Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

ประชาสุขใจ มทบ.44 ช่วยเหลือบรรเทาทุกบำรุงสุขให้กับประชาชน ชาวเกษตรกร และชาวสวนมังคุด กู้วิกฤติราคาผลผลิตตกต่ำ ในสถานการณ์โควิด - 19

เมื่อวันที่ 28 ก.ค.64 เวลา 17.00 น. พล.ต.เสนีย์ ศรีหิรัญ ผบ.มทบ.44 จัดกำลังจิตอาสาพระราชทานของหน่วย ในการคัดเลือกบรรจุและยานพาหนะ ในการขนส่งผลผลิตมังคุดช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เนื่องจากประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และจากเกิดอุทกภัยในประเทศจีน ทำให้ประสบปัญหาในการส่งออก

การดำเนินการในครั้งนี้ มี นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าฯชุมพร พานิชย์จังหวัด,เกษตรจังหวัด และนายอำเภอหลังสวน ร่วมลงพื้นที่ สำหรับการรับซื้อครั้งนี้ เป็นการประสานความร่วมมือของกองทัพบกโดยททบ.5,กระทรวงพานิชย์โดยกรมการค้าภายใน ซึ่งจะนำขึ้นไปมอบที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) เพื่อลำเลียงผลผลิตไปสู่กลุ่มผู้บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ตรงตามเวลากำหนด ลดการเน่าเสีย และกดดันราคา จำนวน 10,000 กก. ณ สหกรณ์มังคุดท่ามะพลา ต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร

พี่น้องชาวสวนมังคุดมีความพึงพอใจและอุ่นใจที่เมื่อมีความเดือดร้อนทหารไม่เคยทอดทิ้ง ประชาชนในทุกโอกาส


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

“หน.ศปม.” สั่งเข้ม บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เข้มจุดตรวจ จุดสกัด รอยต่อข้ามจังหวัด กวดขัน/คัดกรองเข้มขึ้น พร้อมสร้างความเข้าใจปชช.ชลอเดินทางข้ามจังหวัด 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.ต. ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่าตามที่ได้มีการยกระดับมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 13 จังหวัด ตามมติของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 นั้น

 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส/หน.ศปม.) ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เริ่มดำเนินการจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดสายตรวจในการลาดตระเวนเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติ การเดินทางข้ามพื้นที่อย่างเข้มงวดในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต จำนวน 88 จุด ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนจากมาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดฯ ของบุคคลในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 13 จังหวัด ให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 

โดยเมื่อเวลา 14.30 น. ผบ.ทสส/หน.ศปม.ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจเข้มแข็ง รอยต่อพื้นที่สีแดงเข้ม จำนวน 2 จุด ได้แก่ จุดตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดปทุมธานี บริเวณหน้าโรงพยาบาลธัญบุรี ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และ จุดตรวจรอยต่อข้ามจังหวัดสระบุรี บริเวณใต้ทางต่างระดับหินกอง อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมรับทราบปัญหาข้อขัดข้องจากการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคง 

โดย ผบ.ทสส/หน.ศปม. ให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มข้นในการกวดขัน/คัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน พร้อมทั้งขอให้สร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนในการชะลอการเดินทางเข้าออกจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่มีเหตุจำเป็น โดยให้อยู่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด 

โอกาสนี้ ผบ.ทสส./หน.ศปม. ได้กล่าวชื่นชม ให้กำลังใจพร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ อย่างเต็มกำลังความสามารถ และกำชับให้เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลสุขภาวะส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ทุกนายในขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วย

“กองทัพไทย ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในการปฏิบัติตนตามที่ภาครัฐกำหนดโดยเคร่งครัด งดการออกนอกเคหสถานโดยไม่มีความจำเป็นในช่วงเวลาที่กำหนด หลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from home) อย่างเต็มรูปแบบ ร่วมกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค โดยกองทัพไทยพร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชนและจะปฏิบัติภารกิจเพื่อดูแลประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถเพื่อก้าวผ่านวิกฤตโควิด 19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน”รองโฆษกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าว 

“แฉ”คนหัวหมอ ทุจริตจองคิวรับวัคซีน ที่สถานีกลางบางซื่อ แฮ็กระบบเครือข่ายมือถือนำโควต้าวัคซีนขายสิทธิ จ่ายค่าหัว500 – 1,000 บาท“วอน” ปชช.ชี้เบาะแส อย่าปกปิด พร้อมฉีดวัคซีนให้ จี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อเร่งจัดระเบียบผู้รับวัคซีนลดความแออัดตาม

น.ส.ไตรศลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้มีข้อสั่งการให้เสริมการจัดระเบียบการให้บริการ เพิ่มมาตรการเว้นระยะห่าง ลดความแออัด สำหรับประชาชนที่เข้ารับวัคซีน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ  วันนี้กระทรวงคมนาคม ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่เพื่อลดความแออัดลงแล้ว โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม  ระบุว่า  ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2564 เป็นต้นไปสถานการณ์ความแออัดของผู้เข้ารับวัคซีนจะดีขึ้น เนื่องจากจะเริ่มใช้ระบบนัดหมาย โดยผู้ที่จะเดินทางมารับวัคซีนจะมีวัน เวลานัดที่ชัดเจน มีการย้ำเรื่องการไม่มาก่อนเวลาเพื่อลดการรวมตัวของประชาชน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าล่าสุด พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้รายงานให้ทราบว่าได้เกิดกรณีการทุจริตการจองคิวเพื่อขอเข้ารับวัคซีน โดยมีการแฮ็กระบบของบริษัทเครือข่ายมือถือแห่งหนึ่ง เพื่อนำโควต้าวัคซีนไปขายสิทธิต่อ โดยมีการจ่ายค่าหัวรายละ 500 – 1,000 บาท แต่เนื่องจากบริษัทมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด จึงสามารถตรวจสอบพบความผิดปกติ  ขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วเรียบร้อย หากสอบสวนแล้วพบว่าทำผิดจริงจะต้อง โทษจำคุก 3-10 ปี และขณะนี้กำลังสอบเพิ่มเติมว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมรู้เห็นหรือไม่ หากมีจะต้องรับโทษตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาด้วย 

“สำหรับประชาชนผู้ที่ซื้อสิทธิมารับวัคซีน กรณีที่ให้ความร่วมมือในการข้อมูลและหลักฐานการโอนเงินการติดต่อกับ ตัวกลาง หรือผู้กระทำทางการจะกันเป็นพยาน จะฉีดให้ แต่หากไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ฉีดวัคซีนให้และถือว่าเป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายศักดิ์สยามได้ขอให้ประชาชนทุกคนลงทะเบียนตามระบบ อย่าหลงเชื่อผู้ที่นำสิทธิต่างๆ มาเสนอขายให้เพราะบริษัทเครือข่ายมือถือที่เข้ามาร่วมให้บริการลงทะเบียนมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด เมื่อถูกตรวจสอบได้ท่านจะต้องถูกตัดสิทธิเพื่อไปเข้าระบบที่ถูกต้องใหม่อีกครั้ง จะทำให้เสียทั้งเงิน เสียเวลาและอาจตกเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย แต่หากเข้าตามระบบทุกคนจะได้รับวัคซีนตามการจัดกลุ่มลำดับความเสี่ยงอย่างแน่นอนเพราะรัฐบาลมีนโยบายรัฐบาลจัดหาวัคซีนให้ประชาชนทุกคน

3 เหล่าทัพ ยิงสลุตหลวงเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2564

ที่สนามหลวง กองทัพบก โดย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 64

ด้านกองทัพเรือยิงสลุตหลวง ณ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ที่ 1  รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้ทำการ ยิงสลุตหลวง 21 นัด เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564

ขณะที่กองทัพอากาศ ณ ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ยิงสลุดหลวงโดยกรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ทำการยิงสลุตหลวง 21 นัด พร้อมกับกองทัพบก และกองทัพเรือ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา 28 กรกฎาคม 2564

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 

ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 69 พรรษา (28 กรกฎาคม 2564 ) ณ ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และในการจัดกิจกรรมได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ในห้วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย กิจกรรมจิตอาสาพัฒนา "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่โดยรอบบริเวณศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งประกอบด้วย การพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์คลองคูเมืองเดิม เริ่มจากโรงแรมรัตนโกสินทร์ถึงปากคลองตลาด และคลองสาขา จำนวน 2 คลอง (คลองหลอดวัดราชบพิธ และคลองหลอดวัดราชนัดดา) โดยมีการขุดลอกคลองคูเมืองเดิมด้วยเรือผลักดันโคลนของ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม การทำความสะอาดและทาสีผนังคลองคูเมืองเดิม การเก็บขยะในคลองคูเมืองเดิม และการตัดแต่งกึ่งไม้ริมคลองคูเมืองเดิม คลองสาขา และสวนสราญรมย์

นอกจากนี้ยังได้จัดทำเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากกันกระเด็น (Face Shield) และแผ่นกั้นกันกระเด็นเพื่อนำไปมอบให้กับวัดและโรงเรียน โดยมี วิทยากรจิตอาสา 904 และกำลังพลจิตอาสาของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหม เข้าร่วมกิจกรรมฯ

การถวายเครื่องอัฐบริขาร มอบอุปกรณ์การเรียน เวชภัณฑ์ และเครื่องวัดอุณหภูมิ รวมทั้งการทำความสะอาด และการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้กับวัดและโรงเรียน จำนวน 10 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น วัด จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรมหาวิหาร 2.วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร 3.วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร 4.วัดราชนัดดารามวรวิหาร และ 5.วัดมหรรณพารามวรวิหาร โรงเรียน จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนวัดราชบพิธ 2.โรงเรียนเบญจมราชาลัย 3.โรงเรียนวัดสุทัศน์ 4.โรงเรียนวัดราชนัดดา และ 5.โรงเรียนวัด มหรรณพาราม โดยมีกำลังพลของหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในพื้นที่ศาลาว่าการกลาโหมเข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาด

​ทั้งนี้การจัดกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพรระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด

"เหล่าทัพ" ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค.64 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 ของ กองบัญชาการกองทัพไทย ณ ห้องนเรศวร กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเข้าร่วมพิธี

การจัดพิธีในครั้งนี้ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงพระวิริยะ อุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2564  พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล, พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน, พิธีไถ่ชีวิตกระบือถวายเป็นพระราชกุศล, ลงนามถวายพระพรชัยมงคล โดยหน่วยขึ้นตรงทั่วประเทศ​ จัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล 

ที่กองบัญชาการกองทัพเรือพระราชวังเดิม​ (บก.ทร.) พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) นายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมถวายราชสักการะ พร้อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีเป็นพลังของแผ่นดิน​  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564  ได้นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมลงนามถวายพระพร  ผ่านระบบออนไลน์

จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือและนางจุฬารัตน์ ศรีวรขาน พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือและภริยา ร่วมแจกจ่ายอาหารกล่องและถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ตามพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส โควิด 19 ในการจักิจกรรม"กองทัพเรือเพื่อประชาชน ร่วมใจต้านภัย COVID - 19" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 

กองทัพเรือ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของข้าราชการกองทัพเรือตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ในพื้นที่ต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล​ พื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พื้นที่จังหวัดสงขลา พื้นที่จังหวัดภูเก็ต - จังหวัดพังงา พื้นที่จังหวัดจันทบุรี - จังหวัดตราด พื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่กองทัพอากาศ​ พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)เป็นประธานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 69 พรรษา ณ ห้องรับรองกองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ ร่วม พิธีถวายเครื่องราชสักการะ การถวายพระพรชัยมงคล และการถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน พิธีเจริญพระพุทธมนต์ พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป พิธีไถ่ชีวิตโค-กระบือ รวมทั้งลงนามถวายพระพรชัยมงคลและถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน 
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 จนถึงปัจจุบัน ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการสานต่อศาสตร์พระราชา ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงให้ความสำคัญเรื่องการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. และโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความดีเพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ  ที่ผ่านมาพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือ โดยมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ชุมชนทั่วประเทศเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น พระราชทานเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานแก่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประชาชนในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย อันเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพสกนิกรชาวไทยที่ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มพระบารมี 

รัฐสภา จัดพิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธีถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค.2564 มีนายสุชาติ ตันเจริญ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานฯ และเลขาธิการสภาฯ พร้อมด้วยข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธี โดยนายชวนได้ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และเปิดกรวยกระทงดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นประธานและคณะร่วมกันร้องเพลงสดุดีจอมราชา พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกัน โดยพิธีดังกล่าวเป็นการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 

“คุณหญิงกัลยา” ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนช่วงวิกฤติโควิด-19 ย้ำที่ผ่านมาได้วางนโยบายระยะยาวสร้างงาน สร้างอาชีพ แก้จนยั่งยืนเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤติ

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอบคุณครม.หลังอนุมัติเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท บรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครองรับมือวิกฤติโควิด-19 ย้ำในฐานะกำกับดูแลอาชีวะเกษตรเตรียมพร้อมรับมือทุกวิกฤติ วางนโยบายระยะยาวสร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ ระหว่างเรียนมีรายได้ จบมามีงานทำ แก้จนอย่างยั่งยืน พร้อมให้ทุนการศึกษาช่วยเหลือและส่งเสริมนักเรียนอาชีวะเกษตร

นางดรุณวรรณ  ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงินรวมเกือบ 22,000 ล้านบาท โดยเฉพาะมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. คนละ 2,000 บาท ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งด่วนระยะสั้นที่ต้องการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง

“คุณหญิงกัลยาได้ขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติงบประมาณให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะให้เงินเยียวยาค่าเรียนคนละ 2,000 บาท ตั้งแต่อนุบาลถึงม.6 และระดับปวช.และปวส. วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ตัวเลขการช่วยเหลือต่อคนอาจจะไม่มากนักแต่เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ปกครองหลายครอบครัวที่กำลังเผชิญกับวิกฤติ” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการภายใต้ความรับผิดชอบของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช         มีนโยบายหลายส่วนที่ได้กำหนดไว้เป็นประโยชน์ต่อการวางรากฐานการศึกษาไทยเพื่อรองรับศตวรรษที่ 21 รวมไปถึงที่สำคัญคือการวางนโยบายระยะยาวในการสร้างคน คือ การให้การศึกษากับทุกคนอย่างเท่าเทียม เน้นสร้างงาน คือ ระหว่างเรียนมีรายได้ และสร้างอาชีพ คือ จบมาต้องมีงานทำ โดยเฉพาะนโยบายด้านอาชีวะเกษตรที่คุณหญิงผลักดันและส่งเสริมอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม หากนำองค์ความรู้ด้านการเกษตรมารวมกับด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน และเศรษฐกิจฐานราก จะเป็นการแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาคุณหญิงกัลยาได้ให้การช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนของผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ การให้ทุนการศึกษาส่วนตัวกับนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) ในหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 ที่ทุกคนจะได้รับการสนับสนุนค่าเล่าเรียน โดยได้รับการงดเว้นค่าหน่วยกิตตลอดหลักสูตร 2 ปี รวมถึงการผลักดันให้วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีทั่วประเทศปลูกสมุนไพรที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสอดรับเทรนด์การดูแลรักษาสขภาพ เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย เป็นต้น เพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน 

“บิ๊กบี้” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจจนท. จุดบริการต้านโควิด ใน กทม. ย้ำทหารพร้อมประสานการช่วยเหลือปชช. “บิ๊กบี้” ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ จนท. จุดบริการต้านโควิด ใน กทม. ย้ำทหารพร้อมประสานการช่วยเหลือปชช. 

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ที่ทุกหน่วยงานได้ปรับรูปแบบการช่วยเหลือเน้นการดูแลเชิงรุกอย่างทันต่อสถานการณ์ และความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและพื้นที่ควบคุมสูงสุด 13 จังหวัด รวมทั้ง กทม.  ในส่วนของกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ กทม. จัดตั้ง “จุดบริการอำนวยความสะดวกประชาชน” ขึ้นในบริเวณแหล่งพักอาศัย ชุมชน ปมคมนาคม แหล่งค้าขาย หรือสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ รวม 53 จุด ครอบคลุมทุกพื้นที่สำนักงานเขต กทม.  มีเจ้าหน้าที่ทหารและ ฝ่ายปกครอง ร่วมกันให้การดูแล อำนวยความสะดวก  เป็นจุดรับแจ้งเรื่องเดือดร้อน ขอความช่วยเหลือในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด  ช่วยประสานส่วนราชการเพื่อส่งต่อการช่วยเหลือต่างๆ ให้คำแนะนำ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บริการอุปกรณ์ป้องกันเชื้อ ช่วยติดต่อเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ เป็นต้น

โดยผู้บัญชาการทหารบกได้เดินทางไปเยี่ยมที่ “จุดอำนวยความสะดวกประชาชนกองทัพบก” 5จุดได้แก่ วัดแก้วฟ้า, BTSหมอชิต, ชุมชนวัดมะกอก, หน้าเอเซียทรีค และชุมชนสะพานผ่านฟ้า และในช่วงกลางวันผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจเยี่ยม อีก 4 พื้นที่ ได้แก่ People park อ่อนนุช,หน้า รร. Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ,ศูนย์พักคอยรอการส่งต่อผู้ป่วยCOVID19 เขตคลองสานและสถานีรถไฟเตาปูน  โดยได้กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ กำชับเรื่องการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยความรวดเร็วทันต่อความเดือดร้อนของประชาชน การแบ่งโซนความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยทหาร พร้อมให้คำแนะนำการเสริมความพร้อมอื่นๆเช่น เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด19 กองทัพบก”  การจัดตู้ปันสุขมีสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เดือดร้อน เตรียมชุดเคลื่อนที่เร็วสำหรับการช่วยเหลือในสถานกาณ์ฉุกเฉินต่างๆที่อาจเกิดขึ้น  ที่สำคัญคือให้ความอุ่นใจกับประชาชนและชุมชนว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ใกล้ พร้อมดูแลช่วยเหลือเคียงข้างประชาชนในทุกเรื่อง 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้ย้ำให้กำลังพลปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พล การใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างระมัดระวัง มีอุปกรณ์ป้องกันชุดPPE ,Face shield เครื่องมือที่จำเป็นอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตนเอง ตลอดจนประชาชนในการปฏิบัติทุกภารกิจเฉพาะหน้าเร่งด่วนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สำหรับประชาชนที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูแล สามารถแจ้งได้ทันที ตามจุดบริการที่พบเห็นทั่ว กทม.

กลายเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อผู้แลผู้กักตัวที่เสี่ยงติดเชื้อจากโควิด19​ และดูท่าจะไปได้สวย

จาก​ผู้ใช้เฟซบุ๊ก​ 'ศิริลักษณ์​ สุดใจ'​ ได้แชร์ประสบการณ์ในฐานะของเจ้าหน้าที่ที่คอยอำนวยความสะดวก 'เถียงนาโมเดล'​ ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

????บรรลุเป้าหมายไป​ 1​ หลัง​ สำหรับ "เถียงนาโมเดล" ของ #โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีบุญเรือง​ ผ่านการดำเนินงาน มา​ 14​ วัน ผู้ป่วย​ 6​ ราย

อาการสีเขียว ที่เลือกอยู่ เถียงนาแห่งนี้ ไม่สมัครไปรพ.สนาม จากการสอบถาม ทุกคนชอบบรรยากาศ

ความอบอุ่น มีการติดตามอาการใกล้ชิด ตลอด
มีน้ำไฟ ห้องน้ำพร้อมใช้ อยู่ใกล้ชุมชน
ทุกคน ดูแลตนเองได้ดี 

วันนี้ครบ​ 14​ วัน​ สามารถไปกักตัวต่อที่บ้านได้ แต่ทุกคนเลือกที่จะอยู่เถียงนาแห่งนี้ ต่อไปอีก​ 14​ วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชน น่าชื่นชมจริงๆๆ ขอบคุณนะคะ

เป็นเพียง​ 1​ ความสำเร็จเล็กๆ ที่พวกเราจะช่วยกันทำให้สำเร็จไปอีก เรื่อยๆ ในที่สุดจะรวมกันเป็นความสำเร็จในระดับตำบล ระดับอำเภอ และประเทศต่อไป

ขอเพียงทุกคนรวมแรงรวมใจกันสู่ต่อ

เป็นกำลังใจ ให้ทีมในกทม.สู่ต่อนะคะ ทางนี้ก็ช่วยทุกอย่าง ทำทุกอย่างที่ทำได้ 

ขอบคุณทีม​ IC เข้าเคลียร์ขยะติดเชื้อ ส่งทำลายตามหลักมาตรฐาน สร้างความมั่นใจต่อชุมชน... 

สำหรับ​ 'เถียงนา'​ ถือเป็นอีกหนึ่งในภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สะท้อนวิถีชีวิตภาคเกษตรของชาวบ้านถิ่นอีสาน โดยเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กที่สร้างไว้ตามท้องนา ที่ไว้พักชั่วคราวสำหรับใช้หลบแดด หลบฝน และพักผ่อนในฤดูเก็บเกี่ยว เหมาะเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนระหว่างทำนา ไม่ต้องเดินทางไป-กลับบ้าน

มักสร้างบนพื้นที่ราบลุ่ม น้ำท่วมไม่ถึง มีลักษณะเป็นพื้นที่ยกเสาสูง 4 เสา มุงหลังคาทรงจั่วระบายน้ำฝน กั้นฝาเพียงบางด้านเพื่อเปิดโล่งให้อากาศถ่ายเท นิยมใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาสร้าง

ทั้งนี้​ 'เถียงนา'​ กลายเป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจจากสังคม หลังจากนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เสนอให้มีการใช้ 'เถียงนาโมเดล' เป็นสถานที่กักตัวชั่วคราวสำหรับผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานจากกรุงเทพฯ ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4658900094124570&id=100000138758960


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top