Monday, 30 June 2025
NEWS FEED

ญี่ปุ่นประกาศระงับใช้วัคซีนโมเดอร์นา 1.63 ล้านโดส หลังตรวจพบการปนเปื้อน

ญี่ปุ่นจะระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา 1.63 ล้านโดส หลังมีรายงานพบการปนเปื้อนหลายล็อต จากการเปิดเผยของบริษัทผู้ผลิตยา "ทาเกดะ" และกระทรวงสาธารณสุขในวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.)

ทาเกดะ ซึ่งรับผิดชอบจำหน่ายและจ่ายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์วัคซีนหลายแห่ง พบสารแปลกปลอมภายในขวดวัคซีนที่ยังไม่เปิดในหลายล็อตโดยเฉพาะ

"หลังปรึกษากับกระทรวงสาธารณสุข เราตัดสินใจระงับใช้วัคซีนจากล็อตดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม" ถ้อยแถลงของทาเกดะ ระบุ พร้อมเผยว่า ทางบริษัทได้แจ้งเรื่องไปยังโมเดอร์นาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และร้องขอให้มีการสืบสวนอย่างเร่งด่วน

โมเดอร์นายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ทาเกดะ ไม่ได้ให้รายละเอียดของการปนเปื้อน แต่ยืนยันว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานความกังวลทางสุขภาพใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากวัคซีนโดสที่ได้รับผลกระทบ

กระทรวงการสาธารณสุขของญี่ปุ่นระบุว่ากำลังประสานงานกับทาเกดะ ในการหาวัคซีนโดสอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายกับโครงการฉีดวัคซีนของประเทศ ซึ่งระยะหลังมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว หลังเริ่มต้นอย่างล่าช้า

เวลานี้มีประชากรญี่ปุ่นฉีดวัคซีนครบแล้วราว ๆ 43% แต่ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกรุนแรงที่มีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งแพร่เชื้อได้ง่ายมาก

ญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วเกือบ 1.34 ล้านคน ในนั้นเสียชีวิต 15,693 ราย และพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส


ที่มา : https://www.reuters.com/world/asia-pacific/japan-withdraws-some-moderna-vaccine-doses-no-reported-safety-incidents-2021-08-25
https://mgronline.com/around/detail/9640000084126


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วิกฤติเลือดหมดคลังทั่วประเทศ! ทุกโรงพยาบาลขาดเลือดผ่าตัด วอนบริจาคโลหิต ช่วยชีวิตผู้ป่วย

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยขอให้คนไทยสุขภาพดีช่วยกันบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 วิกฤติการขาดแคลนโลหิตครั้งใหญ่ โลหิตไม่เพียงพอ ผู้ป่วยที่ต้องเลื่อนการผ่าตัดและการรักษาพยาบาลออกไป โดยสามารถจ่ายโลหิตให้ได้เพียง 28% เท่านั้น รศ.พญ. ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรค COVID-19 การบริจาคโลหิตทั่วประเทศลดลงอย่างมาก วิกฤติในครั้งนี้รุนแรงกว่าในรอบปีที่ผ่านมา จากกราฟเป็นข้อมูลการบริจาคโลหิตทั่วประเทศ การบริจาคลดลง ซึ่งในภาวะปกติ จะเห็นว่าต้องมีโลหิตรักษาผู้ป่วยเดือนละ 200,000 ยูนิต โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้รับโลหิตจากการบริจาคเพียง 149,384 ยูนิต มีการขาดแคลนสะสมยาวนานมากกว่า 5 เดือน จึงมีผู้ป่วยที่ต้องเลื่อนการผ่าตัดและการรักษาพยาบาลออกไปอีกเป็นจำนวนมาก  
 
ทั้งนี้ โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ กว่า 340 แห่ง มีการเบิกโลหิตเฉลี่ยวันละ 8,000 ยูนิต แต่สามารถจ่ายโลหิตให้ได้เฉลี่ย 2,300 ยูนิตต่อวัน (28%) ซึ่งสถานการณ์ขาดแคลนโลหิตนี้ จะส่งผลอันตรายแก่ชีวิตได้
1. ผู้ป่วยโรคเลือด ซึ่งจำเป็นต้องรับโลหิตครั้งละ 1-2 ยูนิต ทุก 3-4 สัปดาห์ หากไม่ได้รับโลหิตผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลีย มีปัญหาในการดำรงชีวิต
2. ผู้ป่วยผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็ง ที่จะต้องถูกชะลอการรักษาออกไปอย่างไม่มีกำหนด
3. ผู้ป่วยอุบัติเหตุ ที่จำเป็นต้องใช้โลหิตในการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เช่น เลือดออกในสมอง มีภาวะเลือดออกในช่องอก หรือช่องท้อง หรือผู้ป่วยกระดูกหัก ซึ่งมีเกือบทุกวัน และเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการโลหิต จำนวนมาก

ต้องยอมรับว่าเนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้คนมาบริจาคโลหิตลดน้อยลงอย่างชัดเจน แต่ว่าการใช้โลหิตในการรักษาพยาบาลยังคงมีอย่างต่อเนื่องทุกวัน จนเกิดภาวะขาดแคลนเลือดทั่วประเทศ ถึงเวลาแล้วที่จะคนไทยต้องช่วยกัน วอนผู้ที่มีสุขภาพดี หรือผู้ที่ครบกำหนดบริจาคโลหิต 3 เดือนแล้ว บริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยผู้ป่วยทั่วประเทศ สามารถบริจาคได้ ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ ที่เปิดรับบริจาคโลหิต ใกล้ที่ไหน บริจาคที่นั่นในพื้นที่ของตนเอง เพื่อความสะดวกปลอดภัยของท่านผู้บริจาค

จีน เผย 'ศาลออนไลน์' สามารถช่วยประหยัดการใช้กระดาษมากถึง 1.45 หมื่นล้านแผ่น

รายงานจากศาลประชาชนสูงสุดของจีน เมื่อวันอังคาร (24 ส.ค.) ประมาณการว่า การย้ายศาลสู่ระบบออนไลน์ช่วยจีนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 9.4 ล้านตัน ในปี 2020 ด้วยการลดระยะการเดินทางของผู้ฟ้องร้องคดีความและเจ้าหน้าที่ศาลกว่า 9.3 หมื่นล้านกิโลเมตร

บริการศาลออนไลน์ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการฟ้องร้องคดีความและลดการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยบริการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปี 2019 รวมถึงประหยัดกระดาษมากถึง 1.45 หมื่นล้านแผ่น ซึ่งเท่ากับต้นไม้มากกว่า 1 ล้านต้น

ส่วนจำนวนคดีความที่ฟ้องร้องต่อศาลออนไลน์ทั่วประเทศรวมอยู่ที่ 10.8 ล้านคดี คิดเป็นร้อยละ 54 ของการฟ้องร้องคดีความทั้งหมด

ทั้งนี้ การประมาณการดังกล่าวอ้างอิงความแตกต่างระหว่างบริการออนไลน์และงานประเภทเดียวกันที่ดำเนินการแบบออฟไลน์


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/224649_20210825


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย พลเอก ศิวะ ภระมรทัต ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ เป็นผู้อัญเชิญอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมี นายแพทย์โชคชัย ลีโทชวลิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้แทนรับมอบ พร้อมทีมผู้บริหาร ทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานอาหารเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ ยังความปลื้มปีติแก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และพสกนิกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานอาหาร แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ทรงห่วงใยและทรงให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละกำลังกาย และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งประกอบเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว และน้ำยาป่าลูกชิ้น พร้อมทั้งพระราชทาน เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาดังกล่าวอีกด้วย  


สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พันธมิตรจิตอาสา ลุย! ”ชุมชนก้าวหน้า” ส่งต่อข้าวกล่องเต็มอิ่มเติมรอยยิ้ม ร่วมใจสู้ภัยโควิด-19

เกาะติดภารกิจ เติมสุขปันอิ่ม สู้ภัยโควิด วันที่ 25 สิงหาคม ที่ชุมชนก้าวหน้า เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรจิตอาสา ส่งมอบข้าวกล่อง แก่ชาวชุมชนก้าวหน้า โดยมีคุณศิริพรรณ เกิดแก่น ประธานชุมชน เป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านในชุมชนต่อไป

สำหรับชุมชนก้าวหน้า เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ริมคลองถนน มีประชาชนอาศัย 200 ครัวเรือน ประชากรกว่า 1,000 คน ในจำนวนนี้มีที่ผู้มีความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อโควิด-19  จำนวน 9 คน เป็นเด็ก 1 คน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน จากการติดเชื้อ

การลงพื้นที่มอบน้ำใจแก่ชาวชุมชน เป็นความร่วมมือของ พันธมิตรจิตอาสา ประกอบด้วย มูลนิธิสหชาติ สำนักข่าว News Online Thailand เวปไซต์ข่าวจั่นเจา Canchaonews.com หนังสือพิมพ์ดีดีโพสต์ นิวส์ และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.1) สถาบันพระปกเกล้า

โดยวันนี้ ยังมีตัวแทนนักศึกษา จากหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 9 รุ่น11 และรุ่น12 สถาบันพระปกเกล้า มาร่วมมอบข้าวกล่องพร้อมทานให้แก่ชาวชุมชนด้วย

โดยรับข้าวกล่องมาจากจุดส่งมอบอาหาร ที่โลตัส สาขาบางกะปิ ภายใต้โครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" ของบริษัทในเครือซีพี เพื่อนำส่ง มอบต่อประชาชนเขตกรุงเทพและปริมณฑล ในแต่ละวัน เพื่อแบ่งเบาภาระและบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์โควิด-19

แถลงการณ์ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.1 ประณามการซ้อมทรมานอันขัดหลักสิทธิมนุษยชน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์

จากกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายและข่มขู่ชายคนหนึ่งด้วยวิธีการใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวเพื่อทรมานให้ต้องยินยอมทำตามความประสงค์ ซึ่งภายหลังได้ข้อยุติว่าเป็นเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันซ้อมทารุณผู้ต้องหา เกิดที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ โดยชายผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิต​การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง โดยการการทรมาน(Torture)​ ซึ่งเป็นสิทธิเด็ดขาด  (Absolute Right) ปรากฏใน "อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี(Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT)”ที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญา โดยการภาคยานุวัติเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๐ และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นมา การลงโทษกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำการใดที่มีลักษณะการทรมานมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะและไม่สามารถจะยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้  เพื่อให้พ้นจากความรับผิดได้

​นอกจากนี้ยังพบเห็นการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ชอบ ทั้งการรับแจ้งความ การสืบสวน การสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน การจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมักมีข้อกังขาในการใช้อำนาจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การซ้อมการทรมานเพื่อให้ผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยรับสารภาพ การประจานผู้ต้องหาต่อสาธารณชน การวิสามัญฆาตกรรม รวมถึงการใช้อำนาจ กำลัง และอาวุธในการปราบปรามผู้เห็นต่าง เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ควรแก่การแก้ไขปรับปรุงโดยเร็ว
​เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.๑ โดยผู้มีรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ ขอประณามการกระทำดังกล่าว และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักในความพยายามหาทางแก้ไข ป้องกัน มิให้ประชาชนต้องถูกกระทำดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ในฐานะที่เป็นต้นน้ำแห่งกระบวนการยุติธรรม ขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจริงใจในการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง โดยปราศจากการแทรกแซงช่วยเหลือ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับสังคมโดยเร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.๑ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร เร่งดำเนินการปฏิรูปตำรวจ และแก้ไขปัญหากระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยปรับงานสอบสวน งานพิสูจน์หลักฐาน ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อลดปัญหาการรวบอำนาจการดำเนินคดีอาญาชั้นต้น อันส่งผลให้เกิดปัญหาการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ การสร้างพยานหลักฐานเท็จ รวมทั้งการผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันการซ้อมทรมาน ที่ค้างการพิจารณาในคณะกรรมาธิการ และอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน เป็นปัญหาของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาช้านานให้หมดสิ้นไป
​เครือข่ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน ปสม.๑ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตระหนักและให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาดังกล่าวในระยะยาวอย่างจริงใจ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชน และการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สืบไป

25 สิงหาคม 2564

รายชื่อผู้ร่วมลงชื่อท้ายแถลงการณ์
1. นายกฤษณ์ ขำทวี
2.นายสมชาย จรรยา
3. นายนรเทพ  บุญเก็บ
4.นายศุภมา จิตต์เที่ยง
5.นายพิสุทธิ์ รัตนวิลัย
6.นายศิริพันธุ์ เรืองจินดา
7.นายสุทัศน์ ประสิทธิกุล
8. นายภาวุฒิ สุกทอง
9. นางพรทิพย์ เตชะสมบูรณากิจ
10.นายสมิษฐิ์ มหาปิยศิลป์
11. นายสันติพงษ์ มูลฟอง
12. นางเฉลียว ศาลากิจ
13 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ
 

ผอ.ศรชล.จังหวัดพังงาในฐานะพ่อเมืองพังงา ชวนรักษ์ทะเลไทย นำคณะเก็บขยะบริเวณหมู่เกาะไข่ เตรียมรับ นักท่องเที่ยวโครงการเชื่อมต่อจังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง (7+7 Phuket Extension)

ศรชล.ภาค 3 โดย ศรชล.จังหวัดพังงา ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 เทศบาล ต.พรุใน องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN)  สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา และกลุ่มจิตอาสา นักดำน้ำอาสาสมัคร  ร่วมกันจัดกิจกรรมดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลและเก็บขยะบนเกาะ บริเวณหมู่เกาะไข่ ต.พรุใน อ.เกาะยาว จว.พังงา โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผอ.ศรชล.จังหวัดพังงาและผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ร.ต.สุรัชฎ์ ศิริวรรณนาวี รอง ผอ.ศรชล.ภาค 3  นายธราธิป ทองเจิม นายก อบจ.พังงา  นายพงศ์ศักดิ์ กีรติกรพิสุทธิ์ นายอำเภอเกาะยาว สาธารณสุขอำเภอเกาะยาว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต.พรุใน ผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ ต.พรุใน และอาสาสมัคร รวมจำนวน 45 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมเก็บขยะทั้งบนเกาะไข่ และนักดำน้ำอาสาสมัคร จำนวน 35 คน รวมทั้งกำลัง ศรชล.ภาค 3 และทัพเรือภาคที่ 3  ร่วมกันเก็บขยะในทะเลบริเวณแปลงฟื้นฟูปะการังหมู่เกาะไข่ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมฯ ได้รับวัคซีนครบโดส และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ของจังหวัดพังงา 


โดยกิจกรรมฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันทำความสะอาดและลดปริมาณขยะ ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์พื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตามโครงการเชื่อมต่อจังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง (7+7 Phuket Extension) ตามนโยบายของรัฐบาล และจากการคัดแยกประเภทขยะที่จัดเก็บได้และปริมาณขยะที่จัดเก็บได้บนเกาะไข่ มีดังนี้


- ขยะทั่วไป : ประเภท ถุงพลาสติกชนิดต่าง ๆ หลอด /ช้อน / ถ้วย/จาน กล่องอาหาร (Single-use) จำนวน 56 กิโลกรัม
- วัสดุรีไซเคิล : ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋องอลูมิเนียม  จำนวน 145 กิโลกรัม
- ขยะอินทรีย์ : เป็นการจัดเก็บกิ่งไม้ขนาดต่าง ๆ ที่ลอยมาที่หาด  นำมาจัดการให้เรียบร้อยที่ภายในเกาะไข่ เพื่อความสะอาดของพื้นที่หน้าหาด

สำหรับวัสดุรีไซเคิลที่คัดแยกได้ จะนำขนส่งมารวมกับที่ชุมชน ต.พรุใน จัดเก็บเพื่อนำไปส่งสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป
ในส่วนของขยะในแนวปะการัง มีขยะประเภทต่าง ๆ ที่เก็บได้ ดังนี้
- เครื่องมือประมง(อวน) จำนวน 350 กิโลกรัม
- ประเภท เชือก ยางรถจักรยานยนต์ ถุงพลาสติก ท่อน้ำ จำนวน 100 กิโลกรัม 
- ประเภทและอื่น ๆ เช่น ขวดเครื่องดื่ม กระสอบ และเหล็ก จำนวน 50 กิโลกรัม

รวมพลคนชื่อ ‘โจ้’

สนั่นโลกโซเชี่ยลตอนนี้ คงหนีไม่พ้น ‘ผกก.โจ้’ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล หนึ่งในผู้ร่วมลงมือนำถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาจนถึงแก่ความตาย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน

ไหน ๆ ‘ชื่อโจ้’ ก็เต็มหน้าฟีดซะขนาดนี้ THE STATES TIMES เลยไปรวบรวมบรรดา ‘คนชื่อโจ้’ ในแวดวงการอื่น ๆ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า แต่ละคน ดัง ๆ ทั้งนั้น!!


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ยามา" (Llama) อาจเป็นฮีโร่ช่วยมนุษยชาติสู้โควิด หลังนักวิจัยพบแอนติบอดีของตัวยามา สามารถบั่นทอนเชื้อโควิด-19 ในการทดลองในห้องปฏิบัติการของสตาร์ทอัพในเบลเยียม

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน แอนติบอดีของตัวยามา (Llama) สัตว์จากอเมริกาใต้ อาจมีบทบาทในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั่วโลกในไม่ช้า หากการทดลองทางคลินิกที่ดำเนินการโดยสตาร์ทอัปด้านชีวการแพทย์ของเบลเยียมนั้นประสบความสำเร็จในที่สุด

นักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ VIB-UGent ในเมืองเกนต์ กล่าวว่า แอนติบอดีที่สกัดจากตัวยามาชื่อวินเทอร์ ได้ลดทอนความรุนแรงของการติดเชื้อโคโรโนาไวรัสรวมถึงสายพันธุ์ต่าง ๆ ในการทดสอบในห้องปฏิบัติการ

ดอมินีค เตร์ซาโก (Dominique Tersago) หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของบริษัท Spin-off ExeVir ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ VIB-UGent กล่าวว่าเทคโนโลยีนี้ถือเป็น "ตัวพลิกสถานการณ์ ในอนาคตเลยทีดียว โดยมันจะเป็นตัวเสริมไม่ใช่เข้ามาแทนที่วัคซีนโดยการปกป้องผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและการรักษาผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาล

แอนติบอดีของยามาที่มีขนาดเล็กผิดปกติสามารถจับกับส่วนที่เฉพาะเจาะจงของโปรตีนหนาม (Spike) ของไวรัส และ "ในขณะนี้เราไม่เห็นการกลายพันธุ์ที่มีความถี่สูงโดยรอบที่เชื้อเกาะเข้ากับโปรตีนหนาม" ดอมินีคกล่าว

แอนติบอดียังแสดง "ฤทธิ์เป็นกลางที่แข็งแกร่ง" กับสายพันธุ์เดลตาที่ติดเชื้อได้สูง เธอกล่าวเสริม

นักวิจัยคาดว่าการทดลองทางคลินิกในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีซึ่งเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยร่วมมือกับ UCB บริษัทยาของเบลเยียม ร่วมกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล คาดว่าจะได้ผลเช่นเดียวกัน

ซาเวียร์ แซลองส์ (Xavier Saelens) หัวหน้ากลุ่ม VIB-UGent กล่าวว่า เจ้าวินเทอร์ยังผลิตแอนติบอดีแบบธรรมดาที่มีขนาดเล็กกว่า เสถียรกว่า สืบพันธุ์ได้ง่ายกว่า และมีความหลากหลายมากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติเหมือนกันยามาตัวอื่น ๆ และสัตว์ในตระกูลอูฐ

“ขนาดที่เล็กของมัน… ช่วยให้พวกมันไปถึงเป้าหมาย เข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของไวรัสที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยแอนติบอดี้แบบเดิม” เขากล่าว

การค้นหาการรักษาโควิด-19 นี้ดำเนินตามผลการศึกษาในปี 2559 เกี่ยวกับแอนติบอดีของยามาเพื่อต่อต้านโรคซาร์สและเมอร์ส บริษัท Sanofi ของฝรั่งเศสจ่ายเงิน 3.9 พันล้านยูโรให้กับ Ablynx ซึ่งเป็นบริษัททางการแพทย์ในเมืองเกนต์ที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยแอนติบอดียามาในปี 2561

ในขณะเดียวกัน วินเทอร์ซึ่งตอนนี้สามารถนำแอนติบอดี้ของมันมาผลิตซ้ำได้ในห้องแล็บ กำลังเพลิดเพลินกับการเกษียณอายุในอุทยานศิลปะและสวนสัตว์ส่วนตัวในเมืองเกนต์


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/661467

https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/llama-antibodies-blunt-covid-variants-lab-trial-says-belgian-start-up-2021-08-24/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'สำนักงานคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก' (สกพอ.) รวมพลังกลุ่ม 'สตรี อีอีซี' ฉะเชิงเทรา ร่วมแรงร่วมใจผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19

วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการ สกพอ. ร่วมกับ เครือข่าย สตรีอีอีซี ฉะเชิงเทรา และ อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน จังหวัดฉะเชิงเทรา (ทสม.) มอบถุงยังชีพจำนวน 200 ถุง เพื่อมอบให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในพื้นที่ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอคลองเขื่อน อำเภอราชสาส์น อำเภอบางน้ำเปรี้ยว อำเภอสนามชัยเขต และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยภายในถุงประกอบด้วยสิ่งของที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ยาสามัญ และเมล็ดพันธ์ ในการกิจกรรมครั้งนี้ได้มีผู้ประกอบการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมบริจาคน้ำดื่มจำนวน 2,400 ขวด ร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่อีอีซี ได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน โดยมี เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี เครือข่าย ทสม. ในพื้นที่ เป็นผู้นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top