Tuesday, 24 June 2025
POLITICS NEWS

คนไทยกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณีคนไทยกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 1,352 คน เป็นการสำรวจทางออนไลน์ ระหว่างวันที่ 24-26 พ.ค.66 พบว่า จากการเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนสนใจติดตามข่าวการเมืองมากขึ้น ร้อยละ 72.63 ณ วันนี้ ประชาชนรู้สึกเครียดกับเรื่องปากท้อง/ค่าใช้จ่ายมากที่สุด ร้อยละ 52.14 รองลงมาคือ การจัดตั้งรัฐบาล ร้อยละ 51.90 ทั้งนี้เมื่อมีความรู้สึกเครียดจะแก้ปัญหาด้วยการคุยกับเพื่อน คนรัก คนที่ไว้ใจได้ ร้อยละ 46.38

เมื่อสอบถามว่าประชาชนมีความกังวลกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ พบว่า กังวล ร้อยละ 67.83 เนื่องจากกลัวว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน พรรคที่ได้เสียงข้างมากอาจไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน มีการเล่นเกมการเมืองมากเกินไป และกังวลการโหวตของ ส.ส. และ ส.ว.

ส่วนความเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเป็นไปด้วยความราบรื่น พบว่าไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 58.33 และเชื่อมั่น ร้อยละ 41.67 จากผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาทำให้คนไทยติดตามข่าวการเมืองมากขึ้น แต่ก็ยังมีความกังวลกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง รวมไปถึงกังวลกับการเลือกนายกรัฐมนตรีว่าอาจจะไม่ได้ตาม ที่ต้องการเพราะกลไกของการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นมีเงื่อนไขของการโหวตจาก ส.ว. ร่วมด้วย กอปรกับภาพความขัดแย้งของพรรคฝั่งประชาธิปไตยที่มีข่าวให้เห็นรายวัน จึงทำให้ประชาชนยังไม่แน่ใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความราบรื่น

‘สว.สมชาย’ คิดหนัก หลังเห็นรายชื่อว่าที่ประธานสภาฯ เย้ย ไร้ฝีมือ-ด้อยคุณภาพ ลั่น!! ไม่ขอเรียกท่านประธานที่เคารพ

(27 พ.ค. 66) จากกรณีกระแสข่าวการชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมนั้น ล่าสุด นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์รูปภาพและข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“555ว่าที่ท่านประธานสภาที่เคารพไม่ลง”

โดยภาพที่นายสมชายโพสต์ ระบุข้อความว่า “#คิดหนักมาก เปิดประชุมร่วมรัฐสภาฯ ดูหน้ารายชื่อว่าที่ประธานสภาที่พรรคกร้าวเสนอ ไร้ฝีมือ ด้อยคุณภาพ ไม่ขอเรียกท่านประธานสภาที่เคารพแน่นอน #กระดากปาก”

‘เพื่อไทย’ ยัน ไม่สร้างเงื่อนไขให้การขับเคลื่อน รบ.ติดขัด ลั่น!! ไม่คิดใช้ตำแหน่งประธานสภาฯ ต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย

 (27 พ.ค. 2566) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย (สร.) ออกมาระบุตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเกมที่พรรคเพื่อไทยต้องการใช้ต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ว่า ไม่เป็นความจริง พรรคเพื่อไทยไม่คิดเอาตำแหน่งประธานสภาฯ มาเป็นเงื่อนไขต่อรองเก้าอี้ รมว.มหาดไทย เพราะเป็นคนละส่วนกัน

นายประเสริฐ กล่าวว่า เก้าอี้รัฐมนตรีเป็นฝ่ายบริหารที่พรรคร่วมทั้ง 8 พรรคต้องมาหารือตกลงร่วมกัน โดยมีธรรมเนียมเรื่องการนำเก้าอี้ ส.ส. ที่แต่ละพรรคได้มาเกลี่ยกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของตัวบุคคลในภารกิจนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่จะเอาแค่เก้าอี้มาเป็นตัวชี้วัดอย่างเดียว ซึ่งเรื่องนี้ทางพรรคร่วมคงต้องมีการหารือเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลเดินหน้าอย่างราบรื่น

“พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ ไม่คิดจะเอาตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติมาเป็นเงื่อนไขในการต่อรอง จนกระทบการทำงานของฝ่ายบริหารแน่ เพราะบ้านเมืองประสบปัญหามานาน เราต้องได้รัฐบาลที่กลมเกลียวไปแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ยืนยันเราไม่คิดที่จะเป็นคนสร้างเงื่อนไขให้การขับเคลื่อนรัฐบาลติดขัดแน่นอน” นายประเสริฐ กล่าว

‘ธนกร’ ยัน ‘รทสช.’ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ลั่น!! จุดยืนพรรคฯ ไม่หนุน ว่าที่นายกฯ ‘พิธา’ ปมแก้ ม.112

(27 พ.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการเดินหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติหลังการเลือกตั้ง ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติยืนยันเดินหน้าสู่การเป็นสถาบันทางการเมือง และไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ แม้จะเป็นพรรคใหม่ แต่จากผลการเลือกตั้งเราถือว่าเป็นความสำเร็จในการเริ่มต้นครั้งแรกของการเลือกตั้ง คะแนนเสียงที่ได้ เป็นสิ่งที่พรรคต้องนำความหวังของพี่น้องประชาชนมาเดินหน้าขับเคลื่อน แม้พรรคไม่ได้เป็นอันดับ 1 แต่ให้คำมั่นไม่ว่าจะบทบาทไหน พรรคจะขับเคลื่อนการทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้ ส่วนการทำงานในพรรคจะมีการปรับกลยุทธ์ โดยนำเสียงสะท้อนพี่น้องมาเป็นการบ้านทำให้พรรคเข้มแข็งต่อไป โดยดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมขับเคลื่อนพรรค

นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังอยู่นำพรรคต่อไป บนอุดมการณ์จุดยืนแน่วแน่ที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง ปกป้องสถาบันหลักของชาติ และในสิ่งที่หาเสียงไว้กับประชาชน รวมถึงสานต่อการทำงานรัฐบาล ตลอด 8 ปี ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล อย่างที่ตนบอกมาตลอด เป็นหน้าที่ของพรรคที่ได้คะแนนเสียงลำดับต้นๆ ที่เขาจะไปพูดกันเอง อย่างที่บอกเราให้เกียรติ สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมทุกอย่างจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นฝ่ายค้านก็ได้ จะอยู่ฝั่งไหนพวกเราก็สามารถทำงานได้ เพราะเราเคารพกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย หากมีพรรคอื่นมาชวนไปร่วมรัฐบาล ตนขอยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เอาพรรคที่แก้มาตรา 112 หากพรรคที่มาชวนเราไปร่วมรัฐบาลมีเรื่องนี้ เรายอมไม่ได้ เพราะเรายึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะไม่ยกมือสนับสนุนนายกฯ ที่ชูแก้มาตรา 112

พิธา โพสต์เคลียร์ เก้าอี้ ประธานสภาฯ ขอให้ทุกพรรค เดินหน้าทำงาน ปรับจูนนโยบายร่วมกัน เพื่อตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ

วันที่ (26 พ.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความ ถึงการแย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้พรรคการเมือง 8 พรรคที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลจับมือกัน และนำประเด็นนี้ไปพูดคุยกันในวงเจรจา

"เรื่อง ประธานสภา ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมากถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา

ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้

พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว ดังนั้น ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้ ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด

ตอนนี้ ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ" นายพิธา โพสต์
 

‘ฟิทช์’ ส่งสัญญาณถึง ‘รบ.ใหม่’ ปมจัดตั้งคลุมเครือ-ล่าช้า ชี้!! อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือในเสถียรภาพของไทย

วันที่ (26 พ.ค.66) รายงานข่าวจาก Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับเรตติ้งชั้นนำ ระบุถึงสถานการณ์ประเทศไทยหลังผ่านการเลือกตั้งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีเวลาถึง 60 วันในการประกาศผลอย่างเป็นทางการหลังการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 66 แต่ตัวเลขเบื้องต้นบ่งชี้ว่า

พรรคก้าวไกลซึ่งได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร และพรรคเพื่อไทย พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดก่อนหน้านี้ ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ยังมีความคลุมเครือในการจัดตั้งรัฐบาล โดยขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอหรือไม่ ที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม ซึ่งจะส่งผลให้มีการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายในกรอบที่กว้าง ทำให้การกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ อาจถูกจำกัดชั่วคราว หากกระบวนการสรรหาพันธมิตรร่วมรัฐบาลยังทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าไปหลายเดือน

สำหรับการจะครองเสียงข้างมากในรัฐสภา และเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องรวมคะแนนเสียงให้ได้อย่างน้อย 376 เสียง จากที่นั่งรวม 700 ที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารก่อนการเลือกตั้งปี 2562

ทั้งนี้ การคาดการณ์ในกรณีพื้นฐาน (Base Case) นั้น ผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระยะสั้นจะมีจำกัด โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ฟิทช์ ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยไว้ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

เราได้ระบุไว้กว้างๆ ว่า อาจเกิดรัฐบาลผสม ทำให้การกำหนดนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพนั้นกลายเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ก็ไม่น่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และแม้ว่าแนวโน้มนโยบายการคลังมีความไม่แน่นอน แต่คาดว่ารัฐบาลผสมชุดใหม่ จะยังคงยึดมั่นในนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญบางส่วนของรัฐบาลชุดที่แล้ว

ทั้งนี้ อาจมีการหยุดชะงักในการใช้จ่าย ภายใต้งบประมาณสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนกันยายน 2567 หากการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะเป็นผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่เรายังคงคาดว่า การเติบโตจะเร่งตัวขึ้นในปี 2566 และยังคงแข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก

ตัวชี้วัดภาคการคลังสาธารณะของไทย ที่มีความเสื่อมถอยลงอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด 19 ซึ่งมีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับปัจจุบัน แต่ฟิทช์คาดการณ์ว่า หนี้ภาครัฐทั่วไป/จีดีพี และดอกเบี้ย/รายได้ ในปี 2566-2567 จะยังคงอยู่ในระนาบตามค่ามัธยฐาน (Median) ของกลุ่มประเทศที่มีความน่าเชื่อถือในระดับ BBB

ทั้งนี้ ระบุว่า หากรัฐบาลชุดต่อไปไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของสัดส่วนหนี้ภาครัฐได้ ตัวอย่างเช่น มีแรงกดดันด้านการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง หรือมีผลกระทบจากภายนอก ซึ่งอยู่นอกเหนือสมมติฐานพื้นฐานของเรา นั่นอาจส่งผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลดลง

ว่าที่ ส.ส.อรรถกร ขอบคุณทุกคะแนนเสียง จากประชาชน เร่งลุย ทำงานแก้ปัญหาราคากุ้ง ช่วยเกษตรกรรายย่อย ทันที

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ฉะเชิงเทรา เขต 2 หนึ่งในว่าที่ส.ส.พลังประชารัฐ ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทรา  และเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่สามารถฝ่าการแข่งขันสูงในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า

ตนขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นให้ได้ทำงานต่อเนื่อง ตนพร้อมทำงานทันที เพราะยังมีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง ซึ่งประสบปัญหาราคากุ้งไม่สอดคล้องกับต้นทุนการเพาะเลี้ยง  

ทั้งค่าอาหารและปูนในการเพาะเลี้ยงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุดได้เข้าร่วมประชุมหารือ กับกลุ่มเกษตรกร เพื่อวางแนวทางร่วมกัน ในการยกระดับราคากลางให้สูงขึ้น   คุ้มค่ากับการลงทุนในการเพาะเลี้ยง ควบคู่กับการหาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับเกษตรกรรายย่อยในระยะต่อไป เพื่อให้ได้ราคากุ้งที่เหมาะสมกับต้นทุน

“พื้นที่ฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งผลิตกุ้งเลี้ยง อีกแห่งหนึ่ง ถือเป็นเศรษฐกิจพื้นฐานของจังหวัด ต้องได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาระยะยาว ให้เกษตรกรอยู่รอดได้”นายอรรถกร กล่าว

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เราต้องเร่งสานต่อนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องน้ำในจังหวัด ทั้งการแก้ไขปัญหาน้ำเค็ม การจัดหาแหล่งน้ำจืด และลดปัญหาน้ำกร่อย พร้อมกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้น้ำสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่ฉะเชิงเทรา มีความหลากหลายทางอาชีพ นอกจากเกษตรกรรม ยังเป็นแหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมด้วย ทำให้ความต้องการใช้น้ำมีการปริมาณเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 

สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาล ‘ก้าวไกล’ อาจต้องยกเก้าอี้ ประธานสภาฯ ให้เพื่อไทย เพื่อให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

(26 พ.ค. 66) เลียบการเมือง..สุดสัปดาห์   ก็ต้องมาขมวดสถานการณ์ส่งท้ายกันให้สะเด็ดน้ำอีกนิดว่า..แม้จะบอกว่าพรรคฝ่ายตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย  ยึดผลประโยชน์ชาติและประชาชน  แต่สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลไม่ได้ราบรื่นแบบโรยด้วยกลีบกุหลาบแม้แต่นิดเดียว...ยิ่งนานวันก็ออกอาการแบบการเมืองเดิมๆ..
เอาล่ะ ไม่พูดพล่ามทำเพลง  เล็ก  เลียบด่วน  ขอหน้าแหกฟันธงไว้สัก 3ประการดังนี้..
ประการที่หนึ่ง –ศึกชิงตำแหน่งประธานสภา   หลังจากมีการประดาบ สำแดงพลังกันพักใหญ่ ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คงเป็นฝ่ายชนะ..แต่อาจมีข้อแลกเปลี่ยนพิเศษให้กับพรรคก้าวไกล...

ประการที่สอง  - เมื่อตกลงชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภาแล้ว   เพื่อไทยก็จะโอบอุ้มหนุนส่งพิธา   ลิ้มเจริญรัตน์  ไปจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนก.ค.หรือต้นส.ค.....แน่นอนพรรคเพื่อไทยยกมือหนุนให้พิธา....แต่คะแนนของพิธาจะผ่าน 376 เสียงหรือเกินครึ่งของรัฐสภาเพื่อจะได้เป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่มือของสว.เป็นหลัก...

ประการที่สาม- พิธาคงไปไม่ถึงฝันเพราะสว.ส่วนใหญ่ไม่ยกมือให้  ถึงตอนนั้น พรรคก้าวไกลอาจหนุนนายกฯของพรรคเพื่อไทย  แต่เสียงอาจไม่ถึง 376 เสียงอีกเพราะสว.อาจตั้งแง่ว่า  ตราบใดที่มีพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะไม่โหวตให้...เกมการเมืองก็จะพลิ กโฉมหน้าไปอีก  โดยโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม   พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้านมีสูงมาก...

อาจมีบางฝ่ายในปีกอนุรักษ์นิยมเชื่อว่า   เมื่อพิธาสอบไม่ผ่าน...ก้าวไกลประกาศไปเป็นฝ่ายค้าน ลุงตู่หรือลุงป้อมอาจพลิกเกมลงสู้ชิงนายกฯแข่งกับพรรคเพื่อไทย  ซึ่งน่าจะชนะแน่เพราะมี250 เสียงจากสว.หนุน  จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย    ลากไปซักปีค่อนปีแล้วค่อยยุบสภานั้น...สูตรนี้”เล็ก  เลียบด่วน”  เห็นว่าคิดได้..ทำได้  แต่ถ้าทำจริงๆน่าจะเข้าทางด้อมส้ม..เลือกตั้งรอบหน้าฟ้าถล่มดินทลายแน่นอน...ขณะที่สูตรยอมหนุนพรรคเพื่อไทย เอาไว้ถ่วงดุลกับก้าวไกล  น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า...

นั่นเป็นการคาดหมายสถานการณ์...ซึ่งไม่ว่าหวยจะออกมาอย่างไรก็ต้องขอบอกว่า  วันก่อนเห็นภาพว่าที่นายกฯทิม  พิธา  ยกคณะไปตัดสูทตัดชุดกันที่ร้านทรงสมัยซั่งฮี้แล้วก็อยากบอกว่าแม้ที่สุดฝันเก้าอี้นายกฯอาจไม่เป็นจริง..แต่กับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎรก็ถือว่าทรงคุณค่า  เท่ระเบิดเถิดเทิงเหมือนกัน.....

มีคนถามไถ่กันมากว่าทำไม..ผู้พันปุ่น  ศิธา  ทิวารี  หนึ่งในแคนดิเดทนายกฯพรรคไทยสร้างไทย   ต้องเล่นบทผู้สื่อข่าวตั้งคำถามและแนะนำให้พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลทำแอ๊ดวานซ์  เอ็มโอยู  ผูกขากันเดิน..ห้ามพรากจากกัน จนเกิดเรื่องบานปลาย..ก็ตองบอกว่าหากมองชั้นเดียวผู้พันปุ่นน่าจะทำเพื่อพรรคตัวเอง..เพราะตราบใดมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำพรรคไทยสร้างไทยก็จะเป็นตัวช่วยสำคัญตัวหนึ่ง  แต่ถ้าเกมพลิกพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ..เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงคงไม่แฮปปี้ที่จะเห็นคุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์   หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมวง..?..

ไปที่พรรคประชาธิปัตย์...ไม่เกินความคาดหมาย  เกมการประชุมใหญ่วิสามัญ  เลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในอีกไม่นานนี้  จากองค์ประชุม 19 ประเภทนั้น..จะให้น้ำหนักการโหวตอยู่ที่ ส.ส.ชุดใหม่  25 คน 70 เปอร์เซ็นต์  อีก 18 ประเภทองค์ประชุม เช่น ประสาขา,ตัวแทนจังหวัด,อดีตส.ส. ฯลฯ  30 เปอร์เซ็นต์...เช่นนี้แล้วใครอยากรู้ว่าหัวหน้าและเลขาคนใหม่เป็นใครก็ต้องไปถาม.”.เลขาต่อ”...กับนายกฯชาย..ที่คุมเสียงส.ส.ชุดใหม่เบ็ดเสร็จ...และขณะที่หลายคนบอกอย่าสิ้นหวัง ฟื้นคืนชีพพรรคได้แน่  แต่อีกไม่น้อยบอกว่า..ที่นี่มืดจริงหนอ..!!!

สวัสดีครับ

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

‘ณัฐวุฒิ’ แนะพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล ทำงานใหญ่ ใจต้องใหญ่กว่า ย้ำ แต่ละฝ่ายหาจุดลงตัว ตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามคำสั่งประชาชน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ ถึงกรณีความขัดแย้งของผู้สนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต่อกรณีการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า

“เห็นต่างโต้แย้งธรรมดารัฐบาลผสม พรรคแกนนำยิ่งต้องเพิ่มความถี่พูดคุยเอาเหตุผลแต่ละฝ่ายหาจุดลงตัว ตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ตามคำสั่งประชาชนไม่บิดพลิ้ว

ทำงานใหญ่ใจต้องใหญ่กว่า ซีนงอกแบบไม่ไว้ใจเพื่อนก็หยุดเสีย ไม่เชื่ออย่าใช้ ถ้าจะใช้ก็ต้องให้เกียรติกัน ใจเย็นๆทั้งผู้เล่นทั้งกองเชียร์”

‘คิริลล์ คอตคอฟ’ ชี้ หากยังขัดแย้งกัน อาจมีสงครามกลางเมือง ระหว่างคนรักสถาบัน กับ คนรักก้าวไกล

คิริลล์ คอตคอฟ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาประเทศตะวันออกไกล ณ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ได้วิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศไทย ในรายการ "Turn to the East" ทาง Radio Sputnik Russia ไว้โดยมีใจความว่า ...

พรรค Forward Movement(ก้าวไกล) ซึ่งได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งรัฐสภาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ประกาศจัดตั้ง "แนวร่วมประชาชน" จำนวน 8 พรรค พร้อมจัดตั้งรัฐบาลผสมและควบคุมที่นั่งรวมกัน 313 ที่นั่ง จาก 500 เสียง อย่างไรก็ตาม เสียงข้างมากในสภาล่าง(สภาผู้แทนราษฎร) ดังกล่าวไม่ได้ให้โอกาสโดยอัตโนมัติในการเสนอชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการลงคะแนนเสียงในประเด็นนี้จัดขึ้นร่วมกับสภาสูง(วุฒิสภา) การดำเนินการทุกขั้นตอนยังอีกยาวไกล เพราะผลการเลือกตั้งยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ

 

►● พรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่มีแผนอย่างไรเพื่อให้ได้เสียงข้างมากในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี? ใครคือผู้นำของฝ่ายที่ชนะ และเกี่ยวข้องกับผู้ถูกเนรเทศอย่างไร แต่ยังทรงอิทธิพลในประเทศ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี?

กองทัพจะยอมสละอำนาจ และหลังสละอำนาจนโยบายต่างประเทศของประเทศจะมีโครงสร้างอย่างไร?

อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มีอยู่ทั่วไปในการเมืองไทย ขณะเดียวกันเมื่อจัดตั้งรัฐบาลทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับทหาร ทหารถือเป็นผู้สร้างประเทศให้เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน แต่สังคมไทยส่วนมากก็เบื่อพวกเขาเช่นกัน

เราต้องไม่ลืมว่าไทยมักจะวางเดิมพันประเทศไว้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นคือสหรัฐฯ แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็ไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์กับจีนเช่นกัน‼️

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจและนโยบายต่างประเทศ #แต่กังวลกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากกว่า ในเวลาเดียวกัน ดังที่ประวัติศาสตร์ไทยแสดงให้เห็นมาตลอด คือ ในทางปฏิบัติแล้วไม่มีอะไรขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง ไม่ว่าในกรณีใด จะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก

สิ่งนี้ถูกซ้อนทับด้วยความไม่ชอบกษัตริย์องค์ปัจจุบัน(รายละเอียดเผยแพร่ลำบาก ขอตัดออกทั้งหมด) ประเทศกำลังพูดว่าไม่ต้องการสถาบันกษัตริย์มากขึ้น และหากล้มล้างระบอบกษัตริย์ได้ ประเทศก็ใกล้จะล่มสลาย

Annex Hya : ถ้าการรัฐประหารจะเกิดขึ้นอีกครั้งในไทย ในขณะที่โครงสร้างอำนาจของทหารถูกแทรกแซงจากกองทัพอเมริกันด้วยการยินดีเปิดประตูบ้านให้พวกเขาอย่างยินดีกันด้วยตนเอง

ทหารอเมริกันเหล่านี้จะพิทักษ์ "ก้าวไกล" และไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย

สงครามกลางเมืองระหว่างคนรักสถาบัน กับ คนรักก้าวไกล กับ *การรัฐประหารจากสถาบันทหารของพระเจ้าอยู่หัว กับ การปฎิวัติจากทหารอเมริกันช่วยก้าวไกล*.. - จะเกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนตามความรุนแรงจากความขัดแย้ง

เป้าหมายของการทูตและการทหารของอเมริกัน คือ การตายของหุ้นส่วน และการตายของประเทศหุ้นส่วน เป็นอย่างนี้มาตลอดประวัติศาสตร์ความเป็นชาติของอเมริกัน

บริหารความเสี่ยงจากความขัดแย้งให้รอบคอบ เหนือจากขอบประตูของการปกป้องสถาบัน ยังมีประตูของประเทศไทยที่กำลังเปิดให้เผชิญหน้ากับการล่มสลายรออยู่ด้วยเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top