Tuesday, 10 June 2025
POLITICS NEWS

‘อัครเดช’ ชี้!! แก้ปัญหาน้ำท่วมสำคัญกว่าแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมขอบคุณ รบ.โอนเงินหมื่นเข้าบัตรคนจน ตาม รทสช.เสนอ

'อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์' ย้ำแก้รัฐธรรมนูญมีขั้นตอน ไม่จำเป็นต้องไปเร่ง ชี้ปัญหาของความเดือดร้อนของประชาชนสำคัญกว่า โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ขอบคุณรัฐบาลใช้ฐานข้อมูลบัตรคนจน โอนเงินหมื่นเข้าระบบช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ตามข้อเสนอพรรครวมไทยสร้างชาติ

(5 ต.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า จากที่มีการรายงานข่าวถึงความเห็นของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นสามารถรอได้ ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับความคิดเห็นดังกล่าว เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ทุกภาคส่วนควรเร่งใช้สรรพกำลังในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงเตรียมแนวทางการแก้ไขปัญหาหากเกิดเหตุซ้ำ 

“ขอเน้นย้ำว่าปัญหาทางการเมืองเป็นเรื่องที่สามารถรอได้ แต่ปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากภัยพิบัติเป็นสิ่งที่รอไม่ได้ นอกจากนี้แล้วยังมีปัญหาถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หรือเรื่องการเมืองนั้นมีระยะเวลากระบวนการทำงานของการแก้รัฐธรรมนูญอยู่ ไม่จำเป็นต้องไปเร่งรัดแต่อย่างใด สิ่งที่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนคือปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม”

พร้อมกันนี้ นายอัครเดช ยังเห็นด้วยกับรัฐบาลที่ได้ดำเนินการจ่ายเงินสด 10,000 บาทต่อหัว ไปยังผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอของพรรครวมไทยสร้างชาติที่เคยเสนอไปในสภาผู้แทนราษฎรว่า ควรใช้ฐานข้อมูลของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการจ่ายเงินไปยังกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะ และเมื่อจ่ายเป็นเงินสดแล้วยังทำให้กลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินดังกล่าวสามารถนำไปใช้จ่ายได้คล่องตัว 

เลขาฯ ปชน. ประกาศกวาด 300 สส. ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แย้ม!! ส่งบัญชีนายกฯ มากกว่า 1 ชื่อ กันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

‘เลขาธิการพรรคประชาชน’ ลั่นเลือกตั้งรอบหน้า มีโอกาสกวาด สส. 270 – 300 ที่นั่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โวขั้นต่ำเกินกึ่งหนึ่งแน่ แย้มชงบัญชีนายกฯ มากกว่า 1 ชื่อ

พรรคประชาชน ที่มีณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นหัวหน้าพรรค เตรียมรณรงค์แคมเปญ 'เท้ง ทั่วไทย' โดยนายณัฐพงษ์ หลังจากนี้จะมีการเดินสายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ครบทุกจังหวัด ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการ Kick off ไปแล้วแถวย่านเพชรเกษม ฝั่งธนบุรี พื้นที่เลือกตั้งเดิม ของนายณัฐพงษ์ สมัยเป็นสส.เขต กทม.

นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวถึงทิศทางการเมืองของพรรค หลังถูกถามว่า สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ได้มา 81 เสียง มาพรรคก้าวไกลได้ 151 เสียง แล้วมายุบพรรคก้าวไกล เลือกตั้งรอบหน้า จะได้เกิน 200 หรืออาจ 250 ที่นั่งได้หรือไม่ โดยกล่าวว่า ส่วนใหญ่ตอนนี้เราคิดว่าเราจะพัฒนาตัวเองอย่างไร การพัฒนาตัวเอง ความหมายก็คือ เราต้องชนะตัวเองในอดีต เมื่อวานเราได้แค่ไหน วันพรุ่งนี้เราต้องดีกว่าในความหมายแบบนี้

“หากมีการเลือกตั้งปี 2570 อย่างที่มีการประเมินกัน เรายังมีเวลาอีกพอสมควร อย่างน้อยสองปีกว่าถึงสามปี การที่เราดีขึ้นทุกวัน-ทุกวัน อย่างที่เราประเมิน มันก็ไปได้ไกลมาก อาจไปได้ไกลถึง 270 หรือ 300 เสียง ก็เป็นไปได้ ถ้าเราดีขึ้นทุกวันอย่างที่บอก เราเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อวาน ดังนั้น เวลาผมพูดก็จะซีเรียสว่าต้องได้เท่านั้นเท่านี้ แต่ตอนนี้พอเห็นทิศทาง มันเป็นไปได้ตั้งแต่มากกว่าเดิม ผมมั่นใจว่าเราได้มากกว่าเดิมแน่ แต่จะมากไปถึงไหน ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำวันนี้และวันพรุ่งนี้เรื่อย ๆ ไป ส่วนตัวเลขจะได้ 200 เสียงหรือไม่ ในความเห็นส่วนตัวผม ผมมั่นใจว่าเราน่าจะไปได้ไกลกว่านั้น ความเห็นส่วนตัวผม” เลขาธิการพรรคประชาชน ระบุ

ส่วนที่ยังมีเสียงปรามาสว่า หลังเลือกตั้งรอบหน้า พรรคประชาชนจะกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านอีก นายศรายุทธิ์กล่าวว่า คิดว่าอาจจะเป็นอีกหนึ่งปี สองปี หรือสามปี ซึ่งเราไม่รู้อนาคต แต่เราต้องแข่งกับตัวเอง ณ เวลานั้น เราอาจเข้มแข็งมาก จนทะลุทะลวงได้ สส. เกิน 250 ที่นั่ง ก็เป็นไปได้

เมื่อถามว่า ความมุ่งมั่นที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวกับรัฐบาลผสม มุ่งไปทางไหน เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวตอบว่า การทำงานของเรา ด้วยความคาดหวังที่อยากเห็นประเทศมีอนาคต ทุกคนที่มาทำงานที่พรรค ต่างมีความคาดหวังแบบนั้น ดังนั้น ทุกคนมุ่งมั่นทำเต็มที่ ที่จะทำอย่างไรให้สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สังคมที่มีอนาคตได้เร็ว เราก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว ดังนั้นเราพยายามให้เป็นอย่างนั้น (รัฐบาลพรรคเดียว) ก็เป็นไปได้ ถ้าทำสำเร็จ ก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่า สิ่งที่เรานำเสนอ มีความปรารถนาดีต่อประเทศจริงๆ อยากให้ประเทศเราเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี นี้คือความปรารถนาของเรา

ถามย้ำว่า โอกาสที่หากพรรคประชาชนเลือกตั้งรอบหน้า สมมุติว่าได้มา 200 เสียง โดยถ้ารวมกับพรรคเพื่อไทยแล้วเสียงในสภาฯ ท่วมท้น โอกาสจับมือกันตั้งรัฐบาลเป็นไปได้หรือไม่ นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ถ้าถาม ณ วันนี้ หนึ่งปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ายาก โดยส่วนตัวผม ประเมินว่าไม่ง่าย อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมบอก มันก็จะมีเวลาอีกหลายปีกว่าจะถึงวันนั้น การทำงานร่วมกันในสภา ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน ไม่ใช่ว่าแค่พรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคอื่นๆ เราก็ต้องดูว่าเราผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงแก้ไขประเทศได้แค่ไหน ถ้ามันมีบางเรื่องที่เราทำงานร่วมกันได้ ผลักดันบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าสถานการณ์ ก็อาจเปลี่ยนไปในอนาคต ก็เป็นไปได้ หากเราจะต้องจับมือกับใคร ก็เป็นไปได้ ณ เวลานั้น

เมื่อถามว่า ฟังตอนนี้ ดูเหมือนจะจับมือกันยากกับเพื่อไทย เลขาธิการพรรคประชาชน ยอมรับว่า บรรยากาศโดยภาพรวมมันทำให้มองอย่างนั้น แม้แต่ตนเองก็รู้สึกแบบนั้น คือด้วยความที่เรามีคนจำนวนมากในพรรค เราก็ต้องฟังเสียงของทุกคน

ส่วนกรณีเสียงวิจารณ์ว่า ที่ผ่านมาในการเป็นฝ่ายค้าน ไม่ค่อยแตะเพื่อไทย ไม่แตะทักษิณ ชินวัตร แตะก็แตะแบบลูบเบาๆ นายศรายุทธิ์ ยืนยันว่า ไม่จริง เราก็ทำตลอด อย่างที่มีการพูดกันว่า เราไม่ตรวจสอบชั้น 14 ก็ไม่จริง ก็มีการอภิปรายในสภาฯ แต่ประเด็นที่เราจะตรวจสอบ และวิธีการที่เราจะตรวจสอบ เราไม่เลือกใช้ช่องทางที่เรามองว่ามีปัญหา อย่างเช่น ผ่านองค์กรอิสระต่างๆ เราไม่อยากจะใช้แบบนั้น เราไม่อยากให้เป็นนิติสงครามเหมือนที่เราโดน เราจะใช้เวทีปกติในระบบประชาธิปไตย อย่างเช่นการอภิปราย ก็อยากให้ดูว่าเราทำได้ดีแค่ไหนตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราก็จัดเต็ม ทำเต็มที่แน่นอน ถ้าอะไรที่เป็นกลไกปกติ พรรคเราทำเต็มที่แน่นอน

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์เรื่องดีลลับระหว่างธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับนายทักษิณ ชินวัตรนั้น เลขาธิการพรรคประชาชน ยืนยันว่า ไม่มี โดยตัวของธนาธร ไม่สามารถดีลลับได้อยู่แล้ว ต้องบอกว่าระบบพรรคเรา คือเวลาคนอื่นมอง เขามองโดยใช้แว่นตาแบบเดิม เช่นคนนั้นเป็นเจ้าของพรรค ต้องให้คนนั้นไปดีล คือเขาไปเอามุมมองแบบนั้น มามองพรรคเรา ทำให้คิดอย่างนั้น ซึ่งในความเป็นจริง พรรคเรามีความเป็นสถาบันมากกว่านั้น ธนาธร ไม่ได้มีบทบาทที่จะตัดสินใจชี้่ถูกชี้ผิดอะไรในพรรค แน่นอนว่าอาจจะมีคนในพรรคจำนวนหนึ่ง อาจมีความชื่นชอบนิยม แล้วให้การยกย่องอันนี้มีจริง แต่เขาไม่ได้เข้ามาล้วงลูก มาทำอะไรในพรรค

ส่วนการเสนอแคนดิเดตนายกฯ พรรคคงไม่เสนอคนเดียวแล้ว หลังมีบทเรียนจากเคสนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้น นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ แต่ยอมรับว่ามีการคุยจริง และหลายคนที่เป็นแกนนำพรรค ก็มองไปในทิศทางแบบนั้น แต่จะบอกตอนนี้เลยคงไม่ได้ เพราะคงต้องไปพูดกันตอนใกล้ๆ เลือกตั้ง ทั้งนี้ยอมรับว่าการเสนอชื่อ นายณัฐพงษ์ กับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นไปได้สูง ซึ่งหากถามความเห็นส่วนตัว เห็นว่าควรเสนอไปเลยสามชื่อ และหากฟังคนในพรรค อย่างไรก็เสนอมากกว่าหนึ่งชื่อแน่นอน แต่จะเป็นอย่างไร ก็คงไปว่ากันตอนช่วงใกล้เลือกตั้ง

‘บอล ธนวัฒน์’ ฟาดเดือดชาวเน็ต ด่ารัฐบาลได้ทุกเรื่อง ไม่เว้นกระทั่งซื้อพิซซ่าให้เด็กกินหลังเหตุไฟไหม้รถบัส

‘บอล ธนวัฒน์’ ซัด ‘ชาวเน็ต’ เอาการเมืองมาโจมตีทุกอย่าง แม้แต่เรื่องซื้อพิซซ่าให้เด็กกิน หลังเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนทัศนศึกษา

เมื่อวันที่ (3 ต.ค. 67) นายธนวัฒน์ วงค์ไชย นักเคลื่อนทางการเมือง ทวีตข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า

ด่ารัฐบาลทุกอย่าง แม้แต่เรื่องซื้อพิซซ่าไปให้เด็กที่ประสบเหตุ #ไฟไหม้รถบัส กิน เอาการเมืองมาโจมตีทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่เด็กๆ ได้กินพิซซ่า ไม่อยากถามหาความเป็นคน เพราะคงไม่มี

ซึ่งเป็นการตอบกลับผู้ใช้บัญชี X รายหนึ่งที่ได้ทวิตข้อความ ระบุว่า แล้วพิซซ่าอะ ถ้าปกติเด็กจะได้กินตอนฉลองวันเกิดหรือวันดีๆ สอบได้คะแนนสูง คนในครอบครัวถูกหวย หรืออะไรงี้ แต่วันที่เจออุบัติเหตุดันได้พิซซ่า ต้องรู้สึกไงอะ

‘น้ำ-วาริน’ วัด ‘เจ้ต้อย-กนกพร’ ชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.นครศรีฯ สนามพิสูจน์พละกำลังระหว่าง ‘ประชาธิปัตย์ - ภูมิใจไทย’

‘น้ำ-วาริน ชิณวงศ์’ พร้อมลงชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.นครศรีฯ จาก ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ ที่ชิงลาออกในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ วัดบารมี ‘โกเกี๊ยะ’ ลุยบ้านใหญ่

การประชุมทีมงานได้ข้อสรุปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาให้ นายกฯต้อย กนกพร เดชเดโช ลาออกจากนายกฯอบจ.นครศรีธรรมราช ก่อนหมดวาระในวันที่ 19 ธันวาคม โดยยกเหตุผลเรื่องความยุ่งยากในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่า อาจจะมีอุทกภัยในช่วงปลายพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม กับกรอบเวลา 180 วัน กับข้อห้ามใช้งบประมาณ ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งกริ่งเกรงว่า จะใช้งบประมาณเพื่อการหาเสียง

เหตุผลนี้ ‘บิ๊กแจ๊ส-คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง’ นายกฯอบจ.ปทุมธานี เคยนำทีมนายกฯอบจ.โซนภาคกลาง 3-4 จังหวัดลาออกก่อนหมดวาระมาแล้ว

นี่คือเหตุผลของการลาออกก่อนหมดวาระของนายกฯต้อย ซึ่งถ้าพิจารณาตามเนื้อผ้า และปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก็เป็นเหตุผลที่รับฟังได้ พร้อมระบุว่า 

“ซึ่งจะเป็นอุปสรรคของการบริหารจัดการในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช อาจส่งผลให้การทำงานแก้ไขปัญหาประชาชนหยุดชะงัก ขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติช่วงประมาณเดือนธันวาคมของทุกปี ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้น ตามภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในขณะนี้ กรณีดังกล่าวจำเป็นต้องมีอำนาจในการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ทั้งทางด้านการบริหารงบประมาณ การบริหารบุคคล รวมถึงการประสานเชื่อมโยงกับภาคส่วนต่าง ๆ”

สำหรับทีมพลังเมืองนคร ของเจ้ต้อย ถือว่า เตรียมความพร้อมมายาวนาน เดินสายพบปะแกนนำในแต่ละอำเภอมาครบทั้ง 23 อำเภอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกฯอบต. ส.อบต. พร้อมจัดทีมผู้สมัคร ส.อบจ.ไว้ครบถ้วนหมดแล้ว

เอาเป็นว่า เครือข่ายพร้อม ปัจจัยพร้อม เดินหน้าลุยต่อได้ทันที

แต่สำหรับมุมมอง #นายหัวไทร เชื่อว่าการลาออกของนายกฯต้อยมีเหตุผลทางการเมืองประกอบด้วย “ชิงการได้เปรียบทางการเมือง” ได้เปรียบกับการเป็นฝ่ายบริหารมาจะครบ 4 ปี แน่นอนว่า ผลงานเริ่มเป็นที่ประจักษ์ชัด ทีมงาน เครือข่ายพร้อม กระสุนดินดำลื่นไหล 

ในขณะที่คู่แข่ง ได้เห็นความพยายามของพรรคภูมิใจไทย ที่ ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ รัฐมนตรีแรงงาน หัวเรี่ยวหัวแรงของภาคใต้ เรียกประชุมทีมงานนครศรีธรรมราชมาแล้ว สั่งการให้เตรียมพร้อมเลือกตั้ง อบจ.และเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช และเคาะชื่อ ‘น้ำ-วาริน ชิณวงศ์’ อดีตประธานหอการค้านครศรีธรรมราช และกรรมการหอการค้าไทย อดีตนักศึกษากิจกรรม เคยเป็นนายกสโมสรนักศึกษาสมัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย 

เมื่อพิจารณาตามความพร้อม พรรคภูมิใจไทยมี สส.นครศรีธรรมราช 2 คน และมีโครงข่ายที่ถูกสร้างในช่วง 2 ปีมานี้อยู่ไม่น้อย แต่โอกาสของภูมิใจไทยในนครศรีฯ คิดว่ายังเหนื่อยในการต่อกับเจ้ต้อย ที่ยังมี ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ ลูกๆ และ สส.ในสังกัดอีก 6-7 คน

การตัดสินใจลาออกของนายกฯต้อย น่าจะเป็นยุทธวิธีทางการเมือง 1.หลีกเลี่ยงการกระทำผิดเรื่องการใช้งบประมาณตามกรอบเวลาในช่วง 180 วัน ก่อนวันครบวาระ

2.หลีกเลี่ยง ค่าใช้จ่ายในการหาเสียงที่เกิดขึ้นในระยะ 180 วันก่อนครบวาระ

3. น่าจะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จาก ผู้ตรวจการเลือกตั้ง (ผตล .) เพราะ กกต. ยังไม่ได้ตั้ง ผู้ตรวจการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่กับการเลือกตั้งเหตุอื่นๆ ที่ไม่ใช่ครบวาระ

4.ที่สำคัญเมื่อลาออกทำให้การเลือกตั้งนายกฯกับฝ่ายสภา (ส.อบจ.)เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน วาระของ ส.อบจ.จะหมดปลายเดือนธันวาคม ถ้าได้เป็นนายก อบจ. อยู่แล้ว หาทีมเข้าสังกัดได้ง่าย มีตัวเลือกเสนอตัวเยอะ ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ 

กนกพร ยืนยันหลายต่อหลายครั้งว่า จะขอลงสมัครชิงนายกฯอบจ.นครศรีธรรมราชอีก 1 สมัย ถ้าได้รับเลือกก็จะเป็นสมัยที่ 2 หลังจากนั้นก็ต้องหยุดพักตามกฎหมาย

‘น้ำ’ ลั่นพร้อมลงชิง

“น้ำมีความพร้อม ไม่มีพันธะอะไร ต้องรับผิดชอบมากมาย” คำพูดแรกของ ‘วาริน ชิณวงค์’ ในการตัดสินใจลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (นายกฯอบจ.)

น้ำ พร้อมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ และมีตัวช่วยอย่าง ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ -อนุทิน ชาญวีรกูล -เนวิน ชิดชอบ’ บารมีของบุคคลเหล่านี้น่าจะหว่านล้อมผู้มากบารมีในนครศรีธรรมราช ให้มาช่วยดันน้ำได้ไม่น้อย และอาจจะทำให้ทีมเจ้ต้อยหวั่นไหวไปบ้างไม่มากก็น้อย

14-18 ตุลาคม เปิดรับสมัคร และหย่อนบัตรวัดดวงกันวันที่ 24 พฤศจิกายน วันชี้ชะตาประชาชนจะมอบความไว้วางใจให้ใครมาบริหารเมืองใหญ่ ‘นครศรีธรรมราช’

'นายกฯ อิ๊งค์' ติดลิสต์ ‘Times 100 Next’ ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต ‘นิตยสารไทม์’

(4 ต.ค.67) นิตยสารไทม์ (Time) ประกาศรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต Times 100 Next ที่แบ่งแยกออกเป็น 5 หมวดหมู่ ประกอบด้วย ศิลปิน (Artists) ผู้สร้างปรากฏการณ์ (Phenoms) ผู้สร้างนวัตกรรม (Innovators) ผู้นำ (Leaders) และผู้ให้การสนับสนุน (Advocates) โดยในปีนี้ มีชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดอันดับในประเภทผู้นำ (Leaders)

ไทม์ ได้เขียนถึง น.ส.แพทองธารว่า เธอได้สร้างประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่กี่วันก่อนวันเกิดปีที่ 38 ของเธอ ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชียที่เคยมีมา

การขึ้นตำแหน่งของเธอ ไม่เป็นเรื่องน่าตกใจนัก เธอเป็นบุตรสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและมหาเศรษฐีแห่งวงการสื่อสาร ของไทยในปี 2544 และ ถูกรัฐประหารในอีก 5 ปีต่อมา กระนั้นยังมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นลุง และ อา ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในประเทศไทย แต่ถูกแทรกแซงโดยตุลาการและทหาร

น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญไทย ได้มีคำตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“ประเทศไทย จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง” น.ส.แพทองธาร บอกกับไทม์ เมื่อปีก่อน

อย่างไรก็ตาม 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต Time 100 Next นี้ มี 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็เคยติดอันดับเมื่อปี 2019 และ 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ติดอันดับในปี 2023 เช่นกัน

สำหรับนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย แม้จะเป็นครั้งแรกที่ติดอันดับ Time 100 Next แต่ในแง่ของการได้รับการจัดอันดับในระดับสากล 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' เคยถูกจัดอันดับอยู่ใน 'ผู้ทรงอิทธิพล' เช่นกัน แต่เป็นการจัดอันดับโดย นิตยสารฟอร์บส์ที่จัดอันดับ 100 สตรีทรงอิทธิพลของโลก (The Most Powerful Women) ประจำปี 2011 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ 59 ในปี 2011 และในปี 2012 ยิ่งลักษณ์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 31 จาก 100 ผู้หญิงทั่วโลก

‘เท้ง ทั่วไทย’ vs ‘อิ๊งค์ อินเตอร์’ งานหนัก ‘พรรคส้ม’..งานหิน ‘เพื่อไทย’

เมื่อวันที่ (1 ต.ค. 67) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ  หัวหน้าพรรคประชาชน หรือพรรคส้มคนล่าสุด..ได้ทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  ด้วยความเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ   เจ้าตัวประกาศที่ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเข้มข้นคุ้มกับภาษีของประชาชน..

น่าสนใจ วันนี้นายกฯก็เป็นคนรุ่นใหม่ วัย 38 เป็นหัวหน้าพรรคใหญ่(เพื่อไทย)141 เสียง ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านก็วัยเดียวกัน เป็นหัวหน้าพรรค 143 เสียง..

ถ้าเป็นมวย..ก็เป็นมวยถูกคู่คนดูถูกใจว่า สมัยหน้าพรรคไหนใครจะเป็นแชมป์และมากกว่านั้น ใครจะเป็นนายกฯ และที่สุดของที่สุดสองพรรคที่มาจากเทือกเถาวัลย์พันธุ์สีแดงด้วยกัน จะจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาลได้หรือไม่...

คำตอบจากวันนี้..ฟันธงว่ายาก  แต่โอกาสที่พรรคประชาชนของ 'เท้ง ณัฐพงษ์' ที่กำลังเริ่มแคมเปญ 'เท้งทั่วไทย' สัญจร 20 จังหวัด โดยเริ่มต้นที่ภูเก็ต ที่จะเป็นฝ่ายค้านในสมัยหน้าอีกครั้งนั้นฟันธงว่า..มีสูงยิ่ง..

ต้องบอกว่า 'เท้ง ณัฐพงษ์' ผู้เรืองปัญญา และเอก ธนาธร ชื่นชมเป็นที่สุดนั้น ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคภายใต้สถานการณ์ 'ขาลง' และมากมรสุม ต่างจาก 'นายกอิ๊งค์' แพทองธาร ชินวัตร ที่มีเงื่อนไขและโอกาสให้โชว์ฝีมือ..ตั้งแต่กดปุ่มแจกเงินหมื่นบาท และวิกฤตภัยพิบัติภาคเหนือ...

อย่าได้แปลกใจที่ 'นิด้าโพล' ล่าสุด ให้คะแนนนายกฯอิ๊งค์ ร้อยละ 31.35 หัวหน้าเท้ง 22.90 ต่างกับคะแนนพรรค ที่พรรคส้มได้ ร้อยละ 34.25 พรรคเพื่อไทย 27.15

เฉพาะหน้าแรงกดดันของพรรคประชาชนก็คือ..ทำอย่างไรจะปักธงนายกอบจ.นำร่องได้สัก 1 จังหวัด...หลังจากที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ 'แพ้ซ้ำซาก' ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเลือกตั้งนายกอบจ.ที่ราชบุรี และเลือกซ่อมสส.เขต1พิษณุโลก ที่พรรคส่งโดยตรง..

นับนิ้วดูแล้ว เลือกนายกอบจ.11จังหวัดที่ผ่านมา มีผู้สมัครในนามพรรคประชาชน และสมาชิกพรรคลงแข่ง 6 จังหวัด แพ้ราบเรียบ...เบื้องหน้าที่ต้องจับตามองก็คือ เลือกนายกฯอบจ.ขอนแก่น และสุโขทัย  วันที่ 3 พ.ย. พรรคประชาชนจะส่งใครลงสมัครหรือไม่ โดยเฉพาะที่สุโขทัย ที่โอกาสแพ้สูงแต่ถ้าไม่ส่งก็เสียฟอร์ม  

เหตุเพราะเลือกตั้งปี 2566 แม้พรรคส้มไม่ส่งสส.เขต แต่ได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เป็นลำดับ 2 จำนวน 115,750 คะแนน จี้ติดพรรคเพื่อไทยที่ชนะสส.เขตยกจังหวัด ได้ 125,832 คะแนน...และคิวต่อไปสนามที่พรรคส้มตั้งเป้าจะปักธงให้ได้ก็คือสนามอุดรธานี..เมืองหลวงของคนเสื้อแดง(เพื่อไทย)  ที่พรรคส้มกินแดนไปได้หลายส่วนแล้ว...

วันก่อน.. 'ติ่ง' ศรายุทธ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคส้ม ให้สัมภาษณ์ทางไทยโพสต์ ทีวีว่า..ตัวเลขขั้นต่ำจะปักธงการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยขั้นต่ำนายกฯอบจ. ภาคละ 1 จังหวัดและนายกเทศบาลนคร ภาคละ 1 จังหวัด เช่นกัน...

ตอนแรก ๆ ที่พรรคส้มประกาศจุดยืน จะปักธง..ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ไม่น้อย แต่ที่สุดเจอวิทยายุทธบ้านใหญ่ที่รวมหัวกันกินส้ม พรรคประชาชนก็ไปไม่ค่อยเป็น...เพราะนี่คือการเลือกตั้งท้องถิ่นที่หนักไปในทางใช้กระสุนไม่ต้องอาศัยกระแส เหมือนการเลือกตั้งระดับชาติ(สส.)ที่หลายพื้นที่ต้องอาศัยกระแส เช่นกทม.เป็นต้น

สรุปว่านาทีนี้..ณัฐวุฒิก็ต้อง 'เท้งทั่วไทย' ไปก่อน ส่วน 'นายกฯอิ๊งค์' โกอินเตอร์ทั้งในต่างประเทศและในบ้านตัวเอง..

- 2-4 ต.ค.นี้ ประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD-Asia  Cooperation  Dialogue) ครั้งที่ 3 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์

- 4 ต.ค.เวลา18.00-21.00น. นายกฯจะไปร่วมงานดินเนอร์ ทอล์ค ของTNNในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 17 ที่สยามพารากอนแสดงวิสัยทัศน์ประเด็น EMPOORERING THAILAND LEADERSHIP FOR A NEW ECONOMY
- 7 ต.ค. แสดงวิสัยทัศน์ 'พลิกโฉมเศรษฐกิจไทยผงาดอาเซียน -ASEAN  ECONOMIC OUTLOOK 2025' จัดโดยนสพ.กรุงเทพธุรกิจ

-8-11 ต.ค.ประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 ณ สปป.ลาว

ที่ผ่าน ๆ มานายกฯอิ๊งค์ ยังอาการน่าห่วง แต่จากนี้ถ้าทุกงานสอบผ่านแบบไม่โกงหรืออวยกันเอง..นายกฯอิ๊งค์ก็จะไปโลด..ซึ่งดูเหมือนเธอจะขอโอกาสพิสูจน์..วันก่อนถึงได้ตอบคำถามนักข่าว “เพิ่งทำงานเดือนเดียวเอง อย่าเพิ่งมาไล่กันเลย(ลุงสนธิ)..”

'พีระพันธุ์' รับปากประชาชนเร่งประสานงานฟื้นฟูพื้นที่ได้รับผลกระทบ ด้าน 'เอกนัฏ สั่งการด่วนแก้ไขปัญหาน้ำประปาให้ ปชช. กว่า 4 พันครัวเรือน

รองนายกฯ 'พีระพันธุ์' พร้อม 3 รัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน บูรณาการดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมจังหวัดเชียงราย พร้อมรับปากจะเร่งประสานการเยียวยาช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ขณะที่ชาวบ้านแม่ปูนล่าง อ.เวียงป่าเป้า ฝาก 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' ขอให้ช่วยสร้างระบบน้ำประปา แก้ปัญหาน้ำให้ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 4,000 ครอบครัว

(2 ต.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะทำงาน และผู้แทนของหน่วยงานในสังกัดของแต่ละกระทรวง ลงพื้นที่ตรวจราชการหน่วยงานในกำกับดูแลและเยียวยาผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากเหตุอุทกภัยที่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย

ภายหลังจากเดินทางถึงจังหวัดเชียงราย ได้แบ่งภารกิจการตรวจเยี่ยมเป็น 2 คณะ ประกอบด้วย 1. คณะของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม  ซึ่งมีกำหนดการตรวจราชการหน่วยงานในกำกับดูแลและเยียวยาผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากเหตุอุทกภัย ณ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย บ้านห้วยหินลาดใน หมู่ 7 ตำบลบ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย  

และ 2. คณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีกำหนดการตรวจราชการหน่วยงานในกำกับดูแลและเยียวยาผลกระทบที่ประชาชนได้รับจากเหตุอุทกภัย ณ บ้านแม่ปูนล่าง หมู่ 9 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้ ระหว่างการลงพื้นที่ นายพีระพันธุ์ ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ว่า ในวันนี้ทางรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 4 กระทรวง พร้อมด้วยคณะทำงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมกับสำรวจว่า ชาวบ้านต้องการให้ช่วยเหลืออย่างไรบ้าง เพื่อนำไปรายงานทางคณะรัฐมนตรี ให้จัดสรรงบประมาณหรือจัดกําลังเข้ามาดูแลช่วยเหลือ ซึ่งพบว่าชาวบ้านได้รับความยากลำบากอย่างมาก และบางครอบครัวยังไม่สามารถกลับเข้าไปพักอาศัยในบ้านเรือนของตนเองได้ เนื่องจากได้รับความเสียหายอย่างหนัก และอยู่ระหว่างการฟื้นฟู ขณะเดียวกัน ยังหวั่นเกรงว่าจะเกิดอุทกภัยรอบใหม่อีกด้วย

“หลังจากได้รับฟังความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และได้รับทราบปัญหาต่าง ๆ จากผู้นําชุมชน หลังจากนี้จะเร่งประสานหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาช่วยอย่างเร่งด่วนต่อไป และในวันนี้นอกจากลงมาดูสภาพความเสียหายแล้ว ยังได้นำสิ่งของประเภทอาหารการกิน อุปกรณ์ประกอบอาหาร เตาแก๊สปิกนิก และยารักษาโรค มามอบให้ชาวบ้านเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และหลังจากนี้ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องไฟฟ้าที่ยังขาดแคลนอีกด้วย”

ทางด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม ได้รับทราบถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่ บ้านแม่ปูนล่าง อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งนอกจากการเร่งฟื้นฟูซ่อมแซมบ้านเรือนและเยียวยาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว ประชาชนในพื้นที่ยังได้ฝากให้ รมว.อุตสาหกรรม ช่วยสร้างระบบน้ำประปาหมู่บ้าน ภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายไปแล้ว เนื่องจากประชาชนในพื้นที่กว่า 4,000 ครอบครัวยังขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้

ทั้งนี้ นายเอกนัฏ ได้รับเรื่องที่จะให้การช่วยเหลือชาวบ้าน โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการจัดส่งท่อน้ำ เพื่อวางระบบส่งน้ำเพื่อลำเลียงน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมายังหมู่บ้าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนภายหลังจากฟื้นฟูสภาพความเสียหายเรียบร้อยแล้ว

‘ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์’ ส่ายหน้าแนวคิดในหนังสือ ‘ในนามความมั่นคงภายใน การแทรกซึมของกองทัพไทย’ ย้ำชัด! กองทัพไทย คือ ผู้ป้องกันการแทรกซึม

(2 ต.ค. 67) ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้โพสต์บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัววิจารณ์หนังสือ ‘ในนามความมั่นคงภายใน การแทรกซึมของกองทัพไทย’ ซึ่งเขียนโดย รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ ว่า

#เชรีวิว ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย แบบอ่านผ่าน ๆ ผิดตรงไหนไปถามคนเขียนเอง 555

สรุปสั้น ๆ คือ เป็นงานที่ไม่ได้สะท้อนสัจธรรมหรือความเป็นจริงอะไร มีการตีความผ่านกรอบคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย / อุดมคตินิยม (Liberalism/Idealism) แล้วก็หาหลักฐานเชิงประจักษ์ (แบบเข้ากรอบทฤษฎี) มาสนับสนุนตามสูตร ซึ่งทฤษฎีดังกล่าวเป็นทฤษฎีหนึ่งของการศึกษารัฐศาสตร์เท่านั้น ยังมีทฤษฎีอีกเพียบที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ดีกว่าเช่นแนวคิดแบบสัจนิยม (Realism) หรือแนวคิดหลังสมัยใหม่ (Post-Modernism) หรือแนวคิดแบบโบราณสามก๊ก (Samkokism) ก็ยังได้เลย

มากไปกว่านั้น งานนี้ยังมีลักษณะที่กลับหัวกลับหางแปลกๆ เช่น
เริ่มจากการตั้งชื่อเรื่องที่ผิดทิศทาง กลับหัวกลับหางไปหมด ไม่รู้ว่าอาจารย์พวงทองงง หรือผมงง งงงไปหมดคือ

ก. การแทรกซึมทางสังคมของทัพไทย
คำถามคือ กองทัพแทรกซึมสังคมไทยได้เหรอ? ตกลงกองทัพไทยกับสังคมไทยไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ตกลงเป็นกองทัพไทยหรือเป็นกองทัพอะไร งง?

คำว่า แทรกซึม มันต้องใช้กับรัฐคู่ขัดแย้งหรือคู่สงครามสิคับ อาจารย์ยกบริบทของสงครามเย็น ซึ่งในทางปฏิบัติมันเป็นสงครามตัวแทน (Proxy War) ระหว่างรัฐมหาอำนาจซ้อนกันหลายชั้น

ในบริบทของสงครามเย็นในประเทศไทย กองทัพไทยเป็น ฝ่ายป้องกันหรือเจ้าบ้าน เขาถึงตั้งชื่อว่ากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในไงคับ

ถามว่าป้องกันการแทรกซึมจากใคร ก็ป้องกันการแทรกซึมจากพวกอาจารย์ของอาจารย์ เช่น อาจารย์ธงชัย ที่อาจารย์อ้างอิงในหนังสือ ซึ่งอาจารย์ธงชัยนี้เองก็เป็นสหาย หรือกลไกที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เข้ามาจัดตั้งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา และใช้อาจารย์ธงชัยแทรกซึมสังคมไทย เช่น ผลิตความคิดที่ต่อต้านค่านิยมหลักหรือบ่อนทำลายความมั่นคงของสังคมและของรัฐต่าง ๆ นา ๆ เพื่อปูทางไปสู่การยึดอำนาจรัฐของ พคท. ในที่สุด แบบนี้สิครับเขาถึงเรียกว่าแทรกซึม ซึ่งการแทรกซึมมันก็คือยุทธวิธีการบ่อนทำลาย (Sabotage) แนวหลังของศัตรูให้อ่อนแอทั้งทางด้านความคิด สติปัญญาและทรัพยากร ฯลฯ 

ในขณะที่รัฐไทยก็ต้องป้องกันการแทรกซึมจัดตั้งของ พคท. โดยจัดตั้งไทยอาสาป้องกันชาติ ลูกเสือชาวบ้าน กระทิงแดง ฯลฯ มาสู้กับกลุ่มจัดตั้งของพคท. ในทุกองคาพยพของสังคม เช่น สหภาพแรงงาน ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษา กลุ่มไฟลามทุ่ง ฯลฯ ถ้าไม่ทำอะไรก็เรียบสิคับ แดงทั้งแผ่นดิน เสร็จ พคท. หมด 

ประธานเหมายังบอก ทหารคือปลา ประชาชนคือน้ำ อาจารย์ได้เรียนหรืออ่านสรรนิพนธ์ทางการทหารบ้างป่าวคับ ถึงชอบตั้งคำถามว่า ทหารมีไว้ทำไม? ได้คำตอบยังคับ 

แล้วยิ่งไปกว่านั้น ตรงบทสรุป หน้า 216 อาจารย์พวงทองสรุปว่า 
"ข้อสรุปสำคัญของงานศึกษาชิ้นนี้คือไม่ใช่การป้องกันประเทศจากการคุกคามของศัตรูภายนอก แต่คือกิจกรรมความมั่นคงภายในที่เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพ"

เห้ย ถามจิง แค่นี้มันต้องทำวิจัยด้วยเหรอ ไปไล่เรียงประวัติศาสตร์การก่อตั้งรัฐตั้งแต่สมัยโบราณถึงสมัยใหม่แล้วมาตอบให้หน่อย ว่ากองทัพแมวที่ไหนมันไม่ได้มีหน้าที่ป้องกันรักษาเอกราชทั้งจากภายนอกและภายใน และภายในมันต้องเข้มแข็งก่อนด้วยถึงป้องกันภายนอกได้ 

ถ้าเป็นภาวะสงครามมันก็มีทั้งสงครามที่มาจากภายนอกและสงครามการบ่อนทำลายภายใน เช่น การบ่อนทำลายทางความคิด ฯลฯ เช่น ประเทศไหนมีระบบความคิดที่มั่นคง ก็นำแนวความคิดสมัยใหม่เข้าไปทำให้ประเทศเกิดความอ่อนแอ ขัดแย้งกัน พอตีกันเองก็ไม่ต้องพัฒนา ดูหลายๆประเทศรอบบ้านก็ได้ ตอนนี้ตีกันเข้าไป หัวเก่าหัวใหม่ สุดท้ายประเทศลุกเป็นไฟ

อย่างหมดยุคสงครามเย็น ตอนนี้ก็เป็นสงครามในรูปแบบใหม่ ตอนนี้ไม่ยึดครองโดยตรงแล้ว แต่ใช้วิธีการให้ทุนสนับสนุนองค์กรต่างๆมาเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของรัฐมหาอำนาจ ที่ต่างก็ต้องทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ใครเคยรับงานบ่อยๆก็จะทราบดีครับ หวานเจี๊ยบ พูดหรือเคลื่อนไหวอะไรสอดคล้องต้องกันหมดราวกับรับงานมา เด็กปั้น อิอิ

ตัวอย่างการแทรกซึมสังคมไทย แนวคิดไหนที่ไม่เคยมีในสังคมไทยมาก่อนถือว่าแนวคิดนั้นเข้ามาแทรกซึมนะคับอาจารย์ เช่น ทุนนิยม คอมมิวนิสต์ หหรือประชาธิปไตย เป็นต้น โดนหมดไม่ว่าไทย ยูเครน ซีเรีย อาเซียน ฯลฯ ผ่านแนวคิดเรื่อง สิทธิเสรีภาพ เสมอภาค โว๊ค ไม่เคารพพ่อแม่ บ่อนทำลายสถาบันหลัก ศาสนา ค่านิยม ฯลฯ

ในทางปฏิบัติเขาก็จะมีการจัดตั้ง การให้ทุน ส่งไปเรียน จัดค่าย เสวนา การระดมมวลชน หรือการตั้งพรรคการเมือง รวมไปถึงองค์กรมูลนิธิต่าง ๆ การให้รางวัล ฯลฯ โดยมีเป้าหมายการเคลื่อนไหวที่สอดประสานต้องกัน แทรกซึมเข้าไปในสถาบันการศึกษา โรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย ที่ปรากฏออกมาเป็นม็อบจัดตั้งเป็นระยะๆ ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับคนจัดตั้ง ตั้งแต่สมัยโบราณจนมาถึงสมัยปัจจุบันอะ ไม่เคยเปลี่ยน
อย่างเช่น รัฐ A อยากจะจัดการ รัฐ B วิธีการง่าย ๆ แบบไม่ต้องใช้กำลังทางทหารซึ่งสิ้นเปลืองมากก็คือบ่อนทำลายรัฐ B จากภายใน ให้ฟาดกันเองให้ย่อยยับ ให้ทุนสนับสนุนอย่างลับ ๆ 

ยิ่งถ้าเป็นรัฐประชาธิปไตยยิ่งง่าย เลี้ยงพรรคที่อาจได้รับการเลือกตั้ง เลี้ยงพรรคหอกข้างแคร่ หนุนพรรคแปลก ๆ หรือเอาศาสนา ยาเสพติด โรคระบาด ปล่อยข่าวลบ ข่าวลือ ระบบเหตุผลแปลก ๆ หรือทำให้คนในรัฐนั้นโง่ ปัญญาอ่อน ฯลฯ ร้อยสารพันวิธี ถ้าอ่านประวัติศาสตร์มาบ้างอะ แล้วเข้ามากวาดแบบหวานเจี๊ยบ เป็นต้น 

ดังนั้น หน้าที่ของกองทัพและสังคมก็คือต้องช่วยป้องกันการแทรกซึมของแนวความคิดบ่อนทำลายชาติและรัฐเหล่านี้ ที่แท้จริงแล้วอาจจะเป็นเครื่องมือในการเข้ามาแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มคนบางกลุ่มได้ ทำแค่นี้ผมว่าน้อยไปด้วยซ้ำคับ อย่าตีกันมาก มีคนจ้องจะงาบคุณอยู่ เว้นแต่ว่ารับงานมา อิอิ

เปิดประวัติ 'อรพินทร์ เพชรทัต' เลขาฯ รมว.พลังงานป้ายแดง หนึ่งในทีมทำงาน 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' พลังงานไทย

เมื่อวานนี้ (1 ต.ค. 67) ครม. มีมติเห็นชอบให้นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วันนี้ THE STAES TIMES จะพาผู้อ่านทำความรู้จักกับ 'เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน' ป้ายแดง

อรพินทร์ เพชรทัตเคยให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำงานของตนเองไว้ว่า การทำงานของเราจะต้องตอบสนองประชาชนให้ได้มากที่สุด จึงเป็นหลักที่ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน 'ไก่ อรพินทร์' ยังคงทำงานกับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเขตดินแดง-ห้วยขวางอย่างต่อเนื่อง  

ซึ่งสอดคล้องกับครอบครัวของอรพินทร์ที่เป็นครอบครัวการเมืองประจำเขตดินแดง คุณพ่ออย่างชูพงศ์ เพชรทัต เคยดำรงตำแหน่ง สก.เขตดินแดง และคุณแม่อนงค์ เพชรทัตปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สก.เขตดินแดง  

การที่เป็นคนทำงานตัวจริงของไก่ เพชรทัตที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องจึงไม่แปลกใจเลยว่าก่อนหน้านี้ช่อของ 'อรพินทร์ เพชรทัต' จะปรากฏในเวทีการเมืองระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นช่วงปี 2562-2564 ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในยุค พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง และในปี 2565-2566 ได้รับตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในยุคของรัฐมนตรี 'ตรีนุช เทียนทอง' 

จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยที่ปี 2566 จะมีชื่อของ 'อรพินทร์ เพชรทัต' ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ใต้การกำกับของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่เป็นคนทำงานจริงจัง และรับตำแหน่งเลขานุการในครั้งนี้ต่อเนื่อง ย่อมแสดงให้เห็นถึงการได้รับความไว้วางใจในฐานะ 'คนทำงานตัวจริง' ของ 'ไก่ อรพินทร์ เพชรทัต'  

นอกจากที่กล่าวมา 'ไก่ อรพินทร์ เพชรทัต' มีประวัติโดยย่อดังนี้ 

>>>อุดมการณ์ทางการเมือง
- ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
- สร้างโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียม ด้วยข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆ ผ่านสื่อดิจิทัล เพื่อยกระดับ

- คุณภาพชีวิตของประชาชนให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี

- ดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการผลิตและบริการ
- เพิ่มโอกาสได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกที่

- ทุกเวลา ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
- เตรียมความพร้อมให้บุคลากรทุกกลุ่ม ทุกสายอาชีพ และคนพิการ ให้มีความรู้และทักษะที่

- เหมาะสมต่อการดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพในยุคดิจิทัล
- เพิ่มบทบาทสตรีทางการเมืองในระดับท้องถิ่นและระดับชาติอย่างเสรี และเท่าเทียม
- ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว เพราะสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่จะผลิตทรัพยากร

- มนุษย์ที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าต่อไป
- ต่อต้านความรุนแรง และการคุกคามทางเพศทุกประเภท
- ลดอุบัติเหตุบนถนนให้กับเยาวชนและประชาชน

>>>การศึกษา
มัธยมศึกษา : โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์
ปริญญาตรี : คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาโท : Comunication Arts - Computer Graphic Design NEW YORK INSTITUTE OF TECHNOLOGY NEW YORK, U.S.A.

>>>ประวัติการทำงาน พ.ศ. 2543 - ปัจจุบัน
- กรรมการบริหาร : บริษัท กราฟฟิค ซิตี้ จำกัด
- กรรมการบริหาร : บริษัท ยูกิ เคส จำกัด
- อดีตหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ : หนังสือพิมพ์ สู่มาตุภูมิ
- อดีตผู้จัดการฝ่ายบุคคล : สมาคมทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร
- อดีตกรรมการผู้จัดการ : P O 36 ARTS & CRAFTS CO., LTD.

>>>ประวัติการทำงานด้านการเมือง พ.ศ. 2543 - ปัจจุบัน
- อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค) พ.ศ. 25666 - 2567
- อดีตประธานคณะทำงานสื่อสารและประชาสัมพันธ์ (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)
- อดีตคณะทำงานตรวจสอบและแก้ไขปัญหาแก๊ส NGV สำหรับรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะและรถแท็กซี่ (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตกรรมการคณะกรรมการพิจารณาปรับลดราคาและปรับปรุงข้อกำหนดคุณลักษณะน้ำมันเบนซิน (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)
- อดีตกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทน (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 -2567)
- อดีตคณะทำงานและเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตกรรมการคณะกรรมการตรวจสอบการผลิตและการแยกก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย(กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตคณะทำงานและเลขานุการคณะทำงานติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ (กระทรวงพลังงาน พ.ศ.2567)

- อดีตกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณน้ำมันสำรอง(กระทรวงพลังงานพ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการจัดตั้งวิทยาลัยการพลังงานแห่งชาติ (วพช.)(กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตกรรมการคณะกรรมการติดตามการดำเนินการตามประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2567 (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)

- อดีตกรรมการคณะกรรมการโครงการผลิตระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อประชาชน(กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2567)

- อดีตกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการกระทำอันอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการและผู้บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (กระทรวงพลังงาน พ.ศ. 2566 - 2567)
- กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2564-2566
- อดีตประธานคณะทำงาน กำกับ ดูแลเรื่องราวร้องทุกข์ ร้องเรียน และเรื่องขอความช่วยเหลือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2564-2566

- อดีตประธานคณะทำงาน กำกับ ดูแล การสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2564-2566
- อดีตประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการผลิตและพัฒนากำลังคน ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2565-2566
- อดีตประธานคณะกรรมการต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center, MOE) กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2564-2566

- อดีตประธานคณะกรรมการส่งเสริม สนับสนุนกีฬา ESPORTS เพื่อการศึกษา พ.ศ.2565-2566
- อดีตที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง) พ.ศ.2562-2564
- อดีตโฆษกของกรุงเทพมหานคร (พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง) พ.ศ.2562-2564
- อดีตคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2562-2563
- อดีตรองประธานคณะกรรมการประสานงานติดตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง) พ.ศ.2562-2564
- อดีตคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง) ในกิจกรรม 'ผู้ว่าฯ พบประชาชน' พ.ศ. 2562-2564
- อดีตคณะทำงานติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง) พ.ศ.2564

- อดีตคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2563-พ.ศ.2564
- อดีตคณะกรรมการบริหารจัดการพื้นที่คลองช่องนนทรีและบริเวณโดยรอบ กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2564
- อดีตคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2545 (รมว.สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์)
- อดีตคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2548 (รมว.สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์)
- อดีตคณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2551 (รมว.สมชาย วงค์สวัสดิ์)

‘พรรคสามนิ้ว’ มุ่งล้มเจ้า เอาพม่า ขี้ข้าฝรั่ง แต่กินเงินเดือนจากภาษีของ..คนไทย

(1 ต.ค. 67) แล้วก็มาถึงวันนี้จริง ๆ วันที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรม 'กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา' ของพรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการปลุกปั่นเด็ก และหลอกต้มผู้ใหญ่ที่คิดไม่เป็นให้ออกไป 'ชูสามนิ้ว' เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเลว ๆ ของตนเอง จนต้องติดคุกในคดี 112 นับไม่ถ้วน

บางคนก็หนีไปต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย 'โรงเรียนสามกีบ' แล้ว 

แม้กระทั่งคนจากจำนวน '14 ล้าน' ที่เคยสนับสนุน ก็ตื่นจากความผิดพลาดในอดีตกันไม่น้อย ด้วยเคยหลงเชื่อ 'เด็กเมื่อวานซืน' ที่อวดอ้างว่าจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปในทางที่ดี เพราะคือ “คนรุ่นใหม่” แต่สิ่งที่เผยให้เห็นพฤติกรรมมาตลอดก็คือ มุ่งแต่ทำลายสถาบัน คิดแต่ล้มเจ้าล้มแผ่นดิน หวังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ดีลลับกับตะวันตก ไม่มีสักนิดที่จะเผยนโยบายในทางสร้างสรรค์ให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดี 

หนำซ้ำในวันที่หลายจังหวัดกำลังน้ำท่วมใหญ่ คนไทยจำนวนมากไร้ที่อยู่ ไร้อาหาร แต่ 'พรรคส้มสามกีบ' ก็ยังด้อยค่าหน่วยงานที่ออกหน้าเสียสละมาช่วยเหลือเกื้อกูลคนไทยด้วยกัน

เป็นนักการเมืองไทยที่ไร้ความสามารถยังไม่พอ ยังแล้งน้ำใจ ไร้เมตตาธรรม วัน ๆ คิดจ้องแต่จะกัดเซาะดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ไม่เคยมีความคิดหรือสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมให้สังคมไทยเลยแม้แต่น้อย 

ห้วงเวลาที่คนไทยด้วยกันกำลังขาดที่พึ่งพิง แต่กลับมีแนวคิดจะให้สังคมไทยโอบอุ้มคนพม่า ไม่รู้ว่าเอา “นิ้วโป้งเท้า” จากขาเน่า ๆ ที่เอาไว้ราน้ำข้างใดคิด ในหัวจิตหัวใจจึงไร้แนวทาง ที่จะทำให้สังคมไทยดีขึ้นได้เลย ถือเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ต่างจากขยะ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งรายวัน และไร้ประโยชน์ต่อสังคมไทย และโลกใบนี้ 

การได้เกิดเป็นคน ได้มีชีวิต มีหน้าที่การงาน มีเงินเดือนจากภาษีของประชาชน แต่กลับมุ่งทำร้ายสถาบัน และพี่น้องคนไทยด้วยกัน ตามสถิติไม่เคยมีที่ชีวิตจากนี้จะจบสวย อาจจะไม่เชื่อว่าแผ่นดินไทยนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก จึงไม่เคยปล่อยให้ 'ขี้ข้าต่างชาติ' ชูคอผงาดได้โดยไม่ได้รับผลกรรม 

นับเวลาถอยหลังกันได้เลย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top