Monday, 28 April 2025
NEWS FEED

'ARIT' พา 2 เด็กไทยสร้างชื่อ คว้ารางวัลบนเวทีระดับโลก ศึกชิงแชมป์โลกด้านไอที ที่สหรัฐอเมริกา

(4 ส.ค. 66) นายวรเทพ มงคลวาที ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอที จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ในฐานะเป็นผู้ดำเนินการจัด และคัดเลือกตัวแทนเยาวชนไทย ไปแข่งขันบนเวที Microsoft Office Specialist World Championship และเวที Adobe Certified Professional World Championship ณ เมือง Orlando, รัฐ Florida, ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 - วันที่ 2 สิงหาคม 2566 โดยการแข่งขันดังกล่าวเป็นกิจกรรมการแข่งขันทักษะการใช้ Microsoft Office และ โปรแกรม Adobe ที่มีเยาวชนมากความสามารถจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมชิงชัยในครั้งนี้ สำหรับในปีนี้มีตัวแทนเยาวชนจากประเทศไทย จำนวน 4 คน ที่เข้าร่วมชิงชัย แบ่งเป็น 

ตัวแทนเวที Microsoft Office Specialist World Championship มี 3 คน ได้แก่ 
1. ตัวแทน Microsoft Excel Version 2019
นายทรงกลด เพชรจำรัส จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

2. ตัวแทน Microsoft PowerPoint Version 2019
นายนพณัฐ ฉลวย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

3. ตัวแทน Microsoft PowerPoint Version 2016
นางสาวสุรางค์ ศิริโต จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี    

ตัวแทนเวที Adobe Certified Professional World Championship มี 1 คน ได้แก่
1. นายพงศธร ทองมาเอง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

ซึ่งผลการแข่งขันเยาวชนไทยสามารถคว้ามาได้ 2 รางวัลได้ดังนี้ 
เวที Microsoft Office Specialist World Championship 2023
1. นายนพณัฐ ฉลวย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โปรแกรม Microsoft PowerPoint  Version 2016

2. นายทรงกลด เพชรจำรัส จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 โปรแกรม Microsoft Excel Version Office365 & 2019

สำหรับกิจกรรมการแข่งขันโปรแกรม Microsoft Office และ Adobe เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ซึ่งในแต่ละปีจะมีประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลก คัดเลือกเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันในเวทีระดับโลกเป็นจำนวนมาก และมีจำนวนประเทศเข้าแข่งขันเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี 

นายวรเทพ กล่าวย้ำว่า “ในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินการจัด และคัดเลือกตัวแทนเยาวชนไทยไปแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงความสามารถของเด็กไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยเฉพาะอย่างทักษะทางด้านไอที ในยุคดิจิทัลแบบนี้ถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่สามารถต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ของเยาวชนได้ จึงมองว่าเวทีนี้คือเวทีแห่งโอกาสที่จะช่วยส่งเสริมให้เยาวชนได้แสดงความสามารถ จึงอยากเชิญชวนไปยัง นักเรียน นักศึกษา คณะครูอาจารย์ สถาบันการศึกษา หรือแม้แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันผลักดันเวทีการแข่งขังนี้ ในปีต่อ ๆ ไป ให้ได้เป็นพื้นที่ให้เยาวชนไทย ได้แสดงออกทางความสามารถได้อย่างสร้างสรรค์ อันจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติต่อไปได้” 

สำหรับการแข่งขันในปีหน้า ทาง บริษัท เออาร์ไอที มีกำหนดจัดการแข่งขันเพื่อคัดเลือกตัวแทนประเทศไทยขึ้นอีกครั้งช่วงต้นปี 2567 โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.arit.co.th

‘เสี่ยเฮ้ง’ เสียใจ 2 แรงงานไทยเสียชีวิตในไต้หวัน ประสานทูตแรงงานตรวจสอบ-ช่วยเหลือเร่งด่วน

(4 ส.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณี แรงงานไทยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเหวเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในไต้หวัน ว่า ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจึงกำชับให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบข้อมูลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทูตแรงงานที่ไทเปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือในทันที

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของนางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป พบว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถผู้รับเหมาโครงการของการไฟฟ้าไต้หวัน ขณะขับขึ้นเขาในเขตฟู่ซิง นครเถาหยวน เพื่อส่งคนงานไปทำงาน โดยระหว่างทาง ถนนลื่น จากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้รถไถล ตกลงไปในเหวลึก ซึ่งในรถมีผู้โดยสารและคนขับรวม 6 ราย หน่วยกู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือ นำขึ้นมาได้ทั้งหมด เสียชีวิต 4 ราย อีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานไทย 2 ราย

รายแรกทราบชื่อคือ นายประสบโชค แสวงแก้ว มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อปี 2556 และมีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 186.75 บาท จากนั้นได้เข้าไปทำงานที่เมืองไทจงต่อมาหลบหนีไปทำงานกับนายจ้างอย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565

รายที่ 2 นายกิตติศักดิ์ ผิวอ่อน มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดศรีษะเกษ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 260.40 บาท

ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 ราย รายแรก นายศตวรรษ เติมประชุม มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพ 4,633 บาท และรายที่ 2 น.ส.พรนภา กลางสุโพธิ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ ไม่เคยมีสถานะเป็นผู้ประกันตนมาก่อน

และจากการตรวจสอบของกรมการจัดหางานทั้ง 4 รายไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกระทรวงการต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานจะได้ประสานความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ผมได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ศรีษะเกษ และบึงกาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยทั้ง 4 รายดังกล่าว ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้ญาติทราบเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะนำศพแรงงานกลับประเทศไทยอย่างไร

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้แรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ขอให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมี 5 วิธี ได้แก่ กรมการจัดหางานจัดส่ง บริษัทจัดหางานจัดส่ง นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานต่างประเทศ และคนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง จึงขอแจ้งเตือนไปยังคนหางานที่ประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าหลงเชื่อนายหน้า และสมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับสิทธิประโยชน์การคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ

ขณะที่ นางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป ยังได้กล่าวเน้นย้ำว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางเข้าไต้หวันโดยใช้ฟรีวีซ่า แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองในการทำงาน จึงขอให้แรงงานไทยที่จะไปทำงานในไต้หวันไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายและผ่านกรมการจัดหางาน เพราะเมื่อประสบเหตุที่ไม่คาดคิดเช่นนี้จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายด้วย

บิ๊กโจ๊ก สั่งเซ็ทซีโร่เกาะหลีเป๊ะใหม่ หลังแผนที่ดาวเทียมทางทหารชี้ชัดบุกรุก 42 แปลงเตรียมเพิกถอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ลงพื้นที่ประชุมตรวจติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องในชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ และติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายกรณีบุกรุกที่อุทยานฯ รุกล้ำที่ราชพัสดุ และความผิด พรบ.โรงแรมและ พรบ.ควบคุมอาคาร โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในครั้งนี้ ซึ่งความคืบหน้า ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินคดีโรงแรมทั้งหมด 103 คดีเป็นโรงแรมทั้งหมดในพื้นที่ 100 กว่าโรงแรม ได้แจ้งดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาไปหมดแล้ว ยกเว้นโรงแรมที่ เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความเป็นธรรมเขา จำนวนสามสิบกว่าโรงแรมในส่วนของสำนวนทั้งหมดประมาณ 103 สำนวนจะดำเนินการสั่งคดีให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้

ส่วนของการบุกรุกตั้งแต่เรื่องการบุกรุกที่ดินของโรงแรม การก่อสร้างโรงแรมไม่ได้รับอนุญาต การต่อเติมสร้างอาคารต่าง ๆ โดยผิดกฎหมายไม่ได้รับอนุญาต เพราะฉะนั้นวันนี้การดำเนินการของที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะหลักการต้องดำเนินตามกฎหมายเพราะว่าการใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน จะสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกคนบนเกาะหลีเป๊ะเพราะว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันและจากนี้ไปก็เป็นเรื่องการเพิกถอน ที่ต้องใช้เวลา โดยอธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการฯ มาพิจารณายกเลิกเพิกถอนกรณีมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ โดยอาศัยหลักฐานทั้งเอกสาร ดีเอสไอ และเอกสารจากกรมอุทยานแห่งชาติ 

ซึ่งวันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยวันนี้มาเพื่อเร่งกระบวนการต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น และในส่วนของหลักฐานก็เพิ่มความชัดเจนให้มากขึ้น คือภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศขณะนี้กรมแผนที่ทหารโดยเจ้ากรมแผนที่ทหารรับรองแล้ว ว่าภาพถ่ายทางอากาศมีการรับรองโดยเอกสารราชการโดยถูกต้อง ต้องกลับไปใช้พ.ศ. 2493 ถึง 2494 เพราะฉะนั้นมันจะชัดเจนว่าอันไหนควรเพิกถอน อันไหนไม่ควรเพิกถอน เพราะฉะนั้นในเอกสารทั้งหมดที่ทำรายงานทั้งหมดประมาณ 10,000 กว่าแผ่น พิจารณาให้เพิกถอนทั้งหมด 42 แปลง หมดทั้งเกาะ ในส่วนนี้ก็จะเซ็ทซีโร่ใหม่ ในส่วนของชาวบ้านที่จะทำกินก็ให้ดำเนินการไป ในส่วนของเอกชนที่จะเข้ามาเพื่อสร้างให้เกาะหลีเป๊ะมีความเจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวเอารายได้เค้าขอหลีเป๊ะก็ต้องว่าไปก็จะได้จัดสรรปันส่วนโดยส่วนนี้ก็จะเป็นของกรมอุทยานแห่งชาติในฐานะเจ้าของพื้นที่จากที่มีการ เพิกถอนหมดทั้งเกาะแล้วอันนี้ยึดหลักกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนปัญหาทางเดินโรงเรียนและลงชายหาดที่เป็นข้อพิพาทนั้น แม้ขณะนี้ยังไม่เปิดเส้นทาง โดยในวันอังคารหน้านี้ตนจะลงพบเอกชน และติดตามปัญหาทางเดินสารธารณะพร้อมกับ กรมที่ดิน กรมอุทยาน กรมธนารักษ์ และในส่วนของนายอำเภอ ลงไปชี้แนวเขตทั้งหมด เพื่อให้จบและได้ออกเอกสารสิทธิ์ คือวันนี้ถามว่าทำไมมันสั่งสมมานาน อย่าลืมนะว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ก็หนักใจต่างคนต่างอยู่ กรมอุทยานก็กรมนึง กรมที่ดินก็กรมนึง กรมธนารักษ์ก็กรมหนึ่ง เมื่อกรมธนารักษ์พร้อมแต่กรมที่ดินไม่พร้อม ด้วยเหตุนี้ทางนายกจึงได้ตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาเพื่อเอาทุกกรม ไปดำเนินการได้มันจะได้เส็จ

'กรณ์' ชี้!! เร่งแก้ปัญหา Ashton Asoke เป็นเรื่องถูกต้อง แต่ต้องไม่ผิดกฎหมายและต้องเยียวยาผู้ร้องได้แบบครบมิติ

(4 ส.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีใครต้องรับผิดชอบอย่างไร และจะแก้ไขเยียวยาให้ผู้ร้องอย่างไร ในเคส 'Ashton Asoke' ไว้ว่า...

ประเด็นนี้สำคัญครับ

เมื่อวานผู้ว่าชัชชาติแถลงว่า ให้เวลาโครงการ Ashton 30 วัน++ ในการหาทางออกใหม่ 

และเน้นว่า "แต่วันนี้ทางออกปัจจุบันยังใช้ได้เหมือนเดิม"

ในทางปฏิบัติผมว่าถูกต้อง รีบ ๆ หาทางออกให้ผู้อาศัยในอาคารเดือดร้อนน้อยที่สุด

แต่ในทางกฎหมายผมมองว่ามีประเด็นปัญหา

เพราะเมื่อวานสำนักงานกฎษฎีกาได้ออกมายืนยันว่า สำนักงานฯ ได้มีมติแจ้งไปทาง รฟม. (ผู้ที่ให้โครงการเช่าใช้ที่ของตนเป็นทางออก) ตั้งแต่ปี 2563 ว่า รฟม. ไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการนำพื้นที่ให้เอกชนเช่าใช้ ยิ่งศาลพิพากษายืนยันความเห็นนี้ สถานะยิ่งชัดว่า รฟม.ให้เอกชนเช่าใช้ที่นี่ไม่ได้

ดังนั้นประเด็นเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ รฟม. ยังสามารถคงการเปิดทางเข้า/ออกให้โครงการได้โดยไม่ผิดกฎหมาย?

ส่วนทางกทม. ผมมองว่าการให้เวลาทางโครงการไปหาทางออกใหม่ เพื่อมาขอใบอนุญาตใบใหม่นั้นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล 

...แต่ไม่พอ!! เพราะไม่ได้บรรเทาปัญหาให้กับชาวบ้านเดิมที่ฟ้องร้อง กทม. มาตั้งแต่ปี 58 ว่าโครงการนี้สร้างผิดกฎหมาย พูดง่ายๆ คือความผิดสำเร็จแล้ว 

และที่ผู้ว่าฯ ยังไม่ได้พูดคือส่วนนี้ ว่าใครต้องรับผิดชอบอย่างไร จะแก้ไขเยียวยาให้ผู้ร้องอย่างไร และที่สำคัญที่สุด กทม. จะปรับตัวเองอย่างไรไม่ให้มีการสร้างตึกที่ผิดกฎหมายอีกในอนาคต

‘มท.1’ เร่งหาแหล่งเงินเยียวยา ปชช.เหตุพลุระเบิดนราธิวาส ลั่น!! ภาครัฐจะดูแลให้ดีที่สุด พร้อมล่าตัวเจ้าของโกดังดำเนินคดี

(4 ส.ค. 66) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด ตำบลบ้านมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ว่า มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่จะดูแล โดยเฉพาะในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือเรื่องการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด ซึ่งมีปัญหาทั้งเรื่องความแออัด และปัญหาน้ำท่วม จึงจะใช้แนวทางการปฏิรูปที่ดิน เพื่อจัดรูปแบบใหม่

ซึ่งวันเดียวกันนี้ ได้เตรียมทางเลือกมารายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ก่อนจะนำไปให้ประชาชนพิจารณา รวมถึงจะมีการพิจารณาเรื่องแหล่งเงิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมและอยู่ดีกินดีขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าวงเงินที่ใช้ในการฟื้นฟูผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์นี้น้อยไป พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุด จากแหล่งเงินหลายแห่ง หากดูตามประวัติศาสตร์ การจ่ายเงินเกินอำนาจเป็นไปไม่ได้ กฎหมายอนุญาตให้จ่ายได้เท่าไหร่ รัฐฯ พยายามทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของผู้เสียชีวิตกว่า 10 ราย

เมื่อถามต่อถึงการดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังที่หลบหนีไปต่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ขอให้ประชาชนเข้าใจ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะบุคคลที่ทำให้เกิดเหตุนี้ขึ้น

'ในหลวง' ทรงช่วยเด็กชาย 9 ขวบเมืองคอน หลังถวายฎีกาขอพระเมตตาซ่อมแซมบ้าน

เมื่อวานนี้ (3 ส.ค. 66) นายโสภณ พรหมแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ช่าง เดินทางไปตรวจความคืบหน้าการซ่อมแซมเปลี่ยนซ่อมหลังคาบ้านให้ใหม่ ที่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ภายหลัง ด.ช.ธีธัช ทองเพชร อายุ 10 ปี นักเรียน ชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคดศอก ต.ขุนทะเล ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่ดังกล่าวได้เขียนจดหมายถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีข้อความลงวันที่ 4 เม.ย 2566 ว่า 

"กระผมชื่อ ด.ช.ธีธัช ทองเพชร อายุ 9 ปี 7 เดือน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช มีความจำเป็นเกี่ยวกับบ้านของกระผม บ้านของกระผมปลวกกินไม้ กระผมนอนตอนกลางคืนกลัวไม้จะหล่นใส่หัวของกระผมวันไหน กระผมหารู้ไม่ กระผมเขียนหนังสือขอความช่วยเหลือจากพระองค์ท่าน ร.10 กระผมไม่มีแม่ ซึ่งแม่กระผมเสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ด้วยเนื้องอกในสมอง ตอนนี้กระผมอยู่กับป้า กระผมไม่มีเงินซ่อมแซมบ้าน ขอให้พระองค์ท่านทรงเมตตาเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างกระผมด้วย...."

ต่อมาสำนักงานองคมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 พ.ค. 2566 ถึง ผวจ.นครศรีธรรมราช กรณี ด.ช.ธีธัช ทองเพชร อยู่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาถึง กรณีบ้านพักอาศัยหลังคาบ้าน ที่ทำจากไม้และมีสภาพทรุดโทรมเกรงว่า จะเกิดอันตรายกับครอบครัวของ ด.ช.ธีธัช มีความประสงค์ขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจึงขอพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งดังกล่าว

ล่าสุด จังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการเทศบาลตำบลขุนทะเล ดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วโดยทาง นายโสภณ พรหมแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล ลงพื้นที่สำรวจ ซ่อมทันที โดยให้เจ้าหน้าที่ช่าง ดำเนินการรื้อหลังคาไม้ทั้งหมดออกแล้วเปลี่ยนเป็นหลังคาเหล็กที่มั่นคงถาวร โดยใช้งบประมาณซ่อมแซมกว่า 6 หมื่นบาท คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 อาทิตย์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ ด.ช.ธีธัช ซึ่งอาศัยอยู่กับป้า สร้างความปลาบปลื้มปิติดีใจให้กับ ด.ช.ธีธัช และนางพรทิพย์ อัฐพร อายุ 54 ปี ผู้เป็นป้า ในความเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีเมตตาสั่งซ่อมหลังคาบ้านในครั้งนี้

'ปัตตานี' ระอุ!! ลอบบึ้มรถทหารตาย 1 เจ็บ 7 ราย เชื่อ!! ฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์

(3 ส.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบนถนนสายนราธิวาส-ปัตตานี ม.3 ต.ตันหยงดาลอ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ทราบพร้อมประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและนำกำลังไปที่เกิดเหตุ ไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางฝั่งปัตตานี-นราธิวาส ชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุก 6 ล้อของทหาร ป้ายกงจักร 3036 ในสภาพรถด้านหน้าพังเสียหาย กระจกแตก ล้อขวาด้านหน้าแตก ทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทันที 6 นายในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 นาย ถูกนำส่ง รพ.ยะหริ่ง แพทย์พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ ส.อ.ศุภกร ศิริเสถียร ทำหน้าที่พลขับมีบาดแผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้าและลำตัวหลายแห่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย แพทย์ได้ทำการรักษาจนปลอดภัยแล้ว ทราบชื่อ จ.ส.อ. สถาพร กล้าจริง, พลฯ เจษฎา คงโต, พลฯ พัชรพล วิจิตรโสภา, พลฯ ธรรมรัก จิ้วบุญชู และ พลฯ ไตรวิชญ์ นุ่นด้วง นอกจากนี้ยังมีประชาชนถูกลูกหลงบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อ นายมะการิง สามะ อายุ 50 ปี และนายอับดุลรอฮิง หามะ อายุ 51 ปี ทั้งสองถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้าย

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากรถบรรทุกของทหารคันเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร พบหลุมระเบิดอยู่บริเวณโค่นต้นไม้ บริเวณเกาะกลางถนนแรงระเบิดทำให้ต้นไม้หักทันทีและมีชิ้นส่วนระเบิด สะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ทหารชุดดังกล่าวมาจาก กองพันทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยานิวัฒนา อ.เมือง จ.นราธิวาส มี จ.ส.อ. สถาพร กล้าจริง เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังมาจากค่ายเพื่อมารับสิ่งของสนับสนุนกำลังพลภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้กดระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ซุกไว้บริเวณโค่นต้นไม้เกาะกลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ส.อ.ศุภกรพยายามแข็งใจขับรถหลบหนี แต่เนื่องจากสภาพลำตัวถูกสะเก็ดระเบิดหลายแห่งทำให้หมดสติรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าเกาะกลางถนนข้ามไปถนนอีกฝั่งก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ขจรศักดิ์ อินทร์ทอง ผบ.ฉก.ปัตตานี สั่งการให้หน่วยกำลังในพื้นที่กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกิดเหตุทันทีในรัศมี 500 เมตร เชื่อคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ หลังก่อเหตุมีแนวร่วมในพื้นที่ให้การช่วยเหลือเพื่อหลบหนี

ขณะที่เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 2 ส.ค. พ.ต.ท.สมศักดิ์ รัตนพันธ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเจ้าหน้าที่ถูกยิงเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนบ้านเขาจ๊ะ ริมถนนคลองชลประทาน พื้นที่ ม.1 ต.มายอ นำกำลังไปตรวจสอบพบร่าง ส.ต.อ.ไซฟูดีน เจ๊ะซอ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.มายอ นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้รถ จยย. สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้ขับขี่รถ จยย.ออกจากบ้านพักเพื่อไปพบแหล่งข่าวในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าถูกคนร้ายขับรถ จยย.ไล่ตามหลังแล้วใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์

'แฟนคลับ' รอชม!! หนังสารคดีชีวิต 'รุ้ง-ปนัสยา'  เตรียมฉายเปิดตัวในเทศกาล Chain NYC ที่นิวยอร์ก

ภาพยนตร์แนวสารคดีสั้น เรื่อง 'The Cost of Freedom' กำกับโดย พริมริน พัวรัตน์ (เปียโน) และ อรอริสา ทรัพย์สมปอง (แพง) 2 ผู้กำกับหญิงของไทย

'The Cost of Freedom' เป็นสารคดีชีวิตของ 'รุ้ง' น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นักเคลื่อนไหวทางการเมืองไทย กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เตรียมที่จะฉายเปิดตัวในเทศกาล Chain NYC Film Festival ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

หวังว่า ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ จะได้มีโอกาสฉายในประเทศไทย และจะได้พื้นที่อิสระในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพต่อไป

ผู้ว่าฯ 'ชัชชาติ' ชี้!! มีการแจ้งทักท้วง 'แอชตัน อโศก' หากขัด กม.ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

(3 ส.ค. 66) กทม. นำโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร และ รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมมพล รองผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร และนายสุรัช ติระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมอาคาร แถลงข่าวประเด็นโครงการแอชตัน อโศก เผยไทม์ไลน์ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระบุ กทม. ได้มีการแจ้งทักท้วงเรื่องแบบแปลนและที่ดิน รฟม. ไปแล้ว 3 ครั้ง ระหว่างปี 2558 - 2559 

ไทม์ไลน์การยื่นแจ้งของโครการแอชตัน อโศก มีดังนี้ 

-23 ก.พ.2558 ยื่นแจ้งก่อสร้างครั้งที่ 1 (ไม่รับทราบแบบแปลน)
-26 พ.ค.2558 แจ้งขอทักท้วง เรื่องแบบแปลน

-16 ก.ค.2558 ยื่นแจ้งดัดแปลงครั้งที่ 2 (ไม่รับทราบแบบแปลน)
-27 ต.ค.2558 แจ้งขอทักท้วง เรื่องแบบแปลนและที่ดิน รฟม.

-2 มิ.ย.2559 สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ยื่นฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ส.53/2559
-22 มิ.ย.2559 ยื่นแจ้งดัดแปลงครั้งที่ 3
-17 ส.ค.2559 แจ้งขอทักท้วง เรื่องแบบแปลนและที่ดิน รฟม.

-21 พ.ย.2556 บ.ยื่นแก้ไขข้อทักท้วง ยืนยันว่า รฟม. ให้ใช้ทางเข้าออกผ่านที่ดิน รฟม. ตามหนังสือที่ รฟม. 012/1139 ลว.4 ก.ค.2557 และหนังสือที่ รฟม. 014/1568 ลว.4 ก.ย.2557 ประกอบการขออนุญาตได้

-30 ม.ค.2560 กทม. มีหนังสือรับทราบแบบแปลนการยื่นแจ้งครั้งที่ 3 และแจ้งเงื่อนไขการนำที่ดิน รฟม.มาใช้
-9 มี.ค.2560 สยามสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 450/2560
-17 พ.ย.2560 ยื่นแจ้งดัดแปลงครั้งที่ 4

-26 ธ.ค.2560 กทม. มีหนังสือรับทราบแบบแปลนการยื่นแจ้งครั้งที่ 4 และแจ้งเงื่อนไขการนำที่ดิน รฟม.มาใช้ และการออกใบรับรองการดัดแปลง
-24 ม.ค.2561 แจ้งผลว่าดัดแปลงไม่แล้วเสร็จ 

-5 ก.พ.2561 ยื่นแจ้งขอใบรับรองดัดแปลงอาคาร กทม.
-28 ก.พ.2561 แจ้งผลว่าดัดแปลงไม่แล้วเสร็จ  

-20 มี.ค.2561 บริษัทฯ ขออุทธรณ์ ว่าอาคารก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ สนย. ไม่ออกใบรับรองให้ 
-11 เม.ย.2561 สนย. ส่งเรื่องบริษัทฯ ขออุทธรณ์หนังสือ ให้ คกก.พิจารณาอุทธรณ์
-4 มิ.ย.2561 แจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้เพิกถอนหนังสือแจ้งผลการดัดแปลง เนื่องจากการไม่ออกใบรับรองโดยอ้างเหตุว่ามีการฟ้องคดีที่ศาลปกครอง เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนต่อไป

-11 มิ.ย.2561 สนย. ออกใบรับรองการก่อสร้าง และแจ้งเงื่อนไข
-30 ก.ค.2564 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนใบรับแจ้งฯ ทุกฉบับโดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่ออกแต่ละฉบับ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
-24 พ.ย.2565 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้ใช้อำนาจตามมาตรา 41 และ 42 แล้วแต่กรณี ภายใน 90 วัน

-27 ก.ค.2566 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้เพิกถอนใบรับแจ้งฯ ทุกฉบับโดยให้มีผลย้อนหลังนับแต่วันที่ออกแต่ละฉบับ

กทม. ระบุว่า การออกใบรับรองการก่อสร้างและดัดแปลงอาคารลงวันที่ 11 มิ.ย.2561 เป็นการออกใบรับรองแบบมีเงื่อนไข ระบุว่า

"เรื่องที่ดินที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ที่มีผู้ฟ้องคดีกรณีโครงการใช้ที่ดินของ รฟม. หากศาลมีคำสั่งพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดแล้วผลการพิพากษาทำให้อาคารของโครงการขัดต่อกฎหมาย ผู้ได้รับใบรับรองจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top