Sunday, 20 April 2025
POLITICS NEWS

‘อัครเดช’ ขอบคุณ!! ปชช. ที่เลือก ‘ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ’ ให้นั่งนายกฯ อบจ. ย้ำ!! ประสาน ‘การเมืองท้องถิ่น’ สู่ ‘การเมืองระดับประเทศ’ เพื่อประโยชน์ของคนไทย

(2 ก.พ. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายกอบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(สมาชิกอบจ.) ซึ่งถือเป็น การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ที่มีความสำคัญอย่างมาก

โดยการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีบุคลากรของพรรครวมไทยสร้างชาติ และผู้สมัครที่เป็นกลุ่มแนวร่วมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงสมัครเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(นายกอบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(สมาชิกอบจ.) ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น สุราษฎร์ธานี, พัทลุง, สมุทรสงคราม, ภูเก็ต และนราธิวาส ในศึกการเลือกตั้งนายก อบจ. 2568  และพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอแสดงความยินดีกับผู้สมัครของพรรคทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้งให้เข้าไปทำหน้าที่ในนามสมาชิกอบจ. ซึ่งพรรคยืนยันว่า บุคลากรในนามตัวแทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมุ่งมั่นทำงานพัฒนาท้องถิ่นของตนเองอย่างเต็มที่ ให้เกิดการพัฒนา อันมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนในจังหวัด

ทั้งนี้ การทำงานจะประสานการทำงานเชื่อมโยงการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับประเทศในทุกมิติ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีเอกภาพ เกิดความต่อเนื่องและสอดคล้องร่วมกัน เพื่อให้สามารถพัฒนาทั้งจังหวัดและประเทศไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาอย่างมีระบบตามความต้องการของพ่อแม่พี่น้องประชาชน

“พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องที่มอบให้กับผู้แทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งนายก อบจ.  ที่ทำให้บุคลากรของพรรคได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่พี่น้องในหลายพื้นที่ และพรรคขอให้คำมั่นว่าจะประสานการทำงานระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง" นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

เปิด 14 นายกฯ อบจ.ภาคใต้ ผลการเลือกตั้งออกแล้ว ปชน. ยังปักธงไม่ลง!! ผมทายพลาดไปสองจังหวัด

(2 ก.พ. 68) ผ่านพ้นไปสำหรับศึกชิงเก้าอี้นายกฯอบจ.47 จังหวัด ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว มีทั้งคนที่ผิดหวังและสมหวัง ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง การเลือกตั้ง

กล่าวสำหรับภาคใต้เลือกตั้งไปแล้ว 3 จังหวัดคือ ชุมพร ระนอง นครศรีฯ เหลือต้องเลือกตั้งแค่ 13 จังหวัด พรรคประชาชนยังไม่สามารถปักธงส้มได้แม้แต่ยังหวัดเดียว

สุราษฏร์ธานี เมืองคนดี ป้าโสแก้แค้นแทนสามีได้สำเร็จ ยึดเก้าอี้นายกฯอบจ.จากกำนันศักดิ์มานั่งแทน “หมอมุดสัง”แห่งพรรคประชาชน พลาดคะแนนต่างอำเภอ พ่ายไปอย่างน่าเสียดาย

พัทลุง นายกพร วิสุทธ์ ธรรมเพ็ชร ยังเหนียว รักษาแชมป์ไว้ได้ เอาใหม่นะ ‘สาโรจน์ สามารถ’ มนต์ขลังของ ‘พิพัฒน์’ยังไม่พอ ต้องกลับไปนอนเคลียร์กับ ดร.นทีก่อน

สงขลา ‘สุพิศ’ เข้าวินตามคาด แต่น่าสนใจว่าทำไมคะแนน ‘โนโหวต-โหวตโน’ จึงพุ่งแรงที่สงขลา ฝากให้ช่วยกันคิดครับ

ปัตตานี เศรษฐ์ ยังเหนียว รักษาเก้าอี้เอาไว้ได้อีกสมัย เป็นสมัยที่ห้า แม้จะถูกพลพรรคภูมิใจไทยโจมตีอย่างหนักก็ตาม

นราธิวาส กูเซ็ง กับการถูกรุมกินโต๊ะ ทั้งจากพรรคกล้าธรรม และพรรคภูมิใจไทย ‘ธรรมนัส-ชาดา’ นำทัพลุยเอง แต่ผู้เฒ่าจอมยุทธ์แก้กล้า รักษาฐานไว้ได้ สมัยหน้าสงสัยต้องเปลี่ยนตัวเล่นแล้วกับอายุ 85 อีก 4 ปีก็ 89 แล้ว

ยะลา ชื่อชั้นของ ‘มะทา’ ยังขายได้ มุขตาร์ ยังคงนั่งบริหารต่ออีก 4 ปี สมัยหน้าว่ากันใหม่

สตูล สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ เดิมตั้งใจว่าจะไม่ลงสมัครแล้ว แต่ท้ายสุดหาตัวแทนไม่ได้ก็ต้องลงเอง คู่แข่งยังไม่แกร่งพอ เหนื่อยอีกสัก 4 ปีนะ แล้วค่อยพักผ่อน แต่บ้านใหญ่ต้องหาตัวแทนให้ได้นะ

ตรัง บุนเล้ง โล่สถาพาพิพิธ บ้านใหญ่สายชวนไม่พลาด เมื่อคู่แข่งที่คู่ควร ‘สาทิตย์’ ถอยในนาทีสุดท้าย บุนเล้งก็สบายตัวไป

กระบี่ คุณปูสมศักดิ์ ยังรักษาแชมป์ที่ครองมายาวนานได้สบายๆ ยังครองใจขาวกระบี่ไม่เสื่อมคลาย สมัยหน้าคุณปู่จะไหวไหมเนี่ย

พังงา จังหวัดนี้น่าสนใจ เนื่องจากผลออกมาพลิกความคาดหมาย ‘บำรุง’ กลับมาทวงเก้าอีคืนได้สำเร็จ หลังจากพรรคพวกนักการเมืองมาออกแรงช่วยกันรุม ‘ธนาธิป’ กระเด็นตกเก้าอี้

ภูเก็ต ไข่มุกอันดามัน แหม…ตอนแรกคิดว่า เรวัตหยัดได้ จะพลาดท่าเสียแล้ว เมื่อถูกพรรคประชาชนบดขยี้หนัก กับ สส.เต็มจังหวัด 3 คน ช่วย ‘หมอเลอสันต์’ แต่คุณงามความดีอาจจะยังไม่พอนะ หรือคนภูเก็ตคิดได้แล้ว ไม่เอา มา.112

การเมืองมีโอกาสเปลี่ยนได้ตลอดเวลา พลาดนิดเดียวก็เปลี่ยนได้ทันที คงจำกันได้กับวลี ‘สินค้าแบกะดิน’ ของ ‘พิชัย รัตตกุล’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ ‘ชนะ รุ่งแสง’ พ่ายแพ้ ‘พล.ต.จำลอง ศรีเมือง’ ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.คนแรกจากการเลือกตั้งตามกฎหมายใหม่มาแล้ว ทั้งๆที่กระแสชนะดีมากๆ

ขออนุญาตเขียนชื่อ 14 นายกฯ อบจ.ในจังหวัดภาคใต้ไว้ก่อน รอดูว่า กกต.จะรับรองผลทั้งหมดหรือไม่ จะมีใบแดง ใบเหลืองหรือเปล่า

สำหรับ #นายหัวไทร ทำนายผิดไปสองจังหวัด คือ สุราษฏร์ธานี ที่คาดว่า หมอมุดสังจะมา แต่กลับเป็นป้าโสมาแทน และพังงาที่คาดว่า ธราธิป จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ แต่กลับถูกบำรุงพาพวกมารุมกระชากจนตกเก้าอี้

สำหรับ 14 นายกฯ อบจ.ภาคใต้ ประกอบด้วย
1.นายนพพร อุสิทธิ์ จากค่ายบ้านใหญ่ (เลือกตั้งแล้ว ไม่มีคู่แข่ง)

2.สีหราช สรรพกุล” คว้าชัยเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ระนอง (เลือกตั้งแล้วล้มแชมป์เก่า)

3.น้ำ-วาริน ชิณวงค์ เลือกตั้งแล้ว ล้มแชปม์เก่า ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’

4.ป้าโส โสภา กาญจนะ (เลือกตั้ง 1 ก.พ.นี้)

5.วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกฯ อบจ.พัทลุง (เลือกตั้ง 1 ก.พ.)

6.สุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกฯ อบจ.สงขลา (เลือกตั้ง 1 ก.พ.)

7.เศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกฯ อบจ.ปัตตานี แชมป์เก่า 4 สมัย

8.กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกฯ อบจ.นราธิวาส แชมป์เก่า 5 สมัย

9.มุขตาร์ มะทา นายกฯ อบจ.ยาลา แชมป์เก่า น้องชายวันนอร์

10.สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกฯ อบจ.สตูล อดีตแชมป์เก่า

11.เรวัต อารีรอบ นายกฯ อบจ.ภูเก็ต แชมป์เก่า เจ้าของสโลแกน ‘เรวัติหยุดได้’

12.บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิศ นายกฯ อบจ.ตรัง บ้านใหญ่ค่ายนายหัวชวน

13.สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกฯ อบจ.กระบี่ แชมป์เก่าหลายสมัย

14.นายบำรุง ปิยะนามวนิช นายกฯ อบจ.พังงา กลับมาทวงแชมป์คืน

‘ค่ายน้ำเงิน - บ้านใหญ่’ คว้าชัยพรึ่บ!! ผลเลือกตั้งนายกฯ อบจ. อย่างไม่เป็นทางการ ‘เพื่อไทย’ ไม่แลนด์สไลด์ ‘ปชน.’ปักธงลำพูน ‘ชาติไทยพัฒนา’ คว้าสุพรรณบุรี

(2 ก.พ. 68) ผลการเลือกนายก อบจ.อย่างไม่เป็นทางการ เบื้องต้นพบว่าพรรคประชาชนซึ่งส่งผู้สมัครมากถึง 17 จังหวัด กลับได้มาเพียง 1 จังหวัดคือ จังหวัดลำพูน นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ส่วนพรรคเพื่อไทย ส่ง 14 จังหวัด ได้รับเลือก 9 จังหวัด, พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ไป 1 เก้าอี้ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี นายอุดม โปร่งฟ้า ส่วนที่เหลือเป็นบ้านใหญ่และผู้สมัครที่พรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุน

เป็นที่น่าสังเกตว่า จังหวัดที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทยลงไปปราศรัยนั้น หลายจังหวัดผู้สมัครของพรรคสอบตก เช่น ที่จังหวัดเชียงราย นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช พ่ายให้กับนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ที่พรรคภูมิใจไทยสนับสนุน ที่จังหวัดศรีสะเกษ นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ พ่ายให้กับนายวิชิต ไตรสรณกุล กลุ่มฅนท้องถิ่น ที่พรรคภูมิใจไทยสนับสนุน เป็นต้น

มีรายงานว่า ในหลายพื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเป้าหมายของเครือข่ายสีน้ำเงินของพรรคภูมิใจไทย พบว่าหลายพื้นที่มีแนวโน้มชนะ เช่น ที่ จ.บึงกาฬ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ สตูล เชียงราย ลพบุรี พังงา พัทลุง เป็นต้น ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยประกาศไม่ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคก็ตาม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ภายหลังทราบผลคะแนนว่า 

“เป็นความต้องการของประชาชน ที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ลงไปช่วยใครหาเสียง เพราะด้วยตำแหน่ง หน้าที่ มันทำไม่ได้ เลยต้องวางตัวเป็นกลาง จะชนะหรือแพ้ก็เป็นการตัดสินใจของประชาชนเอง”

‘สุพิศ’ ผู้สมัครเบอร์ 5 คว้าชัย!! นายกฯ อบจ.สงขลา ยัน!! พร้อมทำงานทันที หลัง ‘กกต.’ ประกาศรับรอง

(2 ก.พ. 68) ที่จ.สงขลา สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ปรากฏว่า ผู้ที่มีคะแนนนำสูงสุด คือ นายสุพิศ  พิทักษ์ธรรม ผู้สมัครเบอร์ 5 ที่ได้รับการสนับสนุน จากสองแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ คือนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรมช.มท.  และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สธ. ผู้ที่มีคะแนนอันดับ 2 คือ นายประสงค์  บริรักษ์  ผู้สมัครเบอร์ 3 และอันดับ 3 คือนายนิรันดร์  จินดานาค ผู้สมัครจากพรรคประชาชน เบอร์ 2  

นายสุพิศ  พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯพร้อมทีมบริหารได้กล่าว ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนชาวสงขลามอบให้ และไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.สงขลาและทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ทีมผู้สมัครส.อบจ.ของทีมเราทุกคะแนนโดยทันทีที่ กกต.ประกาศรับรองก็จะเดินหน้าทำงานทันทีตามแนวทางที่ได้เคยประกาศไว้ขอบคุณครอบครัวและทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

โดยในวันนี้ (2 ก.พ.) ‘ทีมสงขลาพลังใหม่’ มีกำหนดการขึ้นรถแห่ขอบคุณชาวสงขลาโดยเริ่มจากอำเภอหาดใหญ่และอำเภอเมืองสงขลาและอำเภออื่นๆ

ตำรวจ รวบ!! หนุ่มเชียงราย ฉีกบัตรเลือกตั้ง อบจ. อ้าง!! ไม่อยากเลือกใคร ไม่รู้ผิดกฎหมาย

(1 ก.พ. 68) ที่ศูนย์กีฬาเทศบาลเมืองบางแก้ว ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้ง อบจ. บรรยากาศการเลือกตั้ง เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนทยอยเดินทางมารอใช้สิทธิ ตั้งแต่ก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง

โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เปิดเผยว่า อยากเห็นนายก อบจ. คนใหม่เข้ามาแก้ปัญหาเรื่องเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ การเข้าถึงสถานพยาบาลของรัฐที่ยากลำบาก พร้อมสะท้อนถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ชาวสมุทรปราการได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากเป็นพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม โดยขอให้ผู้ที่จะมาเป็นนายกอบจ.คนใหม่ ทำงานให้เต็มที่

ทั้งนี้ นายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ ได้เดินทางมาใช้สิทธิ และเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง

จากนั้นเวลา 11.30 น. นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เดินทางมาที่ จ.สมุทรปราการ เพื่อสังเกตการณ์การเลือกตั้ง และดูความเรียบร้อยในภาพรวมของพื้นที่ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาติดตามว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ใช้สิทธิ์เป็นอย่างไร และกลุ่มแรงงานต่างๆ ได้รับการอำนวยความสะดวกจากนายจ้างหรือไม่

สำหรับบรรยากาศการเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงราย และส.อบจ.เชียงราย ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 24 ต.บ้านดู่ จ.เชียงราย ประชาชนทยอยมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยบรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

ขณะที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน นำโดย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน ได้ทำการควบคุมตัว นายณัฐกิต อายุ 27 ปี ชาว ต.ป่าซาง หลังจากที่ได้ฉีกบัตรเลือกตั้งภายในคูหาเลือกตั้ง

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายณัฐกิต ได้ให้การว่า ตนไม่ต้องการเลือกใคร จึงต้องการทำให้เป็นบัตรเสีย จึงได้ฉีกบัตรเลือกตั้ง แต่ไม่ทราบว่า การฉีกบัตรเลือกตั้งนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หลังจากที่ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวส่งไปพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘อนุทิน’ หย่อนบัตรเลือกตั้ง อบจ. ที่บุรีรัมย์ ย้ำ!! เจ้าหน้าที่วางตัวเป็นกลาง ยัน!! ตัวเองมีพรรคพวก ลงหลายที่ ยังไม่เคยไปช่วยหาเสียง แม้แต่ที่เดียว

(1 ก.พ. 68) ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 7 เขตเลือกตั้งที่ 2 บริเวณศาลากลางหมู่บ้านไทยเจริญ หมู่ 4 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยเลือกตั้งที่มีรายชื่อของ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และครอบครัว รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่ในหน่วยเลือกตั้งนี้ด้วย

หลังจากนายเนวินและครอบครัวได้เดินทางมาลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้งเสร็จสิ้น นายอนุทินก็เดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และลงคะแนนเลือกตั้งในเวลาประมาณ 10.30 น.

นายอนุทิน เปิดเผยหลังใช้สิทธิ ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าจะวางตัวให้เป็นกลางมากน้อยแค่ไหน โดยระบุว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ ทั้ง กกต. เจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย เขารู้ว่านี่คือภารกิจหน้าที่ที่จะต้องสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้จะมีความรักความชอบผู้สมัครบ้างก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่แล้วเป็นกลางแน่นอน แม้แต่ตัวเองตนไม่เคยไปยุ่ง

นายอนุทินกล่าวว่า มีพรรคพวกสมัครรับเลือกตั้งในหลายพื้นที่ก็ไม่เคยไปหาเสียงช่วย ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้ออกเป็นหนังสือไปแล้ว ให้ทุกส่วนทำตัวเป็นกลาง เท่าที่เห็นภาพแล้วเรียบร้อยดี รับรองไม่มีการซื้อเสียงหน้าหน่วยเลือกตั้ง

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า กรณีที่มี สส.ของพรรคบางคนไปหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้น มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค

‘สุพิศ’ ปราศรัยทิ้งทวนชิงเก้าอี้ นายกอบจ. สงขลา ลั่น ดันหาดใหญ่ศูนย์กลาง ศก.ภาคใต้ - เร่งสร้างรายได้ให้ชาวสงขลา

สงขลา – ‘สุพิศ’ ปราศรัยเวทีสุดท้ายทิ้งทวนประกาศกร้าวดันหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเพิ่มเม็ดเงินสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวสงขลาจัดเทศกาลท่องเที่ยวทุกอำเภอ หากชาวสงขลาเชื่อมั่นจะทำให้เห็นภายใน 4 ปีแน่นอน

เมื่อวันที่ (30 ม.ค.68) ที่สี่แยกสะพานดำ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ทีมสงขลาพลังใหม่ พร้อม นายสมพร ใช้บางยาง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายอับดลรอหมาน กาเหย็มและทีมบริหาร ผู้สมัครสมาชิก อบจ.ทีมสงขลาพลังใหม่  ขณะที่มวลชนนับหมื่นหลั่งไหลมาให้กำลังใจเวทีสุดท้ายของการเลือกตั้งในครั้งนี้ 

โดยนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม กล่าวบางช่วงบนเวทีว่า วันนี้ตนมีความตั้งใจมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมาสร้างเมืองสงขลาอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจของภาคใต้ก็ว่าได้ วันนี้เราอยากดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสงขลาโดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่เพื่อกระจายเม็ดเงินให้ทั่วทุกพื้นที่สร้างรายได้ให้ภาคธุรกิจทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ขับเคลื่อนเรื่องการจัดงานเทศกาลเฟสติวัลตลอดทั้งปี ดึงนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดเข้าสงขลาให้มากที่สุด และการส่งเสริมการลงทุนสร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชน นอกจากนี้เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องการจัดการขยะ ลดมลพิษอากาศ นำสายไฟฟ้าลงดิน

นอกจากนี้นายสุพิศ  พิทักษ์ธรรม ยังกล่าวเปิดใจบนเวทีอีกว่า วันนี้ตนเองลาออกจากอธิบดีกรมฝนหลวงการบินเกษตรเพื่อมาลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ก็เพื่ออยากใช้ความรู้ความสามารถที่สั่งสมมาตลอดช่วงที่ผ่านมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับสงขลาบ้านเกิดจริง ๆ ไม่เคยมีอะไรแอบแฝงขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นในตัวผม 

ขณะที่ในวันที่ 31 ม.ค. จะเป็นวันหาเสียงวันสุดท้ายเหล่าบรรดาผู้สมัครจากทั้ง 9 ทีมก็จะมีกำหนดการขึ้นรถแห่เพื่อเชิญชวนประชาชนชาวสงขลาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้ได้มากที่สุด….

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิฯ UN เรียกร้องไทยยกเลิกมาตรา 112 อ้างทำให้เกิดบรรยากาศความกลัวในการแสดงออกทางการเมือง

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิฯ จาก UN เรียกร้องไทย ยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิฯ สากล ลั่น‘กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ต้องไม่มีที่ยืนในประเทศประชาธิปไตย’

เมื่อวันที่ (29 ม.ค. 68) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เผยแพร่ข่าวกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนจากสหประชาชาติ ประกอบด้วย ผู้รายงานพิเศษด้านต่าง ๆ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติตั้งขึ้น แสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ในประเทศไทย ที่ยังคงใช้กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์อย่างต่อเนื่อง จนไปสู่การคุมขังนักกิจกรรม และผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน และเรียกร้องให้ทางการไทยยกเลิก หรือทบทวนประมวลกฎหมายอาญา ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชน

“ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ บุคคลต้องมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ รวมถึงพระมหากษัตริย์ และเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันสาธารณะ รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์”

“กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ของไทยมีทั้งโทษที่รุนแรง และกำกวม ส่งผลให้ศาลและเจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจตีความผิดได้อย่างกว้างขวาง จนนำไปสู่การคุมขัง ดำเนินคดี และลงโทษ จำนวนกว่า 270 คนตั้งแต่ปี 2563 หลายรายได้รับโทษคุมขังติดต่อกันหลายคดี” ผู้เชี่ยวชาญระบุ

สำหรับมาตรา 112 ระบุว่าผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ซึ่งกฎหมายดังกล่าวถูกวิจารณ์จากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติหลายครั้ง เนื่องจากขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล 

“เราพบบ่อยครั้งว่า การคุมขังภายใต้กฎหมาย 112 ต่อบุคคลใดก็ตามที่ออกมาใช้เสรีภาพการแสดงออก ถือเป็นการกระทำโดยพลการ” กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าวย้ำ

ย้อนไปเมื่อ ธ.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญา ตัดสินให้อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ถูกมีความผิดในมาตรา 112 และมาตรา 116 (ยุยงปลุกปั่น) จากการปราศรัยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการชุมนุมประท้วงเมื่อ ส.ค. 2563 ศาลพิเคราะห์ว่า อานนท์ กล่าวหาพระมหากษัตริย์ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคม และให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี

นี่เป็นคดี 112 ของอานนท์ คดีที่ 6 ที่ศาลมีคำตัดสินลงโทษจำคุก ปัจจุบัน อานนท์ มีโทษจำคุกสูงสุดกว่า 18 ปี และยังมีคดี 112 ที่รอมีคำตัดสินอีก 8 คดี

คณะทำงานว่าด้วยการควบคุมโดยพลการแห่งสหประชาชาติ (UNWGAD) เคยให้ความเห็นก่อนหน้านี้ว่า การคุมขังอานนท์ นำภา ถือเป็นการคุมขังโดยพลการ และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติหลายคน ยังคงแสดงความกังวลต่อการดำเนินคดีอาญากับอานนท์ นำภา และคนอื่นๆ ในประเทศไทย 

“กฎหมายหมิ่นประมาทต้องไม่มีพื้นที่ในประเทศประชาธิปไตย” ผู้เชี่ยวชาญ กล่าว

“การบังคับใช้กฎหมายอย่างกว้างขวาง เพื่อลงโทษนักปกป้องสิทธิมนุษยชน สมาชิกของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน นักกิจกรรมทางสังคม นักข่าว และบุคคลทั่วไปที่ออกมาแสดงออกอย่างสันติ ทำให้เกิดบรรยากาศของความกลัวในการแสดงออกทางการเมือง”

"รัฐบาลไทยต้องทำให้ประมวลกฎหมายอาญาสอดคล้องกับกฎหมายนานาชาติ และเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน" ผู้เชี่ยวชาญ กล่าว และเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีและการคุมขังภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยทันที

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน บันทึกไว้ว่า ตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบัน (30 ม.ค.) มีผู้ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 อย่างน้อย 277 คน จากจำนวน 309 คดี

ขณะที่แกนนำนักกิจกรรมการเมืองถูกดำเนินคดี เป็นจำนวนทั้งหมด ดังนี้ 

‘เพนกวิน’ พริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมการเมือง 25 คดี
อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 14 คดี
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นักกิจกรรมการเมือง 10 คดี
ภาณุพงศ์ จาดนอก นักกิจกรรมการเมือง 9 คดี
ชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมการเมือง 9 คดี
เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมการเมือง 8 คดี
ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา นักกิจกรรมการเมือง 6 คดี
พรหมศร วีระธรรมจารี นักกิจกรรมการเมือง 6 คดี
ชูเกียรติ แสงวงค์, วรรณวลี ธรรมสัตยา, เกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ, มงคล ถิระโคตร 4 คดี

ขณะที่ข้อมูลศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุด้วยว่า ปัจจุบัน (30 ม.ค.) มีผู้ถูกคุมขังทางการเมืองทั้งคดีเด็ดขาด และที่ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี จำนวนอย่างน้อย 42 คน เป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 28 คน 

‘ทนายเชาว์’ แฉเงินสะพัด ‘ร่อนพิบูลย์’ หัวละ 500 บาท แบ่งสายเดินแจกเงินโจ๋งครึ่ม อย่างไม่เกรงกฎหมายบ้านเมือง

'เชาว์' แฉเงินสะพัด 'ร่อนพิบูลย์' แบ่งสายเดินแจกเงินโจ๋งครึ่ม สงสัย กกต.หายไปไหน ปลุกคนคอนกำจัดวงจรอุบาทว์ รับเงินไม่กา สกัดกาฝากดูดเลือด ปชช.

(31 ม.ค.68) นายเชาว์ มีขวด ทนายความ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง โค้งสุดท้าย 'ร่อนพิบูลย์' เมืองคอน เงินสะพัดแจกหัวละ 500! มีเนื้อหาระบุว่า 

ขณะนี้ผมทราบว่ามีขบวนการทุจริตการเลือกตั้ง สจ. เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอร่อนพิบูลย์ มีการล่ารายชื่อประชาชนมาหลายวันแล้ว ทำกันโจ่งแจ้ง ใช้หัวคะแนนซึ่งเป็นผู้นำท้องที่ผู้นำชุมชน วันนี้เริ่มแบ่งสายเดินแจกเงินชาวบ้านคนละ 500 บาท โดยไม่เกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง

ผมไม่ทราบว่า กกต. ซึ่งมีหน้าที่จับทุจริตเลือกตั้ง หายหัวไปไหนกันหมด เพราะมีการกระทำกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกท่านใส่เกียร์ว่าง หรือ พวกท่านรู้เห็นเป็นใจ เพราะผมทราบมาว่ามีนักการเมืองระดับชาติเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการซื้อเสียง

เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากที่เกิดขึ้นกับอำเภอร่อนพิบูลย์ เห็นประชาชนเป็นผักเป็นปลาตีค่าแค่คนละ 500 บาท เพื่อเป็นบันไดเข้าสู่อำนาจ แล้วถอนทุนโกงกินงบประมาณภาษีของพี่น้องประชาชน คือวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ทำให้ภาพพจน์ของอำเภอร่อนพิบูลย์เสียหาย ถ้าทำสำเร็จ ต่อไปอำเภอร่อนพิบูลย์อาจจะถูกเรียกอำเภอร่อนพิบูลย์ 500 

“เรื่องนี้ผมจึงรับไม่ได้และขอเรียกร้องไปที่พี่น้องประชาชนที่รับเงินจากนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียง อย่าไปกาคะแนนให้ เพราะถ้าการคะแนนให้ เท่ากับ สนับสนุนให้เขาเข้าไปโกง เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไม่รู้จักจบสิ้น อยากได้ตัวแทนประชาชน สุดท้ายอาจได้แค่กาฝากเข้าไปดูดเลือดชาวบ้านกลายเป็นห่วงโซ่แห่งความชั่วร้าย ฉุดรั้งไม่ให้บ้านเกิดของเราพัฒนา ทุกท่านสามารถกำจัดวงจรอุบาทว์ได้ด้วยการไม่เลือกคนที่ทุจริตเลือกตั้ง”

‘ทักษิณ’ เซ็ง ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ เยอะ ทำงานได้ช้า ลั่น เลือกตั้งครั้งหน้า เอาพรรคอื่นน้อย ๆ ขอเพื่อไทยเยอะๆ มี รมต.พรรคเดียวกัน งานเร็ว พูดรู้เรื่อง ไม่มีเลศนัย ไร้เล่ห์เหลี่ยม

(30 ม.ค.) ที่จ.ลำพูน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ช่วยนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน ในนามพรรคเพื่อไทย หาเสียง โดยนายทักษิณ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้เห็นลำพูนเจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูแล้วมีคนอยู่สองกลุ่มคือกลุ่มค้าขายกับกลุ่มเกษตรกรรม แม่บ้าน เราจะต้องทำให้ลำพูนเป็นเมืองแฝดกับเชียงใหม่ เพราะหากประชาสัมพันธ์ร่วมกันในเรื่องของวัฒนธรรมด้วยกันได้เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น

นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาคือบ้านเราไม่ค่อยมีเงินใช้ แต่ปีนี้รัฐบาลจะสร้างโอกาสหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนให้มีรายได้ที่ดีขึ้นและปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้มากที่สุด การบริหารประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องให้รัฐบาลกลางได้เชื่อมกับท้องถิ่นให้ได้ ไม่เช่นนั้นงบประมาณจะลงไม่ถึงประชาชน มาที่นี่ก็อยากขอให้นายอนุสรณ์เป็นนายก อบจ.ลำพูน อีกครั้ง ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ

“เลือกตั้งครั้งหน้าก็ขอให้เลือกเพื่อไทยให้หมด เพราะคราวที่แล้วได้น้อยไปหน่อย มีพรรคร่วมรัฐบาลเยอะ ทำงานได้ แต่ช้า คราวหน้าให้มีพรรคร่วมน้อยๆ เอาเพื่อไทยเยอะๆ รับรองว่าทำงานแล้วจะรวยเหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย พรรคมันใหญ่ ทำงานได้เร็ว เพราะรัฐมนตรีทุกคนอยู่สังกัดพรรคเดียวกันหมด พูดรู้เรื่อง ไม่มีเลศนัย ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก พูดตรงไปตรงมามันง่ายดี คราวหน้ามั่นใจเพื่อไทยจะมาที่หนึ่ง 200กว่าเสียง“ นายทักษิณ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top