Monday, 28 April 2025
NEWS FEED

'หม่อมปลื้ม' ติง!! ผู้จุดชนวนการกำหนดชะตากรรม ‘ปกครองตนเอง’ หากนํามาปฏิบัติจริง อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง

(7 ส.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี @s_garden456 ได้แชร์คลิปวิดีโอ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘คุณปลื้ม’ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว ได้พูดถึงประเด็น ‘Self Determination’ หรือสิทธิในการกําหนดชะตากรรมทางด้าน ‘ปกครองของตนเอง’ โดยระบุว่า…

“คุณจุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่อันตราย เวลาผมใช้คําว่า ‘คุณ’ ผมไม่ได้ใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักการเมือง หรือพรรคการเมืองไหน แต่ผมใช้กับคนที่ได้ศึกษาเรื่องนี้มา และมาผลักดันเรื่องนี้ แล้วไปหว่านล้อมเมล็ดพันธุ์ทางความคิดต่างๆ เหล่านี้กับชาวบ้าน ทั้งในภาคใต้และในแวดวงทางวิชาการ รวมถึงในกรุงเทพมหานครด้วย สิ่งที่มันอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย สำหรับบางเรื่องโดยคอนเซ็ปต์มันมีไว้ให้เรียนเฉยๆ คุณเคยเรียนเศรษฐศาสตร์ไหม? เสร็จแล้วเวลาคุณเรียนเศรษฐศาสตร์ มันก็จะมีสูตรระบบการเงิน สูตรระบบการค้าการลงทุนต่างๆ บางเรื่องพอนํามาปฏิบัติ มันก็ไม่เวิร์ก Self Determination หรือการปกครองตนเอง เมื่อนํามาปฏิบัติจริง มันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศชาติ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญไม่ได้อนุญาตให้ทํา และโดย Spirit ซึ่งควรที่จะมีต่อผืนแผ่นดิน ที่บรรพบุรุษของประเทศชาติได้รวบรวมเข้ามา และสถาปนาอํานาจทางการปกครองขึ้นมา”

“แม้กระทั่งสําหรับคนที่กำลังศึกษาเรื่องรัฐศาสตร์ แล้วก็มีไอเดียเรื่อง Self Determination หรือสิทธิในการกําหนดชะตากรรมทางด้านปกครองของตนเอง สิทธิในการทําตามใจตนเอง เรื่องของอํานาจทางการปกครองเหนือพื้นแผ่นดินที่ตนเองอาศัยอยู่ แม้กระทั่งคนที่เรียนด้านนี้มา น่าจะเข้าใจว่าประเด็นอย่างงี้มันเปราะบางเกินไป ที่คุณจะมานั่งให้คนคิดว่า “อยู่เมืองไทยไม่มีความสุขนะ” เพราะว่าบางทีสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม มันไม่ค่อยเอื้อให้มีการใช้ชีวิตอย่างผาสุขเลย มันมีการหว่านเมล็ดพันธุ์ในลักษณะนี้ แล้วเมื่อคุณไปถามประชาชนว่า อยากปกครองตนเองไหม? มันเป็นไปได้อยู่แล้วตามกิเลสตัณหาของมนุษย์ ที่ในวันหนึ่งอาจจะมีความรู้สึกว่า เอ่อ…ดีนะ ปกครองตนเอง”

“มีกลุ่มคนที่เป็นเน็ตเวิร์กเครือข่ายหมู่พลเมืองที่ไหนในโลกไหม? ที่ไม่อยากมีพื้นที่ที่ตนเองสามารถดูแลปกครองเป็นของตนเองได้ ดังนั้นอํานาจมันเป็นสิ่งที่ไม่เข้าใครออกใคร ในที่สุดแล้วคนที่ต้องการมีอํานาจทางการเมือง ลึกๆ ต้องการมีสิ่งที่เขาเรียกว่า Dominion ของตนเอง”

“มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่ต้องการมี Dominion ของตนเอง เพราะฉะนั้นความที่มนุษย์มีกิเลสตัณหาด้านนั้น ในที่สุดแล้วความต้องการในการปกครองตนเองลึกๆ มันมีอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ว่าคุณอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง คุณตื่นขึ้นมา แล้วมีความรู้สึกว่าประเทศนี้ไม่ค่อยได้ให้เราเท่าที่เราควรได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่เอา แต่เราจะยึดพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่เป็นของเรา โดยที่เราจะสถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้นํารัฐใหม่อะไรอย่างงี้…ซึ่งมันไม่ใช่”

‘สาว’ ผวา!! เจอ ‘เบ็ดตกปลา’ พร้อมเอ็น ปนมากับผัดเผ็ดปลาดุก หลังกินไปได้คำเดียว ฟากทางร้านรับผิดชอบคืนค่าอาหารให้ 120 บาท

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 66) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความเตือนภัยว่า "มาแชร์ประสบการณ์เจอเบ็ดตกปลาในอาหารค่ะ สั่งอาหารจากแอปเขียว เป็นร้านอาหารใต้ กำลังจะตักเข้าปากตามองไปเห็นอะไรเป็นเส้น ๆ ตกใจมากค่ะ มันคือ เบ็ดตกปลา!! รีบโทรไปหาร้าน ได้คำตอบว่า ทางร้านก็ล้างดีแล้ว ไม่รู้หลงมาได้ไง เป็นคำตอบที่ไม่โอเคมาก ๆ ค่ะ อันตรายมาก ๆ ถ้ากินเข้าไป เตือนผู้บริโภคไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ จะกินอะไร มองกันดี ๆ ค่ะ"

จากโพสต์ดังกล่าว เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบผู้โพสต์คลิปดังกล่าวเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้พบกับ น.ส.อิสรีย์ แสงอนันต์ขจร หรือ จูน อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้โพสต์คลิปแจ้งเตือนภัย

คลิปจากกล้องมือถือเป็นภาพอาหารในช้อนที่ตักพร้อมรับประทาน พบเบ็ดตกปลาขนาดความยาวประมาณ 1 ซม. กว่าติดอยู่กับไส้ปลา น.ส.จูนจึงใช้มือแกะออกมาและยกให้เพื่อนอีกคนเป็นคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน โดยพบมีที่ตัวเบ็ดตกปลายังมีสายเอ็นเบ็ดติดมาด้วย จึงได้นำไปวางลงในชามอาหารเพื่อให้ถ่ายชัดเจนขึ้น

น.ส.อิสรีย์ แสงอนันต์ขจร หรือ จูน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงบ่ายตนได้สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเจ้าหนึ่ง โดยได้สั่งอาหารเป็นเมนูผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่าพร้อมข้าวเปล่า ส่วนของเพื่อนเป็นข้าวปลาแกะจากร้านอาหารปักษ์ใต้ร้านหนึ่ง

เมื่อตนได้รับอาหารมา แล้วนำมาแกะถุงเพื่อจะกินอาหารพร้อมกันกับเพื่อน ตนได้แกะถุงผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่าเพื่อตักแบ่งออกมาจากถุงส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้กินในมื้อเย็น ปรากฎว่าหลังจากตนตักกินไปได้ 1 คำ และกำลังจะตักคำที่สองมากินต่อ โดยเลือกตักส่วนพุงปลาเพราะตนเองชอบกินพุงปลามาก ระหว่างที่ตนตักพุงปลาพร้อมกับข้าวเพื่อกำลังจะเอาเข้าปาก มองหันไปเห็นอะไรแปลก ๆ ในช้อนข้าวตัวเองว่ามีอะไรแปลก ๆ เป็นเส้นเงา ๆ อยู่ในช้อนข้าวพอดี ซึ่งในตอนนั้นตนยังคิดในใจว่าน่าจะเป็นเครื่องในปลาหรือเส้นเลือดปลา จึงลดช้อนลงมาดู

จากนั้นจึงใช้ช้อนซ้อมเขี่ยดู จึงเห็นว่าสิ่งที่ตนเห็นเป็นเส้น ๆ นั้น สายเอ็นกับตัวตะขอเบ็ดตกปลา ซึ่งทำให้ตนตกใจมากจึงรีบบอกเพื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันว่าเจอเบ็ดตกปลาในพุงปลาดุก เพื่อนก็งงว่ามาได้ยังไง

จากนั้นเพื่อความแน่ใจจึงนำเบ็ดตกปลาที่เจอ มาวางลงชามเพื่อดูให้แน่ใจอีกทีว่าใช่เบ็ดตกปลาจริง ๆ หรือไม่ จึงก็พบว่ามันคือเบ็ดตกปลาที่มาพร้อมเส้นจริง ๆ

น.ส.จูน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนจึงถ่ายคลิปกับรูปไว้เป็นหลักฐาน และรีบโทรติดต่อกลับไปแจ้งทางร้านอาหารที่ตนสั่งมา ให้รับรู้ว่าตนเจอตะขอเบ็ดตกปลาในอาหารที่สั่งจากร้านเขามากิน ซึ่งทางเจ้าของร้านเองก็ตกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร พร้อมกับยืนยันว่าทางร้านได้ทำความสะอาดปลาที่นำมาทำอาหารดีแล้ว ทำให้ตนต้องถามย้ำทางร้านกลับไปว่า มั่นใจว่าได้ล้างทำความสะอาดดีหรือเปล่า ทำให้ทางร้านตอบกลับตนมาว่ายินดีที่จะทำผัดเผ็ดปลาดุกมาให้ใหม่ แต่ตนไม่สะดวกใจที่จะกินอาหารจากทางร้านอีกเพราะยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่รับอาหารชุดใหม่ ทำให้ทางร้านแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการโอนเงินคืนค่าผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่า มาให้ตนในราคา 120 บาทแทน

“ในวันนั้นโชคดีที่ตนมองไปเห็นเบ็ดตกปลาเข้าเสียก่อน ไม่อยากคิดต่อไปว่าถ้าวันนั้นตนเผลอกลืนเบ็ดตกปลาลงไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับตนบ้าง ไม่รู้ว่าเบ็ดตกปลาจะไปตกอยู่ตรงจุดไหนของร่างกาย มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นตะขอมีความแหลมคม สุดท้ายคงจะต้องไปผ่าตัดเพื่อเอาออกแน่นอน ถือว่าตนโชคดีที่รอดจากเบ็ดตกปลามาได้หวุดหวิด เพราะโดยปกติแล้วระหว่างนั่งพักกินข้าว ตนก็จะเปิดโทรศัพท์ดูไปด้วยเป็นประจำ” 

“ตนก็อยากฝากไปถึงร้านอาหารต่าง ๆ ด้วยว่า ให้คำนึกถึงความสะอาดและตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารให้ลูกค้าดี ๆ เพราะลูกค้าที่ตัดสินใจสั่งซื้ออาหารก็ใช้เงินที่เขาทำงานมาแลกซื้อ เมื่อซื้ออาหารมาแล้วก็อยากจะกินอาหารแบบสบายใจ ไม่ต้องมานั่งระแวงความปลอดภัยแบบนี้ ส่วนตัวลูกค้าซึ่งผู้บริโภคเองก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วย เพราะอาจมีสิ่งแปลกปลอมติดมาได้เสมอ ก็อย่าประมาท”

“ตนยอมรับว่าหลังเหตุการณ์เจอตะขอเบ็ดตกปลาในพุงปลาแล้ว ทำให้ตนกลายเป็นคนแพนิค หวาดระแวงกับอาหารที่สั่งมากิน จนทุกวันนี้ต้องเขี่ยอาหารให้กระจายออกทุกครั้งก่อนที่จะตักเข้าปาก โดยเฉพาะกับอาหารที่เป็นเมนูปลาต่าง ๆ ตนไม่กล้าสั่งมากินหรือซื้อกินอีกเลยนับตั้งแต่เจอเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะภาพเบ็ดตกปลามันยังอยู่ในหัวตน” น.ส.จูน กล่าว

สำหรับเหตุการณืดังกล่าวคาดว่า ตะขอเบ็ดตกปลาที่พบว่าติดมากับพุงปลานั้น น่าจะเป็นเพราะปลาตัวดังกล่าว คงไปหลงกินเหยื่อที่มีคนตกปลานำมาเบ็ดมาตกไว้ แต่ปลาได้กลืนเบ็ดลงท้องไป ทำให้คนตกปลาใช้วิธีตัดสายเอ็นออกแทน ก่อนที่ปลาจะถูกจับนำมาขายแล้วทางร้านซื้อมาทำอาหารขายต่อให้กับลูกค้าอีกที

‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม!! เพื่อนเตรียมทหาร-จปร. ร่วมจัดงานวันเกิดในวัย 78 ปี ด้านเจ้าตัวขอบคุณ พร้อมขอให้ทุกคนรักใคร่กันไว้เป็นของขวัญวันเกิด

(6 ส.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘fc ลุงป้อม’ ได้เผยแพร่คลิปและภาพบรรยากาศงานฉลองวันเกิดครบรอบ 78 ปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยงานดังกล่าวได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้นัดพบปะสังสรรค์นักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 6 (ปี 2508) และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 17 ‘รุ่นฝนแรก’ (มีที่มาจากการที่ถูกลงโทษช่วงหน้าฝน)

โดยภายในงาน มีการเลี้ยงอาหารและตัดเค้กวันเกิด มี พล.อ.ประวิตรเป็นประธานตัดเค้กที่มีข้อความว่า “สุขสันต์วันเกิดรุ่นฝนแรก เดือนสิงหาคม 66” โดยเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 6 และคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมรับมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจและคำอวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้ พล.อ.ประวิตรอย่างอบอุ่น (พล.อ.ประวิตร เกิดวันที่ 11 สิงหาคม อายุครบ 78 ปี)

โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ปีนี้อายุ 78 ปีเต็ม ย่าง 79 ปีแล้ว ฉะนั้น กิจกรรมบางอย่างของผู้สูงอายุ นอนอาจจะไม่ตื่นก็ได้ในวันพรุ่งนี้ ใครจะไปรู้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ และรักใคร่กันไว้อย่างนี้ ขอบคุณเพื่อนๆและหลานๆ ทุกคนที่มาอวยพรวันเกิด ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป และขอขอบคุณครับ”

จากนั้น พล.อ.ประวิตรก็ได้เดินไปตัดเค้ก ขณะเดียวกันก็มีการเปิดเพลงบ้านเกิดเมืองนอน หรือที่รู้จักกันดี คือ ‘รักกันไว้เถิด’

ทั้งนี้ ระหว่างการตัดเค้กมีการเปิดเพลงรักกันไว้เถิด ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ร่วมร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี

‘อาร์ต พศุตม์’ เผยวินาทีรับเสด็จ ‘ในหลวง-พระราชินี’ แสนปลื้มใจ ทั้งสองพระองค์ทรงจำตนได้

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดปลื้มปิติ เมื่อล่าสุดนักแสดงหนุ่มชื่อดังอย่าง “อาร์ต พศุตม์” ได้ออกมาได้เผยภาพขณะเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์

โดยเจ้าตัวโพสต์ข้อความระบุว่า “ทรงพระเจริญ… ดีใจที่สองพระองค์ท่านจำได้ มาออกบูธ คุณชายหมูกรอบ ที่ CTW โชคดีมาก ท่านเสด็จพอดี ก็เลยรอรับเสด็จ อยากเอาหมูกรอบถวายท่าน แต่คิดแล้วคงไม่เหมาะ ไม่สมควร”

นอกจากนี้ ‘อาร์ต พศุตม์’ ยังได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะเฝ้าฯ รับเสด็จ โดยในหลวงและพระราชินี ทรงทักทายและแย้มพระโอษฐ์ ระหว่างเสด็จฯ ผ่านหน้าตนเอง พร้อมเปิดใจว่า “ทรงพระเจริญ… ปลื้มใจเป็นที่สุด สองพระองค์ท่านจำได้”

‘ลุงตู่’ ส่งพวงหรีดร่วมอาลัย หลัง ‘ม้า อรนภา’ สูญเสียคุณแม่ ด้านเจ้าตัวยังคงเข้มแข็ง ยืนขายห่อหมกแม้ดวงตาบวมช้ำ

(6 ส.ค. 66) ขอแสดงความเสียใจ เมื่อ ‘ม้า อรนภา’ เจอความสูญเสียครั้งใหญ่ของชีวิต หลัง ‘คุณแม่’ ผู้เป็นที่รักเสียชีวิตลงในวัย 99 ปี โดยม้า อรนภานั้นได้โพสต์อาลัยคุณแม่ครั้งสุดท้าย พร้อมระบุข้อความว่า “กราบลาคุณแม่อันเป็นสุดที่รักของลูก ฝากบอกทุกคนด้วยค่ะ” ท่ามกลางพี่น้องวงการบันเทิงเข้ามาให้กำลังใจอย่างมากมาย

ต่อมาชาวเน็ตแห่ส่งกำลังใจให้ม้า อรนภา ขณะยืนขายห่อหมก หลังแม่เสียชีวิต โดยเธอนั้นได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะยืนขายห่อหมกด้วยดวงตาที่ยังบวมอยู่ ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาคอมเมนต์ เช่น

“ช่วงเวลาที่ใจสลาย​ พี่ม้ายังรับมือกับสถานการณ์​ได้ดีมากๆ​”
“แข็งแกร่งมากค่ะ​ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป​”
“คุณแม่ต้องภูมิใจในตัวพี่ม้าที่สุด​”
“เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ”
“ขอให้พี่ม้ารักษาสุขภาพด้วยนะคะ”

ล่าสุด ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นั้นก็ไม่ทอดทิ้งม้า อรนภา โดยภาพแรกที่เธอโพสต์ลงอินสตราเเกรมนั้นเป็นภาพที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ส่งพวงหรีดมายังครอบครัวของม้า อรนภา ซึ่งเธอได้โพสต์ระบุข้อความว่า…

“สวดพระอภิธรรม คืนที่ 2 ของแม่ อบอวลไปด้วยคนที่รักกันมายาวนาน และเป็นลูกค้าห่อหมกของแม่ คํ่าคืนนี้แม่เลยฝากห่อหมกให้กลับไปกินให้หายคิดถึง”

‘ปิยบุตร’ ชื่นมื่น ฉลองครบรอบแต่งงาน 7 ปีกับภรรยาชาวฝรั่งเศส ชาวเน็ตอวยแซะ!! ขอให้รักสดใส มีลูกชายหญิงเหมือน ‘เพนกวิน-รุ้ง’

(6 ส.ค. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวชื่อ ‘Piyabutr Saengkanokkul’ พร้อมแนบรูปที่ถ่ายคู่กับภรรยาชาวฝรั่งเศส ระบุข้อความว่า…

“ครบรอบ 7 ปีแต่งงาน 🧡🧡🧡🧡🧡🧡🧡”

ภายหลังจากทวีตข้อความไปแล้ว ก็มีผู้ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นและอวยพรมากมาย เช่น 

- น่ารักค่อดๆ อะค้าบ
- Happy Anniversary! ครับ
- มีความสุขตลอดไปนะคะอาจารย์
- อาจารย์ป๊อกมีความสุขมากๆ ค่า🧡🙏🏻🎉 happy anniversary 🍾

นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกันเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน เช่น

- ขอให้ได้ไปอยู่ฝรั่งเศสเมืองในฝันโดยเร็วครับ
- ขอให้มีลูกที่น่ารักเหมือนน้องหยกนะบองป๊อก ✨✨✨✨✨🥰
- มีลูกให้เหมือนนังหยกเด็กนรก ที่ทุกวันนี้พวกคุณเข้าไปล้างสมองจนกู่ไม่กลับ ขออวยพรให้ ดั่งที่เราให้พร
- ขออวยพร ใครที่ทำร้ายชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ได้รับแต่ความฉิบหาย 7 ชั่วโคตร...นะฉิบหาย โมตายโหง พุทเข้าโลง ธาดับสูญ ยะสลายกลายเป็นดิน...

- ขอให้ภรรยาคุณเหมือนคุณเจี๊ยบ อมรรัตน์ ขอให้ถ้ามีบุตรและธิดาขอให้มีนิสัยแบบแพนกวินกะหยก และสุดท้ายขอให้คุณปิยบุตรสมหวังได้ไปที่ชอบ ที่ชอบ สาธุ

- ขออวยพรให้คู่ของอาจารย์ ซื่อสัตย์ต่อกันเหมือนคุณเอกซื่อสัตย์ต่อภรรยา ขอให้ภรรยาของอาจารย์ใจกว้างต่อบริวารเหมือนคุณเจี๊ยบปฏิบัติต่อสารถี ขอให้มีบุตรชายหญิงที่มีพยาธิสภาพน่ารักเหมือนน้องกวิ้น-น้องรุ้งและมีกิริยาน่าเอ็นดูเหมือนน้องหยก มีวาจาคมคายเหมือนคุณไอซ์ค่ะ 🤗🤗🤗

ตร.ไซเบอร์รวบแก๊งหลอกขายกล่องสุ่ม อ้างโอน 1 พันได้รถยนต์ สุดท้ายหมดตัวกว่า 2 แสน

สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ ว่ามีคนร้ายสร้างเพจปลอมชื่อ “เเม่ตั๊ก กรกนก”  อ้างเป็นอินฟลูเอนเซอร์ร้านทองชื่อดัง โพสต์โฆษณาจำหน่ายกล่องสุ่ม โดยให้โอนเงินตั้งแต่หลักพันขึ้นไป เพื่อลุ้นรางวัลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอทองคำ โทรศัพท์มือถือ เงินสด ไปจนถึงรถยนต์ เป็นต้น

ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินสั่งชื้อกล่องสุ่ม ในราคา 1,000 บาท ในครั้งแรก ต่อมา คนร้ายหลอกผู้เสียหายว่าเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ โดยมีข้อแม้ว่าผู้เสียหายต้องโอนเงินค่าจดทะเบียน และยังอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้โอนเงินค่าดำเนินการอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปรวมทั้งสิ้น 283,457 บาท สุดท้ายโดนบล็อกและไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้อีก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีดังกล่าว

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัตน์ตา ผบก.สอท.5 จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษ จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้

ต่อมา พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม น.ส.กรวรรณฯ อายุ 44 ปี บตามหมายจับศาลอาญาชาวกรุงเทพ โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าตลาดสายเนตร แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จึงนำส่งพนักงานสอบสวน  กก.3 บก.สอท.1 เพื่อนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดกระบี่ ตามขั้นตอนต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้กำลังใจพี่น้องที่ประสบภัยจากเหตุโกดังเก็บพลุระเบิดที่ตลาดมูโนะ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะมาเยี่ยมและให้กำลังพี่น้องที่ประสบภัยจากเหตุโกดังเก็บพลุระเบิดที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส  มอบเงินให้กับญาติผู้ที่เสียชีวิต จำนวน 11 ราย เยี่ยม ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสุไหงโกลก จำนวน 10 ราย มอบวัสดุสร้างบ้านปูนซีเมนต์จำนวน 1,000 ถุงสังกะสี 1,000 แผ่น และอิฐบล็อคจำนวน 12,000 ก้อน ตลอดจนเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ สนามกีฬา อบต.มูโนะ 

ในการนี้ รัฐมนตรีฯ ได้ไปพบเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวที่ด่านศุลกากรสุไหงโกลก เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะในการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในโอกาสต่อไป

เปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยมีนบุรี  กระบวนการยุติธรรมทางเลือก ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งภาคประชาชน

วันที่ 5 สิงหาคม ที่หมู่บ้านพนาสนธิ์ การ์เด้นโฮม 4 เขตมีนบุรี กรุงเทพฯอาจารย์ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ ประธานมูลนิธิสถาบันศึกษาและพัฒนาการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ส.พ.ส.) เป็นประธานร่วมกับคุณรัตนาภรณ์ ปานรัตน์ ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน(นิมิตรใหม่)แขวงมีนบุรี ทำพิธีเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน(นิมิตรใหม่)

โดยช่วงเช้าได้มีพิธีการสงฆ์ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ จากนั้นทำพิธีเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมทั้งลงนาม MOU ร่วมกับมูลนิธิสถาบันศึกษาและ พัฒนาการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ส.พ.ส.) 

ทั้งนี้ อาจารย์ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ ได้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพรบ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทพศ.2562 ให้กับกรรมการศูนย์ไกล่เกลี่ย และผู้เข้าร่วมงาน รวมทั้ง ส.ส.วิชาญ มีชัยนันท์ ได้รับฟัง

คุณรัตนาภรณ์ ปานรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่นำบ้านมาใช้เป็นศูนย์ไกล่เกลี่ย เพราะเราไม่ใช่หน่วยราชการที่ทำกันทั่วๆไป เพราะบ้านสามารถรับเรื่องได้ตลอด 24 ชม. โดยไม่ปิดกั้นใครที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ 

ด้านอาจารย์ประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ เปิดเผยว่า มูลนิธิสถาบันศึกษาและ พัฒนาการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี (ส.พ.ส.) ก่อตั้งขึ้น 10 กว่าปีแล้ว มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งส่งเสริมช่วยเหลือให้การแก้ไขความขัดแย้งด้วยแนวทางการไกล่เกลี่ย ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และสังคมไทย เพื่อเกิดความสงบสุขสมานฉันท์ 

การที่มูลนิธิฯได้มาเซ็น MOU ครั้งนี้ มุ่งเห็นว่าศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคประชาชนเป็นหน่วยงานภาคเอกชน ที่เกิดจากผู้มีจิตอาสา น่าจะเข้าถึงประชาชน ที่มีปัญหาข้อพิพาท สามารถหาข้อยุติความขัดแย้ง ทางมูลนิธิฯจึงอยากสนับสนุนองค์ความรู้และเทคนิคด้านต่างๆ ให้กับผู้ที่จะมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้มูลนิธิฯยังจัดอบรมให้ความรู้การไกล่เกลี่ยร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ให้หน่วยงานรัฐ และสถานศึกษา ไปหลายรุ่น

การแก้ปัญหาข้อพิพาท โดยที่ไม่มุ่งไปที่ศาลอย่างเดียว หันมาใช้กระบวนการยุติธรรมทางเลือก สามารถลดความขัดแย้งกับความเห็นต่างลงได้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top