Tuesday, 24 June 2025
NEWS FEED

‘ทิพานัน’ ปลื้มรัฐบาลนหนุนโครงการบ้านพอเพียง พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีรายได้น้อยในชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาเป็นรูปธรรม ผู้ช่วยผอ.ภาค ‘พอช.’ เผย 2 ปีมอบบ้านพอเพียงให้คนกรุงแล้วกว่า 500 หลัง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้เข้าร่วมกิจกรรมมอบบ้านพอเพียง เขตธนบุรี ให้กับชุมชนวัดดาวคะนอง ชุมชนมะนาวหวานและชุมชนตรอกสะพานขาว โดยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยทั้งในเมืองและชนบททั่วประเทศ เพื่อให้มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และได้มาตรฐาน ทั้งนี้ตนได้ลงพื้นที่ไปร่วมดูแลการส่งมอบบ้านพอเพียง โดยความร่วมมือของสำนักงานเขตธนบุรีและพอช.

‘วันนี้เรามา 4 หลัง ใน 4 หลังมีบ้านของคุณยายวัย 76 ปีซึ่งอาศัยอยู่กับน้องชาย 2 คน ในชุมชนมะนาวหวาน ที่ได้ทำการซ่อมแซมปรับปรุงพื้นบ้านจากพื้นไม้ที่ผุพังเป็นพื้นปูนให้มีความแข็งแรงทนทานและดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย รวมทั้งประสานงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาสุขภาพของคุณยายด้วยเพิ่มเติมด้วย

ในฐานะที่ทำงานประสานงานกับชุมชนมาโดยตลอด เล็งเห็นว่าโครงการบ้านพอเพียงเป็นโครงการที่มีประโยชย์สำหรับพี่น้องปะชาชนเป็นอย่างยิ่ง ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนได้อย่างเห็นผล เป็นก้าวแรกที่จะดูแลคุณภาพชีวิตเบื้องต้นของพี่น้องในชุมชนให้มีความมั่งคงปลอดภัยในเรื่องสภาพความเป็นอยู่ ก่อนจะก้าวไปสู่สังคมในการประกอบอาชีพ หรือว่าดูแลครอบครัวต่อไป หากพี่น้องประชาชนมีความมั่นคงในปัจจัยพื้นฐานก็จะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง’ น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ โครงการนี้สะท้อนถึงความใส่ใจแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ด้านนายยุทธพงษ์ เขื่อนเมือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการภาค สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวว่า เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการที่สำคัญ เป็นการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ชำรุดทรุดโทรมให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือว่ายากจน

ดังนั้น ในภาพของการดำเนินการคือการไปซ่อมแซมบ้าน เพื่อให้บ้านมีความมั่นคงแข็งแรง สมาชิกที่อยู่ในบ้านก็จะมีความปลอดภัย และสามารถอยู่บ้านได้อย่างมีความสุข พร้อมที่จะก้าวไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในมิติต่างๆ ต่อไป ภายใต้การดำเนินการมีความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่โดยสภาองค์กรชุมชน ตำบล หรือเขตจะเป็นกลไกสำคัญที่จะไปเกาะเกี่ยว เชื่อมโยงหน่วยงานภาคีต่างๆ ภาครัฐและเอกชนเข้ามาเสริมสนับสนุนบูรณาการทำงานร่วมมากกว่างบประมาณที่ พอช.สนับสนุนมาเป็นค่าวัสดุซ่อมแซมบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นงบประมาณที่ไม่มาก

นายยุทธพงษ์ กล่าวด้วยว่า ภาพที่เกิดขึ้นนอกจากจะทำให้บ้านมีความมั่นคงแข็งแรงและผู้อยู่อาศัยมีความปลอดภัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว เครื่องมือตัวนี้เรื่องของบ้านพอเพียงชนบทได้นำไปสู่กลยุทธ์ในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพของกลไกองค์กรสภาชุมชน หรือการสร้างการทำงานเชิงบูรณาการภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นบทเรียนที่สำคัญว่าโครงการนี้ เป็นโครงการที่ดีสมควรที่จะมีการดำเนินการในระยะต่อไป ส่วนระยะเวลาในการดำเนินการไม่สามารถระบุปีที่ชัดเจน ในการดำเนินการให้กลุ่มเป้าหมายได้แล้วเสร็จได้

เนื่องจากปัญหาการชำรุดทรุดโทรมของบ้านยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันบทเรียนที่ผ่านมา สามารถลงไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงที่มีความยากจนและมีรายได้น้อย ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือยังสามารถทำให้สมาชิกต่างๆ เหล่านี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมที่สำคัญในการที่จะพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตนเองด้วย

‘โครงการบ้านพอเพียงได้มีการกระจายทั่วทุกตำบลทั่วประเทศ ซึ่งทางพอช.ดำเนินการมาแล้ว 5 ปี สำหรับกรุงเทพมหานครดำเนินการมาปีนี้เป็นปีที่ 2 ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไป 500 กว่าหลังแล้ว’ นายยุทธพงษ์ กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ไบเดน-ปูติน' เปิดอกคุยที่เจนีวา ส่อ!! ไม่เป็นมิตร แต่ไม่เป็นศัตรู

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการไปเยือนยุโรปในฐานะประธานาธิบดีครั้งแรกของ โจ ไบเดน นอกเหนือจากการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ก็คือ การมาพบกันตัวต่อตัวกับผู้นำรัสเซีย 2 ทศวรรษ วลาดิมีร์ ปูติน

ซึ่งตั้งแต่ที่ โจ ไบเดน เข้ามารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ก็เปิดหน้าชนกับปูตินแทบจะทันที แม้กระทั่งเคยสัมภาษณ์ผ่านสื่อใหญ่อเมริกัน กล่าวหาว่าปูตินคือ ฆาตกร และเขาต้องชดใช้มาแล้ว

ดังนั้น การได้มาเจอกันของผู้นำชาติมหาอำนาจตะวันตกทั้งคู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จึงมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน

และตลอดระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่คุยกัน ก็ดูเหมือนจะราบรื่นดี แต่ถึงแม้จะไม่มีการโต้เถียงหักล้างกันรุนแรง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงมิตรภาพและความสนิทสนม

ดังนั้น การมาเจอกันของทั้งคู่ในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อหาเพื่อน แต่คุยกันเพื่อหาจุดสมดุลในผลประโยชน์ร่วมของทั้ง 2 ฝ่าย

สรุปผลจากการพูดคุยในวันนี้ ในเรื่องดีก่อนก็คือ ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียจะยอมกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกันใหม่ ด้วยการส่งทูตกลับไปประจำในสถานทูตของแต่ละประเทศตามเดิม หลังจากที่มีการขับทูตรัสเซีย และสหรัฐฯ ออก เนื่องจากข้อกล่าวหารัสเซียเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ในช่วงเดือนเมษายน 2021

และทั้งสหรัฐฯ กับ รัสเซียยินดีที่จะเปิดการเจรจาเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กันใหม่ หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกือบทำคว่ำมาแล้ว ด้วยการตั้งเงื่อนไขให้จีนต้องเข้าร่วมวงเจรจาด้วย มิเช่นนั้น สหรัฐฯ จะถอนตัว

ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีของการจัดการข้อตกลงด้านอาวุธนิวเคลียร์ของ 2 ชาติ ที่มีหัวรบนิวเคลียร์สะสมอยู่มากที่สุดในโลก

ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาว่ารัสเซียเป็นผู้โจมตีทางไซเบอร์ และปล่อยไวรัสเรียกค่าไถ่ ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบขนส่งท่อก๊าซธรรมชาติในเขตชายฝั่งตะวันออก และบริษัทจัดจำหน่ายเนื้อรายใหญ่ของสหรัฐฯ นั้น ปูตินปฏิเสธเด็ดขาดว่ารัฐบาลรัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ แม้ว่าโจ ไบเดนจะยืนยันว่ามีหลักฐานร่องรอยการโจมตีมาจากรัสเซียก็ตาม

เรื่องสิทธิมนุษยชน ก็เป็นประเด็นร้อนๆ อีกเรื่องในการเจอหน้ากันครั้งนี้ ซึ่งโจ ไบเดน ก็ได้เอ่ยถึงแกนนำผู้ต่อต้านปูตินคนดัง อเล็กเซ นาลวานี ที่ยังถูกจำคุกอยู่ในรัสเซีย และกำลังอดอาหารประท้วง ให้รู้ว่าสหรัฐฯ จับตาดูอยู่ หากเกิดอะไรขึ้นกับอเล็กเซ นาลวานี ที่ทำให้เขาต้องจบชีวิตในคุก รับรองว่ารัสเซียต้องเจอปัญหาใหญ่แน่นอน

แต่โจ ไบเดน ปัดประเด็นที่ปูตินอ้างถึง กระแส Black Lives Matter ในสหรัฐฯ และการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกเข้าไปในตึก The Capital อย่างรุนแรงว่าไม่เกี่ยวกัน และเป็นการเปรียบเทียบที่ไร้สาระ

นอกเหนือจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็นข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการพิจารณายูเครนในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO รวมถึงประเด็นเรื่องซีเรีย และอิทธิพลของจีน ซึ่งรัสเซียถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญของจีนในขณะนี้

และท้ายสุด โจ ไบเดน ย้ำเตือนปูตินว่าอย่าล้ำเส้น โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ และสหรัฐฯ พร้อมที่จะตอบโต้คืนทุกทาง

แม้จะดูเหมือนว่าสหรัฐฯ เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ เรียกร้องจากรัสเซียมากกว่า แต่ท่าทีของโจ ไบเดน ก็ไม่ได้มีปัญหากับการที่ปูตินจะทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญยืดอายุตำแหน่งของตัวเอง ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้นของสหรัฐฯ

ซึ่งแตกต่างจากท่าทีของโจ ไบเดนที่มีต่อจีน ที่ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักในการประชุม G7 เพื่อเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรสกัดอิทธิพลของจีนที่จะมากับโครงการ Belt and Road Initiative

จึงพอสรุปความสัมพันธ์บทใหม่ ระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซีย ในยุคของโจ ไบเดน ว่า ไม่เป็นมิตร ไม่เป็นศัตรู ต่างคนต่างอยู่ แค่นั้นพอ

 

อ้างอิง: https://edition.cnn.com/2021/06/16/europe/vladimir-putin-met-joe-biden-and-got-what-he-wanted-intl-cmd/index.html

https://apnews.com/article/biden-putin-summit-23e73d69f1a7ca338850736a9cf032f5

https://www.bbc.com/news/world-europe-57504755


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กองกำลังสุรสีห์ จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง 31 คน ชายเเดนกาญจนบุรี เเละประจวบคีรีขันธ์"

กกล.สุรสีห์ โดย ฉก.ลาดหญ้า ร่วมกับ สภ.เมืองกาญจนบุรี, สาธารณสุข เเละฝ่ายปกครอง อ.เมืองกาญจนบุรี จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจำนวน 15 คน (ช.10, ญ.5) บริเวณชายป่า บ.ห้วยน้ำขาว ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากการซักถามได้ข้อมูลว่าเดินทางมาจาก จ.ทวาย เเละ จ.ย่างกุ้ง จะเข้าไปทำงานที่ จ.ปทุมธานี

ต่อมาฉก.จงอางศึก ร่วมกับ สภ.อ่าวน้อย, ร้อย.ตชด.146, สาธารณะสุข เเละฝ่ายปกครอง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจำนวน 16 คน (ช.9, ญ.7) บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองห้วยทราย ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการซักถามได้ข้อมูลว่าเดินทางมาจาก จ.เมียวดี, จ.ย่างกุ้ง, จ.ทวาย เเละ จ.พะโค จะเข้าไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร 

โดยหน่วยได้ส่งข้อมูลให้กับ รอง กอ.รมน.จังหวัด เเละทำการตรวจวัดอุณหภูมิขั้นต้น ไม่พบผู้มีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส และนำตัวส่ง สภ.เมืองกาญจนบุรี เเละ สภ.อ่าวน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

อารอน แรมซีย์ ซัดเบิกร่อง ก่อนที่ คอนเนอร์ โรเบิร์ต มาซัดปิดกล่องช่วยให้ ‘เวลส์’ เอาชนะ ‘ตุรกี’ ไปด้วยสกอร์ 2-0 เก็บสามคะแนนแรกในยูโร 2020

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่ที่สอง เป็นเกมการแข่งขันในกลุ่ม A ทีมชาติตุรกี พบกับ ทีมชาติเวลส์ ฟาดแข้งกันที่ บากู โอลิมปิย่า สตาดินู เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

เกมที่แล้ว ตุรกี ต้านทานความแข็งแกร่งของ อิตาลี ไม่ไหว พ่ายแพ้ไปแบบขาดลอย 0-3 ยังไม่มีแต้ม ขณะที่ เวลส์ เกมที่แล้วรอดตายอย่างหวุดหวิด ไล่ตามตีเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 คว้า 1 คะแนนไปครอง

ช่วงท้ายครึ่งแรก ในนาทีที่ 42 เวลส์ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ แกเร็ธ เบล ตักบอลผ่านไลน์แนวรับของตุรกี มาให้ อารอน แรมซีย์ หลุดมาในเขตโทษ ก่อนยิงผ่านมือนายทวารคู่แข่งเข้าไป และหมดเวลา 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง ตุรกี เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเพื่อหวังทำประตูตีเสมอ แต่แล้วในนาทีที่ 60 มาได้จุดโทษ แต่แกเร็ธ เบล ซูเปอร์สตาร์ตัวเก่ง ซัดข้ามค้านแบบไม่ได้ลุ้น สกอร์ยังเป็น 1-0

10 นาทีสุดท้าย ตุรกี เดินหน้าบุกใส่เวลส์อย่างหนักเพื่อทำประตูตีเสมอ แต่ไม่สามารถหาจังหวะเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ แต่แล้วในนาทีที่ 90+5 เวลส์ มาได้ประตูตอกฝาโลง 2-0 จากจังหวะที่แกเร็ธ เบล ลากเลื้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ คอนเนอร์ โรเบิร์ต ซัดเข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลา 90 นาที เวลส์ เอาชนะ ตุรกี 2-0 จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เวลส์ มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน จากการเก็บชัย 1 นัด เสมอ 1 นัด ส่วน ตุรกี ลงเล่นมา 2 นัดแพ้รวด ยังไม่มีแต้ม

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

ตุรกี : อูกูร์คาน ชาคีร์ (GK), เมห์เมต เซคี เชลิค, คาอัน อายฮาน, ชากลาร์ โซยุนชู, อูมุต เมราส, โอคาย โยคุสลู, เซนกิส อุนแดร์, โอซาน ทูฟาน, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, เคนาน คารามาน, บูรัค ยิลมาซ

เวลส์ : แดนนี วอร์ด (GK), คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, คริส เมแพม, โจ โรดอน, เบน เดวีส์, โจ อัลเลน, โจ มอร์เรลล์, ดาเนียล เจมส์, อารอน แรมซีย์, แกเร็ธ เบล, คีฟเฟอร์ มัวร์

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058382


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

มานูเอล โลคาเตลลี เหมาคนเดียว 2 ประตู และชิโร่ อิมโมบิเล่ ซัดปิดกล่อง พา อิตาลี เชือดนิ่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เก็บชัย 2 นัดรวด คว้า 6 แต้มเต็ม การันตีเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นทีมแรกแน่นอนแล้ว

มานูเอล โลคาเตลลี เหมาคนเดียว 2 ประตู และชิโร่ อิมโมบิเล่ ซัดปิดกล่อง พา อิตาลี เชือดนิ่ม สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 เก็บชัย 2 นัดรวด คว้า 6 แต้มเต็ม การันตีเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นทีมแรกแน่นอนแล้ว

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ‘ยูโร 2020’ วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 คู่ที่สาม เป็นเกมการแข่งขันในกลุ่ม A อิตาลี หนึ่งในเจ้าภาพร่วม เปิดสตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม พบกับ สวิตเซอร์แลนด์

เกมที่แล้ว อิตาลี โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม มีแนวรุกที่เฉียบคม ไล่ต้อนตุรกี มา 3-0 ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ โดนตีเจ๊า ทำได้แค่เสมอกับ เวลส์ 1-1

โรแบร์โต มันชินี กุนซืออิตาลี ยึดผู้เล่น 11 คนแรกแทบจะเหมือนในเกมก่อน เปลี่ยนแปลงแค่ตำแหน่งแบ็คขวา ส่ง จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ่ เล่นแทนอเลสซานโดร ฟลอเรนซี ส่วนคนอื่นๆ นำทัพมาโดย ชิโร่ อิมโมบิเล่, โดเมนิโก แบราร์ดี, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่

ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ของกุนซือวลาดิเมียร์ เปตโควิช เกมนี้ใช้ผู้เล่น 11 คนแรกเป็นชุดเดียวกับเกมที่แล้ว นำโดย 2 กองหน้า อย่าง แฮริส เซเฟโรวิช กับบรีล เอ็มโบโล่ โดยมี กรานิต ชาก้า, เรโม่ ฟรูเลอร์ คุมเกมแดนกลาง และใช้ เซอร์ดาน ชากิรี เป็นจอมทัพ

ครึ่งแรกเป็นอิตาลี ที่ทำได้ดีกว่า เป็นฝ่ายที่ครองบอลเหนือกว่า มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า และในนาทีที่ 26 ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โดเมนิโก แบราร์ดี ลากเลื้อยเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตบเข้ากลางให้ มานูเอล โลคาเตลลี วิ่งมาแปบริเวณกรอบ 6 หลาเข้าไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังในนาทีที่ 52 อิตาลี มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะที่ นิโคโล่ บาร์เรลล่า จ่ายให้ มานูเอล โลคาเตลลี ซัดไกลบริเวณหัวกะโหลก บอลพุ่งแรงเสียบมุมเสาสองอย่างสวยงาม

นาทีที่ 88 อิตาลี มาได้ประตูตอกฝาโลง 3-0 จากจังหวะที่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ศูนย์หน้าตัวเก่ง ซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งกระดอนพื้น 1 จังหวะ ผ่านมือแยน ซอมเมอร์ เข้าไป เป็นประตูที่ 25 ในนามทีมชาติของเจ้าตัว และเป็นประตูที่ 2 ในทัวร์นาเมนต์นี้

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที อิตาลี เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 3-0

จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ อิตาลี มีเพิ่มเป็น 6 คะแนน ยิงได้ 6 ประตู และยังไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม A การันตีการเข้ารอบน็อคเอาท์เป็นที่แน่นอนแล้ว 100 เปอร์เซนต์ โดยเกมหน้าพวกเขาจะต้องแย่งแชมป์กลุ่มกับ เวลส์ ทีมอันดับ 2 ที่มี 4 คะแนน ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ มี 1 แต้มรั้งอันดับ 3 และตุรกี รั้งบ๊วย ยังไม่มีแต้ม

สำหรับโปรแกรมนัดถัดไปของกลุ่ม A อิตาลี พบ เวลส์ และสวิตเซอร์แลนด์ พบ ตุรกี ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ เวลา 23.00น. ตามเวลาประเทศไทย

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม

อิตาลี : จิอันลุยจิ ดอนนารุมม่า (GK), จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์จิโอ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า, จอร์จินโญ่, นิโคโล่ บาร์เรลล่า, มานูเอล โลคาเตลลี, โดเมนิโก แบราร์ดี, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่

สวิตเซอร์แลนด์ : แยน ซอมเมอร์ (GK), นิโค่ เอลเวดี, ฟาเบียน ชาร์, มานูเอล อาคานยี, ริคาร์โด โรดริเกวซ, เรโม่ ฟรูเลอร์, กรานิต ชาก้า, เควิน เอ็มบาบู, เซอร์ดาน ชากิรี, บรีล เอ็มโบโล่, แฮริส เซเฟโรวิช

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058398


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สรรพสามิต แจกปมจนท. รีดภาษีคนขายน้ำส้ม 12,000 บาทไม่จริง

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังมีข่าวว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้าทำการจับกุมผู้ขายน้ำส้ม จำนวน 500 ขวด และมีการเรียกค่าปรับเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท นั้น กรมสรรพสามิตขอชี้แจงว่าได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่เสียภาษีอย่างถูกต้องว่ามีบางโรงอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ได้มาตรฐานและยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต 

ทั้งนี้กรมสรรพสามิตได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้าทำการตรวจสอบและได้ดำเนินการให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเข้าระบบและเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้ว โดยที่ผ่านมามีจำนวน 4 ราย ซึ่งรายนี้เป็นรายที่ 5 โดยโรงอุตสาหกรรมของผู้ใช้เฟซบุ๊ครายดังกล่าว ผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ได้มาตรฐานและยังไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจึงได้ทำการให้คำแนะนำเพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบและเสียภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้อง โดยไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน จำนวน 12,000 บาท ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้มอบนโยบายไปยังเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารพร้อมทั้งให้คำแนะนำไปยังผู้ประกอบการให้เข้ามาอยู่ในระบบ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป

ฮีโร่ ทหารเรือ! พันจ่า นาวิกโยธิน ช่วยชีวิตชายหัวใจหยุดเต้น นำข้อบกพร่อง-ประสบเหตุในอดีตเป็นแรงบันดาลใจศึกษาด้านกู้ชีพ ดีกรี แน่น วิศวกรรมโยธา ครูฝึกหลักสูตรร่มร่อน-ร่มบิน หน่วย SEAL

พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา พันจ่าส่งกำลัง สังกัด กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ กู้ชีพชายที่นอนหมดสติด้วยการทำ CPR เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 12.00 น. บริเวณถนนสุขุมวิท กม.2 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือจากประชาชนในที่เกิดเหตุให้รีบประสานโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 จัดรถพยาบาลฉุกเฉิน พร้อมเจ้าหน้าที่ มาให้การช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน นอกจากนี้แล้วยังได้ช่วยระบายรถ เพื่อให้ผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

ล่าสุด กองทัพเรือ เปิดเผยถึงเรื่องราวของพันจ่าเอก ธนาวุฒิ ระบุว่า พันจ่าเอก ธนาวุฒิ สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนจ่านาวิกโยธินกองทัพเรือ รุ่นที่ 48 นอกจากนั้นยังสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธา เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญเงิน เป็นภาคีวิศวกรของสภาวิศวกร รวมถึงหลักสูตรเก็บกู้วัตถุระเบิด และยังเป็นครูฝึกในหลักสูตรร่มร่อน ร่มบิน ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ 

พันจ่าเอก ธนาวุฒิ เล่าว่า ตนเอง มีความรักในงานอาชีพกู้ภัย หลังจากที่ได้ประสบเหตุด้วยตนเองและพบข้อบกพร่องขณะให้การช่วยเหลือผู้อื่น จึงได้ไปศึกษาด้านกู้ชีพเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้นำความรู้มาช่วยเหลือและเผยแพร่ให้กับผู้อื่น โดยมีแนวทางในการดำเนินการว่า เผย การเริ่มต้นในการช่วยเหลือที่ดี โอกาสรอดยิ่งมากขึ้น

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ นาวาโทจีรศักดิ์ หวังวรวัฒนากุล ผู้บังคับกองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ แก่ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ นับเป็นความภาคภูมิใจของ หน่วยในการที่ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ได้ให้การช่วยเหลือประชาชน ในครั้งนี้
 

'นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ' ร่วมกิจกรรมโครงการด้วยรักและห่วงใยถึงข้าราชการตำรวจและครอบครัว ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19

คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ คุณกาญจนา เงามุข อุปนายกสมาคมฯ พร้อมคณะสมาคมแม่บ้านฯ ได้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการด้วยรักและห่วงใยถึงข้าราชการตำรวจและครอบครัว ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 ณ สภ. หนองแซง จังหวัดสระบุรี​

ตามนโยบายของ 'พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข'​ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยได้มอบถุงยังชีพของสมาคมแม่บ้านฯ สมทบทุนโครงการอาหารกลางวัน และมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ให้กับข้าราชการตำรวจ และชาวบ้านในชุมชนใกล้เคียง

หลังจากนั้นท่านนายกสมาคมฯ ได้ร่วมประชุม และสอบถามความเป็นอยู่ รวมทั้งอาชีพเสริมของแม่บ้าน เช่น การทำขนมเปี๊ยะ และได้มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมในโครงการโคกหนองนาของ สภ.หนองแซง มีการปลูกพืช ผัก สวนครัว เกษตรอินทรีย์ ปลูกข้าว เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไข่ นำผลิตผลที่ได้มาประกอบอาหารเลี้ยงแจกจ่ายชุมชน และบางส่วนนำไปขาย เพื่อนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการฯ 

จากนั้นท่านนายกฯ และคณะฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปและเยี่ยมชมโครงการฯ ร่วมกิจกรรมปล่อยปลา ปลูกต้นไม้ โดยมี คุณนฤมล บัวรับพร ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี,​ ผบก.ภ.จว.สระบุรี,​ ผกก.สภ.หนองแซง,​ ข้าราชการตำรวจ สภ.หนองแซง และ คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมให้การต้อนรับ 

พิธีเปิดโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านการอำนวยความสะดวก และให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

วันนี้ (16 มิ.ย. 2564) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะโฆษกของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดให้มีการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว (แบบออนไลน์) ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาสาสมัครเหล่านี้มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวดูแลนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และในโอกาสนี้ กองบัญชาการตำรวจตำรวจท่องเที่ยวได้รับเกียรติจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา มาเป็นประธานเปิดพิธีด้วย

​โดยก่อนการเปิดฝึกอบรมอย่างเป็นทางการนั้น พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้กล่าวรายงานว่า เพื่อให้การอำนวยความสะดวก การคุ้มครอง การรักษาชีวิตและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องต่อนโยบายขององค์การการท่องเที่ยวโลก อันเป็นการเตรียมการในช่วงเวลาแห่งการซ่อมและสร้าง เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวกลับมาในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกำลังพลภาคประชาชนที่มีทัศนคติที่ดีต่อการท่องเที่ยว และมีจิตใจอาสามาช่วยตำรวจท่องเที่ยวดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้คัดเลือกผู้ที่มีความประพฤติดีและมีจิตอาสาที่จะช่วยเหลือประเทศทั้งชาวไทยและต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 2,000 คน ครอบคลุมทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทยมาเข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้

​และหลังจากที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับคำกล่าวรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแล้ว ได้กล่าวเปิดพิธีการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ และกล่าวขอบคุณกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัครทุกคนที่จะเป็นกลไกที่สำคัญยิ่งต่อการเตรียมการและการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 กันยายน 2564 นี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวทุกคนจะร่วมเป็นกำลังใจ และเป็นกำลังสำคัญส่งเสริมสนับสนุนให้การเปิดประเทศที่เริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ นำร่องการเปิดประเทศของจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ต่อไป

รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การท่องเที่ยวเป็นแหล่งผลิตรายได้ที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศ โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่สามารถนำการท่องเที่ยวไปสู่ความสำเร็จสูงสุดได้ หากไม่ได้รับความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียงกันและไปในทิศทางเดียวกันจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนทุกฝ่ายแบบบูรณาการ และด้วยการทำงานแบบมืออาชีพของตำรวจท่องเที่ยว และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาเป็น Top of Mind ของโลกในที่สุด

​โครงการฝึกอบรมอาสาสมัครครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้ทั่วไปของการท่องเที่ยว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การบริการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ บทบาทและหน้าที่ของอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว รวมไปถึงการช่วยเหลือรักษาพยาบาลเบื้องต้นให้กับนักท่องเที่ยว โดยวิทยากรที่มีประสบการณ์และความรู้ที่มาบรรยายให้กับอาสาสมัครทุกคน

ผบ.ตร.เข้ม!! สั่งจัดตั้งสถานีส่วนย่อยโค้งดงตาล หาดจอมเทียน หลังนักท่องเที่ยวหนาแน่น และมีชุมชนขนาดใหญ่มาก แต่ห่างไกลจากโรงพักหลัก

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “สถานีตำรวจสาขาย่อยโค้งดงตาล หาดจอมเทียน” ตามโครงการจัดตั้งสถานีส่วนแยก เพื่อบริการประชาชนอย่างทั่วถึง และลดความแออัด​ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ไม่นานมานี้​ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบายให้แก่ คณะทำงานนโยบายการพัฒนางานป้องกันและปราบปราม โดยมี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ให้ดำเนินการโครงการจัดตั้งสถานีย่อยส่วนแยก เพื่อกระจายการบริการสู่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความแออัดของสถานีตำรวจหลัก ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชนอย่างทั่วถึง และเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นจะเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว

ด้าน​ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและตรวจสอบความพร้อมการเปิดให้บริการ 'สถานีตำรวจภูธรย่อยโค้งดงตาล'​ ถนนเลียบชายหาดจอมเทียน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโครงการนำร่องแห่งที่ 2 โดยมี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร่วมรับฟังบรรยายสรุปวัตถุประสงค์ของโครงการ

สำหรับ สถานีตำรวจภูธรย่อยโค้งดงตาล เป็นสถานีตำรวจส่วนแยกของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา พิจารณาการเลือกพื้นที่ที่มีประชากรและนักท่องเที่ยวหนาแน่น เป็นชุมชนขนาดใหญ่ และห่างไกลจากโรงพักหลักพอสมควร หากมีเหตุฉุกเฉินตำรวจจะใช้เวลานานกว่าจะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งสถานีตำรวจภูธรย่อยดงตาล เป็นการเพิ่มกำลังการให้บริการประชาชนครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด มีตำรวจให้บริการ แบบครบวงจร ทั้งฝ่ายสอบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ฝ่ายสืบสวน ห้องควบคุมผู้ต้องหา

โดย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังให้คำแนะนำในการติดตั้งอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อควบคุมพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในการป้องกันอาชญากรรม สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ยังอยู่ระหว่างหารือกับเมืองพัทยาและทดลองระบบ ในการวางแนวทางจัดทำ Smart City และ Safety Zone เพื่อให้การป้องกันปราบปราม การดูแลนักท่องเที่ยวเกิดประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจในการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลักของประเทศมากขึ้นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างตรวจเยี่ยม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังให้คำแนะนำในการสรรหาอาสาสมัครตำรวจที่มีมาตรฐาน เพื่อมาช่วยงานตำรวจ โดยกำหนดมาตรฐานทั้งในเรื่องการทำงานร่วมกับตำรวจ การกำหนดเครื่องแบบ เครื่องอุปกรณ์ ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงาน และเพิ่มปริมาณบุคลากรที่ช่วยเหลืองานตำรวจที่ได้ทั้งปริมาณ และคุณภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการจัดตั้งสถานีส่วนแยก จะได้ขยายการดำเนินการไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อการให้การบริการ และการควบคุมสถานการณ์ด้านอาชญากรรมที่ครอบคลุม เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในด้านการป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรม

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top