Sunday, 20 April 2025
POLITICS NEWS

‘พิธา’ ถามรัฐบาล!! ตัวเลข 15% มาจากไหน ชี้!! ควรให้มี ‘การปฏิรูปภาษี’ ทั้งระบบ

(8 ธ.ค. 67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาประเด็นการขึ้นภาษีแวต 15% ว่า ภาษีในประเทศ มีทั้งภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม ทั้งนิติบุคคล บริษัท ส่วนตัว รวมไปถึงภาษีที่ดิน สรรพสามิต ศุลกากร และอีกมากมาย ทำไมต้องมาเจาะจงที่แวต ตนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ซึ่งต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าบริหารจัดการให้เพียงพอต่อทั้งประเทศและต้องเป็นธรรมอย่างไร แต่พอรัฐบาลบอกว่า 15 : 15 : 15

“คนที่ไม่เคยเสียภาษีในระดับ 15% ต้องมาเสีย 15% บริษัทนิติบุคคลที่เคยเสียภาษี 30% ก็ได้ลดสิ ใช่หรือไม่ เวลาหาเสียงขึ้นเวทีที่ไหนผมไม่เคยได้ยินว่าให้เสียแวตเกิน 9% นะ เท่าที่ผมจำได้ มีแต่ขึ้นทีละนิด เพื่อไม่ให้ลำบากประชาชนมากขึ้น พอไม่พูดทั้งระบบ แล้วมาเจาะจงที่แวต มันทำให้ผิดบริบทไป เพราะฉะนั้น ผมเห็นด้วยกับการปฏิรูปภาษีทั้งระบบทุกตัว … ถ้าพูดทั้งระบบ แล้วมาอธิบายทีละอัน ผมคิดว่าก็จะไม่ได้รับการต่อต้าน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า อยู่ดีๆ นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็โพล่งมาที่แวต 15% แล้ววันต่อมาก็เป็น 15 : 15 : 15 ก็เลยทำให้ไม่ได้รับการตอบรับ จึงอยากฝากไปถึงนายพิชัย และนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า การปฏิรูปภาษีทั้งหมดต้องมองทั้งระบบ อย่าเจาะจงที่อันใดอันหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสนและไม่ได้รับการยอมรับ

เมื่อถามว่าตัวเลข 15 % เป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ฟัง นายพิชัยบอกว่าทั่วโลกเขาเก็บกัน 15-25% ตนคิดว่านายพิชัยน่าจะดูค่าเฉลี่ยโลก โดยที่ไม่ได้ดูบริบทประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งตนขอให้โอกาสนายพิชัยได้อธิบายว่าทำไมต้อง 15%

“ตอนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯกัน เคยพูดเรื่องปฏิรูปภาษี เรื่องแวต หรือแม้กระทั่งการอภิปรายในสภาที่มีงบประมาณ เคยมีการพูดกันถึง 9% แต่ว่า 15% ตัวเลขมาจากไหนผมก็ไม่เข้าใจ ต้องฝากถามด้วยว่าตัวเลข 15% มาจากไหน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่าต้องอธิบายให้มากขึ้นว่าการขึ้นภาษีแวต 15 % ลดความเหลื่อมล้ำอย่างไร รวมถึงแรงจูงใจในการลดหย่อนภาษีจะเอาอย่างไร ถ้าอธิบายเป็นระบบ แถลงแล้วจบก็ไม่สับสนเท่านี้

เมื่อถามว่าการเสนอลักษณะนี้ บ่งบอกได้หรือไม่ว่ารัฐบาลถังแตก นายพิธา กล่าวว่า “ผมว่าบ่งบอกอะไรไม่ได้เลย เพราะมันไม่รู้บริบท อยู่ดีๆก็โพล่งมา ถามผมไม่ได้ ต้องถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถามนายกรัฐมนตรี ถามรัฐบาลว่าทำไมอยู่ดีๆ ต้องขึ้น ทำไมต้องขึ้น 15% แล้วภาษีตัวอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมจะทำอย่างไรต่อ

‘แพทองธาร’ เตรียมแถลงผลงาน 12 ธ.ค. นี้ ชี้!! มีผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง

(8 ธ.ค. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียม แถลงผลงาน โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ระบุว่า 

2568 โอกาสไทย ทำได้จริง 2025 Empowering Thais: A Real Possibility จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริง 

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 น. 

ถ่ายทอดสดที่ช่อง NBT2HD และ Facebook Live: Live NBT2HD

ภูมิธรรม ย้ำ!! รัฐบาลรับฟังปม ‘เอ็มโอยู 44’ ขอ!! ‘สนธิ’ อย่าลงถนน ทำประเทศเสียหาย

(8 ธ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ในวันที่ 9 ธ.ค.ว่า

ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อมีความเห็นต่างก็สามารถเสนอความคิดเห็นเข้ามาได้ รัฐบาลพร้อมรับฟัง ยืนยันว่าเอ็มโอยู 44 ยังไม่ไปถึงไหน คณะกรรมการชุดเดิมได้หมดอายุลงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะตั้งคณะกรรมการในลักษณะใด มีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง ซึ่งรัฐบาลกำลังฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายอยู่ ซึ่งขณะนี้ก็มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและเห็นต่าง ซึ่งเราพร้อมรับฟัง

เมื่อถามว่า หลังจากนายสนธิยื่นหนังสือแล้ว ประเมินว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงจนนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงอะไร เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย ส่วนที่นายสนธิประกาศจะลงถนนนั้น ขอว่าอย่าทำแบบนั้นเลย เพราะจะทำให้ประเทศเสียหาย กระทบไปถึงภาคเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว รวมถึงความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ หากเกิดสภาวะที่ไม่ปกติ ความเชื่อมั่นก็จะหาย การฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ไม่เกิด จึงหวังว่าอย่ามีใครสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ

“ขณะที่กองทัพเข้าใจสถานการณ์ดี ทุกเหล่าทัพ มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศ และพร้อมช่วยกันประคับประคองเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ให้ทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติที่สุด ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เหตุที่ทำให้เกิดการรัฐประหารได้ หากมีกลุ่มไหนสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดความวุ่นวาย เราก็พร้อมดำเนินการตามกฎหมาย” นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้าย

‘หมอวรงค์’ จวกยับ!! กรณีพักโทษ ‘คดีโกง’ ชี้!! เป็นการร่วมมือกัน ทำลายประเทศชาติ

(7 ธ.ค. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า …

‘ระวัง!! ประชาชนไม่เชื่อมั่น’

เป็นที่ฮือฮาของสังคม หลังจากรัฐบาลแพทองธารเข้ามาบริหารประเทศ เกิดปรากฏการณ์นักโทษชั้น 14 ที่เชื่อได้ว่าไม่ยอมติดคุกสักวัน จากคดีทุจริต 3 คดี

ถัดมาล่าสุด ผู้ต้องหาคดีรับจำนำข้าว ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 48 ปี บางราย 36 ปี บางรายนอกจากถูกจำคุกคดีจำนำข้าว 48 ปี ยังมีคดีบ้านเอื้ออาทร อีก 50 ปี ล้วนได้ออกจากเรือนจำ

นับรวมการติดคุกเฉลี่ยแล้ว 7 ปี

เราต้องยอมรับว่า คดีทุจริตที่เกิดจากนักการเมือง ต้องถือว่าเป็นคดีร้ายแรง พอๆกับคดีค้ายาเสพติด หรือแม้แต่คดีฆ่าข่มขืน เพราะการทุจริตเป็นการทำลายโอกาสของประชาชน มีผลกระทบต่อการพัฒนาการอยู่ดีกินดีของประชาชน

การที่กรมราชทัณฑ์จะมาอ้างว่า เนื่องจากผู้ต้องขังเข้าเกณฑ์ที่ต้องพักโทษ แต่เพราะคดีทุจริตเป็นคดีร้ายแรงที่ทำลายชาติ ท่านจะใช้มาตรฐานคดีปกติมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้ ท่านควรต้องมีเกณฑ์ต่างหาก เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวต่อการทำผิด

ท่านเห็นไหมว่า นักโทษคดีทุจริต ที่พวกท่านให้การพักโทษกรณีพิเศษ วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง คนพวกนี้สำนึกผิดหรือไม่ นอกจากไม่สำนึกผิด คนคนนี้กำลังจะสร้างปัญหาเดิมๆของประเทศ และดูแนวโน้มแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะหนักกว่าเดิม ท่านเคยประเมินหรือไม่

พวกท่านทราบไหมว่า กว่ากระบวนการตรวจสอบการทุจริตของนักการเมือง จะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานได้ ต้องทุ่มเทการทำงาน มากขนาดไหน กว่าจะผ่านป.ป.ช. ผ่านอัยการและไปต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา เตรียมข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ นำพยานมาเบิกความ

ทุกฝ่ายต้องทำงานด้วยความยากลำบาก ทั้งต้องอาศัยความตั้งใจ ความทุ่มเท เพื่อเก็บกวาดประเทศให้สะอาด และศาลฎีกาฯใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมพยานหลักฐาน จนมีคำพิพากษาออกมา แต่สุดท้ายมาจบแบบไม่รับผิดชอบของราชทัณฑ์ ที่สำคัญคนที่ได้รับการพักโทษก็ไม่สำนึก

เพราะกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำของประเทศ เป็นแบบนี้ การที่หวังจะเก็บกวาดประเทศไทยให้สะอาด นับวันจะยิ่งหนักกว่าเดิม สิ่งที่เห็นรัฐบาลชุดนี้ ดำเนินการเรื่องจัดการทุจริตจึงไม่ต้องหวัง ก็เหลือแต่องค์กรตรวจสอบ ที่ควรจะทำงานด้วยความรวดเร็ว

ระวังนะประชาชน นอกจากไม่เชื่อมั่นนักการเมือง จะไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมรวมทั้งราชทัณฑ์ ไม่เชื่อมั่นระบบตรวจสอบขององค์กรอิสระ อาจจะลามไปสู่ การไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ ไม่ต้องโทษใคร แต่ต้องโทษทั้งนักการเมือง องค์กรอิสระ ข้าราชการที่มีส่วนร่วมมือกันทำลายประเทศ

‘โหรวันชัย’ พยากรณ์กลางมิ.ย.68 ‘พญามังกรทักษิณ - รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง’ เผชิญธาตุไฟ ชี้!! บริหารดีก็รุ่งโรจน์ แต่ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ จะเป็นเหมือนไฟบรรลัยกัลป์

(7 ธ.ค. 67) นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. โพสต์ข้อเขียน เรื่อง ‘งูไฟ…กับรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง’ ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า จะไม่พูดถึงตัวเลขและดวงดาวต่าง ๆ เพราะหมอดูหลายคนออกมาพูดกันมากแล้ว มะโรงงูใหญ่ก็เร่ง มะเส็งงูเล็กก็กำลังจะมา เรียกว่า ทั้งมังกรใหญ่มังกรเล็กอยู่คู่กับรัฐบาลเพื่อไทยเกือบ 2 ปี มีพญามังกรทักษิณเป็นหัวแรง ทั้งพ่อทั้งลูกคือมังกรเล็กมังกรใหญ่ในรัฐบาล และปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้ นักษัตรปีงูเป็นธาตุไฟ ทั้งเร่าร้อน ร้อนแรง ทั้งมีแสงสว่างไสวและพร้อมที่จะลุกไหม้ได้ตลอดเวลา

ธาตุไฟปีมะเส็งนี้มีทั้งคุณและโทษ รัฐบาลถ้าบริหารจัดการดีก็สว่างไสวรุ่งโรจน์โชติช่วง ถ้าไม่ดีไฟก็พร้อมที่จะลุกไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์ เผาไหม้ทั้งนายกฯและรัฐบาล จะเกิดการปะทุประท้วง ชุมนุมขับไล่ ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ลุกขึ้นมาปะทะกัน สุมไฟแห่งความขัดแย้ง จะเกิดการเผาไหม้เร่าร้อนรุนแรงอีกครั้ง นายวันชัยระบุ

นายวันชัยระบุอีกว่า ดวงชะตาฟ้าลิขิต ทั้งดวงดาวของประเทศ นายกฯอุ๊งอิ๊ง และคุณทักษิณบรรจงลงตัวเดินหน้ามาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงกลางเดือนมิถุนายน 2568 หกเดือนต่อแต่นี้เป็นการชี้ชะตา วัดพลังแห่งธาตุไฟ จะสว่างไสวหรือเผาไหม้ก็อยู่ที่ช่วงนี้แหละ ผลงานและการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องเศรษฐกิจ การกินดีอยู่ดี เหมือนไฟสุมขอนที่พร้อมจะปะทุให้สว่างไสวรุ่งโรจน์รุ่งเรือง หรือเผาไหม้เป็นไฟบรรลัยกัลป์ก็ได้

ดวงชะตาของประเทศและผู้นำมาถึงกาลนี้แล้วต้องเร่งเครื่องสร้างผลงาน แก้ปัญหาให้สำเร็จให้ได้โดยเร็ว จึงจะทำให้อยู่ได้ไปตลอดรอดฝั่งทั้งประชาชนและรัฐบาล แต่ถ้ายังเหมือนเดิม อีหลุกขลุกขลักเหมือนที่ผ่านมา ความยุ่งเหยิงวุ่นวายโกลาหลก็จะบังเกิด เมื่อถึงตอนนั้น จะงูเล็กงูใหญ่หรือบริวารว่านเครือก็จะแตกกระสานซ่านเซ็นกระจุยกระจายมอดไหม้กันไปหมด ปีมะเส็งแห่งธาตุไฟนี้ จะเป็นธาตุไฟแตก หรือธาตุไฟที่รุ่งเรืองสว่างไสว คอยดูกันต่อไป นายวันชัย ระบุคำทำนาย

โทษจำ 104 ปี ติดจริง 8 ปี ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คนเหนือคุก..!!

(7 ธ.ค. 67) เรื่องร้อนจากแนวรบกระทรวงยุติธรรม -กรมราชทัณฑ์ ในรอบสัปดาห์หนีไม่พ้นการได้รับการพักโทษของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ เมื่อ2ธ.ค.2567 โทษติดคุกคดีจำนำข้าว 48 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 4 ครั้ง เหลือโทษจริง 10ปี ติดมาแล้ว 7 ปี..เข้าเกณฑ์พักโทษ  จะพ้นโทษจริง  2571

ก่อนหน้านั้นภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ พักโทษไปเงียบๆ เมื่อเดือนก.ย....จะพ้นโทษจริง 2569

แต่ที่เงียบเชียบ..ถ้า ‘เดอะแจ๊ค’ วัชระ เพชรทอง ไม่ออกมาปูดข่าวว่าได้รับการปล่อยตัว-พักโทษไปแล้วเมื่อ 9 ต.ค.2567 สังคมก็คงไม่ได้รับทราบกันก็คือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อภิชาติ  จันทร์สกุลพร แห่งบ.สยามอินดิก้า ขนาด ‘เดอะแจ๊ค’ ออกมาเปิด..หลายคนก็ยังคิดว้าเป็นข่าวลือ เป็นไปไม่ได้  เพราะเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์นายหนึ่ง ออกมาพูดฉอด ๆ ผ่านรายการคุณ ‘หมาแก่’ ช่อง 9อสมท.ว่า..เสี่ยเปี๋ยงยังไม่ได้รับการพักโทษ..เพราะโทษสูง รวมกันถึง 104 ปี ก่อนที่สองวันต่อมา..อธิบดีคุก ต้องยอมรับว่า..พักโทษแล้ว!! 

6 ธ.ค. มีการอธิบายความ แถลงข่าวชุดใหญ่ นำโดยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารมว.ยุติธรรม ชี้แจงกรณีต่าง ๆ รวมทั้งกรณีเสี่ยเปี๋ยง โดยนายสมบูรณ์อธิบายว่าการพักโทษมี 2 รูปแบบ คือ แบบปกติ นักโทษชั้นกลาง ชั้นเยี่ยม ผ่านจำคุก 2ใน 3 ของกำหนดโทษ แบบที่สอง แบบพิเศษ จำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 และมีอาการป่วยรุนแรงตามกฎหมายกำหนด..

กรณีเสี่ยเปี๋ยงที่อายุเกิน 70 ปีแล้ว เข้ารูปแบบพิเศษ คณะอนุกรรมการลงมติ 8:0 ให้พักโทษ....

อันว่า ‘เสี่ยเปี๋ยง’ เป็นที่รู้ ๆ กันดีว่าแนบแน่นกับระบอบทักษิณแบบร่วมหัวจมท้าย..โดยคดีทุจริตเกี่ยวธุรกิจค้าข้าว,บ้านเอื้ออาทร..รวมโทษแล้ว 100 กว่าปี หากไม่พักโทษหรือลดโทษเขาจะติดคุก..พ้นโทษจริงวันที่ 21 พ.ย.2629

เอกสาร..ข้อมูลที่อยู่ในมือกรมราชทัณฑ์แต่ไม่เผยแพร่..แต่ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้เห็นมา ขอสรุปสั้น ๆ บันทึกไว้ให้รับทราบพิจารณากัน ดังนี้..

#กรณีนายอภิชาต..คดีที่ศาลออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดมี 4 คดี

คดีที่ 1  ยักยอกทรัพย์ (ศาลแขวงสมุทรปราการ) จำคุก 3 ปีนับแต่ 27 ต.ค. 2558 -พ้นโทษแล้ว

คดีที่ 2 ยักยอกทรัพย์ จำคุก3ปี ศาลแขวงสมุทรปราการ (หักขัง1,281 วัน) นับแต่ 27 ต.ค.2561 พ้นโทษในวันเดียวกัน

คดีที่ 3 ความผิดพ.ร.บ. การเสนอราคาต่อรัฐ (คดีจำนำข้าวจีทูจี) จำคุก 48 ปี (หักขัง 422 วัน) นับแต่ 27 ต.ค.2561 กำหนดพ้นโทษ 3 ส.ค.2608 

คดีนี้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 5 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2562 เหลือโทษ 32 ปี,ครั้งที่2 เดือนส.ค.2563 เหลือโทษ 21 ปี 4 เดือน,ครั้งที่สาม เดือนธ.ค.2563 เหลือโทษ 14 ปี 2 เดือน,ครั้งที่สี่ เดือนก.ค.2564 เหลือโทษ 9 ปี 5 เดือน ครั้งที่ห้า เดือนธ.ค.2564 เหลือโทษ 6 ปี 3 เดือน..

คดีที่ 4 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ (คดีบ้านเอื้ออาทร) โทษจำคุก 50 ปี นับแต่ 29 ธ.ค.2581 พ้นโทษ 21 พ.ย.2629 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 3 ครั้ง ลดโทษแล้วเหลือ 14ปี 9เดือน 24 วัน  จะพ้นโทษ 7 ก.ย.2579

#ตามเอกสารสรุปว่า ปัจจุบันนายอภิชาตเหลือโทษจำคุกเพียงคดีเดียวคือคดีที่ 4 เหลือกำหนดโทษ 14 ปี 9 เดือน 24 วัน (มีหักขัง 769 วัน) แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษพ.ศ.2567 1ใน 7 ชั้นเยี่ยม ลดโทษ 2 ปี 1 เดือน 12 วัน เหลือโทษ 12 ปี 8 เดือน 12 วันนับแต่ 26 ธ.ค.2566 คดีนี้จำมาแล้ว 2 ปี 9 เดือน 5วัน เหลือโทษจำต่อไปอีก 9ปี 11เดือน 12 วัน จะพ้นโทษ 27 ก.ค.2577

#เอกสารสรุปว่านายอภิชาติได้รับการปล่อยตัวพักโทษ(กรณีมีเหตุพิเศษ เจ็บป่วยร้ายแรง และอยู่ระหว่างการคุมประพฤติของพนักงานคุมประพฤติ โดยมีการประชุมเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2567 และปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ ร.พ.รามาธิบดี เนื่องจากยังพักรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ดังกล่าว   

รวมระยะเวลาที่นายอภิชาติติดคุก 8 ปี 11 เดือน 18 วัน ก่อนที่จะได้รับการพักโทษ..โดยไม่ต้องติดกำไลอีเอ็ม

ข้อมูลทั้งหมดตามนั้น..ในขณะที่คดีทางแพ่งที่เสี่ยเปี๋ยงและใครต่อใครต้องชดใช้ความเสียหาย (คดีจำนำข้าว) ให้กับแผ่นดิน วันนี้ก็ยังมีความชัดเจน..ชัดเจนอยู่อย่างเดียวทุกปีรัฐต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้ความเสียหายอันเนื่องจากคดีจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์...

‘ยิ่งลักษณ์’ ที่จะกลับในปีหน้าด้วยยานวิเศษ..พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560, กฎกระทรวง 2563 และระเบียบราชทัณฑ์ 2566 ว่าด้วยคุกนอกเรือนจำ..ดังที่ได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว..ฟันธง!!

‘ถาวร’ ยังไม่ชัด ‘ไพเจน-แบน-สุพิศ’ ชัดเจนแล้ว ศึกเลือกตั้ง ครั้งใหญ่!! ชิงนายกฯ อบจ.สงขลา

(7 ธ.ค. 67) แม้ ‘ถาวร เสนเนียม’ อดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม จะยังไม่ชัดว่าจะลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาหรือไม่ แต่สำหรับ ‘นายกฯแบน’ ประสงค์ บริรักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเขารูปช้าง ได้ตัดสินใจแล้ว ลงสมัครนายกฯอบจ.สงขลาแน่นอน แต่ไม่ส่ง ส.อบจ.นะ

“ลงสมัครแน่นอน ถ้าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับคดีที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ รอประชุมกับทีมทนายความประเมินคดี แนวทางการสู้คดี ถ้าทนายความประเมินผลออกมาทางบวก ก็จะลงสมัคร ถ้าผลออกมายังไม่แน่ใจ หรือออกมาเป็นลบ ก็จะไม่ลงสมัคร” ถาวร กล่าว

ถาวร กล่าวต่อว่า คดีในชั้นอุทธรณ์น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี ถ้าตนลงสมัครแล้วได้รับเลือก แต่ประมาณ 1 ปี ถ้าศาลตัดสินจำคุก ก็จะขาดคุณสมบัตินายกฯ อบจ.ต้องจัดเลือกตั้งใหม่

“ผมไม่อยากให้ อบจ.สงขลาต้องสูญเสียงบประมาณร่วม 100 ล้านบาทมาจัดการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ใหม่ อันเป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน 100 ล้านทำอะไรได้อีกมาก สร้างถนนในระดับหมู่บ้านได้หลายสาย” ถาวร กล่าว

ถาวร กล่าวย้ำว่า กลางเดือนธันวาคมจะทราบผลการประเมินคดีจากทีมทนายความ ทราบผลก็จะได้ตัดสินใจ และแถลงข่าวให้ประชาชนทราบ

หลังสื่อบางสำนักรายงานว่า ถาวรจะจับมือกับโกเกี๊ยะ (ภูมิใจไทย) ส่งถาวรลงชิงนายกฯ อบจ.สงขลา มีกระแสตอบรับดีมาก ร้านน้ำชา-กาแฟ มีการพูดถึงในเชิงบวก บางคนพูดย้ำว่าพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือในการหาเสียง รอเพียงถาวรตัดสินใจเท่านั้น

สำหรับ ‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง หลังเปิดตัวลงชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.สงขลา ครึกโครม แต่หลังจากนั้นเงียบไปในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ของสงขลา เข้าใจว่าเดินทางไปต่างประเทศที่เตรียมการไว้ก่อนน้ำท่วมแล้ว ประกอบกับไม่อยากแจกของในช่วงใกล้วันสมัคร จะวุ่นวายกับการถูกร้องเรียน แน่นอนว่าถ้าถาวรลงก็จะไปชิงคะแนนของสุพิศ เพราะถาวรอยู่คนละขั้วกับ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ และ ‘เดชอิศม์ ขาวทอง’ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทั้งสองให้การสนับสนุนสุพิศ และคะแนนของไพเจน มากสุวรรณ์ นายกฯอบจ.คนปัจจุบันที่ไม่ลงสมัครต่อ ก็จะไหลไปทางอื่น ไม่ใช่ไหลไปสุพิศ ถ้าถาวรลง คะแนนไพเจนจะไหลไปถาวร ถ้าถาวรไม่ลงสมัครคะแนนอาจจะไหลไปพรรคประชาชน (นิรันดร์ จินดานาค)

แม้ไพเจนจะได้ประกาศชัดผ่านแถลงการณ์ ยืนยันไม่ลงสมัครต่อ แต่แฟนคลับ ขาเชียร์ก็ยังหนาแน่น วันที่ 19 ธันวาคม จะหมดวาระ ก็จะอำลาตำแหน่ง ทราบว่า จะมี ส.อบจ.ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ที่ไม่ใช่สายสุพิศ นำมวลชนมาให้กำลังใจไพเจน 2-3000 คน พร้อมกับโน้มน้าวให้กลับใจลงสมัครอีกสมัย

คุณจะเป็นคนแบบไหนก็ได้ แต่ขอให้ชัดเจน อย่าเป็น 'มนุษย์ย้อนแย้ง' เพราะมันน่ารังเกียจสิ้นดี

ตั้งแต่มีพรรคส้มเกิดขึ้นมาในสังคมไทย คำว่า 'มนุษย์ย้อนแย้ง' ก็กลับมาฮิตติดปาก คนทั่วไปมักจะใช้คำนี้เรียกขานกลุ่มคนที่ 'นิยมส้ม' เพราะจะมีพฤติกรรมที่ 'ขัดแย้งในตัวเอง' ให้เห็นเป็นประจำ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเขินอายสังคมแม้แต่น้อย เช่น…

เคยแต่งชุดดำร้องไห้จะเป็นจะตายร่วมกับคนไทยค่อนประเทศตอนปลายปี 2559 แต่กลับกาเลือกพรรคการเมืองที่มีสันดานจาบจ้วง กัดเซาะ ดูหมิ่น หยาบคาย และมีแนวคิดล้มล้างการปกครอง ถ้าเพราะไม่รู้ว่าพรรคที่ตนเองเลือกนั้นล้มเจ้า ก็ต้องถือว่าเป็นมนุษย์ที่เบาปัญญาสิ้นดี 

เป็นศิลปินนักร้องที่เกลียดชังสถาบัน แต่กลับทำมาหากินกับการร้องเพลงพระราชนิพนธ์ หรือรับงานที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการเชิดชูสถาบัน ไม่สนว่าใครจะมองเป็นคนประเภท 'เกลียดตัวแต่ชอบแอบกินไข่' ถือเป็นพฤติกรรมย้อนแย้งที่ไร้ความละอายอย่างจริงแท้ 

เปิดร้านขายผลงานซีดี และแผ่นเสียงเพลงไทย แสดงออกตรง ๆ ว่าเกลียดสถาบัน และเชียร์พรรคการเมืองที่เดินหน้าล้มล้างการปกครอง แต่ภายในร้านกลับวางจำหน่ายผลงานอัลบั้มที่งานประพันธ์นั้นมาจาก 'ในหลวงรัชกาลที่ ๙' หรือติดรูปในหลวงไว้ข้างฝาร้านให้ผู้คนเข้าใจว่าตัวเองนั้นเป็นคนไทยอีกคนที่จงรักภักดีเหมือนคนส่วนใหญ่ เพื่อจะได้ขายของ ทั้ง ๆ ที่ส่วนลึกของหัวใจนั้นนิยมเกลือกกลั้วอยู่ในฝั่งคนชิงชังสถาบัน 

เป็นคนจัดงานคอนเสิร์ตที่แอบสนับสนุนกลุ่มคนล้มเจ้าตลอดเวลา และมักพูดถึงสถาบันไปในทางเสื่อมเสีย แต่กลับรับจ้างจัดงานที่ต้องใช้บทเพลงพระราชนิพนธ์ หรือจัดกิจกรรมที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์ไทย เรียกว่าย้อนแย้งแบบสุด ๆ 

เป็นสื่อที่ปากบอกรักสถาบัน รักในหลวง แต่กลับเชิญแต่พวกล้มเจ้ามาออกในรายการ และปล่อยให้คนที่คิดร้ายพูดถึงสถาบันในทางที่ไม่จริงโดยไม่เคยทัดทาน หรือท้วงติง ถือเป็นคนสื่อที่ย้อนแย้ง และต้องถือว่าเป็นอันตรายต่อสังคมไทย

ใด ๆ ก็ตาม 'มนุษย์ย้อนแย้ง' มักเป็นคนที่ขาดอุดมการณ์อันแรงกล้าต่อสิ่งที่เชื่อ, คิด และทำ เป็นประเภท 'เงินมาผ้าหลุด' มีชีวิตมีลมหายใจแค่ทำมาหารับประทาน หรือรับจ้างไปวัน ๆ เป็นคนที่น่ารังเกียจ, ไม่จริงใจ และไร้ราคา

‘อนุรักษ์’ โอด!! ป้ายหาเสียง ถูกทำลายหลายจุด วอน!! ‘เจ้าหน้าที่’ ช่วยดูแล เลือกตั้ง ‘อบจ.ตาก’

(5 ธ.ค. 67) นางอัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ ลูกสะใภ้ ของนายณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกุลกิจ อดีตนายกอบจ. ต้องปะทะกับค่ายพลังประชารัฐ ผู้สมัครหมายเลข2 พตท.อนุรักษ์ จิรจิตร อดีต ผู้ช่วยรมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมัยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่ได้ พรรคประชาชน ตบเท้ามาร่วม เดินสาย ร่วมรบเพื่อหวังให้เมืองตาก เปลี่ยนเป็นเมืองที่พัฒนา และทันสมัย ล่าสุด ก่อนการเลือกตั้งโค้งสุดท้ายพบว่ามีการทำลายป้ายผู้สมัครกันในหลายพื้นที่ เช่น อำเภอ พบพระ อำเภอ อุ้มผาง  

วอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ และดูแลด้วยเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม

‘คำผกา’ ทวีตข้อความแซะ!! ‘จอห์น วิญญู’ อวย!! ‘สส.เกาหลี’ แขวะ!! ‘สส.ไทย’

เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค. 67) คำ ผกา หรือ แขก พิธีกรชื่อดัง ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชัน  X (ทวิตเตอร์) @kamphaka ระบุว่า...
อยากเห็นจอนลงถนนไม่ไหว พรุ่งนี้นำเลยนะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top