Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

‘เฉลิมชัย’ แจงสภาฯ เคลียร์ปมระบายยาง บริสุทธิ์ - โปร่งใส - สุจริตไม่ผิดกฎหมาย!!

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564  ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงเรื่องยางพาราและการระบายยางว่า การประชุมทุกครั้งจะต้องมีองค์ประชุมครบถึงจะดำเนินการได้ จะต้องเป็นมติของที่ประชุม การยางแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจจัดตั้งตามพระราชบัญญัติการยาง 2558 โดยมีบอร์ดการยางเป็นผู้ออกนโยบายกำกับดูแล อนุมัติในกิจกรรมของการยางแห่งประเทศไทย รวม 14 ท่าน จะมีมติได้ที่ประชุมส่วนใหญ่ถือเป็นเอกฉันท์ เป็นความรับผิดชอบร่วม การยางแห่งประเทศไทยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจในการควบคุมกำกับของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันเดือนกรกฎาคมปี 2562 และรัฐบาลแถลงนโยบายประกันรายได้ราคาพืชผลการเกษตร 5 ชนิด ยางพาราเป็น 1 ในสินค้า 5 ชนิด ที่รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับการประกันว่าจะมีการรายได้ขั้นต่ำที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เพราะพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ถ้าเกษตรกรมีความเข้มแข็งประเทศชาติก็มีความเข้มแข็งด้วย ถ้ามีรายได้ที่มั่นคงประเทศชาติก็จะมั่นคงด้วย

“เชื่อว่า วันที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศนโยบายประกันรายได้ เกษตรกรมีความสุขและยิ้มทั้งประเทศ เป็นครั้งเดียวที่ได้มีโอกาสได้รับการดูแลภาคการเกษตรจากรัฐบาลอย่างจริงจัง และไม่ใช่ว่าเมื่อประกันรายได้แล้วจะไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้ราคายางเป็นไปตามยถากรรม เราทำทุกวิถีทางเพราะเราเข้าใจว่าเกษตรกรไทยคือหัวใจของชาติ จนราคายางพารารัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างจนเรามาประสบวิกฤติโควิดซึ่งภาวะวิกฤตนี้มีผลกระทบไปทั่วโลก ทุกประเทศ ทุกสาขาอาชีพ ภาคการเกษตรก็ไม่เว้น แต่เรามีการบูรณาการการทำงานในทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างประเทศ บูรณาการร่วมกัน” นายเฉลิมชัย กล่าว

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า วันที่ตนเข้ามากำกับดูแลการยางแห่งประเทศไทยมีหน้าที่กำกับมอบนโยบายไม่มีหน้าที่เซ็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ให้นโยบายต้องทำงานอย่างสุจริตไม่ผิดกฎหมาย และกำชับอีกว่าถ้าท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องตนจะปกป้องท่าน แต่ถ้าท่านทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตนจะดำเนินการกับท่านโดยเด็ดขาด  เรื่องของยางพารา 104,000 ตัน มียางพาราอยู่ในสต๊อก 104,000 ตันเศษ ซึ่งอย่างที่เก็บไว้เสียค่าเช่าโกดังค่าประกันภัยจะได้รับการชดเชยโดยสัญญาทุกปีจะสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี และเริ่มต้นมิถุนายน การยางแห่งประเทศไทยทำสัญญาเช่าเริ่มตั้งแต่ปี 2555 โครงการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง

โดยการซื้อยางเข้าสู่สต๊อก เพื่อให้ยางในตลาดมีปริมาณน้อยลง เพื่อรักษาเสถียรภาพ เพราะขณะนั้นราคายางตกมาก จาก กิโลกรัมละ 180 บาทเหลือ 90 บาท เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 จึงรับซื้อยางเข้ามา ปริมาณทั้งหมด 213,492 ตันในราคาเฉลี่ย 98.96 บาทต่อกิโลกรัม งบประมาณ 22,782 ล้านบาท และในปี 2557 มีโครงการมูลพันธ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพาราเพื่อให้ยางในตลาดขณะนั้นมีราคาไม่ต่ำจนเกษตรกรไม่มีจะกิน  ที่ซื้อยางเข้าสต๊อกทั้ง 2 ครั้ง ปี 2555 กับ 2557 เพื่อตัดปริมาณยางในตลาดรักษาสถานภาพราคายางเมื่อมีการนำยางเข้ามาในสต๊อก มีการระบายยางโดยครั้งแรกในปี 2557 มีการลงนามสัญญา 278,000 ตัน เมื่อทำสัญญาแล้วราคายางตกลงอย่างมากบริษัทรับยางเพียง 37,602 ตัน เนื่องจากราคาตกมากจึงไม่ได้รับครบจึงเป็นไปสู่การกำหนด TOR ในการประมูล

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า การประมูลครั้งที่ 2 ประมูลในรอบปี 2559-2560 ซึ่งเป็นการประมูลแบบคละเหมาคุณภาพแยกโกดัง ให้พ่อค้าเข้าไปตรวจสอบคุณภาพหากพอใจโกดังไหนที่ประมูลโกดังนั้น พ่อค้าก็เลือกยางดีดีไปหมด การประมูลครั้งที่ 2 เหลือยางในสต๊อกจนถึงปัจจุบัน 104,000 ตันเศษ 9 ปีเต็ม เป็นยางที่ถูกคัดเลือกของดีไปเรียบร้อยแล้ว ยางในสต๊อกนี้คือฝันร้ายของพี่น้องเกษตรกร ตนมาช่วยคลายล็อกให้พี่น้องเกษตรกรไม่ต้องฝันร้ายต่อไปอีก จะได้ไม่ถูกยางในสต๊อกเป็นข้ออ้างของพ่อค้าบางกลุ่มกดราคา อ้างว่ายางไม่ขาดมีในสต๊อก ทั้งที่ยางในสต๊อกไม่มีสภาพที่พร้อมใช้แล้ว  ยางแผ่นดิบปกติเก็บ 6 เดือนสีก็เปลี่ยน ระหว่างปี 2555-2559 ค่าใช้จ่ายในการซื้อยางเข้ามาในสต๊อก ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัยยางพาราใช้เงินทั้งสิ้น 2,317 ล้านบาท และปี 2559 ถึงปี 2564 ยาง ค่าใช้จ่ายรวมกัน 925 ล้านบาท โดยเป็นเงินงบรายจ่ายการยางแห่งประเทศไทยจากเงินกองทุนพัฒนายางพาราซึ่งใช้ดูแลพี่น้องชาวเกษตรกร จึงเป็นฝันร้ายที่ 2 ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง

"คณะกรรมการการยางธรรมชาติจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ให้ระบายยางในสต๊อกนี้ให้หมดโดยเร็ว และนำเข้า ครม.วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 การระบายต้องดูจังหวะที่เหมาะสมและไม่กระทบกับราคายางในตลาดมากนักเมื่อ ครม.ได้รับทราบ ตนในฐานะกำกับดูแลการยางแห่งประเทศไทย ให้นโยบายการยางแห่งประเทศไทยในการระบายอย่างสต๊อก 1.ให้การยางแห่งประเทศไทยดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระบายเพื่อไม่ให้กระทบราคายางในตลาด

2.พี่น้องเกษตรกรต้องได้รับประโยชน์

3.ต้องรักษาผลประโยชน์ภาครัฐเพราะเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

4.ต้องทำโดยสุจริตโปร่งใสตรวจสอบได้ และถูกต้องตามระเบียบ

ที่เน้นย้ำที่สุดคือห้ามทุจริตคอรัปชั่นโดยเด็ดขาด ถ้าเขาทำทุจริตผิดกฎหมายผมไม่ละเว้นอยู่แล้วและนอกจากผมไม่ละเว้นแล้วยังมีหน่วยงานมากมายที่รอการตรวจสอบท่านสามารถฟ้องได้เลย เพราะถ้าไม่ถูกต้องผมก็ไม่ชอบ อยู่ประเทศไทยทำร้ายประเทศผมก็ไม่เอา " นายเฉลิมชัย กล่าว

อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางและ “น้องเทนนิส” ส่งกำลังใจผ่านโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19”

“โครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” โดยโลตัส (lotus’s) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรกว่า 100 องค์กร อาทิ สำนักข่าวบางกอกทูเดย์ นำอาหารกล่องมอบให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เขตจตุจักร เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานช่วงโควิด ตลอดจนชุมชนต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ประกอบด้วย ชุมชนร่มเย็น คลองสามวา, ชุมชนเลิศอุบล พระยาสุเรนทร์ 44, ชุมชนศาลเจ้ากวนอูหลอแหล ,  ชุมชนเสรีไทย 73 (สน.บึงกุ่ม),  ชุมชนเฟื่องฟ้าวิลเลจ,  ชุมชนเคซีสุขาภิบาล 5 และแคมป์คนงานเคซี และ  ชุมชนพรรณี วิภาวดีรังสิต ซอย 17 โดยมี ดร.ปัณฑิพาณ์  ธาราภิบาล และทีมงาน เป็นผู้แทนเดินทางไปส่งมอบอาหารกล่อง 

ในโอกาสนี้ นางอโนชา ชีวิตโสภณ  อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้กล่าวขอบคุณโครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19 ที่เป็นพลังสำคัญต่อการมีส่วนร่วมช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ผู้คนในสังคมผ่านพ้นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นน้ำใจของคนไทยไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือรุนแรงครั้งใด น้ำใจของคนไทยช่วยเหลือคนไทยด้วยกันไม่เคยเหือดแห้งและขอส่งกำลังใจให้กับทุก ๆ คน ทุก ๆ ฝ่ายในการฝ่าฟันวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ 

“ในฐานะที่ทำงานด้านดูแลเด็กและเยาวชน ขอแสดงความห่วงใยกับอนาคตของชาติทุกคน ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เช่น การรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากผู้อื่น แม้ว่าผู้นั้นจะไม่ได้ป่วยก็ตาม การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิดหรือเว้นระยะห่างไม่ได้ หลีกเลี่ยงพื้นที่ปิด ใช้สบู่ และน้ำหรือเจลล้างมือที่มีส่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์ เมื่อรู้สึกไม่สบายรีบแจ้งผู้ใหญ่และปรึกษาแพทย์ก่อนอาการรุนแรง อย่างไรก็ตามขอให้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ  เพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ค่ะ”

น้องเทนนิส-เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 และ Brand Endorser ของโลตัส กล่าวว่า ในขณะนี้นี้สถานการณ์โควิด-19 ยังคงรุนแรงอยู่ มีผู้ติดเชื้อ และผู้ที่ต้องทำการกักตัวอยู่ที่บ้านเพิ่มขึ้นทุกวัน อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง นอกจากสุขภาพกายที่ต้องดูแลแล้ว สุขภาพของจิตใจ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ต้องดูแล ในฐานะที่ตนเองเป็นนักกีฬาเข้าใจว่าสุขภาพใจนั้นสำคัญไม่ต่างจากสุขภาพกาย เทนนิสคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้คือ การให้กำลังใจกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ หมอและพยาบาล มูลนิธิและจิตอาสา หรือผู้ป่วยและคนที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เทนนิสคิดว่าทุกคนต้องการกำลังใจในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายนี้ จึงอยากขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้กับคนไทยทุกคน เพื่อที่เราจะผ่านวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกันค่ะ

สำหรับ “โครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” เป็นความร่วมมือระหว่าง โลตัส (lotus’s) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรกว่า 100 องค์กร โดยมีเป้าหมายมอบอาหารกล่อง 2,000,000 กล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน โดยอาหาร 1,000,000 กล่องมาจากการสนับสนุนร้านอาหารรายย่อยในการผลิตและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่วนอาหารอีก 1,000,000 กล่องได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์

สตม. มอบอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม 500 ชุด ให้แก่ชุมชนย่าน ถ.เอกชัย ตามโครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน"

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19  ให้หน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และยึดมั่นในหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจสามารถพึ่งพาได้

วันนี้ (3 ก.ย.64) เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ท.พรชัย ขันตี ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ปฏิบัติราชการ สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 ร่วมกับ พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ร่วมกับ สน.บางขุนเทียน โดย พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก.สน.บางขุนเทียน และ คุณประสิทธิ์ เจริญจิตมั่น ประธาน กต.ตร.สน.บางขุนเทียน มอบอาหารกล่อง,น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด

โดยทั้งหมดได้ร่วมกันมอบสิ่งของดังกล่าวให้แก่ ชุมชนวัดมะเกลือ, ชุมชนหนทางใหม่ปิ่นทอง 35 หมู่ 3, ชุมชนกำนันแม้น13, ชุมชนสวนผัก ที่ตั้งอยู่บริเวณ ถ.เอกชัย เขตจอมทอง กทม. โดยมีคุณสมาน อารีย์ศีลพิทักษ์ ตัวแทนชุมชนมาเป็นผู้รับมอบ ซึ่งจะนำไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกในชุมชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป

พล.ต.ท.พรชัยฯ กล่าวว่า โครงการ "ตำรวจห่วงใย ใส่ใจประชาชน" ครั้งนี้ เป็นการสนองนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในครั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจนครบาล9 และ สน.บางขุนเทียน ร่วมกันให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เน้นย้ำให้ประชาชนตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้และปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

'ภูเก็ต' ยอดติดเชื้อพุ่งวันละกว่า 200 คน เร่งสกัดเชื้อก่อนกระทบแซนด์บ็อกซ์

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในภูเก็ตยังน่าเป็นห่วง จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ล่าสุด วันเดียว 235 ราย จากคลัสเตอร์ใหญ่ในกลุ่มชาวไทยใหม่ เร่งสกัดเชื้อ ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ก่อนกระทบแซนด์บ็อกซ์

สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ภูเก็ต ยังอยู่ในขาขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวันวันละ 200 กว่าคน ตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รายงานสถานการณ์การติดเชื้อเพิ่มอีก 235 ราย ทั้งหมดเป็นการติดเชื้อในพื้นที่ภูเก็ต

แม้ว่าขณะนี้สำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสกัดการแพร่เชื้อ ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง พื้นที่เสี่ยง ชุมชนแออัด และตามรอยผู้ที่ติดเชื้อ แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น การติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ ละ 200 กว่าคน ทั้งนี้เนื่องจากการติดเชื้อที่เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่เริ่มจากกลุ่มแรงงานต่างด้าวได้แพร่กระจายสู่ชุมชน โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยใหม่ ทั้งแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ หาดราไวย์ บ้านสะปำ และไม้ขาว ตรวจพบเชื้อเป็นจำนวนมากในแต่ละชุมชน และขณะนี้เชื้อได้กระจายไปทุกพื้นที่ของภูเก็ตแล้ว

รวมไปถึงจังหวัดภูเก็ตได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสกัดเชื้อ ทั้งมาตรการทางสาธารณสุขและมาตรการทางสังคม แต่ยังไม่สามารถหยุดเชื้อโควิด-19 ลงได้ในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องเร่งสกัดเชื้อต่อไปเพราะหากปล่อยให้สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มอยู่แบบนี้ อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรืออาจจะต้องมีการปรับลดกิจกรรมในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ได้

โควิดตัวกลายพันธุ์ 'มิว' ย่องระบาดในสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ติดเชื้อเกือบทุกรัฐในประเทศ

นิวส์วีค นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธ (1 ก.ย.) ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ ‘มิว’ ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์บางส่วนกังวลว่าอาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันของวัคซีน ถูกตรวจพบในรัฐต่าง ๆ เกือบทั่วสหรัฐฯ แต่ยังมีสัดส่วนเล็กน้อยมากไม่ถึง 1% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในอเมริกา

เมื่อวันจันทร์ (30 ส.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เพิ่งประกาศให้ตัวกลายพันธุ์ ‘มิว’ เป็น ‘สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ (variant of interest)’ ทำให้มันกลายเป็นตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 5 ที่อยู่ในบัญชีดังกล่าว

พวกเจ้าหน้าที่มีความกังวล ด้วยที่สายพันธุ์นี้มีบ่อเกิดจากการกลายพันธุ์ บ่งชี้ว่ามันอาจสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และแม้ยังพบเคสผู้ติดเชื้อค่อนข้างน้อย แต่องค์การอนามยโลกระบุในรายงานฉบับหนึ่งว่าเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์มิว กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในโคลอมเบีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน และในเอกวาดอร์

เกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ ยกเว้นเนบราสกา เวอร์มอนต์และเซาท์ดาโคตา ต่างรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อตัวหลายพันธุ์มิวแล้ว ตามข้อมูลของ Outbreak.info ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแบบ open source จากสถาบันสถาบันวิจัยสคริปปส์ โดยมันมีอัตราความชุกสูงสุดในอะแลสกา คิดเป็นราว 4% ของเกือบ ๆ 4,000 ตัวอย่าง

มีอยู่ 15 รัฐ ประกอบด้วย นิวแฮมป์เชียร์ เวสต์เวอร์จิเนีย เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี เคนทักกี แอละแบมา มิสซิสซิปปี ลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี ไอโอวา นอร์ทดาโคตา มอนแทนาและโอคลาโฮมา พบผู้ติดเชื้อราว ๆ 10 เคสหรือต่ำกว่านั้น

24 รัฐ พบผู้ติดเชื้อระหว่าง 11 เคสถึง 50 เคส ส่วน 4 รัฐ ประกอบด้วย นิวยอร์ก นิวเจอร์ซี เท็กซัสและวอชิงตัน พบผู้ติดเชื้อสูงสุดไม่เกิน 100 เคส ขณะที่ฟลอริดาเป็นรัฐเดียวที่พบผู้ติดเชื้อราว ๆ 100 ถึง 200 เคส และแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์มิวมากที่สุด 289 เคส

นับตั้งแต่ตรวจพบตัวกลายพันธุ์มิวในเดือนมกราคม องค์การอนามัยโลกเน้นว่ามีรายงานเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์นี้ประปรายเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าด้วยคุณสมบัติการกลายพันธุ์ของมัน ก่อข้อสันนิษฐานว่ามันอาจสามารถแพร่เชื้อสู่คนที่มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 โดยธรรมชาติหรือคนที่ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว ซึ่งในกรณีจำเป็นต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานดังกล่าว

นอกจากนี้แล้วยังมีความเป็นไปได้ว่าวิธีรักษาด้วย Monoclonal Antibodies (แอนติบอดีที่สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาว) ซึ่งได้ผลดีในบรรดาคนไข้ก่อนหน้านี้ อาจไม่ได้ผลกับตัวกลายพันธุ์มิวเช่นกัน

คาดหมายกันไว้อยู่แล้วว่าตัวกลายพันธุ์ต่าง ๆ นานาของ SARS-CoV-2 จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นวิวัฒนาการโดยธรรมชาติของไวรัสตัวหนึ่ง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกกำลังจับตามองตัวกลายพันธุ์อื่น ๆ อีก 4 ตัว ในฐานะ ‘สายพันธุ์ที่น่ากังวล’ ประกอบด้วยอัลฟา เบตา แกมมาและเดลตา ซึ่งทั้งหมดมีทั้งแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย ก่อการติดเชื้ออาการรุนแรงกว่าเดิม หรือลดประสิทธิภาาพของมาตรการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงวัคซีนและการรักษา

เดลตา ซึ่งถูกจัดให้เป็นตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลในเดือนพฤษภาคม กลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ และกำลังโหมกระพือการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ในกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

นอกเหนือจากตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลทั้ง 4 ตัวแล้ว องค์การอนามยโลกกำลังจับตาตัวกลายพันธุ์อื่น ๆ อีก 5 ตัว ในฐานะ ‘สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ’ ประกอบไปด้วย อีตา ไอโอตา แคปปา แลมบ์ดาและ มิว สืบเนื่องจากทั้งหมดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่อาจทำให้พวกมันแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายกับมนุษย์ และพบว่าพวกมันก่อให้เกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดต่าง ๆ นานาในหลายประเทศ

แม้ว่าวัคซีนไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% แต่วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นอาวุธสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และกันไม่ให้ผู้คนล้มป่วยอาการหนักหากมีผลตรวจเป็นบวก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีความกังวลว่าหากไวรัสยังคงแพร่ระบาดอย่างไม่ลดละ อาจถือกำเนิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ตัวหนึ่ง ๆ ที่สามารถต้านทานภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้


(ที่มา:นิวส์วีค)
https://mgronline.com/around/detail/9640000087122

'ผู้ว่าฯ ปู' โพสต์ข้อความ โควิด-19 ยังอยู่อีกนาน และปัญหาฝุ่น PM 2.5 เริ่มมากขึ้น ลั่น! พร้อมแก้ไขทั้งสองปัญหา

แม้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป 

อย่างไรก็ตามทางด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า... 

เจอสถานการณ์โควิดอย่างทุกวันนี้ ลำบากกันถ้วนหน้า ขยับอย่างไร ยากจะหาความพอใจได้ทุกคน ณ เวลานี้ ต้องขอแต่เพียงประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

คิดแต่เรื่องโควิด จนเกือบลืมไปว่า ที่สมุทรสาครเป็นดงโรงงาน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 กำลังคืบคลานมา และเป็นปัญหาหนักตอนปลายปีเสมอ

เราเตรียมรับมือเชิงรุกกับ PM 2.5 ไว้ 2 เรื่อง... 

1.) ปรับภูมิทัศน์ถนนเอกชัยเป็นถนนนำร่อง ความยาวประมาณ 13 ก.ม. ครอบคลุม 5 ตำบล ปลูกต้นไม้ให้เป็นแบบเดียวกัน

ใช้ต้นไม้เป็นตัวกรองมลพิษที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

2.) ติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศในทุกตำบล อย่างน้อยตำบลละ 1 จุด เพื่อบอกถึงคุณภาพอากาศในแต่ละจุดย่อย

ที่มีอยู่แล้ว เป็นเครื่องขนาดใหญ่ บอกให้เราทราบได้ถึงปัญหาของจังหวัด

แต่ถ้าจุดตรวจสอบเล็กลง เราจะสามารถเกาได้ถูกที่คันมากขึ้น

ทั้งสองเรื่อง สมุทรสาครพัฒนาเมือง (วิสาหกิจไม่แสวงหากำไร) เป็นโต้โผใหญ่

ทั้งหมดผ่านการประชุมทางไกลเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าท้องถิ่นแต่ละแห่ง จะสามารถดำเนินการได้ในเร็ววันนี้

ใครจะไปคิดมาก่อนว่า วันนี้ เราต้องมาอยู่ในโลกออนไลน์เต็มตัว ประชุมออนไลน์ แลกเปลี่ยนความเห็นออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ออนไลน์ เป็นวิทยากรออนไลน์

โควิดยังอยู่กับเราอีกนาน


ที่มา: https://www.facebook.com/2321609178162644/posts/3108695139454040/

‘เทพ โพธิ์งาม’ ฝากข้อคิดการสู้ชีวิต 5 ข้อ ผ่านเพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’

เพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’ ได้โพสต์ข้อความแนวคิดการสู้ชีวิต ของ ‘เทพ โพธิ์งาม’ หรือ ป๋าเทพ เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า 5 ข้อคิด จาก - เทพ โพธิ์งาม 

1.) ยอมรับความเปลี่ยนแปลง - ปรับตัว
เราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลง สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่เหมือนสมัย 10 - 20 ปีก่อน ยังคล่องตัวอยู่ ไม่หนักหนาสาหัสขนาดนี้ บางคนมักนำปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับอดีตแล้วไม่ยอมรับ ซึ่งที่จริงแล้วควรต้องยอมรับ เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมให้แง่คิดในสไตล์แกว่า “เมื่อเราสมัครมาจะเป็นมนุษย์แล้ว ร้อนก็ต้องอยู่ได้ หนาวก็ต้องอยู่ได้ ในโลกปัจจุบันเราก็ต้องปรับตัวประคองเอาชีวิตให้อยู่รอด ให้มีชีวิตอยู่”

2.) รู้จักตัวเอง ทำแค่พอดีตัว อย่าประมาท
ถ้าจะเริ่มธุรกิจต้องดูตัวเอง ความหมายก็คือ ต้องรู้จักประเมินศักยภาพ ความสามารถของตนเองเสียก่อน รวมถึงเงินทุนที่มีอยู่ อย่าเพิ่งไปมองธุรกิจอะไรที่เกินกำลัง เพราะถ้าต้องไปกู้มาลงทุนเกินกำลัง นั่น คือ ความประมาท

ทั้งนี้ ป๋าเทพ บอกว่า “อย่าประมาท” คือ บทเรียนที่แกจำขึ้นใจ เพราะนี่คือปัจจัยสำคัญที่เคยทำให้แกเจ๊งมาหลายครั้ง โดยในข้อนี้ น่าจะเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกมาใช้ชีวิตวัยทำงาน หรือ มองหาเส้นทางในการสร้างธุรกิจของตนเอง

3.) ก้าวข้ามความผิดพลาดในอดีต อยู่กับปัจจุบัน
เพราะความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ทุกการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง แต่สำหรับป๋าเทพเอง ในเรื่องนี้แกมองว่า ถ้าทำพลาด หรือ ล้มไปแล้ว ก็ให้ล้มไป แต่ควรผ่านมันไปให้ได้ และไม่ควรมานั่งเสียดาย เสียใจ ยึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ต้องมองไปข้างหน้าว่าจะมีช่องว่างอะไรที่ทำให้เราได้คิด ได้วางแผน หรือไม่

โดยกล่าวว่า “ชีวิตไม่ได้หมดแค่นั้น ชีวิตพลาดทีเดียวไม่ได้หมายความว่าจบ หรือ หมดแค่นั้น คนที่เขาประสบความสำเร็จ บางคนเขาก็เจ๊งมาเยอะแยะ แต่มีความไม่ยอมแพ้ เชื่อไหมว่าคนทำหมื่นคน จริง ๆ มันมีคนพลาดเกือบ 9 พันกว่าคน สำเร็จออกมาไม่ถึง 10 คน แต่สุดท้ายก็อยู่ตรงที่ตัวเราเองว่าจะพัฒนา หรือ ดูแลให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้นอย่างไร”

4.) เรียนรู้จริงจากมหาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ถือเป็นคำกล่าวอมตะที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายคนมักนำมาพูดถึง แต่ในมุมของนักสู้ชีวิตที่ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้งก็นำสิ่งนี้มาใช้เช่นกัน โดยป๋าเทพถือว่าความล้มเหลวที่ผ่านมาคือการลงทุนเพื่อหาความรู้ให้ตนเองผ่านมหาลัยชีวิต ที่แกนิยามไว้ดังนี้

“โรงเรียนมหาลัยชีวิต คือ โรงเรียนที่ต้องคิดว่าเริ่มต้นมาแล้วจะทำยังไง มันไม่มีวิชาในสถาบันเลยพวกนี้ มันเป็นวิชาที่ต้องมาเรียน เก่งมาจากไหน จบมาจากไหนก็ต้องมาเรียน เงินที่ลงทุนทำมาหากินไปมันเหมือนเป็นค่าเรียน พลาดพลั้งบ้างอะไรบ้าง มนุษย์มีกรอบอยู่ ความคิดสามารถเลยกรอบได้ แต่การประคองชีวิตมันก็ต้องเสี่ยง และใช้ความสามารถมากหน่อย มันจะมีสิ่งที่เป็นวิชาใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่เรานึกไม่ถึงก็มี นั่นแหละก็คือการเรียน

5.) ทุกอย่างต้องวิเคราะห์
เพราะ “การวิเคราะห์” เป็นอีกหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ หรือ ทำงานต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ช่วยสะท้อนจุดอ่อน จุดแข็ง หรือ ช่องโหว่ รอยรั่วที่มี เพื่อให้เราสามารถเติม หรือ เสริมในส่วนนั้น ๆ ได้ทัน ซึ่งในความล้มเหลวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ป๋าเทพ ก็ยอมรับว่า นี่ถือเป็นอีกจุดอ่อนสำคัญที่แกได้เรียนรู้และพบเจอ

“จะทำอะไรมันต้องมีการวิเคราะห์ สมัยก่อนที่ป๋าเจ๊งมาตลอด ก็มาจากส่วนหนึ่งเราไม่ได้คิดจ้องแต่จะโดดอย่างเดียว มองภาพสวยงาม เช่น ทำตรงนี้ได้กำไรเท่านี้แน่เลย แต่ไม่ได้คิดเลยว่าถ้าขายไม่ได้จะทำยังไง ไปหวังแต่สิ่งที่คิดว่าจะได้ พอมันพลาดก็เสียใจ เพราะว่าไม่ได้รอบคอบ ไม่ได้เรียนรู้มาก่อน สุดท้ายเราต้องสู้ ถ้ากูยอม กูก็อด อย่าไปท้อ”

“ความฝันตื่นมาแล้วก็จบ แต่ความจริงคือสิ่งที่ต้องติดตาม” และนี่คืออีกหนึ่งแง่มุมที่กลั่นออกมาเป็นบทเรียนจากชีวิตจริงของชายที่ชื่อว่า เทพ โพธิ์งาม


Cr. บทสัมภาษณ์จาก aommoney / Cr.ภาพจาก Zurrreal)

"คนพิการไทย หัวใจแบ่งปัน" จากผู้รับกลายเป็นผู้ให้...โดยนายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ร่วมส่งมอบข้าวสารให้แก่คนพิการ สืบเนื่องจากปัญหาสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ณ ชุมชนทิวสนพัฒนา ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สืบเนื่องสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้พี่น้องประชาชน / คนพิการ  / ผู้ยากไร้ ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ขาดรายได้ ตกงาน และเกิดปัญหาอีกมากมายตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น "นายณรงค์ ไปวันเสาร์" นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มอบข้าวสารขาว 100% คัดพิเศษ จำนวนหนึ่ง เพื่อส่งมอบให้กับ "คนพิการ" และผู้ป่วยติดเตียง โดยมี "นายภูชิชย์ พิทักษ์กรณ์ " ฑูตอารยสถาปัตย์จังหวัดชลบุรี รหัส AX-3051 /สมาชิกสามัญคนพิการแห่งประเทศไทย (จังหวัดชลบุรี) ดำเนินการประสาน "นายวรวิทย์ รังสิโย" สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางพระ (สท.ฉัตร) และคณะกรรมการชุมชนทิวสนพัฒนา ประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งจัดผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมารับบริจาคสิ่งของต่าง ๆ ในวัน-เวลา ดังกล่าว (สำหรับคนพิการที่ไม่สามารถเดินทางมารับได้ด้วยตนเอง ทางเรามีหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปมอบถึงที่บ้าน หรือญาติมารับแทนก็ได้)

โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยจึงถือหลัก "New Normal" วิถีชีวิตแนวใหม่ และมีเจ้าหน้าที่ อสม. มาร่วมวัดอุณหภูมิคัดกรอง ฉีดพ่นแอลกอฮอล์ ให้กับผู้ที่มาร่วมงานทุกท่าน


ภาพ/ข่าว  น.ท.หญิงพิมพ์ผกา พิทักษ์กรณ์

เพจดัง “Drama-addict” งัดผลวิจัย ชี้! บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ทำให้เซลล์ตายใน 30 นาที

จากการนำเสนอข่าว “เตือนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 30 นาที เซลล์ถูกทำลาย เสี่ยงป่วยโรคหัวใจ ปอด มะเร็ง” โดยเพจ “อีจัน” โดยอ้างข่าวจากแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดีและประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ทำให้ชาวเน็ตหัวร้อน เข้าไปแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ในขณะนี้นั้น “จ่าพิชิต" เจ้าของเฟซบุ๊กเพจชื่อดัง “ดราม่า แอดดิก” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ดราม่า แอดดิก” (Drama-addict) ระบุว่า จากงานวิจัยไม่ได้แปลว่า สูบแล้วเซลล์ตายในสามสิบนาที และยังคงต้องศึกษาต่อไปว่าระดับของอนุมูลอิสระในเซลล์ หรือ cellular oxidative stress ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวข้องกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่

ข้อความในเฟซบุ๊กเพจ “ดราม่า แอดดิก” (Drama-addict) ระบุว่า “อันนี้คอมเมนต์กำลังเดือด จ่าเลยไปหางานวิจัยอ้างอิงมาอ่านดูเป็นงานวิจัยแบบนี้ครับ นักวิจัย เอาเด็กวัยรุ่น 30 กว่าคน มาแบ่งสามกลุ่ม แบ่งเป็น 1. กลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่ 2. สูบบุหรี่ปรกติ 3. สูบบุหรี่ไฟฟ้า จากนั้นให้ทั้งสามกลุ่ม ปื้ด ๆ ๆ สูบบุหรี่ไฟฟ้า แล้วก็วัดค่า cellular oxidative stress หลังจากสูบสามสิบนาที ซึ่ง cellular oxidative stress นี้ หมายถึง ภาวะเครียดที่เกิดจากออกซีเดชัน ประมาณว่า เกิดพวกอนุมูลอิสระ ที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ ในระยะยาวก็อาจทำให้เซลล์ตาย หรือเสื่อมสภาพจนเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ทีนี้ นักวิจัย วัดค่า cellular oxidative stress นี้ เทียบในทั้งสามกลุ่ม พบว่า ค่านี้ ในกลุ่มที่สูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้ว ไม่ได้สูงขึ้นแต่อย่างใด (นักวิจัยโน๊ตไว้ว่า น่าจะเป็นเพราะค่าเบสไลน์ของกลุ่มนี้สูงอยู่แล้ว) แต่ค่านี้ในกลุ่มที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย พุ่งสูงขึ้น 2-4 เท่า”

“ซึ่งยังต้องศึกษากันต่อไปว่า cellular oxidative stress ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ มีปัจจัยใดในบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีผลต่อมันบ้าง และจะมีผลระยะยาวต่อสุขภาพอย่างไร และคนที่ปรกติไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว ก็ดีแล้ว อย่าลองสูบ ไม่ว่าจะบุหรี่จริงหรือบุหรี่ไฟฟ้า เพราะมันมีผลกับค่านี้เยอะกว่าในกลุ่มที่สูบอยู่แล้วมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่า สูบแล้วเซลล์ตายในสามสิบนาทีนะเธอว์ คนละประเด็นกัน”

โพสต์ดังกล่าวมีสมาชิกแฟนเพจเข้ามากดถูกใจกว่า 6 พันราย และยังแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่องอีกเกือบ 900 ราย ซึ่งต่างก็บอกตรงกันว่าเคยสูบบุหรี่มาหลายปี ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพราะรู้ว่าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ และก็พบว่าร่างกายดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย ในขณะที่ส่วนใหญ่ก็เรียกร้องให้หยุดแอนตี้บุหรี่ไฟฟ้าและนำเสนอข้อมูลที่ไม่บิดเบือน รวมถึง เจ้าของเพจดัง 'เบ๊น อาปาเช่' ที่มาแสดงความคิดเห็นเช่นกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่

‘เกาะติดภารกิจพันธมิตรจิตอาสา’ มอบข้าวปันอิ่มชุมชนพหลโยธิน 66 รวมใจพัฒนา หวังสร้างความสุข เติมรอยยิ้ม สู้ภัยโควิดไปด้วยกัน

เกาะติดภารกิจพันธมิตรจิตอาสา วันที่ 2 กันยายน ที่ชุมชนพลโยธิน 66 รวมใจพัฒนา เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร น.อ.วันชัย ทับเงิน ประธานกรรมการชุมชน พร้อมคณะกรรมการ รับมอบข้าวกล่องพร้อมทานจาก "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากนายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรจิตอาสาจากองค์กรต่างๆ ประกอบด้วย มูลนิธิสหชาติ สำนักข่าว News Online Thailand เว็ปไซต์ข่าวจั่นเจา Canchaonews.com หนังสือพิมพ์ดีดีโพสต์ นิวส์ เพื่อส่งมอบถึงมือชาวบ้านได้ปันอิ่ม

นายสมชาย จรรยา เปิดเผยว่า กิจกรรมที่สมาคมฯร่วมกับพันธมิตรจิตอาสาครั้งนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม จนถึงวันที่ 26 กันยายน โดยเป็นสะพานบุญ รับมอบเพื่อส่งต่อข้าวกล่องพร้อมทานโครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" ของบริษัทในเครือซีพี  และ น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ร่วมส่งกำลังใจถึงพี่น้องประชาชนผ่าน “ข้าวกล่องปันอิ่ม”

นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดเชื้อโควิด เพื่อช่วยเหลือให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ซึ่งวันนี้มอบให้กับชุมชนตั้งอยู่ตะเข็บรอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครฝั่งเหนือ ติดกับ จ.ปทุมธานี

ด้านน.อ.วันชัย ทับเงิน กล่าวว่า ชุมชนแห่งนี้มีผู้พักอาศัยจำนวน 108 ครัวเรือน มีสมาชิกกว่า 400 คน มีผู้ที่ติดเชื้อโควิด และส่งตัวไปทำการรักษายังโรงพยาบาลแล้ว 4 ราย และผู้ป่วยติดเตียงอีก 2 ราย โดยภายในชุมชนมีทั้งผู้ป่วยติดเตียง คนพิการ ผู้ติดเชื้อโควิด คนตกงาน ล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ พันธมิตรจิตอาสา ยังนำข้าวกล่องพร้อมทานส่งมอบให้กับ พนักงานทำความสะอาดกทม. วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และคนเร่ขายไอศครีม ได้ปันอิ่ม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top