Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

'หมอวรงค์' ชี้!! 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกฯ 'โอ๊ค' นั่งมท.1 ไม่แปลก!! แต่ไม่สนถูกผิดอีก เสี่ยงไม่มีแผ่นดินอยู่ อย่ามาว่ากัน

28 มี.ค. 65 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ว่า "อย่ามาว่ากันนะ"

อุ๊งอิ๊งเคยออกมาพูดเรื่อง ครอบครัวเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ 14 ล้านเสียง

ล่าสุดหมอชลน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาปั่นกระแส ครอบครัวเพื่อไทย จะได้รับการตอบรับ 10-12 ล้านเสียง

ในทางระบอบประชาธิปไตย ไม่แปลกที่ "อุ๊งอิ๊ง" จะขึ้นมาเป็นนายก หรือจะเอา "โอ๊ค" มาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยด้วยก็ได้

“นายกฯ”กำชับทุกฝ่ายปฏิบัติตามมาตรการ VUCA ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เชื่อ สามารถควบคุมระบาดโควิด-19 ได้ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เน้นแนวทางการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสถานการณ์ช่วงก่อน-ระหว่าง-หลังเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ โดยกำชับทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามมาตรการ VUCA อย่างเข้มงวด ได้แก่ V-วัคซีน ขอให้เข้ารับการฉีดวัคซีนและวัคซีนเข็มกระตุ้น U- ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา  C- COVID Safe Living ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงจัดกิจกรรมเสี่ยง และ A-ตรวจ ATK กรณีที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อ รวมทั้งสถานประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ยังคงใช้มาตรการโควิดฟรีเซตติ้ง และการตรวจ ATK อย่างสม่ำเสมอ 

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ยังเน้นทิศทางการทำงานของรัฐบาล โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมการตรวจหาเชื้อ การฉีดวัคซีน ระบบการดูแลรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ ลดการระบาด ลดจำนวนผู้เสียชีวิต ทั้งนี้หากทุกฝ่ายเข้มแข็งในการปฏิบัติตามมาตรการ ลดความเสี่ยงทุกกิจกรรม อาจทำให้สามารถควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ ให้ต่ำกว่าที่กระทรวงสาธารณสุขประมาณการณ์ได้

“เสกสกล” เห็นด้วย “ซูเปอร์โพล”ปชช.พอใจ 10 มาตรการช่วยเหลือ อย่าฟังฝ่ายค้านโจมตีนายกฯ เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง 10 มาตรการช่วยเหลือประชาชน พบว่าร้อยละ 84.2 พอใจ โดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน ลดภาระค่าไฟฟ้า และประชาชนร้อยละ 59.7   ยังให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานต่อ จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯให้ความสำคัญกับประชาชน  มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง จนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนที่อยากให้นายกฯบริหารงานแก้ไขปัญหาต่อไป

นายเสกสกล กล่าวว่า ตลอดเวลาของการทำหน้าที่ นายกฯและรัฐบาล ได้ทำงานอย่างหนักในการที่จะแก้ไขปัญหาประเทศชาติ และแม้จะเกิดวิกฤตต่างๆ ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลถึงปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนที่กำลังเกิดขึ้น นายกฯ และรัฐบาล ยังช่วยกันคิดเพื่อที่จะหามาตรการต่างๆออกมาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะนายกฯเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง  

'รัฐบาล' ออกมาตรการลดเงินสมทบผู้ประกันตน ให้ 3 เดือน ช่วยนายจ้าง-ลูกจ้าง กว่า 24.2 ล้านคน ฝ่าเศรษฐกิจ ผลกระทบรัสเซีย-ยูเครน เริ่ม พ.ค.- ก.ค. 65

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน – รัสเซีย และได้มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน และสั่งการทุกหน่วยงานประเมิน และออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ดังกล่าว ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้กำหนดมาตรการลดเงินสมทบทั้งในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันทุกมาตรา ม.33, ม. 39 และ ม. 40  เป็นระยะเวลา 3 เดือน 

เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2565 ได้แก่ หนึ่ง ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 ของค่าจ้าง เหลือ ร้อยละ 1 ของค่าจ้าง ยกตัวอย่างหากคิดบนฐานค่าจ้าง 15,000 บาท จากเดิมต้องส่งเงินสมทบ 750 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 150 บาท ทำให้สามารถลดภาระค่าครองชีพ ไปได้ประมาณ 600 บาทต่อคนต่อเดือน

นายธนกร กล่าวว่า สอง ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1.9 ล้านคน จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 9 เหลือร้อยละ 1.9 คือจากเดิมที่ต้องส่งเงินสมทบ 432 บาท จะลดลงเหลือส่งเงินสมทบ 91 บาท หรือลดภาระค่าครองชีพไปได้ประมาณ 341 บาทต่อคนต่อเดือน

'นายกฯ' เตรียม ร่วมประชุมผู้นำบิมสเทค 30 มีค.นี้ - รับมอบตำแหน่งประธานต่อจากศรีลังกา

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (The Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจัดขึ้นโดยศรีลังกา และนายโคฐาภยะ ราชปักษะ ประธานาธิบดีศรีลังกา เป็นผู้กล่าวในช่วงพิธีเปิดการประชุม ในวันที่ 30 มีนาคม 2565 เวลา 09.50 น. ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

นายธนกร กล่าวว่า บิมสเทค (BIMSTEC) เป็นกรอบความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่าง 7 ประเทศในอ่าวเบงกอล ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2540 ภายใต้การริเริ่มและผลักดันของไทย เพื่อสอดรับนโยบายมองตะวันตก (Look West) ของไทย เข้ากับนโยบายมองตะวันออก (Look East) ของกลุ่มประเทศเอเชียใต้ และ Act East ของอินเดีย โดย ไทย เคยเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2557

"อลงกรณ์" วิเคราะห์นิด้าโพลชี้ "พิธา-แพทองธาร" มาแรง ฝ่ายค้านแซงรัฐบาล พอใจผลสำรวจพรรคประชาธิปัตย์-หัวหน้าพรรคมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ยัน ปชป.จะมุ่งมั่นทำงานโดยเฉพาะงานเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศชาติและประชาชน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์แสดงความเห็นวันนี้(27มีนาคม)หลังทราบผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2565โดยศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ว่า พอใจผลการสำรวจความเห็นของประชาชนโดยนิด้าโพลที่ปรากฏผลการสำรวจออกมาว่าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคได้คะแนนนิยมและการสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในไตรมาสก่อนหน้านี้

โดยนายอลงกรณ์ยืนยันว่าปชป.ยุคอุดมการณ์-ทันสมัยทำได้ไวทำได้จริงจะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานโดยเฉพาะงานเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศชาติและประชาชนในช่วงภาวะวิกฤติจากผลงานการส่งออกสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า8ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาด้วยอัตราการเติบโตกว่า17%สูงกว่าเป้าหมาย4เท่าตัวรวมทั้งการประกันรายได้เกษตรกรกว่า7ล้านครัวเรือนที่ได้รับเงินโอนตรงเข้าบัญชีเกษตรกรกว่า3แสนล้านบาทในช่วง3ปีที่ผ่านมา

โดยการบริหารขับเคลื่อนของหัวหน้าพรรคนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรฯ.ภายใต้ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน 3 กลไกการทำงาน "พรรค-สภาฯ.-รัฐบาล"

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังวิเคราะห์ผลสำรวจของนิด้าโพล โดยมีข้อสังเกตดังนี้

1.พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของพรรคที่เป็นรัฐบาลปัจจุบัน
2.หัวหน้าพรรคนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้รับคะแนนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นลำดับที่สองรองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในซีกของแกนนำรัฐบาลผสม
3.พรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นพร้อมกันทั้งพรรคและผู้นำพรรค
4.ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายค้านได้รับความนิยมจากประชาชนมากกว่าผู้นำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล
5. โพลชี้ชัดว่า ยังไม่มีพรรคการเมืองที่ประชาชนสนับสนุนและผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28.86 และร้อยละ27.62 ตามลำดับ แต่ผมมีข้อสังเกตว่าเปอร์เซ็นต์ลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนบ่งชี้ว่าประชาชนเริ่มตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองและผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
6. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) มีคะแนนสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และน.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย)ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมีคะแนนรองจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลและนายกรัฐมนตรี โดยเหตุผลสำคัญคือเป็นคนรุ่นใหม่และสังกัดพรรคที่ประชาชนนิยมในซีกพรรคฝ่ายค้าน 

ปชป.หนุน บัตรเลือกตั้ง 2ใบ เบอร์เดียวกัน เชื่อพรรคการเมืองหาเสียงง่าย ประชาชนจดจำง่าย

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี บัตรเลือกตั้งสองใบควรเป็นเบอร์เดียวกันหรือไม่ว่า จากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งกำหนดให้มี ส.ส.เขต 400 คนและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และได้กำหนดให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบคือใบหนึ่งให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือก ส.ส.ในระบบเขต และอีกหนึ่งใบให้เลือก ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ

โดยหลักการแล้วการกำหนดให้มีหมายเลขของผู้สมัครควรที่จะต้องมีหมายเลขเดียวกันทั้งในระบบเขตและในระบบบัญชีรายชื่อ โดยเจตนารมณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในกรณีที่จะใช้สิทธิ์เลือกตั้งในระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ สามารถจดจำหมายเลขได้ง่าย ไม่สับสน  และจะอำนวยความสะดวกให้กับพรรคการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก็จะจัดการกับกระบวนการเลือกตั้งได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การประชาสัมพันธ์ก็จะสร้างความสัมพันธ์สอดคล้องกันในบรรยากาศของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

“เพื่อไทย” จี้ รัฐบาล เร่งกอบกู้ศรัทธาจากประชาชนในกระบวนการยุติธรรมกลับคืนแนะ “บิ๊กตู่ ” มีอำนาจล้นมือ อย่าดีแต่แต่งตั้งก.ก.ขอให้ชัดเจนในการปฏิรูปตำรวจอย่าให้ ปชช. เสื่อมศรัทธา

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว ระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ว่า ตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียึดอำนาจมาจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกที่พลเอกประยุทธ์ประกาศคือการปฏิรูปตำรวจ โดยมีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ในมาตรา 258 โดยยืนยันว่าจะทำการปฏิรูปประเทศ ทั้ง 7 ด้าน ทั้งด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย โดยระบุเรื่องการปฏิรูปตำรวจไว้เป็นหนึ่งในหัวข้อหลัก รวมทั้งการปฏิรูปด้านการศึกษา การปฏิรูปเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ 

แต่เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา การปฏิรูปด้านต่างๆไม่มีความคืบหน้า มีการแต่งตั้งคณะกรรมการภายในการปฏิรูปจำนวนมาก ตั้งแต่มีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปตำรวจ ไม่ต่ำกว่า 5 คณะ ได้แก่ ชุดที่ 1 คณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในช่วงเดือน ต.ค. 2557  ชุดที่ 2 คณะกรรมาธิการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในปี 2558  ชุดที่ 3 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) 

ในปี 2560 มีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ชุดที่ 4 คณะกรรมการแก้ไขร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในเดือน มี.ค. 2561 มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน และชุดที่ 5.คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในเดือน มี.ค. 2562  (นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน) 

แต่ผ่านมา 4 ปี  11 เดือน 20 วัน มีแต่ความล่าช้า ทำให้เกิดความคลางแคลงและข้อสงสัยว่านายกรัฐมนตรีและทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากมีการระบุอย่างชัดเจนในมาตรา 260 ว่าการปฏิรูปตำรวจต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงแผ่วลงไป ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์มีความมุ่งมั่นแน่วแน่  แต่กลายเป็นว่าภาพที่เห็นในปัจจุบันคือการไม่เร่งรัดให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว  

“ ปัจจุบันร่างพ.ร.บ.ตำรวจ พิจารณาได้เพียง 40 บาทตราจาก 140 มาตราและยังไม่ได้มีการพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อระบบและกระบวนการยุติธรรม หลายครั้งจะเห็นว่าประชาชนตั้งคำถามกับตำรวจว่าได้ทำหน้าที่สุดความสามารถแล้วหรือยัง ทำงานได้คุ้มค่ากับภาษีที่จ่ายไปหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดคดีสำคัญหรือมีผู้เกี่ยวข้องที่มีชื่อเสียงตำรวจได้มีส่วน ในการตรวจสอบทั้งเรื่องของพยานหลักฐานพยานบุคคล ก็ยิ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย 

"บิ๊กป้อม" พลิกโฉมพื้นที่ริมคลอง  สร้างท่าเรือแข็งแรงปลอดภัย เร่งบำบัดน้ำเสีย เพื่อชาว กทม.

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนฟื้นฟู และพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง จากที่ได้นำร่อง  3 คลองหลัก คือ คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร และคลองแสนแสบ สำหรับการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนริมคลอง มีผลงานรวมทั้งโครงการ คิดเป็นร้อยละ 55.6  ส่วนโครงการบ้านมั่นคง ที่คลองลาดพร้าว สามารถดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้วเกินครึ่งกว่าร้อยละ 50.02  คือ 35 ชุมชน 3,536 ครัวเรือน  ส่วนคลองเปรมประชากร ดำเนินการไปแล้วร้อยละ 12 คือ 5 ชุมชน 774 ครัวเรือน ขณะที่คลองแสนแสบ มีแผนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมกว่า 30 โครงการ ทั้งการสร้างท่าเรือที่มั่นคงแข็งแรงเพื่อสร้างความปลอดภัย การจัดการกับตะกอนท้องคลอง จัดเก็บขยะและวัชพืช บำบัดน้ำเสีย และปรับปรุงสภาพแวดล้อมริมคลอง ให้ถูกสุขลักษณะที่ดี

โฆษกรัฐบาลเผย 'นายกฯ' เดินหน้าแก้ไขปัญหา PM 2.5 กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาจนผลกระทบลดลง

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ โดยเน้นย้ำให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั่วทั้งประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีห่วงใยผลกระทบที่อาจส่งผลถึงชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาพของประชาชน ซึ่งเกิดจากปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 และมลพิษทางอากาศ

โดยได้กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ซึ่งจากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่า นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – 23 มีนาคม 2565 ได้มีการตรวจสอบตรวจวัดควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ และปรับปรุงค่ามาตรฐานควันดำโดยเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพการแก้ปัญหา PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ โดยปรับมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 ซึ่งกำหนดค่าความทึบแสงไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 45 และค่ากระดาษกรองไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิมไม่เกิน ร้อยละ 50 หากตรวจพบค่าควันดำเกินกำหนดจะลงโทษเปรียบเทียบปรับสถานหนัก 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถทันที ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายนนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับปัญหามลพิษอากาศจากหมอกควันและไฟป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการ “ชิงเก็บ ลดเผา” ซึ่งในปี 2564 สามารถดำเนินการเก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 2,800 ตัน จากเป้าหมาย 1,000 ตัน ครอบคลุมพื้นที่ 400,000 ไร่ ทำให้จำนวนจุดความร้อนในพื้นที่ลดลงร้อยละ 60 และในปี 2565 มีการดำเนินงานต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถเก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 1,310 ตัน จากเป้าหมาย 3,000 ตัน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ตามเป้าหมาย ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ปรับแนวคิดและระบบในการทำงานแบบใหม่ สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับชุมชน พร้อมทำงานแบบมีส่วนร่วมกับชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top