Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

รอง ผบ.ตร. สั่งเข้มงวด 10 มาตรการ 'รสขม' ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันหยุดยาว

วันนี้ (15 ก.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีความห่วงใยประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดยาว วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา จึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวด จริงจัง ต่อเนื่อง 10 ข้อหาหลัก (#10รสขม) โดยในช่วงวันหยุดยาว ประชาชน เริ่มจะทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบการจราจรที่จะติดขัด รวมถึงการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่มีตัวเลขตายสูง จึงขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามมาตรการ '10 รสขม' จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการป้องกัน และลดการเกิดอุบัติเหตุ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า มาตรการ '10 รสขม' จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ร. คือ ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 ส. คือ ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และไม่ขับรถย้อนศร 3 ข. คือ มีใบขับขี่, คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่แซงในที่คับขัน 4 ม. คือ ไม่ขับขี่รถขณะเมาสุรา, สวมหมวกนิรภัย, ไม่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ปลอดภัย และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า วันนี้จากการคาดการณ์ของกรมทางหลวง และจะมีประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยรถมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีความกังวลในเรื่องอุบัติเหตุ และการจราจรติดขัด รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สั่งกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน พร้อมทั้งรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาวินัยจราจร สวมหมวกนิรภัย ใส่มาสก์ เมาไม่ขับ ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ควบคู่ป้องกันโควิด ตลอดช่วงวันหยุดยาวนี้

‘เลขาฯ ก.ต่างประเทศ’ ชี้!! ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!! ยกวอลเลย์หญิงไทย 'ลูกสาวแห่งชาติ'

(15 ก.ค. 65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... 

ลูกสาวแห่งชาติ

สาว ๆ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวอลเลย์บอลไทย ที่เข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้าย

เซตแรกไทยชนะ 25 : 23
เซตสอง ไทยแพ้ 15 : 25
เซตสาม ไทยแพ้ 18 : 25

เซตสี่ ไทยแพ้ 21 : 25

สรุปทีมไทยแพ้ตุรเคียไป 3 : 1 เซต จบการแข่งขันในรอบนี้เพียงแค่นี้

อัศจรรย์!! พิธีเททองหล่อพระพุทธรูป 'พระพุทธเมตตา' องค์ทองคำวัดบางพลีใหญ่กลาง

ที่บริเวณหน้าพระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะพระภิกษุสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง และไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมในพิธีเททองหล่อพระพุทธเมตตาองค์ใหญ่ ขนาดความสูง 9 เมตร 90 เซนติเมตร วาระที่ 3 หล่อส่วนฐาน ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา

โดยมี นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ นางรัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วย ดร.บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง.ผบก.จ.ชลบุรี พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.กตค.บก.กค.ภ.1 พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ นายสกล สุขพรหม ผอ.รพ.บางพลี ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 คณะครู แพทย์พยาบาล ร.พ.บางพลี ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมในพิธี

โดย ในวาระที่ 3 นี้ เป็นการเททองหล่อในส่วนฐานองค์พระพุทธเมตตา (ทองคำ) มีขนาดความสูงอยู่ที่ 9 เมตร 90 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 8 ซอก 9 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 10 ตัน ซึ่งก่อนจะเริ่มทำพิธีนั้น ท้องฟ้าได้เกิดมืดครึ้มราวกับจะเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ประกอบกับ มีกระแสลมแรงอย่างต่อเนื่องประชาชนที่เดินทางมาร่วมในพิธีเททองหล่อพระพุทธเมตตาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฝนตกหนักแน่ และในขณะที่เริ่มประกอบพิธีอยู่นั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์คือ ท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้มและปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆ แต่ท้องฟ้ากลับสว่างขึ้นมาอีกครั้งมีแสงพระอาทิตย์สาดส่องลงมายังบริเวรที่กำลังทำพิธี สร้างความน่าอัศจรรย์ให้กับพี่น้องประชาชนและข้าราชการที่ร่วมในพิธี ภายหลังจากที่ได้เททองหล่อพระพุทธเมตตา (ส่วนฐาน) เสร็จเป็นที่เรียบร้อยฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก ประกอบกับ กระแสลมที่พัดอย่างต่อเนื่อง

ด้วยเหตุนี้ จึงสันนิษฐานได้ว่าคงเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ในพิธีเททองหล่อองค์พระพุทธเมตตา และด้วยบุญบารมีของท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่ท่านได้มีความตั้งใจและมีความตั้งมั่นในการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม จึงทำให้ประชาชนและข้าราชการทั้วทุกสารทิศต่างเกิดความเลื่อมใสและศรัทธาต่อพระครูท่านนี้เป็นอย่างมาก

'ตุรกี-อียิปต์-ซาอุฯ' มีแผนเข้ากลุ่ม BRICS ตาม 'อิหร่าน-อาร์เจนตินา' คาดรู้ผลเร็วๆ นี้

ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และอียิปต์ มีแผนเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และหากพวกเขายื่นสมัครเข้าเป็นสมาชิก ก็อาจมีการหารือและให้คำตอบในที่ประชุมซัมมิตปีหน้าในแอฟริกาใต้ จากการเปิดเผยเปอร์นิมา อานันท์ ประธานฟอรัมขององค์กรแห่งนี้ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.)

"ประเทศต่างๆ ทั้งหมดนี้แสดงความสนใจเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และกำลังเตรียมการสมัครเป็นสมาชิก ดิฉันเชื่อว่านี่คือก้าวย่างที่ดี เพราะว่าการขยับขยายดูเป็นเรื่องดีเสมอ แน่นอนว่ามันจะช่วยส่งเสริมอิทธิพลโลกของ BRICS" เธอให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิซเวสเตีย สื่อมวลชนรัสเซีย

ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ มีประชากรรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 40% ของประชากรโลก และมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของจีดีพีโลก จุดประสงค์ต่างๆ ของทางกลุ่ม รวมไปถึงส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง การพัฒนาและความร่วมมือระหว่างประเทศ และสนับสนุนพัฒนาการของมนุษยชาติ

อานันท์ กล่าวว่า ประเด็นการขยับขยายนั้นได้ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือระหว่างการประชุมซัมมิต BRICS ในปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน

ประธานฟอรัมของ BRICS แสดงความหวังว่าการเข้าร่วมของซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และอียิปต์ จะไม่ใช้เวลานานนัก เนื่องจากประเทศเหล่านี้ 'มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ไปแล้ว' แม้มีข้อสงสัยว่าทั้ง 3 ชาติจะเข้าร่วมกลุ่มในเวลาเดียวกันหรือไม่

"ฉันหวังว่าประเทศต่างๆ เหล่านี้จะเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ในเวลาอันสั้น เนื่องด้วยบรรดาผู้แทนของสมาชิกหลักทั้งหมดสนใจขยับขยาย ดังนั้นมันน่าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด" อานันท์ กล่าว

ข่าวคราวเกี่ยวกับแผนเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ของ 3 ชาติ มีขึ้นหลังจากอิหร่านและอาร์เจนตินา เพิ่งยื่นสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มในช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านยกย่องกลุ่ม BRICS 'เป็นกลไกที่สร้างสรรค์อย่างมาก พร้อมด้วยมีมุมมองต่างๆ ที่กว้างขวาง'

แม้กลุ่ม BRICS ไม่ใช่พันธมิตรอย่างเป็นทางการในเหตุผลด้านการทหารและเศรษฐกิจ แต่บ่อยครั้งชาติสมาชิกแสดงจุดยืนเป็นหนึ่งเดียวกันคัดค้านฉันทมติของตะวันตก ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีใครในกลุ่ม BRICS ที่โหวตร่วมกับสหรัฐฯ และพันธมิตรลงมติประณามปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ณ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในเดือนมีนาคม แถมนับตั้งแต่นั้น จีน และอินเดียยังได้ยกระดับความเชื่อมโยงทางการค้าของพวกเขากับรัสเซียมากยิ่งขึ้น

ระหว่างการประชุมร่วมพวกผู้นำกลุ่ม BRICS เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เผยว่าสมาชิกทั้ง 5 ชาติกำลังดำเนินการจัดตั้งทุนสำรองระหว่างประเทศใหม่บนพื้นฐานระบบตะกร้าเงินของประเทศสมาชิก ลดการพึ่งพิงระบบการเงินตะวันตก

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังเผยว่ารัฐสมาชิกของ BRICS อยู่ระหว่างการพัฒนากลไกทางเลือกที่มีความน่าเชื่อถือสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน

นายกฯ ปลื้มไทยได้โควตาส่งแรงงานไปอิสราเอลเพิ่ม ผลจากการรับมือโควิด – ทักษะแรงงานไทย

นายกฯ ปลื้มไทยได้โควต้าส่งแรงงานไปรัฐอิสราเอลเพิ่มขึ้น ผลจากชื่อเสียงการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล - ทักษะและความรับผิดชอบของแรงงานไทย สร้างความต้องการจ้างงานสูงขึ้น

(15 ก.ค 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อความก้าวหน้าในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในภาคเกษตรของรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย - อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand – Israel Cooperation on the Placement of Workers: TIC) ซึ่งในปี 2565 ไทยได้จัดส่งแรงงานแล้วทั้งสิ้น 3,759 คน โดยนายกรัฐมนตรีให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและอำนวยความสะดวก พร้อมหาแนวทางขยายตลาด เสริมสร้างทักษะที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยในตลาดโลก

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 ประเทศไทยได้รับโควต้าจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในภาคเกษตรของรัฐอิสราเอล จำนวน 6,800 คน เพิ่มขึ้น 1,800 คน จากปีงบประมาณ 2564 ที่ได้โควตาทั้งหมด 5,000 คน ทั้งนี้ เนื่องจากชื่อเสียงไทยมีมาตรการบริหารจัดการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่ดี รวมถึงแรงงานไทยมีทักษะและความรับผิดชอบ เป็นที่ต้องการของนายจ้างในรัฐอิสราเอล ทำให้มีความต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ แรงงานไทยจะได้รับการอบรมคนหางานก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ และจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,300 เชคเกล หรือประมาณ 54,852 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ซึ่งหากทำงานจนครบสัญญาจ้างงานสูงสุด 5 ปี 3 เดือน จะมีรายได้มากกว่า 3 ล้านบาทต่อคน

'พงศ์พรหม' แชร์มุมมองเพื่อนสนิทหลังกลับเมืองไทย แม้มีเรื่องให้แก้ แต่ที่นี่คือสวรรค์เมื่อเทียบกับหลายประเทศ

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

1 เดือนที่ผ่านมา มีประสบการณ์เรื่องต่างประเทศ 3 เรื่อง
- เพื่อนสนิทกลับมาจากอเมริกามาเที่ยวไทย
- ภรรยาไปทำงานที่อเมริกา 3 อาทิตย์
- น้องสนิทกลับไปเที่ยวอังกฤษ ประเทศที่เคยไปเรียนตั้งแต่ ป.ตรี 

ส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า
แม้เมืองไทยไม่ได้ดีพร้อม แต่ในสถานการณ์วิกฤติการเมือง-เศรษฐกิจโลกวันนี้ เมืองไทยนี่สวรรค์แล้ว

กลับมาถึงไทยวันแรก ภรรยาผมบอกว่า “พี่โจ San Francisco กับ New York ไม่เหมือนเดิมแล้ว มันพังเหมือนที่เราอ่านในข่าวจริงๆ” Homeless เกลื่อน ถนนสกปรก เละ ตั้งแต่ต้นปี มีเพื่อนมาเที่ยว 4-5 ครอบครัว ทุกคนโดนทุบรถขโมยของ ผมตอบว่าเพื่อนผมทุกครอบครัวที่ไปเที่ยวอเมริกา โดนทุบรถทุกคันจริงๆ

น้องสนิทผมที่ปกติด่าประเทศ (รักชาตินะ แต่เกลียดความห่วยของนักการเมือง-ข้าราชการไทย) กลับมาจาก London วันแรก “พี่โจ ผมกลับไทยวันแรก ที่นี่คือสวรรค์” ผมว่ากรุงเทพกลายเป็นสะอาด น่าอยู่กว่าลอนดอนไปแล้ว
อาหารอร่อยหาง่าย ราคาไม่แพง เพื่อนผมคนเคนย่า คนอเมริกัน คนไทย จะย้ายกลับเยอะมาก เป็นหวัดโง่ๆ นี่ รอคิวหมอ 4 ชั่วโมงนะครับ แถมของทุกอย่างแม่งแพงสัส เทียบว่าทุกอย่างแพงกว่าไทย 200-300% แต่คุณภาพชีวิตดีกว่าไม่เกิน 30% มันไม่คุ้ม

ผมถามเพื่อนว่าทำไมคนหนีออกจาก California เยอะ
ข้อแรก ภาษีแพง
ข้อสอง คุณภาพชีวิตแย่ Homeless เต็มเมืองเลย ส่วนขยะนี่เพียบ
ข้อสาม แก๊งค์เต็มไปหมด ว่ากันว่าตอนนี้แก๊งค์มี 3,000 กว่าแก๊งค์ เวลามันทะเลาะ หรือปล้น ไม่ใช่ชกต่อย หรือเอา 9 มม.ยิงแบบในไทยนะ มันเอาปืนกลถล่มกัน ก็เพราะเปิดเสรีปืนโง่ๆของรัฐบาลอเมริกันนี่แหละ
ข้อสี่ คนตกงานเพียบ เพราะเศรษฐกิจพัง หมดตัวกันเป็นแถบ

'หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์' ทรงกรุณาประทานเทียนพรรษา ผ้าไตรอาบน้ำฝน ถวาย ณ วัดทุ่งสว่าง

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาประทานเทียนพรรษา ผ้าไตรอาบน้ำฝน ถวาย ณ วัดทุ่งสว่าง ต.โพนทอง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ

(14 ก.ค.65) ณ วัดทุ่งสว่าง ต.โพนทอง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ 'หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์' พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ทรงกรุณาประทานเทียนพรรษา ผ้าไตรอาบน้ำฝน ถวายแด่พระสงฆ์ผู้จำพรรษาวัดทุ่งสว่าง ต.โพนทอง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี ๒๕๖๕ 

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เล็งหาที่ฉาย 'คู่กรรม' ใหม่ หลัง รฟท. แจงยังไม่ได้รับเรื่องจาก กทม.

จากกรณีที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีคำชี้แจงกรณีที่กรุงเทพมหานคร เสนอข่าวเตรียมจัดกิจกรรม 'กรุงเทพกลางแปลง' เรื่องคู่กรรม ที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2565 เวลา 16.30 น. นั้น

ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณี รฟท. ไม่อนุญาตให้ฉายหนังกลางแปลงที่หัวลำโพง ว่า รับทราบแล้วว่า รฟท. ไม่อนุญาตให้ กทม. จัดฉาย 'กรุงเทพกลางแปลง' ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ ตามที่ได้มีโปรแกรมฉายเรื่อง 'คู่กรรม' ประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชนไปแล้ว

"รฟท. ไม่ให้จัดก็ไม่เป็นไร คงพิจารณาเรื่องความเหมาะสมแล้ว ไม่เป็นไร กทม. จะหาสถานที่อื่นจัดงานต่อไป และเรื่องนี้ ไม่อยากให้โยงไปเป็นประเด็นการเมืองข้ามหน่วยงานใด ๆ ไม่เป็นไรจริง ๆ เราหาสถานที่อื่นจัดแทนได้ " ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว

สุดล้ำ!! พัฒนาระบบดิจิทัลให้บริการปชช. การันตีด้วย 'รางวัลต้นแบบท้องถิ่นดิจิทัล'

ต้องยอมรับว่าในประเทศไทย ยังใช้ประโยชน์จากยุคดิจิทัลได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้ง ๆ ที่กระแสโลกมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันอย่างเต็มตัวแล้ว โดยเฉพาะหน่วยราชการไทย เรียกได้ว่า ยังช้ากว่าการวิ่งของกระแสดิจิทัลโลกอยู่หลายก้าว 

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ เทศบาลเมืองแม่เหียะ จ.เชียงใหม่ ได้แสดงให้เห็นว่าถ้าเราสามารถใช้ประโยชน์จากดิจิทัลได้ จะเกิดประโยชน์และประสิทธิภาพอย่างมหาศาล สามารถลบภาพระบบราชการแบบเก่า ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง  โดยเฉพาะในภาคการบริการประชาชน ที่เป็นภารกิจหลักของรัฐ  

เทศบาลเมืองแม่เหียะ ได้พัฒนาแพลตฟอร์มระบบข้อมูลเมือง (City Data platform Dashboard) ขึ้น และสามารถเก็บข้อมูลที่สามารถซอยย่อยได้มากถึง 84 หมวดหมู่ ครอบคลุมแทบทุกด้านของการบริหารจัดการเมือง ที่สำคัญคือ สามารถสร้างระบบบริการออนไลน์ ที่เรียกว่า e-service ขึ้นมาให้บริการประชาชน ที่สามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือได้ทุกระบบ การบริการหลัก ๆ มีด้วยกัน 3 ด้าน คือ  

1.) ระบบ One Stop Service ประชาชนสามารถขอรับบริการสาธารณะและแจ้งร้องทุกข์ร้องเรียน สามารถติดตามสถานะการดำเนินการได้ด้วยตนเอง 

2.) ฐานข้อมูลตำบลออนไลน์บริการข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ของเทศบาลเมืองแม่เหียะ 

3.) ระบบชำระค่าจัดเก็บขยะออนไลน์ ประชาชนสามารถชำระค่าจัดเก็บขยะผ่านระบบออนไลน์  

นอกจากนี้ ก็มีงานด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค งานด้านการจราจร และความปลอดภัย คุณภาพชีวิต งานด้านสาธารณสุข การท่องเที่ยว งานบริการด้านภาษี การยื่นคำร้องต่าง ๆ เช่น การขอปลูกบ้าน เป็นต้น

ข้อมูลของเมืองที่แสดงเป็น Dashboard ของเทศบาลแม่เหียะ ที่มีนายศิรวรรธน์ บงสีดา นายช่างโยธา ชำนาญงาน ขององค์กร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก บุกเบิกการเก็บข้อมูลของเมือง โดยใช้ประโยชน์จากโดรนในการสำรวจ ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าการอ้างอิงจาก Google Map กล่าวได้ว่า การพัฒนา ระบบข้อมูลของเมืองของเทศบาลเมืองแม่เหียะนำไปสู่ศูนย์บริการเป็นเลิศของ (Excellent Service) ทำให้ล่าสุด เทศบาลเมืองแม่เหียะ ได้รับรางวัลต้นแบบท้องถิ่นดิจิทัล จากสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งความสำเร็จนี้ เกิดขึ้นได้เป็นผลการวิจัย ที่เป็นความร่วมมือระหว่างเทศบาลเมืองแม่เหียะ กับหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ซึ่ง บพท. ได้เลือกแม่เหียะเป็นพื้นที่ศึกษา (Research Area) ในการพัฒนายกระดับท้องถิ่น

ธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแม่เหียะ เล่าถึงที่มาการเป็น Smart City ของแม่เหียะว่า แม่เหียะ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ มีแหล่งท่องเที่ยวสถานที่สำคัญ ทั้งดอยคำ พืชสวนโลก ไนต์ซาฟารี ที่ตั้ง 6 คณะของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อุทยานวิทยาศาสตร์ และวัดโด่งดังที่สุด วัดพระธาตุดอยคำ 

เมื่อเมืองมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงมาต่อเนื่อง จากเมืองเกษตรกรรม กลายมาเป็นเมืองเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ทำให้เห็นปัญหาการบริการ ส่วนตัวเห็นมิติต่างๆ การพัฒนาให้เป็นเมืองคุณภาพ ซึ่งการจะทำให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนเมืองได้ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทำให้เป็นที่มาของการเก็บข้อมูลเมือง แม้ที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานจะมีการสำรวจเก็บข้อมูล แต่มันสะเปะสะปะแยกกันทำ สำรวจเสร็จแล้วก็ทิ้งข้อมูลไป ซึ่งตนต้องการข้อมูลพวกนี้มาใช้ประโยชน์ นำมาวางแผนในการพัฒนาแม่เหียะ ไม่ว่าแผน 3 ปี หรือ 5 ปี เพราะไม่ว่าการทำถนน หรือให้นักธุรกิจมาลงทุน จำเป็นต้องมีข้อมูล ซึ่งขณะนี้เป็นการดำเนินตามแผนปี 2566-2570  โดยมีฐานข้อมูล 94 ชั้นที่จะนำมาใช้ประโยชน์

“ถ้าคุณมีที่ดินในแม่เหียะ ไม่ต้องบอกว่าทำอะไรกับที่ดินอยู่ เพราะเราสำรวจมาแล้วโดยใช้โดรนว่ามีการใช้ประโยชน์อะไรบ้างในที่ดินตรงนั้น ซึ่งตรงนี้ จะช่วยเรื่องเก็บภาษีท้องถิ่นได้มาก ปี 63 ภาษีเราหายไปกว่า 30 ล้าน เพราะโควิดทำให้เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลจึงมีนโยบายเก็บภาษีท้องถิ่นแค่ 10% ปี 64 แจ้งมาอีกเก็บภาษีเหลือ 10% เราก็หายไปอีก 15 ล้าน หนักใจมาก ปีนี้ให้เก็บ 100% และเราเก็บได้เพิ่มขึ้นเพราะเรามีฐานข้อมูลที่ชัดเจนมาเป็นตัวช่วย”

นายกฯ แม่เหียะ ยังบอกอีกว่า ระบบให้บริการประชาชนแบบเก่าดั้งเดิมของท้องถิ่นต่าง ๆ คือ ถ้าใครอยากแจ้งเรื่องไฟดับเสาไฟฟ้าสักต้น หรือซ่อมท่อ ต้องเดินทางมาที่เทศบาล หรือการจ่ายค่าเก็บขยะรายเดือน ๆ ละ 40 บาท อาจต้องขับรถมา 4-5 กม. เพื่อมาจ่ายที่เทศบาล แต่ระบบใหม่ที่เป็นสมาร์ตซิตี้ ประชาชนไม่ต้องเดินทางมาเทศบาล สามารถแจ้งร้องทุกข์ หรือปัญหาได้ทางแพลตฟอร์ม ทางออนไลน์ ที่มีอยู่ 70 ภารกิจ ซึ่งทำผ่านโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลจะวิ่งไปเข้าระบบหาผู้ปฎิบัติงานทันที หากมีการแก้ไขปัญหาล่าช้า เกิน 7 วันระบบก็จะฟ้องเองว่า ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขหรือยัง ส่วนการจ่ายค่าเก็บขยะก็จ่ายผ่านทางแอปพลิเคชันแพลตฟอร์มของเทศบาลได้เช่นกัน

การบริการทางออนไลน์ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์สุดล้ำนั้น ธนวัฒน์บอกว่า คือ การขออนุญาตปลูกบ้านชั้นเดียวขนาดพื้นที่ใช้สอย 150 ตารางเมตร ซึ่งแต่ก่อนกว่าจะได้รับอนุญาต ประชาชนที่ขอต้องมาที่เทศบาลไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ถึงจะดำเนินการสร้างบ้านได้ ซึ่งตามกฎหมาย ระบุว่าการขอจะต้องใช้เวลาดำเนินการไม่น้อยกว่า  45 ว้น แต่เมื่อตนได้ดูกฎหมายเรื่องการอำนวยการความสะดวก ซึ่งในพ.ร.บ.ฉบับนี้ เขียนเปิดทางให้ใช้ลายเซ็นต์อิเล็กทรอนิกส์ได้มานานแล้ว แต่กลับไม่มีหน่วยงานไหนนำไปปฎิบัติ เพราะระบบราชการไทยแต่ก่อนต้องเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น การประชุมออนไลน์ ผ่านระบบซูม ไม่มีผลทางกฎหมาย เบิกค่าใช้จ่ายไม่ได้  แต่เพิ่งอนุมัติเห็นชอบเมื่อไม่นานมานี้ เพราะสถานการณ์โควิด สำหรับการใช้ลายเซ็นต์ออนไลน์ ทางแม่เหียะได้ขอใช้เมื่อปี 2560 เขียนโปรแกรมขึ้นมา 1 โปรแกรม พร้อมกับใช้โดรนในการสำรวจ บ้านที่ขอก่อสร้าง

“การใช้ระบบออนไลน์ ทำให้ลดเวลาการขออนุญาตสร้างบ้านขนาด 150 ตารางเมตร จาก 45 วัน ลงเหลือ 7 วันในช่วงแรก ๆ และผมลดมาเหลือ 2 วัน และลดอีกเหลือ 24 ชั่วโมง และจนขณะนี้ผมให้ลดลงเหลือภายใน 2 ชั่วโมง ที่ทำได้ เพราะการเซ็นอนุมัติเราเซ็นผ่านออนไลน์ได้ ไม่ว่าผมหรือเจ้าหน้าที่จะไปอยู่ที่ไหนก็อนุมัติได้ ระบบมันจะมีการรีพอร์ตข้อมูล และระบบมีความปลอดภัย คนจะเข้าระบบจะต้องมีรหัส ตั้งแต่คนคีย์ระบบ นายช่าง นายตรวจ รองปลัด ปลัด และนายกฯ องค์กรท้องถิ่น แม้แต่กรุงเทพมหานคร ก็ยังไม่มีการทำกระบวนการนี้ แต่ที่เทศบาลแม่เหียะ เป็นเจ้าแรกของประเทศ" นายกฯ แม่เหียะบอกด้วยความภูมิใจ

แต่การอนุมัติคำขอสร้างบ้านในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยังจำกัดอยู่ที่บ้านขนาดเล็ก 150 ตารางเมตร ซึ่งนายกเมืองแม่เหียะ บอกว่า มีแนวคิดพร้อมจะขยับการให้บริการ การขออนุมัติสร้างที่อยู่อาศัยลักษณะอื่น เช่น หอพักขนาดไม่เกิน 10-20 ห้อง ผ่านทางระบบออนไลน์ได้ โดยใช้ฐานข้อมูลที่ทางเทศบาลมีอยู่มาเป็นประโยชน์การพิจารณา แต่ทั้งนี้ต้องดูกฎหมายอื่นๆ ประกอบการก้าวเดินให้บริการด้วย

“ในการทำงาน เราพูดถึงไทยแลนด์ 4.00 มากี่สมัยมันบรรลุหรือยัง ในการใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง แม่เหียะเราเป็นต้นแบบการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี ตอนนี้ สันนิบาตเทศบาลองค์กรปกครองท้องถิ่นเห็นเราแล้ว เอาด้วย นายกฯ เมืองแสนสุข ยะลา ก็สนใจจะทำ เราเป็นเจ้าแรกในประเทศเรื่องอนุมัติสร้างบ้านออนไลน์ และกิจการสาธารณสุข การขอเปิดกิจการร้านอาหาร แจ้งเรื่องมาทางออนไลน์ กิจการสุขภาพ พ.ร.บ.สาธารณสุข ทำร้านอาหาร ก็อยู่ในข่ายให้บริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น”

นายกฯ แม่เหียะ บอกอีกว่ายังใช้ข้อมูลที่เก็บมาใช้ประโยชน์ไม่เต็มสูบ อนาคตเขามีแนวความคิด ดึงฐานข้อมูลมาเป็นฐานเมือง ทำแอปพลิเคชัน ที่เรียกว่าเป็น 'ซูเปอร์แอป' ในชื่อว่า 'มีดีแม่เหียะ' โดยตนได้คุยกับบพท. แล้วในเรื่องนี้ สำหรับ แอพฯ 'มีดีแม่เหียะ' จะให้บริการข้อมูลทุกอย่างของเมือง กิน เที่ยว บริการ เศรษฐกิจลงทุน เช่น อยากรู้ว่าร้านกาแฟในแม่เหียะมีตรงไหน หรือร้านไหนมีโปรโมชั่น พอจิ้มไปข้อมูลก็จะขึ้นมา หรือดูเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินก็จะดูได้ทันที ซึ่งข้อมูลพวกนี้ จะเป็นฐานในการตัดสินใจลงทุนของนักธุรกิจต่างๆ

“เราเป็นเมืองเล็กๆ ต้นแบบ อยากให้ท้องถิ่นกว่า 7,000 แห่งทำเหมือนเรา อนาคตแม่เหียะ ผมอยากเห็นว่าแม่เหียะ เป็นเมืองที่สมาร์ตยิ่งกว่าเดิม อัจฉริยะยิ่งกว่าเดิม เห็นการเปลี่ยนแปลงยิ่งกว่าเดิม “

เมื่อถามว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เป็นจริงได้เกิดจากอะไร นายกฯ แม่เหียะ บอกว่า หัวใจหลักคือ เรื่องของคน ไม่ว่าคุณจะมีเทคโนโลยีแบบไหน จะมีราคาสูงๆ มากแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่สามารถเอาคนมาใช้ระบบได้ ก็คงไม่สำเร็จ ซึ่งนั่นคือคนในองค์กรต้องรวมกันเป็นหนึ่งก่อนแล้วเปิดวิสัยทัศน์นำ สู่กระบวนการเปลี่ยน ที่สำคัญทั้งผู้นำและประชาชนเอาด้วย
 

เพื่อไทยร่วมลงนามไว้อาลัยอดีตนายกฯ ชินโซ อาเบะ

พรรคเพื่อไทยนำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการ และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมเดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อลงนามไว้อาลัยนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ถึงแก่อสัญกรรม โดยมีนายนาชิดะ คาซูยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้การต้อนรับ

ทั้งนี้นายประเสริฐยังได้กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ทราบข่าวการสูญเสียของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top