Tuesday, 29 April 2025
ECONBIZ NEWS

จากกรณีคดีเลี่ยงภาษีนำเข้ารถโตโยต้า พรีอุส ที่มีปัญหาเลี่ยงภาษีเป็นเงินมหาศาล 11,000 ล้านบาท และมีการกล่าวหาบิ๊กตุลาการรับสิบบนช่วยล้มคดีให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นั้น ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รายงานว่า...

จากกรณีคดีเลี่ยงภาษีนำเข้ารถโตโยต้า พรีอุส ที่มีปัญหาเลี่ยงภาษีเป็นเงินมหาศาล 11,000 ล้านบาท และมีการกล่าวหาบิ๊กตุลาการรับสิบบนช่วยล้มคดีให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นั้น ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รายงานว่า

"...เว็บไซต์ taxnotes ยังได้รายงานต่อไปว่า การเปิดเผยข้อมูลความเป็นไปได้ว่าจะมีการให้สินบนในเว็บไซต์ LAW360 นั้น แท้จริงแล้วเกิดขึ้นหลังจากที่มีการฟ้องร้องกันระหว่างบริษัทที่ชื่อว่าไฮร์คอนเซล (HC2) ที่ถูกว่าจ้างมาจากบริษัทวิลเมอร์เฮลอีกต่อหนึ่ง เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนภายในให้กับบริษัทโตโยต้ากับนายแอนดรูว์ เดลานีย์..."

ประเด็นตรวจสอบกรณีเว็บไซต์ LAW360 ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข่าวและวิเคราะห์ด้านกฎหมายในสหรัฐอเมริกา ออกมาเผยแพร่ข้อมูลลับกรณีบริษัท โตโยต้า คอร์ปฯ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น รายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) รวมถึงกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) เมื่อ เม.ย. 2563 ว่า มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทลูกแห่งหนึ่งของโตโยต้าในไทย อาจกระทำการละเมิดกฎหมายต่อต้านการติดสินบน (Anti-Bribery Laws) ของสหรัฐฯ โดย LAW360 มีการกล่าวอ้างผลการสอบสวนพาดพิงถึงบุคลากร อดีตผู้พิพากษาระดับสูงในศาลฎีกา ผู้พิพากษาในศาลฎีกา สำนักงานกฎหมาย และบุคคลที่เกี่ยวข้องในแวดวงกระบวนการยุติธรรมไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการจ่ายสินบน ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในขณะนี้นั้น 
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข้อมูลเชิงลึกในต่างประเทศไปแล้วว่า นายแอนดรูว์ เดลานีย์ อดีตทนายความจากสำนักกฎหมายบิ๊กลอว์ (Big Law) ที่เคยทำงานในฐานะทีมงานที่ถูกว่าจ้างและกำกับดูแลจากบริษัทวิลเมอร์เฮล ให้ดำเนินการสอบสวนภายในบริษัทโตโยต้า ได้ออกมาเปิดโปงว่า นายไมเคิล โพซาด้า หนึ่งในที่ปรึกษาด้านกฎหมายของประธานาธิบดีโจ ไบเด้น ผู้ที่เคยเป็นอดีตทนายความของบริษัทวิลเมอร์เฮลนั้นมีพฤติกรรมการปกปิดการกระทำอันไม่ถูกกฎหมายของบริษัทโตโยต้าในประเทศไทย และมีการฟ้องร้องเป็นคดีความที่ศาลแขวงรัฐฟลอริดา โดยนายไมเคิล โพซาดา ถูกเรียกตัวมาให้การเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา และมีรายงานว่าอดีตนักกฎหมายคนอื่นที่ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ทำเนียบขาวนั้นก็ถูกเรียกตัวมาให้ปากคำต่อหน้าศาลแขวงรัฐฟลอริดาเช่นกัน  

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นฐานข้อมูลในต่างประเทศ พบรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เพิ่มเติม มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับคดีความการเลิกจ้างนายแอนดรูว์ เดลานีย์ อดีตทนายความจากสำนักกฎหมายบิ๊กลอว์ (Big Law) ที่เคยทำงานในฐานะทีมงานที่ถูกว่าจ้างและกำกับดูแลจากบริษัทวิลเมอร์เฮล ให้ดำเนินการสอบสวนภายในบริษัทโตโยต้า บนเว็บไซต์ taxnotes.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์การรายงานข่าวด้านกฎหมายของสหรัฐอเมริกา 
รายงานข่าวชิ้นนี้ เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 เม.ย. มีชื่อว่า “บริษัทโตโยต้าที่ถูกต้องสงสัยว่ามีการให้สินบนในประเทศไทย จากคำกล่าวอ้างของนักกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา” (Toyota Caught Up in Thai Bribery Claims Made by U.S. Lawyer)  

เนื้อหารายงานในช่วงแรก มีการกล่าวอ้างถึงข่าวลงวันที่ 5 เม.ย. ว่านายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจะมีการดำเนินการตรวจสอบในข้อครหาสินบนที่ปรากฎทางเว็บไซต์ LAW360 เมื่อช่วงวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ณ เวลานั้น ยังไม่ปรากฎข้อมูลว่า มีการจ่ายสินบนให้กับใครบ้าง

เว็บไซค์ taxnotes ยังได้รายงานต่อไปว่า การเปิดเผยข้อมูลความเป็นไปได้ว่าจะมีการให้สินบนในเว็บไซต์ LAW360 นั้น แท้จริงแล้วเกิดขึ้นหลังจากที่มีการฟ้องร้องกันระหว่างบริษัทที่ชื่อว่าไฮร์คอนเซล (HC2) ที่ถูกว่าจ้างมาจากบริษัทวิลเมอร์เฮลอีกต่อหนึ่ง เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนภายในให้กับบริษัทโตโยต้ากับนายแอนดรูว์ เดลานีย์

โดยย้อนไปในเดือน ก.ย. 2562 บริษัท HC2 ได้มีการว่าจ้างนายแอนดรูว์ เดลานีย์ ทนายความที่สามารถแปลภาษาไทยได้ให้มาทำงานตรวจสอบเอกสารที่สำนักงานในนครนิวยอร์ก    

อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงเดือน มี.ค. 2563 นายเดลานีย์ส่งอีเมลไปหาบริษัท HC2 และบริษัทสำนักกฎหมาย (ไม่ระบุชื่อ) แห่งหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาในอีเมลนั้นเป็นการบ่นถึงสภาพการณ์ว่าเพื่อนร่วมงานของเขามีอาการคล้ายกับเป็นหวัด เขาจึงขอให้ทำงานทางไกล หรือทำงานที่บ้านแทน แต่ปรากฏว่าทาง HC2 ตอบกลับมาว่าไม่สามารถให้ทำงานทางไกลได้ และลูกค้าของบริษัท HC2 ก็ได้มีการระงับโครงการการตรวจสอบเอกสารแล้ว หลังจากนั้นไม่นานนายเดลานีย์และเพื่อนร่วมงานของเขาก็ถูกเลิกจ้าง

ต่อมาในช่วงเดือน เม.ย. 2563 บริษัท HC2 ได้มีการยื่นฟ้องคดี (1:20-cv-3178-LJL) ที่ศาลแขวงสหรัฐสำหรับเขตทางตอนใต้ของนิวยอร์ก
โดยกล่าวหาว่านายเดลานีย์ซึ่งมีความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับการระงับโครงการ และการที่เขาถูกเลิกจ้าง นั้นมี “พฤติกรรมการสร้างข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ” 

ข้อมูลสรุปคดีระหว่างบริษัท HC2 กับนายแอนดรูว์ เดลานีย์ (อ้างอิงข้อมูลจากเว็บ CASETEXT.COM) โดยในการยื่นฟ้องคดีนั้น  บริษัท HC2 ระบุว่า นายเดลานีย์ได้กล่าวหาว่าบริษัทที่ทำหน้าที่จัดหาบุคลากรด้านกฎหมายได้มีการสมคบคิดกับบริษัทสำนักกฎหมายแห่งหนึ่ง และบริษัทลูกค้า เพื่อที่จะดำเนินการเลิกจ้างนายเดลานีย์ 

ขณะที่ นายเดลานีย์ได้มีการส่งจดหมายไปถึงบริษัทสำนักกฎหมายที่รับงานให้กับบริษัทลูกค้าเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2563

ในจดหมายมีการเรียกร้องเงินจำนวนทั้งสิ้น 450,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (14,017,500 บาท) และนายเดลานีย์ยังได้ข่มขู่ว่าจะมีการฟ้องร้องและเปิดโปงข้อมูลลับถ้าหากยังไม่ได้รับเงินจำนวนที่เรียกร้องในวันถัดมา  

เมื่อมีการปฏิเสธการจ่ายเงิน นายเดลานีย์จึงได้ฟ้องร้องต่อบริษัทของลูกค้าในชื่อของ จอห์นโด ที่ศาลรัฐฟลอริดา 

ต่อมาวันที่ 31 ส.ค. 2563 ทนายความของนายเดลานีย์ได้มีการยื่นบันทึกทางกฎหมายเพื่อคัดค้านต่อกรณีที่บริษัท HC2 ได้เรียกร้องให้ยกคำร้องที่นายเดลานีย์ที่โต้แย้งต่อการฟ้องร้องของบริษัท 

หน้าเว็บไซต์บริษัทไฮร์คอนเซล หรือ HC2 ผู้จ้างให้นายแอนดรูว์ เดลานีย์เข้ามามีส่วนในการแปลเอกสารภาษาไทย

นายเดลานีย์ ระบุว่า บริษัท HC2 นั้นมีพฤติกรรมเป็นตัวแทนและนายหน้าให้กับทั้งบริษัทโตโยต้าและบริษัทวิลเมอร์เฮล และยังกล่าวหาอีกว่าบริษัทจัดหาบุคลากร (HC2) ได้มีการเปิดโปงเขาในฐานะจอห์นโดฝ่ายโจทก์ยื่นฟ้องคดีที่รัฐฟลอริดา    

ทนายความของนายเดลานีย์ ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างก่อนหน้านี้ไปยังศาลว่า “กระบวนการทบทวนเอกสารที่กำลังจะสิ้นสุดลงและการจัดเก็บฐานข้อมูลเอกสารซึ่งอยู่ ณ ที่ทำการของบริษัทโตโยต้าที่ประเทศญี่ปุ่น ก็เพื่อจะมีการควบคุมเบ็ดเสร็จ และกระบวนการสอบสวนในประเด็นอันมีความเสี่ยงสูงว่าจะมีพฤติกรรมการทุจริตเกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงระยะเวลานานหลายปี การสืบสวนดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นถึงมีกิจกรรมการทุจริตและความเสี่ยงทางการเงิน ต่อบุคลลที่ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถานประกอบการประเทศไทย”

ทนายความของนายเดลานีย์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงเดือน พ.ย. 2562 นั้นนายเดลานีย์ยังได้รับอีเมลอันน่าสงสัยฉบับหนึ่งที่ส่งมายังอีเมลส่วนตัว ซึ่งที่มาของอีเมลก็มาจากทนายความทางด้านภาษีที่ค่อนข้างจะมีอิทธิพลรายหนึ่ง ระบุว่าผลประโยชน์ทางอาชีพของทนายคนนี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการสอบสวนดังกล่าวนี้ (ระบุว่าเป็น “อีเมลไทย”)

จากข้อมูลในกระบวนการพิจารณาคดีแสดงให้เห็นว่าอีเมลไทยฉบับดังกล่าวนั้นถูกส่งมาถึงนายเดลานีย์เป็นระยะเวลาหนึ่งวันหลังจากที่โตโยต้าได้ตัดสินใจอย่างปุบปับว่าจะกลับมาผลิตรถยนต์พรีอุสในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง

และการส่งอีเมลดังกล่าวยังเป็นข้อบ่งชี้ว่ามีประเด็นเกี่ยวกับทั้งการล็อบบี้ การให้สินบนเกิดขึ้น โดยคาดการณ์กันว่าสำนักงานกฎหมายผู้ส่งอีเมลมาถึงนายเดลานีย์นั้น ต้องการให้นายเดลานีย์ได้ช่วยเหลือในการทวงถามติดตามค่าธรรมเนียม และค่าจ้างบริการ ที่ยังคงค้างจ่ายต่อสำนักงานกฎหมายแห่งนี้เป็นเงินมูลค่าหลายล้านบาท

นายเดลานีย์ได้กล่าวอ้างต่อไปว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของเขานั้นถูกไปใช้อย่างไม่ถูกต้องในการล่วงละเมิดข้อผูกพันด้านการรักษาความลับที่บริษัท HC2 มีต่อลูกค้าของบริษัท  

“นี่เป็นเพราะว่าบริษัทโตโยต้าซึ่งต้องการที่จะทำธุรกิจที่มีความทุจริตต่อไปในประเทศไทย กำลังจะหาหนทางที่จะขจัดการสืบสวนนี้ออกไป โดยในที่สุดแล้ว พวกเขาก็ประสบความสำเร็จ” ทนายความของนายเดลานีย์กล่าวกับศาลและกล่าวต่อไปด้วยว่า “หนทางเดียวที่บุคคลเหล่านี้ในประเทศไทยจะได้รับรู้เกี่ยวกับงานทบทวนเอกสารของนายเดลานีย์นั้นก็เปิดโปง เปิดเผยข้อมูลจากมันเอง

ทั้งนี้ นายเดลานีย์ซึ่งเป็นคนไทยมีความตั้งใจว่าจะกลับประเทศไทย และไม่ต้องการที่จะให้เรื่องที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลอันเป็นที่ถกเถียงกันอยู่นั้น ถูกรับรู้จากที่ประเทศไทยเอง”

ต่อมาในวันที่ 18 ธ.ค. 2563 นายลูอิส ลิมาน ผู้พิพากษาได้มีการยกเลิกคำโต้แย้งของนายเดลานีย์ และในวันที่ 9 ก.พ. บริษัท HC2 ก็ได้แจ้งข้อมูลให้กับผู้พิพากษาลิมานให้รับทราบว่านายเดลานีย์ยื่นฟ้องให้ตัวเองเป็นบุคคลล้มละลายในช่วงเดือน ธ.ค. 2563 พอมาถึงช่วงวันที่ 22 ก.พ. ผู้พิพากษาลิมานก็ได้ชะลอคดีระหว่าง HC2 ที่ร้องต่อนายเดลานีย์เอาไว้ก่อน เนื่องจากรอผลคำร้องการยื่นล้มละลายดังกล่าว 

ส่วนทางบริษัทโตโยต้า สำนักกฎหมายวิลเมอร์เฮล ก็ปฏิเสธที่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับทนายความของนายเดลานีย์ที่รัฐนิวยอร์ก และที่รัฐฟลอริดาก็ปฏิเสธจะให้ความเห็นเช่นกัน    

(สิ้นสุดบทความของเว็บไซต์ taxnotes ที่ลงวันที่ 21 เม.ย. 2564)

สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลบนเว็บไซต์ taxnotes เพิ่มเติม พบว่ามีรายงานอีกหนึ่งชิ้นลงวันที่ 4 พ.ค. 2564  โดยเว็บไซต์ taxnotes ได้ไปสัมภาษณ์กับนายแอนดรูว์ เดลานีย์ โดยตรงเกี่ยวกับเนื้อหารายงานของเว็บไซต์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่  21 เม.ย. 2564 ดังกล่าว 
โดยนายเดลานีย์กล่าวว่า

“ผมปฏิเสธหลักฐานในบทความของคุณ (“บริษัทโตโยต้าที่ถูกต้องสงสัยว่ามีการให้สินบนในประเทศไทย จากคำกล่าวอ้างของนักกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา” ลงวันที่ 21 เม.ย.) จากเท่าที่ผมได้รับรู้มา ไม่มีการให้สินบน หรือการประพฤติโดยมิชอบ โดยผู้พิพากษาไทยคนไหน หรือว่าทนายไทยคนไหนอันเกี่ยวข้องกับคดีรถพรีอุสเกิดขึ้น มันไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นความพยายามที่จะด้อยค่ากระบวนการตุลาการและทนายในประเทศไทย ผมไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสินเกี่ยวกับแถลงการณ์อันเป็นเท็จที่ถูกจัดทำโดยบริษัทโตโยต้าหรือบริษัทวิลเมอร์เฮล ผมไม่ใช่ลูกจ้างของพวกเขา และผมไม่เห็นด้วยกับพวกเขา”   

(สิ้นสุดบทความของเว็บไซต์ taxnotes ที่ลงวันที่ 4 พ.ค. 2564)


 
ทั้งหมดนี้ คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีการจ่ายสินบนของบริษัทโตโยต้า ในต่างประเทศที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบล่าสุด ซึ่งมีหลายประเด็นที่จะต้องติดตามกันต่อไป อาทิ สิ่งที่นายแอนดรูว์ เดลานีย์กล่าวอ้างมานั้นเป็นความจริงหรือไม่ พฤติกรรมการทุจริตของบริษัทโตโยต้าที่ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีที่รัฐนิวยอร์กมีรายละเอียดอย่างไร และบริษัทโตโยต้ากับบริษัทวิลเมอร์เฮลอาศัยหลักฐานอะไร ถึงได้มีการกล่าวหาว่าทางบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ว่ามีการจ่ายสินบนให้กับผู้พิพากษาไทยตามที่ปรากฎเป็นข่าว  

เพื่อให้เรื่องนี้ปรากฎความจริงชัดเจนโดยเร็วที่สุด    

เรียบเรียงจาก : https://www.taxnotes.com/entities/organization/wilmer-cutler-pickering-hale-and-dorr-llp?id=19hl
ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews/99449-Toyotatta05.html


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘จุรินทร์’ ออนทัวร์อีสาน ลุยแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร มอบเช็ค-แจกโฉนดคืนเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟู

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี

นายสมยศ ภิราญคำ รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะได้มาพิธีมอบเช็คชําระหนี้และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟูเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกรจังหวัดอุดรธานี ณ ศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ฮอลล์ อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งนายนายจุรินทร์ เป็นประธาน 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลชวน 2 (สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี) และผู้ที่มีส่วนในการเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูคนหนึ่งคือตนร่วมด้วยซึ่งกองทุนฯ ดำเนินงานกิจกรรมสำคัญ 2 เรื่อง

1.) เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้กับพี่น้องเกษตรกร ไปช่วยรับซื้อหนี้หรือรับซื้อทรัพย์สินที่ถูกยึดจากการเป็นหนี้คืน แล้วมาผ่อนคืนกับกองทุนฯ ช่วยให้เกษตรกรไม่สูญเสียที่ดินทำกิน

2.) ช่วยฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของเกษตรกร 

ในช่วงปีกว่าที่ตนเข้ามามีการปรับปรุงแก้ไขพัฒนาปัญหาของพี่น้องเกษตรกรเช่น

1.) มีสำนักงานครบเกือบทุกจังหวัดและมีการตั้งคณะอนุกรรมการประจำจังหวัดครบทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งเกษตรกรจะได้รับการดูแลทั่วถึงทั้ง 76 จังหวัด

2.) แก้ไขปัญหาหนี้บุคคลค้ำที่เมื่อก่อนเข้าไปจัดการไม่ได้ มีการแก้ไขกฎหมายให้ซื้อหนี้บุคคลค้ำได้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้รายย่อยไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย มีจำนวนหลาย 38,000 รายที่ขึ้นทะเบียน

3.) หนี้ที่เกิน 2.5 ล้านบาท สามารถขยายเพดานช่วยเหลือจาก 2.5 ล้านบาทเป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท

4.) จัดเงินงบประมาณเพื่อฟื้นฟูอาชีพและคุณภาพชีวิต เตรียมไว้ 340 ล้านบาท และสำหรับจังหวัดอุดรธานี 7,500,000 บาทในการช่วยฟื้นฟูอาชีพให้กับเกษตรกรชาวอุดรจำนวน 200 คน 15 โครงการ และช่วยจัดซื้อหนี้ของเกษตรกรจำนวน 5 รายเป็นหนี้สหกรณ์ 2 สหกรณ์เป็นเงิน 5,600,000 บาท และคืนโฉนดออกใบประกาศนียบัตรรับรองให้กับเกษตรกรที่เป็นหนี้กองทุนฟื้นฟูและชำระหนี้หมดแล้วจำนวน 30 ราย 

“ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องเกษตรกรทุกคนและขอมอบนโยบายให้กับอนุกรรมการจังหวัดและสำนักงานกองทุนฟื้นฟูจังหวัดได้เร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรที่ตนเป็นประธาน ที่สำคัญขอให้เอาใจใส่และลงลึกในการเข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สินและฟื้นฟูเกษตรกรอย่างแท้จริงรวมทั้งให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ที่เข้ามาเป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่จับมือกับกองทุนฟื้นฟูในการช่วยฟื้นฟูเกษตรกรโดยใช้ระบบการตลาดช่วยแก้ปัญหา” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

รายงานข่าวสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ระบุว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์กำกับดูแลในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เป็นคนมีความตั้งใจและใส่ใจในการกำกับดูแลเป็นอย่างมากซึ่งการมอบเช็คชำระหนี้และมอบโฉนดที่ดินคืนให้แก่เกษตรกรสมาชิกกองทุนมีทั่วประเทศและนายจุรินทร์เร่งรัดกำกับนโยบายเพื่อช่วยเกษตรกรให้เร็วที่สุดเป้าหมายคือ ‘ทำได้ไว ทำได้จริง’

“มาคาเลียส” (Makalius) สตาร์ทอัพธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย แนะนโยบายภาครัฐ เตรียมเปิดประเทศไทยรับนักท่องเที่ยวภายใน 120 วัน ทำได้แต่ควรทำอย่างรอบครอบ และมีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบดูแล

นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “จากการที่รัฐบาลได้แถลงการณ์ถึงการตั้งเป้าเอาไว้ว่าประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศทั้งประเทศให้ได้ภายใน 120 วัน นับจากวันนี้ (16 มิถุนายน) ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หากพร้อมได้เร็วกว่าก็ควรทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้ว ควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อห้ามที่สร้างความยากลำบาก รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ หากเป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ควรที่จะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศของตัวเองได้โดยไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกัน

โดยบริษัทฯ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าธุรกิจท่องเที่ยว ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศไทย แต่ทั้งนี้การเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวต้องทำอย่างรอบครอบ และพิจารณาให้รอบด้าน เพราะหากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขึ้นอีกจะกลายเป็นสึนามิการท่องเที่ยวลูกที่ 4 ของประเทศไทย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และจะเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาต่อกลุ่มธุรกิจอื่นๆ 

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงคือ “การดูแลคนในก่อนรับคนนอก” ด้วยการจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอและเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 70% ของจำนวนประชากรประเทศไทยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดและการเสียชีวิต และควรมีระบบการตรวจคัดกรองโรคอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการตรวจได้จำนวนมาก เพื่อนำมาใช้ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงนโยบายการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อนำไปฟื้นฟูธุรกิจให้พร้อมรับมือกับการเปิดประเทศ พร้อมทั้งจัดทำแผนบูรณาการด้านการท่องเที่ยวด้วยการร่วมมือและผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมไปถึงกลุ่มชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างแผนแม่บทด้านการท่องเที่ยว การกำหนดแนวทางการแก้ไข ดูแล และป้องกัน หากเกิดวิกฤตขึ้นอีกครั้ง 

นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “ทางด้านผู้ประกอบการก็ต้องเตรียมธุรกิจให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยการสนับสนุนและช่วยเหลือให้บุคลากรในองค์กรเข้ารับวัคซีนอย่างครบถ้วน พร้อมทั้งควบคุมมาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างในการให้บริการอย่างเข้มงวด ทั้งการทำความสะอาด การรักษาระยะห่าง การจัดเตรียมที่นั่งแบบส่วนตัว รวมถึงการเร่งนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในการเช็คอิน การสั่งอาหาร การเรียกพนักงาน ใช้เพื่อลดการสัมผัสและเพิ่มมูลค่าให้กับบริการ เป็นต้น  

ทางด้านนักท่องเที่ยวเองก็ยังคงต้องให้ความร่วมมือรักษาสุขอนามัยกับส่วนรวมตามกฎของแต่ละสถานที่ที่ไปท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบตามจำนวน แต่ก็ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งฉีดพ้นสเปร์แอลกอฮอล์หลังสัมผัสหรือจับสิ่งของสาธารณะต่างๆ 

เคาะมาตรฐาน “เห็ดหอมแห้ง-ปาล์ม-ข้าว” เตรียมประกาศเป็นมาตรฐานทั่วไป

นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อดำเนินการประกาศ เป็นมาตรฐานทั่วไปของประเทศต่อไป จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่

1.เห็ดหอมแห้ง

2.การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับปาล์มน้ำมัน

3.การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงสีข้าวและโรงปรับปรุงสภาพข้าว

4.หลักการทั่วไปด้านสุขลักษณะอาหาร การปฏิบัติทางสุขลักษณะที่ดี และ

5.ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมและแนวทางการนำไปใช้ 

“ขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤตโรคระบาด ทั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และการระบาดของโรคลัมปี สกิน จากเชื้อไวรัสในโค-กระบือ ซึ่งเมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไป มาตรฐานสินค้าเกษตรจะมีความสำคัญมากขึ้น จึงได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการกำหนดมาตรฐานให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตร พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค”

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าเกษตร โดยมีสาระสำคัญ คือ  

1. ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบกิจการเกี่ยวกับสินค้าเกษตร พ.ศ. 2552  เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ประกอบการสามารถเข้าใจได้ง่าย และไม่เกิดความสับสน 

2. กำหนดค่าธรรมเนียม ดังนี้ ใบอนุญาตตามมาตรา 20 ได้แก่ บุคคลธรรมดา ฉบับละ 100 บาท นิติบุคคล ฉบับละ 1,000 บาท ใบอนุญาตตามมาตรา 33 ฉบับละ 5,000 บาท และการต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรา 20 กรณีนิติบุคคล (500 บาท) หรือใบอนุญาตตามมาตรา 33 (2,500 บาท) ครั้งละกึ่งหนึ่ง ของคาธรรมเนียมใบอนุญาตนั้น 

3. ยกเว้นค่าธรรมเนียม ได้แก่ ใบแทนใบอนุญาตตามมาตรา 20 (ฉบับเดิม 50 บาท) ใบแทนใบอนุญาตตามมาตรา 33 (ฉบับเดิม 50 บาท) และการต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรา 20 กรณีบุคคลธรรมดา (ฉบับเดิม 50 บาท)

“บิ๊กตู่” ยกคณะเช็กความพร้อมเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ๊อก” 25 มิ.ย.นี้ 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลยืนยันความพร้อมเปิดภูเก็ตแซนด์บีอก ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และคณะจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต วันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพื่อไปตรวจสอบความพร้อมในขั้นสุดท้ายก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว สามารถเดินทางเข้ามาในพื้นที่ได้ ซึ่งในรายละเอียดและเงื่อนไขของการดำเนินการด้านต่างๆ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะนำเสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาวันที่ 18 มิ.ย.นี้

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การเปิดภูเก็ตแซนด์บ๊อก ถือว่าเป็นการซ้อมก่อนจะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนต.ค.นี้ เป็นต้นไป และนอกเหนือการเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว ในเมื่อจังหวัดภูเก็ตกลายเป็นทางเข้าใหม่ของประเทศไทย ก็ทำให้มีนักธุรกิจไทยจะสามารถใช้ภูเก็ตแซนด์บ๊อก เป็นสถานที่นัดพบนักธุรกิจ หรือพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศได้อีกด้วย ทำให้การเปิดภูเก็ตครั้งนี้ไม่ใช่การเปิดเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเดียวแต่จะเป็นการเปิดประเทศต้อนรับธุรกิจด้วย ซึ่งตอนนี้พบว่า มีหลายบริษัทได้เตรียมตัวในเรื่องนี้เอาไว้แล้ว 

“การประชุม ศบค. จะหารือถึงเรื่องการเตรียมความพร้อมและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับผู้ปฏิบัติในจังหวัดภูเก็ต และเมื่อเริ่มจากจังหวัดภูเก็ตแล้วก็จะค่อยขยายไปจังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อมตามลำดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็อยากจะเห็นว่า 120 วันนี้ หลังจาก 1 ก.ค.เป็นต้นไป ก็เปิดประเทศไทย ถ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็พยายามทำเต็มที่ โดยต้องร่วมมือกันดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเขามาเพราะถือเป็นแขกของประเทศไทย และนับว่าเป็นการเปิดศักราชที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น

ชาร์จ แมเนจเม้นท์ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ผนึกกำลัง บางจาก คอร์ปอเรชั่น ร่วมถือหุ้นขับเคลื่อนธุรกิจให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร พร้อมให้บริการลูกค้าผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการชาร์จรถระหว่างการเดินทาง นำร่องแห่งแรกด้วย ‘Quick SHARGE’

ชาร์จ แมเนจเม้นท์ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ผนึกกำลัง บางจาก คอร์ปอเรชั่น ร่วมถือหุ้นขับเคลื่อนธุรกิจให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร พร้อมให้บริการลูกค้าผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการชาร์จรถระหว่างการเดินทาง นำร่องแห่งแรกด้วย ‘Quick SHARGE’ ภายในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่สุขุมวิท 62

ระบุการร่วมทุนครั้งนี้เป็นดีลแห่งอนาคต รองรับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสเติบโตสูง หลังรัฐบาลมีนโยบายผลักดันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 30% ภายในปี 2573 ขณะที่ค่ายรถยนต์จากจีนเริ่มปักหมุดฐานการผลิตในไทย เชื่อส่งผลให้ราคา EV ในอนาคตจับต้องได้ง่ายขึ้น พร้อมเชื่อมั่นการจับมือครั้งนี้จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และขับเคลื่อนอนาคตด้วยพลังงานสะอาดไปด้วยกัน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมลงทุนถือหุ้นใน บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) โดยมีนายวิบูลย์ วงสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวางแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาธุรกิจองค์กร (SBBU) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนร่วมแสดงความยินดีกับ นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ SHARGE ในจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ และการเติบโตในอนาคตด้วยพลังงานสะอาดผ่านธุรกิจให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่าง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ SHARGE ได้เปิดให้บริการ EV Charging แบบครบวงจรและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ล่าสุด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทพลังงานไทยที่เป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมสีเขียวมาดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ได้เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของ SHARGE จึงได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในรูปแบบของผู้ถือหุ้นเพื่อเติบโตพร้อมกับ SHARGE โดยมองว่า SHARGE มีจุดแข็งจากการเป็นผู้ให้บริการที่ครอบคลุมลูกค้า 3 กลุ่ม ประกอบด้วย…

1.) กลุ่มชาร์จตามที่อยู่อาศัย

2.) กลุ่มชาร์จตามแหล่งไลฟ์สไตล์

และ 3.) กลุ่มชาร์จระหว่างเดินทาง เช่น การชาร์จตามสถานีต่างๆ

โดยทุกกลุ่มลูกค้าจะได้รับบริการด้วยเครื่องชาร์จมาตรฐานจากยุโรป รองรับรถ EV ที่หลากหลาย ให้บริการชาร์จแบบ Quick Charge อีกทั้งยังมีนวัตกรรมรองรับไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน ที่เชื่อมต่อข้อมูลการชาร์จมาไว้บนสมาร์ทโฟนตอบโจทย์ผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่ผู้ใช้งานสามารถจองแท่นชาร์จ จ่ายค่าไฟฟ้า และติดตามข้อมูลการชาร์จได้แบบเรียลไทม์ จะส่งผลให้การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ให้เกิด EV ecosystem ที่เกิดการใช้-แลกเปลี่ยน ทรัพยากรจากภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ตามแผนโรดแมปของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายการผลิต EV ภายในปี พ.ศ.2573 ไว้ที่ 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย

ทั้งนี้การได้บางจากฯ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นนั้น จะช่วยสนับสนุนการบริการของ SHARGE ให้ครอบคลุมลูกค้าในกลุ่มที่ต้องการชาร์จระหว่างการเดินทาง (ON THE GO) นำร่องแห่งแรกภายในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่สุขุมวิท 62 ซึ่งจะเปิดให้บริการราวไตรมาสที่ 3 โดยความพิเศษของสถานีนี้คือให้บริการด้วยเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้มาตรฐานจากยุโรป รองรับรถ EV ที่หลากหลาย ให้บริการชาร์จแบบ Quick SHARGE กำลังไฟฟ้าสูงถึง 120 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จรถ EV ได้เร็วขึ้นกว่าแท่นชาร์จทั่วไป ส่วนสถานีในลำดับถัดมาจะตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ย่านธุรกิจ แหล่งไลฟ์สไตล์ ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ

“ถือเป็นการพิสูจน์ถึงความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่ที่เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในอนาคตของ SHARGE โดยเฉพาะการที่ SHARGE สร้างเครือข่ายทางธุรกิจด้วยการมีพันธมิตรจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมทั้งธุรกิจพลังงาน ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ จึงเป็นสัญญาณการเติบโตที่ดีและจะช่วยเติมเต็มธุรกิจของบางจากฯ ให้ครอบคลุมผู้ใช้บริการได้อย่างครบถ้วน” นายพีระภัทร กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“สุพัฒนพงษ์” เผยคิ๊กออฟเปิดประเทศ 1 ก.ค.รัฐบาลเริ่มนับ 120 วัน 1 ก.ค.นี้ ภูเก็ตเปิดก่อน รับนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจต่างชาติ เป็นโมเดลนำร่องให้จังหวัดอื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเปิดประเทศ ว่า 120 วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีพูดถึงนั้นจะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ ก็จะเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ซึ่งต้องดูว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงไปเองหรือมอบหมายให้ใครลงไป เพื่อไปดูว่าวันที่ 1 กรกฎาคม จะเริ่มต้นกันอย่างไร ทั้งนี้ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจโควิด-19 (ศบศ.) 

วันที่ 18 มิถุนายนนี้ จะมีความชัดเจน ทั้งผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะได้มีการนำเสนอ ความพร้อมและเงื่อนไขต่างๆ ต่อที่ประชุม ศบค.พิจารณา จะได้เกิดความชัดเจนกับฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจะได้เริ่มเดินหน้ากันต่อไป ทั้งนี้ เมื่อสามารถเริ่มโครงการที่ภูเก็ตได้ต่อไปก็จะพิจารณาจังหวัดอื่นที่มีความพร้อมต่อไป 

“เรื่องดังกล่าวถือเป็นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่อยากจะเห็น 120 วันหลังจากนี้ โดยเริ่มจากวันที่ 1 กรกฎาคม ที่จะเปิดประเทศได้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผมได้ย้ำมาตลอดว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน อย่างพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายแล้วและในวันที่ 25 มิถุนายนก็จะได้เห็นความพร้อม และหลังจากได้รับรายงานมาโดยตลอด ผมก็มีความเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจังมีความทุ่มเท เพราะต้องดูแลทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาซึ่งถือเป็นแขกของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลในเรื่องของความปลอดภัยของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย ตรงนี้ถือเป็นการเปิดศักราชที่ดีและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศในประเทศไทย” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่าการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ในวันที่ 1 กรกฎาคม สำหรับมาตรการต่างๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องดูไปตามความเหมาะสมและสถานการณ์ต้องเข้าใจว่าแซนด์บ็อกซ์ ก็คือ การทดลองทำ ส่วนจะมีข้อปรับปรุงอะไรก็สามารถเพิ่มเติมได้ และเราเริ่มทำก่อนไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ประมาณปลายไตรมาสที่สาม ซึ่งเมื่อเราได้ซ้อมกันก่อนก็จะทำให้เรามีความสมบูรณ์และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในระดับหนึ่ง อีกทั้งก็จะได้เห็นว่าต้องมีการปรับปรุงอะไรบ้าง ในทางกลับกันก็จะสามารถส่งเสริมภูเก็ตได้อีกทาง โดยเมื่อภูเก็ต เปิดเป็นทางเข้าประเทศไทยก็จะมีนักธุรกิจไทยสามารถนัดพบกับนักธุรกิจต่างประเทศโดยอาศัยพื้นที่ภูเก็ตในช่วงเวลานี้ เป็นที่เจรจาพูดคุยทางธุรกิจกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่การท่องเที่ยวเชิงท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวแต่ จะเป็นการเปิดทางทางธุรกิจไปด้วย ซึ่งปัจจุบันมีการเตรียมการของหลายบริษัทไว้แล้วที่เตรียมจะนัดพันธมิตรทางธุรกิจมาพูดคุยกัน จึงเป็นเหตุผลหนึ่งในการทยอยเปิดประเทศ

เมื่อถามถึงรูปแบบการ เปิดโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เป็นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เบื้องต้นก็จะไปดูความพร้อมทั้งหมดขั้นสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการรายงานเข้ามาเป็นระยะ 

เมื่อถามว่าจะมีมาตรการด้านสินเชื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ภูเก็ตบ้างหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นเรื่องของธนาคารซึ่ง พ.ร.บ. ซอฟต์โลนก็มีการเดินหน้าไปแล้ว ซึ่งสามารถเข้าไปพูดคุยกันได้ อีกทั้งขณะนี้เป็นไปในลักษณะของการทยอยเปิด ขอให้ได้เริ่มก่อนจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย อยากให้ทุกคนได้เห็นถึงความตั้งใจดีของคนในจังหวัดหนึ่ง อย่างน้อยก็มีจังหวัดแรก แล้วก็จะมี 2-3-4 ตามมา เชื่อว่าจังหวัดอื่นก็จะมีความพร้อมเพราะฉะนั้นขอช่วยกันให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของนายกรัฐมนตรีจะสร้างความเชื่อมั่นโดยลงไปพักค้างคืนที่ภูเก็ตบ้างหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงมีอยู่แล้วไม่น่าจะมีประเด็นปัญหาอะไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประมาณประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวหรือไม่ว่าจะต้องมี จำนวนกี่% จึงจะเหมาะสมในการที่เปิดประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องขอดู ที่จังหวัดภูเก็ตก่อน อีกทั้งขณะนี้พบว่ามีสายการบินหลายบริษัทเริ่มเปิดเที่ยวบินที่จะมาลงที่จังหวัดภูเก็ตโดยตรง แม้จำนวนเที่ยวบินอาจจะไม่มากแต่เริ่มมีหลายแหล่งหลายประเทศที่จะเข้ามา ถือว่ามีจำนวนไม่น้อย เรื่องนี้ก็คงต้องทยอยดูวันต่อวัน เพราะถือเป็นการเปิดช่องทางเข้าประเทศไทยครั้งแรก 

เมื่อถามว่ามีการประเมินด้านเศรษฐกิจในปลายปีนี้หรือยัง ว่าจะเป็นอย่างไรหลังที่เริ่มมีการเปิดประเทศ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจกล่าวว่า “ ผมก็ทำดีที่สุดตอนนี้ก็ต้องดูวันต่อวัน เดือนต่อเดือน มีการปรับไปตลอด เราต้องเอาความขยันและความเพียรเป็นที่ตั้ง และทำให้ดีที่สุดผมคิดว่าทุกประเทศก็ทำเช่นนี้ วิธีการที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นคือ การใช้ความเพียรเป็นที่ตั้ง และหมั่นติดตามพร้อมปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ คิดว่าวันนี้รัฐบาลก็มีความพร้อมในทุกๆด้านที่จะทำเรื่องดังกล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากโครงการคนละครึ่งเฟส 3 แล้วยังมีโครงการอื่นอีกหรือไม่ นายสุพัฒน์พงษ์ กล่าวสั้นๆ ว่า “เอานะ เขากำหนดไว้หมดแล้ว”

ลุ้นรัฐออกมาตรการฟื้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช.อยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจหลายๆ ตัวชี้วัด เพื่อประเมินภาวะของเศรษฐกิจว่าจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลพิจารณาอีกหรือไม่ หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการบรรเทาและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งใช้วงเงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาทแล้ว เพื่อทำให้มีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้  

“มาตรการทางเศรษฐกิจจะมีเพิ่มหรือไม่ คงต้องประเมินหลายๆ ปัจจัย ทั้งเรื่องของการควบคุมการระบาด การส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ การเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวที่หากทำได้ควบคู่กับการควบคุมการระบาด จะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งอาจเป็นช่วงปลายปี ส่วนเรื่องการลงทุน หากมีบริษัทรายใหญ่ 2-3 ราย เข้ามาลงทุนก็ช่วยให้เกิดแรงขับเคลื่อนได้พอสมควร โดยทั้งหมดนี้ สศช. จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" 

นายดนุชา กล่าวว่า ปัจจัยเศรษฐกิจที่ติดตาม คือ การควบคุมการแพร่ระบาด หากสามารถที่จะควบคุมได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจช่วงที่เหลือสามารถเดินหน้าไปได้ ซึ่งมาตรการทางเศรษฐกิจที่ออกมาถือว่าเพียงพอที่จะประคองเศรษฐกิจในปีนี้ให้เติบโตในกรอบ 1.5-2.5% เช่นเดียวกับตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ค.นี้ ที่กำลังจะประกาศออกมาในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ หากยังมีแนวโน้มที่ดี ก็จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อเรื่องของการจ้างงาน และการลงทุนของภาคเอกชนที่ต้องการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 

ยังมีเวลา! คนละครึ่ง เฟส 3 ลงทะเบียนรับสิทธ์แล้วกว่า 24 ล้านคน

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ของประชาชน ว่า จากการเปิดลงทะเบียน 2 วันแรก มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 24.14 ล้านคน โดยประชาชนยังสามารถลงทะเบียนได้อย่างต่อเนื่องทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. จนกว่าจะครบ 31 ล้านคน โดยผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการของรัฐสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือจะลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com และสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐเลยสามารถลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง .com

สำหรับการลงทะเบียนร้านค้าคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ประกอบการร้านค้าใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 51,221 ราย และร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 และ 2 ที่คาดว่าจะยืนยันเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวน 1.2 ล้านราย 

ทั้งนี้รัฐบาลได้เปิดให้ร้านค้าที่คุณสมบัติเป็นไปตามที่โครงการกำหนด ได้แก่ ร้านค้าทั่วไป ผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำผม ทำเล็บ ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะ ที่มีสัญชาติไทยไม่เป็นนิติบุคคลและไม่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการของกองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองหรือวิสาหกิจชุมชน ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และผู้ให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ สนใจเข้าร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 น.-22.00 น. โดยผู้ที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน ถุงเงินแล้ว สามารถกดปุ่มเข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขา หรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย 

“วรวุฒิ” ชูไอเดีย พลิกวิกฤตโควิด เป็นโอกาส เปิดศูนย์เทคโนโลยีชุมชน ช่วยเอสเอ็มอีและเกษตรกร ค้าขายออนไลน์ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เติบโตก้าวกระโดด

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวในคลับเฮาส์ในหัวข้อ “คลินิกเอสเอ็มอี” ว่า หลายครั้งที่เรามักได้ยินว่า ใครที่เกิดมาจนไม่มีวันจะรวยได้ คนรวยทุกวันนี้ก็เพราะมีพื้นฐานพ่อแม่ที่ร่ำรวย ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยส่วนตัวก่อนที่จะมีธุรกิจหมื่นล้าน ผมก็เริ่มมาจากคนยากจนธุรกิจเครื่องเขียนห้องแถวเล็กๆ กำลังจะเจ๊ง เราโดนดูถูกทั้งด้วยคำพูดและสายตา มันจึงเป็นแรงผลักให้เราฮึดสู้และตั้งใจว่าสักวันจะต้องมีบริษัทเครื่องเขียนที่ที่ได้มาตรฐานสูงและดีกว่าบริษัทใหญ่ที่เคยดูแคลนธุรกิจครอบครัวของเรา 

“คนไทยชอบมองว่าประเทศนี้ขาดแคลนโอกาส แต่ในสายตาของต่างชาติเขากลับมองว่าเป็นดินแดนแห่งโอกาส เพราะบ้านเรายังขาดแคลนอะไรอีกเยอะมาก มันมองคนละมุม ยกตัวอย่างที่เกาะแห่งหนึ่งไม่มีใครใส่รองเท้าแตะเลยสักคน จึงไม่มีใครขายรองเท้าแตะเลยสักร้าน เพราะกลัวจะขายไม่ได้ แต่อีกคนกลับมองว่านั่นเป็นโอกาสที่จะไปเปิดร้านขายรองเท้าแตะเพราะไม่มีคู่แข่ง ผมเองก่อนที่จะทำบริษัทออฟฟิศเมท ตอนนั้นมีร้านเครื่องเขียนอยู่แล้ว 5,000 กว่าร้าน คนมักมองว่า ร้านเครื่องเขียนอุปกรณ์ออฟฟิศก็แค่ซื้อมาขายไป กำไรไม่ได้มากมายอะไร แต่ความจริงแล้วผมมองว่า เวลานั้นร้านเครื่องเขียนมาตรฐานสูงยังมีน้อย และที่สำคัญในตลาดโมเดิร์นเทรดยังไม่มีใครทำ ถ้ามีใครมาจัดมาตรฐานธุรกิจนี้ให้สูง คนนั้นชนะ ผมเลยตัดสินใจทำออฟฟิศเมทจนประสบความสำเร็จ ประเทศไทยมีอะไรที่ต้องสร้างอีกเยอะ เพราะมีปัญหาเยอะมาก หากแก้ปัญหาได้ถูกจุด คนนั้นก็จะรวยได้” นายวรวุฒิ กล่าว  

นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า พรรคกล้า ได้จัดคลับเฮาส์เพื่อระดมสมองกัน โดยมีผู้ประกอบการร้านอาหารตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มาสะท้อนปัญหาต่างๆ จนนำไปสู่การหารือกันในทั้งภาครัฐ เอกชน นักธุรกิจ เจ้าสัวใหญ่อย่าง ห้างเดอะมอลล์ และเซ็นทรัลที่มองว่า ธนาคารต้องปล่อยสินเชื่อให้กับร้านอาหารที่เป็นธุรกิจหลักที่มีเป็นจำนวนมากในประเทศไทย และในที่สุดก็เกิดโครงการ จับคู่กู้เงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร และหากท่านใดที่เคยไปติดต่อธนาคารแล้วไม่ได้รับอนุมัติ อยากให้ท่านลองไปติดต่ออีกครั้งและเตรียมเอกสารให้พร้อม หากมีปัญหาอะไรติดต่อมายังพรรคกล้าเราพร้อมที่จะประสานงานให้ เราพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง 

รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงโครงการ แซนด์บ๊อกซ์ ของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่ควรทำมาตั้งแต่ช่วงต้นมีเพื่อล้อไปกับการฉีดวัคซีนของกลุ่มประเทศตะวันตก และในช่วงเวลาดังกล่าวบ้านเราการแพร่ระบาดก็ยังต่ำมาก เราพยายามส่งเสียงไปแต่ไม่ได้รับความสนใจ เช่นเดียวกับการสนับสนุนให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานรากด้วยการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ เพราะประเทศไทยมีทั้งกลุ่ม เอสเอ็มอี เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยในต่างจังหวัดอีกมาที่ยังขายออนไลน์ไม่เป็น รัฐบาลน่าจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสกระตุ้นตลาดอีคอมเมิร์ส เพราะนอกจากจะเพิ่มรายได้ให้กับเอสเอ็มอีแล้วยังสามารถหยุดเชื้อได้เพราะคนไม่ต้องออกไปจับจ่ายสินค้าข้างนอก ซึ่งรัฐควรออกมาตรการช่วยเหลือหากใครค้าขายออนไลน์จะออกค่าขนส่งสินค้าให้ และควรส่งคนลงไปอบรมให้กับชาวบ้าน เชื่อว่าถ้าทำได้ภายใน 1 ปี การค้าขายจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด 

“ในอนาคต รัฐควรจัดให้มีศูนย์เทคโนโลยีชุมชน โดยมีนักศึกษามาช่วยแนะนำเกษตรกร ซึ่งอาจจะเป็นคนเฒ่าคนแก่รู้จักการขาย รู้จักการใช้เทคโนโลยี และใช้มือถือเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ คนดีไซน์โครงการจะต้องเข้าใจระบบ เพราะหากไม่เข้าใจการออกนโยบายก็จะไม่ครบหลูบและเดินหน้าต่อไม่ได้ สินค้าเกษตรนอกจากขายตามฤดูกาลแล้ว ยังควรทำสินค้าแปรรูป ซึ่งรัฐต้องมีโครงสร้างมารองรับ โดยเฉพาะตลาดทั้งในและต่างประเทศ ถ้าทำครบวงจร ผลิตของเกษตรกรจะสร้างรายได้จำนวนมหาศาล และจะพ้นกับดักความยากจนอย่างแท้จริง” รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าว 

นอกจากนี้ นายวรวุฒิ ยังกล่าวถึงเพจ “กล้าหางาน” ที่พรรคกล้าได้จัดทำขึ้น เพื่อช่วยคนหางานและงานหาคน ได้มาเจอกัน จนปัจจุบันสามารถช่วยคนหาได้งานทำเป็นจำนวนมากและ ผู้ประกอบการที่หาคนทำงาน ก็ได้บุคลากรที่มีคุณภาพสูงไปทำงานด้วย จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมแชร์ตวามต้องการในเพจกล้าหางาน เป็นพื้นที่ของทุกคนที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top