Friday, 27 June 2025
POLITICS NEWS

‘จตุพร’ ซัด ‘เพื่อไทย’ 310 เสียง เพ้อเจ้อทางการเมือง เย้ย!! ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ต้องใช้ 376 เสียง

‘จตุพร’ ถาม 310 เสียงตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างไร เหตุฝ่าด่านแรกเลือกนายกฯ ไม่ได้ ต้องใช้เสียงถึง 376 บอกเพื่อไทยประเมินตามความจริง เกลี่ยเสียงทุกภาคอย่างเก่งแค่ 270 เสียงแย่งชิงจากพรรคพันธมิตร แนะประกาศใหม่ขอ 376 เสียงให้สอดคล้องความอยากจะได้สบายใจ
.
(15 มี.ค.66) ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ‘อดทนและรอคอย’ โดยประเมินเป้าหมายย้อนแย้งพรรคเพื่อไทย กับตรรกะ 310 เสียงเพื่ออยากตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่จับมือใคร จึงเป็นความเพ้อเจ้อทางการเมือง และเป็นไปไม่ได้ตามกติกา รธน. 2560 ต้องฝ่าด่านเลือกนายกฯ ที่ต้องใช้ถึง 376 เสียง พร้อมแนะให้ประกาศตัวเลขใหม่ เพื่อจะได้ผ่านด่านนายกฯให้ได้ก่อน
.
นายจตุพร กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2544 ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาถึงขณะนี้รวมเวลากว่า 22 ปี ในช่วงเวลานั้นพรรคถูกยุบ แล้วตั้งพรรคใหม่เป็นพลังประชาชนแล้วมาเป็นเพื่อไทยในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองในสายสกุลทักษิณ ได้เป็นรัฐบาลรวมแค่ 8 ปี ไม่ได้เป็นรัฐบาลถึง 14 ปี
.
กรณีสมศักดิ์ เทพสุทิน กับสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะย้ายมาเพื่อไทย นายจตุพร กล่าวว่า ทั้งที่เพื่อไทยจะถูกยุบพรรคสูงยิ่ง แต่แกนนำกลุ่มสามมิตรสองคนนี้ยังแยกมาเพื่อไทย ถ้าพิจารณาสมาชิกทั้งกลุ่มนี้แล้ว เหมือนเป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะแยกกันไปสังกัดพรรคอื่นด้วย โดยอนุชา นาคาศัย กับสุชาติ ชมกลิ่น และธนกร บุญคงชนะ แยกไปรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้วอีกส่วนหนึ่งมาที่เพื่อไทย
.
อีกทั้งเห็นว่า อุดมการณ์หลักของสมศักดิ์คือ ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านต้องการเป็นรัฐบาล ดังนั้น การมาเพื่อไทยจึงแสดงถึงแนวโน้มจะได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าเกิดการยุบพรรคหลังการเลือกตั้งและรอตั้งรัฐบาล ย่อมเกิดการแตกกระจายไปอยู่พรรคอื่นเหมือนที่เกิดกับการยุบพลังประชาชนมาแล้ว
.
"ผมเชื่อว่า เมื่อแต่ละฝ่ายต่างมีบทเรียน เขาจะรอให้เลือกตั้งเสร็จ กระทั่งเพื่อไทยไปจับมือกับพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้เสร็จสิ้น จากนั้นการยุบพรรคจะบังเกิดขึ้น พร้อมกับความเสื่อมของเพื่อไทยที่ไปจับมือกับฝ่ายเผด็จการ กระทั่งการแตกตัวจะเกิดขึ้นตามมา โดยไม่ไปสังกัดพรรคใหม่ที่สำรองไว้"
.
นายจตุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้างแนวทางการเมืองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย รังเกียจและประณามนักการเมืองยกมือหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นฝ่ายเผด็จการ เป็นพวกทรยศประชาชน แต่ขณะนี้นักการเมืองฝ่ายเผด็จการได้เข้ามาสังกัดพรรคจำนวนมาก แล้วถูกฟอกกลายเป็นนักประชาธิปไตยผู้ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไปโดยฉับพลัน
.
อย่างไรก็ตาม หากประเมินว่า เมื่อกระแสแลนด์สไลด์ถูกสร้างขึ้นอย่างทวนกระแสความจริงแล้ว ถ้าพิจารณาพื้นที่ภาคใต้มี ส.ส.เขต 60 คน แล้วเพื่อไทยมีความยากลำบากมากจะได้ ส.ส.สักเขต ดังนั้น เมื่อเสียพื้นที่ไป 60 เสียง ย่อมเหลือ ส.ส.เขตอยู่ 340 เสียงที่ต้องแย่งชิงกับพรรคการเมืองอื่นและฝ่ายประชาธิปไตยเดียวกัน
.
พร้อมทั้งระบุว่า ในเสียง ส.ส.เขตที่เหลือ 340 เสียง ถ้าเพื่อไทยต้องการ 310 เสียงแล้ว โอกาสเป็นไปได้อย่างน้อยมีเพียง 270 เขตเท่านั้น แล้วส่วนที่เหลือให้พรรคภูมิใจไทย ก้าวไกล รทสช.ไทยสร้างไทย ประชาธิปัตย์ และพรรคอื่นๆ ชิงกันใน 70 เขต ดังนั้น ในเชิงตัวเลขทางการเมือง ย่อมสะท้อนถึงตรรกะเพื่อไทย 310 เสียงเป็นไปไม่ได้เลย
.
นายจตุพร ย้ำว่า เมื่อเพื่อไทยสร้างกระแสแลนด์สไลด์ขึ้นมาจากที่ไม่มีความจริงหรือปรากฎการณ์บ่งบอกความเป็นไปได้ จึงเป็นอาการที่น่าเป็นห่วง เพราะที่ผ่านมาพรรคการเมืองสายนี้เคยได้เสียงเกินครึ่ง 2 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกในชื่อพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2548 ที่ควบรวมพรรคอื่นมาสังกัดด้วยจึงได้เสียงถึง 377 เสียง และอีกครั้งในชื่อพรรคเพื่อไทยเมื่อเลือกตั้งปี 2554 ไม่มีพรรคฝ่ายเดียวกันมาแข่งขันด้วย จึงได้เสียง 265 เสียงเกินครึ่งจากทั้งหมด 500 เสียง แล้วเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
.
สิ่งสำคัญ เห็นว่า การเมืองในวันนี้ แม้เพื่อไทยทำได้ 310 เสียงจริงตามเป้าหมายความอยาก จึงแสดงว่าพรรคฝ่ายเดียวกันอย่างก้าวไกล และ ไทยสร้างไทย อาจได้เสียงไม่เกิน 2-3 เสียงเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้กับสถานการณ์ที่เป็นจริงทางการเมืองขณะนี้
.
"เมื่อประกาศแลนด์สไลด์เพื่อสร้างอุปทานหมู่ แต่ไม่อธิบายที่มาของเสียงจากพื้นที่ไหน ยิ่งภาคเหนือตอนบนในพื้นที่จังหวัดพะเยา คงเบียดแย่งชิงได้ยาก แล้วมาเหนือตอนล่างก็ลำบากอยู่ดี ส่วนภาคกลางเป็นพื้นที่บอดของเพื่อไทย และกรุงเทพก็ยังชิงกับพรรคก้าวไกล และพรรคอื่น ๆ อีก ขณะที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่หมายมั่นนั้น ยังมีภูมิใจไทย ไทยสร้างไทย ขวางอยู่ ดังนั้น ถ้ารวมเสียงทุกภูมิภาคแล้ว อาจได้เสียงเป็นที่หนึ่งค่อนข้างแน่ แต่ไม่มีวันจะได้ 310 เสียงเด็ดขาด"
.
นายจตุพร ประเมินว่า ถ้าเชื่อเพื่อไทยจะได้ 310 เสียงจริง ต้องได้คะแนนเลือกเกือบ 18 ล้านเสียง แต่เมื่อเลือกตั้งปี 2554 ได้ 8 ล้านจึงต้องหาเพิ่มอีก 10 ล้านเสียง ดังนั้นการเดินทางหาเสียงไปสู่ตัวเลข 310 เสียงจึงหาความจริงไม่เจอ แต่หาความสบายใจได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อหวังปลุกอุปทานหมู่ให้เป็นกระแสฟีเวอร์ไปสู่เสียงแลนด์สไลด์นั้น จึงขนคนมาฟังปราศรัยให้แน่นหนาจำนวนมากเข้าไว้ จึงวัดอะไรไม่ได้ที่จะได้เสียง 310 เสียง
.
อีกทั้ง เน้นว่า ภายใต้กฎกติกาตาม รธน. 2560 การได้ 310 เสียงก็ยังไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ เพราะ รธน.ต้องให้ฝ่าด่านเลือกนายกฯ ก่อน ดังนั้น เสียงเกินครึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภาคือ 376 เสียง (จาก ส.ว. บวก ส.ส. รวม 750 เสียง) เพื่อไทยยังขาดอีก 66 เสียง จะเอามาจากไหน หวังเอาเสียงจากฝ่ายประชาธิปไตย ก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะเพื่อไทยชิงไปครอบครองไว้หมดแล้ว ดังนั้น จะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างไร
.
"จะไปหวังให้เสียง ส.ว.มาหนุนช่วย โหวตให้ได้นายกฯ แล้ว ส.ว.จะโหวตให้หรือไม่? ถ้าสุดท้ายโหวตเลือกนายกฯ ไม่ได้ แล้วใครละจะเป็นนายกฯ ให้ จะเป็นลุงรักสงบ ก้าวข้ามขัดแย้ง (พล.อ.ประวิตร) หรือไม่? ดังนั้น หลักทางการเมืองของเพื่อไทยทั้งกวาดเรียบ 310 เสียงและตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่จับมือใคร จึงอธิบายให้เป็นจริงอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ได้เลย"
.
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อเพื่อไทยหลงจินตนาการในตัวเลข 310 เสียง แล้วยังเลยเถิดไปถึงความเพ้อฝันการเมืองไม่จับมือใครตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะไม่ร่วมมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่ช่วงหลังกลับเสียงแผ่วเบาอ้ำอึ้ง ว่า ถ้าไม่ได้ 310 เสียง ต้องไปรอผลเลือกตั้งของประชาชนที่ครั้งจึงตัดสินใจ

อีกทั้ง เสนอว่า แม้เพื่อไทยจะอธิบายที่มาของเสียงแลนด์สไลด์และตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ แต่ทำไมคนจึงเชื่อกัน ดังนั้น พรรคคงต้องอธิบายให้ประชาชนมั่นใจในความเชื่อตัวเลข 310 เสียงจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวอย่างไร ช่วยชี้แจงตรรกะย้อนแย้งเช่นนี้ด้วย

ยิ่งกว่านั้น นายจตุพร คาดว่า เมื่อสมศักดิ์กับสุริยะ เข้าพรรคเพื่อไทย ย่อมกระทบกับลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องไปเบียดขับลำดับของนักการเมืองประชาธิปไตยใหญ่ให้ถูกร่นขยับลงมาอย่างเห็นๆ กันอยู่แล้ว จากนั้นนักการเมืองใหญ่คงต้องกล้ำกลืนพูดถึงประชาธิปไตย แลนด์สไลด์ และเผด็จการกันต่อไป ส่วนประชาชนเมื่อได้ยินคำขานเลข 310 เสียง ยิ่งสะใจ แล้วลืมตรึกตรองถึงความจริงและความเป็นไปได้

รวมทั้ง เห็นว่า ในตรรกะทางการเมืองแล้ว ยังมีชุดความจริงอยู่อย่างเดียวคือ ความอยากได้ 310 เสียงย่อมไม่แตกต่างจากตัวเลข 251 เสียงที่เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร (ทั้งหมด 500 เสียง) ดังนั้น เพื่อไทยต้องการอะไร ใครเอาความคิดที่แหลมคมเช่นนี้มาหลอกให้เดินหน้าหาเสียงปลุกปั่นอุปทานหมู่จากประชาชน แต่ทำให้เป็นจริงไม่ได้ และหวังดึง ส.ว.มาโหวตให้ยิ่งยาก

นายจตุพร มั่นใจ เสียง ส.ว.นั้น คงไม่แตกแถวการลงมติเลือกนายกฯ โดยส่วนแรกต้องโหวต พล.อ.ประยุทธ์ แล้วต่อมาลงมติเลือก พล.อ.ประวิตร นอกจากจากสองคนนี้ ส.ว.ไม่โหวตให้อยู่แล้ว ดังนั้น การประเมินทางการเมืองใน รธน. 2560 จึงต้องอยู่กันด้วยความจริง เพราะนายกฯ มาจากการโหวตของสองสภาที่มีเสียง 750 เสียง เกินครึ่งคือ 376 เสียง สิ่งนี้เป็นตัวเลขความเป็นจริง ไม่ใช่ 310 เสียงและได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวตามเพื่อไทยประกาศ เนื่องจากต้องผ่านด่านเลือกนายกฯ ก่อน

"เมื่อ 310 เสียงไม่มีความเป็นไปได้แล้ว ผมเรียกร้องให้ประกาศใหม่เป็น 376 เสียง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว และสามารถอธิบายด้วยตรรกะที่เป็นวิทยาศาสตร์ น่าเชื่อถือด้วยหลายศาสตร์ได้ชัดเจน แต่ 310 เสียงจะไม่จับมือกับใคร และตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้อย่างไร ช่วยอธิบาย โดยจะลากเอาทางรัฐศาสตร์ กฎหมาย การเมืองศาสตร์ คณิตศาสตร์ และไสยศาสตร์มาตอบก็ได้กับการไม่จับมือใคร แล้วยังตั้งรัฐบาลพรรคเดียวอีก"

พร้อมย้ำว่า ไม่เข้าใจว่า เพื่อไทยพูดเน้นแต่ตัวเลข 310 เสียงกับการตั้งรัฐบาลพรรคเดียว และไม่จับมือกับใครไปทำไม เพราะความจริงเป็นไปไม่ได้ทั้งด้วยหลักคณิตศาสตร์และ กติกา รธน. ดังนั้นทางการเมืองต้องมีความตรงไปตรงมาและให้ความจริงกับประชาชน

นายจตุพร กล่าวว่า ตลอดเวลา 22 ปีของพรรคสายสกุลทักษิณ มีช่วงสูญเปล่าเวลาไปถึง 14 ปี แล้ววันนี้ ยังไม่รู้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) จะเปิดคดีอะไรมาเล่นงานอีก ยิ่งคดีถือครองที่ดิน สปก. ที่นักการเมืองหลายพรรคพัวพันอยู่ อีกทั้งยังมีคดีอื่นที่ทำเสร็จแล้ว แต่รอเวลาประกาศ ซึ่งจะทำให้กิดวิกฤตจริยธรรมร้ายแรงทางการเมืองอีก นอกจากนี้ การยื่นบัญชีให้ ปปช. เพียงแค่ตรวจสอบก็สามารถเล่นงานในคดีความผิดที่ลงโทษจริยธรรมนักการเมืองไปแล้ว 2 รายเป็นมาตรฐานคดีอยู่แล้ว

‘บิ๊กป้อม’ ปัดเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ ยัน!! กินข้าวกับ ‘ภูมิใจไทย’ ไร้การเมือง

(15 มี.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงอาการปวดท้องว่าหายหรือยัง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “หายแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อช่วงเที่ยงในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทานข้าวพูดคุยกันปกติ ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง ส่วนที่กินข้าวกับนายอนุทิน เมื่อกินข้าวด้วยกันก็เป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว ก่อนย้อนถามสื่อว่า “ทำไม กินไม่ได้หรือ?”

เมื่อถามว่าได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า “คุยกัน กินข้าวอยู่ด้วยกัน”

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการไปพูดคุยกันอาจจะเป็นขั้วการเมืองใหม่ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น”

‘รมว.เฮ้ง’ สั่ง ‘กพร.’ เปิดฝึกอบรมทำอาหารไทย ชู ‘ผัดไทย’ สตรีทฟู้ดสุดฮิต ให้เมนูเป็นที่คนไทยต้องทำได้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดฝึกอบรมสาขาประกอบอาหารไทย นำ ‘ผัดไทย’ ให้เป็นเมนูที่ทุกคนต้องทำได้ ช่วยเผยแพร่อาหารไทย  ผัดไทย ให้เป็นที่นิยมมากขึ้น

(15 มี.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกระแสข่าว ‘ผัดไทย’ ได้ถูกบรรจุชื่อ ‘pad thai’ (ผัดไทย) ให้เป็นคำสากลที่ทั่วโลกรู้จัก ในเว็บไซต์ Oxford Dictionaries ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่อาหารไทยดังไปไกลทั่วโลก ‘ผัดไทย’ เป็นอาหาร Street Food ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันทั่วโลก หากได้มาเยือนประเทศไทยจะเป็นเมนูที่ต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการเปิดฝึกอบรมหลักสูตรการประกอบอาหารไทยประยุกต์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีมีความรู้ในการประกอบอาหารอย่างเมนูเด็ดอย่าง ‘ผัดไทย’ ให้เป็นเมนูที่ผู้เข้าฝึกอบรมทุกคนต้องทำได้ และนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพให้มีรายได้ และสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้

นอกจากนี้ ยังถือเป็นถ่ายทอดและเผยแพร่อาหารไทยอย่าง ‘ผัดไทย’ ให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยได้ลิ้มลองไม่ว่าจะอยู่จังหวัดใดก็ตาม

'ก้าวไกล' กว่าที่เป็น หาก 'พรรคก้าวไกล' ได้แม่ทัพใหม่ที่ชื่อ 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' 'คนรุ่นใหม่-การเมืองสร้างสรรค์' แท้จริง อาจบังเกิด!!

เป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ หลังจาก นายเถกิง สมทรัพย์ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก (แต่ล่าสุดก็ได้ลบไปแล้ว) ว่า...

แว่วข่าวมานับเดือนแล้วว่า…คุณบุญยอด สุขถิ่นไทย จะอำลาประชาธิปัตย์…รวมทั้ง คุณจุติ ไกรฤกษ์ ด้วยอีกคน

วันก่อนคุณบุญยอด ประกาศอำลาประชาธิปัตย์ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ

ส่วนคุณจุติ ยังอยู่กับพรรค…คาดกันว่า อีกวันสองวันคงชัดเจนตามข่าวที่ร่ำลือกันมา

เหลือเพียงคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ…ที่ยังนั่งรอเทียบเชิญจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยบอกว่าจะมาชวนไปช่วยงานเลือกตั้ง

เพื่อนๆ หรือชาวคณะท่องเที่ยวที่เคยฟังผมพูดบนรถทัวร์ระหว่างไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อสิงหาคม 2565…คงจะจำกันได้บ้างว่า ผมเคยพูดเล่นๆ ว่า ใจผมนั้นอยากให้คุณอภิสิทธิ์ลาออกจากประชาธิปัตย์ไปเป็นสมาชิกพรรค 'ก้าวไกล'

ผมพูดเล่นๆ แบบนี้กับเพื่อนๆ ใกล้ตัวหลายครั้ง…

เพราะผมเชื่อว่า คุณอภิสิทธิ์จะยังไม่สามารถกลับเข้ามามีบทบาทนำในพรรคประชาธิปัตย์ได้อีกหลายปี

แต่คุณอภิสิทธิ์เป็นคนมีความสามารถ และมีแนวความคิดที่เหมาะสมจะมาอยู่ร่วมกับ 'พรรคก้าวไกล'

คุณอภิสิทธิ์จะสามารถปรับทิศทางการเมืองของคนในพรรคก้าวไกลให้เดินไปในแนวทางที่สร้างสรรค์กว่าที่เคยเป็นมา

คือลดเลิกความคิดรุนแรงสุดโต่งที่รังแต่จะนำคนรุ่นใหม่ไปสู่เส้นทางผิดๆ และทำลายล้างความคิดดีๆ

ผมเชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์จะช่วยสร้างความสมดุลให้กับพรรคที่เป็นที่รวมของคนรุ่นใหม่พรรคนี้ให้มาในแนวทางที่เป็นประโยชน์จริงๆ ต่อการพัฒนาสังคม

แทนที่จะปลุกระดมให้หมกมุ่นอยู่กับแนวคิดทางการเมืองสุดโต่งที่ก่อเกิดการแตกแยกมากกว่ามุ่งหน้าพัฒนาประเทศ

‘ณัฐชา’ ฉะ ‘แรมโบ้’ เหลือสำนึกความเป็นคนบ้าง หลังหนุน จนท. ปิดปากลากตัว คนเห็นต่าง ‘บิ๊กตู่’

(15 มี.ค.66) ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอฝากไปยังคุณแรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์ อย่าทำตัวเป็นโบโบ้ที่ซื่อสัตย์กับเผด็จการ หนุนพฤติกรรมป่าเถื่อนชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่กดขี่ข่มเหงประชาชนให้มากนัก อย่างน้อยก็เคยเป็นแกนนำมวลชนคนเสื้อแดงที่เคยถูกกดขี่ข่มเหงจากอำนาจไม่เป็นธรรม จะพูดจาอะไรให้เหลือสำนึกความเป็นคนที่มีคุณธรรมและมนุษยธรรมไว้บ้าง

ทั้งนี้ ณัฐชา กล่าวว่า รู้สึกสมเพชกับสิ่งที่นายแรมโบ้ทำ มีการเล่าเป็นฉากๆ เพื่อแก้ตัวให้การกระทำอันป่าเถื่อนภายใต้ความเพิกเฉยของนายกรัฐมนตรี กรณีคุณป้าท่านหนึ่งเตรียมขวางขบวนเพื่อขอเข้าพบนายกฯ ที่จังหวัดราชบุรี ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกินกว่าเหตุแถมยังขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ปกป้องนายกฯแด้วย

นายณัฐชา กล่าวว่า ในฐานะนักการเมือง พวกเราไปหาเสียงมาทั่วประเทศ มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เหตุการณ์แบบนี้เราก็เคยเจอ แต่ในเมื่อประชาชนมีสิทธิที่จะคิดและแสดงความเห็น เราก็ต้องรับมือเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยวุฒิภาวะ แน่นอนว่าตนไม่เห็นด้วยกับการป่วนหรือคุกคามใช้ความรุนแรงในการแสดงออก แต่เรามีวิธีจัดการได้มากมายโดยไม่ใช้การกระทำเหมือนเห็นประชาชนไม่ใช่คนอย่างนี้

ณัฐชา ย้ำว่า การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปฉุดกระชากลากตัวเข้าซอกแคบ ๆ ปิดตา ปิดปากแถมยังเอาร่มบังระหว่างจับกุมคุมตัว ไม่ใช่วิธีการตามหลักสากลแน่นอน แต่คือการละเมิดและทำร้ายร่างกายอย่างชัดเจนและอุกอาจ

‘จุดยืนดังเดิม!! พิธา’ ลั่น!! พร้อมจับมือ พท. จัดตั้งรัฐบาล พร้อมย้ำ!! ไม่มีวันจับมือ ‘พรรคทหารจำแลง’

(15 มี.ค.66) ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดประชุมใหญ่พรรคเตรียมพร้อมก่อบการยุบสภาฯ มีแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ครบทุกเขต เข้าร่วมประชุม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าสามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลได้แต่มีเงื่อนไขคือการไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เราไม่มีเจตจำนงในการรวมกับพรรคทหารจำแลงคือพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่ทำรัฐประหาร และตอนนี้ยังจะรักษาอำนาจต่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดจดหมายเสนอตัวเชื่อมประสานระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยม ที่ล้มเหลวทั้งคู่ นายพิธา กล่าวว่า เราไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้ การจะก้าวข้ามความขัดแย้งและก่อให้เกิดการปรองดองได้จะต้องมีระบบความยุติธรรม และการเสาะหาข้อเท็จจริงก่อน ต้องทำให้วัฒนธรรมคนผิดลอยนวลหมดไปก่อน จึงจะทำให้เกิดการปรองดองที่แท้จริงได้

ส่วนจดหมายของพล.อ.ประวิตรฉบับที่ 4 ทั้งเรื่องการตั้งคณะกรรมการมากรองนโยบาย ตนขอเรียนพล.อ.ประวิตรให้เข้าใจว่านโยบายของตัวเองตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ยังทำไม่ได้ตั้งเยอะตั้งแยะ จึงขอให้ไปทำนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วให้เสร็จก่อน การที่จะเอานโยบายนโยบายหนึ่งมาผลิตมีกระบวนการของมัน

นายพิธา กล่าวว่า สำหรับกระบวนการทำนโยบายของพรรคก้าวไกลคือการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนหาปัญหาให้เจอว่าอยู่ที่กฎหมาย งบประมาณ หรือระบบราชการ แล้วค่อยนำมาปฏิบัติ ฉะนั้นคนที่จะนำนโยบายที่เป็นของแต่ละพรรคและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงต้องเป็นคนที่คลุกคลีกับปัญหา ไม่ใช่ว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในประเทศไทยได้ ถ้าอยากจะปรองดอง ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดอง ถ้าอยากจะตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายก็ตั้งคณะกรรมการ ประเทศไทยไม่ได้ขับเคลื่อนง่ายขนาดนั้น

เมื่อถามว่าหากเสียงไม่พอก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นรัฐบาลจะมีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า เราจะหาเสียงให้เต็มที่ ถ้าไปถึงตามเป้าหมาย เรามั่นใจว่าจะมีน้ำหนักทางการเมืองพอที่จะได้เป็นรัฐบาล

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมรุก นำส.ส.บ้านใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะทำให้มีปัญหาในการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เราไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้และกระบวนการทำงานของพรรคก็แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนโยบายและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร

ตนจึงคิดว่าจะยังร่วมมือกันได้ ส่วนนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มสามมิตร ทั้งนี้ ตนไม่มีวิธีการทำงานทางการเมืองในลักษณะนั้น และจะพยายามโฟกัสในสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามอยากจะนำเสนอพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องนโยบายและว่าที่ผู้สมัครส.ส.

เมื่อถาม ว่าสามารถทำงานกับคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูแยกเป็นคนคนไป แต่หากใครที่มาจากพรรคทหารจำแลงก็น่าจะทำงานด้วยกันยาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองไปข้างหน้าวันนโยบายและจุดยืนทางประชาธิปไตยเข้มแข็งมากเพียงใด

‘คนเพื่อไทย’ ขอบคุณ ‘โรม’ ตีแผ่คดี ‘ส.ว.ทรงเอ’ พร้อมจี้!! ‘บิ๊กตู่’ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

(15 มี.ค.66) นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ส.ว. ชื่อดัง หรือ ส.ว.ทรงเอ กรณีตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเครือข่ายยาเสพติดว่า ต้องขอบคุณตำรวจชุดสืบสวนจับกุมในคดีนี้ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลให้สังคมได้รับรู้ จนเป็นข่าวใหญ่โตที่คนทั้งประเทศจับตามอง และต้องขอบคุณ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เอาข้อมูลมาอภิปรายและติดตามความคืบหน้าของคดีแบบกัดไม่ปล่อย แต่ก็ยังเกิดคำถามขึ้นในหลายประเด็นกับคดีนี้ที่สังคมยังคงติดใจอยู่

นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนแปลกใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เป็นคดียาเสพติดเป็นที่รังเกียจของทั้งสังคมไทยและนานาชาติเกี่ยวพันกับขบวนการข้ามชาติใหญ่โต ต้องไม่ลืมว่า คนที่ตั้ง ส.ว.คนนี้มา คือ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ และคนที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือ ส.ว.คนนี้ด้วย แถมสังคมยังได้รับทราบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าที่ทำการพรรคจาก ส.ว.คนนี้อีกด้วย สังคมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค รทสช. มีความสัมพันธ์ กับ ส.ว.คนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือไม่ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเฉยกับคดีนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมคลางแคลงใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า จากเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ของพนักงานสืบสวน มีการระบุว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สั่งให้ดำเนินการตัดพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง ส.ว.คนดังกล่าวออกให้หมด การสั่งการดังกล่าว ในคดียาเสพติดปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าทำ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง และสร้างความเสียหายต่อสังคม และความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

‘บิ๊กตู่’ จ่อลงพื้นที่ จ.ระนอง 16 มี.ค.นี้ เร่งติดตามปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วม ก่อนยุบสภาฯ

(15 มี.ค. 66) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานนราธิวาส ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมราชการที่จังหวัดนราธิวาส

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งเดินทางร่วมคณะไปกับนายกรัฐมนตรี สวมแว่นกรองแสงทางการแพทย์ พร้อมเปิดเผยว่า เจ็บตาเนื่องจากไปพบแพทย์และลอกตามา ซึ่งไม่เป็นอะไรมาก

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนยุบสภา พี่น้องทั้ง 3 ป. มีอาการป่วยครบแล้วทั้ง 3 คน โดย พล.อ.ประยุทธ์เจ็บมือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เจ็บขา และล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ เจ็บตา

โดยเวลา 13.15 น. นายกรัฐมนตรี สักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล และนมัสการพระเทพศีลวิสุทธิ์ ที่ปรึกษา เจ้าคณะภาค 18 ณ พุทธมณฑลจังหวัดนราธิวาส  ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ก่อนเป็นประธานในพิธีเปิดแพขนานยนต์ ณ ด่านศุลกากรตากใบ ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

เวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ พบปะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาในเขตพื้นทีจังหวัดนราธิวาส ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส และเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดระนอง ในวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม 2566 เพื่อติดตามการดำเนินงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาล รวมถึงอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อพัฒนาปรับปรุงการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งเกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง

โดยมีกำหนดการ ดังนี้ โดยเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานระนอง ตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ จากนั้นเดินทางไปตรวจติดตามสภาพปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค และพบปะประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ณ อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง

‘บิ๊กป้อม’ สั่งคุมเข้ม ‘มาตรการทำเหมืองแร่’ ย้ำหลักใช้แร่อย่างยั่งยืน - เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

(15 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับรายงาน แนวทางการดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมเมืองแร่ โดยจะมีการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการที่เข้าร่วมรับสมัคร เพื่อรับรางวัลเหมืองแร่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาล พร้อมทั้งจัดให้มีกิจกรรมเหมืองแร่ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาล ประจำปี พ.ศ.2566 และรับทราบ รมว.ทส. ได้เข้าร่วมการประชุมเสวนาโต๊ะกลม ระดับรัฐมนตรี ณ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ในหัวข้อบทบาทของรัฐบาลในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่สำคัญ และการพัฒนาอุตสาหกรรม อย่างยั่งยืน 

พร้อมทั้งได้กล่าวปาฐกถาแสดงบทบาทของไทย ในเวทีระดับโลกต่อการพัฒนาแร่ โดยใช้หลักการใช้ทรัพยากรแร่อย่างยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยึดหลัก BCG Model และแนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์แร่ อย่างคุ้มค่าเพื่อให้ เป็นสมบัติของคนรุ่นต่อไป โดยเน้นกระบวนการรีไซเคิล และอัปไซเคิล เพื่อลดการใช้ทรัพยากรแร่ และได้มีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความร่วมมือในการสร้างศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านการพัฒนาแร่ธาตุที่สำคัญ ระหว่างภูมิภาค แอฟริกา-เอเชียตะวันตก-เอเชียกลาง

‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมประชุมด้านสิ่งแวดล้อม 10 โครงการ จี้!! ทุกหน่วย เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปกป้องสุขภาพ ปชช.

(15 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

คณะกรรมการฯ ได้รับทราบ รายงานผลการประชุม สมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วย พื้นที่ชุมน้ำสมัยที่ 14 จัดขึ้นภายใต้ หัวข้อ ‘Wetlands Action for People and Nature’ โดยมีพิธีมอบรางวัล Wetland City Accreditation ซึ่งประเทศไทยได้รับมอบรางวัล การรับรอง อำเภอศรีสงคราม จีงหวัดนครพนม ให้เป็นเมืองแห่งพื้นที่ชุมน้ำภายใต้อนุสัญญาว่าด้วย พื้นที่ชุมน้ำ

จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) 10 โครงการสำคัญ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่
1.) โครงการประตูระบายน้ำกรงปินัง จ.ยะลา ของกรมชลประทาน
2.) โครงการบ้านเคหะกตัญญู คลองหลวง 2 จ.ปทุมธานี ของการเคหะแห่งชาติ
3.) โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองน่าน ของกรมทางหลวง

4.) โครงการทางเลี่ยงเมืองสกลนคร (ด้านทิศตะวันออก) ของกรมทางหลวง
5.) โครงการทางหลวงหมายเลข 103 อ.ร้องกวาง-อ.งาว ของกรมทางหลวง.
6.) โครงการทางขนานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรมทางหลวง
7.) แผนงานขยายเขตไฟฟ้าให้หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคง พื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปาย และอ.บางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน (กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top