Saturday, 31 May 2025
POLITICS NEWS

เมื่อ 'แก๊งสามกีบ' ถูกหลอก ติดคุกฟรี พรรค 'ซุกกระโปรงเด็ก' โดนคดี ติดคุกยาว

สังคมไทยในห้วงเวลานี้มีแต่ข่าว 'คนหลอกคน' ไม่จบไม่สิ้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีทั้งข่าวอดีตดาราสาวใหญ่ยืมเงินนางแบบแล้วไม่คืน จนลูกหนี้ออกมาทวงผ่านสื่อพร้อมทนายฝีมือเก๋า เมื่อเรื่องดังทำให้ผู้เสียหายในทำนองเดียวกันรายอื่น ๆ ปรากฏตัวอีกเพียบ และข่าวประธานมูลนิธิช่วยเหลือสังคมพัวพันการขาย 'วุฒิการศึกษา' เมื่อเรื่องดังอีกเช่นกัน เรื่องฉาว ๆ ที่เคยปกปิดไว้ จึงถูกเปิดเผยจากคนวงใน กลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน เปลือยให้เห็น 'สันดานดิบ' ของ 'คนดัง' ได้เป็นอย่างดี

ภาพสวย ๆ ที่เราเห็นในจอ ฉากหลังอาจจะไม่จริงเสมอไป

แต่ทั้ง 2 ข่าวก็แค่เป็นการ 'หลอกต้มผู้ใหญ่' ในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งจะเทียบไม่ได้เลยกับ 'การหลอกต้มเด็ก' ให้ไปติดคุก หรือต้องหนีคดี จนต้องหมดอนาคต กลายเป็นคนมีตำหนิติดตัวไปตลอดชีวิต 

อาชีพ 'คนต้มคน', 'นักต้มตุ๋น' หรือ 'จอมลวงโลก' ย่อมไม่ใช่คนดี แม้จะมีตรรกะพิสดารมาอวดอ้างในการกระทำของตนเองให้ดูว่าถูกต้อง แต่ก็ยากที่สังคมจะให้ราคา หรือไว้เนื้อเชื่อใจอีกต่อไป 

'เด็กสามนิ้ว' หรือ 'แก๊งสามกีบ' หลายคนถูกหลอกจากกลุ่มคนที่อวดอ้างว่าเป็น 'นักการเมืองรุ่นใหม่' คอยยุยง ปลุกปั่น ยกยอ สร้างภาพลวง ๆ หลอกเด็กใจถึงที่ยังคิดไม่เป็น และรู้ไม่เท่าทันเหลี่ยมเล่ห์ของ 'คนใจบาป' ให้เดินหน้ากระทำผิดกฎหมาย 112 เพื่อสั่นสะเทือนไปถึงสถาบันเบื้องสูงตาม 'เกมเนรคุณชาติ' ที่ตนเองวางแผนไว้ 

ถึงวันนี้ ทั้ง 'เด็กสามนิ้ว' ที่ถูกหลอกใช้ โดนคดี 112 จนติดคุกฟรีหลายคน ฝ่ายที่ 'ชักใยนรก' คอย 'ซุกกระโปรงเด็ก' อยู่ในที่ต่ำ ๆ ลับ ๆ มืด ๆ ก็กำลังจะเกมโอเวอร์บนศาลไม่น้อย 

บาปกรรมใดก็ไม่หนักหนาเท่ากรรมที่มาจากการหลอก 'ทำลายชีวิต' ผู้คน ให้ต้องติดคุกติดตะราง นั่นเพราะไม่ต่างจากการ 'ตายทั้งเป็น' ผลที่ตามมาก็มักจะจบลงในแบบเดียวกัน 

คนไทยที่คิดร้ายต่อสถาบัน ยังไม่พบว่าอยู่แบบสบายดีจนแก่ตาย 

'เปลวสีเงิน' เตือน!! ปลุกกระแส 'ถวายคืนพระราชอำนาจ' เพื่อขจัดรัฐบาล ไม่ต่างจากดึงสถาบันฯ มาเป็นคู่ขัดแย้งทาง 'การเมือง-ประชาชน'

(8 ก.ค.67) นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ‘ถวายคืนพระราชอำนาจ? #ผักกาดหอม’ ระบุว่า…

อย่าได้คิดทำครับ…

หลายวันมานี้มีการเผยแพร่ข้อความในโลกออนไลน์ ซึ่งอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

นั่นคือ ข้อเสนอถวายคืนพระราชอำนาจ!

แม้จะไม่ชัดเจนว่า มีขอบเขตแค่ไหน แต่พอจับทางได้ว่าเพราะความไม่พอใจในการบริหารประเทศของรัฐบาลเศรษฐา

จึงอยากให้ถวายคืนพระราชอำนาจ

ถ้าเป็นแค่การเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ก็ควรจะพูดกันให้ชัดเจน

จะได้ไม่สร้างความเข้าใจผิดในวงกว้าง

เพราะการยุบสภาผู้แทนราษฎรถือเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ซึ่งต้องกระทำโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้นำความขึ้นกราบบังคมทูลและนำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย

โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

เรียกร้องแบบนี้เข้าใจได้ครับ

แต่ที่จับกระแสผ่านความเข้าใจในโซเชียล เป็นความเข้าใจคนละอย่าง

บางคนเลยเถิดถึงขั้นเรียกร้องให้รื้อฟื้นระบอบการปกครอง ‘สมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ขึ้นใหม่

แบบนี้อันตรายมากครับ!

คิดแบบนี้ในยุคสมัยนี้ ก็ไม่ต่างจากดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับ นักการเมือง และประชาชน

ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมของทุกอำนาจ

ทั้งการปกครอง การตุลาการ การทหาร

เป็นเจ้าชีวิตของประชาชนทั้งหมด

พระมหากษัตริย์ส่วนใหญ่ในอดีต นับแต่ราชอาณาจักรสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ทรงใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของอาณาประชาราษฎร์ ให้ร่มเย็นเป็นสุข

ในทางปฏิบัติ พระมหากษัตริย์ไม่อาจจะทรงปกครองบริหารราชอาณาจักรทั้งหมดด้วยพระองค์เองเพียงลำพัง จึงทรงมอบหมายให้บรรดาพระราชวงศ์เหล่าขุนนาง-ข้าราชการ ปฏิบัติหน้าที่ต่างพระเนตรพระกรรณ

แต่พระมหากษัตริย์จะทรงเรียกพระราชอำนาจคืนเมื่อไหร่ก็ได้

นั่นคืออดีต

ไม่เฉพาะไทย หรือสยาม หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่…แต่ในอดีตกาลเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันแทบทุกแผ่นดินในโลกนี้

ปัจจุบันไม่อาจหวนกลับไปสู่ ‘สมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ได้อีกแล้ว

แม้จะยังมีบางประเทศใช้อยู่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย บรูไน แต่โดยบริบทของไทย คนไทย แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ปี ๒๔๗๕ ไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองกันอย่างทุลักทุเล

คณะราษฎรเองก็ใช่จะเข้าใจตรงกันทั้งหมดว่า เปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ‘สมบูรณาญาสิทธิราชย์’ ไปสู่อะไร

สำหรับประชาชนยิ่งแล้วใหญ่

เกิดความเข้าใจในหมู่ประชาชนพื้นที่ห่างไกลว่า รัฐธรรมนูญเป็นลูกชายพระยาพหลฯ

กว่าจะเข้าที่เข้าทางได้ใช้เวลานานโข

แต่ยิ่งนานก็ยิ่งเกิดการแตกแยกในหมู่คณะราษฎร

จะเห็นว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทยนั้น ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตั้งแต่แรกเริ่ม

เริ่มจากคณะราษฎรชิงอำนาจกันเอง

เกิดการรัฐประหารบ่อยครั้ง

และนักการเมืองคอร์รัปชัน

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประชาธิปไตยทั้งสิ้น

การพัฒนาประชาธิปไตย หรือการแก้ปัญหาทางการเมือง ไม่ใช่การ ถวายคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันสร้าง

แม้จะต่างพรรค ต่างความเชื่อ แต่เมื่อจุดมุ่งหมายของทุกคนคือประชาธิปไตย เราจะผลักภาระไปให้พระองค์ท่านไม่ได้

ประชาชนต้องช่วยกันขจัดนักการเมืองคอร์รัปชัน แม้จะยากลำบากเพราะสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ แต่ไม่มีทางเลี่ยง หรือทางลัดอื่น หากประชาชนไม่ทำ การเมืองก็วนอยู่อย่างนี้

คอร์รัปชัน รัฐประหาร เลือกตั้ง วนไปไม่มีที่สิ้นสุด

สถานะของพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน ทรงอยู่เหนือการเมือง และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแถลงพระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดิน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานแจกเนื่องในงานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันตรงกับวันเสด็จสวรรคตที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๗๐ มีความดังต่อไปนี้

“…อนึ่ง พระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดินกรุงสยามนี้ ไม่ได้มีปรากฏในกฎหมายอันหนึ่งอันใดด้วยเหตุถือว่าเป็นที่ล้นพ้น ไม่ข้อสิ่งอันใด หรือผู้ใดจะเป็นผู้บังคับขัดขวางได้

แต่เมื่อว่าตามความที่เป็นจริงแล้ว เพราะเหตุฉะนั้นข้าพเจ้าไม่มีความรังเกียจอันใดเลยซึ่งจะมีกฎหมายกำหนดพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดิน…”

รัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติ “องค์พระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้” แสดงให้เห็นถึงฐานะของพระมหากษัตริย์ ทรงดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดของประเทศและเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนเสมอมา

ผู้ใดจะทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทมิได้

และการใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ทรงใช้ผ่านฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

โดยมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

จะเห็นว่าพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญนั้นมีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องถวายคืน

ที่พยายามประโคมว่าถวายคืนพระราชอำนาจเพื่อขจัดรัฐบาล แบบนี้ไม่เรียกว่าถวายคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง

ฉะนั้นใครก็ตามที่คิดแบบนี้ กรุณาหยุดเสีย

หยุดทำเรื่องระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

‘รองโฆษกไทยสร้างไทย’ เผย ‘คนไทย’ โหยหา ‘ลุงตู่’ ชี้!! นโยบาย ‘เพื่อไทย’ เลือนลาง ทำเศรษฐกิจฝืดเคือง 

(7 ก.ค.67) นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวภายหลังการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน โดยช่วงที่ผ่านมามีโอกาสพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขาย อยู่หลายครั้ง ได้รับฟังเสียงแห่งความทุกข์ ความยากลำบากในการทำมาหากิน การค้าการขายฝืดเคืองท่ามกลางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งตลาดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เผชิญปัญหาความซบเซาไม่ต่างกัน ราคาของอาหารการกิน ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ซึ่งเหตุปัจจัยที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องขายแพงขึ้นเนื่องจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงต้นทุนในด้านอื่นๆเช่นค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมัน ค่าไฟ และค่าขนส่ง ล้วนเป็นต้นทุนสำคัญทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ตนซึ่งมีภูมิลำเนา อยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ลงพื้นที่สำรวจตลาดต่างๆในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดน้อยลงเพราะเนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคทุกอย่างแพงขึ้น จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลช่วยเร่งแก้ปัญหาควบคุมราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่าให้เป็นตลาดร้าง ที่มีแต่คนขายไร้คนเดินซื้อด้วยความสามารถของพรรคเพื่อไทยในอดีตที่ประกาศไว้ ณ วันเลือกตั้งว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะทำให้ "คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ ไปพร้อมๆกัน" นั้น ดูแล้วน่าจะเลือนราง

ซ้ำร้ายค่าใช้จ่ายในครัวเรือนโดยเฉพาะ ไฟฟ้า ประปา และก๊าซหุงต้มไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ปรับขึ้นตลอดเวลา และการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลคาดหวังจะได้เห็นจากการแจกเงินดิจิทัลวอลเลท จะมาเป็นพายุหมุนนั้น แม่ค้าร้านเล็กๆในตลาดตามชุมชนต่างๆล้วนแต่อยากได้เป็นเงินสดอยากได้เงินหมุนรายวันไม่ใช่ต้องรอเงินในระบบหากเป็นดังนี้เสียงสะท้อนต่างๆที่ได้ยินไม่อยากจะเชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะถูกเปรียบเทียบว่าบริหารงานช่วยเหลือพ่อค้าแม่ขายสู้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าให้กับพี่น้องประชาชนโดยด่วน เพราะบริหารประเทศมาเกือบ 1 ปี ประชาชนเริ่มโหยหารัฐบาลลุงตู่แล้ว

ว่าที่ ส.ว. ‘นันทนา’ ข้องใจส.ว.ชุดเก่า ‘ขยันอะไรตอนนี้-ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทำอะไร’  ชี้!! โดยมารยาท ควรหยุดทำงานได้แล้ว จี้ กกต.เร่งประกาศรับรองโดยเร็ว

(7 ก.ค.67) ที่อาคารบางซื่อจังชั่น รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส ว่าที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่มีการประกาศรับรองส.ว.ชุดใหม่ ว่า กระบวนการเลือกและเสร็จสิ้นลงแล้ว พบว่ามีผู้ร้องคัดค้านค่อนข้างมากกับ แต่ว่าในการเลือกตั้งทุกครั้งจะพบว่าจะต้องมีผู้ร้องคัดค้าน แต่การร้องคัดค้านไม่ได้แปลว่าจะเป็นการล้มกระดานหรือโมฆะ เพราะฉะนั้นกกต.ก็ควรจะพิจารณาว่า การเลือกสิ้นสุดลงแล้ว มีผู้ผ่านการเลือกเข้ามาแล้วควรที่จะรับรองผู้ที่เข้ามาก่อน แล้วคนใดกรณีใดที่มีข้อสงสัยว่า มีการทุจริตในการเข้ามาแบบไม่ตรงกลุ่มอาชีพด้วยวิธีการใดๆ ตรงนี้กกต.สามารถที่จะแขวนเอาไว้ก่อน แต่ว่ากลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เข้ามาแบบปกติสุจริต ควรรับรองไปก่อน เพราะกระบวนการได้สิ้นสุดลงแล้ว และส.ว.ที่รักษาการอยู่ก็รักษาการมาพอสมควรแล้ว เราควรที่จะเปิดโอกาสให้คณะใหม่เข้ามา เรียกร้องไปยัง กกต.ควรที่จะรับรองไปก่อนแล้วก็สอยทีหลัง

“ไม่แน่ใจว่าส.ว.ชุดรักษาการจะเกิดมาขยันอะไรตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พบว่าทำอะไรสักเท่าไหร่ ตอนนี้น่าจะเปิดให้เป็นเวลาของส.ว.คณะใหม่เข้ามาได้แล้ว และโดยมารยาทการเลือกได้สิ้นสุดลงแล้ว หมดวาระหน้าที่ของส.ว.ชุดปัจจุบันแล้ว ควรจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว เป็นหน้าที่ของชุดใหม่ ” รศ.ดร.นันทนา กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีส.ว.ชุดรักษาการจะมีการนัดประชุมโดยพุ่งเป้าไปที่ส.ว.ชุดใหม่โดยตรงในเรื่องกระบวนการเลือก ส.ว. รศ.ดร.นันทนา กล่าวว่า กระบวนการเลือก ส.ว.ไม่ใช่เรื่องของส.ว.ชุดเก่า ถ้าบุคคลใดมีข้อสงสัยต้องการร้องคัดค้าน ก็ไปร้องคัดค้านที่กกต. ไปตรวจสอบกันตรงนั้น ไม่ใช่บทบาทของส.ว.เก่าที่จะมาตรวจสอบ ตนคิดว่าผิดช่องทาง ผิดภาระหน้าที่ ส.ว.ชุดเก่าควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว

‘ผู้กำกับ 2475’ เผยมุมมองต่อ ‘ประชาธิปไตย’ ชี้!! ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ ต้องจับตาดูนักการเมืองอย่างจริงจัง

📢ถามมา-ตอบไปกับ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

🎤: มอง ‘ประชาธิปไตย’ เป็นอย่างไร?

🎥คุณวิวัธน์: ประชาธิปไตยคือพื้นที่ที่คนหลากหลายความคิด เข้ามาหาทางออกด้วยกัน จะเอาแต่ใจกันอย่างเดียวไม่ได้ เหมือนบทสรุปช่วงท้ายของแอนิเมชันที่เรายกพระราชดำรัสของ ร.๗ มา ว่าทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน อย่าเอาตัวเองเป็นใหญ่ ต้องลืมความขัดแย้งเพื่อชาติ

และผมอยากให้ประชาชนทำตัวให้สมกับเป็นเจ้านายนักการเมือง เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ต้องคอยจับตาดูนักการเมือง ไม่ว่าจะฝั่งไหน เพราะนักการเมืองคือคนที่ต้องทำงานรับใช้ประชาชน ถ้านักการเมืองที่เราเลือกมาทำไม่ดี เราก็ต้องคัดค้าน ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยไปเสียทุกเรื่อง 

ทุกวันนี้ นักการเมืองที่ชอบ ทำอะไรผิด คนก็พร้อมจะแบก พร้อมจะแก้ตัวให้ แบบนี้นักการเมืองเลยได้ใจ ไม่ต้องเกรงใจประชาชน เพราะประชาชนคอยแบกตลอดเวลา

‘ผู้กำกับ 2475’ ชี้ คนธรรมดายังมีกฎหมายคุ้มครอง ฉะนั้น สถาบันฯ ที่เป็นเสาหลักของชาติก็ยิ่งจำเป็นต้องมีกฎหมายปกป้อง

📢ถามมา-ตอบไปกับ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

🎤: คิดเห็นอย่างไรที่หลายฝ่ายมองว่า ม.112 ละเมิดสิทธิมนุษยชน?

🎥คุณวิวัธน์: สิทธิมนุษยชน ควรปกป้องผู้ถูกกระทำ ไม่ใช่ปกป้องผู้กระทำผิด พวกคุณมองสถาบันกษัตริย์ ก็เป็นปุถุชนใช่หรือไม่ ถ้าคุณมองว่า "ทุกคนเป็นคนเหมือนกัน" กษัตริย์ก็ต้องมีสิทธิมนุษยชนเช่นกัน ต้องได้รับการคุ้มครองจากการหมิ่นประมาทใส่ร้าย ไม่จริงหรือ 

แม้แต่คนธรรมดายังมีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครอง กษัตริย์ที่เป็นสถาบันความมั่นคงของประเทศ ก็จำเป็นต้องมี ยิ่งในตอนนี้ มีผู้ไม่หวังดีจากต่างประเทศคอยเผยแพร่ข่าวปลอมให้เด็ก ๆ หลงเชื่อ เพื่อให้ออกมาก่อม็อบต่อต้านสถาบันฯ จนเกิดความวุ่นวาย ทำให้ ม.112 เป็นสิ่งจำเป็นด้วยซ้ำ 

‘ประธานวิปรัฐบาล’ ดักคอ ‘ก้าวไกล’ เสนอเพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อหวังเอาคะแนน ชี้!! สส. ต้องมีเวลาลงพื้นที่ ‘รับฟัง-แก้ไขปัญหา’ ให้ประชาชน รวมทั้งประชุม กมธ.

(6 ก.ค.67) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้เพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญให้มากขึ้นว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกัน แต่หากย้อนไปดูในอดีต เราจะมีการประชุมสภาฯ เริ่มในช่วงบ่ายของวันพุธและวันพฤหัสบดี พอมาถึงในยุคของนายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาฯ ก็ให้เพิ่มการประชุมมาเป็นวันพุธเต็มวันและวันพฤหัสบดี ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณากฎหมายสำคัญ อาจจะเพิ่มการประชุมในวันศุกร์อีกวันหนึ่งก็พอได้ แต่ถ้าจะเพิ่มวันประชุมเป็น 4-5 วันเลยคงจะไม่ไหว เพราะ สส.ก็ต้องมีการประชุมพรรคและประชุมกรรมาธิการฯ ชุดต่าง ๆ

ดังนั้นหากเป็นเรื่องเร่งด่วนจะเพิ่มการประชุมในวันศุกร์อีกหนึ่งวันอาจจะพอได้ ทั้งนี้ ขอให้มานั่งประชุมสภาฯ ให้ครบทั้งสองวัน นั่งประชุมกันให้เต็ม ๆ ก็น่าจะพอแล้ว

“ผู้แทนเขตโดยเฉพาะที่อยู่ต่างจังหวัดน่าเห็นใจ เพราะประชาชนในพื้นที่อยากเห็นหน้า ยิ่งเวลามีปัญหาทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง ก็อยากให้ผู้แทนเข้ามาดูและรับฟังปัญหาอย่างใกล้ชิด เข้าใจว่า สส.พรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่เป็น สส.บัญชีรายชื่อและ สส.กทม.จึงอาจจะไม่ต้องไปลงพื้นที่เหมือนกับ สส.พรรคอื่น ๆ ดังนั้นอย่าคิดจะประชุมเพื่อหวังเอาคะแนนลอย ๆ” นายวิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

'วิปวุฒิฯ' ผุดกมธ.สอบ 'ฮั้วทั้งแผ่นดิน' ศึกวัดใจวัดกึ๋น 'กกต.' VS 'สว.ชุดเก่า'

พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า...งานเข้าเต็ม ๆ...สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 ท่าน 7 อรหันต์ รวมทั้งผู้มากบารมีแทบจะเหนือกว่า 7 อรหันต์...แสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานกกต.

แต่เดิมกกต.จะทำพิธีสอยว่าที่สว. สัก 5-6คน แล้วประกาศรับรองผลเลือกสว. ชุดใหม่ วันที่ 8 หรือ 9 ก.ค. พร้อมตั้งคณะทำงานที่จะตรวจสอบไต่สวนให้ดูน่าคร้ามเกรง...แต่สุดท้ายออกอาการชักเข้าชักออก เมื่อกระแสการร้องเรียนจากผู้สมัคร จากสว. ชุดปัจจุบัน ออกมารัว ๆ และเป็นข้อมูลหลักฐานที่ดูแล้วน่าเชื่อถือไม่น้อย...

แต่หมัดเด็ดที่ทำเอา กกต.ตาค้าง  ออกอาการขาตายก้าวไม่ออก นั่งตรวจสอบไต่สวนข้อร้องเรียนกันแบบมึน ๆ งง ๆ ก็คือเมื่อ 5 ก.ค. คณะกรรมการประสานงานกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิ ที่มีประธานวุฒิสภา พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิฯ นั่งหัวโต๊ะ เรียกประชุมวิปวุฒิ ซึ่งประกอบด้วยประธานกมธ. สามัญทุกคณะมาประพิจารณา กรณีสว. ตัวตึง สมชาย แสวงการ ยื่นญัตติเสนอให้ตั้งคณะกมธ.วิสามัญศึกษาผลการเลือกสว. เพื่อถอดบทเรียน...

ที่ประชุมวิปวุฒิเห็นชอบนำเข้าที่ประชุมวุฒิสภาวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเชื่อขนมกินได้ว่าผ่านแน่ ตั้งกมธ.วิสามัญแน่ ๆ ตอนนี้กำลังหาคำตอบสุดท้ายตำแหน่งประธาน และนักวิชาการคนนอกที่จะมาร่วมเป็นกมธ.

แน่นอน...ปฏิบัติการที่แม้อาจจะเป็นเจตนาดีของสว.ชุดเดิม แต่เป็นธรรมดาที่บางฝ่ายจะตั้งคำถามว่า..ควรหรือไม่ควรที่จะตั้งกมธ.ศึกษาฯ เพราะถ้าจะศึกษาให้พอเป็นเรื่องเป็นราวก็คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน...

'เล็ก เลียบด่วน' ประมวลข่าว ประเมินสถานการณ์แล้วต้องสรุปว่า...งานนี้เป็นเกมวัดใจวัดกึ๋นกกต.ว่าเป็นของแทร่หรือของเทียมแบบไหนอย่างไร...

คาดว่าที่สุดกกต.ก็ต้องประกาศ แต่อาจทอดเวลาประกาศไปอีกสักสัปดาห์ พร้อม ๆ กับตั้งกรรมการชุดใหญ่อลังการงานสร้างขึ้นมาตรวจสอบไต่สวนคำร้องต่าง ๆ ที่มีมูล น่าสงสัย...เมื่อกกต.ประกาศรับรองแล้ว กมธ.วิสามัญที่สว.ชุดเดิมตั้งขึ้น ก็ต้องยุติลงโดยอัตโนมัติ...ฉากนี้น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง...

น่าสนใจว่าประกาศของกกต.จะชัดครบจบข่าวในเบื้องต้นได้หรือไม่ ตอบโจทย์หรือไม่ เพราะใน 614 เรื่องที่ร้องกกต. และอีกหลายเรื่องที่ไปฟ้องศาลมันยุ่งเหยิงพันพัวนัวเนียกันหลายประเด็นและหลายระดับเลือกตั้ง...

สรุปนาทีนี้คือ นาทีเผชิญหน้าระหว่างสว.ชุดเก่ากับกกต.และ สว.ชุดใหม่...ที่คอลัมน์นี้ได้นำเสนอมาต่อเนื่องว่า ส่วนใหญ่เป็นสว.ในเครือข่ายบ้านใหญ่พรรคสีน้ำเงิน ตัวเลขตอนนี้นับใหม่แล้วอยู่ที่ประมาณ 140 คน...

ส่วนตัวเต็งประมุขสภาสูงคนใหม่ ชิงกันเองในรั้วสีน้ำเงินระหว่าง...มงคล สุระสัจจะ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง เจ้าของไร่เพื่อนคุณแห่งบุรีรัมย์ และ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ.เตรียมทหารรุ่น 22 จปร.33 วปอ.61 รุ่นเดียวกับหนู อนุทิน...

ตอนนี้ทั้งสองตัวเก็ง อาจแอบนั่งลุ้นกันตัวเกร็งว่า ยังไง ๆ อย่าให้เลือกสว.หนนี้บานปลายกลายเป็นโมฆะ...ก็ล่ะกัน...!!

‘ธนกร’ ยัน ‘สส.รทสช.’ พร้อมทำงานทันทีที่เปิดประชุมสภาฯ เตรียมเดินหน้า ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ ปรับราคาพลังงาน เพื่อปชช.

(6 ก.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวว่า ทันทีที่เปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ประจำปีครั้งที่หนึ่ง 36 สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เราพร้อมเต็มที่ ในการเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ หลายฉบับ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมเสนอร่างกฎหมายที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนหลายเรื่อง โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับแนวทาง ‘รื้อ ลด ปลด สร้าง’ การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งหัวหน้าพรรคและทีมกฎหมายของพรรคได้เร่งดำเนินการเพื่อเตรียมยื่นบรรจุวาระเพื่อ ต้องการสร้างความเป็นธรรมด้านน้ำมันเชื้อเพลิงให้พี่น้องคนไทยทั้งประเทศโดยเร็ว

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่ากรณีฝ่ายค้านเสนอให้เพิ่มวันในการประชุมสภา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะเร่งพิจารณากฎหมายสำคัญให้ออกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร็ว แต่ขณะเดียวกัน สส. เป็นผู้แทนประชาชน ควรจัดเวลาลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนด้วยตัวเอง เพื่อจะนำเข้าสู่การหารือและแก้ปัญหาผ่านสภาต่อไป จึงเป็นเรื่องการบริหารเวลาให้เหมาะสมเพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและพี่น้องประชาชน

“สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ นำโดยนายพีระพันธุ์ และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เราพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นผู้แทนประชาชนในสภาพิจารณากฎหมายที่สำคัญให้ออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องคนไทย โดยเฉพาะกฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง จะส่งผลดีโดยตรงในการลดค่าครองชีพ ลดรายจ่ายให้กับประชาชน จึงมองว่าประชุมกี่วันเราก็พร้อม แต่ที่สำคัญสส.ก็ต้องลงไปรับฟังปัญหาจากประชาชนให้ครบทุกพื้นที่ด้วย จึงเห็นว่าควรบริหารเวลาให้เกิดความเหมาะสมเกิดประโยชน์ที่สุด“ นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

‘ผู้กำกับ 2475’ ชี้!! ใส่ร้าย-ดูหมิ่นสถาบัน ด้วยข้อมูลเท็จ ไม่มีทางที่จะไม่ผิด ม.112

📢ถามมา-ตอบไปกับ ‘วิวัธน์ จิโรจน์กุล’ ผู้กำกับภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชัน ‘2475 Dawn of Revolution รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

🎤: แค่วิจารณ์แล้วต้องติดคุก มันเหมาะสมหรือไม่?

🎥คุณวิวัธน์: คุณเคยเห็นป้ายที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง และปลุกระดมให้ล้มล้างสถาบันฯ ในม็อบหรือไม่ (สื่อตปท.ยอมรับว่ามี) นั่นคือผลของการหมิ่นประมาทใส่ร้ายสถาบันฯ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณเรียกว่า ‘แค่วิจารณ์’ มีนักวิชาการมากมายที่วิจารณ์สถาบันตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่โดน 112 แต่การที่เอาเรื่องเท็จไปปลุกปั่นให้เกลียดชังสถาบันฯ จนออกมาก่อม็อบชูป้ายล้มล้างสถาบันฯ คุณก็ต้องได้รับโทษ สมเหตุสมผลอยู่แล้ว

ดังนั้น เรื่องอะไรที่คุณฟังคนนั้นคนนี้มา คุณไม่มีหลักฐาน พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจริงหรือเท็จ คุณก็แค่อย่าเอาไปพูด ไปโพสต์ แต่ถ้าคุณเอาไปเผยแพร่ต่อ จนเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น คุณก็ต้องรับผลของการกระทำนั้น จะมาบอกว่าไม่ผิดไม่ได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top