Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

“โฆษก ศบศ.”ย้ำ"บิ๊กตู่" ห่วงประชาชนสั่งขยับเวลาจ่ายเงินเยียวยา‘นายจ้าง-ลูกจ้าง ม.33 ใน 10 จังหวัด 9 กิจการเร็วขึ้น เริ่ม 4 ส.ค.นี้ เผยข่าวดี คนละครึ่งเตรียมเชื่อมระบบกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ คาดใช้ได้ตุลาคมนี้ รองรับการใช้จ่ายหลังคลังโอนเงิน “คนละครึ่ง”

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกคน  จึงได้สั่งการให้เร่งรัดขยับเวลาการจ่ายเงินเยียวยา ให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ใน 9 ประเภทกิจการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการ โดยจะเริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้  ซึ่งผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 2,500 บาท จะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ซึ่งสามารถดำเนินการได้วันละ 1 ล้านบัญชี  จากผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีจำนวน 2.87 ล้านคน ส่วนนายจ้างจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน สำหรับนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง ทุกๆวันศุกร์ จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564

โฆษก ศบศ. ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่เปิดให้ประชาชนใช้สิทธิล่าสุดไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 หลังผ่านมา 1 เดือน ปรากฎว่ายอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการมีผู้ใช้สิทธิสะสมรวม 36.89 ล้านคน มียอดใช้จ่ายสะสม รวม 49,884.3 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 22.74 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 46,317.4 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 23,455.6 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 22,861.8 ล้านบาท  2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 59,284 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 758.3 ล้านบาท  3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.26 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 2,644.8 ล้านบาท และ 4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 826,684 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 163.8 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้จากการประเมินพบว่าประชาชนทั่วประเทศ ยังมีการใช้จ่ายผ่านโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงรายละเอียดของบางโครงการ เช่น โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โดยขยายระยะเวลาการซื้อสินค้าหรือบริการที่จะได้รับ e-Voucher ถึงวันที่ 31 พฤศจิกายน 2564 เพิ่มวงเงินการใช้จ่ายสูงสุดที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อคนต่อวัน และปรับลดจำนวนกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็น 1.4 ล้านสิทธิ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และขณะนี้กระทรวงการคลังได้กำชับให้ธนาคารกรุงไทย เร่งดำเนินการปรับปรุงระบบการใช้จ่ายเงินในโครงการ “คนละครึ่ง” ให้สามารถเชื่อมกับระบบของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายเงินได้อย่างถูกต้องและเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ โดยคาดว่าจะดำเนินการเชื่อมระบบเสร็จสิ้นและพร้อมใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2564 นี้ เพื่อรองรับการใช้จ่ายหลังกระทรวงการคลังโอนเงิน “คนละครึ่ง” รอบ 2 อีก 1,500 บาทเข้าแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายได้ถึงสิ้นปี 2564 ส่วนยอดการลงทะเบียนล่าสุดของวันที่ 30 ก.ค. 2564 โครงการคนละครึ่งมีการลงทะเบียนแล้ว 29.9 ล้านคน เหลืออีก 1.1 ล้านคน จะครบ 31 ล้านคน และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่ปรับลดเหลือ 1.4 ล้านสิทธิ ขณะนี้เหลืออีก 937,338 สิทธิ โดยประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนควบคู่ไปกับการดำเนินการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กบี้” ส่ง “สธน.ทบ.” แจ้งความดำเนินดคี เพจเฟกนิวส์ กุข่าวปฎิวัติ ระบุ เป็นการสร้างเรื่องหวังให้เกิด ความวุ่นวาย ทำปชช.ตื่นตระหนก 

รายงานข่าวว่า จากกรณี ที่ได้มีการปล่อยข่าวเผยแพร่ลงในโซเซียลมีเดีย อ้างว่าผู้บัญชาการทหารบก ได้ทําการรัฐประหาร และนํากําลังทหารเข้าควบคุมบุคคลสําคัญแล้วซึ่งข่าวดังกล่าว “เป็นข่าวเท็จ” เป็นการสร้างเรื่องหวังให้เกิด ความวุ่นวายในสังคม เป็นการกระทําท่ีผิดกฎหมาย ทําลายชื่อเสียงของกองทัพและรัฐบาล ทางพล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตตแก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อํานวยการสํานักงานพระธรรมนูญทหารบก (ผอ.สธน.ทบ.) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จ

โดยพล.ต.บุรินทร์ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ /กล่าวโทษ์ กับทางพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) 
ว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ก.ค. 64 กองทัพบก ได้ตรวจสอบ พบว่า
มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กระบุชื่อ "Nathapong Akkara" ได้กระทำการนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์ สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2 ) และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง กับทางเจ้าของเพจเฟซบุ๊กระบุชื่อ "Nathapong Akkara" และหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด อาทิ การแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ต่อไป

‘สู้เต็มที่แล้ว’ฉัตรชัยเดชา บุตรดี พ่ายนักชกคิวบาสุดสูสี 2:3 ยุติเส้นทางลุ้นเหรียญโอลิมปิกครั้งสุดท้าย

ลุ้นกันชนิดวินาทีสุดท้าย! สำหรับการแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นกีฬาโอลิมปิก โดยเป็นการแข่งขันในรุ่นเฟเธอร์เวต 57 กก. ชาย เจ้าสด-ฉัตรชัยเดชา บุตรดี ลงดวลหมัดกับ ลาซาโร อัลวาเรซ เจ้าของเหรียญทองแดงในโอลิมปิเกมส์หนก่อน

ผลปรากฎว่า เจ้าสดพ่ายแพ้คะแนนไปแบบเฉียดฉิว โดยกรรมการทั้ง 5 คน ให้อัลวาเรซชนะไป 3 และให้เจ้าสดชนะไป 2 แต่ตลอดทั้ง 3 ยก ถือว่าทั้งคู่ทำผลงานได้สูสีกันมาก

ในยกแรกอัลวาเรซทำได้ดี และทำคะแนนออกนำไปก่อน จนเข้าสู่ยกที่สอง เจ้าสดเริ่มกลับมาออกหมัดได้อย่างจะแจ้งมากขึ้น แต่จบยกผลคะแนนยังตามอัลวาเรซอยู่นิดๆ

กระทั่งยกที่สามสุดท้าย เจ้าสดทำผลงานได้ดีอย่างชัดเจน จนเมื่อครบยก กรรมการบนเวทีผายมือให้กับ ลาซาโร อัลวาเรซ เป็นผู้ชนะ ด้วยคะแนน 3:2 ทำให้เจ้าสดต้องตกรอบ 8 คนสุดท้าย พลาดการคว้าเหรียญทองแดงไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมในหัวจิตหัวใจของนักชกไทยรายนี้ แม้ผลที่ออกมาจะพ่ายแพ้ แต่ก็เอาชนะใจคนไทยทั้งประเทศ ขอปรบมือดัง ๆ ในความเป็นนักสู้ ทำดีที่สุดแล้ว

‘บิ๊กแจ๊ส’ เผย ชาวปทุมธานีได้ฉีดซิโนฟาร์มต่อเนื่อง เชื่อมั่นโควิด-19 ปทุมควบคุมได้ !

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 เวลา 10:00 น. ที่โซนอะไลท์พาร์คฮอลล์ ชั้น G ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงาน อบจ.ปทุมธานีได้ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนซีโนฟาร์ม ให้ชาวจังหวัดปทุมธานี หลังจากที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนมาจากสถาบันราชวิยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 55,000 โดส จากยอดจอง 500,000 โดส คาดว่าล็อตต่อไปจะได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมอีก 60,000 โดส

เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดปทุมธานี มีจำนวนการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจำนวนผู้เสียชีวิตมากสุดวันละ 17 ราย จากสถิติการติดเชื้อในจังหวัดปทุมธานีมีผู้ติดเชื้อสะสมถึง 19,221 ราย เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 186 ราย จากสถานการณ์ดังกล่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้เล็งเห็นว่าการฉีดวัคซีนคือความหวังสุดท้าย หากทุกคนได้รับวัคซีนก็จะสามารถลดการแพร่ระบาดและลดความสูญเสียได้ เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิดขึ้นทุกวันไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นชีวิตและคนสำคัญในครอบครัวชาวจังหวัดปทุมธานี

ในส่วนของการจองฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มและตรวจคดกรองด้วยแรปบิทแอนติเจนเทส สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี” ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้ทาง อบจ.ปทุมธานีได้รับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จำนวน 55,000 โดส จากที่เราได้จองไป 500,000 โดส โดยเริ่มฉีดให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานีวันละ 4,600 คน ฉีดไปจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2564 เราจะได้รับการจัดสรรวัคซีนซีโนฟาร์มมาอีก 60,000 โดส เมื่อเราได้รับมาแบบนี้แล้วคาดว่าจะทำให้ อบจ.ปทุมธานีจะสามารถฉีดวัคซีนได้ติดต่อกันทุกวัน หวังว่าพี่น้องชาวปทุมธานีจะรอดปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 เนื่องจากวัคซีนถือว่าเป็นความหวังตัวสุดท้ายแล้ว

ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยแรปบิทแอนติเจนเทสก็ยังมีอยู่ เมื่อพบว่าเป็นผลบวกให้กลับไปกักตัวที่บ้าน จากนั้นเราได้นำยาที่เรามีอยู่มอบให้ไปทานที่บ้าน พบว่ามีหลายรายที่ตรวจแล้วได้ผลบวกจากนั้นรับยาไปทานที่บ้าน ผ่านไป 5 วันกลับมาตรวจซ้ำพบว่าได้ผลลบแล้ว ขณะนี้การระบาดภายในจังหวัดปทุมธานี น้อยลงเป็นสิ่งที่เราพอใจ และเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ อบจ.ปทุมธานีจริงจังในการป้องกันมีทั้งตรวจคัดกรอง อย่างต่อเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อของจังหวัดปทุมธานีที่เคยขึ้นไปถึงอับดับ 2 ของประเทศ และวันนี้เราอยู่ในอันดับที่ 9 ของประเทศ เพราะจากการที่ได้ลงพื้นที่เข้าไปตรวจคัดกรองให้กลุ่มเสี่ยง และ ทำงานรวมกับ ท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล เจ้าหน้าที่ อสม. ในการทำงาน ทั้งกักตัวของผู้ติดเชื้อ รวมถึงการจัดตั้ง รพ.สนามและศูนย์พักคอย ผมคิดว่าจังหวัดปทุมธานีจะคุมได้ ฝากพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานี เมื่อฉีดวัคซีนไปแล้วให้สังเกตอาการตัวเอง หากเกิดอาการข้างเคียงให้พบแพทย์ที่ รพ.แพทย์รังสิตได้เลย นอกจากนี้เมื่อฉีดวัคซีนไปแล้วก็ยังต้องป้องกันตัวเองเหมือนเดิมให้ดีทีสุด อย่าการ์ดตก อยู่บ้านพยายามป้องกันตัวเอง


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

สภากาชาดไทย ขอเชิญร่วมบริจาคสนับสนุนการจัดหาวัคซีน COVID-19 เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน

สภากาชาดไทย องค์กรสาธารณกุศลสงเคราะห์มีภารกิจ 4 ด้านในการช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ 
1.การบริการทางการแพทย์ โดยมีโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี สถานีกาชาด 13 แห่ง 
2. การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติคุกคามสุขอนามัยของประชาชน
3. การบริการโลหิต 
4. การส่งเสริมคุณภาพชีวิต ให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ทั้งเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ไร้ที่พึ่ง

ทั้งนี้ สภากาชาดไทย อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาวัคซีนกับบริษัทผู้ผลิตโดยตรง เพื่อสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนมากขึ้น 
จึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนหน่วยงานหรือผู้มีความพร้อมตามกำลังร่วมสนับสนุน “กองทุนกาชาดเพื่อจัดหาวัคซีนและยาโควิด-19 สำหรับประชาชน” 


???? บริจาคเงินผ่าน QR code E-donation รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีโดยไม่ต้องขอรับใบเสร็จ โดยท่านสามารถเช็คประวัติการบริจาคผ่านระบบ E-donation ของกรมสรรพากร ได้ที่ https://bit.ly/redcross-edonation (หลังการบริจาค 3-5 วันทำการ)


???? หรือบริจาคเงินผ่านบัญชี
ธนาคารกสิกรไทย สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย กองทุนกาชาดเพื่อจัดหาวัคซีนและยาโควิด-19 สำหรับประชาชน" 
ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่ 623-1-00096-6

???????????????? กรณีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุณาแจ้งความประสงค์รับใบเสร็จดังนี้
✔️ ชื่อ-นามสกุล
✔️ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
✔️ ที่อยู่จัดส่งใบเสร็จ และเบอร์โทรศัพท์
✔️ แนบหลักฐานการโอนเงิน
✔️ ระบุ "กองทุนกาชาดเพื่อจัดหาวัคซีนและยาโควิด-19"
???? ส่งมาที่ อีเมล [email protected]


.
#DonationHubรับเพื่อให้ #TRConlineDonation

ส.ส.ประชาธิปัตย์ เสนอจ่ายเยียวยา ‘ฟรุ้ทบอร์ด’ พิจารณาเสนอ ‘จุรินทร์-เฉลิมชัย’ เคาะเข้าครม. คิกออฟโครงการใหม่ “เกษตรแฮปปี้” ช่วยชาวสวนฝ่าวิกฤติโควิด-19 ‘อลงกรณ์’ เผยราคามังคุดดีขึ้นหลังฟื้นระบบไปรษณีย์ และล้งเพิ่มขึ้น 146 แห่ง ทำให้ตลาดคึกคัก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (30 ก.ค.) ว่า ตามที่ ส.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ในนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เสนอให้รัฐบาลเยียวยาชาวสวนมังคุดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาตกต่ำในฤดูกาลผลิตปี 2564 ระหว่างการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช

โดยมีนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานและมีนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และตนร่วมประชุมพร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐภาคเอกชนและภาคเกษตรกรเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

โดยตนได้ชี้แจงว่าคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) ยินดีรับข้อเสนอไปพิจารณาโดยระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการของฟรุ้ทบอร์ด(กรมส่งเสริมการเกษตร) ศึกษาและรวบรวมข้อมูลตลอดจนมาตรการเยียวยาโดยให้ยึดแนวทางการเยียวยาชาวสวนลำไยฤดูกาลผลิตปี 2563 จากนั้นให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ.ในครั้งต่อไปโดยเร็วหากจากนั้นจะเสนอต่อดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

นอกจากนี้นายอลงกรณ์ยังกล่าวต่อไปว่า จากการที่ตนลงพื้นที่เพื่อติดตามเร่งรัดการแก้ไขปัญหามังคุดและผลไม้ภาคใต้ 3จังหวัด (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช) ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้ 7 มาตรการเพิ่มเติมล่าสุดของฟรุ้ทบอร์ดระหว่างวันที่ 28-29 กรกฎาคมร่วมกับนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยเฉพาะมังคุดมีราคาตกต่ำพบว่าระบบการขนส่งผลไม้แบบบริการส่งถึงที่รวมทั้งระบบการค้าออนไลน์เกือบเป็นอัมพาตโดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้ามังคุดใหญ่ที่สุดของภาคใต้เพราะผู้ให้บริการรายใหญ่เช่นบริษัทไปรษณีย์ไทย บริษัทเคอร์รี เป็นต้นได้หยุดให้บริการโดยสิ้นเชิง

ตนจึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยัง ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และนายพงษ์ทร วิเศษสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทยในวันที่28กรกฎาคมและภายใน 24 ชั่วโมง บริษัทไปรษณีย์ไทยได้เปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษเร่งด่วนอีกครั้งพร้อมกัน 105 สาขาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม เป็นต้นไปทำให้ระบบการขนส่ง ระบบไปรษณีย์และการค้าออนไลน์กลับมาเปิดบริการอีกครั้งหนึ่งและวันนี้ได้ประสานกับบริษัทไปรษณีย์ไทยให้พร้อมนำส่งผู้รับปลายทางที่อยู่ในพื้นที่สีแดงทุกพื้นที่ซึ่งได้รับการยืนยันว่าจะเร่งกำชับไปรษณีย์ทุกสาขาให้ดำเนินการตามข้อเสนอและการจัดส่งอาจช้าไป 1 วัน เพราะต้องใช้สาขาปลายทางที่อยู่นอกพื้นที่สีแดงผลัดเวรกันส่งเนื่องจากก่อนหน้านี้พนักงานของสาขาในพื้นที่สีแดงติดโควิด โดยไปรษณีย์ไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อข่วยชาวสวนซึ่งตนได้ขอบคุณบริษัทไปรษณีย์ไทยและนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอลฯ.ที่ให้ความร่วมมือกับฟรุ้ทบอร์ดด้วยดีตลอดมาเพราะ ระบบขนส่งเป็นกลไกสำคัญในการค้าขายและระบายผลไม้ออกจากแหล่งผลิตทั้งการค้าแบบออฟไลน์และออนไลน์

นอกจากนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทเคอรรี่ตกลงที่จะเปิดบริการอีกครั้งเช่นกันทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ติดตามประสานงานกับรัฐมนตรีเกษตรฯ.อย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยต่อเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ฟรุ้ทบอร์ดได้คิกออฟโครงการ ”เกษตรกรแฮปปี้” โดยรณรงค์ภายใต้กลยุทธ์เพิ่มการขายภายในประเทศทดแทนการส่งออกซึ่งเป็น 1 ใน 7 มาตรการใหม่ของฟรุ้ทบอร์ดตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา และขอความร่วมมือพี่น้องชาวไทยทุกคน รวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย ช่วยกันสร้างรอยยิ้มให้กับเกษตรกรด้วยการซื้อผลไม้ไทย

“ช่วงนี้ต้องเร่งช่วยระบายมังคุดคละที่สดอร่อยพร้อมจำหน่ายสู่ผู้บริโภคภายในประเทศทั้งรูปแบบการขายออนไลน์และออฟไลน์ซึ่งมีปริมาณมากและราคายังไม่น่าพอใจแม้แนวโน้มราคาเริ่มปรับตัวดีขึ้นจึงได้ออกแคมเปญ”เกษตรกรแฮปปี้โดยทันทีวันนี้”

ส่วนการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าผลไม้(ล้ง) ทั้งค้าภายในและส่งออกให้ลงมาซื้อมังคุดด้วยมาตรการที่ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องทำให้สถานการณ์เริ่มกระเตื้องขึ้น โดยล่าสุดนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชรายงานว่า มีล้งเข้ามาซื้อขายมังคุดและผลไม้เพิ่มขึ้นจาก 40 กว่าล้ง เป็น146 ล้ง นอกจากนี้สมาคมผู้ส่งออกทุเรียนมังคุดแจ้งว่าสามารถจองตู้คอนเทนเนอร์ที่จะส่งออกผลไม้ทางเรือได้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งจะทำให้ลดการขนส่งทางรถไปประเทศจีนที่แออัดติดขัดที่ด่านโหยวอี้กวนและด่านโมฮ่าน มีผลทำให้ตู้คอนเทนเนอร์หมุนกลับมาภาคใต้ไม่ทัน เชื่อว่าตู้คอนเทนเนอร์จะทยอยกลับมาขนมังคุดได้มากขึ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้าจะทำให้การซื้อขายเพิ่มขึ้นและส่งผลต่อราคาที่จะขยับตัวสูงขึ้น

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวในที่ประชุมว่าจากการรับฟังปัญหาอุปสรรคและการนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ ส่วนใหญ่ปัญหาหลัก ๆ ที่พบ มาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมาตรการป้องกันและควบคุมเชื้อโรคของประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกมังคุดและผลไม้อื่น ๆ ของไทย ที่เกิดจากปัญหาการขนส่งล่าช้า การขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์และตะกร้าใส่ผลไม้ รวมทั้งปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าพื้นที่ที่ทำได้ยาก การขาดแคลนแรงงาน และตะกร้ามีไม่พอเช่นกัน ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับนโยบายและระดับพื้นที่ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้เร็วขึ้นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มีแนวทางมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยกระจายมังคุดในประเทศช่วงที่การส่งออกมีปัญหาดังนี้

1. เชื่อมโยงและกระจายมังคุดออกนอกแหล่งผลิตโดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการแก่ศูนย์กระจายในจังหวัดแหล่งผลิตกิโลกรัมละ 3 บาท ซึ่งกรมการค้าภายในโอนเงินให้จังหวัดดำเนินการจำนวน 50,850,000 บาท ตามที่ฟรุ้มบอร์ดอนุมัติเพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน ออกนอกแหล่งผลิตอย่างเร่งด่วน

2. สนับสนุนค่าขนส่งสำหรับผลไม้ที่ส่งผ่านไปรษณีย์กรมการค้าภายในร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยสนับสนุนกล่องไปรษณีย์และสติกเกอร์ส่งฟรีผลไม้ทั่วประเทศส่งเสริมการขายผ่านออนไลน์แก่เกษตรกรรายย่อยจำนวน 20,000 กล่องกล่องละ 10 กิโลกรัม เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2000 ตัน โดยได้จัดส่งกล่องพร้อมสติกเกอร์ให้จังหวัดต่าง ๆ แล้ว

3. เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในให้ช่วยเร่งระบายมังคุดเกรดรองหรือตกเกรดออกจากแหล่งผลิตโดยเร่งด่วนกรณีเกิดปัญหาระบายมังคุดไม่ทันในบางพื้นที่

ภายหลังการประชุมที่ศาลากลางจังหวัด รมช.สินิตย์ เลิศไกร นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร ส.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและนายวิเชียร สุขพันธุ์ รอง ผอ.blue house  พรรคประชาธิปัตย์และชาวสวนมังคุดได้ร่วมกันเปิดบริการส่งมังคุด ณ สำนักงานไปรษณีย์ไทยสาขาพรหมคีรีก่อนเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์รับซื้อมังคุดชนิดคละ กิโลกรัมละ 20 บาทที่อำเภอพรหมคีรีซึ่งเป็นโมเดลใหม่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการล้ง เกษตรกรในพื้นที่และศูนย์บลูเฮ้าส์ พรรคประชาธิปัตย์ในการนำล้งมาซื้อตรงจากเกษตรกรด้วยราคานำตลาด โดยจะให้ขยายโมเดลนี้ในจังหวัดอื่น ๆ ด้วย จากนั้นคณะได้ไปเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนมังคุดแปลงใหญ่ และศูนย์กระจายสินค้าบริษัทไปรษณีย์ไทยอำเภอลานสกา

สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชมีพื้นที่ปลูกมังคุดทั้งหมด 96,159 ไร่ กระจายอยู่ใน 21 อำเภอ มีพื้นที่ที่ให้ผลผลิตแล้ว 90,016 ไร่ ปี 2564 นี้ คาดว่าจะให้ผลผลิตประมาณ 57,245 ตัน ก่อนหน้านี้ในวันที่ 28 ก.ค.นายนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์และนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดชุมพร โดยมีนายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา สมาชิกวุฒิสภา นายสราวุธ อ่อนละมัย และนายสุพล จุลใส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร นายวีรวัฒน์ จีรวงศ์ นายกสมาคมชาวสวนผลไม้จังหวัดชุมพร นายสมพงษ์ จินาบุญ ประธานเครือข่ายมังคุดคุณภาพจังหวัดชุมพร นายภานุวัชร์ ไหมแก้ว นายกสมาคมผู้ส่งออกมังคุด ทุเรียน จันทบุรี-ชุมพร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชนและผู้ประกอบการ ให้การต้อนรับ พร้อมร่วมลงพื้นที่ตลาดกระจายสินค้าเกษตร ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในพื้นที่ และประชุมหารือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหา และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมังคุด ตลอดจนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อนำผลผลิตออกสู่ตลาด

ทั้งนี้จังหวัดชุมพร มีปริมาณผลผลิตรวม 51,587 ตัน ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 จะปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 26,985 ตัน จนถึง ปลายเดือนสิงหาคม 2564 ปริมาณ 16,141 ตัน และราคาผลผลิตมังคุด ตลาดทั่วไปกิโลกรัมละ 8 – 10 บาท ราคา หน้าล้ง 33 บาท (รับซื้อเฉพาะลูกค้าประจำ) ตลาดประมูลจากกลุ่มผลิตมังคุดคุณภาพในพื้นที่จังหวัดชุมพร จำนวน 26 กลุ่ม เปิดประมูลผลผลิตมังคุด เพียง 11 กลุ่ม ในพื้นที่ อำเภอหลังสวน พะโต๊ะ ละแม ราคาผลผลิตมังคุดตลาดประมูล 12 - 33 บาท (เฉลี่ยทุกเบอร์ ราคา 16.77 บาท) ปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะมีปัญหา 30,735 ตัน

จากนั้นทางคณะได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลไม้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางสาววชิราภรณ์ กาญจนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานีส่วนราชการ นายสุพจน์ เพชรศรี ผู้อำนวยการศูนย์ชั่งตวงวัดภาคใต้ นางกัลยารัตน์ เทพเลื่อน ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี นายสุขสันต์ ภู่วัฒนา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร นางพูลสิน เพชรสวัสดิ์ ผู้แทนเกษตรกรแปลงใหญ่มังคุด และนายสุวิทย์ คงปาน ผู้ประธานเกษตรกรแปลงใหญ่เงาะ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการรวบรวมผลไม้ (ล้ง) และเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในพื้นที่ ให้การต้อนรับและร่วมหารือในการแก้ไขปัญหาการกระจายผลไม้ ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายผลผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งเงาะ ที่กำลังออกสู่ตลาดในขณะนี้ พร้อมทั้งลงพื้นที่ตลาดสหกรณ์การเกษตร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุเรียนมีปริมาณผลผลิต 46,957 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 50 ราคากิโลกรัมละ 110 บาท มังคุดมีปริมาณผลผลิต 7,294 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 50 ราคากิโลกรัมละ 23 บาท เงาะมีปริมาณผลผลิต 38,936 ตัน เก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 32 ราคากิโลกรัมละ 25 บาท ลองกองมีปริมาณผลผลิต 4,842 ตัน เริ่มเก็บเกี่ยวไปเพียงร้อยละ 0.66 ราคากิโลกรัมละ 50 บาท

เมย์-รัชนก อินทนนท์ แบดมินตันหญิงมือ 1 ของไทย ปิดฉากเส้นทางในโอลิมปิกเกมส์ 2020 โดยแพ้ให้กับ ไต้ จื่อ อิง นักแบดมินตันจากไต้หวันไป 1-2 เซต

#เชียร์โอลิมปิกกับTHESTATESTIMES

เมย์-รัชนก อินทนนท์ แบดมินตันหญิงมือ 1 ของไทย ปิดฉากเส้นทางในโอลิมปิกเกมส์ 2020 โดยแพ้ให้กับ ไต้ จื่อ อิง นักแบดมินตันจากไต้หวันไป 1-2 เซต

โดยเมย์เป็นฝ่ายเริ่มต้นได้ดีกว่า ออกนำไปก่อน 1-0 เซต ปิดเกมแรกไปด้วยสกอร์ 21-14 จนเข้าสู่ช่วงต้นเกมสอง นักแบดมินตันไทยก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดีกว่า เป็นฝ่ายทำแต้มนำมาโดยตลอด แต่แล้วในช่วงท้ายเกมสอง เจ้าตัวมาพลาด ถูก ไต้ จื่อ อิง ทำแต้มชุดใหญ่ จนสามารถแซงขึ้นนำ และชนะไปด้วยสกอร์ 21-18

เข้าสู่เซตที่สามเกมตัดสิน เกมเป็นไปด้วยความคู่คี่สูสี ผลัดกันทำแต้มขึ้นนำกันแบบไม่มีใครยอมใคร แต่นักแบดมินตันไทยมาพลาดในช่วงโค้งท้าย ๆ ของเกม ถูกไต้ จื่อ อิง ทำแต้มหนีห่าง สุดท้ายเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์เดิม 18-21

จึงทำให้เมย์-รัชนก แพ้ไป 1-2 เซต ต้องจบเส้นทางการแข่งขันแบดมินตันโอลิมปิกเกมส์แค่รอบ 8 คนสุดท้าย ถือเป็นความพลาดหวังในโอลิมปิกเป็นหนที่ 3 แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมในความพยายาม และความตั้งใจ สู้ได้สมศักดิ์ศรีที่สุดแล้ว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9
 

‘กลุ่มทะลุฟ้า’ บุก ปชป. จี้ถอนตัว ทั้งปาสีใส่ป้ายพรรค เผาหุ้น ‘ประยุทธ์’ ด้าน ‘ปูน ทะลุฟ้า’ อัดพรรคแมลงสาปไม่เคยยืนข้างปชช. เลือกตั้งครั้งหน้ารับรองตายยกรัง ได้พักยาวแน่ ด้านโฆษกปชป.  เดือด หลังพบพรรคถูกพังเละ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. เวลา 13.10 น. ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มทะลุฟ้า เดินทางมา ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสน.บางซื่อ มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย โดยไม่มีเจ้าหน้าที่พรรคมารับหนังสือ เนื่องจากเป็นช่วงเวิร์กฟอร์มโฮม

ทั้งนี้เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีชายไม่ทราบฝ่าย ประมาณ 2 ราย เข้ามากล่าววาจายุยง ก่อนวิ่งหนี โดยสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการล้อมไว้ โดยแกนนำทะลุฟ้า ขอให้ประชาชนใจเย็น เราจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ก่อนกลุ่มทะลุฟ้า มุ่งหน้าไปที่ป้ายพรรค

โดยนายนวพล ต้นงาม หรือ ‘ไดโน่ ทะลุฟ้า’ กล่าวบนรถเครื่องเสียงที่นำมาจอดบริเวณทางเข้าพรรค ว่า ป้ายข้างหน้า คือป้ายพรรคประชาธิปัตย์ เรามาปาป้ายพรรค แต่ป้ายข้างบนที่อยู่เหนือขึ้นไป อย่าไปทำ เราจะปาแต่ป้ายประชาธิปัตย์เท่านั้น เราจะราดเลือด ที่คุณไม่เคยเห็นหัว เลือดประชาชนที่ตายทุกวัน นี่อาจจะเป็นเลือดของพ่อแม่คุณ ที่ฉีดซิโนแวคแล้วตาย ประชาชนตายทุกวัน ยังนิ่งเฉย เพราะพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลไม่เคยเห็นหัวประชาชนที่ตายทุกวันจากโรคโควิด ถ้าคุณดี เราคงไม่ทำแบบนี้ นี่คือการแสดงสัญลักษณ์ว่าเราไม่เอาแล้ว นี่คือความไม่พอใจของประชาชน คุณต้องมีวิธีการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ mRNA  และขอฝากถึง พรรคประชาธิปัตย์ ถ้ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เจอกูทะลุฟ้า วันนี้เราต้องการให้หัวหน้าพรรคมารับหนังสือกับเรา เขาก็ไม่มา

จากนั้น กลุ่มทะลุฟ้า ได้พากันปาสีแดง ที่ใช้เป็นสัญญาลักษณ์แทนเลือด ใส่ป้ายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และป้ายผ้ารูปนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค พร้อมทั้งปาสีใส่อาคารมูลนิธิควง อภัยวงศ์ และติดกระดาษเอสี่ คำว่า ‘ค_ย’ พร้อมทั้งเผาหุ้น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ติดสติ๊กเกอร์ คำว่า ‘พลังประชารัฐปัตย์’ ซึ่งมีโลโก้พรรคพลังประชารัฐและพระแม่ธีณีฯ อยู่ด้วย และหนังสือที่จะยื่นให้กับพรรคประชาธิปัตย์

นอกจากนั้นนายธนพัฒน์ กางเป็ง หรือ ‘ปูน ทะลุฟ้า’ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลย ที่พรรคอยู่เคียงข้างประชาชน คนจึงเรียกว่าพรรคแมลงสาป เพราะทุกครั้งบอกไม่อยู่ข้างเผด็จการ แต่หลังเลือกตั้ง ก็เห็นว่ารับใช้เผด็จการมาโดยตลอด 

'รับบทขจัดทักษิณมาตลอด 20 ปี เขาอ่านเกมออกกันแล้ว เตรียมตัวนะ ในเมื่อรับบทรับใช้เผด็จการ ประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์จะต้องหักแน่นอน ไม่มีใครเลือกคุณ พรรคแมลงสาปอย่าคิดว่าจะอยู่รอด ประชาชนนี่แหละ จะทำให้คุณตายยกรัง รับรองเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์จะพักยาว’ นายธนพัฒน์  กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังจากกลุ่มทะลุฟ้าได้เดินทางกลับไปแล้ว นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรค ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายที่ทำการพรรค โดยได้กล่าวว่า การแสดงออกของผู้ชุมนุมมกลุ่ม "ทะลุฟ้า" ที่ได้เดินทางมายังพรรคประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าไม่ใช่การเดินทางมาชุมนุมโดยสงบ การเดินทางมาครั้งนี้ได้มีการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก การปาสีใส่ทรัพย์สินของพรรคไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าพรรค ฝาผนัง กระจก ทุกอย่างเกิดความเสียหาย

นี่ไม่ใช่การแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย เป็นการกระทำที่เกินกรอบของกฎหมายบ้านเมือง การมาเพื่อพูดคุย ปราศรัย สามารถทำได้ พรรคพร้อมรับฟังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่มากระทำการทำลายทรัพย์สินของพรรคแบบนี้ อยากถามกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันว่าวันนึงถ้ามีคนมาทำลายข้าวของในบ้านคุณ คุณจะยอมหรือไม่ พรรคมีความจำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี อันเนื่องมาจากการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหาย บ้านเมืองมีกฎหมาย เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความศักดิ์สิทธิต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

Our World in Data ระบุว่า มาเลเซียได้กลายเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอันดับ 8 ของโลก และสูงที่สุดในเอเชีย

ข้อมูลล่าสุดจาก Our World in Data ระบุว่า มาเลเซียได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดในโลก โดยเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในมาเลเซียอยู่ที่ 483.72 คนต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (28 ก.ค.) ซึ่งสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และสูงที่สุดในเอเชีย

ขณะเดียวกัน เกณฑ์ค่าเฉลี่ย 7 วันของจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในมาเลเซียอยู่ที่ 4.90 คนต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27 ก.ค.) ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก และสูงสุดเป็นอันดับ 3 ในเอเชีย

ทั้งนี้ Our World in Data เป็นหน่วยงานที่ร่วมมือกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ Global Change Data Lab ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรของอังกฤษ

ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลมาเลเซียพยายามทุกวิถีทางที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ แม้รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการล็อกดาวน์และประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศก็ตาม

นายโจชัว เคอร์ลันท์ซิค นักวิเคราะห์ด้านการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสภาวิเทศสัมพันธ์มาเลเซียกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้มาเลเซียไม่สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้สถานการณ์แย่ลงนั้น มาจากความไม่แน่นอนทางการเมือง นับตั้งแต่ 'นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด' ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งเปิดทางให้ 'นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน' เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลผสมซึ่งแต่ละพรรคมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน

มูดี้ส์ อนาไลติคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจมาเลเซียในปี 2564 ลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 5.6% หลังมาตรการจำกัดการเดินทางได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ทางด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในปี 2564 สู่ระดับ 5.5% จากระดับ 6% โดยระบุว่าการที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศขยายระยะเวลาใช้มาตรการล็อกดาวน์ในไตรมาส 2/2564 นั้น คาดว่าจะส่งผลให้อุปสงค์ภายในประเทศได้รับแรงกดดันอีกครั้ง


ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/111433


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ. เดินหน้านำทรัพยากรช่วยประชาชน จัดเที่ยวบินที่ 3 เครื่องบิน C-295 สานต่อภารกิจบินส่งผู้ป่วยโควิดกลับบ้าน จ.น่าน และส่งโดยรถยนต์อีก 136 คนไป จ.พิษณุโลก ตาก พิจิตร

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกสานต่อภารกิจใช้อากาศยานนำส่งผู้ป่วยโควิด (กลุ่มสีเขียว) กลับภูมิลำเนาด้วยเครื่องบินลำเลียงแบบ C-295 อีก 1 เที่ยวบิน ในเส้นทาง กทม. - จังหวัดน่าน โดยนำผู้ป่วยจำนวน 24 คน เดินทางจาก ฝูงบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก เขตดอนเมือง เวลา 10.00 น. ไปยังปลายทางคือท่าอากาศยานน่านนคร จ.น่าน ภายใต้มาตรฐานเวชศาสตร์การบิน และมาตรการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 โดยมณฑลทหารบกที่ 38 ซึ่งเป็นส่วนรับผู้ป่วยปลายทาง ได้จัดรถบัสพร้อมรถพยาบาลและทีมแพทย์จาก รพ.ค่ายสุริยพงษ์ นำผู้ป่วยส่งต่อเข้าสู่ระบบการรักษา โดยได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน และ รพ.น่าน เพื่อบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยต่อไป

การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศกลับภูมิลำเนาในวันนี้ นับเป็นการใช้เครื่องบินของกองทัพบกในการส่งผู้ป่วย เป็นเที่ยวบินที่ 3 แล้วหลังจากที่กองทัพบกได้นำเครื่องบินลำเลียงแบบ C-295  พร้อมทีมแพทย์เวชศาสตร์การบิน ทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย COVID-19 ที่ไม่มีอาการ(สีเขียว) จำนวน 40 คน 2 เที่ยวบิน จาก กทม.ปลายทางสนามบินนครพนม ซึ่งภารกิจดังกล่าวเป็นไปด้วยความราบรื่น ผู้ป่วยทุกรายถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ไม่มีอาการผิดปกติอีกทั้งผู้ป่วยได้แสดงความขอบคุณกองทัพบกและเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกการเดินทางจนได้กลับถึงบ้านอย่างเรียบร้อย

นอกจากนี้ ในวันนี้กองทัพบกยังได้จัดรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่ เดินทางไปส่งผู้ป่วยโควิด(สีเขียว)กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคเหนืออีก 3 จังหวัด อีก 136 คน ภายใต้การอำนวยการประสานการปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 3 และกรมการขนส่งทหารบก คือ จังหวัดพิษณุโลก 96 คน ,จังหวัดพิจิตร 33 คน และจังหวัดตาก 7 คน

สำหรับภารกิจการนำส่งผู้ป่วยติดเชื้อสีเขียวกลับภูมิลำเนา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และกองทัพบกได้ใช้ศักยภาพของยุทโธปกรณ์ที่มีประจำการ อาทิ เครื่องบินลำเลียงแบบ C-295 รถยนตร์โดยสารขนาดใหญ่รถยนต์ปิ๊กอัพ รถพยาบาล เข้าสนับสนุนการดูแลประชาชนในภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกำลังพิจารณานำอากาศยานประเภทอื่นที่มีความเหมาะสมมาเสริมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาให้มากขึ้น เป็นการย้ำถึงเจตนารมณ์ของ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบกในการนำทรัพยากรที่มีอยู่และยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อยืนหยัดดูแลช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และในทุกสถานการณ์

สำหรับผู้ป่วยที่มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือในการเดินทางกลับภูมิลำเนา สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด-19 กองทัพบก โทร 02-2705685-9 ตลอด 24 ชม.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top