Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

'เกาหลีเหนือ' ปฏิเสธไม่รับวัคซีนซิโนแวค ให้เหตุผลคุมโควิดดีแล้วและยังมีชาติอื่นจำเป็นมากกว่า

2 ก.ย. 64 เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว North Korea rejects offer of nearly 3 million Sinovac Covid-19 vaccines ระบุว่า เกาหลีเหนือปฏิเสธรับวัคซีนโควิด-19 สัญชาติจีน ยี่ห้อซิโนแวค จำนวน 3 ล้านโดส โดยอ้างว่าควรนำไปบริจาคให้ประเทศที่จำเป็นต้องได้รับก่อนดีกว่า อีกทั้งยังอ้างด้วยว่าไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้แต่รายเดียว ด้วยมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งการปิดประเทศและควบคุมการเดินทางในประเทศ

รายงานข่าวยังอ้างข้อมูลจากหน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ ระบุว่า เมื่อเดือน ก.ค. 64 เกาหลีเหนือยังปฏิเสธวัคซีนสัญชาติอังกฤษ ยี่ห้อแอสตราเซเนกา เนื่องจากกังวลเรื่องผลข้างเคียง ส่วนประเด็นไม่รับวัคซีนจีนนั้นคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องประสิทธิภาพ แต่พบว่าสนใจวัคซีนของรัสเซีย ทั้งนี้ หลายประเทศที่ใช้วัคซีนซิโนแวค เช่น ไทย อุรุกวัย เริ่มให้วัคซีนชนิดอื่นสำหรับผู้ที่ฉีดซิโนแวคเป็นเข็มแรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรค

ด้านองค์กร GAVI เจ้าภาพหลักของโคแว็กซ์ โครงการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ชี้แจงว่า ยังคงทำงานกับเกาหลีเหนือเพื่อรับมือกการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่องค์กรยูนิเซฟ เปิดเผยว่า กระทรวงกิจการสาธารณะของเกาหลีเหนือ ยังคงติดต่อกับโคแว็กซ์เพื่อรับวัคซีนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/599264


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

สปสช. เผย จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว เป็นเงินกว่า 110 ล้านบาท

2 ก.ย. 64 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ สปสช.เปิดให้ผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. 64 ข้อมูลจนถึงวันที่ 27 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำร้องเข้ามาทั้งหมดจำนวน 3,888 รายและยังอยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมอีก 99 ราย โดยทางคณะอนุกรรมการระดับเขตได้พิจารณาจ่ายเงินชดเชยแล้ว 2,875 ราย และพิจารณาไม่จ่าย 914 ราย รวมเป็นเงินที่จ่ายชดเชยเบื้องต้นไปแล้ว 110,295,000 บาท 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 3 ระดับตามความรุนแรงของอาการไม่พึงประสงค์นั้น ๆ โดยระดับ 1.) มีอาการป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท มีผู้รับเงินเยียวยาแล้ว 2,641 ราย ระดับ 2.) เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท มีผู้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 12 ราย และ ระดับ 3.) กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท มีญาติผู้เสียชีวิตรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 222 ราย  

นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า หากพิจารณาแยกตามเขต พบว่าสปสช.เขต 13 กทม. มีผู้ยื่นคำร้องเข้ามามากที่สุด จำนวน 840 ราย รองลงมาคือ สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ จำนวน 559 ราย และ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี 451 ราย อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากจำนวนเงินที่มีการจ่ายเยียวยาไป พบว่า สปสช.เขต 4 สระบุรี จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนประมาณ 13 ล้านบาท รองลงมาคือ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี จำนวนประมาณ 11 ล้านบาท และ สปสช.เขต 6 ระยอง จ่ายเงินแล้วจำนวนประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนเขตที่มีผู้ยื่นคำร้องมากที่สุดอย่าง สปสช.เขต 13 กทม. มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว ประมาณ 7.5 ล้านบาท 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลักการจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ สปสช.นั้น ไม่ไช่การพิสูจน์ถูกผิดหรือชี้ชัดว่าเป็นผลที่เกิดจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด แต่เป็นเงินเยียวยาเพื่อลดผลกระทบที่เกิดแก่ประชาชนเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ซึ่งแม้ในภายหลังจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าสาเหตุของอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากวัคซีน ก็ไม่เป็นเหตุให้เรียกเงินคืนแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ใน 3 จุด คือ ที่หน่วยบริการที่ไปรับการฉีด ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือที่ สปสช.เขตพื้นที่ ซึ่งหลังจากได้รับคำร้องแล้ว จะมีคณะอนุกรรมการในระดับเขตซึ่งประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนภาคประชาชนเป็นผู้พิจารณาว่าจะจ่ายเงินเยียวยาหรือไม่และจ่ายเป็นจำนวนเท่าใด ตามหลักฐานทางการแพทย์และระดับความหนักเบาของอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีผู้มายื่นคำร้องแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ระดับเขตพื้นที่จะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องไม่เห็นด้วยกับผลการวินิจฉัย ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อเลขาธิการ สปสช. ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบผลการวินิจฉัย


ที่มา : https://www.naewna.com/local/599297


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

มารู้จัก 'โยชิมิสึ ยาบุตะ' พนักงานแมคโดนัลด์ วัย 93 ปี ผู้รักการทำงาน

"ผมรักการทำงาน" 

นี่เป็นคำพูดของพนักงานแมคโดนัลด์ ที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น วัย 93 ปี ซึ่งทำงานกะดึกสัปดาห์ละ 4 วัน

แมคโดนัลด์ประเทศญี่ปุ่น ฉลองการครบรอบ 50 ปีร้านสาขาแรกในประเทศ โดยประกาศแคมเปญ 'แวะไปแมคโดนัลด์สาขาที่เป็นที่หนึ่งของญี่ปุ่นกัน!' โดยหนึ่งในนั้น มีพนักงานแมคโดนัลด์ที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น 'วัย 93 ปี' อยู่ด้วย!!

คุณโยชิมิสึ ยาบุตะ อายุ 93 ปี พนักงานแมคโดนัลด์ประจำสาขาสถานีรถไฟทากาโอกะ เอคิ มินามิ เมืองโทนามิ จังหวัดโทยามะ เป็นพนักงานแมคโดนัลด์ที่อายุมากที่สุดในบรรดา 2,900 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยคุณยาบุตะเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ในร้านแมคโดนัลด์ ตั้งแต่ปี 2019 ด้วยอายุ 90 ปี ทำงานสัปดาห์ละ 4 วัน ในช่วงกะดึกเป็นเวลา 5 ชั่วโมง โดยเขาทำหน้าที่ทำความสะอาดโต๊ะและจัดเตรียมเมนูอาหารล่วงหน้า

"ผมรักการทำงาน และรักที่ได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานมาก ๆ ด้วย" คุณยาบุตะกล่าวให้สัมภาษณ์อย่างภูมิใจ การทำงานด้วยความมุ่งมั่นของคุณยาบุตะไม่เพียงแค่สนับสนุนภาพลักษณ์ของร้านเท่านั้น แต่ยังสร้างกำลังใจให้กับคนรอบข้างได้อีกด้วย "เขาทำให้เห็นว่า มนุษย์เราสามารถทำสิ่งที่ท้าทายตัวเองได้ ไม่ว่าจะเริ่มจากตอนอายุเท่าไหร่ก็ตาม" เพื่อนร่วมงานของคุณยาบุตะกล่าว 

คุณยาบุตะเคยทำงานเป็นช่างไฟฟ้าก่อนจะเกษียณอายุ และผันตัวมาเป็นพนักงานกะดึกในร้านเกมเซนเตอร์ ก่อนจะสมัครเป็นพนักงานแมคโดนัลด์ เนื่องจากสามารถเลือกเวลาทำงานได้อย่างอิสระ "ผมไม่รู้ว่าจะใช้เวลาที่อยู่บ้านเฉย ๆ ไปทำอะไร เลยคิดที่จะทำงานกะดึกเพราะร่างกายยังแข็งแรงดีและคิดว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" คุณยาบุตะกล่าว

ผู้จัดการร้าน นายเคียวเฮ อิโนโมโตะ (36 ปี) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการทำงานของพนักงานวัย 93 ปีคนนี้ว่า "เขาเปรียบเสมือนผู้ปิดทองหลังพระ ที่คอยดูแลรักษาความสะอาดภายในร้าน และจัดเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานในกะเช้าทำงานต่อได้อย่างราบรื่น" 

ยิ่งไปกว่านั้น ในร้านแมคโดนัลด์สาขาเดียวกันนี้ ยังมีพนักงานที่อายุน้อยที่สุดคือนักเรียนชั้นมัธยมปลายวัย 15 ปี ซึ่งทำให้แมคโดนัลด์สาขานี้ มีพนักงานที่อายุห่างกันมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย คุณยาบุตะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการได้ทำงานร่วมกับคนที่อายุน้อยกว่าว่า "ถ้าความคิดเห็นเราไม่ตรงกัน ผมก็จะพยายามทำความเข้าใจความคิดของทั้งสองฝ่าย"


ที่มา : เพจ J-doradic https://www.facebook.com/192426614202169/posts/4027438394034286/
https://news.yahoo.co.jp/articles/be8e4d497dc6b6e780b123f6bea361dc1a0899a9


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

สมาคมหาบเร่แผงลอย เข้ายื่นหนังสือขอบคุณให้กำลังใจนายก พล.อ.ประวิตร รมว.สุชาติ ที่รัฐสภา ที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาจากผลกระทบโควิด-19 

กลุ่มผู้นำแรงงาน นำโดย นางญาดา พรเพชรรัมภา นายกชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร นำสมาชิกหาบเร่แผงลอย ได้เข้ายื่นหนังสือขอบคุณและให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยมี นายสมพงษ์ โสภณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสระแก้ว นายวัชระ ยาวอหะซัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส และพันตำรวจโทฐนภัทร กิตติวงศา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี เข้าร่วมในครั้งนี้ ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) 


 นางญาดา พรเพชรรัมภา นายกชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้ดิฉันในนามชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานครและสมาชิกได้นำหนังสือขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีมายื่นที่อาคารรัฐสภา เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยมีท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้ลงมารับหนังสือด้วยตนเอง เราในฐานะกลุ่มรากหญ้า กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเราได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการปันน้ำใจร้านค้าสู่แรงงานเพื่อจัดทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงาน เราได้รับการทำข้าวกล่องเฟสแรก 200,000 กล่อง ระหว่างวันที่ 12-27 ก.ค.64 และเฟสสองอีก 80,000 กล่อง ระหว่างวันที่ 21-31 ส.ค.64 การได้รับจัดสรรการทำข้าวกล่องตรงนี้เป็นการช่วยต่อลมหายใจให้สมาชิกหาบเร่แผงลอย ที่เราเป็นผู้บอบบางของเมือง แต่เป็นผู้ขับเคลื่อนเมือง วันนี้ผู้ค้ามาด้วยใจ ตั้งใจมาบอก ส.ส.ว่าเราได้รับความช่วยเหลือรวมแล้วเกือบ 5,000 คน รวมทั้งได้สมัครมาตรา 40 ได้เงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน จึงมาเป็นกำลังใจและมาขอบคุณนายกรัฐมนตรี เราเห็นการทำงานของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานที่เข้าถึงกลุ่มเราในช่วงโควิด-19 พวกเราไม่มีรายได้ เราจึงอยากแสดงให้สาธารณชนรับรู้ว่า วันนี้เรามาให้กำลังใจและปกป้องคนดีที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ 


 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวว่า ผมได้รับมอบหมายจากท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลงมารับหนังสือขอบคุณจากพี่น้องกลุ่มผู้นำแรงงานด้วยตนเอง ที่เดินทางมาให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเองและท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะที่ท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในด้านเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ท่านได้สั่งการให้ทุกกระทรวงทำงานบูรณาการร่วมกัน และยังได้ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องแรงงานทุกคน ทุกกลุ่ม ผ่านผมในฐานะรัฐมนตรีแรงงานให้ได้ช่วยเหลือเยียวยาดูแลพี่น้องแรงงานอย่างทั่วถึง เพื่อให้ภาคแรงงานเดินได้ ธุรกิจเดินได้ ไปพร้อม ๆ กันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นับเป็นการช่วยประเทศชาติให้ก้าวพ้นวิกฤตโควิดในครั้งนี้ไปด้วยกัน

‘โมเดอร์นา’ พบเหล็กกล้าปนเปื้อนวัคซีนในญี่ปุ่น เรียกคืน 3 ล็อตปัญหาหลังฉีดไปแล้ว 5 แสนคน

โมเดอร์นา อิงค์ และ ทาเกดะ ฟาร์มาซูติคัล เปิดเผยเมื่อวันพุธ (1 ก.ย.) กำลังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ในการเรียกคืนวัคซีนโควิด-19 ของทางบริษัท จำนวน 3 ล็อต หลังพบปนเปื้อนเหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel) ในบางขวด

เจ้าหน้าที่ระงับใช้วัคซีนโมเดอร์นาล็อตเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งสิ้น 1.63 ล้านโดส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับปัญหาปนเปื้อน

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุในวันพุธ (1 ก.ย.) ว่าตามข้อมูลที่ได้รับจากการสืบสวนของทั้งสองบริษัท พวกเขาไม่เชื่อว่าอนุภาคของโลหะผสมจะก่อความเสี่ยงทางสุขภาพใด ๆ เพิ่มเติม ส่วนโมเดอร์นา เผยว่าปัญหาปนเปื้อนเหล็กกล้าไร้สนิม บางทีอาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต

ทาเกดะ ฟาร์มาซูติคัล รับผิดชอบจำหน่ายและกระจายวัคซีนโมเดอร์นาในญี่ปุ่น

โมเดอร์นา ระบุในถ้อยแลงร่วมกับทาเกดะ มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ต้นตอของการปนเปื้อนจะเกี่ยวข้องกับเหตุเสียดสีกันของเหล็ก 2 ชิ้นในเครื่องจักรที่ใช้สำหรับวางฝาจุกปิดขวดวัคซีน พร้อมยืนยันว่าวัตถุแปลกปลอมดังกล่าวได้แก่เหล็กกล้าไร้สนิม (stainless steel)

ทางโมเดอร์นา ได้ดำเนินการสืบสวนในเรื่องนี้ร่วมกับพันธมิตรอย่าง ทาเกดะ และ โรวี บริษัทสัญชาติสเปน เจ้าของโรงงานที่เหตุปนเปื้อนเกิดขึ้น

"เหล็กกล้าไร้สนิม มักถูกใช้ในลิ้นหัวใจ ข้อต่อเทียม ไหมโลหะและลวดเย็บ ด้วยเหตุนี้จึงไม่คาดหมายว่าการฉีดอนุภาคที่พบในล็อตเหล่านี้ในญี่ปุ่น จะก่อความเสี่ยงทางการแพทย์ใด ๆ เพิ่มเติม" ทาเกดะและโมเดอร์นาระบุในถ้อยแถลงร่วม

หุ้นของโมเดอร์นา ขยับขึ้น 2.6% หลังคำแถลง ส่วนหุ้นของโรวี ดีดตัวถึง 4.5% หลังจากก่อนหน้านี้ร่วงลงมากกว่า 10% จากข่าวระงับใช้วัคซีน ขณะที่ ทาเกดะ ก็ปรับขึ้นประมาณ 2%

ญี่ปุ่นระงับฉีดวัคซีนโมเดอร์นาจากทั้ง 3 ล็อต หลังพบวัตถุแปลกปลอมปนเปื้อนในวัคซีน 39 ขวด ซึ่งทั้งหมดมาจากล็อตเดียวกัน แต่ได้มีการสั่งระงับใช้วัคซีนล็อตอื่น ๆ เพิ่มเติม 2 ล็อต เนื่องจากมันผลิตที่โรงงานเดียวกันของบริษัทโรวี ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน

ถ้อยแถลงร่วมยืนยันว่ามีวัคซีนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านการผลิตเพียงแค่ 3 ล็อตดังกล่าว และทาง โรวี ได้ทำการตรวจสอบโรงงานผลิตอย่างเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้ใช้กระบวนการด้านการผลิตใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยในอนาคต

วัคซีนโมเดอร์นาล็อตอื่น ๆ ก็ถูกระงับใช้ชั่วคราวใน 3 จังหวัดของญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ในบางกรณี พบสารแปลกปลอมในขวดวัคซีนที่ยังไม่ได้ใช้งาน ส่วนอื่น ๆ ดูเหมือนจะเป็นผลจากการแทงเข็มฉีดยาอย่างไม่ถูกต้อง เป็นเหตุให้ฝาจุกปิดขวดวัคซีนแตก

ประเด็นพบการปนเปื้อนนี้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น หลังจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุุ่นเปิดเผยในวันเสาร์ (28 ส.ค.) ว่าชาย 2 คน อายุ 38 และ 30 ปี เสียชีวิตในเดือนสิงหาคม ภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากเข้ารับวัคซีนโมเดอร์นาเข็ม 2 ซึ่งทั้งคู่ล้วนฉีดวัคซีนล็อตที่ถูกระงับ

อย่างไรก็ตามสาเหตุุการเสียชีวิตของทั้ง 2 คนยังอยู่ระหว่างการสืบสวน

โมเดอร์นาและทาเกดะ ระบุในถ้อยแถลงว่าไม่พบหลักฐานว่าเหตุเสียชีวิตดังกล่าวมีต้นตอจากวัคซีน "เวลานี้เรามองว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นเรื่องบังเอิญ" ทั้งสองบริษัทระบุในถ้อยแถลง 

ทาโร โคโน รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโครงการฉีดวัคซีน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) ว่ามีประชาชนชาวญี่ปุ่นราว ๆ 500,000 คน ที่ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ใน 3 ล็อตที่ถูกระงับใช้ ส่วนทางโมเดอร์นาระบุไม่สามารถยืนยันว่าวัคซีนล็อตดังกล่าวถูกจ่ายไปมากน้อยแค่ไหน


(ที่มา:รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000086726
ภาพ : The Japan Time


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ก.แรงงาน ดึง ก.ล.ต. ฝึกแรงงานเพิ่มทักษะบริหารเงิน ต่อยอดการลงทุน

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลงนามออนไลน์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เสริมความรู้การเงินการลงทุนให้แก่แรงงานทั่วประเทศ  

ศาสตราจารย์ นฤมล  ภิญโญสินวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ว่าด้วยการส่งเสริมความรู้เรื่องการเงินการลงทุนสำหรับแรงงาน ระหว่าง นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กับ นางสาวรื่นวดี  สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมี นางสาวจิราภรณ์  ปุญญฤทธิ์  รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และนางสิริวิภา  สุพรรณธเนศ  รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นพยานในการลงนาม ผ่านระบบประชุมทางไกลเพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีความรู้ ทักษะการบริหารจัดการด้านการเงินและต่อยอดสู่การลงทุนได้อย่างเหมาะสม

ศาสตราจารย์ นฤมล  ภิญโญสินวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกประวิตร์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ และเน้นย้ำการทำงานในรูปแบบประชารัฐ บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับฝีมือแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่มในการบริหารจัดการการเงินซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะชีวิตที่จำเป็น และต่อยอดสู่การลงทุนได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงเป็นการดำเนินงานตามแนวนโยบายของนายกฯ ที่มุ่งเน้นพัฒนาแรงงานด้านการจัดการลงทุนอย่างตรงจุด 

นายธวัช เบญจาทิกุล  อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กล่าวว่า ปี 2564 กพร.ร่วมกับ ก.ล.ต. จัด CSR สร้างโอกาสคนพิการในรูปแบบการเสวนา เพื่อขับเคลื่อนให้คนพิการมีทักษะ ประสบการณ์ สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ และร่วมจัดสัมมนา “ให้กลไกตลาดทุนเกื้อหนุนผู้พิการสร้างงานสร้างอาชีพ” เพื่อสนับสนุนให้เพิ่มการจ้างงานคนพิการ เพิ่มการจัดสัมปทาน และเพิ่มกิจกรรมทางสังคม โดยในปี 2564 – 2569 กพร.จะร่วมพัฒนาหลักสูตรที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเงินการลงทุนเพื่อเพิ่มทักษะและองค์ความรู้เสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการการเงินและการลงทุนอย่างถูกวิธี และจัดเตรียมกลุ่มผู้รับการฝึกอบรม อาทิ คุณสมบัติการส่งเสริมทักษะการเงินการลงทุนให้แก่ผู้รับการฝึกฯ โดยออกแบบชุดความรู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน จัดฝึกอบรม และติดตามประเมินผลผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ มอบหมายหน่วยงานในสังกัด กพร. ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) จัดฝึกอบรมให้แก่แรงงานอย่างครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2565 ต่อไป

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสในความร่วมมือครั้งนี้ เนื่องจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับกลุ่มแรงงานทั่วประเทศ สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินการลงทุนเป็นกลุ่มแรก ๆ คือ แรงงานที่เข้ารับการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเน้นไปที่แรงงานกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้พิการ เพื่อให้มีความรู้ด้านนี้ด้วย โดย ก.ล.ต. จะสนับสนุนเนื้อหาและสื่อความรู้ที่ใช้ในการฝึกอบรม รวมถึงวิทยากรที่จะให้ความรู้ ทั้งความรู้เชิงทฤษฎีและการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อสร้างทักษะผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ก.ล.ต. จะนำรูปแบบการให้ความรู้ผ่าน trainer หรือ train the trainer ซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยดีจากหลายโครงการที่ผ่านมา มาประยุกต์ใช้ โดย trainer เป็นผู้ที่ใกล้ชิดและมีความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี จึงสามารถสื่อสารและส่งต่อความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะช่วยขยายผลการส่งต่อความรู้ไปในวงกว้างและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ดียิ่งขึ้น

DSI จับผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับในคดีพิเศษเกี่ยวกับการบุกรุกป่าเขาดวงนก เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ได้ดำเนินการแกะรอย ติดตาม และจับกุมตัวนายสุเทพ วังส์ด่าน ผู้ต้องหาในคดีพิเศษ ที่ 2/2564 ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1093/2564 ในความผิดฐาน “ยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น” ได้ที่ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี นำส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดี

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548 ต่อเนื่องถึง ปี พ.ศ. 2550 นายสุเทพ ผู้ต้องหากับพวก ได้เข้าทำการยึดถือครอบครองพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณเขาดวงนก หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นที่เขาและมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์มาโดยตลอด เนื้อที่ประมาณ 96 ไร่ และแผ้วถางและทำลายสภาพป่าในพื้นที่ มีการนำรถแบคโฮและคนงานเข้าไปปรับสภาพพื้นที่ ทำถนนรอบแปลงที่ดิน และมีการใช้หลักฐานการแจ้งการครอบครอง (สค.1) ของที่ดินแปลงอื่น จำนวน 4 ฉบับ เนื้อที่รวม 26–3–20 ไร่ มาแสดงเป็นหลักฐานของที่ดินที่กระทำความผิด และยังได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย ใช้ ส.ค.1 ทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดิน เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 26493 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 96–3–84 ไร่ โดยมิชอบ และยังได้ร่วมกับพวก จดทะเบียนตั้งบริษัทฯ เพื่อมาถือครองที่ดินดังกล่าวในนามนิติบุคคล ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนความผิดของเจ้าหน้าที่ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ในการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ และได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องเจ้าหน้าที่


ที่กระทำความผิดแล้ว ส่วนความผิดที่เกี่ยวกับการยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น ได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 2/2564 และศาลอาญาได้ออกหมายจับนายสุเทพฯ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1093/2564 ในความผิดฐาน “ยึดถือครอบครอง ก่นสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่น” และจับกุมตัวได้ ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาแล้ว โดยในส่วนของเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยมิชอบนั้น กรมที่ดินได้ดำเนินการตรวจสอบและได้มีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน เลขที่ 26493 ตำบลบ่อผุดฯ ดังกล่าวแล้ว ตามคำสั่งกรมที่ดินที่ 1264/2550 ลงวันที่ 5 เมษายน 2550

การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เป็นไปตามภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนโยบายของผู้บริหาร
ที่เน้นการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของรัฐ โดยมุ่งมั่นในการทุ่มเทสรรพกำลัง
เพื่อรักษาความมั่นคงของทรัพยากรธรรมชาติ และให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ เพื่อทวงคืนผืนป่าซึ่งเป็นของแผ่นดิน ที่มีการนำไปยึดถือครอบครองเป็นของส่วนตัว กลับมาเป็นสมบัติของประเทศชาติ ตลอดจนเพื่อปกป้องดูแลทรัพยากรป่าไม้และที่ดินอันเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ เพื่อคนรุ่นหลังต่อไป

‘ตม.สุราษฎร์ธานี’ บุกรวบ! รัสเซียค้ายาเสพติดคาเกาะสมุย พบยาเสพติดหลายรายการ

2 กันยายน 2564  เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศลผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  ได้แถลงผลจับกุมยาเสพติด พร้อมของกลางหลายรายการ โดย ตม.จว. สุราษฎร์ธานี  นำโดย ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี  พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิงคะรัตน์ ซ้ายขวัญ รอง ผกก.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี  ร.ต.อ.อรุณ มูสิกิ้ม รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี  ร.ต.ต.กรีฑา ชูสังข์ รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี และชุดสืบสวน ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฏร์ธานี ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 ที่ผ่านมา สามารถร่วมกันจับกุม Mr.konstantin  savosin อายุ 47 ปี สัญชาติ รัสเซีย  ที่อยู่ บ้านเลขที่ 42/121 หมู่บ้านท็อปปิคอน วินล่าอีเกิลเน็ต ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ  ดังนี้

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซี) น้ำหนัก 3.29 กรัม

2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนัก 12.37 กรัม

3. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) น้ำหนัก 21.77 กรัม

4. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) น้ำหนัก 119.68 กรัม

5. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน น้ำหนัก 52 กรัม

6. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนัก 11.31 กรัม

7. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2  (เคตามีน) น้ำหนัก 8.60 กรัม

8. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2(เคตามีน) น้ำหนัก 4.80 กรัม

9. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(แมตแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 4.24 กรัม

10. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(แมตแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 10.68 กรัม

11. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) น้ำหนัก 48.73 กรัม

12. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) น้ำหนัก 18.89 กรัม

13. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีเทา จำนวน 4 เม็ด

14. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีเขียว จำนวน 5 เม็ด

15. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(MD) ลักษณะเม็ดสีฟ้า จำนวน 7 เม็ด

16. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี,เอ็กตาซี) ลักษณะเม็ดสีแดง จำนวน 5 เม็ด

17. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาอี,เอ็กตาซี) ลักษณะเม็ดสีเทารูปหัวกระโหลก จำนวน 45 เม็ด

18. ยาเสพติดให้โทษประเภท 2(โคเคน) ลักษณะเม็ดสีขาว จำนวน 10 เม็ด

19. เครื่องชั่งดิจิตอล  จำนวน 1 เครื่อง

20. ถุงพลาสติกแบบซิปใส (ถุงแบ่ง) สำหรับบรรจุยาเสพติด จำนวน 50 ถุง

21.แผ่นซีดี วิดีโอ ประกอบการจับกุม

โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 42/121 หมู่บ้านท็อปปิคอน วินล่าอีเกิลเน็ต ม.6 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และกล่าวหาว่า  “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1,2 (เมทแอมเฟตามีน,โคเคน,เคตามีน,เอ็กตาซี,MD) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และนำตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าการจับกุมดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายและมาตรการในการป้องกันปราบปรามของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.และ พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม และเข้มงวดกวดขัน จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามากระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  ซึ่ง สตม. มีหน้าที่ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร  หากประชาชนพบเห็น หรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดในพื้นที่ จว.สุราษฎร์ธานีให้แจ้งได้ที่ สายด่วน สตม. 1178 หรือที่ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ทุกจุดทันที

‘พิพิธภัณฑ์หัวโขน สวนนงนุชพัทยา’ แห่งแรกของโลก! ที่รวบรวมหัวโขนไว้มากที่สุด 506 เศียร

ตามปณิธานของ คุณนงนุช ตันสัจจา ที่ได้ตั้งใจไว้ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบทอดงานศิลปกรรมไทย เพื่อเป็นมรดกของแผ่นดินไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษา ต่อมาคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา จึงได้ทำการรวบรวมงานศิลปกรรมไทยไว้ที่สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี อีกหนึ่งแขนงคือหัวโขน โดยจัดสร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขนขึ้น ซึ่งภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย ห้องโถงจัดแสดง เป็นที่ตั้งของตู้หัวโขน จำนวน 121 ตู้ ห้องสาธิตงานผลิตหัวโขน, ห้องเขียนลาย และตกแต่งหัวโขน, โดยเริ่มดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน

สวนนงนุชพัทยา สร้างพิพิธภัณฑ์หัวโขนขึ้น เพื่อแสดงงานศิลปกรรมไทยชั้นสูง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของโลก ที่มีการรวบรวมหัวโขนไว้มากที่สุด จำนวน 506 เศียร โดยได้แบ่ง ออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

1.หัวโขนชุดอนุรักษ์แบบโบราณ   จำนวน 24  เศียร 

2.หัวโขนบรมครู ฤษี  จำนวน 108 พระองค์

3. หัวโขนรามเกียรติ์   จำนวน 374  เศียร

ซึ่งหัวโขนทั้งหมด จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ เพื่อรอให้นักเรียน,นักศึกษา,นักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจ ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและได้รับอนุญาตให้เปิดบริการตามปกติ 

ทั้งนี้ เมื่อโครงการจัดทำหัวโขนแล้วเสร็จ โครงการต่อไปทางสวนนงนุชพัทยา จะทำหุ่นกระบอกไทย ตามเรื่องในพระราชนิพนธ์,วรรณคดีไทย และนิทานพื้นบ้าน สำหรับในงานหุ่นกระบอกนี้ จะใช้ทักษะของงานหัวโขน แต่มีขนาดเล็กและส่วนประกอบที่สำคัญคือ งานปักสะดึงกลึงไหม ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของหุ่น มาเป็นจุดขาย


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

สหรัฐฯ ทุ่มงบสร้างอาคารหลังใหม่บนพื้นที่สถานทูตฯ สหรัฐฯ ในไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนภารกิจอาเซียน

ในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมานี้ สหรัฐอเมริกาได้เริ่มก่อสร้างอาคารแห่งใหม่บนพื้นที่เดิมของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โดยอาคารดังกล่าวจะส่งเสริมการเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และไทย ทั้งทางการทูต ความมั่นคง และการพาณิชย์ ตลอดจนสานสัมพันธไมตรีระหว่างชาวสหรัฐฯ และชาวไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามคำแถลงของสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย

อาคารหลังนี้คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568 โดยจะพัฒนาพื้นที่สำหรับบริการด้านกงสุลและภารกิจทางการทูตให้ทันสมัย รวมถึงสะท้อนความสำคัญของพันธมิตรอันยาวนานระหว่างสหรัฐอเมริกากับราชอาณาจักรไทย ด้วยมิตรภาพกว่า 2 ศตวรรษ สหรัฐฯ และไทยได้กระชับความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ตั้งแต่การค้าระดับทวิภาคี ไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และการสาธารณสุข 

โดยอาคารหลังใหม่จะเป็นที่ทำการของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในหลากหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และรวมการปฏิบัติงานของสหรัฐฯ เข้ามาที่ศูนย์กลาง เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีต่อไป

เนื่องจากประเทศไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในด้านการเงิน, สื่อ, โลจิสติกส์ และการคมนาคม อีกทั้งกรุงเทพฯ ยังเป็นที่ตั้งขององค์การระหว่างประเทศหลายแห่ง สหรัฐฯ จึงได้ใช้สถานเอกอัครราชทูตที่นี่เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานระดับภูมิภาคมาเป็นเวลานาน 

มากกว่าครึ่งของพนักงานสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมีหน้าที่รับผิดชอบงานระดับภูมิภาค ซึ่งรวมไปถึงการบริหารจัดการความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ

การสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การประสานงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนการระดมเงินทุนภาคเอกชนเพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายด้านการพัฒนาที่สำคัญ ๆ

อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต ไมเคิล ฮีธ กล่าวว่า “อาคารใหม่ของสถานทูตที่ออกแบบอย่างทันสมัยแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ร่วมมือกับประเทศไทยและอาเซียนเพื่อยกระดับประเด็นสำคัญของภูมิภาค รวมทั้งการปรับปรุงด้านสาธารณสุข การจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม และการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ”

“อาคารนี้ออกแบบให้สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมแบบไทยเดิม และผมหวังว่าอาคารหลังใหม่นี้จะเป็นสัญลักษณ์และศูนย์กลางของมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อย่างยืนยาวในอนาคต”

การก่อสร้างอาคารหลังนี้ สหรัฐฯ จะใช้งบประมาณ 625 ล้านเหรียญ (20,000 ล้านบาท) ในโครงการดังกล่าว และว่าจ้างคนงานไทยประมาณ 2,000 คนตลอดระยะเวลาการก่อสร้าง

การออกแบบร่วมสมัยของอาคารได้รับแรงบันดาลใจมาจากมรดกทางสถาปัตยกรรมไทย โดยคำนึงถึงสภาพอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นการผสมผสานขนบไทยเข้ากับสถาปัตยกรรม การออกแบบ วิศวกรรม เทคโนโลยี และการก่อสร้างชั้นเลิศของอเมริกา 

โครงการนี้มีเป้าหมายที่จะก่อสร้างอาคารให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมระดับ Silver ภายใต้มาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) และมีองค์ประกอบมากมายที่ออกแบบมาเพื่อให้อาคารมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น


ที่มา: https://th.usembassy.gov/th/u-s-embassy-begins-construction-of-new-annex-th/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top