Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

‘ชูวิทย์’ แจง เหตุร้องเรียนมรรยาท ‘ทนายตั้ม’ ลั่น!! เพื่อไม่ให้ทนายอื่นทำตาม หาเรื่องให้เกิดคดี-ออกสื่อหาแสง

(11 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน เขียนบทความ “ทนาย กับ ช่างทาสี” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้

“ทนาย กับ ช่างทาสี อาชีพที่เปลี่ยนขาวเป็นดำได้ วันนี้ไปสภาทนายความร้องเรียน “มรรยาททนายความ” การมีวิชาชีพทนายต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม เพราะเป็นหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนต้องพึ่งพาเมื่อมีคดีความ

ผมไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกธรเคืองกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาก่อน อีกทั้ง ทนายตั้มก็ไม่เคยเป็นทนายฝั่งตรงข้าม หรือแม้กระทั่งขัดใจกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่จู่ๆ ทนายตั้มก็ออกมาโจมตีผมโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จัดแถลงข่าวกล่าวหาผมสารพัด ลามไปถึงลูกชายผมว่าได้รับเงิน 50 ล้าน เป็นเงินดิจิตอล รวมทั้งพฤติกรรมหลายอย่างที่ทนายตั้มได้รับฟังเพียงการบอกเล่ามา ไม่มีหลักฐานใดๆ และตัวทนายตั้มเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ การเป็นทนายแล้วกระทำการแบบนี้ จึงเสมือนหาเรื่องให้มีคดีความเกิดขึ้น

ผมรู้จักทนายมามาก และรู้ว่าคุณค่าของทนายสำคัญแค่ไหน หากเลือกทนายผิด ผลจะเป็นอย่างไร การที่ทนายมานั่งแถลงข่าวซัดใครที่ไม่ได้รู้จัก ไม่ได้มีเรื่องโกธรเคืองกันมาก่อน ย่อมมีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ ทนายจะมากล่าวหาผู้อื่น แล้วอ้างทำเพื่อสังคม โดยไม่หวังผล หรือนัยยะใดแอบแฝง มีเพียงทนายตั้มเท่านั้นที่จะทราบได้ ว่ามีใครสั่งการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมเชื่อว่ามีแน่ หากทนายตั้มมีคุณธรรม ควรจะสอบถามผมก่อน ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แทนที่จะจัดแถลงข่าวโจมตี

เป็นผู้รู้กฎหมาย ใช้เป็นวิชาชีพหาเลี้ยงตน และครอบครัว ย่อมทราบดีว่าการฟังความข้างเดียว ทั้งที่มีข้อสงสัยคลุมเครือ สมควรอย่างยิ่งที่จะให้ความเป็นธรรม และมีความสุจริตเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่นึกถึงแต่ความดังจากการโจมตี เพื่อประโยชน์ในการหาทางได้ของตนเอง ทนายตั้มยังอายุไม่มาก การถูกหลอกใช้ หรือเต็มใจให้ใช้จึงเกิดขึ้นได้ เพราะความต้องการให้คนยอมรับนับถือ มีเรื่องโด่งดังฮือฮา ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

ผมเป็นคนที่ขึ้นมาแทบทุกศาล จะมากสุดก็ว่าได้ ตั้งแต่ศาลแพ่ง ศาลอาญาทุกศาล (อาญารัชดา อาญาใต้ อาญาสนามหลวงปัจจุบันรื้อไปแล้ว) อีกทั้งศาลแขวง ศาลปกครอง ศาลแรงงาน ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ (คดีถูกปลดจาก ส.ส. ขณะสังกัดพรรคชาติไทยปี 2548) จึงรู้ซึ้งเข้าใจคนเป็นทนายดี

เชียงใหม่-ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5  พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่  นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  ร่วมกัน"ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยวลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566" ในช่วง 7 วันอันตราย โดยมี นายสิธิชัย จินดาหลวง ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวให้การสนับสนุนการจัดงาน และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน  ที่ลานเอนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ , สภ.ช้างเผือก , สภ.แม่ปิง , สภ.ภูพิงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย รวมกว่า 300 นาย เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ลดอุบัติเหตุทางถนน และรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566

(สุรินทร์)รองแม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ให้กำลังใจ ผู้ตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ากองประจำการ พร้อมยืนยันว่ากองทัพบกจะดูแลน้องคนเล็กเป็นอย่างดี

วันที่ 10 เมษายน 2566 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  พลตรี อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และสังเกตการณ์ การตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้าเป็นทหารกองประจำการ ประจำปี 2566 ในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยได้พบปะผู้เข้ารับการคัดเลือก พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และได้เชิญชวนให้น้องๆ ทหารกองเกิน เข้ารับการสมัครใจรับใช้ชาติ เป็นทหารกองประจำการ โดย พลตรี อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำให้การตรวจเลือกฯ ให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และพบปะทหารกองเกิน ญาติผู้ปกครอง พร้อมยืนยันว่า น้องที่ได้เข้าสู่รั้วของกองทัพนั้น กองทัพบกสัญญาจะดูแลน้องคนเล็กเป็นอย่างดี


ปุรุศักดิ์ แสนกล้า  รายงาน

เทียบกันชัดๆ!!

เทียบกันชัดๆ!! ระหว่างโครงการคนละครึ่ง และเงินดิจิทัลเพื่อไทย

‘เปลว สีเงิน' นำทีมไทยโพสต์ เปิดบ้านหลังใหม่ เหล่า ‘คนดัง-แฟนคลับ’ ร่วมแสคงความยินดี

(10 เม.ย. 66) ไทยโพสต์ 'อิสรภาพแห่งความคิด' ได้ประกอบพิธีทางศาสนา ทำบุญตักบาตร เปิดสำนักงานไทยโพสต์แห่งใหม่ ที่ซอยประชาชื่น 46 ถนนประชาชื่น แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ

การนี้ พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี พร้อมด้วย พระครูวิสิฐพรหมจริยคุณ (พระอาจารย์สามดง จันทโชโต) วัดป่าอรัญพรหมาราม อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ,พระอาจารย์รัตนะ เขมรตโน วัดป่ารวมธรรม อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี

พระอาจารย์ไชยญา วัฑฒโน วัดป่าอุดมญาณสัมปันโน อ.เชียงคาน จ.เลย ,พระอาจารย์วิทยา ชยวุฑโฆ วัดป่าวิสุทธิญาณสัมปันโน อ.นายูง จ.อุดรธานี ได้บิณฑบาตหน้าลานสำนักงานไทยโพสต์ ก่อนประกอบพิธีสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ แสดงธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์

ต่อมาเวลา 10.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมแสดงยินดีกับไทยโพสต์ โดยกล่าวแสดงความยินดีกับ นายโรจ งามแม้น หรือ "เปลว สีเงิน" และให้กำลังใจชาวไทยโพสต์ในการทำหน้าที่สื่อมวลชนต่อไป

นอกจากนี้ยังมีบุคคลสาธารณะ ทยอยเดินทางร่วมแสดงความยินดีกับไทยโพสต์อย่างคับคั่ง อาทิ คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา ภริยาอดีตนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ,นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา บุตรีของอดีตนายกฯบรรหาร และรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา , นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา

นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกรัฐบาล ,นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ,คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ,นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล ,นายวัชระ เพชรทอง สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี

นายสกลธี ภัททิยกุล สมาชิกพลังประชารัฐ ,นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ดารานักแสดง และสมาชิกพรรคไทยภักดี ,พลตรี วินธัย สุวารี ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ฯลฯทั้งยังมีข้าราชการและแฟนคลับไทยโพสต์ เป็นเกียรติร่วมแสดงความยินดีอย่างล้นหลาม

‘ไบรอัน’ สาวไส้!! ‘ทนายจูน’ เรียกร้องให้สหรัฐ แทรกแซงไทย ชี้!! หากปล่อยไว้ สถานการณ์ไทยจะไม่ต่างจาก ‘ยูเครน’

เมื่อวันที่ (7 เม.ย. 66) นาย Brian Berletic (ไบรอัน) นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ชื่อดังได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล กรณีทนายจูน หรือ ศิริกาญจน์ เจริญศิริ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการเรียกร้องประชาธิปไตยของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทย

ภายใต้บทความชื่อ Shut Out of Democracy Summit , Thailand Prepares for May Elections as Restrictive Laws Aim to Silence Youth Activists ซึ่งเผยแผ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ผ่านเวปไซต์ Just Security

ซึ่งเป็นองค์กร NGO ในรูปแบบ Think Tank ที่นำเสนอบทวิเคราะห์ เพื่อนำไปล็อบบี้ประเด็นต่าง ๆ กับฝ่ายการเมืองในรัฐสภาประเทศสหรัฐอเมริกา

บทความดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับการกล่าวหาว่ารัฐบาลไทยกำลังปิดปากนักกิจกรรมทางการเมือง โดยใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ว่าด้วยการหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

นอกจากนี้ยังได้ระบุว่าการเลือกตั้งปี 2562 เป็นการเลือกตั้งที่ไม่เสรีและไม่ยุติธรรม เพราะรัฐบาลปิดปากสื่อมวลชนและกลุ่มนักกิจกรรมทางการเมืองหมดทุกช่องทาง

แต่การเลือกตั้งปี 2566 ที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความเป็นไปได้สูงว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะชนะและได้จัดตั้งรัฐบาล แต่กองทัพอาจไม่ยอมและทำลายการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งการที่รัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรวางท่าทีเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ นอกจากจะทำให้เกิดการละเมิดสิทธิของผู้คนนับล้าน จะเป็นการช่วยให้ “อิทธิพลของจีนแผ่ขยายมาในภูมิภาคนี้”

โดยทนายจูนได้เสนอว่ารัฐบาลสหรัฐจะต้องเข้ามา ‘กดดันรัฐบาลไทย’ ใน 4 ประเด็นดังนี้
1. ยกเลิกข้อห้ามในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มนักกิจกรรมในระหว่างการเลือกตั้ง
2. ยกเลิกการตั้งข้อหาและคดีความทั้งหมดต่อนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย
3. ปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด ซึ่งรวมถึงคนที่กระทำผิด ม.112 ด้วย
4. เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีที่โปร่งใส เป็นธรรม และได้มาตรฐานสากล

ขณะเดียวกันในท้ายบทความ ทนายจูนยังได้เรียกร้องให้ทางสหรัฐและชาติพันธมิตร เข้ามาช่วยเหลือ ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ ในประเทศไทย และปล่อยนักโทษคดี ม.112 เพื่อ ‘ฟื้นฟูประชาธิปไตย’ ในประเทศไทยด้วย

‘จ๊ะ นงผณี’ งง!! คู่กรณีตุ๋นลงทุน ‘Forex3D’ ขอไกล่เกลี่ย ลั่น!! “เสียเงิน เสียเวลา และยังเสียได้อีก ขอแค่ให้เข้าคุก”

จ๊ะ เหวอคู่กรณีตุ๋นลงทุน Forex3D ทำสูญ 60 ล้าน ขอเลื่อนนัด-ไกล่เกลี่ย ลั่นไม่ยอม จะเสียแค่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้พวกมึงเข้าคุก

จากกรณีที่ จ๊ะ – นงผณี มหาดไทย นักร้องดัง ยอมรับว่าเคยถูกหลอก ชวนลงทุนใน FOREX-3D สูญเงินสดกว่า 60 ล้าน และไม่ได้เงินคืน เธอโทษตัวเองก่อนเพราะโลภเอง ทุกวันนี้ทำงานไม่บ่นสักคำเพราะชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป กระทั่งได้ตัดสินใจฟ้องเพื่อเอาผิดกับผู้ที่ชวนลงทุน

(10 เม.ย. 66) จ๊ะได้โพสต์บทสนทนาระหว่างเธอกับทนายความส่วนตัว เกี่ยวกับคดีฟ้องร้องดังกล่าวว่า “วันนี้ทนายของจ๊ะมีนัดขึ้นศาล กรณี forex 3d ที่จ๊ะโดนหลอกให้ไปร่วมลงทุน สรุป คู่กรณีที่จ๊ะฟ้อง ขอเลื่อนการมาขึ้นศาล แต่แจ้งทางเรามาว่า พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย”
ซึ่งในรูปภาพก็สรุปได้ว่า ทนายความจ๊ะแจ้งว่า ทางคู่กรณีไม่ได้มาขึ้นศาลเองแต่ส่งทนายมา โดยมีประสงค์ที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยในนัดหน้า

สวนสัตว์โคราชเปิดตัว!! ‘ลูกพญาแร้ง’ ตัวแรกของเอเชีย หลังพยายามเพาะขยายพันธุ์มานานกว่า 30 ปี 

องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โดยสวนสัตว์นครราชสีมา เปิดตัว ‘ลูกพญาแร้ง’ ตัวแรกของทวีปเอเชียและของประเทศไทย หลังรอมากว่า 30 ปีภายใต้การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทยเพื่อเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูประชากรแร้งในพื้นที่ธรรมชาติของประเทศไทย

(10 เม.ย. 66) ที่สวนสัตว์นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย โดยสวนสัตว์นครราชสีมา ได้เปิดตัว ‘ลูกพญาแร้ง’ เพศเมีย ตัวแรกของทวีปเอเชีย และของประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานโครงการฟื้นฟูประชากรพญาแร้งในถิ่นอาศัยของประเทศไทยเพื่อเป็นต้นแบบในการฟื้นฟูประชากรแร้งในพื้นที่ธรรมชาติ ของประเทศไทย โดยมีนายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และนายธนชน เคนสิงห์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว

โดยแม่พญาแร้งได้ออกไข่ใบแรก เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 และทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้นำเข้าตู้ฟัก เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 โดยธรรมชาติพญาแร้งจะออกไข่ครั้งละ 1 ฟองเท่านั้นต่อฤดูการผสมพันธุ์แต่เพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มประชากร ทางเจ้าหน้าที่โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ จึงนำไข่มาฟักในตู้ฟักเพื่อเพิ่มอัตราการฟักเป็นตัวมากยิ่งขึ้นและเพื่อเพิ่มประชากรพญาแร้ง โดยให้แม่พญาแร้งออกไข่ใบที่สอง และเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นความสำเร็จครั้งแรกของประเทศไทยที่แม่พญาแร้ง สามารถออกไข่ใบที่สอง ซึ่งใบนี้จะปล่อยให้แม่พญาแร้งฟักเองเพื่อยังคงสัญชาตญาณตามธรรมชาติ ซึ่งคาดว่าอาจได้รับข่าวดีในเร็วๆ นี้

โดยลูกพญาแร้งจากไข่ใบแรก ฟักออกมาเป็นตัว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลาการฟักในตู้ฟักประมาณ 50 วัน สำหรับลูกพญาแร้ง ซึ่งเกิดจากแม่ชื่อว่า นุ้ย และพ่อชื่อ แจ็ค หลังจากพญาแร้งน้อยลืมตาดูโลกก็ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์เป็นอย่างดี

นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โลกของเรามีแร้งทั้งหมด 23 ชนิดในประเทศไทยพบ 5 ชนิด รวมถึงพญาแร้ง ซึ่งเป็นแร้งประจำถิ่นของประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทย ไม่พบแร้งประจำถิ่นอยู่ในธรรมชาติอีกเลยมานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยพญาแร้งฝูงสุดท้ายพบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้วกว่า 30 ปี จากการโดนยาเบื่อที่พรานล่าสัตว์ป่าใส่ไว้ในซากเก้งเพื่อล่าเสือโคร่ง ซึ่งพบซากพญาแร้งครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 แร้งทุกชนิดทั่วโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะพญาแร้ง ที่มีสถานภาพเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ (CR) ตามองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤติ ปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรพญาแร้งในธรรมชาติไม่ถึง 9,000 ตัว การเกิดขึ้นของลูกพญาแร้งในสถานที่เพาะเลี้ยงถือเป็นเรื่องยากมาก โดยปัจจุบันประเทศไทยมีพญาแร้งแค่ในสถานที่เพาะเลี้ยง จำนวนเพียงแค่ 6 ตัวเท่านั้น

สวนสัตว์นครราชสีมา มีความพยายามเพาะขยายพันธุ์พญาแร้งมากว่า 20 ปี โดยพ่อแม่พญาแร้งคู่แรก เริ่มให้ไข่ครั้งแรกเมื่อปี 2563 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไข่ไม่มีเชื้อ จึงมีความพยายามจับคู่ผสมพันธุ์ใหม่โดยใช้วิธีตามธรรมชาติ ปัจจุบันลูกพญาแร้งเกิดใหม่ในสถานที่เพาะเลี้ยงทั่วโลก มีเพียงแค่ประเทศอิตาลี และประเทศไทยนับเป็นประเทศที่สองที่สามารถเพาะขยายพันธุ์พญาแร้งได้ในสถานที่เลี้ยง นับเป็นความสำเร็จขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย

''ผบ.ตร.เปิดศูนย์ลดอุบัติเหตุทางถนน วันสงกรานต์''

“ผบ.ตร.เปิดศูนย์ลดอุบัติเหตุทางถนน สงกรานต์ ส่งตำรวจกว่า 1 แสนนาย ดูแลความปลอดภัย เข้มงวดจราจร รถเร็ว เมาขับ สวมหมวก นั่งรถกระบะเล่นน้ำ หวังลดอุบัติเหตุ ชวนฝากบ้าน 4.0 พบมียอดฝากแล้ว 1,012 หลัง” 

วันนี้ (10 เม.ย.66) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์  รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์  ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วีระ  จิรวีระ รอง จตช. และผู้บังคับบัญชาของศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ร่วมแถลงเปิด "ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566" เพื่อกำกับ ดูแลและสั่งการ ในการอำนวยการจราจรและแก้ไขสถานการณ์อุบัติเหตุ ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11 – 17 เม.ย.66)  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. กล่าวว่า “ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยความปลอดภัยพี่น้องประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ทุกหน่วยบูรณาการร่วมปฏิบัติทุกมิติ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งเตรียมกำลังพลกว่า 100,000 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ  โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด สำหรับวันนี้ เป็นวันแรกที่เปิด ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ได้สั่งการให้ บช.น. ภ.1-9 และ บก.ทล. ปฏิบัติดังนี้

1) มาตรการอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย  ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีรถเดินทางเข้าออก กทม. มากถึงจำนวน 7 ล้านคัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว 5.3% โดยคาดการณ์ปริมาณรถขาออกมากที่สุด วันที่ 12 และ 13 เม.ย.66 และปริมาณรถขาเข้ามากที่สุด วันที่ 16 และ 17 เม.ย.66  จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยประสานเจ้าของถนนคืนพื้นผิวการจราจร จุดที่มีการก่อสร้าง ซ่อมแซม เป็นเหตุให้รถชะลอตัว โดยสามารถคืนพื้นผิวได้ทั้งหมด 536 จุดทั่วประเทศ รวมระยะทางกว่า 1,595 กม. จัดตำรวจอำนวยการจราจร ตามจุดสำคัญที่มีปัญหาการจราจร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว และในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์ เช่น รถยก รถสไลด์  เข้าถึงที่เกิดเหตุและคลี่คลายการจราจรได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ออกข้อบังคับเปิดช่องทางพิเศษเพื่อเร่งระบายรถ ทั้งขาเข้าและออก กทม. 9 เส้นทาง 16  จังหวัด รวมระยะทาง 457 กม. โดยตำรวจทางหลวงได้เปิดช่องทางพิเศษไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน และจะดำเนินการต่อเนื่องตามสภาพการจราจร  มีการได้ออกข้อบังคับห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เดินในถนน 7 เส้นทาง เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรรวมระยะทาง 194 กม. สำหรับรถบรรทุกที่มีความจำเป็นต้องเดินรถ เช่น รถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสด สามารถยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ของ บก.ทล. ได้ที่  www.hwpdth.com 

2) มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำหนดเป้าหมายให้ทุก ภ.จว. ลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ จากค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 โดยมีมาตรการให้ทุกหน่วยทำบัญชีกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เพื่อเข้าไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องปรามกลุ่มเป้าหมาย และตั้งจุดตรวจเพื่อกวดขันจับกุมการกระทำผิดกฎจราจรที่ เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ โดยเริ่มบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ 4 เม.ย.66 เป็นต้นมา  เน้นหนักใน 10 ข้อหา ด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะ ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4 – 9 เม.ย.66 (รวม 6 วัน) ที่ผ่านมามีการจับกุม 10 ข้อหา รวมทั้งสิ้น 171,539 โดยมีข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 443 ราย โดยในห้วง 7 วันควบคุมเข้มข้น (11-17 เม.ย.66) ตร. ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มในการกวดขันวินัย

โดยมีการตั้งจุดตรวจทั่วประเทศรวม 3,820 จุด แบ่งเป็น จุดตรวจกวดขันวินัยจราจร  2,183 จุด (กำลังพล 20,605 นาย) จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,637 จุด (กำลังพล 14,821 นาย) นอกจากนั้น กรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต  จะทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน  หากผู้ขับขี่ปฏิเสธไม่ยอมให้ทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ จะถูกกฎหมายสันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522

สำหรับวิธีการปฏิบัติตนในการนั่งท้ายกระบะ ตร. ได้มีประกาศ เรื่อง การยกเว้นให้คนโดยสารไม่ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยในรถบางประเภท พ.ศ.2566 ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ 19 มี.ค.66 โดยกำหนดจำนวน นั่งท้ายรถกระบะไม่เกิน 6 คน   นั่งใน Space cab ไม่เกิน 3 คน  และการนั่งท้ายกระบะต้องไม่นั่งริมขอบกระบะ และต้องปิดฝากระบะ รวมทั้งต้องขับชิดซ้ายใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.  จึงขอประชาสัมพันธ์ในช่วงสงกรานต์ หากจะมีการใช้รถกระบะบรรทุกคนโดยสารเล่นน้ำ จะต้องนั่งไม่เกิน จำนวนดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ

ผู้ที่ใช้รถใช้ถนน ต้องการสอบถามเส้นทาง แจ้งอุบัติเหตุ หรือ ขอความช่วยเหลือ โทร. 1193 (ทางหลวงทั่วประเทศ) หรือ 1197 (กทม. และปริมณฑล) หรือ 191 และ 1599

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ตั้งแต่ 10 เม.ย.66 ถึง 18 เม.ย.66 กำหนดให้มีการประชุมติดตามสถานการณ์อุบัติเหตุและการจราจรทุกวัน ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้น โดยมอบหมาย พล.ต.อ.รอยฯ พล.ต.ท.ธนาฯ พล.ต.ท.ประจวบฯ และ พล.ต.ท.วีระฯ เป็นประธานการประชุมตลอด 7 วัน และวันนี้เป็นการประชุมเปิดศูนย์ฯ  เพื่อสั่งการทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนเริ่มภารกิจจริง”

เตือนใจช่วงสงกรานต์ จะดื่มเหล้าเมายา หัดคิดถึงคนอื่นบ้าง อย่าเอาแค่สนุกตน

(10 เม.ย.66) นพ.สมรส พงศ์ละไม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก 'Somros MD Phonglamai' เตือนใจและเตือนสติผู้คนก่อนสงกรานต์ ผ่านบทสนทนากับผู้ป่วยท่านหนึ่ง ว่า...

A: ขาที่ขาดไปโดนอะไรมาเหรอครับ? 
B: ผมไปซื้อของที่เซเว่น เดินออกมากับภรรยาและลูกอายุ 1 เดือน แล้วมีรถพุ่งเข้ามาชนครับ

A:  แล้วลูกกับแฟนเป็นไรมั้ย?
B: ภรรยากับลูกไม่เป็นอะไรครับ แต่ผมขาขาด คนข้างหน้าผมเสียชีวิต อีก 3 คนถัดจากผมสมองบวมติดเตียง ครอบครัวเค้าเหมือนตายทั้งเป็น

A: ทำไมชนเยอะขนาดนั้นล่ะครับ !? 
B: เค้าเมาครับ เลยโดนไป 10 กว่าคนตรงถนนเส้นหลักเลย

A: แล้วคนขับเป็นอะไรมากมั้ยครับ ? 
B: คนขับไม่เป็นอะไรเลยครับ

A: ก็ยังโชคดีนะครับที่แฟนกับลูกไม่เป็นอะไรเนอะ
B: ผมไม่เคยเมาแล้วขับเลยนะครับหมอ แต่อยู่ๆก็ซวยขาขาด โชคดีที่ไม่ตายไม่พิการเป็นผักเหมือนคนอื่นๆ ผมได้แต่ภาวนาให้เคสผมเป็นเคสสุดท้ายที่โดนคนเมาแล้วชนจนขาขาด แต่ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมครับ

A:  😶​ ... 

…. หมอก็เงียบไปพักใหญ่ๆ เขียนรายละเอียดการรักษาให้คนไข้ไปก็คิดไป 

ได้แต่คิดในใจว่าหมอก็รักษาคนไข้ที่โดนคนเมาแล้วขับชนมาเยอะมากกกกกกกกกกก ทั้งสมองบวม อัมพาต ความจำเสื่อม ผ่ากระโหลก ขาขาด แขนขาด เพราะคนที่คิดว่า "ไม่เมา ยังขับรถไหว"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top