Sunday, 22 June 2025
POLITICS NEWS

รองโฆษกอัยการเผย ยื่นฟ้อง 11 ผตห.เยาวชนปลดเเอก ผิด 116 ศาลอาญา ส่วนอีก 3 รายที่ไม่มาศาลเเยกฟ้องเตรียมประสาน ตร.ตามภานุมาศ-ทัดเทพ หลังเบี้ยวนัด

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง14 ราย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ,ฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯเเบะความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เเต่วันนี้มีผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางมาตามนัดอัยการ 5 รายประกอบด้วย นายพริษฐ์ ,นายณัฐวุฒิ  ซึ่งอยู่ระหว่างกักตัวโควิด

เเละนายภาณุพงศ์ ติดรายงานตัวรับทราบคำสั่งอัยการที่ จ.ระยอง ส่วน นายภานุมาศ  เเละ นายทัตเทพ ไม่สามารถติดต่อได้จากนี้ก็จะประสานพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามมายื่นฟ้องต่อศาลต่อไป โดยวันนี้ทางพนักงานจะยื่นฟ้อง ผู้ต้องหาจำนวน 11 คนก่อนประกอบด้วยผู้ต้องหาที่มารายงานตัวกับ นายพริษฐ์เเละนายภาณุพงศ์ เนื่องจากตัวอยู่ในอำนาจศาลในคดีอื่น ส่วนอีก3 คนจะเเยกฟ้องในวันอื่นต่อไป

“บิ๊กตู่” ย้ำการจัดทำแผนพัฒนาภาคกลุ่มจังหวัดและจังหวัด เน้นสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน  

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 2/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดย นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความสำคัญของการจัดทำแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนาจังหวัด โดยการจัดทำแผนงานโครงการต้องคำนึงถึงศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และมาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ทั้งนี้ แผนงานโครงการต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และมีการบูรณาการเชื่อมโยงการพัฒนาจากระดับบน (Top Down) สู่ระดับล่าง (Bottom Up) รวมทั้งกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยมุ่งเน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างเท่าเทียม และเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน  นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อที่ประชุมถึงนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ในการจัดทำแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนาจังหวัด ต้องปรับให้เข้ากับเกณฑ์ของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งการจะทำให้ประสบความสำเร็จ ต้องขึ้นอยู่กับแผนปฏิบัติการที่ต้องลงไปยังพื้นที่ ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน และการพัฒนาต้องเป็นการพัฒนาอย่างพุ่งเป้า เป็นไปตามศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ต้องมีการจัดเตรียมแผน จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนให้ดี ในการใช้งบประมาณต้องมีแผนการใช้งบประมาณในแผนเร่งด่วนตามกรอบระยะเวลา ที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า และปรับให้ตรงกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งสถานการณ์โลก สถานการณ์ภายในประเทศ ที่สำคัญคือต้องทำให้สอดคล้องกับห้วงระยะเวลา โดยต้องมุ่งเป้าหมายไปที่การฟื้นฟูของประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้งจะต้องมีเป้าหมายตัวชี้วัดการพัฒนาระดับความแตกต่างของรายได้ของประชาชน ของจังหวัด จีดีพีรายหัว ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ในวันนี้ต้องทำงานแนวเชิงรุกให้มากยิ่งขึ้น การจัดทำแผนงาน/โครงการต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูลรายละเอียดที่เพียงพอ แผนปฏิบัติการต้องผ่านความเห็นชอบ ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ผ่านคณะกรรมการจังหวัด เสนอขึ้นมาผ่านคณะกรรมการตรวจสอบ คัดกรอง ให้ได้ข้อยุติเป็นแผนที่สมบูรณ์ โดยรัฐบาลจะไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใดก็ตาม ทุกจังหวัดจะต้องได้รับความเท่าเทียมและเป็นธรรม เท่าเทียมในเรื่องของโอกาส เป็นธรรมก็คือจะต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยให้มากขึ้น ซึ่งในการจัดทำโครงการขอให้ทำให้ดีที่สุด เมื่อเสนอโครงการมาแล้วหากต้องส่งกลับไปใหม่ จะทำให้ล่าช้าไม่ทันการณ์ ฉะนั้น ท้องถิ่นและจังหวัดต้องตรวจสอบในเรื่องการจัดทำแผนงานโครงการให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ การทำงานใดก็ตามที่มีลักษณะการทำงานแบบเดิม ๆ จะต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นการทำงานเชิงรุก ต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ รวมทั้งในโครงการจะต้องมีแผนหลัก แผนรอง แผนเผชิญเหตุ ให้พร้อมสำหรับการอนุมัติโครงการ ทุกจังหวัด ทุกกลุ่มจังหวัดต้องเตรียมการให้พร้อม กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนตามห้วงระยะเวลา รัฐบาลเน้นให้ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้และมีประสิทธิภาพ  

นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (1) นโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566 - 2570 (2) หลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 (3) แนวทางการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 ภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดปีละ 28,000 ล้านบาท (4) หลักเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - 2570 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (5) ร่างกรอบแผนพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ทั้ง 6 ภาค และหลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติการภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2570 เพื่อให้ส่วนราชการใช้เป็นกรอบในการจัดทำและเสนอขอโครงการที่สนับสนุนและขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ (6) ปฏิทินการดำเนินงานภายใต้กลไก ก.บ.ภ.ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 (7) แนวปฏิบัติสำหรับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด กรณีการชำระเงินประกันค่าธรรมเนียมให้สถาบันอนุญาโตตุลาการในการฟ้องคดีโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี โดยใช้เงินเหลือจ่าย และ (8) การขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการเพื่อชดเชยเงินถูกพับไปของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 โดยจังหวัดเสนอคำขอเปลี่ยนแปลงเพื่อขอความเห็นจากคณะกรรมการบริหารงานจังหวัด/กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการและจัดส่งคำขอเปลี่ยนแปลงโครงการภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2564

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการปรับปรุงตัวชี้วัดการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ชุดใหม่ ที่ยึดโยงกรอบมิติการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ประกอบด้วย ตัวชี้วัดการพัฒนาระดับจังหวัด (32 ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัดการพัฒนาระดับกลุ่มจังหวัด (15 ตัวชี้วัด) ทั้งนี้ จังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการ สามารถใช้ตัวชี้วัดดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการวัดสถานะการพัฒนาพื้นที่เชิงเปรียบเทียบ จังหวัดและกลุ่มจังหวัดสามารถนำไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดได้ รวมทั้งชี้พื้นที่เป้าหมายการพัฒนาในระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้กับส่วนราชการเพื่อนำไปกำหนดแผนงานโครงการได้อย่างชัดเจน 

 

‘แรมโบ้’ ซัด ‘โทนี่’ คงไม่มีใครโทรปรึกษานักโทษหนีคดี คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ย้ำนายกฯ ไม่คิดลาออก และไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองใคร แนะหากอยากกลับประเทศไทย ทำได้ 2 ข้อคนไทยส่วนใหญ่จะยอมรับได้

14 กรกฎาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ร่วมเสวนาผ่านคลับเฮาส์ พร้อมให้นายกฯ โทรหา เพื่อขอคำปรึกษาและระบุว่าหากอยากไล่นายกฯ ให้ไปฟ้องพลเอกประวิตร รวมถึงคนเป็นนักการเมืองจะแคร์ประชาชน คนที่มาจากการปฏิวัติไม่แคร์ประชาชน โดยนายเสกสกลระบุว่า คำพูดเหน็บแนมของนายโทนี่ ที่อยากจะเสนอแนะและให้คำปรึกษาไม่ได้ออกมาจากใจเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองมากกว่า

ตนเองมองว่าคำปรึกษาของนายโทนี่นั้นคงไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ ไม่ได้ลงมาสัมผัสกับความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง ขณะเดียวกันในสถานะของคนทำผิดที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเช่นนายโทนี่คงไม่สมควรที่จะโทรไปปรึกษา เพราะปรึกษากับนักโทษที่มีคดีทุจริตติดตัวคงไม่ได้ประโยชน์อะไร

นายเสกสกลยังย้ำว่า ที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล สามารถแก้ไขปัญหาเองได้ และตนเองก็เห็นแล้วว่าทำได้ดี ทั้งต้องแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทิ้งเอาไว้ เช่น โครงการรับจำนำข้าว และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่สะสมมานาน ได้พัฒนาประเทศต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ตอนนี้ทุกภาคส่วน บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนได้ร่วมมือกันอย่างดี เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องขอคำแนะนำจากนายโทนี่ ถ้านายโทนี่จะช่วยประเทศชาติได้ในภาวะนี้ คือ หยุดพูดสร้างความสับสนและด้อยค่าคนอื่น หยุดพูดเหน็บแนมคนอื่น หยุดพูดสร้างความแตกแยกให้กับคนไทยได้แล้ว นี่คือสิ่งที่จะช่วยได้มากที่สุดในยามนี้

ส่วนที่นายโทนี่บอกว่านักการเมืองทั้งเก่งและไม่เก่งจะแคร์ประชาชน แต่คนที่มาจากการปฏิวัติไม่แคร์ประชาชนนั้น ตนเองอยากให้นายโทนี่ อย่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไป บางทีคนที่อ้างว่ามาจากประชาชน เอาประชาชนมาเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์ทุจริตโกงกินมากมายจนต้องติดคุกติดตารางหรือหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ อย่างนี้ใช่ใหม? หรือออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ตัวเองใช้เสียงข้างมากลากไปจนถูกเรียกเป็นเผด็จการรัฐสภาหรือระบอบทักษิณ การกระทำเช่นนี้ของนักการเมืองใช่ไหม ที่เรียกว่าแคร์ประชาชนหรือเห็นเงาหัวประชาชน ตนเห็นว่าคนที่เป็นนักการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยนั้นไม่เห็นแคร์ประชาชนอะไรเลย เพราะวัน ๆ มีแต่ปากออกมาพูด เพื่อสร้างความสับสนให้กับประชาชนไม่หยุด เช่นเดียวกับนายโทนี่ไม่คิดช่วยประชาชนในยามวิกฤตโควิด คิดแต่จะล้มรัฐบาลกลับมามีอำนาจไว้ในมืออีก ในขณะที่บ้านเมืองต้องการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ซึ่งตนเองก็อยากให้นายโทนี่ออกมาเตือนคนในพรรคเพื่อไทยด้วยว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่สมควรทำอย่างยิ่งในขณะนี้

"ตนเองยังยืนยันว่านายกฯ จะต้องทำงานแก้ไขปัญหาจนครบเทอม จะไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใครทั้งนั้น ดังนั้น คงไม่ต้องไปบอกพลเอกประวิตรให้ไปบอกนายกฯ ประยุทธ์ให้ลาออก และการที่นายโทนี่ออกมาพูดไม่หยุดนั้นตนเองก็มองว่าไม่ได้อยากจะช่วยเหลือบ้านเมืองอะไร เพราะการออกมาพูดแต่ละครั้งไม่มีเนื้อหาสาระอะไรที่เป็นประโยชน์ แต่พูดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น อยากมีบทบาทช่วยพรรคเพื่อไทยเป็นการตีกินทางการเมือง กลัวคนจะลืม โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร หวังแต่ว่าการออกมาพูดจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้เข้ามามีอำนาจเป็นรัฐบาล เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือตัวเองให้พ้นผิดและได้กลับประเทศไทยเล่นนั้นใช่ไหม แต่ตนเองมองว่าหากนายโทนี่อยากกลับประเทศไทย และแน่จริงก็ขอให้กลับมาเลยตอนนี้ กลับมารับโทษที่ตัวเองได้ทำผิดเอาไว้ แค่นี้ก็ได้กลับประเทศไทยแล้วโดยไม่ต้องรอเวลา

แต่ก่อนจะกลับมาประเทศไทย ตนจะต้องถามกลับสองข้อสั้น ๆ ว่า...

1.) ถ้ากลับมาพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ประเทศชาติประชาชนในโครงการที่เกิดการทุจริตในยุครัฐบาลนายทักษิณและยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ หรือไม่

2.) พร้อมที่จะกลับเข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่

ถ้านายโทนี่และนางสาวยิ่งลักษณ์พร้อมรับเงื่อนไขสองข้อนี้ ตนคิดว่า พี่น้องคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ขัดข้องที่จะให้กลับได้ถ้าทำตามสองข้อนี้ ไม่ว่านายโทนี่กับน้องสาวจะเดินเข้าทางช่องประตูหน้าหรือประตูหลังหรือประตูไหน ๆ ก็ตาม ตนมั่นใจคนไทยส่วนใหญ่ยอมรับได้อย่างแน่นอน" นายเสกสกล กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ผบ.ทบ.” สั่งแจ้งความ 9 มือโพสต์ ปม ทหารไปบูสต์วัคซีนเข็ม 3 สหรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการภาพกำลังพล กองร้อยส่งทางอากาศ ที่เดินทางไปร่วมการฝึกกระโดดร่มทางยุทธศาสตร์ (Strategic Airborne Operation) กับกองทัพบกสหรัฐ ณ Fort Bragge รัฐนอร์ทแคโรไลนา ระหว่างวันที่ 10-26 ก.ค.64 ที่สนามบินไปเผยแพร่และบิดเบือนโดยกล่าวหาว่าเดินทางไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 3 และใช้ภาษีประชาชนเป็นค่าตั๋วเครื่องบินในการเดินทางนั้น

ล่าสุด พล.อ.ณรงพันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ทำหน้าที่แทนดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับบุคคลที่นำภาพไปบิดเบือน จนทำให้กองทัพบกเกิดความเสียหาย พร้อมให้ พ.อ.ณครสม เนาวบุตร ผู้อำนวยการกองคดี สำนักพระธรรมนุญทหารบก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลล็อตแรก จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย ผู้ในเฟซบุ๊ก จำนวน 8 ราย ทวิตเตอร์ จำนวน 1 ราย และจะมีการทยอยแจ้งความกับบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีก ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แง้ม กลับไทยแน่นอน แต่ยังไม่บอกวัน วิเคราะห์ นายกฯ อาจจะอยู่ไม่ครบเทอม

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ Tony Woodsome พูดในรายการ CARE Talk x CARE Clubhouse : "ล็อกดาวน์ แล้วยังไงต่อ? โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ถ้าตนเป็นนายกฯ จะไม่ปล่อยให้เป็นขนาดนี้ ไม่ให้คนต้องมานอนรอคิวแน่นอน เรื่องวัคซีนผมดิ้นรนหาแน่ ไม่ใช่กระจุกเป็นบางที่ แต่ต้องกระจายวัคซีนให้ทั่วและไม่ใช่ให้คนต้องมานอนรอคิวแบบที่เห็น

ส่วนเรื่องวัคซีน ถ้าสหรัฐฯ ให้ไฟเซอร์ ก็ควรให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน เพราะเป็นด่านหน้าที่ต่อสู้โรค แล้วตกลงที่สั่งไฟเซอร์มา 20 ล้านโดส แต่วันนี้สัญญายังไม่ไปถึงไหนเลย อย่าคิดให้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบเลย เอาประชาชนก่อนไหม

"เรื่องโควิดทำไมมันแพงทุกอย่าง วันนี้คนลำบาก คนจนก็เยอะ เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่อะไรก็แพงหมด Rapid Test ในเยอรมนี วางขายร้านทั่วไป 35 บาท แต่บ้านเราขาย 300-400 บาท มันแพงได้ยังไง วัคซีนก็เหมือนกัน ประชาชนต้องจ่ายแพงกว่าประเทศอื่น ทำไมแพง ส่วน ศบค. ยุบทิ้งไปเถอะ เพราะอำนาจความเป็นนายกฯ สั่งอะไรก็ได้อยู่แล้ว ศบค. เป็นเหมือนหน่วยที่ปรึกษาที่ใช้อำนาจนายกฯ รัฐมนตรีทำอยู่แล้ว คนไหนไม่ได้เรื่องก็ปรับเลยคณะรัฐมนตรี วันนี้ถ้าไม่ปรับออก แสดงว่านายกฯ เองนั้นแหละไม่ได้เรื่อง"

นอกจากนี้นายทักษิณ ยังย้ำเรื่องการกลับประเทศไทยว่า กลับแน่นอน แต่ขออุบไว้ก่อนว่าเมื่อไหร่ ถ้ากลับไปไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ ทั้งนี้ถ้าพล.อ.ประยุทธ์บอกว่า พี่ ๆ ปรึกษาหน่อย ผมก็พร้อมช่วย เวิร์ค ฟอร์ม ดูไบ ให้เลยเต็มที่ เขาเคยเป็นลูกน้องผม ตอนที่ผมเป็นนายก เขาเป็นพันเอก ถ้าเขามาปรึกษาผม ผมพร้อมช่วย คนเคยเป็นนายกฯ ไม่รักบ้านเมืองก็โง่แล้ว

มีคนถามว่า ตอนนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันที่จะไม่ยอมแพ้ ให้วิเคราะห์แบบไม่ต้องเกรงใจกันเลยว่าน่าจะอยู่อีกนานเท่าไหร่ นายทักษิณ กล่าวว่า รัฐบาลน่าจะดึงยาวที่สุด ส่วนจะดึงแบบไหนเนี่ยคิดว่าช้าที่สุดก็คงยุบสภาไม่น่าจะเกินเดือนมกราฯ -กุมภาฯ ปีหน้า หรืออาจจะสิ้นปี อันนี้เดาแบบการเมือง ไม่ได้เดาแบบรู้ใจ ดูแล้วคิดว่าอาจจะมีการเลือกตั้งช่วงเดือนกุมภาฯ บวกลบนิดหน่อย ไม่อยู่ครบเทอมหรอก ตนไม่ได้ประเมินแบบเกรงใจ แต่ประเมินจากความทนทาน

เมื่อถามต่อว่า ถ้ามีการยุบสภา แต่ส.ว.ยังยกมือเลือกพล.อ.ประยุทธ์อีกเหมือนเดิมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า มันอยู่ที่พรรคการเมืองไหนจะได้อันดับหนึ่ง ถ้าพรรคที่ชนะพรรคพลังประชารัฐมาก ๆ ถล่มทลาย ตนเชื่อว่า ส.ว. ก็คงยกมือให้ไม่ไหว ผู้นำจีนชอบพูดว่า ถ้าจะครองเมือง ต้องครองใจประชาชนให้ได้ก่อน เพราะฉะนั้นถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะกลับมา ในช่วงจากนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาฯ ก็ต้องหาวิธีการครองใจประชาชนให้ได้ก่อนถึงจะได้ครองเมือง แต่ถ้าคิดว่าจะกลับมาโดยไม่ครองใจประชาชนก็คงลำบาก

ถามอีกว่า พี่โทนี่มีอะไรจะบอกคนที่ยังเชียร์พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน เราต้องรักเพื่อนร่วมชาติ ต้องไม่มีอคติต่อกัน วันนี้อาจจะชอบ พรุ่งนี้อาจจะไม่ชอบ เหมือนอย่างตน ก่อนหน้านี้มีคนชอบ ต่อมาก็ไม่ชอบ แล้วก็มาชอบ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีสติ อะไรที่ดีที่สุดสำหรับประเทศให้เลือกสิ่งนั้น คิดกันให้รอบคอบ ต้องรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี แล้วไปตัดสินกันที่การเลือกตั้ง


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/587453


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ศิริกัญญา' อัด จัดการล้มเหลว ปล่อยลัดคิววัคซีน-เบิกจ่ายงบเครื่องมือแพทย์ล่าช้า แนะนายกฯ ทุบโต๊ะให้เบิกจ่ายเร็วขึ้น ด้าน 'วรรณวรี' ตั้งคำถาม ทำไมวัคซีนไทยจึงยังวนเวียนอยู่แค่ 2 ยี่ห้อ

นางสาว ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ตั้งคำถามต่อกระทรวงสาธารณสุข ถึงเรื่องประสิทธิภาพในการจัดการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 โดยกล่าวว่า การกระจายวัคซีนบิดเบี้ยวไม่เป็นไปตามลำดับความสำคัญตามยุทธศาสตร์ มีบางจังหวัดที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามเกณฑ์ใด ๆ เลย แต่กลับได้รับวัคซีนสูงที่สุดเป็นอันดับ 11 ของประเทศ คือจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นปัญหาที่วนเป็นงูกินหาง หลายคนยังไม่ได้วัคซีน โดนยกเลิกแล้ว ยกเลิกอีก แต่กลับมีคนบางกลุ่มได้รับวัคซีนก่อน รวมทั้งมีการลัดคิวฉีดวัคซีนจำนวนมาก โดยใช้เส้นสายของผู้บริหารโรงพยาบาลและนักการเมือง ทำให้ผู้ที่ต้องการวัคซีนจริง ๆ ได้รับการฉีดวัคซีนน้อย และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพราะไม่ได้รับวัคซีน

"จากตัวเลขที่เปิดเผยมาพบว่าผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรคได้รับวัคซีนเพียง 3.5% และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีน เพียงแค่ 0.9% เท่านั้น"

อีกเรื่องที่มีความสำคัญกับการรับมือกับโควิด-19 คือ Rapid Antigen Test ซึ่งในต่างประเทศมีราคาที่แตกต่างหลากหลาย บางประเทศแจกฟรี และหลายประเทศมีราคาถูกกว่าเรา ทั้งที่เมื่อเทียบกับค่าครองชีพแล้ว ค่าครองชีพของประเทศเขาสูงกว่าเรามาก

"โอกาสที่จะได้รับการตรวจของคนไทย ต้องแลกมาด้วยการเอารองเท้าไปต่อคิว เอาขวดน้ำไปต่อคิว ก็ต้องขอให้ท่านช่วยอุดหนุนราคา และควบคุมราคา เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจได้มากขึ้น ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งกับการรักษาชีวิตพวกเขา"

นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังตั้งคำถามถึงการเบิกจ่ายเงินกู้ก้อนแรกจาก พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน ที่อนุมัติไปหมดแล้ว แต่เพิ่งเบิกจ่ายไปได้ 1.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น สำหรับสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข เมื่อดูการเบิกจ่ายยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีการอนุมัติไปตั้งแต่ พ.ย. 63 และ ม.ค. 64 มาถึงเดือน ก.ค. มีเบิกจ่าย และ PO รวมกันเพียง 26% เท่านั้น

"เมื่อไปเช็คใน ThaiMe แผนที่จะจัดซื้อเครื่องมือแพทย์บอกว่าจะทำไม่เกินเดือนเมษายน และรายการทั้งหมดมีความสำคัญกับการรอดชีวิต แต่ผ่านมาจนถึงเดือนกรกฎาคมแล้วยังกลับเบิกจ่ายได้อย่างล่าช้า ไม่ได้คุยเพื่อมาชี้นิ้วหาคนผิด แต่เรามาคุยกันเพื่อหาทางออกว่ามีวิธีไหนทำให้ดีกว่านี้ไหม"

"ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ. จัดซื้อ 2560 มีข้อยกเว้นมากมายสำหรับกรณีโรคระบาดให้สามารถจัดซื้อด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ ก็ต้องขอ สตง. ว่าสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดซื้อเหล่านี้ได้หรือไม่ หรือต้องการให้มีรัฐมนตรีมาทุบโต๊ะสั่งการ ถึงจะสามารถดำเนินการได้เร็วกว่านี้"

ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า เมื่อดูของกรมการแพทย์ ก็ปรากฎว่ามีโครงการที่ประมูลเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ในปัจจุบันก็ยังเบิกจ่ายไม่ได้ สำหรับกรมสุขภาพจิต โครงการจัดซื้อต่าง ๆ อนุมัติไปตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีการ PO หรือเบิกจ่าย เข้าใจว่ากรมสุขภาพจิตวางแผนการเบิกจ่ายไว้ในเดือนสิงหาคม แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ในสถานการณ์โรคระบาด ควรจะวางแผนการจัดซื้อและอนุมัติให้รวดเร็วกว่านี้หรือไม่

ศิริกัญญา ยังได้ถามถึง มติ ครม. ที่จัดซื้อวัคซีน Sinovac เนื่องจากได้สืบค้นจากเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว พบเพียงแค่ 2.5 ล้านโดส ที่มีมติ ครม. รองรับ แต่อีก 6 ล้านโดสไม่มี ปกติถ้าเป็นแบบนี้เป็นเพราะเป็นวาระที่ติดชั้นความลับ เป็นความจริงหรือไม่ ถึงจะลับก็ขอเอกสารแล้วตีลับมาก็ได้

นอกจากนี้ ศิริกัญญา ยังได้ถามว่ากรมควบคุมโรคได้เซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไฟเซอร์ไปแล้วหรือยัง และองค์การเภสัชได้เซ็นสัญญาจัดซื้อโมเดอร์นาไปแล้วหรือยัง รวมทั้ง ขอทราบสต็อกออกซิเจน ว่ายังมีเพียงพอหรือไม่ และสต็อกยาฟาวิพิราเวีย และมีแนวทางจะใช้ยาตัวอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 บ้างหรือไม่ เช่น monoclonal antibody เป็นต้น

ด้าน วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีน โดยกล่าวว่า ตนเองได้รับวัคซีน Sinovac 2 เข็มแล้ว ไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าภูมิขึ้นเพียง 41 U/ml เท่านั้น โดยแพทย์บอกว่าถ้าฉีดแอสตร้าเซนเนกาภูมิจะขึ้นหลักร้อย ถ้าฉีดไฟเซอร์ภูมิจะขึ้นหลักพัน เมื่อเห็นตัวเลขนี้แล้วทำให้ตนต้องระมัดระะวังในการลงพื้นที่มากขึ้น ไม่สามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่

"ดิฉันตั้งคำถามว่าทำไมประเทศเราถึงมีวัคซีนวนเวียนอยู่แค่ 2 ยี่ห้อ นี้เท่านั้น สำหรับคนมีเงินอาจสามารถฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ได้ แต่ประชาชนที่ไม่มีเงินจะทำอย่างไร"

นอกจากนี้ วรรณวรี ยังเรียกร้องให้นำผลตรวจที่เป็นบวกจาก Rapid Antigen Test ไปรับการตรวจ RT-PCR เพิ่มเติมได้ เพราะจะมีผลกับการแอดมิดและหาเตียง


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ปีย์ มาลากุล” ผู้เคยถูกกล่าวหาวางแผนล้มทักษิณ ปี 49 แชร์โพสต์หมอถึงนายกฯ อย่าเสียเวลายุบสภา เลือกตั้งใหม่ จะทำอะไรก็ทำเลย “ดร.นิว” บี้หนีแล้วใช่ไหม? ข่าวหลุด “ปิยบุตร” บินไปฝรั่งเศส

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ปีย์ มาลากุล” แชร์โพสต์หมอถึงนายกฯ อย่าเสียเวลายุบสภา เลือกตั้งใหม่ ลั่นจะทำอะไรก็ทำเลย”

โดยเนื้อหาระบุว่า จากกรณี นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการเครือแปซิฟิก ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ที่นายกรัฐมนตรีกำลังเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายตรงข้าม โดยระบุข้อความว่า ต้องขอบพระคุณ ที่คุณหมอส่งมาครับ อยาก post จริง ๆ ครับ ให้เพื่อน ๆ ลองอ่านดูครับ จากผม คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 83 ปี ทำใจร่ม ๆ น้าาา……

แต่คนไทยบางคน

ไม่ปิดก็อยากให้ปิด..

พอปิดก็บอกว่าจะไม่มีกิน..

พอแจกเงินก็บอกใช้เงินภาษีมั่ว..

พอไม่แจกก็บอกว่าจะเยียวยากันยังไง..

พอไม่หยุดสงกรานต์ ก็บอกว่า ถูกห้ามไม่ให้ไปเยี่ยมญาติ

พอให้เดินทางไปเยี่ยมญาติแต่ต้องกัก 14 วัน ก็โมโห

พอให้อยู่บ้านก็บอกไม่สะดวก ..

พอให้ออกมาได้ก็บอกเราต้องยอมเจ็บแต่จบ

พอไม่มียาก็บอกไม่รู้จักสต๊อกไว้

พอมียาก็บอกแค่นี้จะพอมั้ย

พอออกประกาศเยอะ ก็บอกไม่ชัดเจน สับสน

พอประกาศน้อยก็บอกตกประชาสัมพันธ์

พอตัวเลขคนติดน้อยก็บอกปิดบัง

พอตัวเลขเยอะก็บอกไร้ประสิทธิภาพล้มเหลว

พอจะทำแบบจีน ก็บอกเผด็จการ

พอจะทำแบบอังกฤษก็บอกว่าทำไมไม่ทำแบบจีน

พอมีหน้ากากบอกทำไมต้องใส่

พอบอกต้องใส่บอกไม่มี !!!

พอไม่ให้กักตุนอาหาร ก็อยากกักตุนเพราะกลัวขาดแคลน

พอไม่ห้ามกักตุนก็บอกส่งสัญญาณว่าเอาไม่อยู่เละแน่

สรุป…

#ไม่มีอะไรถูกใจคนไทยจริงๆ …เราติได้ทุกเรื่อง!!!

ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้ยามประเทศชาติมีปัญหา รัฐบาลและฝ่ายค้านเขาสามัคคีกันร่วมมือแก้ปัญหาเพื่อให้ชาติรอดปลอดภัย แต่ประเทศไทยยามมีปัญหา…เราจะเห็นฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลรุมกันกระทืบรัฐบาลเสียเอง

เราจะเห็นพรรคงูเห่าที่เคยทรยศหักหลังทุกพรรคที่ตนเคยร่วมรัฐบาลกลับกลายสภาพเป็น, #งูเห่าตัวเดิมที่พร้อมจะแว้งฉกกัดรัฐบาลทุกเมื่อ แม้แต่พรรคเก่าแก่ ก็เช่นเดียวกัน ได้จังหวะนายกฯ ดวงตก คนในพรรคก็กระทืบซ้ำหยามหยันทันที #เศร้าใจครับกับระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรในหมู่นักการเมือง…

อย่าเสียเวลายุบสภาแล้วเลือกตั้งให้เปลืองงบประมาณเลยครับ (เพราะจะวนเวียนอยู่ในน้ำเน่าเดิม ๆ ไม่สิ้นสุด) ทำไงก็ทำเถอะครับ เอาเลย…!!!! ขอรับประกันว่าจะแก้ปัญหาโควิดได้ไวขึ้น และประเทศชาติสงบสุขแน่นอน!!!...

สำหรับ “ปีย์ มาลากุล” เคยถูกตั้งข้อสงสัยเมื่อปี 2549 ว่าเป็นคนวางแผนในการยึดอำนาจนายทักษิณ ชินวัตร โดยทักษิณออกมาพูดถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 49 ทักษิณ อยู่ระหว่างหนีโทษจำคุกอยู่ต่างประเทศได้กล่าวปราศรัยผ่านระบบวิดีโอลิงก์กับคนเสื้อแดงที่ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า มีกระบวนการวางแผนยึดอำนาจเขาในปี 2549 โดยมีการประชุมวางแผนที่บ้านพักถนนสุขุมวิท ซึ่งทักษิณ อ้างว่า ได้ข้อมูลมาจาก พล.อ.พัลลภ

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 49 ทักษิณ ปราศรัยผ่านระบบวิดีโอลิงก์กับคนเสื้อแดงอีกครั้งที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ระบุชื่อเจ้าของบ้านที่ถนนสุขุมวิทว่า คือ นายปีย์ มาลากุล โดยเชื่อมโยงขบวนการดังกล่าวไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งทักษิณ อ้างว่า เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่ขัดขวางการทำงานของเขาตลอดในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) อ้างว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งก่อนการประชุมหารือกันที่บ้านสุขุมวิท ซึ่งมีตนกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายปีย์ มาลากุล นั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกภายในบ้าน นายปีย์ ได้ถามตนว่า ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หายไปได้หรือไม่ ตนก็เลยตอบไปว่า ทำไม่ได้ เพราะมี รปภ.จำนวนมากคงจะต้องยิงกันเละจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่สามารถทำให้ตายได้ ทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร ขณะนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งเฉย ๆ ไม่ได้ออกความเห็นอะไร

พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า การหารือในการล้ม ทักษิณ เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น จะมาพูดเล่น ๆ ได้อย่างไร เพราะมีการกินข้าวหารือกันถึง 7 คน พูดกันว่า จะต้องเล่นทักษิณทางกฎหมาย โดยมีนักกฎหมายเข้ามาร่วมประชุมด้วยในเรื่องของ กกต. ซึ่งเมื่อ กกต. ล้มการเลือกตั้งไม่สำเร็จ ก็มีการพูดถึงการรัฐประหาร

ซึ่งการกล่าวหาของ พล.อ.พัลลภ และทักษิณ ทำให้นายปีย์ต้องออกมาปฏิเสธ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำอยู่ ก็เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง เพราะต้องการทันสถานการณ์ เนื่องจากมีอาชีพเป็นนักข่าว

ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้พิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 49 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้เชิญนายอักขราทร ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ รวมทั้ง นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี) มารับประทานอาหารที่บ้านในวันที่ 6 พ.ค. 49 เพื่อคุยว่า จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ตามที่ทรงมีพระราชดำรัส จากนั้นได้โทรศัพท์ชวน พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ และนายปราโมทย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกันอยู่แล้ว

ยืนยันว่า ไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือพูดเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร และทักษิณ ก็เคยมารับประทานอาหารที่บ้านหลายครั้ง เพราะเคยสนิทสนมกัน ในช่วงก่อนที่จะเป็นนายกฯ ส่วนช่วงเป็นนายกฯ ไม่ได้มา อาจจะเป็นเพราะไม่มีเวลา แต่หลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และกลับจากต่างประเทศมา 2 ครั้ง คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มา 1 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม บทบาทของนายปีย์ ที่ออกมาหนุน พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ ก็ทำให้ประเด็นที่ถูกโจมตีว่า เป็นผู้วางแผนยึดอำนาจทักษิณกลับมามีการพูดถึงอีกครั้ง ซึ่งทีมข่าว THE TRUTH ได้ตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง ที่นายปีย์ถูกกล่าวหาเมื่อปี 49 และในการออกมาหนุน พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะแค่อยากออกมามีบทบาทเท่านั้น

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล โดยได้แชร์โพสต์ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ที่โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ปิยบุตรบินไปฝรั่งเศสแล้ว?”

โดยระบุว่า เพื่อนสนิทคนหนึ่งของปิยบุตรที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เขาเอือมระอากับปิยบุตรมาก ๆ จึงแฉปิยบุตรให้ฟังหลังไมค์

เพื่อนปิยบุตรคนนี้ยอมรับว่า ตัวเองชูสามนิ้ว แต่เขาไม่เคยมองสถาบันฯ ในแง่ร้าย อีกทั้งคนชูสามนิ้วที่ยังรักสถาบันฯ ก็มีมาก แต่ถูกปั่นทางโซเชียลมีเดียให้ดูเป็นล้มเจ้าไปเสียหมด เขารับไม่ได้ที่ปิยบุตรเล่นสกปรก ไม่ว่าอะไรก็โยงไปบิดเบือนให้ร้ายสถาบันฯ อยู่ตลอด จนทำให้สูญเสียทั้งความสร้างสรรค์และแนวร่วมอีกจำนวนมากในการเคลื่อนไหว

ปิยบุตรแค่หลอกใช้คนชูสามนิ้วเพื่อยั่วยุไปสู่การล้มสถาบันฯ แต่เขาไม่เห็นด้วยและมองว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้นตราบใดที่ไม่แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองโกงทั้งหลาย การดึงสถาบันฯ มาเกี่ยวแบบมั่ว ๆ มีแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนและสงครามกลางเมือง โดยที่ปิยบุตรจอมขี้ขลาดไม่มีวันออกมานำเองแน่ ๆ เพราะปิยบุตรเป็นคนใจปลาซิวมาก เขาย้ำว่า ปิยบุตรเป็นคนใจ...ได้แต่ยั่วยุให้คนอื่นเกลียดชังสถาบันฯ แล้วไม่กล้าลงมือเองเพราะกลัวติดคุกมาก แถมยังมองคนชูสามนิ้วคนอื่น ๆ เป็นเพียงแค่ตัวหมากบนกระดานของเขา

หลาย ๆ ครั้งที่ปิยบุตรโพสต์ชี้นำในลักษณะยั่วยุ แล้วให้เพจใหญ่ ๆ ของม็อบที่ปิยบุตรควบคุมอยู่ปั่นต่อจนกลายเป็นกระแส และมีคนลุกขึ้นมาต่อต้านสถาบันฯ ด้วยการลงมือกระทำผิดกฎหมายจริง ปิยบุตรจะรู้สึกภาคภูมิใจและดูมีความสุขมาก ซึ่งแสดงออกผ่านทางสีหน้า แววตา และรอยยิ้ม

เขากล่าวว่า หลายครั้งที่ม็อบจุดติด ภรรยาชาวฝรั่งเศสของปิยบุตร หรือ เออเชนี เมรีโอ แอบย่องกลับไทยทุกครั้ง โดยเฉพาะช่วงต้นปี 2563 หลังยุบพรรคอนาคตใหม่ ก่อนที่จะรีบกลับออกไป เพราะมีล็อกดาวน์ แล้วภรรยาปิยบุตรก็กลับมาไทยอีกครั้ง ช่วงที่ม็อบราษฎรจุดติดราวเดือนสิงหาคม 2563 จนถึงต้นปี 2564 ช่วงเวลานั้นภรรยาปิยบุตรอยู่ที่ไทยตลอด ก่อนบินออกไปอีกครั้งช่วงเดือนมกราคม 2564

จนเขาเองแอบสงสัยว่า ผู้หญิงคนนี้จริง ๆ แล้วมีบทบาทสำคัญต่อเบื้องหลังของม็อบอย่างไรกันแน่ ซึ่งอันที่จริงเขาก็พอจะรู้อยู่บ้าง เพียงแต่ไม่กล้าฟันธง

ตอนนี้เขาอ้างว่า ปิยบุตรไม่ได้อยู่ในประเทศไทย โดยคาดว่าบินไปฝรั่งเศส เขาไม่แน่ใจว่าปิยบุตรมีแผนชั่วอะไรอีก แต่คงมีความพยายามในการยุยงปลุกปั่นผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เกิดม็อบแล้วชี้นำไปสู่ความรุนแรงอย่างแน่นอน เพราะปิยบุตรเป็นหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลังการปลุกม็อบ แล้วคอยชี้นำทิศทางของม็อบไปในทางโจมตีให้ร้ายสถาบันฯ ซึ่งทำให้การชูสามนิ้วล้มเหลว เสียแนวร่วมจำนวนมาก จนไม่สามารถไล่ประยุทธ์ได้สำเร็จ

สุดท้ายเขายังย้ำกับผมว่า ปิยบุตรกับภรรยาคือความล้มเหลวของคนชูสามนิ้ว ถ้าปิยบุตรกับภรรยาไม่โยงสถาบันฯ มาเกี่ยวข้อง ป่านนี้คงล้มประยุทธ์ได้สำเร็จตั้งนานแล้ว เขาบอกว่าเขาพูดความจริงทุกอย่าง ถ้าไม่เชื่อก็ลองเช็กดูได้เลยว่า ตอนนี้ปิยบุตรไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ลองเช็กกันดูเองนะครับว่า ตอนนี้ปิยบุตรบินไปต่างประเทศแล้วจริงหรือไม่?

แน่นอน ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การที่อยู่ ๆ “ปีย์ มาลากุล” ผู้เคยถูกกล่าวหาวางแผนล้มทักษิณ ปี 49 ก็โผล่ออกมาส่งสัญญาณ อะไรสักอย่าง นัยว่าเป็นการชี้แนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ตัดสินใจอะไรสักอย่าง

พอเป็นเช่นนี้ ทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า หรือบทบาทที่ถูกกล่าวหาในอดีตจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ แม้อาจไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ตาม

ยิ่งกว่านั้น ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่กำลังถาโถมโรมรัน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เวลานี้ เป็นปัญหาวาระซ่อนเร้นมากมาย มิใช่ปัญหาการเมืองปกติ ที่แก้ได้ด้วยการเมือง มิใช่ความไม่พอใจ “ประยุทธ์” ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่มันสื่อให้เห็นมากกว่านั้น

มิใช่แค่ความต้องการเรียกร้องให้แก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ให้สำเร็จโดยเร็ว และเรียกร้องให้รัฐบาลหาวัคซีนที่ดีมาให้ประชาชนอย่างที่กล่าวอ้าง แต่ต้องการโจมตีวัคซีนที่เชื่อว่า มีอภิสิทธิ์ชนผูกขาด

ประชาชนถูกทำสงครามแบ่งแยก สถาบันหลักของประเทศ ถูกทำให้ขัดแย้งกับคนรุ่นใหม่ และชูคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นหนังหน้าไฟ คือ หุ่นเชิดทางออกของประเทศ

ดังนั้น ไม่แปลก และง่ายที่จะโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรก็ผิด เพราะเป็นผู้รองรับ ไม่มีความหมายในทางยุทธศาสตร์ ทางออกของเรื่องทั้งหมด คือ การเปลี่ยนแปลงตามยุทธศาสตร์การต่อสู้ของคนบางกลุ่ม ตราบใดที่ยังไม่สำเร็จ ตราบนั้นประเทศไทย ก็จะไม่มีทางแก้ปัญหาทางการเมืองได้ นี่คือ ประเด็น

แต่มันไม่ง่ายอย่างแน่นอน ที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำอะไรก็ทำ? โดยไม่ต้องยุบสภา เว้นแต่ยอมลาออกแต่โดยดี ไม่เชื่อก็ลองดู!!!


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000068361

https://www.facebook.com/photo?fbid=1161056384406326&set=a.155611208284187


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โฆษกทัพฟ้า แจงปมญาติพลทหารติดโควิด ร้องสื่อ นอนโรงอาหาร ไร้เตียง อาหารไม่เพียงพอ  ชี้ เป็นภาพเก่า ช่วงคัดกรอง ยัน ปรับพื้นที่ ย้ายผู้ป่วย-ผู้ต้องกัก ขึ้นอาคารหน่วยทหาร  พร้อมสั่ง หน.หน่วย เร่งทำความเข้าใจญาติ

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ  ชี้แจงกรณี ญาติพลทหารติดโควิด-19 ร้องสื่อ ติดโควิด-19 กักตัวในโรงอาหาร ไม่มีเตียง อาหารไม่เพียงพอว่า  ข้อเท็จจริง ภาพที่แชร์ออกมา เป็นภาพเก่า ช่วงวันที่ 9-10 ก.ค. 2564  ที่กองทัพอากาศได้จัดให้มีการตรวจค้นหาเชิงรุกกับพลทหาร ซึ่งเป็นช่วงของการคัดกรอง และยืนยันว่าขณะนี้ ได้ปรับพื้นที่  และแยกตัวผู้ป่วย กับผู้กักตัว ขึ้นไปยังบนอาคารของหน่วย  มีเตียง และสิ่งอำนวยความสะดวก ครบถ้วน ไม่ใช่ให้นอนที่โรงอาหาร  รวมถึงเรื่องอาหาร เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเป็นอยู่ ย้ำดูแลอย่างดี 

ส่วนได้ชี้แจงกับญาติ และครอบครัว ของพลทหาร ที่ยังติดใจถึงความเป็นอยู่หรือไม่อย่างไรนั้น  โฆษกกองทัพอากาศ ระบุเป็นเรื่องที่หัวหน้าหน่วยจะได้ประสานชี้แจงกับทางญาติ 

พท.ถามสูตรวัคซีนใหม่ หากผิดพลาดใครรับผิดชอบ ย้ำ ปชช.ไม่ใช่หนูทดลอง จี้รัฐควรเร่งแจก Rapid test

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่รัฐมีแนวคิดฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดเข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตราเซเนกาว่า หากรัฐตัดสินใจใช้วิธีการนี้ ถ้ามีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับประชาชนรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร  เพราะประชาชนไม่ใช่หนูทดลองของพวกท่าน หากรัฐปรับการฉีดตามวิธีการนี้ เท่ากับว่ารัฐบาลยอมรับว่า วัคซีนซิโนแวคไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะป้องกันเชื้อโควิด -19 ได้ แต่รัฐบาลไม่ระงับการสั่งซื้อ กลับเพิ่มจำนวนวัคซีนดังกล่าวทำให้ประเทศต้องสูญเงินไปอีกกว่า 6 พันล้านบาท ส่วนกรณีที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้ประชาชนใช้ชุดตรวจคัดกรองโควิดด้วยตนเอง( Rapid Antigen Test ) ถือเป็นข่าวดีบนข่าวร้ายของประชาชนที่จะสามารถเข้าถึงชุดตรวจได้ แต่ปัจจุบันราคาขายปลีกชุดตรวจดังกล่าวในท้องตลาดสูงมากเกือบชุดละ 500 บาท ประชาชนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากซึ่งไม่มีเงินแม้จะประทังชีวิตคงไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงอยากให้ ศบค. นำงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ ในส่วนของการใช้จ่ายเพื่ออุปกรณ์การแพทย์ มาจัดซื้อชุดตรวจโควิดด้วยตนเองและส่งให้ประชาชนถึงบ้าน โดยใช้ระบบการส่งไปรษณีย์ของไทยที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ จะช่วยลดความเสี่ยงรับเชื้อจากการต่อคิว เพื่อเข้ารับการตรวจเชื้อตามภาพที่ปรากฏในสื่ออย่างที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้หากรัฐจะอนุญาตให้เอกชนขาย Rapid antigen test ในเชิงพาณิชย์  กระทรวงพาณิชย์ควรใช้กลไกของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ออกประกาศกำหนดเพดานราคาจำหน่ายชุดตรวจเชื้อด้วยตัวเองอย่างเร่งด่วนและให้มีผลทันที หรือลดภาษีการนำเข้าชุดตรวจ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่ายได้ในราคาที่เป็นธรรม เอื้อต่อการตรวจหาเชื้อที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยอย่าปล่อยให้มีใครฉกฉวยโอกาสนี้หากินบนความเดือดร้อน บนความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นในยุคพล.อ.ประยุทธ์ วัคซีนถูกตั้งคำถาม ชุดตรวจฟรีเข้าถึงยาก อย่าให้วิกฤตครั้งนี้กลายเป็นโอกาสของการทำนาบนหลังคน สงสารประชาชนเถอะ

“เสกสกล” เย้ย “โทนี่” ไม่มีใครอยากปรึกษานักโทษหนีคดี ถาม ถ้าอยากกลับไทย พร้อมคืนค่าเสียหาย - รับโทษ หรือไม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ 
วู้ดซัม กล่าวผ่านคลับเฮาส์ ระบุให้นายกรัฐมนตรี โทรหาเพื่อขอคำปรึกษา และหากจะไล่นายกฯให้ไปฟ้องพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงคนที่เป็นนักการเมืองจะแคร์ประชาชน คนที่มาจากการปฏิวัติไม่แคร์ประชาชน ว่า คำพูดเหน็บแนมของนายโทนี่ เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง คำปรึกษาคงไม่ได้ประโยชน์เพราะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ ไม่ได้สัมผัสกับความเดือดร้อนของประชาชน และสถานะคนทำผิดหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่สมควรที่จะโทรไปปรึกษากับนักโทษที่มีคดีทุจริตติดตัว คงไม่ได้ประโยชน์อะไร และตอนนี้ทุกภาคส่วน บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนได้ร่วมมือกันอย่างดี เพื่อให้สถานการณ์โควิด-19คลี่คลายลง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องขอคำแนะนำจากนายโทนี่ หากจะช่วยประเทศชาติในภาวะนี้คือ หยุดพูดสร้างความสับสน เหน็บแนม ด้อยค่าคนอื่นและสร้างความแตกแยกให้คนไทยจะช่วยได้มากที่สุด

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนที่ระบุว่าคนที่มาจากการปฏิวัติไม่แคร์ประชาชน อย่าเข้าข้างตัวเองเพราะคนที่เอาประชาชนมาอ้าง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ และทุจริตหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ กฎหมายเอื้อประโยชน์ตัวเอง เป็นเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือระบอบทักษิณ เรียกว่าแคร์ประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ไม่แคร์ประชาชน คอยพูดสร้างความสับสนให้ในยามวิกฤตโควิด มากกว่าช่วยเหลือ และคิดแต่จะล้มรัฐบาลกลับมามีอำนาจ ขณะที่บ้านเมืองต้องการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ยืนยันว่านายกฯจะทำงานแก้ไขปัญหาจนครบเทอม ไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของใคร และคงไม่ต้องไปบอกพล.อ.ประวิตรให้ไปบอกนายกฯประยุทธ์ ให้ลาออก

นายเสกสกล กล่าวว่า นายโทนี่พูดแต่ละครั้งไม่มีสาระที่เป็นประโยชน์ แค่อยากมีบทบาทและกลัวคนจะลืม หรือต้องการให้พรรคเพื่อไทย เข้ามามีอำนาจเป็นรัฐบาล จะได้ช่วยเหลือให้พ้นผิดและกลับประเทศ หากแน่จริงขอให้กลับมารับโทษที่ทำผิดไว้โดยไม่ต้องรอเวลา และขอถาม2ข้อว่า ถ้ากลับมาพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ประเทศชาติ ประชาชนในโครงการที่เกิดการทุจริตในยุครัฐบาลนายทักษิณและยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ และพร้อมที่จะกลับเข้ามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ หากรับเงื่อนไขสองข้อ คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่คงไม่ขัดข้องที่จะให้กลับได้ถ้า ส่วนจะเดินเข้าทางช่องประตูหน้าหรือประตูหลัง หรือประตูไหน คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับได้อย่างแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top