Sunday, 22 June 2025
POLITICS NEWS

“จุรินทร์” สั่งพาณิชย์จังหวัดติดตามราคาสินค้า ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาช่วงล็อกดาวน์ เตรียมปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์ จำหน่ายสินค้าราคาถูก 300 คัน ลงพื่นที่ 10 จังหวัด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังจากที่ ศบค.ประกาศมาตรการเตรียมล็อกดาวน์ถึงข้อกังวลในเรื่องราคาสินค้า ว่า ตนได้มีการสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการแล้ว โดยให้พาณิชย์จังหวัดแต่ละจังหวัดติดตามปริมาณและราคาสินค้า หากะบมีใครกระทำผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เพราะถือเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์และประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด19 แล้วยังจะต้องมาเจอการเอารัดเอาเปรียบจากการจำหน่ายสินค้าเกินราคาซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยประชาชนหากพบเจอก็สามารถร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 ได้ 

นายจุรินทร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ภายหลังจากที่มีมติ ศบค.เตรียมล็อกดาวน์ 10 จังหวัด คือ กทม.และปริมณฑล และจังหวัดในชายแดนภาคใต้ ที่จะเริ่มในวันที่ 12 ก.ค.นั้น กระทรวงพาณิชย์จะปล่อยขบวนรถ Mobile พาณิชย์ จำหน่ายสินค้าราคาถูกเป็นกรณีพิเศษจำนวน 300 คัน เพื่อเข้าไปใน 10 จังหวัดทันทีที่เริ่มมาตรการล็อกดาวน์ และจะจำหน่ายต่อเนื่องไปจนจบมาตรการล็อกดาวน์ โดยสินค้าที่นำไปจำหน่ายนอกจากจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปแล้ว ยังจะมีสินค้าสำหรับใช้ในการป้องกันเชื้อโควิด19ด้วย เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และภายในวันนี้จะมีการหารือคำนวณราคาสินค้าอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรให้มีราคาถูกที่สุด เพื่อสามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้มากที่สุดในช่วงล็อกดาวน์ รวมถึงในสัปดาห์หน้าก็เตรียมที่จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าในสถานประกอบการต่างๆอีกด้วย

รัฐคลอดเกณฑ์จ่ายค่ารักษาพยาบาลกักตัวที่บ้าน 

นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ออกหลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการ และเงื่อนไข การเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กรณีผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (ฉบับที่ 3) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยมีสาระสำคัญ คือ 

1. กรณีได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 และอยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งแพทย์มีความเห็นให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือสถานที่อื่น ๆ (Community Isolation) ผู้มีสิทธิสามารถเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลได้ ดังนี้ 
- ค่าบริการของสถานพยาบาลและการดูแลผู้ป่วยกรณีพักรอก่อนเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง วันละไม่เกิน 1,000 บาท และไม่เกิน 14 วัน
- ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามอาการ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,100 บาท ต่อราย
- ค่ายา ค่าเอกซเรย์ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด
- ค่าพาหนะส่งต่อ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,000 บาท และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนรถพาหนะ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 3,700 บาทต่อครั้ง ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ป้องกันบุคคลของเจ้าหน้าที่แล้ว 

2. กรณีมีอาการผิดปกติภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 และแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หากเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ให้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนี้
- ค่าตรวจ Heparin-PF 4 antibody (lgG) ELISA assay และค่าตรวจ Heparin induced platelet activation test (HIPA) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด เรื่อง อัตราค่าบริการสาธารณสุขเพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- ค่ายา IVIG (Human normal immunoglobulin, intravenous) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด

นายวิทเยนทร์ มุตตามระ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับวัคซีน พร้อมแนะ 10 สิ่ง ที่รัฐบาลต้องสื่อสารอธิบายให้ประชาชนเข้าใจทั่วถึง

จากเฟซบุ๊ก Vittayen Muttamara โดยนายวิทเยนทร์ มุตตามระ ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องวัคซีน ที่วันนี้รัฐบาลควรแจกแจงต่อประชาชนอีกครั้งให้ชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิดกันจนกลายเกิดการบิดเบือนไปในวงกว้างว่า...

เรื่องวัคซีน สิ่งที่รัฐบาลต้องสื่อสารอธิบายให้ประชาชนเข้าใจทั่วถึง

1.) ปัจจุบันเรามีวัคซีนบริการประชาชน 3 ยี่ห้อ คือ ซิโนแวค, แอสตร้าเซเนก้า, และวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม

2.) เหตุที่เรายังไม่มีตัวอื่น ๆ ไม่ใช่เพราะเราช้า แต่เพราะตอนนี้วัคซีนทุกตัวมีคนจองคิวรอมาก ในขณะที่กำลังการผลิตของทุกเจ้ายังไม่ทันยอดการจองทั่วโลก

3.) ทุกประเทศมีปัญหาคล้ายกันหมด เว้น ประเทศผู้ผลิตวัคซีนเอง

4.) วัคซีนทุกยี่ห้อวิจัยคิดค้นในช่วงที่ไวรัสกลายพันธุ์ยังไม่แพร่หลายขนาดนี้ ดังนั้น วัคซีนทุกตัวยังตามวิวัฒนาการของไวรัสไม่ทัน

5.) เราเชื่อว่าวัคซีนทุกตัวกันป่วยหนักและป้องกันการเสียชีวิตได้ เมื่อวันนี้ปรากฏประสบการณ์ว่ามีพยาบาลฉีดซิโนแวคครบสองเข็มแล้วเสียชีวิต เราจะเร่งหาสาเหตุ และปรับยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีน รวมถึงการกระตุ้นวัคซีนเข็มสามในกลุ่มบุคคลากรด่านหน้า

6.) จำนวนวัคซีนที่เราได้รับจริงแล้วจากแอสต้าเซเนก้า เรารับมาแล้วเท่าไร แต่ละเดือนเราจะได้รับเท่าไร เอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาเปิดเผย ถ้าเราจะได้ไม่ถึง 10 ล้านต่อเดือน ก็ต้องพูดความจริงชัดๆ

7.) การที่เราไม่เข้าโครงการโคแว็ค ไม่ใช่ข้อผิดพลาด และทุกวันนี้โครงการโคแว็คเองก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่มีวัคซีนกระจายให้ประเทศที่เข้าร่วมโคแว็ค

8.) เราจะได้วัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ ภายในสิ้นปีนี้ มียี่ห้ออะไรบ้าง ยี่ห้อไหนจะมาเท่าไร

9.) ปัญหาเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ทุกประเทศ เผชิญการระบาดระบอกใหม่ทั้งโลก แม้ประเทศที่ฉีดวัคซีนไปมากแล้วก็เจอ พิสูจน์ได้ว่าไม่ว่าฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็หนีปัญหานี้ไม่พ้น เช่น อเมริกา ฉีด mRNA ไปแล้วประมาณร้อยละ 60 ตอนนี้ก็เกิดระบาดระลอกใหม่

10.) ต้องทำให้ประขาชนรับรู้ว่ารัฐบาลจริงใจ ให้ข้อมูลครบถ้วน อะไรที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนก็แอ่นอกรับความจริง

เข้าใจว่าแทบทุกข้อรัฐบาลเคยประกาศไปแล้ว แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ สาเหตุหลักเป็นเพราะระบบการสื่อสารของรัฐยังไม่เข้มแข็งพอ และยังไม่เป็นเอกภาพพอ

#สู้ๆ #เราจะฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน

 

 

ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10158664667902955&id=675347954


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศรีสุวรรณ ยื่น หลักฐานใหม่ ให้ ป.ป.ช. แฉพิรุธ อปท. ทำเสาไฟโซล่าเซลล์ ขัดคำสั่งสำนักงบประมาณ

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติม กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ จัดซื้อจัดจ้างทำเสาไฟฟ้าประติมากรรมระบบโซล่าเซลล์ในราคาที่แพงกว่าความเป็นจริงมาก อันส่อเป็นการฮั้วกันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)และบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้นำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ไปแล้ว โดยมีนายสุทธิ  บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือ

ล่าสุดสมาคมตรวจสอบพบว่า กรณีดังกล่าวเคยมีหนังสือสั่งการจากสำนักงบประมาณ ที่ นร 0706/17658 ลงวันที่ 30 มิ.ย.2558 แจ้งไปยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อขอให้ทบทวนความเหมาะสมของงบประมาณที่เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์เสียใหม่ โดยควรระงับรายการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์ดังกล่าวเสีย และหากจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าส่องสว่าง ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาใช้ไฟฟ้าจากระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีอยู่ในท้องถิ่นจะเป็นการเหมาะสมและประหยัดกว่า


             
หนังสือดังกล่าวกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศให้รับทราบแล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แจ้งไปยังนายอำเภอในท้องที่ของตนให้รับทราบ และนายอำเภอก็ได้แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ในเขตปกครองของตนแล้วเช่นกัน ซึ่งหนังสือดังกล่าวเชื่อว่าทุก อปท. ทั่วประเทศจะได้รับทราบตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา แต่ทว่าก็ยังปรากฎว่ามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก อาทิ อบต.ราชาเทวะ อบต.หนองปรือ จ.สมุทรปราการ อบจ.อ่างทอง อบจ.เพชรบูรณ์ เป็นต้น ที่ยังดื้อแพ่งจัดทำโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์ โดยทำเสาไฟฟ้าประติมากรรมกันหลากหลายรูปแบบ เช่น รูปกินรี รูปเครื่องบิน รูปหงส์ รูปช้าง เป็นต้น ตั้งแต่ปี 2558 มาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากจะเป็นการดื้อแพ่งขัดต่อคำสั่งของสำนักงบประมาณดังกล่าวแล้ว ยังส่อเป็นการฝ่าฝืน พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ประกอบ พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูล อีกด้วย อันอาจเข้าข่ายความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯ ตาม พรป.ป.ป.ช.2561 นั่นเอง
            
ดังนั้นสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำหลักฐานดังกล่าวมาร้องเรียนและมอบเพิ่มเติมให้กับ ป.ป.ช. เพื่อใช้ประกอบในการเอาผิด อปท. และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งระบบในการดื้อแพ่งจัดทำโครงการก่อสร้างระบบไฟฟ้าแสงสว่างโชล่าเซลล์เสาไฟฟ้าประติมากรรมดังกล่าว  

ราเมศ ย้ำ ปชป. ไม่หยุดช่วย ปชช. แต่ปรับการทำงาน ภายใต้กรอบ ศบค.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง การทำงานของพรรคในช่วงสถานการณ์ ที่มีการประกาศมาตรการยกระดับคุมโควิดที่กำลังระบาดและล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ ว่า การทำงานของพรรค ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามประกาศของ ศบค. ในส่วนของการทำงานของสำนักงานเลขาธิการพรรคได้ดำเนินการปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home สลับกันมาทำงานให้มากที่สุด โดยจะไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่ได้ขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆมายังพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่มีเตียงรักษาพยาบาลของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 การให้คำปรึกษากฎหมายและเรื่องอื่นๆ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการเข้าช่วยเหลือชุมชุนที่มีผู้ติดเชื้อแล้วต้องทำการกักตัวกันหลายครัวเรือน ก็จะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วในแต่ละเขตเข้าให้ความช่วยเหลือในเรื่องอาหารการกินของพี่น้องประชาชน ทุกเขตพื้นที่เตรียมความพร้อมกันตลอดเวลา

ข้อกำหนดที่อาจจะมีอุปสรรคบ้างในการทำงาน เช่น การห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ซึ่งทีมงานในแต่ละเขตก็ต้องวางแผนการทำงานใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการข่วยเหลือประชาชน ก็จะลดจำนวนทีมงานที่จะเดินทางเข้าช่วยเหลือประชาชน เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน

นายราเมศ กล่าวต่อ ว่าสถานการณ์ในขณะนี้ มีประกาศข้อห้าม เชื่อว่าทุกคนเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือ แต่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพรรค ที่เราไม่สามารถหยุดการทำงานในการต้องดูแลช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับตลอดเวลา ให้ทุกคนทุ่มเททำงานให้เต็มที่ ไม่ว่าสถานการณ์ใดต้องปรับการทำงานโดยมุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนให้มากที่สุด เพราะทุกข์ของชาวบ้านคืองานของประชาธิปัตย์

“ชวน” เตรียมถกวิป 3 ฝ่ายหารือประชุมสภาต่อหรือไม่ หลังศบค.ประกาศล็อกดาวน์ 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 12 ก.ค. 2564 ถึงแนวทางการทำงานของสภาผู้แทนราษฎร หลังมีมาตรการของ ศบค.ทั้งล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวส์วนพื้นที่เสียงเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด -19 ว่าจากการหารือกับ ศบค. ในแต่ละครั้ง ศบค. อนุมัติให้สภาฯสามารถดำเนินการประชุมจนสิ้นสุดสมัยการประชุมได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องให้ความร่วมมือในช่วงที่รัฐบาลประกาศคุมเข้ม 2 สัปดาห์เรื่องการงดการเดินทาง ซึ่งการหารือในวันวันที่ 12 ก.ค. 2564 จะพูดคุยถึงแนวทางร่วมกันว่าหากจะต้องหยุดการประชุมสภาฯจะใช้เวลากี่วันถึงจะเหมาะสม 

นายชวน กล่าวย้ำว่ามาตรการความปลอดภัยในรัฐสภามีความเข้มงวดอยู่แล้ว โดยเฉพาะภายในห้องประชุมใหญ่ ซึ่งสมาชิกให้ความร่วมมือในการสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นอย่างดี และไดกำชับทุกฝ่ายมาโดยตลอดไม่ให้หละหลวมต่อมาตรการต่างๆที่วางไว้ ขณะที่ ส.ส. และบุคลากรที่มีความเสี่ยงหรือตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ ก็ได้เข้ารักษาตัว และมีมาตรการทำงานที่บ้าน (WFH) อยู่แล้ว มาตรการต่างๆมีมาก่อนที่จะมีประกาศของ ศบค.ล่าสุด แต่หากต้องยกระดับสูงขึ้น ก็จะต้องดำเนินการหารือกับทุกฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน 

“องอาจ” จี้นายกฯ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากล็อกดาวน์ 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการล็อกดาวน์ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในขณะนี้ว่า จากการลงพื้นที่ของอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. สาขาพรรค ตัวแทนพรรคใน 10 จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมาก จนทำให้มีการล็อกดาวน์ ต่างได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านจำนวนมากเรียกร้องให้ ศบค. และภาครัฐเร่งเยียวยาอย่างรีบด่วน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้

จากการประเมินผลกระทบในพื้นที่พบว่าการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ส่งผลให้มีคนว่างงานทันทีจำนวนมาก จนเกิดปัญหาคนยากจนเฉียบพลันเพิ่มขึ้น และมีโอกาสเป็นผู้ยากจนเรื้อรังในที่สุด

การล็อกดาวน์ครั้งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ 2 กลุ่มใหญ่ในสังคม ได้แก่ 
1. กลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มคนไร้บ้าน 
2. กลุ่มผู้ประกอบการ SME อาชีพอิสระ ธุรกิจบริการ ธุรกิจร้านอาหารภัตตาคาร ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจบริการหลากหลายประเภท

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกลุ่มต่างๆ ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรีบดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ดังนี้

1. ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว รอบด้านและเพียงพอต่อการดำรงชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจสังคม กลุ่มแรงงานนอกระบบ และกลุ่มคนทำงานทุกประเภท
2. ภาครัฐควรจัดให้มีการจ้างงานระยะสั้น โดยอาจดำเนินการโดยภาครัฐ หรือสนับสนุนให้เอกชนในสถานประกอบการขนาดใหญ่จ้างงานระยะสั้นเพิ่มมากขึ้น 
3. ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนทุกรูปแบบ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต 
4. ควรงดเว้นหรือลดการเก็บภาษี หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ของภาครัฐ จากผู้ประกอบการ SME
5. ช่วยเหลือเร่งรัดให้การพักชำระหนี้ การให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อยเกิดขึ้นได้จริง เพราะที่ผ่านมามีปัญหาติดขัดมาก ทั้งๆ ที่มีเม็ดเงินเพียงพอต่อการช่วยเหลือในส่วนนี้ได้อยู่แล้ว 

ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของภาครัฐในการบริหารจัดการแก้ปัญหาโควิด-19 และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดเร่งพิจารณาข้อเสนอนี้และข้อเรียกร้องจากภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง เพราะประชาชนเดือดร้อนมากจริงๆ การลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านของอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. และตัวแทนพรรคต่างได้รับการร้องเรียนให้ภาครัฐเร่งเยียวยาโดยด่วน

ในความเป็นจริงแล้ว นายกฯ ควรช่วยเหลือเยียวยาทันทีที่มีการประกาศล็อกดาวน์ เพราะนายกฯ ย่อมทราบดีว่าเมื่อล็อกดาวน์แล้ว ใครจะเดือดร้อนบ้าง ไม่ควรปล่อยเวลาให้นานออกไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งช่วยเหลือเยียวยาช้าเท่าไหร่ประชาชนก็เดือดร้อนมากขึ้นเท่านั้น

จึงขอฝากนายกฯ ให้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและเพียงพอเพื่อต่อลมหายใจประชาชนจำนวนมากให้ยืนหยัดอยู่ในสถานการณ์โควิดที่รุนแรงได้ต่อไป 

เสธ.ทหารตรวจเยี่ยมด่านตรวจมั่นคง พร้อม ย้ำ ดูแลความเรียบร้อย ตามมาตราการศบค. 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) มอบหมายให้ พล.อ.สุพจน์  มาลานิยม เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง (เสธ.ทหาร/เสธ.ศปม.) เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน และจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม ห้วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน บริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงในการกำกับดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด

โดยเมื่อเวลา 00.00 น.เสนาธิการทหาร/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดการเคลื่อนย้ายแรงงาน ณ จุดตรวจอมรพันธ์ ซึ่งรับผิดชอบโดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ซึ่งได้จัดกำลังจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย (ศตก.) จำนวน 8 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจตลิ่งชัน จำนวน 8 นาย แบ่งการปฏิบัติเป็น 2 ผลัด ผลัดละ 4 นาย รับผิดชอบในพื้นที่กรุงธนเหนือ เขตตลิ่งชัน 

หลังจากนั้นเวลา 00.35 น.ได้เดินทางต่อไปยังจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ บริเวณแยกเคหะร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า ซึ่งรับผิดชอบโดยสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยได้จัดกำลังจากฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายจราจร และฝ่ายสืบสวนของ สน.ร่มเกล้า รวมจำนวน 8 นาย รับผิดชอบในพื้นที่เขตลาดกระบัง ได้แก่ แขวงคลองสามประเวศ และแขวงคลองสองต้นนุ่น รวมทั้งพื้นที่เขตมีนบุรี ได้แก่ แขวงแสนแสบ ทั้งนี้ ยังได้ปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จำนวน 3 นาย 

จากนั้น เวลา 01.00 น.ได้เดินทางตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรมในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ณ จุดตรวจใต้ด่วนลาดพร้าว ซึ่งรับผิดชอบโดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง กองทัพบก (ศปม.ทบ.) โดย กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ซึ่งจัดกำลังพล จำนวน 2 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจโชคชัย จำนวน 8 นาย 

ทั้งนี้หากมีความจำเป็นในการเสริมกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทางสำนักงานเขตจะประสานชุดบูรณาการด้านความมั่นคงในการขอใช้กำลังทหารเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ ในเขตที่ได้รับมอบหมายต่อไป

สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ได้รับข้อมูลเบาะแสอันเป็นประโยชน์จากประชาชน นำไปสู่การจับกุมได้หลายครั้ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากผู้พบเห็นการละเมิดกฎหมายสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1111 ทำเนียบรัฐบาล หรือ หมายเลข 191,1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หมายเลข 1138 กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ขอขอบคุณประชาชนและทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และร่วมมือร่วมใจกันเพื่อร่วมก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ทอ. แจ้ง ทหารเกณฑ์ติดโควิด 290 นาย หลังออกปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ ปชช. ยันทุกคนไม่แสดงอาการ  พร้อมรับการดูแลอย่างดี เข้ารับการรักษาตามขั้นตอนทางสธ. อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กองทัพอากาศได้รับมอบหมายภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค.ในหลายมิติ ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงมีความห่วงใยในความปลอดภัยของกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า โดยเฉพาะน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ณ ที่ตั้งดอนเมือง ซึ่งออกปฏิบัติหน้าที่ช่วงสถานการณ์ COVID-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งเมื่อเสร็จจากการปฏิบัติภารกิจน้อง ๆ ทหารกองประจำการเหล่านี้ต้องกลับมาพักอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อน 

ดังนั้นเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพล ผู้บัญชาการทหารอากาศจึงสั่งการให้หน่วยเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กับทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 9 - 11 ก.ค.64 เพี่อสร้างความปลอดภัย  ผลการตรวจคัดกรองของทหารกองประจำการ จำนวน 718 คน พบว่า มีทหารกองประจำการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 290 คน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง (กลุ่มอาการสีเขียว) โดยทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดีและรับการรักษาตามขั้นตอนที่ทางสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด มีรายละเอียดการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

 1. กองทัพอากาศ จัดเตรียมอาคาร สถานที่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยใช้อาคารกองพันของหน่วย เพื่อจัดเป็น Community Isolation หรือ สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย 2 อาคาร ได้แก่ อาคารสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และ อาคารสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ (ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง) โดยอาคารทั้ง 2 แห่ง แยกจากกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 2. ทหารกองประจำการที่ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด แยกเข้ารับการรักษาภายใต้การกำกับดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ กรมแพทย์ทหารอากาศ ดังนี้
      2.1 Community Isolation (สถานที่แยกตัวชุมชนของหน่วย) หรือ อาคารกองพันของหน่วย 
จำนวน 199 คน
      2.2 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) จำนวน 52 คน
      2.3 โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (โรงเรียนการบิน) จำนวน 39 คน

 3. สำหรับการดูแลผู้มีความเสี่ยงสูงและผู้ป่วยติดเชื้อ ได้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพอากาศดูแลอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิและวัดปริมาณออกซิเจน พร้อมลงบันทึกข้อมูลและแจ้งอาการป่วยกับเจ้าหน้าที่ทุกวัน รวมทั้งได้รับการบริการอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อรองรับการดูแลรักษาอย่างเพียงพอ

4. กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง จะนำส่งเข้ารักษาต่อยังโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ

 5. สำหรับรายละเอียด Time Line ที่ผ่านมาของผู้ป่วยติดเชื้อนั้น น้อง ๆ ทหารกองประจำการ ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยกลับบ้านและพักอาศัยอยู่ที่หน่วยตลอดเวลา 

สำหรับการติดเชื้อในหน่วยทหารของกองทัพอากาศ ถือเป็นสถานการณ์โรคระบาดที่มีความสำคัญ และกองทัพอากาศติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพอากาศในการรักษาพยาบาลกำลังพล และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก ซึ่งกำลังพลกองทัพอากาศมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารอากาศมีความห่วงใย และได้กำชับให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวังอย่างสูงสุด เนื่องจากที่ตั้งบางหน่วยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค กองทัพอากาศขอยืนยันว่าเราจะดูแลน้อง ๆ ทหารกองประจำการ ซึ่งเป็นบุตรหลานของท่านอย่างดีที่สุดภายใต้มาตรฐานการรักษาพยาบาลและขีดความสามารถของหน่วยงานทางการแพทย์ของกองทัพอากาศที่มีอยู่อย่างเต็มกำลังความสามารถ

รมว.เฮ้ง นำทีมเช็คความพร้อมสนามไทย - ญี่ปุ่น ดินแดงตรวจโควิดเชิงรุกผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป เริ่ม 12 ก.ค.64

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของสถานที่เพื่อสำหรับเปิดบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ตามโครงการแรงงาน...เราสู้ด้วยกัน สำหรับผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป ในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.64 โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย 

นายสุชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งนี้ ซึ่งมีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงจำเป็นจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้หลายโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนเกิดความแออัด ต้องรอคิวนาน และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไป
ให้ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงาน โดย สปส. บูรณาการร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 , 39 และมาตรา 40  และประชาชนทั่วไป ภายใต้ โครงการ“แรงงาน…เราสู้ด้วยกัน” ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อจองคิวตรวจของผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเว็บไซต์กูเกิ้ล แล้วพิมพ์คำว่า “แรงงานเราสู้ด้วยกัน” หรือคลิกที่ลิงค์นี้  https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php กรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งเป็นบุคคลที่มีกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการป่วย ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจ หากรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ เมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที ทางโรงพยาบาลจะแจ้งผลการตรวจคัดกรองโควิด 19 ผ่าน 3 ช่องทาง คือ QR Code ทาง SMS และทางโทรศัพท์ แต่ในกรณีที่ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับผลการตรวจคัดกรอง อาจเนื่องจากกรอกหมายเลขโทรศัพท์ไม่ถูกต้อง สามารถโทรสอบถาม 1506 กด 6 การลงทะเบียนออนไลน์เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.64) เป็นต้นไป โดยแต่ละวันสามารถตรวจได้วันละ 2,000 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 1,000 คน ช่วงบ่าย 1,000 คน ซึ่งหากตรวจแล้วพบเชื้อแต่ไม่มีอาการจะถูกส่งเข้ารักษาตัวใน Hospitel ส่วนผู้ที่มีอาการจะถูกส่งไปรักษายังโรงพยาบาลในเครือประกันสังคม ซึ่งจะมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแล ส่วนค่ารักษาพยาบาลผู้ประกันตนจะเบิกกับสำนักงานประกันสังคม และประชาชนทั่วไปจะเบิกกับ สปสช. ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนให้คำปรึกษาผู้ประกันตนและประชาชนทั่วไปตรวจโควิด-19 เชิงรุก โทร.1506 กด 6


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top