Sunday, 29 June 2025
POLITICS NEWS

‘ณัฐวุฒิ’ แซะ ‘บิ๊กป้อม’ อย่างเดียวที่ไม่ปาดหน้า ตอบข้อซักฟอกของฝ่ายค้าน เพื่อช่วย ‘บิ๊กตู่’

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนก.พ. ครอบครัวเพื่อไทยเตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคและตน โดยแต่ละเวทีจะมีการสับเปลี่ยนผู้ปราศรัยตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ เริ่มเวทีแรกในวันที่ 27 ม.ค. ลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามกีฬากลาง จ.เลย ในเวลา 13.30-15.00 น. ตามด้วยเวทีที่ลานตลาดนัดเก้าค่ำ ต.กุดดินจี่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู วันที่ 28 ม.ค.เปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคายในเวลา 09.00 น. จากนั้นจะไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย 

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า วันที่ 29 ม.ค. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เริ่มเวลา 17.30 น. โดยก่อนหน้านั้นจะลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ จ.จันทบุรี ด้วย โดยทั้ง 3 วันนี้จะเป็นการคิกออฟเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรค พร้อมรณรงค์เป้าหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น เราจะเดินหน้าในพื้นที่จังหวัดที่อยู่ห่างไกลกรุงเทพฯ ที่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบิน เดินทางถี่ได้ และเพื่อให้เหมาะสมกับน.ส.แพทองธารที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เป็นอุปสรรค และแสดงความพร้อมตลอดเวลาในการลงพื้นที่ การเสวนารวมทั้งการขึ้นเวทีปราศรัย 

ทั้งนี้ บุคลากรของพรรคเพื่อไทยทุกองคาพยพกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อเตรียมลงพื้นที่พบปะประชาชนและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในเดือนก.พ.ซึ่งขึ้นอยู่กับการประกาศยุบสภา หากประกาศยุบสภาภายในเดือนก.พ. จะมีการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยอาจจะมีการประกาศนโยบายในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แต่หากไม่มีการยุบสภา โปรแกรมการลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ทุกอย่างจะเดินหน้าตามแนวทางที่กำหนดไว้ และในเดือนมี.ค.จะเดินหน้านำเสนอนโยบายและแนวทางของพรรคต่อประชาชน มุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องประสบกับวิกฤตปัญหาปากท้องซึ่งเป็นวิกฤตอันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยซึ่งมีจุดแข็งด้านนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงกับสถานการณ์ และความต้องการของพี่น้องประชาชน สามารถปฏิบัติได้จริง และเป็นสิ่งที่ทำมาตลอดระยะเวลา 20 ปี

‘เพื่อไทย’ รับหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน เสนอ นศ.เรียนพร้อมฝึกงาน ลดรายจ่ายผู้ปกครอง

(24 ม.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส. กทม. ประกอบด้วย น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เขตยานนาวา-บางคอแหลม นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร เขตธนบุรี และนายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง รับมอบหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน สำนักความคิด (ประเทศไทย) เครือข่ายลมใหม่ นำโดยนายพิษณุวัฒน์ สิงห์ชัย ประธานเครือข่าย เสนอนโยบายด้านอาชีพเพื่อสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ 

นายพิษณุวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังที่พรรคพท.ได้เปิดนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินตอบแทนปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาทต่อเดือน ทางกลุ่มภาคประชาชนที่ประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษาสายอาชีพ เล็งเห็นว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นพรรคที่ทำตามนโยบายได้จริง จึงได้รวบรวมคิดเป็นนโยบายมานำเสนอ ตั้งแต่นโยบายสายอาชีพมีรายได้ คือการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนรับนักศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส.เข้าฝึกงานจริงตามสายอาชีพ ให้เรียนไปทำงานไปมีรายได้ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป การสนับสนุนสวัสดิการคนวัยเริ่มงาน ด้วยการอุดหนุนค่าอินเทอร์เน็ต รถเมล์ฟรี นอกจากนี้กลุ่มนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่ผู้สูงอายุ ควรได้โอกาสเข้าอบรมฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ฟรีในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ อีกด้วย

ก้าวหน้า-ก้าวไกล ผนึกกำลัง เรียกร้องสิทธิประกันตัว ย้ำจุดยืน หยุดใช้กฎหมายปิดปากผู้เห็นต่าง

ก้าวหน้า-ก้าวไกล ผนึกกำลัง 'ยืนหยุดขัง' เรียกร้องสิทธิประกันตัว หยุดใช้กฎหมายปิดปากผู้เห็นต่าง ‘พิธา’ ย้ำข้อเสนอก้าวไกลแก้ไข ม.112 ชี้ ถ้าไม่ปฏิรูประบบยุติธรรม สังคมไทยอาจถึงทางตัน ด้าน ‘ธนาธร’ ขอสภาทำหน้าที่นำการพูดคุยปัญหา 112 อย่างมีวุฒิภาวะ เป็นทางออกให้สังคมไทย

เมื่อวันที่ (23 ม.ค. 66) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แกนนำพรรคก้าวไกล และ คณะก้าวหน้า ประกอบด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรม 'ยืนหยุดขัง' ร่วมกับภาคประชาชนหลายเครือข่ายที่มาร่วมกันรณรงค์เรียกร้องการปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด หลังจาก 'ตะวัน' ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ 'แบม' อรวรรณ ภู่พงศ์ นักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ต้องหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ประกาศถอนประกันตนเอง อดอาหารและน้ำประท้วงกระบวนการยุติธรรม จากกรณีที่ปัจจุบันมีนักโทษการเมืองหลายคนถูกปฏิเสธสิทธิการประกันตัวอย่างไม่เป็นธรรม

พิธา ระบุว่า วันนี้ตนมาร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังด้วยความห่วงใย ต่อทั้งตะวัน-แบม และนักโทษทางการเมืองทุกคน ทั้งในฐานะนายประกันของตะวัน และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และเพื่อมาแสดงความเคารพด้วยจิตคารวะต่อนักเคลื่อนไหวที่ถูกจองจำทุกคน และเพื่อยืนหยัดกับทุกคนว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง สิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งตะวัน-แบม และนักโทษการเมืองทุกคนวันนี้ คือข้อเท็จจริงที่ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยมีปัญหาบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีปัญหาทั้งเรื่องการบังคับใช้ อัตราโทษที่ไม่ได้สัดส่วน และการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องทำให้กระบวนการที่บิดเบี้ยวมาตั้งแต่ทางนี้ ดีขึ้น

“ทางออกที่ดีที่สุด ควรต้องใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นพื้นที่ให้ทุกฝ่ายมาหาทางออกร่วมกัน ต่อประเด็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นคุณระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้นำเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พร้อมกับกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพอื่น ๆ ไปตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา แต่สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันก็ปฏิเสธไม่ตอบรับ แต่อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้เกิดการแก้ไขกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวเช่นนี้ให้ได้” พิธากล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ คือการเรียกร้องต้องให้สิทธิการประกันตัวแก่นักโทษการเมืองทุกคน ยุติการใช้กฎหมายปิดปากผู้เห็นต่างในทันที และในอนาคตอันใกล้นี้ จะต้องมีการพิจารณาข้อเสนอนิรโทษกรรมคดีการเมืองทั้งหมด โดยการเดินตามขั้นตอนเหล่านี้เท่านั้น จึงจะนำไปสู่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสังคมไทย ส่วนปัญหาเรื่องมาตรา 112 นั้น พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไข ในฐานะข้อเสนอขั้นต่ำที่เราเห็นว่ายังสามารถเป็นหนทางให้ผู้เห็นต่างในสังคมไทยมาพูดคุยกันได้ และแม้ข้อเสนอดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ทันได้ถูกนำมาพิจารณาในสภาชุดปัจจุบัน แต่พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะเสนอและผลักดันร่างดังกล่าวต่อในสภาชุดต่อไปที่จะมีขึ้นหลังการเลือกตั้ง

พิธายังระบุด้วยว่า หากสภาผู้แทนราษฎรไม่ตอบรับข้อเสนอเรื่องการแก้ไขนี้ในอนาคต ตลอดจนการพูดคุยเพื่อหาทางออกกันอย่างมีวุฒิภาวะ ก็เป็นที่น่ากังวลเหลือเกินว่าทางเลือกของสังคมไทยจะถูกบีบให้เหลือน้อยลง

“สภาควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันได้อย่างมีวุฒิภาวะ โดยไม่มีใครต้องเสียสละเลือดเนื้อเพื่อเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน ใช้โอกาสนี้พูดถึงการปฏิรูประบบยุติธรรมทั้งหมด เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้สังคมไทยก็อาจจะไปถึงทางตัน ถ้าสภาไม่ทำหน้าที่ ผมก็กังวลเหลือเกินว่าจะเหลือทางเลือกอื่นให้กับสังคมไทยอีกหรือไม่” พิธากล่าว

‘ชัยวุฒิ’ รุด ‘สมุย’ ตรวจสถานีพยากรณ์อากาศ พบเสียหายนับ 10 ปี และฝืนตั้งสถานีบนที่ราบ

‘ชัยวุฒิ’ ลงพื้นที่สมุย ตรวจ สถานีเรดาร์ พยากรณ์อากาศ หลังชาวบ้านร้องเรียน เสียนานนับ 10 ปี พบพิรุธ ฝืนตั้งสถานีบนที่ราบทั้งที่รู้ว่าใช้งานไม่ได้ ส่อทุจริต เร่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 

(23 ม.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะลงพื้นที่เกาะสมุย ตรวจสถานีเรดาร์ ตรวจอากาศ หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนว่าไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจากเรดาร์เป็นหัวใจสำคัญของการตรวจสอบ เมฆฝน พายุ จึงปัจจัยสำคัญในการพยากรณ์อากาศ และแจ้งเตือนประชาชน โดยสถานีแห่งนี้ ก่อสร้าง และ ติดตั้งอุปกรณ์ ตั้งแต่ปี 2553 และ ระหว่างใช้งานก็เสียหายต่อเนื่อง จนกระทั้ง ปี 2556 ต้องหยุดใช้งาน เพราะหมดอายุประกัน ทำให้ไม่มีเรดาร์บนเกาะสมุยตรวจอากาศในอ่าวไทยจนถึงปัจจุบัน และการลงพื้นที่ครั้งนี้จะก็หาแนวทางแก้ไข 

นายชัยวุฒิ ยอมรับว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ไม่เคยได้รับรายงานเรื่องนี้ จนกระทั่งมาตรวจสอบงบประมาณการจัดซื้อเรดาร์ ถึงพบปัญหา จึงให้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีที่ไหนเสียหายอีกบ้างเพื่อแก้ไข

‘รัมภามาศ’ แจง ไม่เคยร่วมชุมนุม กปปส. ชี้ ชื่นชอบ ‘ทักษิณ’ ยก ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นไอดอล

(23 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยน.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 เพื่อไทย ร่วมแถลงจุดยืนทางการเมือง 

น.ส.รัมภามาศ กล่าวว่า ขอยืนยันในจุดยืนทางการเมืองของตนเองว่าเชื่อมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ชื่นชอบในนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนและยืนข้างประชาชนอย่างแท้จริง ชื่นชอบการทำงานของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่สามารถผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้ดีขึ้น ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มีความกินดีอยู่ดีมากยิ่งขึ้น ยิ่งในขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ อย่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นไอดอลของตนด้วย ทำให้หลงรักพรรคเพื่อไทยด้วยความจริงใจ และฝากชีวิตทางการเมืองไว้ที่พรรคเพื่อไทย

ก้าวไกล เปิดแชตลับ สองแถวเสม็ดจ่ายส่วยคันละ 16,000 ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระยอง ก้าวไกล เปิดหลักฐานแชตไลน์ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด ยืนยัน ‘ส่วยเกาะเสม็ด’ รถสองแถวมีอยู่จริง ชี้ต้องจ่ายถึงคันละ 16,000 บาท เข้ากระเป๋าใคร ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่ เผยเตรียมหอบหลักฐานส่งพรรคก้าวไกล ใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบต่อ 

(23 ม.ค.66) กฤช ศิลปชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีข้อสงสัยว่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด อาจเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างในจังหวัดระยอง แลกกับการอนุญาตให้สามารถวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด ว่าจากที่ตนและทีมงานได้ไปติดตามหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดถึงคันละ 16,000 บาท เป็นจำนวนกว่า 60 คัน คิดเป็นเงินรวมกันกว่า 9 แสนบาท สามารถยืนยันได้ว่ามีการเรียกรับเงินในจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยมีหลักฐานเป็นข้อความพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของกลุ่มชมรมรถแท็กซี่เกาะเสม็ด ซึ่งหนึ่งในสมาชิกกลุ่มได้โพสต์ข้อความ ว่าให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสินสาขาเพ ที่เปิดร่วมกันโดยบุคคลสองคน ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 แล้วจึงแจ้งสลิปพร้อมหมายเลขรถให้ทราบหลังโอนเงินเสร็จ

กฤช กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นจึงมีการโอนเงินพร้อมแจ้งสลิปจากผู้ประกอบการรถทุกคันเข้าไปยังบัญชีดังกล่าว เป็นจำนวนรายละ 11,000 บาท ซึ่งจะนำไปรวมกับเงินกองทุนที่สมาชิกจ่ายสมทบกันไว้ มาสมทบออกให้อีกคันละ 5,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินที่ต้องจ่ายคันละ 16,000 บาท ตรงตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากโอนเงินแล้ว ผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างแต่ละคันก็จะได้รับสติ๊กเกอร์แผ่นหนึ่ง ระบุข้อความว่า...

‘ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด อนุญาตนำเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด’ พร้อมหมายเลขรถ ซึ่งรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดจะมีสติ๊กเกอร์ดังกล่าวแปะอยู่ทุกคัน และยังมีการส่งข้อความเป็นภาพเงินสดจำนวนมากที่ถูกถอนออกมาจากธนาคาร เตรียมใส่ในซองเอกสารสีน้ำตาล เพื่อจะนำไปส่งมอบให้กับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งกรณีนี้เป็นที่น่าสังเกต ว่าการส่งข้อความนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้เคียงกับก่อนที่จะมีการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมของกลางเป็นเงินสดใส่ซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน สังเกตได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับภาพซองใส่เงินที่ปรากฎในไลน์กลุ่มรถโดยสารเกาะเสม็ดดังกล่าวมาก จนตนอดสงสัยไม่ได้ว่ากรณีของส่วยเกาะเสม็ดมีความเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ด้วยหรือไม่

‘เพื่อไทย’ เตรียมจัดหนัก ‘บิ๊กตู่’ ในศึกอภิปราย แซะ!! ช่วยตอบให้ตรงคำถาม อย่าก้มอ่านแต่โพย

(23 ม.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การอภิปรายตามมาตรา 152 ที่จะเกิดขึ้น ในส่วนประเด็นของพรรคเพื่อไทยที่จะอภิปราย สรุปแล้วว่าพรรคจะเน้นในเรื่องใดบ้าง รวมทั้งขุนพลที่จะมาอภิปราย อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตอบให้ตรงคำถาม อย่าอ่านแต่โพยที่ข้าราชการชงมาให้ ทั้งนี้การอภิปรายจะสะท้อนความล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ว่าตลอด 8 ปีไม่สามารถทำตาม นโยบายที่แถลงไว้กับสภา และจงใจที่จะไม่ดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ รัฐบาลผลาญงบประมาณมหาศาล แต่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน เงินงบประมาณไปตกอยู่กับคนกลุ่มไหนแล้วใครได้ประโยชน์บ้าง 

นอกจากนี้จะชี้ให้เห็นถึงการทุจริตที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายชี้ให้เห็นถึงการทุจริตในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ให้ประชาชนทราบแล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบเพื่อหาคนผิด ในทางกลับกันพล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้ขบวนการทุจริตขยายใหญ่โตกระทบกับโครงการที่จะไปดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน  


 

'เพื่อไทย' ชี้!! 'บิ๊กตู่' มากับรถถังแต่อาจพังเพราะคนกันเอง แถมอาจโดนเปิดศึกอภิปรายจาก พปชร. ในอนาคต

‘อนุสรณ์’ แซะ!! มากับรถถังแต่จะพังเพราะพวกเดียวกันเอง เย้ย 'ประยุทธ์' โดน 'ประวิตร' ปาดหน้าลงพื้นที่ตลอด แซะก่อนไปอยู่พรรคใหม่ ทำนโยบายพรรคเก่าให้ได้ก่อน ชี้มีสิทธิโดน พปชร.ซักฟอก

(23 ม.ค.66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สวมบทจอมปาด ‘ปาดหน้า’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไล่บี้ลงพื้นที่กันสับสนวุ่นวายว่า ประชาชนไม่ได้มีหน้าที่เป็นตำรวจจราจร จะได้สั่งจับปรับทั้ง 2 คน ขยันปาดหน้ากันลงพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนสับสนให้ประชาชน การที่มีคนตะโกนด่า พล.อ.ประยุทธ์ขณะเข้าพื้นที่ คือภาพสะท้อนว่าประชาชนเบื่อหน่ายและไม่ได้ประโยชน์จากการลงพื้นที่หาเสียงชิงเหลี่ยมปาดหน้ากันไปมา ก่อนพล.อ.ประยุทธ์ จะไปพูดนโยบายกับพรรคใหม่ ช่วยเคลียร์นโยบายพรรคเก่าที่ทำไม่ได้ตอนอยู่กับพรรคพลังประชารัฐก่อน 

‘ตู่ - จตุพร’ ลากไส้ ‘ทักษิณ’ หลอกใช้คนเสื้อแดง จวกเละ พอหมดประโยชน์ถีบหัวเรือส่ง

เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ประชาชนคนไทย (ปท.) เผยแพร่คำกล่าวของ ‘ตู่ - จตุพร พรหมพันธุ์’ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โดยระบุว่า

“ผมมักพูดเสมอว่า การซื่อสัตย์กับคนไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัว ก็ยอมรับกันได้ เมื่อรักเองต้องเจ็บเอง ให้ถูกใช้เอง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ จะนำพาสู่ความหายนะ เกิดความเสียหาย เพราะชัยชนะที่ได้มันสั้นทุกครั้งคราว และต้องแลกกับการถูกล้มกระดานแล้วแพ้ระยะยาว และสู่ความพินาศย่อยยับทุกครั้ง”

แม้ปัจจัยการยึดอำนาจเป็นสิ่งภายนอก ควบคุมไม่ได้ แต่สามารถป้องกันได้ โดยผู้มีอำนาจต้องไม่โกง ไม่ลุแก่อำนาจ และต้องไม่คิดว่าประเทศนี้เป็นเจ้าของ จะทำอะไรก็ได้ ยิ่งได้รับคะแนนมากเท่าไรก็หลงใหล ว่า ตนเองมีอำนาจมากเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า อำนาจมากก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น

แม้วันนี้ประชาชนสิ้นหวัง แต่ยังคาดหวังว่า เมื่อมีเลือกตั้งจะยังไปเลือกตั้ง ผมจึงมาบอกให้สงสารประชาชนบ้างกับการพาประชาชนไปแพ้ทุกครั้ง แล้วโทษแต่การยึดอำนาจอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม หากเป็นรัฐบาลไม่โกง และซื่อสัตย์ต่อประชาชน ทหารหน้าไหนจะกล้ามายึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ยึดอำนาจปี 2557) และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (ยึดอำนาจปี 2549) ก็ไม่มีวันมายึดอำนาจได้เลย

การย้ายขั้วสลับข้างมาสังกัดพรรคเพื่อไทย แล้วมีการแถลงขอโทษนายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า เรื่องแรกถ้าไม่สถาปนาตัวเองว่าเป็นเจ้าของประชาธิปไตย ลำพังด้วยการประกาศว่า ย้ายออกเพื่อไทยเป็นคนทรยศ เป็นพวกงูเห่า ไปไล่หนูตีงูเห่า ที่ศรีสะเกษ จนทำให้สังคมประจักษ์กับพฤติกรรมนักการเมืองย้ายพรรคไม่ได้นั้น หากทำได้ตามที่พูดแล้ว คนจะสรรเสริญว่า เป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง และประชาชนก็ไม่อาจยอมรับพฤติกรรมนักการเมืองแบบนี้ได้

คุณทักษิณ จะพูดอะไรก็ได้ พูดถึงเสียงปืนนัดแรก พูดพายเรือมาส่ง ความจริงก็ถีบหัวเรือเลย แต่เราจะปล่อยให้ความผิดพลาดมันเดินต่อไปไม่ได้ เราจึงวิจารณ์ เมื่อเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ย่อมมีถูก มีผิด ไม่ใช่ถูกทุกเรื่อง กำลังสถาปนาตัวเองเป็นเทพเจ้าหรืออย่างไร คือ หมายความว่า พูดอะไรก็ถูกหมด ทั้งที่พูดผิดหลายเรื่อง ทำไม่ถูกหลายเรื่อง และทำถูกก็มีหลายเรื่อง นี่เป็นหลักมนุษย์ธรรมดา ถ้าไม่วิพากษ์วิจารณ์กันในวันที่เรากำลังวิจารณ์กันได้ เรากำลังเดินเข้าไปในวงจรเดิม ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น

อดีตประธาน นปช. กล่าวต่อไปว่า การต่อสู้ของประชาชน เมื่อปี 2553 ไม่ได้อะไรที่คุ้มค่าตามเจตนารมณ์เลย รัฐบาลในยุคนั้น (ชุดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ยังไม่กล้าลงนามกับศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือที่เรียกว่า ICC (International Criminal Court) แค่กลัว พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจ แต่สุดท้ายก็เอาตัวไม่รอด ถูกพล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจนได้ อีกทั้งไม่สร้างขบวนการต่อสู้ของประชาชนแล้วยังไปแบ่งแยก และทำลายขบวนการของประชาชนในแต่ละที่อีกด้วย

“มีคนมาถามผมว่า ทำไมคนเสื้อแดงกลายเป็นคนเสื้อส้มจำนวนมาก ผมเล่าแบบขำ ๆ และเจ็บใจตัวเองว่า สมัยก่อนพรรคอนาคตใหม่ (ชื่อเดิมพรรคก้าวไกล ก่อนถูกยุบ) ตึกติดกับพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มาเก็บเสื้อแดงที่ถังขยะหน้าเพื่อไทย ไปล้างทำความสะอาด เอาไปใส่ แล้วเอาเสื้อส้มมาให้ใส่ ซึ่งจะสังเกตว่า หลังปี 2554 มา ไม่ได้ใช้ขบวนการเสื้อแดงในการหาเสียงเลย ไม่ว่าจะไปในฐานะพรรคเพื่อไทย หรือพรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกยุบก็ตาม แต่มาครั้งนี้เพื่อไทยต้องการเสียงแลนด์สไลด์ ก็ปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมาใหม่อีก เหมือนปลุกผีที่เคยถูกทอดทิ้งขวางไปแล้ว และคงเพิ่งนึกได้ เวลาอยากก็ต้องการ เมื่อไม่อยากก็ทิ้งขวางไป”

มีการเรียกร้องหาความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงในเหตุการณ์ชุมนุม เมื่อปี 2553 ว่า คุณไม่ได้กระทำเลย ตนทนเยอะแยะมากมาย ความจริงคดีก่อการร้ายที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องนั้น จำเลยที่หนึ่งคือ ทักษิณ ส่วนผมเป็นจำเลยที่สาม แต่อัยการไม่สั่งฟ้องทักษิณ ซึ่งต่อมาอัยการคนนี้ก็เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็น รมต. หมายความว่าอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องไม่อดทนไปตลอดชีวิต เราต้องอธิบายถูกเป็นถูก ผิดก็เป็นผิด

“วันนี้ ใครวางแผนที่จะมาตอบโต้ผมนั้น ให้ลองนึกกันช้า ๆ ว่า มีตรงไหนไม่เป็นความจริงบ้าง ขณะเดียวกันผมขอสงวนสิทธิ์ตอบโต้ทุกกรณี และจะหนักมากกว่านี้อีก วันนี้ผมไม่ได้ขัดขวางชัยชนะของเพื่อไทย แต่ไม่เห็นด้วยกับการชนะด้วยท่วงทำนองการสถาปนา ว่า ตนเองเป็นนักประชาธิปไตย”

นั่นเป็นคำพูดของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. หรือคนเสื้อแดง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำการชุมนุมคนเสื้อแดงมาอย่างยืดเยื้อยาวนานนับปี ซึ่งในตอนนั้นหลายคนมองว่า มีเป้าหมายเพื่อทวงคืนอำนาจให้กับนายทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวของเขาให้กลับมาเป็นรัฐบาล แต่สุดท้ายในบั้นปลายบรรดาแกนนำหลายคน รวมทั้งตัวเขา (จตุพร) ต้องติดคุก และยังมีคดีความเหลืออยู่ ขณะเดียวกัน ด้วยการมีประวัติต้องคดีอาญาดังกล่าว ทำให้เขาขาดคุณสมบัติทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ

'นพดล' ชี้!! เรื่องเร่งด่วน 'แก้จน-สร้างรายได้' โว!! 'เพื่อไทย' พร้อมพาประเทศออกจากวิกฤต

(22 ม.ค.66) นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า สถานะของประเทศขณะนี้ คนไทยยากจนเพิ่ม นำไปสู่ปัญหาหนี้สินสูงสุด คุณภาพชีวิตตกต่ำ เด็กไม่ได้เข้าโรงเรียน และความเหลื่อมล้ำถ่างขึ้นมากติดลำดับโลก รวยกระจุกจนกระจาย ประเทศไทยฟื้นตัวช้าหลังโควิด เติบโตต่ำท้ายตารางในอาเซียน การทดสอบขององค์กรในระดับสากลด้านทุนมนุษย์พบว่าคุณภาพด้านการศึกษาตกต่ำลงกว่าก่อนทำรัฐประหาร เสน่ห์ในการดึงดูดการลงทุนทางตรงลดลง การเมืองย้อนกลับไปก่อนปี 2540 ไร้เสถียรภาพ กติกาการโหวตตัวนายกรัฐมนตรีไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เป็นธรรม ดังนั้นต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ให้เฉพาะ ส.ส.ที่ประชาชนเลือกเป็นผู้มีอำนาจโหวตตัวนายกฯ จึงจะเป็นประชาธิปไตย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top