Friday, 27 June 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมประชุมด้านสิ่งแวดล้อม 10 โครงการ จี้!! ทุกหน่วย เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปกป้องสุขภาพ ปชช.

(15 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

คณะกรรมการฯ ได้รับทราบ รายงานผลการประชุม สมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วย พื้นที่ชุมน้ำสมัยที่ 14 จัดขึ้นภายใต้ หัวข้อ ‘Wetlands Action for People and Nature’ โดยมีพิธีมอบรางวัล Wetland City Accreditation ซึ่งประเทศไทยได้รับมอบรางวัล การรับรอง อำเภอศรีสงคราม จีงหวัดนครพนม ให้เป็นเมืองแห่งพื้นที่ชุมน้ำภายใต้อนุสัญญาว่าด้วย พื้นที่ชุมน้ำ

จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) 10 โครงการสำคัญ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่
1.) โครงการประตูระบายน้ำกรงปินัง จ.ยะลา ของกรมชลประทาน
2.) โครงการบ้านเคหะกตัญญู คลองหลวง 2 จ.ปทุมธานี ของการเคหะแห่งชาติ
3.) โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองน่าน ของกรมทางหลวง

4.) โครงการทางเลี่ยงเมืองสกลนคร (ด้านทิศตะวันออก) ของกรมทางหลวง
5.) โครงการทางหลวงหมายเลข 103 อ.ร้องกวาง-อ.งาว ของกรมทางหลวง.
6.) โครงการทางขนานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรมทางหลวง
7.) แผนงานขยายเขตไฟฟ้าให้หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคง พื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปาย และอ.บางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน (กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

'บิ๊กป้อม' ยันการเมืองไม่ต้องมีผู้ชนะเด็ดขาด-ไม่มีฝ่ายต้องแพ้ราบคาบ  ลั่น!! พร้อมแปรรูปนโยบายทุกพรรคที่ดีมาสานต่อหากได้เป็นรัฐบาล

(15 มี.ค.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ในหัวข้อ ‘บทสรุปสู่ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ระบุว่า ทีมงานได้วิเคราะห์ให้ผมฟังว่าจดหมายทั้ง 5 ฉบับ ไม่มีใครโต้แย้งในสาระสำคัญในเรื่องของเนื้อหา จากสื่อและสังคม แต่ก็มีสื่อบางท่านตั้งคำถามว่า จะทำได้หรือไม่ ซึ่งนั่นก็แปลว่าหากทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศ สื่อบางท่านบ่นว่า ยาวไปหน่อย ก็ต้องตอบว่าสังคมโดยทั่วไป มีทั้งผู้เข้าใจและไม่เข้าใจ รวมทั้งสื่อเองก็อาจจะมีความเข้าใจแตกต่างกัน ระหว่างสื่อที่ทำข่าวการเมือง กับสื่อเศรษฐกิจหรือสื่อกีฬา ทีมงานจึงต้องระมัดระวังเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมโดยทั่วไป

ด้วยเหตุนี้ทีมงานจึงขอให้ผมใช้วิธีการสื่อสารด้วย Facebook จะอธิบายได้ดีกว่า ชัดเจนกว่า เพราะหากผมทำในสิ่งที่ผมไม่ถนัด คือการให้สัมภาษณ์ ซึ่งผมเป็นคนพูดไม่เก่งอยู่แล้ว อาจจะถูกตีความหมายผิดไปจากที่ผมต้องการสื่อสาร และจะต้องมาตามแก้ไขในภายหลัง ซึ่งไม่เป็นผลดีแต่อย่างใดสำหรับการเมือง และสำหรับความคิดของผมที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า

จดหมายฉบับนี้ จั่วหัวว่า เป็นบทสรุป สู่ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ซึ่งผมได้อธิบายไปแล้ว ในหลายฉบับที่ผ่านมาว่าปัญหาความไม่เข้าใจในเรื่องของแนวคิด ของฝ่าย ‘อนุรักษ์นิยม’ กับ ‘ฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม’ มีมาอย่างยาวนาน แล้วก็ยังวนเวียนอยู่ในสังคมไทยในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องความไม่เข้าใจในเรื่องที่มาของปัญหา ว่าเกิดมาจากอะไร ทีมงานจึงถือโอกาสนี้อธิบายให้เข้าใจ ว่าประเทศไทยของเรานั้นเลือกที่จะปกครองในระบอบประชาธิปไตย นั่นก็คือการปกครองด้วยเสียงข้างมาก กล่าวคือผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ที่ได้รับเสียงข้างมากจากประชาชน ก็จะถือว่า เป็นมติของประชาชน อันจะส่งผลให้ผู้สมัครท่านนั้นได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหากพรรคใดรวมเสียงข้างมากได้ก็จัดตั้งรัฐบาลในสภา ซึ่งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ในหลักการแล้ว นับได้ว่า สภานี้เป็น ‘สภาของประชาชน’ ไม่ใช่เป็น ‘สภาของนักการเมือง’

เมื่อสภาเป็นของประชาชน การใช้เสียงข้างมากเพื่อหาข้อยุติในความเห็นต่าง บนผลประโยชน์ของส่วนรวมนั้นจึงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งไม่นับว่าเป็นความขัดแย้ง ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ มีการใช้มติของเสียงข้างมากในสภาบนผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องแล้วก็ไปอ้างว่าเป็นมติพรรค จึงไปฝืนความรู้สึกของ มติประชาชนที่เห็นต่าง และมีการทักท้วงจากสื่อและสังคมในกรณี ที่ขัดแย้งกันซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่สภาก็ไม่ฟังทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่า สภาไม่ใช่เป็นของประชาชนอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นสภาของนักการเมือง จะเอาเป็นที่พึ่งต่อไปไม่ได้แล้ว และประชาชนก็ตัดสินใจออกมาต่อต้าน มติของสภาและขับไล่รัฐบาล โดยไม่คิดแก้ไขตามกลไกของประชาธิปไตยคือ รอให้มีการเลือกตั้ง จึงทำให้เหตุการณ์ลุกลามกลายเป็นวิกฤติที่ทำให้ฝ่ายทหารต้องนำกำลังออกมาเพื่อยุติปัญหา ซึ่งเท่ากับว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมกลับเข้ามาควบคุมอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

นี่คือสิ่งที่ทีมงานพยายามอธิบาย ครั้งแล้วครั้งเล่าให้ผมฟังเพื่อให้เข้าใจว่า ที่มาของปัญหาเกิดจากภายในสภาแต่มาจบกันนอกสภา หลังจาก ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ ควบคุมอำนาจได้แต่ก็พ่ายแพ้ทุกครั้ง เมื่อการได้อำนาจต้องผ่านการเลือกตั้งในทางตรงข้าม ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ แม้จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ที่เป็นเสียงส่วนใหญ่เสมอ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่มีพลังพอที่จะต้านทานการเข้ามาควบคุมจากกลไกที่มีอำนาจอย่างแท้จริง ต่อโครงสร้างอำนาจของประชาชน เมื่อประเทศต้องอยู่ในสถานะที่ ‘ผู้ล้มเหลวทั้งสองฝ่าย’ ต่างก็ผลัดเข้ามาควบคุมอำนาจอาการหมดสภาพที่จะก้าวต่อไปสู่ความเจริญจึงเกิดขึ้นกับประเทศของเรา

นโยบายของแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกัน ผู้นำทั่วโลกของแต่ละยุคแต่ละสมัยต่างก็ปรับเปลี่ยนนโยบาย ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์ ในช่วงเวลานั้นๆ การเมืองไทยก็เช่นกัน นโยบายในการบริหารประเทศของแต่ละพรรค การเมืองที่ต่างก็กำลังเสนอออกมาในขณะนี้ นับได้ว่าเป็นนโยบายที่ดีเพราะกลั่นกรอง มาจากบุคลากรชั้นนำของแต่ละพรรค แต่เป็นที่น่าเสียดายหากนโยบายเหล่านั้นจะไม่ได้รับการนำไปใช้เพราะ ต้องไปเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล

ผมตั้งใจว่าเมื่อ พรรคผมเป็นรัฐบาล ผมจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก นำนโยบายดีๆ ของทุกพรรค ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียง เอามาทำและปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้จริง โดยไม่ได้มีความรังเกียจหรือแบ่งแยก หากนโยบายเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ นี่คือการเมืองที่อยู่ในใจผม การเมืองที่ไม่ต้องมี ‘ผู้ชนะเด็ดขาด’ ‘ไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ’ ทุกคนทุกฝ่ายต้องตระหนัก ถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกัน ร่วมมือกันฟื้นฟู และพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลก

ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ‘ผมพูดไม่เก่ง’ แต่ ‘ผมมีหัวใจ’ หัวใจที่ใหญ่พอจะยอมรับความแตกต่างทางความคิด เพื่อนำพาให้ ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ วิธีที่ผมคิดไว้คือให้ความเคารพอย่างแท้จริงต่อ ‘ประชาชนเสียงส่วนใหญ่’ ด้วยความเชื่อมั่นว่า ‘ประเทศจะเดินหน้าไปได้ด้วยการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย’ เท่านั้น

เพียงแต่ว่าเป็น ‘ประชาธิปไตยที่เปิดกว้างให้คนทุกกลุ่มเข้ามาร่วมมีบทบาท’ เคารพใน ‘เสียงส่วนใหญ่’ แต่ ‘เปิดใจรับฟังเสียงส่วนน้อยที่มีความรู้ ความสามารถด้วยเจตนาดีต่อความเป็นไปของประเทศ’

'ชัยวุฒิ' ร่วมประชุม WSIS ชู กฎหมายใหม่ไทย ทันต่อภัยคุกคาม พร้อมเสนอประเทศสมาชิก 'ใส่เกราะ-ระวังภัย' โลกไซเบอร์ร่วมกัน    

(15 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้เเทนไทย ได้ร่วมงาน World Summit on the Information Society Forum ประจำปี ค.ศ. 2023 (WSIS Forum 2023) จัดโดย สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และองค์การระหว่างประเทศภายใต้สหประชาชาติ  ระหว่างวันที่ 13 - 17 มีนาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาตินครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคมของไทย ได้ร่วมกล่าวการประชุม High-Level Policy Session หัวข้อ 'Building confidence and security in the use of ICTs' ได้กล่าวถึงความสำคัญของนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และกฎหมายด้านดิจิทัล ของไทยที่พร้อมรับมือกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการจัดทำร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ ที่ทันต่อภัยคุกคาม และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในการร่วมกันเพื่อช่วยแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที 

ในการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีชัยวุฒิ ได้เสนอแนวทางร่วมแก้ปัญหา Online Scams ที่เป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก และต้องใช้ความร่วมมือ ระหว่างประเทศในการแก้ปัญหา

ครม. ไฟเขียว งบประมาณ 2.4 หมื่นล้าน  สร้างทางด่วนฉลองรัช ช่วงจตุโชติ-ถ.ลำลูกกา 

เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.66) เพจ ‘ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี - PMOC’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการสร้างทางด่วนฉลองรัช ช่วงจตุโชติ-ถ.ลำลูกกา โดยระบุว่า…

‘ยุคแห่งการพัฒนา’ ครม.ไฟเขียว งบ 2.4 หมื่นล้าน สร้างทางด่วนฉลองรัช ช่วงจตุโชติ-ถ.ลำลูกกา รองรับการเดินทาง และขนส่งสินค้ากทม. - จังหวัดใกล้เคียง แก้รถติด ถ.รังสิต-นครนายก และถนนโดยรอบ

‘รัฐบาลลุงตู่’ ผู้พาประเทศไทยฝ่าสารพัดวิกฤต ท่ามกลางเสียงวิพากษ์ ‘8 ปี’ ที่ไทยถดถอย

จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถดถอยในทุกด้าน  

ล่าสุด บัญชี tiktok ‘เรารักลุง’ ได้ทำคลิปตอบโต้คำสัมภาษณ์ดังกล่าวให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักธุรกิจใหญ่ที่มองว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทย ภายใต้รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถือว่า ‘ถดถอย’ 

แต่รู้หรือไม่ว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตอะไรบ้าง?
ย้อนไปแค่ 3 ปีก่อน ที่ประเทศไทยต้องต่อสู้กับวิกฤตโควิด – 19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ การค้า และระบบสาธารณสุขของประเทศ ไม่เพียงเท่านั้นยังซ้ำด้วยวิกฤตด้านพลังงาน จากผลพวงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงานถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเผชิญกับสารพัดวิกฤต แต่ประเทศไทย ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ สามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤตครั้งใหญ่มาได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่ยอมรับขององค์กรระดับโลกอย่าง ธนาคารโลก ที่ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยภายหลังวิกฤตโควิด สามารถฟื้นตัวได้เร็วเกินคาด โดยจะกลับมาสู่ระดับก่อนที่เกิดโควิด – 19 ภายในปี 2566 และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการ องค์การอนามัยโลก (WHO)  ได้ออกมาชื่นชม พลเอกประยุทธ์ และระบบสาธารณสุขของไทย รับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งในแง่ การควบคุมโรค และการรักษาผู้ป่วย

ขณะที่ในมิติด้านเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีโครงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากมาย ยกตัวอย่าง เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับประเทศและสร้างการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต อีกทั้งยังสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้อย่างมหาศาล

ทางด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เป็นอีกหนึ่งผลงานเป็นที่ประจักษ์เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ทั้งระบบราง เรือ และถนน ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ในกรุงเทพ โครงการรถไฟความเร็วสูง และโครงการรถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงการเดินทาง การขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

‘บิ๊กตู่’ ยก กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน กลไกช่วยงานรัฐสำเร็จ หลัง ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าตอบแทนเป็นขวัญกำลังใจ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (14 มี.ค.66) ได้เห็นชอบในหลักการ เรื่องการปรับเพิ่มอัตราเงินตอบแทน ตำแหน่งกำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, แพทย์ประจำตำบล, สารวัตรกำนัน, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ  ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม ค่าครองชีพ และทัดเทียมกับค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นกลไกการทำงานของรัฐบาลสู่ความสำเร็จ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุดราชการ อาทิ  การเฝ้าระวังการควบคุมโรคระบาด/โควิด, การรักษาความสงบเรียบร้อย, การป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด, การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมการปฏิบัติงานของทุกกระทรวงในพื้นที่ เช่น การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ครม. ได้เห็นชอบให้เพิ่มค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ไม่ได้รับการปรับเพิ่มมานานกว่า 11 ปี เพื่อให้เหมาะสม เสมอภาค และเท่าเทียมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือเทศบาล ซึ่งต่างก็มีส่วนสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน และการพัฒนาประเทศ ให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในภาพรวม

‘ก้าวไกล’ โชว์ห้องนิรภัยในศูนย์เด็กเล็กเสร็จแห่งแรก ทวงสัญญารัฐบอกจะทำทุกที่ หลังเหตุกราดยิงหนองบัวฯ

‘ก้าวหน้า-ก้าวไกล’ โชว์เหนือ! ทำเสร็จแล้วห้องนิรภัย-ปุ่มฉุกเฉินในศูนย์เด็กเล็กแห่งแรก จี้ทวงสัญญารัฐ ไหนบอกจะทำทุกที่หลังเหตุกราดยิงหนองบัวฯ

คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล ร่วมสังเกตการณ์การซ้อมรับมือเหตุฉุกเฉินศูนย์เด็กเล็กฯ เทศบาลเก่ากลอย หลังคณะก้าวหน้าได้เข้าไปให้การสนับสนุนในการออกแบบและติดตั้งห้องนิรภัยและระบบเตือนภัยฉุกเฉิน ชี้ ใช้งบสร้างไม่มากแค่สามศูนย์ไม่ถึง 2 แสนบาท เหตุใดรัฐบาลยังไม่ทำทั้งที่บอกว่าจะติดตั้งให้ทุกศูนย์ทั่วประเทศ ด้านผู้สมัครก้าวไกล ชี้ ต้องกระจายอำนาจ-งบประมาณให้ท้องถิ่นดำเนินการเองได้ในระยะยาว

เทศบาลตำบลเก่ากลอย ร่วมกับคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ตำรวจ ทีมแพทย์ รพ.สต. และหน่วยกู้ภัย ร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมการช่วยเหลือ ป้องกัน และฝึกซ้อมเผชิญเหตุการณ์ก่อความรุนแรงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อซักซ้อมระบบห้องนิรภัยและระบบการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ที่คณะก้าวหน้าได้เข้ามาให้การสนับสนุนการออกแบบ โดยมี ไกลก้อง ไวทยการ ผู้ อำนวยการฝ่ายนโยบายคณะก้าวหน้า พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ สมเกียรติ เชษฐสุมณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 3 จ.หนองบัวลำภู ร่วมเป็นสักขีพยานในการฝึกซ้อมวันนี้

โดยการฝึกซ้อมในวันนี้ ประกอบไปด้วยการทดลองระบบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ที่ติดตั้งเป็นปุ่มกดฉุกเฉิน เชื่อมต่อสัญญาณไปยังหน่วยราชการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สภ.นากลาง รพ.สต.เก่ากลอย หน่วยกู้ชีพ ทต.เก่ากลอย รวมทั้งการจำลองสถานการณ์และซักซ้อมมาตรการรับมือเหตุการณ์โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยจำลองสถานการณ์สามแบบไล่จากเบาไปหาหนัก ตั้งแต่สถานการณ์คนร้ายคลุ้มคลั่งแต่ไม่มีอาวุธ, สถานการณ์คนร้ายที่มีอาวุธมีด และ สถานการณ์คนร้ายก่อวินาศกรรมพร้อมอาวุธปืน รวมทั้งในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

จิรศักดิ์ วิชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเก่ากลอย ระบุว่าจากเหตุกราดยิงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์เมื่อปีที่แล้ว ทางคณะก้าวหน้าได้เข้ามาพูดคุยเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ รวมทั้งได้ปรึกษาหารือกันว่าจะหามาตรการป้องกันและสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานอย่างไร จนได้ข้อสรุปว่าควรมีการติดตั้งปุ่มฉุกเฉินและห้องนิรภัย และได้มีการเข้ามาให้คำปรึกษาในการดำเนินการติดตั้ง จนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในศูนย์หลัก หลังสำนักงานเทศบาล และกำลังจะมีการติดตั้งในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เหลืออีกสองศูนย์ของเทศบาลตำบลเก่ากลอยให้เสร็จสิ้นในช่วงปิดเทอมนี้ รวมถึงอีกหนึ่งศูนย์ที่กำลังก่อสร้างอาคารใหม่อยู่ให้เสร็จภายในสิ้นปี 2566 

ด้านสมเกียรติ เชษฐสุมณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู เขต 3 พรรคก้าวไกล ระบุว่าจากเหตุการณ์กราดยิงที่เทศบาลตำบลอุทัยสวรรค์ที่ผ่านมา ได้นำมาสู่โจทก์ที่ต้องแก้ปัญหา โดยเฉพาะในด้านการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน หรือให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโดยตรง หลายแห่งอาจจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้ แต่อีกหลายแห่งก็ประสบปัญหางบประมาณที่จะเข้ามาดำเนินการ

นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ควรจะต้องมีการกระจายอำนาจและงบประมาณลงมาให้แก่ท้องถิ่น เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เช่น การปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในด้านความปลอดภัย อย่างที่ทางคณะก้าวหน้าได้เข้ามาดำเนินการในกรณีของเทศบาลตำบลเก่ากลอยนี้ ให้สามารถดำเนินการด้วยตัวเองได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายหนึ่งของพรรคก้าวไกล

ในส่วนของไกลก้อง ระบุว่าหลังเกิดเหตุการณ์ที่อุทัยสวรรค์ วันรุ่งขึ้นคณะก้าวหน้าก็ได้ขึ้นมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบทั้งที่เทศบาลตำบลอุทัยสวรรค์ที่เกิดเหตุ และที่เทศบาลตำบลเก่ากลอย ที่อยู่ใน อ.นากลาง ด้วยกัน ห่างไปเพียง 20 กม. และเป็นเทศบาลที่คณะก้าวหน้าให้การสนับสนุน วันนั้นหลายคนเสียขวัญจนไม่สามารถเปิดเรียนได้ ครูทุกคนต้องการให้มีการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัย เช่น การให้มีปุ่มกดฉุกเฉินเหมือนร้านทอง และให้มีห้องนิรภัยที่ให้ครูนำนักเรียนเข้าไปหลบ เพื่อถ่วงเวลารอคนมาช่วยเหลือได้ 

‘สุริยะ’ นัดประชุมข้าราชการระดับสูง 17 มี.ค.  โหมสะพัด!! อำลาตำแหน่ง ซบ ‘เพื่อไทย’

(14 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งปลัดกระทรวง อธิบดีกรมต่าง ๆ รองปลัดกระทรวง ผู้ตรวจราชการกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวง และผู้อำนวยการสถาบันเครือข่ายทั้งหมดของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับแจ้งทางไลน์ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ขอนัดประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม เวลา 10.00-12.00 น. ของวันที่ 17 มีนาคม 2566

‘เพื่อไทย’ จวก ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ ใช้งบ 6 แสนล้าน ยังแก้ภัยแล้งไม่ได้ เชื่อปีนี้แล้งหนัก จี้ เร่งแก้ปัญหา ก่อนกระทบไร่-นาชาวบ้านนับหมื่น

(14 มี.ค. 66) นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย (พท.) จากภาพรวมของสถานการณ์น้ำในพิษณุโลกน่าเป็นห่วง กังวลใจว่าปีนี้ภัยแล้งจะมาเร็วและมาแรงกว่าปีที่ผ่านมา พบว่าในหลายจังหวัดใกล้เคียง เกษตรกรเริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว ดังนั้น ในพื้นที่พิษณุโลก หากรัฐบาลยังไม่เร่งแก้ปัญหา จะกระทบพื้นที่นาข้าวนับหมื่นไร่และเกษตรกรหลายหมื่นครัวเรือนอย่างแน่นอน

ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือ กนช. อ้างว่าตั้งแต่เป็นรัฐบาลไม่เคยมีเกษตรกรที่ไหนมาร้องเรียนเรื่องภัยแล้ง หากเป็นเช่นนั้นจริง พล.อ.ประวิตร คงหูดับหรือก้มหน้าก้มตาอ่านแต่รายงานที่ลูกน้องรายงานมา ในความเป็นจริงความแห้งแล้งเกิดขึ้นหลายจังหวัด เกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง เกษตรกรหลายหมื่นครัวเรือนต้องยืนดูต้นข้าวแห้งตาย เพราะไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยงนาข้าวที่เกษตรกรลงแรงปักดำหวังรายได้จากนาข้าวของตนเอง ส่งผลให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ต้องลงขันระดมทุนจ้างบริษัทเอกชนมาขุดบ่อสูบน้ำบาดาลทำนากันแล้ว

นายนพพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันน้ำต้นทุนในเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ดูแลน้ำเพื่อการเกษตรให้กับเกษตรกรใน 4 จังหวัด คืออุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตรและนครสวรรค์จะมีปัญหา เพราะมีน้ำต้นทุนเพียง 4,000 ล้านลบ.ม. แต่ใช้ได้เพียงเหลือเพียง 2,700 ล้านลบ.ม.เท่านั้น กังวลว่าปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร พล.อ.ประวิตรต้องเร่งบริหารจัดการน้ำ หรือหาแหล่งน้ำรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น อย่ามาอ้างว่าเป็นช่วงปลายรัฐบาลทำอะไรไม่ได้ เพราะท่านยังมีอำนาจบริหารจัดการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร อย่ามัวแต่เอาเวลาไปเดินสายหาเสียงจนไม่รับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลต้องทำงานให้ประชาชน อย่าเอาเรื่องการเมืองนำหน้าการแก้ปัญหาให้ประชาชน

‘ภูมิใจไทย’ ส่ง ‘เสี่ยหนู’ คุมกระทรวงคมนาคม สกัด ‘อธิรัฐ’ รื้องานโครงการรถไฟสายสีส้ม

(14 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่อาจเป็นนัดสุดท้ายก่อนยุบสภาฯ พบว่ามีการเสนอวาระสำคัญหลายเรื่อง อาทิ การแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แทนนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก่อนหน้านี้ หลังนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งนายอนุทิน เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจากนายอธิรัฐ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงการต่าง ๆ สมัยที่นายศักดิ์สยามทำไว้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายสีส้ม ที่นายอธิรัฐจะเร่งเสนอให้ ครม.อนุมัติในวันเดียวกันนี้ แต่ถูกคัดค้านในที่ประชุม ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว กรณีศาลรับคำร้องตรวจสอบการถือครองหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยกระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top