Monday, 9 June 2025
POLITICS NEWS

"บิ๊กตู่" สั่งด่วนตั้ง คกก. ติดตามการลงทุนดึงต่างชาติมาไทย

วันที่ 8 เมษายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว 1 ชุดเพื่อไปติดตามการลงทุน แล้วให้มีการเชื่อมต่อกับบริษัทเอกชนต่างประเทศที่เขาสนใจว่าจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่าใครอยากจะมาจะมาลงทุนอะไรในประเทศไทยและรัฐบาลจะต้องดูแลอะไรบ้างตามมาตรฐานของสากลในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถที่จะแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ที่มีนโยบายการส่งเสริมและการลงทุนและต้องการดึงนักลงทุนเข้าสู่ประเทศเหมือน ๆ กันกับเรา 

ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องของโควิด-19 และเรื่องของการพัฒนาประเทศของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์หลังโควิด-19 ซึ่งต้องมองไปถึงการเจรจาและชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

"ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อม และเตรียมตัวในช่วงนี้ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ต้องทำวันนี้ การเจรจาการพูดคุยการทำข้อตกลงกับต่างประเทศต้องเร่งรัดในการพิจารณาดำเนินการกับ ทุกกลุ่มประเทศไม่ว่าจะประเทศใดประเทศเล็ก ต้องพูดคุยกันตลอดเวลาประชุมผ่านทางไกลกันก็ได้วันนี้เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต"

โฆษกรัฐบาล ยัน ไม่ผูกขาด - ไม่ปิดกั้นเอกชน จัดซื้อวัคซีนโควิด-19 แจง ความต้องการทั่วโลกสูงกว่าการผลิต ย้ำ อย. พร้อมออกใบอนุญาตหากเอกชนจัดหาวัคซีนได้

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ประชาชนเกิดความสับสนโดยต่อเนื่องว่ารัฐบาลผูกขาดการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ที่ผู้ผลิตเพียงไม่กี่บริษัท และยังแสดงข้อความที่ทำให้เข้าใจว่ารัฐบาลปิดกั้นไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีน รัฐบาลย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลไม่ได้ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีนเพียงบางบริษัท และไม่ได้ปิดกั้นที่เอกชนจะนำเข้าวัคซีนแต่อย่างใด ประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องเข้าใจให้ตรงกันคือความต้องการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากทุกประเทศทั่วโลกมีสูงกว่าความสามารถในการผลิตของผู้ผลิตทุกราย ตลาดเป็นของผู้ขายไม่ใช่ผู้ซื้อ และผู้ผลิตทุกรายซึ่งผลิตวัคซีนด้วยมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เวลานี้ก็ผลิตเพื่อส่งให้ประเทศที่ทำการสั่งซื้อไว้แล้วเป็นหลักเท่านั้น

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลของของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม(อว.) ที่รวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ พบว่าจนถึงวันที่ 5 เมษายน 2564 ทุกประเทศทั่วโลกมียอดจองวัคซีนโควิด-19 สูงถึง 9,600 ล้านโดส หลายประเทศมีคำสั่งซื้อสูงกว่าจำนวนประชากร 2 - 3 เท่าตัว ขณะที่ยอดวัคซีนที่มีการฉีดแล้วอยู่ที่ 658 ล้านโดส แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตยังต้องผลิตตามยอดคำสั่งซื้อของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อีกจำนวนมาก ดังนั้นแม้รัฐบาลจะนำเข้าวัคซีนจากบริษัทคือซิโนแวคและแอสตราเซนเนกา แต่ก็มีความพยายามจัดหาวัคซีนจากบริษัทอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอกับประชาชนในประเทศ แต่ยังมีข้อจำกัดการผลิตของผู้บริษัทรายอื่นที่ยังไม่เพียงพอตามข้อมูลข้างต้น โดยวัคซีนจากผู้ผลิตทุกรายในเวลานี้เป็นการใช้แบบกรณีฉุกเฉิน หากเกิดอะไรขึ้นจากการใช้วัคซีนกับประชาชน รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบไม่ใช่บริษัทผู้ผลิต จึงทำให้ขณะนี้เกือบทุกประเทศทั่วโลก รัฐบาลจะเป็นผู้จัดหาและนำเข้าวัคซีน โดยถือว่าวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ ยังไม่มีประเทศใดที่ให้ซื้อวัคซีนโควิด-19ได้เองแบบเชิงพาณิชย์ และยังมีประเด็นที่รัฐบาลต้องระมัดระวังคือ เมื่อกระจายการสั่งซื้อไปยังเอกชนแล้วอาจจะต้องบริหารจัดการอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาว่าประชาชนได้รีบวัคซีนปลอม

“ขณะนี้ยังคงมีความพยายามสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะประเด็นการนำเข้าโดยเอกชน ซึ่งรัฐบาลไม่ขัดข้องที่เอกชนจะนำเข้า แต่ปัญหาอยู่ที่เอกชนก็หาวัคซีนไม่ได้ ขณะเดียวกันผู้ผลิตวัคซีนหลายรายก็ไม่ขายให้รายย่อย เช่น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บอกชัดเจนว่าในระยะแรกจะขายให้หน่วยงานของรัฐเท่านั้น ของจีนก็ต้องมีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้สั่ง สถานการณ์วัคซีนทั่วโลกเวลานี้เป็นแบบนี้ แต่แนวทางของรัฐบาลเองชัดเจนว่าหากเอกชนรายใดหาวัคซีนได้องค์การอาหารและยา (อย.) ก็พร้อมออกใบอนุญาตให้อยู่แล้ว” นางสาวไตรศุลี กล่าว

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว 3 บริษัท คือ ซิโนแวค แอซตร้าเซนเนกา และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ส่วนที่อยู่ในขั้นตอนยื่นเอกสารแบบต่อเนื่อง หรือ rolling submission คือวัคซีนของบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี ประเทศอินเดีย นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด และยังมีส่วนที่อยู่ในขั้นตอนการหารือกับ อย. เพื่อเตรียมการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน คือวัคซีนโมเดอร์นา จากสหรัฐฯ วัคซีนสปุตนิก ไฟว์ จากรัสเซีย และวัคซีน ซิโนฟาร์ม จากจีน

กสร. ชี้แจงประเด็นดัง “รปภ. ถูกเลิกจ้างเนื่องจากถามค่าแรงในวันหยุดกับนายจ้าง” 

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานชี้แจงข้อกฎหมายประเด็น พนักงานรักษาความปลอดภัยพ้นสภาพการจ้างงานเนื่องจากถามค่าแรงในวันหยุดกับนายจ้าง ว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม พร้อมชี้แจงสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ชี้แจงประเด็นพนักงานรักษาความปลอดภัยพ้นสภาพการจ้างงานทันทีโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า เนื่องจากถามค่าแรงในวันหยุดกับนายจ้าง ว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็นกฎหมายที่ใช้คุ้มครองดูแลสิทธิและหน้าที่ของทั้งนายจ้างและลูกจ้างที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง การที่ลูกจ้างสอบถามค่าแรงของตนเองในการทำงานในวันหยุดนั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่นายจ้าง ไม่มีเหตุอันสมควรที่ถูกเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้าง ตามมาตรา 17/1  และอาจเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 

ในส่วนของค่าชดเชย เนื่องจากลูกจ้างยังทำงานติดต่อกันไม่ครบ 120 วัน จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากนายจ้าง ตามมาตรา 118 และข้อสงสัยที่ว่าลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดเป็น 2 เท่า ช่วงวันหยุดสงกรานต์ได้หรือไม่นั้น เห็นว่า ลูกจ้างทุกประเภทไม่ว่า จะเป็นลูกจ้างรายวัน รายเดือน หรืออยู่ระหว่างการทดลองงาน มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณีที่นายจ้างประกาศกำหนดไว้ ตามมาตรา 56 (2) หากนายจ้างให้ลูกจ้างมาทำงานในวันหยุดดังกล่าว ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุดเพิ่มอีก 1 เท่า ตามมาตรา 62 (1) รวมกับค่าจ้างที่ต้องได้อยู่แล้วเป็น 2 เท่า   

อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเด็นที่บริษัทอ้างถึงระเบียบข้อบังคับในการทำงานว่า ต้องทำงานครบ 120 วัน จึงจะได้รับค่าจ้างเป็น 2 เท่านั้น ไม่ได้มีการกำหนดไว้ในข้อกฎหมายแต่อย่างใด ข้อบังคับในส่วนนี้จึงใช้บังคับมิได้ จากกรณีนี้ทั้งตัวลูกจ้างและนายจ้างอาจไม่เข้าใจข้อกฎหมายที่ถูกต้อง จนทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในทางปฏิบัติ ดังนั้น หากมีข้อสงสัยด้านกฎหมายแรงงาน หรือต้องการขอคำปรึกษา หรือลูกจ้างประสงค์ยื่นคำร้องเกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่อพนักงานตรวจแรงงาน สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 และช่องทางยื่นคำร้องอิเล็กทรอนิกส์ http://eservice.labour.go.th

‘บิ๊กตู่’ รับห่วงสถานการณ์โควิด-19 สั่ง ‘กทม.- มท.’ เตรียมพื้นที่ โรงพยาบาลสนาม ให้พร้อม ยันไม่ต้องการปิดทั่วประเทศ พร้อมให้เร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า...

วันนี้เป็นการประชุมครม.ในลักษณะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่ได้พูดคุยหารือเช่นครม.ปกติ ซึ่งมีรัฐมนตรีหลายท่านที่อยู่ในมาตรการกักตัว แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะมีการเชื่อมต่อระบบออนไลน์อยู่แล้ว ในส่วนของคำถามประชาชนวันนี้ให้ความสำคัญสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลห่วงใยและจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการ เราต้องบริหารหลายเรื่องทั้งโควิด-19 เศรษฐกิจ การบริหารความรู้สึกประชาชน ซึ่งตนไม่สบายใจ แต่อย่าท้อแท้ ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และสร้างการรับรู้ของประชาชน ไม่ว่าการแพร่ระบาดจะระดับใดก็ตาม หรือโควิด-19 จะกลายพันธุ์หรือไม่กลายพันธ์ุ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งคณะแพทย์ได้หารือกันขณะนี้

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเราต้องเร่งรัดฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับวัคซีนที่กำลังทยอยเข้ามาในประเทศ หลายเรื่องเป็นปัญหาระดับโลกและระดับประเทศ แม้กระทั่งประเทศผู้ผลิตวัคซีนก็มีปัญหาในการผลิตวัคซีน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งจะทำให้มีปัญหาในการจัดหาวัคซีนก็ต้องเตรียมแก้ปัญหา ขอความร่วมมือจากทุกคนให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และทุกคนต้องมีมาตรการของตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ไม่เข้าไปอยู่สถานที่หรือพื้นที่เสี่ยง สถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิง ซึ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องปิดสถานบริการบางแห่ง บางพื้นที่ ทั้งนี้หากมีการตรวจสอบพบว่าสถานบริการใด ไม่พร้อมในเรื่องมาตรการควบคุมโควิดก็จะสั่งปิดโดยทันที

“ผมไม่อยากสั่งปิดทั่วประเทศ เพราะผมเข้าใจ แต่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ดูแลตัวเองและครอบครัวอย่างไร ความสนุกสนาน ความบันเทิง ขอทุกคนระงับ ยับยั้งและชั่งใจด้วย เพราะผลมันกระทบต่อครอบครัวตัวเองและสังคม ทั้งนี้ไม่ว่าเป็นใครก็ตามผมก็ห่วงใยทั้งสิ้น” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุขให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด การรักษา ตนยืนยันทุกอย่างในขณะนี้ เรายังรับได้อยู่ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้กรุงเทพฯ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จัดเตรียมพื้นที่สำหรับทำโรงพยาบาลสนามให้พร้อมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในกรณีสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดจำนวนมาก หากไม่เพียงพอให้กระทรวงกลาโหมจัดหาพื้นที่เพิ่มเติม วันนี้มีหลายจังหวัด แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของธุรกิจ เรื่องประชาชน ซึ่งตนได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พิจารณาเพิ่มเติมมาตรการตามความจำเป็น ข้อสำคัญเราต้องการ์ดไม่ตก ใส่หน้ากากอนามัย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรมในช่วงสงกรานต์ อาจจะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น และอะไรที่ไม่จำเป็นก็อย่าจัดเลย โดยเฉพาะการรดน้ำดำหัวที่คนเยอะๆ แม้กระทั่งการทำบุญก็คงต้องเว้นระยะห่างให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือคนที่ไปทำบุญก็ต้องใส่หน้ากากทั้งหมด วันนี้สิ่งที่ตนอยากแนะนำคือ ยังรดน้ำใครไม่ได้ เพราะการแพร่ระบาด ก็ให้รดน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน วันนี้รัฐบาลได้ยกเลิกงานที่จะจัดสงฆ์น้ำพระที่ทำเนียบรัฐบาล ไปแล้ว เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้คนมารวมกันจำนวนมาก สถานที่มีความเสี่ยง สถานที่ท่องเที่ยว ทุกคนต้องระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะคนที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือคนในครอบครัวของท่านเองและสังคม ส่วนเชื้อที่แพร่จะเป็นสายพันธุ์เก่า หรือสายพันธุ์ใหม่ หรือเชื้อกลายพันธุ์ ตรงนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาอยู่แล้ว ขอให้เป็นเรื่องทางการแพทย์ที่จะพิจารณา อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตรงนี้


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/233704

‘รองโฆษกพรรคกล้า’ วอนรัฐให้ความสำคัญ ‘คลัสเตอร์ทองหล่อ’ พร้อมเร่งจัดสรรวัคซีนให้กรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ ชี้รอบนี้ไม่ธรรมดา ติดเชื้อถึงระดับรัฐมนตรี ขอเปิดโอกาสให้ รพ.เอกชน ช่วยกระจายวัคซีน คุมระบาด

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรวัคซีนให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้มากกว่าแผนที่วางไว้ โดยทราบว่าภายในเดือนเมษายนนี้มีแผนกระจายวัคซีนในพื้นที่ กทม.อีก 150,000 โดส ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการระบาดใหม่คลัสเตอร์ทองหล่อ จึงอยากให้รัฐบาลจัดสรรวัคซีนเพิ่มขึ้นตามความจำเป็นของพื้นที่

"ทราบว่าผู้ว่า กทม. เร่งลงพื้นที่จัดสรรวัคซีน 4,200 โดส ในพื้นที่ทองหล่อแล้ว แต่อาจไม่เพียงพอ เพราะการระบาดกระจายหลายพื้นที่ ดังนั้นรัฐบาลควรคำนึงถึงแผนการฉีดวัคซีน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเสี่ยงหรือพื้นที่ติดจังหวัดสมุทรสาครเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงการฉีดวัคซีนทุกพื้นที่อย่างจริงจัง และขอให้กำลังใจบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขันโดยตลอดรวมถึงช่วงนี้ด้วย" นายแสนยากรณ์ กล่าว

รองโฆษกพรรคกล้า ย้ำว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่ธรรมดา ขณะนี้ผู้ติดเชื้อกระจายไปหลายกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองกลุ่มใหญ่ที่ต้องกักตัว หรือระดับรัฐมนตรีก็มีผลตรวจออกยืนยันออกมาแล้วว่าติดเชื้อ รวมถึงบุคคลกลุ่มอื่นๆ ที่ติดเชื้อ กระจายตัวไปถึง 18 จังหวัดแล้ว ซึ่งสถานการณ์นี้อาจกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นการกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจำนวนวัคซีนที่เพียงพอแล้ว การกระจายวัคซีนให้รวดเร็วก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งตอนนี้โรงพยาบาลของรัฐฉีดวัคซีนได้เฉลี่ยวันละ 10,000 โดส ดังนั้นหากเป็นไปได้ ควรเปิดให้โรงพยาบาลเอกชนช่วยกระจายการฉีดวัคซีน เพื่อเพิ่มการป้องกันและจำกัดวงการระบาดให้รวดเร็วกว่าเดิม

ครม. เห็นชอบ ขยายเวลาผู้ประกันตนม.33 สิ้นสุดการเป็นลูกจ้าง ยื่นสมัครม.39 ถึง 30 มิ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 7 เมษายน นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการแสดงความจำนงเป็นผู้ประกันตนและการนำส่งเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 64เป็นต้นไป

โดยกำหนดให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่สิ้นสุดการเป็นลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 -วันที่ 31 ธันวาคม 2563หากประสงค์อยู่ในระบบประสังคมต่อไป ให้แสดงความจำนงเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และให้ขยายกำหนดเวลานำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน สำหรับเงินสมทบที่ต้องนำส่งประจำงวดเดือนมีนาคม 2563-งวดเดือนพฤษภาคม 2564 ให้นำส่งภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 เพื่อให้ผู้ประกันตนรักษาสถานภาพตามมาตรา 39 พ.ร.บ.ประกันสังคม ประมาณ 207,700 คน  และมีหลักประกันด้านสุขภาพผ่ายสิทธิประโยชน์ประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง

ครม.ไฟเขียวกฎหมายคุมร้านขายก๊าซหุงต้ม

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้มีการควบคุมธุรกิจร้านขายแก๊สหุงต้มให้มีความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานมากขึ้น โดยได้มีการอนุมัติร่างกฎกระทรวงสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจำหน่าย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการในปัจจุบัน 

สำหรับสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับที่ตั้ง แผนผัง รูปแบบ และลักษณะของสถานที่เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวประเภทร้านจำหน่าย การเก็บรักษาและการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว ประกอบด้วย 1.ห้ามตั้งร้านจ้าหน่ายถังก๊าซหุงต้มในอาคารชุด อาคารสรรพสินค้า อาคารแสดงสินค้า หรือสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว 2.ร้านจำหน่ายที่อยู่ห่างจากอาคารอื่น ไม่เกิน 6 เมตร  ให้เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวได้ไม่เกิน 2,400 ลิตร ถ้าอยู่ห่างจากอาคารอื่น เกิน 6 เมตรขึ้นไป ให้เก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวได้ไม่เกิน 12,000 ลิตร  3.ร้านจำหน่ายลักษณะที่ 2 (ร้านจำหน่ายที่มีการเก็บก๊าซปริโตรเลียมเหลวเกิน 500 ลิตรขึ้นไป) ต้องมีระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย แบบกระจายน้ำดับเพลิง ที่สามารถฉีดน้ำครอบคลุมบริเวณที่เก็บถังก๊าซหุงต้มหรือกระป๋องก๊าซ

สำหรับร้านจำหน่ายที่ประกอบกิจการอยู่ก่อนที่กฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ให้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ภายใน 1 ปี นับแต่วันที่มีผลบังคับใช้ และร้านจำหน่ายที่ตั้งอยู่ในตึกแถวที่ประกอบกิจการอยู่ก่อน จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีกรรมสิทธิ์ในตึกแถวข้างเคียงที่มีผนังร่วมกัน

พท.อัด “ศักดิ์สยาม” โกหก ทำตัวอภิสิทธิ์ชน ไม่รับผิดชอบสังคม ทำ ปชช.รับกรรม

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่นายศักดิ์สยามเพิ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564 ร่างกายยังแข็งแรงดีและได้ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 โดสแล้ว แต่วันนี้กลับคำให้สัมภาษณ์ว่าได้รับวัคซีน 1 โดส ว่า นายศักดิ์สยามกำลังโกหกประชาชนกำลังลดทอนความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลเสียเอง ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นยันต์กันผี ฉีดแล้วจะปฏิบัติตัวอย่างไรก็ได้ ทั้งที่รัฐมนตรีและรัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างกับสังคม ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าประชาชน แม้จะได้รับวัคซีนแล้วไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยปราศจากการรักษาระยะห่างทางสังคม ต้องป้องกันตัวเองด้วยมาตรการเข้มข้นตามที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง   

เพราะประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับวัคซีน มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับวัคซีนเพียง 1 โดส นายศักดิ์สยามและรัฐมนตรีอีกหลายคนที่ต้องกักตัว ไม่ควรเป็นหนึ่งในสาเหตุของการแพร่ระบาดในคลัสเตอร์ทองหล่อ  ล่าสุด ศบค.รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้มี 334 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 327 ราย พบมากที่สุดในกรุงเทพฯ 210 ราย ส่วนใหญ่พบจากกลุ่มสถานบันเทิงใน กทม. ยิ่งตอกย้ำว่าการระบาดครั้งนี้อาจจะกลายเป็นการระบาดระลอกที่ 3 หรือไม่

“รัฐบาลกำลังทำลายความน่าเชื่อถือให้กับวัคซีนที่ตนเองเป็นผู้สั่งซื้อ และยังผูกขาดการเข้าถึง จากนี้ไปรัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งที่ได้รับวัคซีนแล้วและยังไม่ได้รับวัคซีน ว่าวัคซีนไม่ใช่ยาวิเศษที่เมื่อได้รับไปแล้วจะทำให้ตัวเองไม่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ หลังได้รับวัคซีนโดสที่ 2 แล้วจะต้องรักษาระยะห่างทางสังคม และป้องกันตนเองอย่างเข้มข้นต่อไป เพราะวัคซีนมีระยะการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายหลังฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 14-28 วัน ข้อมูลเหล่านี้สำคัญในการดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก 

รัฐมนตรีที่ติดเชื้อโควิดไม่รับผิดชอบต่อสังคม ซ้ำยังปกปิดข้อมูล ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชน ลอยตัวเหนือปัญหาที่ตนเองเป็นผู้ก่ออยู่เสมอ ประชาชนต้องรับกรรมแทนทุกครั้ง” นางสาวอรุณี กล่าว

“บิ๊กตู่”โวเปิดเส้นทาง”กรุงเทพฯ-โคราช”บรรเทาความเดือดร้อนช่วงสงกรานต์ “ย้ำ”ระมัดระวังเดินทาง มีสติ อย่านึกถึงแต่ตัวเอง “อ้อน”รัฐพยายามแก้ปัญหาให้ ขอเพียงกำลังใจเท่านั้น

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าบ่ายวันนี้ตนจะเดินทางไปเป็นประธานการเปิดใช้งานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางประอิน-สระบุรี -นครราชสีมา ช่วงอ.ปากช่อง-อ.สีคิ้ว ตนจะไปดูเส้นกรุงเทพ-โคราชที่เปิดช่วงแรก ที่จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องของการเดินทางได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ 

“การเดินทางไปต่างจังหวัดขอให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้ยานพาหนะ รถต้องพร้อม คนต้องพร้อม ไม่ดื่มสุรา พักผ่อนให้เพียงพอ สนุกสนานอะไรก็อย่าให้เกินเลยเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตตัวเอง ชีวิตครอบครัวและชีวิตคนอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเราไปด้วย นี่แหล่ะคือจิตสำนึกของคนไทยทั้งประเทศ เราควรจะต้องนึกแบบนี้ อย่านึกถึงแต่ตัวเอง นึกถึงแต่ความสนุกชั่วคราว จะทำอะไรก็ตามจะต้องมีสติสัมปชัญญะในการดำรงชีวิตต่อไปเพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัวและเพื่อคนอื่นด้วย รัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารสิ่งเหล่านี้ให้บูรณาการซึ่งกันและกัน ทุกอย่างเริ่มจากมนุษย์ จากคนทั้งสิ้น รัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาทุกเรื่อง อย่างไม่ย่อท้อ ขอเพียงกำลังใจให้รัฐบาลเท่านั้นเอง อะไรที่มีปัญหาก็พูดคุยกัน แก้ปัญหาได้ก็แก้ให้ แต่ก็ขอให้เป็นไปตามกฎระเบียบ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลายอย่างเรากำลังปรับแก้ในเรื่องของกฎหมาย ซึ่งมีหลายตัว เสนอไปที่สภาจำนวนหนึ่งแล้วก็คงต้องฝากกระบวนการรัฐสภาให้เร่งผ่านกฎหมายเหล่านี้ที่มีความเร่งด่วน การอำนวยความสะดวกประชาชน เรื่องกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ที่จะเกิดผลดีกับประชาชน เกิดผลดีกับการค้า การลงทุนซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะต้องให้ความสำคัญในช่วงนี้” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากเรื่องโควิดที่ให้ความสำคัญแล้ว ยังมีเรื่องการเดินหน้าประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์หลังโควิด เราต้องเตรียมความพร้อมในช่วงนี้ ต้องเร่งรัดการเจรจา การพูดคุยหรือการทำข้อตกลงกับต่างประเทศ ต้องเร่งรัดดำเนินการกับทุกกลุ่มประเทศไม่ว่ากลุ่มประเทศใหญ่ ประเทศเล็ก กลุ่มอียู กลุ่มตะวันตกต่างๆ ก็ต้องพูดคุยกันตลอดเวลา ประชุมผ่านทางไกลกันก็ได้ ซึ่งวันนี้ตนก็ได้ตั้งคณะกรรมการไปติดตามเรื่องการลงทุนแล้ว เชื่อมต่อกับบริษัทเอกชนต่างประเทศที่เขาสนใจ ใครอยากจะมา มาทำอะไรและเราดูแลอะไรเขาได้บ้างตามมาตรฐานของสากลในปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นเราแข่งขันกับใครไม่ได้ ถ้าเรายังคิดแบบเดิมอยู่เราจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย ตนขอให้มีความรักความสามัคคีและฟังรัฐบาลบ้าง เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ บรรดาสื่อโซเชียลฯต่างๆที่ออกมากันมากมาย ตนห้ามใครไม่ได้ แต่ทุกคนต้องมีการใคร่ครวญให้ดีว่าใช่หรือไม่ใช่  จริงหรือไม่จริง ควรเชื่อหรือไม่เชื่อ ตนไม่ต้องการให้สร้างความเกลียดชังกันต่อไป เพราะมันเป็นอันตรายต่อประเทศอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top