Sunday, 8 June 2025
POLITICS NEWS

จับมือจีนลุยศก.-ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดินหน้ารถไฟไทย-จีน

(6 ก.พ. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไทยยังได้ร่วมพิธีวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์วีรชน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน  

ในการหารือ นายกรัฐมนตรีแพทองธารกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่สถาปนามาเป็นเวลา 50 ปี และได้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน รวมถึงเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ  

นางสาวแพทองธารเสนอแนวทางความร่วมมือในอนาคตโดยให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นให้ประชาชนมีกินมีใช้ มีความปลอดภัย และมีความพร้อมต่ออนาคต รวมถึงสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสองประเทศ  

ทั้งสองผู้นำยังให้ความสำคัญต่อการยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโครงการเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่ทั้งสองประเทศให้การสนับสนุน

‘ธนกร’ ฝาก รัฐบาลยกระดับคุมเข้มชายแดนเมียนมา หนุนร่วมมือจีนลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์ขั้นเด็ดขาด

‘ธนกร’ ฝาก รัฐบาลยกระดับคุมเข้มชายแดนเมียนมา หลัง สั่งตัดไฟ-เน็ต-น้ำมันแล้ว เชื่อ กระทบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์หนักแน่ หวั่น เกิด 'เมียวดีเอฟเฟค' โต้กลับ หนุน นายกฯ ถกจีน เร่งตั้งคกก. แก้ภัยข้ามชาติลุยปราบขั้นเด็ดขาดช่วยลดความเดือดร้อน ปชช.

(6 ก.พ. 68) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวหลัง จากที่ทางการไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไม่จ่ายไปยังพื้นที่ 5 จุด ตามแนวชายแดนในประเทศเมียนมา เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า ตนเห็นด้วยและขอสนับสนุนรัฐบาลในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อเป็นการตัดช่องทางไม่ว่ามากหรือน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่นั้นได้อย่างแน่นอน และขอให้มีการสำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากพวกทุนสีเทาในพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติมด้วยนอกเหนือจาก 5 จุดที่ได้ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ตและตัดการส่งน้ำมันไปแล้ว เพื่อเป็นการขยายพื้นที่หากพบการกระทำความผิดเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ขอฝากกระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนทุกหน่วยงาน เตรียมแผนรับมือสถานการณ์ พร้อมยกระดับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากเกรงว่า มาตรการตัดไฟฟ้าของไทยอาจส่งผลกระทบต่อหลายกลุ่มของฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์ 'เมียวดีเอฟเฟค' เหตุความไม่สงบตามแนวชายแดนตามมา ทั้งนี้เพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยบริเวณแนวชายแดนอ.แม่สอด จ.ตากและพื้นที่ใกล้เคียงด้วย

“การเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ทราบว่ามีวาระความร่วมมือ ระหว่างกันในการตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การปราบปรามเครือข่ายค้ามนุษย์ ร่วมกันทั้งไทยและจีนรวมถึงในอาเซียนด้วย จึงขอให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังเด็ดขาดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อจะช่วยเหลือลดความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยได้ดีขึ้น“ นายธนกร กล่าว

‘สรรเพชญ’ จี้ รบ.เร่งโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมช่วย ปชช. พร้อมเตรียมยื่นสารพัดปัญหาในสงขลาเข้า ครม. สัญจร

‘สรรเพชญ’ เรียกร้องรัฐบาลเร่งโอนเงินเยียวยาน้ำท่วม พร้อมเตรียมยื่นปัญหาในสงขลาเข้าที่ประชุม ครม. สัญจรเพื่อดันเมืองเก่าสงขลาสู่เมืองมรดกโลก

(5 ก.พ. 68) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หลังพบว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือตามที่รัฐบาลประกาศไว้

นายสรรเพชญระบุว่า ตั้งแต่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสงขลา ประชาชนได้รับผลกระทบหนัก ทั้งบ้านเรือนเสียหาย รายได้ลดลง และภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศมาตรการเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท แต่กระบวนการจ่ายเงินล่าช้า ส่งผลให้ประชาชนยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

“รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการโอนเงินเยียวยาโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และหากล่าช้าออกไป อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ขณะนี้ หน่วยงานในพื้นที่แจ้งว่าต้องรอการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่ธนาคารออมสินจะสามารถโอนเงินได้ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการประชุม ครม. ล่าสุด ยังไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าพิจารณา ทำให้ประชาชนต้องรอการช่วยเหลือต่อไปโดยไม่มีกำหนด" นายสรรเพชญกล่าว

นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ได้เตรียมนำเสนอปัญหาในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ในการประชุม ครม. สัญจร วันที่ 18 กุมภาพันธ์ นี้ โดยประเด็นสำคัญ ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก บริเวณห้าแยกน้ำกระจาย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเฉพาะ โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณแยกน้ำกระจาย จังหวัดสงขลา ทางหลวงหมายเลข 407 ตอน ควนหิน - เขารูปช้าง ระหว่าง กม.21+300 - กม.21+800 ระยะทาง 0.500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่ตนได้ผลักดันในสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด ทั้งการปรึกษาหารือต่อประธานสภาฯ การตั้งกระทู้ถามกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงร่วมลงพื้นที่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นโครงการที่จะช่วยบรรเทาปัญหาของประชาชนได้และสามารถเห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าสงขลา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้เมืองเก่าสงขลาได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในอนาคต

นายสรรเพชญเน้นย้ำว่า เมืองเก่าสงขลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัด เช่น หาดสมิหลา ซึ่งมีน้ำทะเลคุณภาพดีที่สุด ดังนั้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างรายได้ให้ประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ นายสรรเพชญยืนยันว่าจะใช้กลไกของรัฐสภาและผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรมต่อไป

‘วิทยา’ ติดตามโครงการพัฒนา รพ.มหาราชเมืองคอน หลังช่วยประสานงานจนได้งบจาก สนง.สลากฯ 723 ล้าน

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายนนทิวรรธน์ นนทภักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายวิทยา แก้วภราดัย และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการพัฒนาโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถทางด้านอาคาร และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการติดตามรักษาโรคมะเร็ง และโรคที่มีความขาดแคลนเครื่องมือ ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในวงเงิน 723 ล้านบาท 

โดยงบประมาณอุดหนุนโครงการดังกล่าวนั้น นายวิทยา แก้วภราดัย ได้ดำเนินการประสานงานกับหลายหน่วยงานเพื่อให้มีการอุดหนุนดังกล่าว ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ในการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ต่อไป

สำหรับ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งยังเป็นโรงพยาบาลศูนย์แม่ข่ายรับการรักษาส่งต่อจากโรงพยาบาลประจำอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องการเทคโนโลยีการรักษา และการหัตถการชั้นสูง มีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนหลายพันคนต่อวัน ซึ่งการได้งบประมาณในการพัฒนาโรงพยาบาลล่าสุด จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กกรณีให้ผลักดันผู้ลี้ภัยเป็นแรงงานถูกกฎหมาย

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์เนื้อหาบนเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 68 ระบุว่า เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง ให้ผู้ลี้ภัยเป็นแรงงานถูกกฎหมาย ไทยไม่ต้องเสียงบประมาณในการดูแล ให้พวกเขาได้ทำงานจ่ายภาษีร่วมพัฒนาประเทศได้

วันนี้ผมได้ขอหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ทรัมป์ 2.0 ด้านความหลากหลายความเท่าเทียมและผสมกลมกลืน ซึ่งนโยบายนี้กระทบค่ายผู้ลี้ภัย 9 แห่งที่อยู่ในประเทศไทย จากการเปลี่ยนนโยบายทำให้เงินบริจาคไปยังต่างประเทศถูกระงับลง โดยรัฐบาลทรัมป์ที่บริจาคให้องค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศในค่ายผู้ลี้ภัยได้ถูกระงับลง ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล

ผลกระทบจะหนักกว่านี้ เพราะในไทยเรามี 9 แห่ง เราเห็นว่าเป็นผู้ลี้ภัยสัญชาติเมียนมาก็จริง แต่ถ้าหนักกว่านี้หากการช่วยเหลือถูกตัดลง จะทำให้คนกว่า 80,000 คน ต้องออกมาข้างนอกและกระทบต่อประชาชนคนไทย

อยากให้นึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่พวกเขาต้องแบมือขอมากว่า 40 กว่า รอเงินบริจาคต่างๆ ดังนั้นไทยเราต้องเปลี่ยนแปลง ถือโอกาสตรงนี้ทำให้เราสามารถทำให้งานมนุษยธรรม ยืนด้วยขาตัวเองได้

ผมจึงขอให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงนโยบายในการดูแลผู้ลี้ภัย การดูแลค่ายผู้ลี้ภัยทั้งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 4 แห่ง จังหวัดตาก 3 แห่ง จังหวัดราชบุรี 1 แห่ง และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องใช้ พ.ร.บ.เข้าเมือง มาตรา 17 ให้ผู้ลี้ภัยสามารถทำงานได้และอยู่ในไทยได้ชั่วคราว

และขอหารือไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อจะประกาศกฎกระทรวงออกมาให้ผู้ลี้ภัยทำงานได้ในไทยจนกว่าจะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ ถ้าเขาทำงานได้จะทำเงินภาษีให้ไทย ร่วมพัฒนาประเทศไทย และเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ด้วยตัวเขาเอง ไม่เป็นภาระ ต้องเปลี่ยนภาระให้เป็นพลังให้ได้ ทำให้ไทยเรามีบทบาทที่ดีในเวทีระหว่างประเทศได้

‘โด่ง อรรถชัย’ เข้าใจเสื้อแดงศรีสะเกษ ร่ำไห้ถูกคนเพื่อไทย ด้อยค่า รับเจอกับตัวแล้วอึ้งเลย โดยเฉพาะเอานกหวีด - สลิ่ม มามีตำแหน่ง

(4 ก.พ. 68) นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นกรณี แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษแถลงข่าวถูกคนในเพื่อไทยด้อยค่า ไม่ให้เกียรติ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ขอพูดตรงๆ ในฐานะคนเสื้อแดง
ผมเองก็พบเจอ.. เรื่องแบบที่แกนนำศรีสะเกษพูด..ว่า ไม่ให้เกียรติคนเสื้อแดง..??
กลับจากต่างประเทศ เข้าพรรควันแรกได้ยินคนในพรรคสอนว่า “อย่าแดงมาก”
ไม่เชื่อหู นึกว่าเข้าพรรคผิด..??
ผมไม่สนใจ.. เดินหน้าแดงต่อไป..

ในการเลือกตั้ง ปี’66 จน จบภาระกิจ
จนถึงเลือกตั้งซ่อม พิษณุโลก..
จนเลือก นายก อบจ.ครั้งนี้ ..??
จะไปช่วยหาเสียง เดินทางไปเอง แท้ๆ ยังไม่มี ที่ยืนแม้แต่ “ถ่ายรูป ” …..??

“ไม่เกี่ยวกับ คุณทักษิณนะครับ”
คุณทักษิณ ไปไหนยังถามหาพี่น้องเราเสมอ..ไม่เคยลืม..ยังจำพี่น้องเราได้แม้ แต่แกนนำ เล็กๆ
แต่คือ “คนในพรรค” วันนี้
คนของพรรคชุดนี้ทำอะไร ไม่เคยคิดถึงใจคนเสื้อแดง เป็นมุ้งเป็นเหล่า เอาแต่พวกอุดมการณ์คืออะไร ไม่ชัดเจน
เสื้อแดงไม่ต้องการอะไร แค่ให้เกียรติกันบ้าง เท่านั้นยังไม่มี
.
ที่บอกไม่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ใส่ความ แต่ได้ยินกับหู ช่วงส้มกำลังตึง คนในพรรคบอก
“ไม่เอาแดง” อย่าแดงมาก...??
ตรงข้ามมักได้ยินคำนิยมส้ม จากคนในพรรค อยู่เนืองๆ
ทั้งที่ คือ คนของพรรคเพื่อไทย

รวมทั้งการเอาฝ่ายตรงข้ามมา มีบทบาทในพรรค นอกพรรค…ทั้งที่คนเหล่านั้น คือ นกหวีด สลิ่ม
ไม่ต้องมาให้ตำแหน่ง อะไรกับคนเสื้อแดง แต่เอาฝ่ายตรงข้าม มามีตำแหน่ง นี่

ผมยังอึ้ง…
คนในพรรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้น

ผลเลือกตั้ง นายกอบจ.ลำพูน เมื่อลูกลำไยกลายเป็นมีเปลือกส้ม รสชาติออกเปรี้ยวนำ ความหวานหอมแต่ดั้งเดิมกำลังจะเลือนหาย

(4 ก.พ. 68) เป็นที่แน่นอนแล้วว่าทุกจังหวัดในประเทศไทย “พรรคส้มล้มสถาบัน” ไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เลย ยกเว้นจังหวัด ลำพูน เพียงจังหวัดเดียว ย่อมสะท้อนให้เห็นแนวคิด และมาตรฐานของผู้คนในพื้นที่ได้หลากหลายมิติ 

ส่วนใหญ่ที่สุด คนลำพูนเบื่อหน่ายนายก อบจ. คนเก่า ซึ่งเป็นคนของ “พรรคโกงจำนำข้าว” ซึ่งเป็นคนใหญ่โตในพื้นที่ เก๋าเกมกางปีกคลุมเมืองลำพูนมาช้านาน แต่กลับไร้การพัฒนาตามความรู้สึกนึกคิดของ “คนรุ่นใหม่” เมื่อตัวแทนผู้สมัครจาก “พรรคส้มล้มเจ้า” โชว์วิสัยทัศน์และนโยบายที่ตรงใจ มีความหวังว่าจะเกิดขึ้นจริงในจังหวัดลำพูนได้ จึงคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ได้เป็นนายก อบจ. ของจังหวัดลำพูนคนใหม่ทันที

ประชาชนหลายจังหวัด แม้จะเบื่อนายก อบจ. คนเก่าของจังหวัดตัวเอง แต่ก็ตื่นรู้เรื่องแนวคิด “ล้มสถาบัน” ของพรรคประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ไม่อาจหาญไปกาเลือกผู้สมัครของ “พรรคล้มสถาบัน” ให้เข้ามาเจาะเปลี่ยนความคิดของผู้คนให้ชิงชังกษัตริย์ตาม “นโยบายล้มเจ้า” ที่ฝังลึกอยู่ใน DNA ของพรรคส้ม ถ้าไม่กาช่อง “โหวตโน” ก็จะเลือกจะให้โอกาสคนจากพรรคใดก็ได้ที่ไม่มีแนวคิดล้มล้างการปกครองอย่างที่รู้สึกกัน 

เพราะตกผลึกแล้วว่า “ได้ย่อมไม่คุ้มกับเสีย” แค่การเบื่อคนเก่า แต่กาเลือกคนที่มีแนวคิดล้มสถาบันให้เข้ามาดูแลจัดการจังหวัดบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง อนาคตอาจจะพังพินาศยิ่งกว่า

การเมืองท้องถิ่นย่อมใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ การจะปลุกระดม เปลี่ยนแปลง สร้างความเชื่อมั่น และปลุกปั่นความนึกคิดของผู้คนให้คล้อยตาม โดยแลกด้วยผลประโยชน์ที่จับต้องได้ ก็สามารถหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ไม่ยาก ไม่นานก็จะกลายเป็น “ลำพูนส้ม” ที่ลำไยทุกลูกเมื่อลิ้มรสชาติก็จะออกเปรี้ยวนำ หวานแต่ดั้งแต่เดิมกำลังจะหมดหายไป กลายเป็น “ลำไยเปลือกส้ม” แทน

ผมไม่บังอาจฟันธงว่าท่านนายก อบจ. คนใหม่จาก “พรรคส้มล้มเจ้า” เป็นคนไม่เก่ง ไม่มีความรู้ ไม่เจนจัดเรื่องการบริหาร หรือจะเป็นคนที่ไม่สามารถพัฒนา “เมืองลำไย” ได้สำเร็จ ท่านอาจจะทำได้ดี และทำให้ผู้คนชื่นชมมากกว่านายก อบจ. คนก่อนจาก “พรรคนายกหนีคดี” แต่เรื่องแนวคิดการไม่เอาสถาบันผ่านอำนาจที่ท่านมี ยังไง “พรรคล้มเจ้าของท่าน” ก็ต้องวางแผนออกอาวุธอย่างเป็นระบบ 

อย่าลืมว่าพรรคส้มเกิดมาเป้าหลักก็เพื่อล้มสถาบัน อย่างอื่นน่ะเป็นได้แค่เครื่องมือ

UN ปฏิเสธ ไม่เคยกดดันไทยยกเลิก มาตรา 112 ย้ำชัด หน่วยงานที่มีการกล่าวอ้าง ก็ไม่มีอยู่จริง

(4 ก.พ. 68) จากกรณีที่ มีสื่อแห่งหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิฯ จาก UN เรียกร้องไทย ยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิฯ สากล นั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 68 ทางภาคีกลุ่มราชภักดี ได้เดินทางไปยื่นหนังสือ ณ สำนักงาน สหประชาชาติ โดยได้เข้าพบ mr.dip magar ผู้แทนข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(ohchr) กรณีที่มีข่าวกดดันให้ประเทศไทยยกเลิก กฎหมาย 112 ได้รับคำยืนยันว่า สหประชาชาติไม่มีนโยบายแทรกแซงกฎหมายของประเทศไทย รวมทั้งรูปแบบการปกครองของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การที่จะไป ละเมิดหรือคุกคาม เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เช่นเดียวกับประมุขทั่วโลก !!!

เมื่อทางภาคีได้ตรวจสอบหน่วยงาน ตามที่ศูนย์ทนายสิทธิฯอ้าง ว่าเป็นผู้รายงานพิเศษที่ร่วมกันส่งหนังสือกดดันรัฐบาลไทย ยกเลิก 112  ก็ไม่พบหลักฐานว่าเป็นผู้รายงานพิเศษแต่อย่างใด!!!

‘นายกฯอิ๊งค์’ เผย ‘ทักษิณ’ คุย ‘อันวาร์’ หลายเรื่อง เน้นหารือสถานการณ์ความสงบในเมียนมา

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อพบนายนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา จะนำผลดีต่อการพูดคุยเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไรว่า ก็เป็นการคุยในเรื่องความร่วมมือต่างๆที่ทั้งสองประเทศสามารถสนับสนุนกันได้

“ที่ได้คุยโทรศัพท์กับนายทักษิณ สั้นๆกันเมื่อคืนวันที่ 2 ก.พ. การพูดคุยเน้นในเรื่องของเมียนมา นายอันวาร์ เป็นประธานอาเซียน การดูแลช่วยเหลือเมียนมาเป็นเรื่องที่สำคัญของอาเซียนมากๆ ซึ่งในการประชุมในอาเซียนทุกครั้งจะได้รับการยืนยันว่าอยากให้เมียนมาเกิดความสงบสุข และในเมียนมาเองเขาก็อยากให้เกิดความสงบสุขเช่นกัน ฉะนั้นการเข้ามาคุยกันแบบนี้ทำให้เกิดประโยชน์กับภาครวมของอาเซียน และพัฒนาเรื่องอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่ได้มาคุยกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือกัน และมีอีกหลายเรื่อง แต่การไปรอบนี้มีการพูดคุยเรื่องเมียนมาเยอะหน่อย เห็นนายทักษิณอัพเดทมาอย่างนั้น”

ส่องปรากฎการณ์ ‘โนโหวต – บัตรเสีย’ พุ่ง สะท้อนอารมณ์ประชาชนสั่งสอนนักการเมือง

(4 ก.พ. 68) น่าสนใจศึกษา และถอดรหัสยิ่ง สำหรับปรากฏการณ์ทางการเมืองในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กับปรากฏการณ์บัตรเสีย และบัตรโนโหวต-โหวตโนจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

อ.เมืองตรังเขต 2 ถึงขั้นต้องจัดเลือกตั้งใหม่ ส.อบจ.16 มีนาคมนี้ หลังเกิดปรากฏการณ์ประชาชนสอนนักการเมืองจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้ชนะอันดับ 1 ได้ 2,000 กว่าคะแนน แต่แพ้คะแนนโหวตโนที่พุ่งไปเกือบ 3,000 กว่าคะแนน จน กกต.จังหวัดต้องเรียกประชุมด่วน เพื่อเปิดรับสมัคร และจัดการเลือกตั้งใหม่

กกต.ตรังกำหนดแล้ว เปิดรับสมัครใหม่ และเลือกตั้งใหม่ 16 มีนาคมนี้ 

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นปรากฏการณ์อารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริง ที่น่าจะเกิดจากความไม่พอใจต่อตัวผู้สมัคร ทั้งในส่วนของฝ่ายบริหาร และฝ่ายสภาประชาชนจึงต้องสั่งสอนนักการเมือง ผ่านการโหวตโน โนโหวต หรือบัตรเสีย เราจึงพบว่า การเลือกตั้งนายกฯอบจ.คราวนี้มีบัตรเสียจำนวนมากผิดปกติ

ขอยกเป็นตัวอย่างจังหวัดที่บัตรเสียจำนวนมาก

ในส่วนของการเลือกนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหลายจังหวัดมียอดของจำนวนบัตรเสีย กับบัตรไม่เลือกผู้สมัครคนใด หรือ บัตรโหวตโน สูงหลักหมื่นถึงหลักแสนจำนวนมาก อาทิ

จ.นครราชสีมาผู้มาใช้สิทธิ 1,155,142 คน บัตรดี 972,902 ใบ บัตรเสีย 71,306 ใบ (6.17%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 110,934 ใบ (9.60%)

จ.มหาสารคาม ผู้มาใช้สิทธิ 453,567 คน บัตรดี 408,108 ใบ บัตรเสีย 29,007 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 16,452 ใบ

จ.เชียงใหม่ ผู้มาใช้สิทธิ 877,640 คน บัตรดี 778,227 ใบ บัตรเสีย 41,798 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 57,625ใบ

จ.เชียงราย ผู้มาใช้สิทธิ 605,780 คน บัตรดี 525,928 ใบ บัตรเสีย 36,446 ใบ (6.02%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 43,406 ใบ (7.17%)

จ.ยะลา ผู้มาใช้สิทธิ 224,707 คน บัตรดี 176,840 ใบ บัตรเสีย 18,533 ใบ (8.25%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 29,334 ใบ (13.05%)

จ.สงขลาผู้มาใช้สิทธิ 687,944 คน บัตรดี 572,496 ใบบัตรเสีย 28,593 ใบ (4.16%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 86,855 ใบ (12.63%)

จ.สมุทรปราการ ผู้มาใช้สิทธิ 569,659 คน บัตรดี 547,604 ใบ บัตรเสีย 22,055 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 42,142 ใบ

จ.นนทบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์ 432,613 คน บัตรดี 382 ,782 ใบ บัตรเสีย 12,268 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 37,562 ใบ (8.68%)

จ.สุพรรณบุรี ผู้มาใช้สิทธิ 393,849 ใบ บัตรดี 353,460 ใบ บัตรเสีย 16,274 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 24,113 ใบ

จ.กำแพงเพชร ผู้มาใช้สิทธิ 272,278 คน บัตรดี 236,084 ใบ บัตรเสีย 14,712 ใบ บัตรไม่เลือกผู้ใด 21,482 ใบ

จ.ลำพูน ผู้มาใช้สิทธิ 242,381 คน บัตรดี 212,777 ใบ บัตรเสียจำนวน 15,131 ใบ (6.2 4%) บัตรไม่เลือกผู้ใด 14,473 ใบ (5.97%)

บัตรเสียน่าจะเกิดขึ้นทั้งจากความผิดพลาดในการกาช่องลงคะแนน และเจตนาให้เป็นบัตรเสีย ส่วนการโนโหวต หรือโหวตโนก็ตามเป็นเจตนาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ต้องการสะท้อนความรู้สึกของประชาชน อันเป็นเรื่องน่าสนใจยิ่งว่าอารมณ์ของคนที่สะท้อนออกมาเช่นนี้เกิดจากอะไร

จากการประมวลความคิดเห็นของนักวิชาการ และวงกาแฟพอจะสรุปได้ใน 4-5 ประเด็น

ประการแรก ประชาชนไม่พอใจต่อการที่ “บ้านใหญ่” เข้าไปจัดการในการคัดสรรบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นนายกฯอบจ.และ ส.อบจ.ที่ประชาชนรับรู้ได้จากสื่อที่หลากหลาย และความรวดเร็วของสื่อโซเชียล ซึ่งบางคนไม่ได้มีคุณสมบัติอะไร แต่บ้านใหญ่ชี้ตัวลงมาก็ต้องเอาตามนั้น บางคนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และประสบการณ์เพียบ แต่ถูกบีบให้หลุดวงโคจรก็มีไม่น้อย

ประการที่สอง คือประชาชนไม่พอใจต่อพรรคการเมือง และนักการเมืองระดับชาติที่เข้าไปจุ้นจ้านชี้นำประชาชน ทำให้ประชาชนขาดความเป็นอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเองตามหลักการกระจายอำนาจ องค์กรท้องถิ่นต้องมีอิสระปลอดจากการครอบงำ หรือชี้นำของการเมืองสนามใหม่

ประการที่สาม ประชาชนไม่พอใจต่อตัวผู้สมัครเอง ไม่ว่าจะเป็นการนำตัวเองไปสังกัดซุ้มการเมืองต่างๆ การมีประวัติที่ไม่ใสสะอาด บางคนมีเรื่องร้องเรียนเรื่องทุจริตคอร์รัปชน มั่วสุมในวงการพนัน ได้รับโอกาสจากประชาชนแล้ว แต่กลับไม่มีผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ประการที่สี่ ประชาชนเรียนรู้มากขึ้นผ่านสื่อต่างๆมากมาย สืบค้นได้ด้วยตัวเอง เมื่อประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้แล้ว วิธีการที่ประชาชนทำได้คือการสะท้อนผ่านการเลือกตั้งนั้นเอง

ประการที่ห้า ปรากฏการณ์การใช้เงินจำนวนมากของผู้สมัครนายกฯอบจ.บางคน ที่มีข่าวสะพัดกับการจัดการหัวละ 500 หัวละ 1000 เมื่ออเทียบกับเงินเดือน ค่าตอบแทนของผู้บริหารแค่หลักแสน ปีละล้านกว่าบาท สี่ปีก็แค่ไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่กลับทุ่ม 200-300 ล้านเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่การถอนทุนในอนาคตบนตำแหน่งบริหาร

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องน่าจะได้นั่งลงถอดรหัส และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิถี หมายรวมถึงฝ่ายนิติบัญญัติด้วยในการคิดแก้กฎหมาย เช่น การแก้ปิดทางนักการเมืองใหญ่เข้าไปบงการ สั่งการ จัดการกับการเมืองท้องถิ่น รวมถึงจะแก้เรื่องฝ่ายบริหารลาออกก่อนหมดวาระอย่างไม่จำเป็น ทำให้สูญเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และต้องใช้งบประมาณซ้ำสองครั้ง

ปรากฏการณ์บัตรเสีย โนโหวต เป็นปรากฏการณ์ชัดเจนว่า ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิ์สั่งสอนนักเมืองแล้ว เหลือแค่นักการเมืองจะสำนึกหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top