส่งถึงมาเลเซียได้ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์เช่นเดียวกัน

และหลังจากที่ได้รับวัคซีนชุดแรกมาแล้ว มาเลเซียจะเริ่มเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ โดยเริ่มจากบุคลากรทางการแพทย์แถวหน้า และกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นลำดับแรก โดยทางมาเลเซียตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ 80% ของประชากร


อ้างอิง

https://www.thestar.com.my/news/nation/2021/02/21/covid-19-plane-carrying-vaccines-touches-down-at-klia

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/covid-19-malaysia-start-vaccination-drive-early-pfizer-biontech-14248616

https://www.theedgemarkets.com/article/pfizerbiontech-covid19-vaccine-coldchain-delivery

‘มาดามเดียร์’ แจงเหตุ ส.ส.ดาวฤกษ์ ยังไม่พร้อม ต้องยกแถลงข่าว หลังผู้ใหญ่ในพรรคสั่งแถลงเหตุผล ปมสวนมติพรรคงดออกเสียงหนุน ‘ศักดิ์สยาม’

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์กล่าวว่า ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่ของพรรคพปชร.ให้ออกมาแถลงข่าว เรื่องการงดออกเสียงลงมติให้รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แต่ส.ส.ทั้ง 6 คน ยังไม่พร้อม จึงขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนโดยที่ ส.ส.ในกลุ่มจะหารือกันเพื่อจัดทำคำแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการต่อไป

ด้าน น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพปชร.กล่าวว่า ตนติดภารกิจลงพื้นที่จึงไม่สามารถมาร่วมแถลงข่าวได้ทัน ส่วนเหตุผลที่งดออกเสียงกรณีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เนื่องจากเป็นการตัดสินใจในทันทีโดยที่มีข้อมูลเข้ามาจำนวนมากจึงของดออกเสียงไว้ก่อน โดยไม่ทราบว่าการงดออกเสียงจะส่งผลต่อความไว้วางใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นบทเรียนของ ส.ส.ใหม่อย่างตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่พรรคพปชร.แจ้งแถลงข่าวด่วนและต่อมาได้แจ้งยกเลิก มีรายงานว่าผลจากที่ 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ โหวตสวนมติพรรคโดยงดออกเสียงให้กับนายศักดิ์สยาม

สร้างความไม่พอใจให้กับคนในพรรคภูมิใจไทย ทำให้แกนนำของทั้งสองพรรค ต้องต่อสายพูดคุยกัน โดยแกนนำพรรคพปชร.ยืนยันให้ส.ส. ยกมือโหวตสนับสนุนรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยเข้าใจแต่ขอให้ ส.ส.ที่โหวตสวนมติออกมาแถลงข่าวแสดงความรับผิดชอบ ทำให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค มอบหมายนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ประสานส.ส.กลุ่มดังกล่าวให้ออกมาแถลงข่าว

แต่ ส.ส.ทั้ง 6 คน ปฏิเสธที่จะเดินทางมาแถลงข่าว ส่งผลให้ทางพรรคต้องยกเลิกกำหนดการอย่างกะทันหัน ทั้งนี้การแถลงข่าวในวันนี้พรรคภูมิใจไทย จะส่งตัวแทนมาฟังการแถลงข่าวของส.ส.ทั้ง 6 คนด้วย แต่สุดท้ายได้รับแจ้งว่าขอเลื่อนการแถลงข่าวออกไปก่อนจึงยกเลิก

สำหรับ ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ 6 คน ประกอบด้วย นางกรณิศ งามสุคนรัตนา ส.ส.กทม. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.กทม. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.

 

มาแน่ ! ‘อนุทิน’ โพสต์ภาพ วัคซีน Sinovac ล็อตจัดส่งประเทศไทย พร้อมย้ำ See you on Wednesday.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ Facebook ส่วนตัว ปรากฏภาพ ของวัคซีน covid-19 จากบริษัท Sinovac ขณะเตรียมจัดส่งมายังประเทศไทย พร้อมข้อความว่า

Hello Sinovac Vaccines. Have a safe flight. See you on Wednesday!!!!!

(สวัสดีวัคซีน Sinovac ขอให้เดินทางปลอดภัย เจอกันวันพุธ)

#วัคซีนมาเดือนกุมภาตามเวลานะ

#ขอให้เดินทางมาถึงไทยโดยสวัสดิภาพ

ทั้งนี้ ยังมีการโพสต์ข้อความติดต่อด้วยภาษาจีนซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างสูงสุดที่จะใช้สัมพันธภาพทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีนอีกด้วย

‘วราวุธ’ เผย ทีมแก้ปัญหาบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขึ้นฮ. ดูพื้นที่ป่าแก่งกระจาน พบ ป่าถูกเผาเพิ่มอื้อ ทั้งที่เซ็นต์บันทึกความเข้าใจ ให้ลงมาเจรจาก่อน แต่ยังพบชาวบ้านฝ่าฝืนต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 21 ก.พ.นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐ มนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการที่คณะทำงาน แก้ไขปัญหากรณีบ้านบางกลอย - ใจแผ่นดิน ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตั้งขึ้น ลงพื้นที่ทำงานหาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ช่วง 2 - 3 วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่จากทางอากาศและได้บันทึกภาพไว้และเมื่อนำมาประเมินเบื้องต้นพบว่า มีการบุกรุกป่าในบริเวณ บ้านบางกลอยบน - ใจแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น

ทั้งที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวกันแล้วระหว่าง ตัวแทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ตัวแทนภาคีเซฟบางกลอย และชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย แต่กลายเป็นว่ากลุ่มคนบางคนใช้บันทึกข้อตกลงดังกล่าวไปเป็นใบเบิกทางซึ่งถือเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะพบว่ามีการล่าสัตว์ป่า เก้ง เลียงผา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุม ผู้กระทำผิดได้พบหลักฐาน ซากสัตว์ ดินประสิว และลูกตะกั่วเป็นจำนวนมาก

โดยนายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายประยงค์ ดอกลำไย ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เข้าไปดูในพื้นที่จริง ด้วยกันโดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์และพบว่ามีชาวบ้านเข้าบุกรุกป่าด้วยการแผ้วถาง และเผาป่า กว่า 100 ไร่ และตน ยังได้รับรายงานเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้เพิ่มเติมด้วยว่า พบว่า มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติมอยู่อีกและเห็นที่ชัดที่สุดคือ ตามซอกเขา หลายจุด จุดละประมาณ 15 ไร่เศษ แล้วนี่หรือคือการถอยคนละก้าวตามที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน มีแต่จะบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งคณะทำงานได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทส.ทราบแล้ว

ถ้าคนที่พยายามยังบุกรุกต่อไปไม่ยอมหยุดแล้วเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เชื่อว่าอาจจะต้องเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเราไม่ต้องการให้ถึงวันนั้น ฉะนั้นต้องรีบหาทางสรุปเรื่องนี้ให้ได้ ขอฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่าจะต้องถอยคนละก้าว ตามที่ได้ตกลงกันไว้เพราะหากยังไม่ถอยคนละก้าว เราก็จะต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดขึ้น

อย่างไรก็ตามมีกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี นำโดยน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีต ส.ว.เพชรบุรี ร่วมกับสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เข้าพบตน เพื่อเสนอข้อคิดเห็น ว่าพื้นที่ป่าแก่งกระจานไม่ใช่พื้นที่ของคนเมืองเพชรเพียงอย่างเดียวแต่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของโลก และกำลังจะก้าวสู่มรดกโลก

เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยประละเลยยังให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมอย่างนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี ได้รวมตัวกันเพื่อเปิดเวทีเสวนาในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ลานเวทีชาวบ้าน อาคารคุณแม่บุญรวม สวท.เพชรบุรี เรื่องเซฟแก่งกระจานปากของโลกเพื่อคนทั้งโลก ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เพื่อระดมสมองของชาวเพชรบุรีแล้วสรุปเพื่อทำหนังสือ ยืนต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล

ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชนทุกพื้นที่ของประเทศไทย การจะสืบสานประเพณีวัฒนธรรมใดก็แล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพกาลเวลา และสภาพทรัพยากรของประเทศไทยที่เรามีอยู่จำกัดในทุกวันนี้ และต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ

การที่ หลายฝ่ายลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วแสดงให้เห็นว่าเราถอยกันคนละก้าว ประชาชนชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกมาเพื่อมาเปิดโต๊ะเจรจากัน เจ้าหน้าที่ก็ถอยออกมาหมดแล้วและยังได้ขอชาวบ้านด้วยว่าเราต้องถอยกันคนละก้าว โดยต้องการให้ประชาชนชาวบ้านลงมาจากใจแผ่นดิน เพื่อมาพูดคุยกันแต่เมื่อผ่านไปได้เพียง 2 - 3 วัน เมื่อเจ้าหน้าที่ถอยลงมาแล้วแต่ชาวบ้านยังไม่กลับลงมา ยังมีภาพจากการสำรวจของคณะทำงานให้เห็นอีกว่า ทรัพยากรอันมีค่าของประเทศไทยถูกเผามากเพิ่มขึ้นอีก ไม่นับมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น PM2.5 จากการเผาป่านับ 100 ไร่จะออกมาอีกปริมาณเท่าใด

ขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวว่าเราเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนต้องดำรงชีพทำมาหากิน ซึ่งคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ไปจากกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ทำฐานข้อมูลมีความคืบหน้าไปอย่างมากและได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอีกไม่นานเราจะได้ฐานข้อมูลที่ชัดเจน และจะได้ดำเนินการเยียวยาให้ประชาชนกลุ่มที่เหลือเพียง 10% หรือ 100 กว่าคนเท่านั้น ที่เรายืนยันว่าจะต้อง ดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้

ผมเห็นคลิปจากที่คณะทำงานลงพื้นที่ส่งมาแล้วรู้สึกสลดใจมาก เศร้าใจและเสียใจมากที่เห็นพื้นที่ป่า พื้นที่ที่คนไทยอนุรักษ์หวงแหน และต้องการเห็นว่าเป็นมรดกโลก ถึงแม้ว่าพี่น้องกลุ่มหนึ่งใช้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่กันมานานแต่พื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยเป็นทรัพย์สมบัติของคนไทย โดยเฉพาะป่าแก่งกระจานที่อีกไม่นานเราจะผลักดันให้ขึ้นเป็นมรดกโลก

ดังนั้นกำลังจะกลายเป็นมรดกของคนทั้งโลก คนในพื้นที่ต้องตระหนักว่าทรัพยากรป่าที่กำลังอยู่อาศัยและเผาอยู่นั้น เป็นการเผามรดกของมวลมนุษยชาติของโลก อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลจะเร่งหาวิธีเยียวยาให้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาการแก้ปัญหาล่าช้าก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา ก็ต้องขอโทษในนามหน่วยงานของรัฐ แต่ขอให้กลับลงมาพูดคุยกัน แล้วขอให้หยุดการเผาป่า หยุดรุกที่ป่า แล้วจะหาวิธีเยียวยาให้ทุกคนมีพื้นที่ทำมาหากิน เหมือนกับพี่น้องประชาชนกว่า 1,000 ชีวิตที่เราได้เยียวยาไปแล้ว ส่วนใดที่เสื่อมโทรมก็จะไปแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่เหลือป่าไว้ให้ลูกหลาน

ออมสินปิดลงทะเบียนสินเชื่อ "SMEs มีที่ มีเงิน" เพื่อธุรกิจท่องเที่ยว ชั่วคราว หลังมีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1,500 ราย เต็มวงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาทแล้ว

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติม เพื่อเยียวยาและเพิ่มสภาพคล่องสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 นั้น โดยมอบหมายธนาคารออมสิน ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว วงเงิน 10,000 ล้านบาท เริ่มเปิดรับลงทะเบียนยื่นกู้ทางเว็บไชต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเปิดลงทะเบียนไม่นานก็มีผู้แจ้งความประสงค์ยื่นกู้แล้วกว่า 1,500 ราย ขณะนี้เต็มวงเงินแล้ว ธนาคารจึงขอปิดระบบรับลงทะเบียนไว้ก่อน

โดยการลงทะเบียนนี้ เป็นเพียงการแจ้งความประสงค์เพื่อจองวงเงินขอกู้เท่านั้น จากนี้ธนาคารขอเวลาพิจารณาคุณสมบัติผู้กู้ตามหลักเกณฑ์โครงการ ที่ต้องเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา รวมถึงพิจารณาคุณภาพของหลักประกัน เป็นต้น

สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สามารถใช้ที่ดินเปล่า หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพื่อนำเงินกู้ไปใช้เสริมสภาพคล่องให้กิจการ หรือเพื่อไถ่ถอนที่ดินซึ่งทำสัญญาขายฝากกับเอกชนไว้ในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2563 โดยธนาคารฯ ให้วงเงินสินเชื่อต่อราย ไม่เกิน 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ ระยะเวลากู้ 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษตามนโยบายรัฐบาล ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย = 0.10% ต่อปี ปีที่ 2 = 0.99% ต่อปี และปีที่ 3 = 5.99% ต่อปี กรณีบุคคลธรรมดาจำนวนเงินให้กู้ 1 - 10 ล้านบาท นิติบุคคลจำนวนเงินให้กู้ 1-50 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการขอสินเชื่อได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th

“สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน ของธนาคารออมสิน เริ่มเปิดให้กู้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 มีแนวคิดเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนที่ขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจ หรือมีความเสี่ยงสูญเสียที่ดินติดสัญญาขายฝากอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากที่ได้เตรียมวงเงินโครงการเริ่มแรก 5,000 ล้านบาท ต้องขยายเพิ่มเติมเป็น 10,000 ล้านบาท โดยมีผู้ลงทะเบียนขอกู้จนเต็มวงเงินในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับวงเงินใหม่ 10,000 ล้านบาทนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล โดยธนาคารจะพิจารณาให้กู้จากคุณภาพของหลักประกัน และคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

เยาวชนปลดแอก ประกาศปลุกมวลชน ต่อต้านเผด็จการอีกครั้ง พร้อมระบุ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่คนเท่ากัน การต่อสู้ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของ “ร่วมกัน”

เฟซบุ๊ก ‘เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH’ โพสต์ข้อความ ว่า เตรียมปลุกมวลชนต่อสู้อีกครั้ง โดยระบุว่า

เรายืนอยู่ข้าง ๆ มวลชน เป็นส่วนหนึ่งเท่า ๆ กันกับทุกคน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การต่อสู้กับฝ่ายเผด็จการที่มีองคาพยพอยู่เพรียบพร้อมนั้น อาจทำให้ความท้อแท้ สิ้นหวังกัดกินหัวใจของใครหลายๆ คน แต่ขอทุกคนจงตระหนักไว้ว่า เราต้องการเพียงแค่ความสำเร็จ “1 ครั้ง” จากความล้มเหลว 100 ครั้ง

แต่หากจะเรียกว่าล้มเหลวก็อาจไม่ใช่เสมอไป เพราะนี่คือการชักเย่อระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายเผด็จการ ที่เราได้ดึงจุดศูนย์กลางของเชือกให้เข้าใกล้ฝั่งได้มากขึ้น แต่เพื่อให้แรงของการชักเย่อนั้นมากพอที่จะนำมาสู่ชัยชนะ เราจำเป็นต้องคิดหาวิธีใหม่ๆ ในการต่อสู้

การจับมือกันของประชาชนยังคงต้องเกิดขึ้น เพราะการต่อสู้ในตอนนี้ไม่ใช่การสู้เพียงเพื่อวันนี้ แต่เป็นการสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกหลานของเรา อนาคตที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและอำนาจลดลง การมีขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ การที่ทุกคนมีที่อยู่อาศัยที่เพียงพอไม่มีใครต้องนอนข้างถนน

แต่การจะนำไปสู่จุดนั้นได้ อาจต้องไม่ใช่แค่การลุกขึ้นของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ต้องเป็นการลุกขึ้นหยัดยืนด้วยตัวของ “มวลชน”

เร็ว ๆ นี้เตรียมพบกับ! การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่คนเท่ากัน การต่อสู้ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทุกคนเป็นเจ้าของ “ร่วมกัน”


ที่มา : https://www.facebook.com/FreeYOUTHth/posts/460185628763833

รมว.แรงงงาน ติดตามระบบลงทะเบียน "ม33เรารักกัน" ออนไลน์วันแรก เผย แค่เที่ยงวัน ยอดพุ่งกว่า 5.6 ล้านคน มั่นใจข้อมูลไม่ตกหล่น ด้านสำนักงานประกันสังคม จัดเจ้าหน้าที่บริการทางสายด่วน 1506 ย้ำหมดเขต 7 มีนาคมนี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ ม33เรารักกัน ผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ที่ได้เปิดลงทะเบียนในวันนี้เป็นวันแรก โดยเริ่มมาตั้งแต่เวลา 06.00 น.นั้นปรากฎว่า จนถึงเวลา 12.00 น. มีผู้ประกันตนมาตรา 33 ใช้สิทธิ์ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์แล้วกว่า 5.6 ล้านคน โดยผู้มีสิทธิ์จะต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยบริการข้อมูลทางโทรศัพท์กรณีผู้ประกันตนรายใดที่มีปัญหาติดขัดในการลงทะเบียนหรือจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ม33เรารักกัน สามารถโทรศัพท์มาได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ ม33เรารักกัน คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาท และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มาติดตามความคืบหน้าผลการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ ม33เรารักกัน ในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรก ที่สำนักงานประกันสังคม

ข้อดีของโครงการ ม33เรารักกัน เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมมีระบบฐานข้อมูลความเป็นผู้ประกันตนของนายจ้างและลูกจ้างแต่ละคนในระบบอยู่แล้ว จึงเชื่อมั่นว่ากรณีข้อมูลตกหล่นจะไม่เกิดขึ้นแต่อย่างใด รมว.แรงงานยังเน้นย้ำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีคุณสมบัติครบ คือ มีสัญชาติไทย เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่ได้รับสิทธิโครงการเราชนะ ไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ 31 ธ.ค.63 รีบลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ เวลา 06.00 - 23.00 ไปจนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2564 โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com

และตรวจสอบการได้รับสิทธิ์ จากนั้น ธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งประมวลผลคัดกรอง วันที่ 8 - 14 มี.ค.64 ตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิผ่านทาง www.ม33เรารักกัน.com และกดยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่น‘เป๋าตัง’ วันที่ 15 - 21 มี.ค.64 ได้วงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ครั้งละ 1,000 บาท รวมทั้งสิ้น 4,000 บาท ในวันที่ 22,29 มี.ค. และวันที่ 5,12 เม.ย.64 เริ่มใช้แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’จ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าภายในโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. - 31 พ.ค.64

ส่วนการขอทบทวนสิทธิ วันที่ 15-28 มี.ค.64 ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ จะสามารถขอทบทวนสิทธิผ่าน www.ม33เรารักกัน.com วันที่ 29 มี.ค.- 4 เม.ย.64 ธนาคารทำการตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งประมวลผลคัดกรอง วันที่ 5 - 11 เม.ย.64 ตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิผ่านทาง www.ม33เรารักกัน.com และกดยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่น‘เป๋าตัง’วันที่ 12,19 เม.ย.64 ได้วงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ครั้งละ 2,000 บาท เริ่มใช้แอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’จ่ายเงินสำหรับการซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านค้า/ผู้ประกอบการ/บริการร้านธงฟ้าที่ใช้แอป "ถุงเงิน" โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย.- 31 พ.ค.64

รัฐบาล จัดเต็มลดต้น - ลดดอก - ลดเบี้ยปรับกยศ. ช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤตโควิด พร้อมเร่งผลิตกำลังคนรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลผ่านโครงการส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ ระหว่างปีการศึกษา 2562 - 2566 สำหรับนักศึกษาผู้กู้ยืมเงินในระดับปริญญาตรี เมื่อสำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดจะคิดดอกเบี้ยอัตราไม่เกิน 0.5% ต่อปี และได้ส่วนลดเงินต้น 30% สำหรับนักเรียน/นักศึกษาผู้กู้ยืมเงินในระดับอาชีวศึกษา เมื่อสำเร็จการศึกษา ในสาขาวิชาที่กำหนดจะคิดดอกเบี้ยอัตราไม่เกิน 0.5% ต่อปี และได้ส่วนลดเงินต้น 50%

“นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนโดยเฉพาะเด็กยากจนหรือเด็กด้อยโอกาส ให้เข้าถึงการศึกษา เพื่อผลิตกำลังคนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 3 โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อป้อนกำลังคนในสาขาที่เป็นความต้องการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและวิชาชีพสาขาขาดแคลน ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเศรษฐกิจ BCG โดยในปีการศึกษา 62 และ 63 มีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการแล้ว 59,874 คนและ 65,217คน ตามลำดับ”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กยศ. ยังได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมในช่วงโควิด-19 เช่น ได้กำหนดลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้และปิดบัญชีสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 ลดเบี้ยปรับ 80% เฉพาะผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างให้มีสถานะปกติสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยผิดชำระหนี้และชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียวกันสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 ลดอัตราเบี้ยปรับจาก 7.5% เหลือ 0.5% ถึง 30 มิ.ย. 2564 และพักชำระหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2 ปี (2563 - 2564)

สร้างปอดให้คนกรุง ! กทม.เดินหน้าโครงการ GreenBangkok 2030 ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียว 10 ตร.ม.ต่อคนภายในปี 2573

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินโครงการ Green Bangkok 2030 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อประชากรให้ได้ 10 ตร.ม./คน ภายในปี 2573 สำหรับผลการดำเนินโครงการในปี 2563 สร้างสวนสาธารณะแล้วเสร็จ 3 แห่ง ประกอบด้วย 1. สวนปิยะภิรมย์ เขตบางกะปิ พื้นที่ 10 ไร่ 2. สวนสันติพร เขตพระนคร พื้นที่ 2.5 ไร่ และ 3. สวนวนาภิรมย์ร่มเกล้า เขตลาดกระบัง พื้นที่ 30 ไร่

นอกจากนี้ ยังมีสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวที่จะแล้วเสร็จในปี 2564-2565 อีก 9 แห่ง ได้แก่ 1. สวนสาธารณะภายในสถานีพัฒนาที่ดินบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน พื้นที่ 37 ไร่ 2. สวนจากภูผาสู่มหานทีภายในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พื้นที่ 26 ไร่ 3. สวนสาธารณะบริเวณซอยหน้าวัดหัวลำโพง เขตบางรัก พื้นที่ 0.5 ไร่ 4. สวนสาธารณะบริเวณโครงการต่อเชื่อมถนนกาญจนาภิเษก - ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา พื้นที่ 35 ไร่ 6. สวนสาธารณะบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา ระยะที่ 1 พื้นที่ 25 ไร่ 7. สวนป่านิเวศอ่อนนุช ระยะที่ 1 พื้นที่ 18 ไร่ 8. สวนป่านิเวศหนองแขม พื้นที่ 14 ไร่ และ 9. สวนชุมชนซอยวิภาวดี 18 แยก 3 เขตจตุจักร พื้นที่ 2 ไร่

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันรวบรวมข้อมูลพื้นที่ว่างเปล่าในเมืองที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวสาธารณะ พร้อมเสนอแนวทางและรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน มอบพื้นที่ว่างเปล่าเข้าร่วมโครงการ GREEN BANGKOK 2030 มาอย่างต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันมีประชาชนมอบที่ดินเข้าร่วมโครงการในพื้นที่เขตบางรัก คลองสาน บางกอกน้อย พระโขนง สวนหลวง และทวีวัฒนา เป็นต้น อีกทั้ง ยังได้จัดการประชุม เพื่อรับฟังความคิดเห็นของชุมชนในการสร้างสวนสาธารณะ ตลอดจนจัดประกวดออกแบบสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียวรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของพื้นที่สีเขียวในเมือง รวมทั้งให้ความร่วมมือในการนำพื้นที่ว่างมาพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวสาธารณะเพิ่มมากยิ่งขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top