Monday, 30 June 2025
POLITICS NEWS

'โรม' ฉะ!! รัฐบริหารประเทศแค่อาชีพเสริม อาชีพหลักหาเสียง อาชีพรองดูด ส.ส.

'โรม' ฉะรัฐบาลอาชีพหลักหาเสียง อาชีพรองดูด ส.ส. อาชีพเสริมบริหารประเทศ แนะควรใช้เวลาที่เหลืออยู่บริหารงานให้ดี ยันขอทำหน้าที่ซักฟอกให้ดีที่สุดเหมือนเส้นด้ายที่คม

(18 ม.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคว่ายังคงเน้นการพบปะประชาชน แบบไปเดินตลาด ยังไม่ได้เน้นในเรื่องการเปิดเวทีใหญ่ เนื่องจากเราเห็นว่าการเดินพบปะประชาชนเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่า และได้ความใกล้ชิด แต่อาจจะได้พบคนน้อย ส่วนการขึ้นเวทีจะได้พบปะประชาชนจำนวนมาก ต้องดูว่าสุดท้ายความใกล้ชิดจะเป็นอย่างไร 

อย่างไรก็ตามแคมเปญหาเสียงของพรรค การเดินสายทั่วประเทศแน่นอน เราจะใช้เวลาทั้งหมดในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คือ...

ข้อ 1.งานสภาเราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป เพราะยังมีกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่มีความจำเป็นจะต้องผลักดัน

“บางทีผมรู้สึกว่า ถ้าคุณอยากสัญญากับประชาชนว่าหลังจากนี้จะผลักดันเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่วันนี้เรายังอยู่ในสภายังมีอำนาจอยู่ ฝ่ายค้านอาจไม่เยอะ แต่ก็ทำงานได้ ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดให้ประชาชนเขาเห็นว่า คุณเข้าไป คุณรักษาสัญญา ไม่ตระบัดสัตย์ ซึ่งพรรคก้าวไกลเราทำหน้าที่นั้นและนโยบายที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรค เราพยายามทำให้มันสำเร็จ แน่นอนว่าเราไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด เพราะเรามีเสียงไม่มากอยู่ในสภา แต่เราพยายามทำให้เต็มที่" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ข้อ 2.เรื่องการเลือกตั้งที่เราเคยชนะเลือกตั้ง เราต้องปกป้องให้ได้ ซึ่งเป็นวาระที่เราต้องทำให้บรรลุผล รวมไปถึงเขตอื่น ๆ ที่เราต้องไปบุกเบิก ไปเจอประชาชนให้ได้มากที่สุดแล้วนำเสนอนโยบาย 

และ 3. สิ่งที่ต้องทำต่อคือ นโยบาย สิ่งหนึ่งที่เสียใจมากที่สุดคือวันนี้ การเมืองกลายเป็นเรื่องของการคุยกัน

"ผมขอวิจารณ์รัฐบาลนิดหนึ่งว่า รัฐบาลมี 3 อาชีพ อาชีพหลักตอนนี้คือ หาเสียง อาชีพรองคือดูด ส.ส. และอาชีพเสริมคือ บริหารประเทศ เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะสิ่งที่เราควรทำให้เกิดขึ้นตอนนี้คือการคุยกันในเรื่องของนโยบาย และจะแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร ถ้าคุณยังเป็นรัฐบาลอยู่ ก็ควรใช้เวลาสุดท้ายบริหารให้มันดี ซึ่งคือสิ่งที่ควรจะเป็นแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ตรงกันข้ามหมดเลย จึงเป็นความน่าเสียดาย อยากเชิญชวนทุกคนมาพูดคุยกันทำให้ประชาชนเห็นว่าใน 4 ปี ข้างหน้า โจทย์ของประเทศคืออะไร แล้วเราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร" นายรังสิมันต์กล่าว

‘โรม’ หวั่น ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภาฯ หนีศึกซักฟอก หลังให้เวลาฝ่ายค้านเตรียมตัวมากเป็นพิเศษ

(17 ม.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวยุบสภาก่อนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องแปลกที่การอภิปรายในครั้งนี้ รัฐบาลดูจะให้เวลาฝ่ายค้านได้เตรียมตัวมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในการอภิปรายที่ผ่านมา รัฐบาลจะพยายามทำให้ฝ่ายค้านมีเวลาเตรียมตัวน้อยที่สุด เพื่อที่การอภิปรายจะออกมาไม่มีคุณภาพมาก แต่รอบนี้กลายเป็นว่าฝ่ายค้านมีเวลาถึงเดือนกว่าในการเตรียมตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอาจจะไม่ได้กังวลกับการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้เท่าไรนัก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อาจมองได้ว่าเป็นเพราะรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เพิ่งเปิดตัวเข้าพรรคการเมืองใหม่ กำลังให้ความสนใจกับการสร้างตัวตนทางการเมือง จนไม่ได้สนใจปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของประชาชน ขณะเดียวกันงานในความรับผิดชอบหลายอย่างของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะงานตำรวจก็ทำได้เลวร้ายมาก เห็นได้จากการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับดูจะไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ แต่กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องเดียวเท่านั้น คือจะทำอย่างไรให้ตัวเองสืบทอดอำนาจ จึงไม่แปลกที่จะเกิดข่าวลือขึ้นหนาหูในช่วงนี้ ว่าจะเกิดการยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของฝ่ายค้านหรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลเลือกที่จะยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของฝ่ายค้าน ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยอมรับโดยปริยายว่าข้อกล่าวหาต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องจริง

‘สุชาติ’ โต้ดราม่า ปมตำรวจเข้ามอบพวงมาลัย ซัด เพจไร้ตัวตน ด้อยค่านักการเมือง - ขรก. น้ำดี

‘สุชาติ’ จวก เพจไร้ตัวตน ด้อยค่านักการเมือง-ข้าราชการน้ำดี ซัด อย่าหาเสียงแบบนี้ ปลุก นักการเมืองป้องศักดิ์ศรี ลั่น ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวแต่งตั้งตำรวจ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเพจเฟสบุ๊กนำเสนอภาพข้าราชการ ตำรวจพื้นที่ภูธรภาค 2 นำพวงมาลัยใส่พานมาขอบคุณนักการเมืองจะกระทบภาพลักษณ์ข้าราชการตำรวจหรือไม่ ว่า หลังจากตนเปิดงานวันเด็กที่ศาลากลางจังหวัดชลบุรี และกลับมาที่สำนักงาน มีผู้นำท้องถิ่นมาอวยพรปีใหม่ ซึ่งในวันนั้นเป็นวันหยุดราชการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ก็ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีคนไทย ที่ต้องมาอวยพรและขอพรกัน ความจริงภาพที่เห็นมีข้าราชการจากหลายหน่วยงาน แต่มาประจบเหมาะกับการมีคำสั่งแต่งตั้งออกมาพอดี 

ทั้งนี้ ตนอยากให้สื่อมวลชนอย่านำภาพ ภาพหนึ่ง มาวิสามัญข้าราชการดี ๆ หรือมาตำหนินักการเมือง เมื่อมีรูปตนอยู่ในนั้นก็ต้องมาถามตน แต่ไม่ใช่เอามาคิดเองเออเอง สุดท้ายข้าราชการที่ดี ที่ไปลามาไหว้ หรือทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ที่มาอวยพรและขอพร กลับมีปัญหา โดยภาพที่เห็นก็มาจากหลายที่ แต่อย่าเอาภาพ ๆ เดียว มาวิสามัญข้าราชการดี ๆ หรือมาตำหนินักการเมือง แต่ควรจะมาถามจากตน เพื่อให้ได้ความจริง ไม่ใช่ไปออกสื่อ โดยคิดเอง เออเอง จนทำให้ข้าราชการที่ดีไปลามาไหว้ เขามีปัญหา 

"ผมถามสื่อกลับว่าในช่วงปีใหม่ ข้าราชการต่างๆก็มาอวยพรสื่อใช่หรือไม่ ซึ่งผมเชื่อว่าสื่อมวลชนทุกช่องก็มีข้าราชการ มาอวยพรปีใหม่ มันก็เหมือนกัน หรืออีกหน่อยในอนาคตถ้ามีการเสียชีวิต ก็คงไม่ต้องไปงานกันแล้วใช่หรือไม่ เยาวชนรุ่นใหม่ที่อยากจะมาเป็นนักการเมืองน้ำดี ก็คงไม่อยากเข้ามาในวงการการเมือง เพราะจะถูกวิสามัญทางการเมือง โดยไม่รู้เลยว่านักการเมืองแต่ละคนเป็นอย่างไร ผมบอกส.ส.และนักการเมืองหลายคนว่า เราเป็นสถาบันการเมืองที่ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่กระทบสถาบันการเมือง เราก็ต้องปกป้องตัวเรา อย่าให้เพจ เพจหนึ่งที่ไม่รู้จักตัวตน ไม่เปิดหน้า มาพูดด้อยค่าข้าราชการแบบนี้ ผมเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น ถ้าคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการออกแล้ว ก็รู้ว่าคนไหนจะขึ้น ซึ่งเป็นอำนาจของผบ.ตร. และเกี่ยวข้องกับกฎหมายของตำรวจ เราไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ทุกคนที่มาหาผมในวันนั้น รวมผู้นำท้องถิ่นเป็นพันคน ผมจึงให้เกียรติเข้ามาที่สำนักงาน เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนที่อยู่หน้าสำนักงานถ่ายภาพ ผมจึงไม่เข้าใจว่าภาพที่หลุดไป ในรูปนั้นไม่ได้มีข้าราชการตำรวจอย่างเดียวแต่มีผู้ใหญ่ฝ่ายตุลาการ ซึ่งเป็นคนรู้จักผม เราเป็นนักการเมือง เราเป็นรัฐมนตรีทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เป็นพ่อค้า หรือเป็นคนที่อยู่ในข่าวประเภททำผิดกฎหมาย อาจจะเป็นภาพที่ถ่ายกันเองซึ่งไม่ควรนำมาด้อยค่าข้าราชการที่ดี แล้วต่อไปข้าราชการดี ๆ จะกล้าเข้ามาอวยพรสื่อมวลชนหรือไม่ ตกลงแล้วรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์รับแขกใช่หรือไม่ และรับคนที่จะมาอวยพรปีใหม่ใช่หรือไม่ เราต้องมองเป็นกลาง" นายสุชาติ กล่าว

'ชาวพะเยา' ปลื้ม!! 'บิ๊กป้อม' ช่วยคนจนมีที่ทำกิน ยกย่องภาวะผู้นำ เหมาะนั่งนายกฯ คนต่อไป

จ.พะเยา คึกคัก ชาวบ้านแห่รับ 'ลุงป้อม' ช่วยคนจนให้มีที่ทำกิน ฟื้นฟูกว๊านพะเยา ยกย่องมีภาวะผู้นำ ทำงานหนัก ทุ่มเท รวดเร็ว ถูกใจชาวบ้าน เหมาะเป็นนายก คนต่อไป

(16 ม.ค. 66)  พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.ลำปาง) โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่จ.พะเยา เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รวมทั้งการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร จ.พะเยา โดยมี ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผวจ. ให้การต้อนรับ

เมื่อ พล.อ.ประวิตร และคณะเดินทางถึง บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมือง จ.พะเยา มีประชาชนมาร่วมต้อนรับเป็นจำนวนมาก ต่อจากนั้นได้เข้าประชุมหารือกับ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามผลการดำเนินงาน ตามนโยบายของรัฐบาล และการบริหารจัดการน้ำ ของจังหวัด และการพัฒนา ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำกว๊านพะเยา จากนั้นได้เป็นประธานพิธีมอบเอกสาร โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ

'นิพนธ์' ระดมสมองผู้สมัครประชาธิปัตย์ ชายแดนใต้ ชู นโยบาย 'สันติภาพสู่สันติสุข' สอดรับ คำประกาศ '3 ส. สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ' พร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางอาหาร สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประชุม ชู 8 นโยบาย ด้านการเกษตร สู้ศึกเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำสันติภาพสู่สันติสุข โดยมีผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดสตูล และสงขลาบางส่วน ร่วมประชุมรับทราบนโยบายดังกล่าว ณ ห้องประขุมย่อย บ้านพักเขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา

โดยนายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออก 3  ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้คือ การสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ  โดยเฉพาะนโยบายในการนำมาใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นคือ การสร้างเงิน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นหลายนโยบาย โดยเฉพาะเน้นในเรื่องของนโยบายประกันรายได้คน และประกันรายได้ให้กับประเทศ 

ซึ่งในส่วนของการประกันรายได้ มุ่งเน้นในเรื่องของการเกษตร การประกันรายได้เงินส่วนต่าง ในเรื่องของ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์ม ยังคงนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการให้เงินส่วนต่าง และนโยบายช่วยเหลือชาวนา 30,000 บาทต่อครัวเรือน แม้แต่ปลูกข้าวกินก็ยังได้ส่วนต่าง สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียน นโยบายการจัดตั้งธนาคารหมู่บ้าน-ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงภายใน 4 ปี ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน การให้เงินทุนสำรองประมงท้องถิ่น 100,000 บาททุกปี ทุกกลุ่มที่ขึ้นทะเบียน การออกเอกสารสิทธิทำกินในที่ดิน ให้ผู้ที่ทำกินในที่ดินของรัฐ และการปลดล๊อกประมงพาณิชย์ ภายใต้ luu นี่คือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายในเรื่องของการสร้างเงิน 8 นโยบาย และอีก 5 ฟรี คือเรียนฟรี อาหารกลางวันฟรี นมโรงเรียนฟรี และหญิงตั้งครรภ์รับทันที 600 บาท ต่อเดือน จนคลอด ฟรี

ในวันนี้เราได้เน้นในเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ความมั่นคงทางด้านอาหาร ซึ่งเราต้องเดินหน้าต่อ พร้อมกับการขยายการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งจังหวัดชายแดนใต้ต้องยุติความขัดแย้ง  การสูญเสียชีวิตมันต้องยุติได้แล้ว และเราอยากเห็นจังหวัดชายแดนใต้สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน

สำหรับนโยบายสร้างเงิน 8 นโยบายที่พรรคได้ประกาศ นี่เฉพาะกลุ่มแรกหลังจากที่พรรคประกาศยุทธศาสตร์ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ซึ่งงวดแรกที่ได้กล่าวไปแล้วนั่นคือเรื่องของการสร้างเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในภาคเกษตรเป็นหลัก และจะมีภาคธุรกิจอื่นตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจทันสมัย เรื่องของนวัตกรรม เรื่องของ SME และเรื่องอื่นๆ ที่จะทยอยประกาศตามมา เพื่อสร้างรายได้ในส่วนนั้น และในเรื่องของการสร้างคนซึ่งจะเป็นตัวตนของประชาธิปัตย์ รวมถึงเรื่องของสาธารณสุข รวมถึงในเรื่องของsold power และสุดท้ายในเรื่องของการสร้างชาติ นั่นคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รวมถึงในเรื่องของการกระจายอำนาจ ซึ่งสุดท้ายนโยบายชายแดนภาคใต้ซึ่งได้ขอความเห็นจากผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งเราเคยมีนโยบาย ใต้สันติสุข แต่วันนี้เราจะไม่เอาเพียงใต้สันติสุข แต่จะเป็นนโยบายใต้ชายแดน 'สันติภาพสู่สันติสุข' เพราะการยุติความขัดแย้งนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งเราจะไม่มีวันจบในเรื่องของการใช้อาวุธเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้ง แต่จะจบด้วยการพูดคุยกัน เราใช้งบประมาณ กว่า 4.9 แสนล้าน ในเวลา19 ปี ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงต้องพูดคุยกัน ทุกฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง

‘บิ๊กป้อม’ ยิ้มแป้น ลงพื้นที่ตรวจราชการลำปาง หลัง ‘ธรรมนัส’ ยกขบวนผู้สมัคร ส.ส. ต้อนรับ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ (16 ม.ค. 66)ที่ท่าอากาศยานลำปาง  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางถึงจ.ลำปาง เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย พร้อมน.ส.ธนพร ศรีวิลาศ สวมชุดพื้นเมือง นำว่าที่ผู้สมัคร สส.พปชร.จ.ลำปาง พรรคพปชร.นางระพีพรรณ โพธิ์ทอง เขต1 นายจินดา วงศ์สวัสดิ์ เขต2นายดาชัย เอกปฐพี 3 และนายสมเกียรติ ตันตระกูล เขต 4 รอต้อนรับ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ บางส่วน นำมาลัยดาวเรืองมามอบต้อนรับ โดยพล.อ.ประวิตร มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี โดยการลงพื้นที่มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพปชร. รวมถึงนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพปชร.ร่วมคณะ

‘ก้าวไกล’ ชูนโยบาย “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” พร้อมเดินหน้าแก้หนี้ครู - เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่

‘ก้าวไกล’ ประกาศนโยบาย “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” ยกเลิกครูนอนเวร ลดงานธุรการเอกสาร เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ ชวนเปลี่ยนวิธีปฏิรูปการศึกษา เลิกคิดจากหอคอยงาช้าง มาแก้ปัญหาที่ครู-นักเรียนเจอในชีวิตประจำวัน

(16 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกล โดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยนโยบายของพรรคก้าวไกล ได้ประกาศนโยบายเนื่องในโอกาสวันครูแห่งชาติ “ลดงานครู คืนครูให้นักเรียน” เพื่อแก้ปัญหาภาระงานเอกสารและงานอื่น ๆ ที่ดึงครูออกจากห้องเรียน

พิธา กล่าวว่า มีงานวิจัยของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ได้ทำการศึกษาเอาไว้ว่าใน 1 ปี มีวันเปิดเรียน 200 วัน แต่ครูต้องใช้เวลา 84 วัน หรือ 42% ไปกับงานนอกห้องเรียน ปัญหาเรื่อง งานที่ดึงครูออกจากห้องเรียนถูกพูดถึงกันมานาน คำถามคือทำไมเรื่องนี้ถึงยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก้าวไกลจึงได้ตั้งโจทย์การทำนโยบายใหม่ ด้วยการที่ทีมนโยบายเราลงไปเก็บข้อมูลจากครูที่อยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร คือครูผู้ช่วยบรรจุใหม่ ที่เงินเดือนน้อยที่สุด แต่ต้องรับภาระงานแทบจะมากที่สุดในโรงเรียน

ปัญหาที่คุณครูเล่าให้เราฟัง หลายเรื่องนักปฏิรูป หรือผู้บริหารจากส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาคอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็ก อย่างการจัดผ้า จับจีบ สร้างพิธีกรรมต้อนรับผู้บริหารกระทรวง หรือการเข้าเวรอยู่โรงเรียนในยามวิกาล แต่สำหรับครูระดับล่างสุดที่เป็นผู้ปฏิบัติงานที่ต้องรับผิดชอบห้องเรียน สิ่งเหล่านี้กินพลังงานและชั่วโมงการทำงานมหาศาล จนส่งผลกระทบกับการจัดการเรียนการสอน

“นี่จึงเป็นที่มาของการทำข้อเสนอ 10 ข้อ ที่ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราสามารถแก้ได้ทันที คือ 1) ยกเลิกให้ครูเข้าเวร ทันที! 2) ยกเลิกพิธีการ จัดจีบ จัดผ้า จัดโต๊ะ ตั้งบอร์ด ในการประเมินผล ทันที! 3) ห้าม ผอ. ใช้ครูทำผลงาน ให้ครูประเมินผล ผอ. 360 องศา 4) ลดงานธุรการครู เพิ่มงานบริหารให้ผู้บริหาร 5) ระบบกรอกต่าง ๆ ต้องไม่ล่ม จบในระบบเดียว 6) ยกเลิกการเขียนรายงานเมื่อไปอบรมหรือปฏิบัติราชการ 7) เลิกการส่งครูไปอบรม! เปลี่ยนเป็นให้เงิน เพื่อให้ครูเลือกไปเรียนรู้แทน  8) ห้าม! สพฐ. จัดอบรมในวันที่มีการเรียนการสอน 9) ระบบรับเรื่องร้องเรียนตรงถึงรัฐมนตรี 10) เพิ่มค่าตอบแทนครูบรรจุใหม่ให้มากกว่า 20,000+ บาท/เดือน"

'ซูเปอร์โพล' เผยผลสำรวจ 'ผู้แทนราษฎรกับความหวังใหม่' ชี้!! ประชาชนยังมีหวัง ผู้แทนฯ ใหม่ทำหน้าที่ที่ดีในสภาฯ

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค. 66) ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ผู้แทนราษฎร กับ ความหวังใหม่ กรณีศึกษากลุ่มตัวอย่าง 1,137 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 12 - 13 มกราคม 2566

เมื่อถามถึง ความเข้าใจของประชาชนต่อ หน้าที่ของ ผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พบว่า ร้อยละ 51.0 ระบุผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. มีหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ร้อยละ 44.9 ระบุ เห็นชอบกฎหมาย

ร้อยละ 32.7 ระบุ พิจารณากฎหมาย

ร้อยละ 30.3 ระบุ พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี

ร้อยละ 28.7 ระบุ เสนอกฎหมาย

ร้อยละ 23.7 ระบุ ช่วยเหลือ งานศพ งานบวช พบปะประชาชน ในงานต่าง ๆ

ร้อยละ 21.6 ระบุ ตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ

ร้อยละ 14.8 ระบุ เห็นชอบ แต่งตั้งบุคคลนายกรัฐมนตรี

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่าที่น่าพิจารณาคือประชาชนเข้าใจว่า หน้าที่ของผู้แทนราษฎรคือช่วยเหลืองานศพ งานบวช พบปะประชาชนในงานต่าง ๆ มีสัดส่วนมากกว่าหน้าที่ในการเห็นชอบตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นที่ควรมีการพิจารณาเสริมสร้างความเข้าใจของประชาชนให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น

ส่วนในประเด็นต้นตอความเสื่อมศรัทธาของประชาชน ต่อสภาผู้แทนราษฎร 

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.8 ระบุ ความเสื่อมของ ส.ส. หรือผู้แทนราษฎร คือ สภาล่มซ้ำซาก แจกกล้วย พฤติกรรมไม่เหมาะสม ดูหนังโป๊ในสภา เสียบบัตรแทนกัน

ร้อยละ 91.9 ระบุ รัฐสภาไม่เป็นต้นแบบของความรักความสามัคคีของคนในชาติ แบ่งขั้ว แบ่งข้างมุ่งแต่หาผลประโยชน์

ร้อยละ 91.0 ระบุ ผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ต้นตอทุจริต แสวงหาผลประโยชน์ จากการประมูลโครงการต่าง ๆ

ร้อยละ 90.5 ระบุ ความเป็น ส.ส. หรือ ผู้แทนราษฎร เป็น สมบัติประจำตระกูลสืบทอดต่อ ๆ กันได้

ผู้แทนราษฎรที่ประชาชนคาดหวังทำหน้าที่ ส.ส.ที่ดีในสภาผู้แทนราษฎร พบว่า

ร้อยละ 54.9 ระบุ นาย เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล, นาย ธนกร วังบุญคงชนะ, นางวลัยพร รัตนเศรษฐ จากพรรคพลังประชารัฐ

ร้อยละ 54.0 ระบุ นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์, นายอิสรพงษ์ มากอำไพ, น.ต.สุธรรม ระหงษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

‘อิ๊งค์’ ลั่นพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ พท. รับคุย ‘เศรษฐา’ ปรึกษาวางนโยบาย แย้มอาจร่วมลงพื้นที่ด้วยกันเพราะเป็นสมาชิกพรรคแล้ว

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า เราเตรียมวางแผนเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ ตอนนี้ก็มีหลายกระแสทั้งการยุบสภา ควบรวมพรรคและดูดส.ส. แต่เราก็ยังไม่ได้กำหนดวันที่ที่ชัดเจน 

เมื่อถามถึงความชัดเจนในตัวของนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อพรรค พท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้นายเศรษฐาก็เป็นสมาชิกพรรค พท. ถ้าจะมาช่วยหาเสียงก็ถูกต้องตามกฎหมาย แต่วันนี้นายเศรษฐาไม่ได้แพลนร่วมลงพื้นที่ด้วยกัน 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้มีโอกาสที่นายเศรษฐา จะร่วมลงพื้นที่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มีโอกาสแน่นอน ทุกคนที่เป็นสมาชิกพรรค พท.สามารถมาช่วยหาเสียงได้ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งพรรค พท. แอบขอคำปรึกษานายเศรษฐาอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว ทั้งเรื่องของนโยบายและเศรษฐกิจ เพราะนายเศรษฐา เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และยังปรึกษานักวิชาการ รวมทั้งคนที่มีความรู้ต่างๆ มากมาย เพื่อทำนโยบายของพรรค พท.ให้ตอบโจทย์พี่น้องประชาชน

'กรณ์' ไอเดียบรรเจิด ล้อใบปลิวเงินกู้นอกระบบ ประกบนโยบาย "ยกเลิกแบล็กลิสต์" สื่อถึงดอกเบี้ยมหาโหด สร้างความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก เตรียมแถลงข่าวพร้อมคนติดแบล็กลิสต์ จันทร์ 16 ม.ค.นี้ ที่ทำการพรรคชาติพฒนากล้า ถ.รัชดาภิเษก

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคชาติพัฒนากล้า ปล่อยนโยบายเศรษฐกิจชุดแรกออกมา โดยการเสนอยกเลิกแบล็กลิสต์ และให้ปล่อยกู้ด้วยเครดิตสกอร์แทน ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุด ได้ออกไอเดียใช้ใบปลิวเงินกู้นอกระบบ แจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อสื่อให้เห็นถึงดอกเบี้ยมหาโหด และแนวทางที่ประชาชนจะเข้าสู่ระบบเงินกู้ในระบบได้ รัฐบาลต้องยกเลิกระบบสินเชื่อโดยใช้เกณฑ์แบล็กลิสต์บูโร และใช้ระบบเครดิตสกอร์จากดาต้าแทน 

โดยด้านหน้าของใบปลิว จะเป็นข้อความที่เห็นจนชิน คือ เงินกู้ด่วน แต่เพิ่มเนื้อหา สำหรับคนติดแบล็กลิสต์ ส่วนด้านหลังเป็นรายละเอียดนโยบายว่า มีคนไทยติดแบล็กลิสต์กว่า 5.5 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิดมีคนติดเพิ่มขึ้นหลายล้าน บางคนติดเพราะส่งค่างวดช้าไปไม่กี่วัน บางคนใช้หนี้หมดแล้วแต่ก็ยังติดอยู่ ทำให้กู้ในระบบไม่ได้ เพื่อนำเงินมาหมุนหรือต่อยอดในการทำธุรกิจ สร้างความเดือดร้อนให้คนเป็นจำนวนมาก เพราะการกู้นอกระบบอย่างที่รู้กันว่าเจอดอกเบี้ยโหดแค่ไหน เงินที่จ่ายเป็นดอกเบี้ยทั้งนั้น ยากที่จะลดต้นได้ 

พรรคชาติพัฒนากล้า จึงเสนอนโยบาย ยกเลิกแบล็กลิสต์แล้วใช้ระบบ Credit Score แทน ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ข้อมูลในการชำระหนี้ประจำวันต่างๆ มาเป็นเกณฑ์ตัดสิน เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ ใครมีประวัติดีก็ได้เครดิตดี สามารถกู้ได้มาก ใครเครดิตไม่ดีก็กู้ได้น้อย ซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัยและตอบโจทย์มากกว่าการติดแบล็กลิสต์ ซึ่งใครที่ติดแล้วเหมือนตกเหว ยากที่จะขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top