Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

สวนนงนุชพัทยาโชว์ความพร้อมเป็นสถานที่จัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสคนพิการนานาชาติ มีผู้เข้าร่วม 18ประเทศ

วันนี้นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานเปิดงานการแข่งขันเทเบิลเทนนิสคนพิการนานาชาติ ตามที่สหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ ( Internationnal Table Tennis Federation , ITTF)  มอบหมายให้ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิสคนพิการนานาชาติ รายการ ITTF Thailand  Para Open 2022 โดยมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันจาก 18 ประเทศ ระหว่างวันที่ (18-21 กรกฎาคม 2565) ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี 

การแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นรายการ Qualify และมีผู้พิการเข้าร่วมทั้งหมด 18 ประเทศ ได้แก่ สหพันธ์สาธารณรัฐบราชิล , สาธารณรัฐซิลี , สาธารณรัฐฝรั่งเศส , สหราชอาณาจักร ,ฮ่องกง , สาธารณรัฐอินเดีย , สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน , สาธารณรัฐอิตาลี , ญี่ปุ่น ,สาธารณรัฐคาซัคสถาน , สาธารณรัฐเกาหลีใต้ , สาธารณรัฐคูเวต , ราชอาณาจักรเนเธอแลนด์ , ราชอาณาจักรสเปน , ราชอาณาจักรสวีเดน , Chinese Taipei สาธารณรัฐตูนิเชีย , และประเทศไทย เพื่อให้นักกีฬาเทเบิลเทนนิส ได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส  ประเทศฝรั่งเศส ต่อไป

ประเทศไทยสุดยอดแค่ไหน!! ตามติดอันดับของไทยด้านการท่องเที่ยว จากผลสำรวจทั่วโลก ปี 2565

- เกาะพะงัน เป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการทำงานที่สุดในโลก ประจำปี 2565 (Workation)

(ที่มา : William Russell.com)

- กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุด (Best City) ในการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก

(ที่มา : นิตยสาร DestinAsian)

- 'เกาะที่ดีที่สุด' ภูเก็ต และเกาะสมุยในภาคการท่องเที่ยว ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

(ที่มา : นิตยสาร DestinAsian)

- จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวน่ามาเยือนมากที่สุดในโลก หลังสถานการณ์โควิด-19

(ที่มา : Visa Global Travel Intentions Study)

- ประเทศที่มีความปลอดภัยในการเดินทางสูงที่สุด

(ที่มา : Berkshire Hathaway Travel Protection)

- ประเทศที่มีผู้เข้าชมใน Street View มากที่สุดจากทั่วโลก

(ที่มา : Google Street View)

- 'ต้มยำกุ้ง' ซุปที่ดีที่สุดในโลกในปี 2022 ของ CNN Travel ในปี 2565

(ที่มา : CNN Travel)


ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ www.mfa.qo.th

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดงานวันเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ประจำปี 2565

กิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ต้อนรับด้วยขบวนรถบุปผชาติอย่างสวยงาม วันที่ (17 กรกฎาคม 2565 ) เวลา 17.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงานวันเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ประจำปี 2565 โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายอำเภอปลายพระยา หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน  เกษตรกร ให้การต้อนรับ ณ อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่

กิจกรรมในวันนี้จัดขึ้นโดย อำเภอปลายพระยา ร่วมกับเทศบาลตำบลปลายพระยาและส่วนราชการต่าง ๆ ได้กำหนดจัดงานวันเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ประจำปี 2565 ในระหว่างวันที่ (15-17 กรกฎาคม 2565)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และประชาสัมพันธ์ ผลผลิตทางการเกษตรและของดีอำเภอปลายพระยา ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย  

สร้างโอกาสให้เกษตรกรได้นำผลผลิต สินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ จากหมู่บ้าน มาวางจำหน่าย เสริมสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ทางการเกษตร และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและ เชิงวัฒนธรรม โดยภายในงานจะมีการแสดงนิทรรศการของส่วนราชการต่าง ๆ การจำหน่ายผลผลิตทางเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน การประกวดของดีอำเภอปลายพระยา ได้แก่  การประกวดทุเรียน ปาล์มน้ำมัน แพะ และรถบุปผชาติ การจัดงานครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ จำนวน 300,000บาท (สามแสนบาทถ้วน) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ จำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) และนายกเทศมนตรีตำบลปลายพระยา จำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)

นายกรัฐมนตรี-ครม. ร่วมรณรงค์วันภาษาไทยแห่งชาติ 2565 

นายกรัฐมนตรี-ครม. ร่วมรณรงค์วันภาษาไทยแห่งชาติ 2565 

วธ.นำเด็ก เยาวชนโชว์พูด-อ่าน-เขียน ภาษาไทยดีเด่น พร้อมยกขบวนผู้ได้รับรางวัลเพชรในเพลงเข้าพบนายกฯ พร้อมจัดงานใหญ่ (26 ก.ค.) นี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

วันที่ (18 กรกฎาคม 2565) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ครม. ร่วมชมกิจกรรมประชาสัมพันธ์การส่งเสริมการใช้ภาษาไทย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ 2565 ของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรีได้ชมนิทรรศการส่งเสริมการใช้ภาษาไทย นิทรรศการหนังสือเก่าหายาก เรื่อง นามพรรณพฤกษา สัตวาภิธาน และนิติสารสาธก ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จากนั้นได้พบปะพูดคุยกับเด็กและเยาวชนผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นด้านการพูด การอ่าน การเขียน และผู้ได้รับรางวัลการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) ประจำปี 2565 ด้วย

นายอิทธิพล กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ อีกทั้งปีนี้ถือเป็นวาระพิเศษ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงอภิปรายเรื่อง "ปัญหาการใช้คำไทย" ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถึงปัจจุบันครบ 60 ปี วธ. ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายต่าง ๆ จึงจัดกิจกรรมเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติขึ้น เพื่อน้อมนำพระบรมราโชบายและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงงาน เพื่อสืบสาน รักษาและต่อยอดแนวพระราชดำริด้านภาษาไทยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ตลอดจนสถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตระหนักในความสำคัญ คุณค่าของภาษาไทย การใช้ให้ถูกต้องต่อไป 

ความพยายามในการยัดเยียดค่านิยม ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีผลสะท้อนกลับมารุนแรงทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน

ความพยายามในการยัดเยียดค่านิยม ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีผลสะท้อนกลับมารุนแรงทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน

มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบว่า ทุกประเทศมีค่านิยมที่แตกต่างกัน และควรได้รับความเคารพเสมอกัน

มกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ตอบคณะทูตของปธน.ไบเดน กรณีสิทธิมนุษยชน เมื่อ (16 ก.ค. 65)

เมื่อ (16 ก.ค. 65) มกุฏราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบียได้ตอบต่อข้อซักถามกรณีสิทธิมนุษยชนที่คณะทูตของนายไบเดน ปธน.สหรัฐฯ หยิบยกขึ้นมาเพื่อกดดันซาอุดีอาระเบียในเวทีเจรจาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

โดยมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีฯ ได้ระบุว่า....

สหรัฐฯ และอังกฤษมีค่านิยมหลายประการที่พวกเขายึดถือ และมีหลายค่านิยมที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม สิทธิมนุษยชน ค่านิยมและหลักการที่ดี ก็มักจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในหลากหลายประเทศ ในช่วงเวลาที่สิ่งเหล่านั้นไม่สอดคล้องกับผู้คนจำนวนมากบนโลกใบนี้

ความพยายามในการยัดเยียดค่านิยมได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีผลสะท้อนกลับมารุนแรงทั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบว่า ทุกประเทศมีค่านิยมที่แตกต่างกันและควรได้รับความเคารพเสมอกัน

ทำ 3 สิ่งนี้ทันที!! หากพบมิจฉาชีพ

'ดีอีเอส' แนะ 'ประชาชน-คนดัง' พบถูกแอบอ้างชื่อ-รูปภาพ ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม ต้องรีบแจ้งด่วนผ่าน 3 ช่องทางนี้ ได้แก่ กดรายงานไปที่เจ้าของแพลตฟอร์ม / แจ้งผ่านโทร. 1212 / แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งเว็บไซต์และสถานีท้องที่ ยืนยัน 'ดีอีเอส' พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งปิดบัญชีปลอม และติดตามผู้กระทำผิดเข้ามาดำเนินคดี  

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ยังพบแนวโน้มปัญหามิจฉาชีพแอบอ้างนำชื่อและรูปภาพคนอื่น ไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอมทั้งเฟซบุ๊ก เพจปลอม ไลน์ปลอม และ IG เพื่อนำไปหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะยิ่งถ้าผู้ที่ถูกแอบอ้างชื่อและโปรไฟล์เป็นดารา หรือคนมีชื่อเสียง ความเสียหายก็จะยิ่งขยายวงกว้าง เนื่องจากมักมีแฟนคลับหรือผู้ติดตามจำนวนมาก โอกาสที่จะมีเหยี่อหลงเชื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวก็เสี่ยงต่อการสูญเสียชื่อเสียง

สำหรับรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยจากบัญชีโซเชียลสวมรอยเหล่านี้ ได้แก่ หลอกยืมเงิน หลอกขายของ หลอกลงทุน หลอกร่วมทุน โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะสูญเงินโดยไม่ได้รับสินค้าหรือผลตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงที่เป็น Romance Scam หรือหลอกให้หลงรักและสูบเงินเหยื่อผ่านทางออนไลน์ ขณะที่ บางกรณีจะเป็นการแอบอ้างตัวตนคนดัง สร้างเฟซบุ๊กปลอมเพื่อใช้เป็นพื้นที่โพสต์เนื้อหา หรือแสดงความคิดเห็นเพื่อหมิ่นประมาทผู้อื่น เป็นต้น 

ปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่านการเมือง (ดีอีเอส) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายซึ่งถูกแอบอ้างชื่อไปสร้างบัญชีโซเชียลปลอม เข้าถึงช่องทางความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อเร่งยุติการขยายวงของความเสียหาย เร่งประสานงานเพื่อปิดบัญชีปลอม และติดตามมิจฉาชีพมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ ขอให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างตั้งสติ และดำเนินการผ่าน 3 ช่องทางดังต่อไปนี้ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการประสานการปิดบัญชีโซเชียลที่แอบอ้าง ได้แก่ 

1.) แจ้งรายงานไปที่แพลตฟอร์มโซเชียล โดยการ report ไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ Social Network ที่ถูกแอบอ้าง ซึ่งทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ และ IG มีเมนูให้รายงานบัญชีปลอมโดยตรงอยู่แล้ว จากนั้นรอขั้นตอนการตรวจสอบของทางแพลตฟอร์ม

2.) ช่องทางของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่สายด่วน โทร.1212 OCC ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในสังกัดดีอีเอส + ช่องทางอื่นๆ ภายใต้การดูแลของกระทรวงฯ 

'เยอรมนี' ยอมรับอยู่ไม่รอดฤดูหนาว หากไม่ได้ก๊าซจากรัสเซียเพิ่มเติม

เยอรมนีจำเป็นต้องซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเพิ่มเติม เนื่องจากคลังสำรองก๊าซในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะเห็นประเทศแห่งนี้ผ่านพ้นช่วงฤดูหนาวไปได้ จากความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเบอร์ลิน ที่รับผิดชอบงานด้านเครือข่ายไฟฟ้าและก๊าซ ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เคลาส์ มุลเลอร์ ประธานสำนักงานเครือข่ายกลาง (Federal Network Agency) กระทรวงเศรษฐกิจและพลังงานของเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับ Bild am Sonntag สื่อมวลชนท้องถิ่น ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (17 ก.ค.) เตือนว่าแม้คลังสำรองก๊าซขยับเข้าใกล้ 65% ของความจุและมันดีขึ้นกว่าช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่มันยังคงไม่เพียงพอที่จะผ่านพ้นฤดูหนาวหากปราศจากก๊าซของรัสเซีย

มุลเลอร์ ระบุว่า เยอรมนีจำเป็นต้องซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหน เวลานี้ขึ้นอยู่กับว่างานซ่อมบำรุงท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1 จะแล้วเสร็จตามความคาดหมายในวันพฤหัสบดี (21 ก.ค.) หรือไม่

เมื่อถามว่าในกรณีที่รัสเซียหยุดส่งมอบก๊าซโดยสิ้นเชิง มันจะใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่ราคาพลังงานสำหรับผู้บริโภคในเยอรมนีจะปรับขึ้น มุลเลอร์ตอบว่ายังไม่มีการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม เขาพยายามสร้างความอุ่นใจ ด้วยเน้นว่า "ราคาในสัปดาห์นี้ไม่ได้ดีดตัวขึ้นมากนัก แม้มีการปิดซ่อมบำรุงนอร์ดสตรีม 1" พร้อมบอกมันอาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า "ตลาดอาจซึมซับกับภาวะสูญเสียอุปทานก๊าซรัสเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรามาถึงจุดสูงสุดของราคาก๊าซแล้ว"

ประธานของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบด้านพลังงานแห่งนี้ เน้นย้ำว่าชาวเยอรมนี ไม่ควรตื่นตระหนก และให้คำรับประกันว่าบ้านเรือนประชาชนเป็นกลุ่มที่จะมีความกังวลน้อยที่สุด โดยจะได้รับการป้อนก๊าซนานกว่าภาคอุตสาหกรรมมากๆ

ยิ่งไปกว่านั้น "จะไม่มีเหตุการณ์ที่เราต้องอยู่โดยปราศจากก๊าซโดยสิ้นเชิง" มุลเลอร์ย้ำ โดยบอกว่าหากแม้รัสเซียตัดอุปทานอย่างเด็ดขาด ประเทศอื่นๆ อย่างเช่นนอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์และเบลเยียม จะยังคงขายเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เยอรมนี และในอนาคต สถานีก๊าซธรรมชาติเหลวของประเทศเองจะช่วยสร้างความแตกต่าง ประธานสำนักงานเครือข่ายกลางระบุ

มุลเลอร์ กล่าวว่า ถ้าภาวะปันส่วนก๊าซเกิดขึ้น หน่วยงานของเขาจะพิจารณาว่าการหยุดจ่ายก๊าซป้อนภาคธุรกิจหรือโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนโดยเฉพาะจะก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ เขาเชื่อว่าแม้หากเกิดปัญหาขาดแคลน แต่มันน่าจะส่งผลกระทบเฉพาะพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ในส่วนท้ายของโครงข่ายก๊าซเท่านั้น

ขณะเดียวกัน มุลเลอร์ ได้ปฏิเสธทำตามคำแนะนำที่ชี้แนะว่า เบอร์ลิน ควรห้ามส่งออกก๊าซไปยังบรรดาประเทศเพื่อนบ้านยุโรป โดยเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นหนึ่งเดียวกัน "ก็เหมือนกับเราในตอนนี้ที่กำลังได้ประโยชน์จากท่าเรือก๊าซธรรมชาติเหลวในเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ เยอรมนีจะให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านหากพวกเขาเผชิญปัญหาขาดแคลนก๊าซรุนแรง"

อย่างไรก็ตาม มุลเลอร์ ยอมรับว่าเยอรมนีคงต้องเผชิญกับฤดูหนาวที่ยากลำบาก 2 ปีติด จากความเสี่ยงก๊าซธรรมชาติขาดแคลน แต่พอถึงช่วงฤดูร้อนปี 2024 ประเทศของเขาจะเป็นอิสระจากก๊าซของรัสเซีย "แต่สิ่งที่เป็นความจริงเช่นกัน คือ ราคาจะไม่มีทางกลับมาอยู่ในระดับต่ำเหมือนในอดีตอีกแล้ว"

'ทนายตั้ม' ขอบคุณนายกฯ ช่วยนักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย เคลียร์ปัญหาวีซ่าไว จนไปแข่งชิงแชมป์โลกได้ทันเวลา

วานนี้ (17 ก.ค. 65) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ' เกี่ยวกับกรณีนักกีฬาเจ็ตสกีทีมชาติไทย ติดปัญหาเรื่องวีซ่า ไว้ว่า...

ตั้งแต่น้องๆ นักเจ็ตสกีทีมชาติไทย มาหาผมเมื่อ 5 วันก่อน บอกว่าพวกน้องจะไปแข่งในนามทีมชาติไทยที่ประเทศโปแลนด์ เลื่อนตั๋วมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ทันรอบนี้คงไม่ทันแข่งในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้แน่ ๆ 

ผมถามว่าติดปัญหาอะไร น้อง ๆ บอกผมว่าเอเย่นต์ ที่สมาคมประสานให้รับผิดชอบทำวีซ่า เอาพาสปอร์ตของน้อง ๆ ไปตั้งนานแล้วไม่ทำอะไร ดองไว้ จนใกล้จะถึงกำหนด ตอนนี้ยังไม่ได้คิวสัมภาษณ์เพื่อทำวีซ่าเลย แล้วจะต้องเดินทางในวันที่ 17 กลัวจะไม่ทัน เลยมาหาผมให้ช่วยน้อง ๆ ด้วย

ผมก็รับปากไปว่าผมจะโพสต์ให้ แล้วเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาช่วยดูเรื่องนี้ เพราะไปแข่งครั้งนี้มันเป็นการแข่งในนามทีมชาติ และน้อง ๆ ก็เสียเงินกันไปเยอะมาก แต่พี่ตั้มไม่รับปากว่าจะสำเร็จหรือเปล่านะ แต่จะทำให้!!

หลังจากผมโพสต์ไปก็มีสื่อหลายสื่อที่เห็น แล้วช่วยกันนำเสนอข่าว จนเป็นกระแสว่าน้อง ๆ อาจจะพลาดการไปแข่งขันในนามทีมชาติ พอกลับมาบ้านผมคิดขึ้นได้ว่าเราควรจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ จึงโทรไปปรึกษากับพี่แรมโบ้อีสาน รบกวนให้พี่แรมโบ้ช่วยประสานกับท่านนายกฯ ให้หน่อย เพราะหากปล่อยไปโอกาสที่น้อง ๆ จะได้ไปโชว์ฝีมือที่โปแลนด์แทบจะเป็นศูนย์

อดีตนายกฯ UK เชื่อ ตะวันออกมีดีไม่ต่างจากตะวันตก ชี้!! ใกล้ถึงจุดจบ ยุคสหรัฐฯ และพันธมิตรครองโลก

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ตะวันออกสามารถมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทัดเทียมกับตะวันตก และยุคสมัยที่สหรัฐฯ และพันธมิตรครองโลกใกล้ถึงจุดจบแล้ว จากความเห็นของโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร

แบลร์ แสดงความคิดเห็นดังกล่าวระหว่างร่วมบรรยายประจำปีที่มูลนิธิ Ditchley Foundation เมื่อวันเสาร์ (16 ก.ค.) ระบุว่า สืบเนื่องจากผลกระทบของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และความขัดแย้งในยูเครน "ผู้คนจำนวนมากของประชากรตะวันตก มาตรฐานการครองชีพกำลังซบเซา"

"การเมืองในโลกตะวันตก ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง แบ่งพรรคแบ่งพวกมากขึ้น น่าเกลียดยิ่งขึ้น ไม่ผลิดอกออกผลใด ๆ และเติมเชื้อไฟโดยสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบกับทั้งกิจการในประเทศและระหว่างประเทศ" แบลร์กล่าว พร้อมชี้ว่าปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครนของรัสเซีย "ควรกลายเป็นจุดปักหมุดสำหรับการกอบกู้สำนึกแห่งพันธกิจของเรา (ตะวันตก)"

อย่างไรก็ตาม อดีตนายกมนตรีวัย 69 ปีรายนี้ ซึ่งกุมบังเหียนรัฐบาลสหราชอาณาจักรระหว่างปี 1997 ถึง 2007 บอกว่า "การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของศตวรรษนี้จะมาจากจีน ไม่ใช่รัสเซีย"

"เรากำลังมาถึงจุดจบการครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจของตะวันตก โลกกำลังกลายเป็น 2 ขั้วเป็นอย่างน้อยและมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโลกหลายขั้ว" เขาคาดการณ์

นักการเมืองจากพรรคเลเบอร์รายนี้กล่าวต่อว่า จีน ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ของโลกแล้ว "จะแข่งขันกับตะวันตกไม่ใช่แค่เพื่ออำนาจ แต่ต่อต้านระบบของเรา แนวทางบริหารและวิถีชีวิตของเรา" แบลร์ระบุ พร้อมเตือนว่า "ปักกิ่งจะไม่ก้าวขึ้นมาเพียงลำพัง พวกเขาจะมีพันธมิตร แน่นอนตอนนี้คือรัสเซีย และมีความเป็นไปได้ว่าอิหร่านจะร่วมด้วย"

เผยเส้นทางรัก 'เวียร์-วิกกี้'

เผยเส้นทางรัก 'เวียร์-วิกกี้' เจอกันเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วในกองละคร วิกกี้ชนะใจเวียร์เพราะทำให้เป็นคนที่ดีขึ้น ถึงจะรู้จักกันไม่ถึงสิบปีแต่ก็รู้ว่าวิกกี้รักเวียร์มาก เสียสละดูแลครอบครัว เด็ดขาดแต่ใจเย็น

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับงานแต่งงานของพระเอกหนุ่ม 'เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ' และแฟนสาวนอกวงการ 'วิกกี้ พิมนต์ญา เวธน์ปริวัตน์' ที่จัดขึ้นในช่วงเช้าและช่วงบ่ายของวันนี้ 17 กรกฎาคม 2565 ที่ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ CAPELLA BANGKOK แต่เชื่อว่างานนี้ หลายคนก็ยังคงมีคำถามว่า จุดเริ่มต้นความรักของทั้งคู่นั้น เกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไหร่ และไปเจอกันได้อย่างไร

ซึ่งคำตอบทุกอย่าง ก็ได้เฉลยแล้วผ่านคลิปพรีเซนเทชั่นของทั้งคู่ ที่เปิดในงานฉลองมงคลสมรส โดยผู้จัดชื่อดัง 'ตุ๊กตา กันตนา' ได้ไลฟ์ผ่านไอจีให้ได้ดูกัน เรียกว่าฟังแล้วตื้นตันสุด ๆ ทางทีมข่าวก็เลยขอแชร์ออกมาให้แฟน ๆ ได้ซึ้งไปพร้อม ๆ กัน

โดยเวียร์และวิกกี้ ได้เปิดใจเล่าให้ฟัง ถึงความรักของทั้งคู่ว่า ได้เจอกันที่ใต้น้ำเมื่อ 4-5 ปีก่อน เพราะวิกกี้มาช่วยเป็นสตันต์ให้ ในละครเรื่องสัมปทานหัวใจ เพราะเป็นนักดำน้ำ ตอนนั้นเวียร์ยังไม่อินเรื่องดำน้ำ แค่ไปขี่มอเตอร์ไซค์ออกทริป หลังจากนั้นก็แยกย้ายไม่ได้เจอกันเลย จนวันที่ได้มาเจอกันอีกที ตอนเวียร์กลับมาจากถ่ายภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ เลยนึกถึงเพราะถ่ายดำน้ำมา ก็เลยชวนเพื่อนๆ ที่เรียนดำน้ำด้วยกัน แล้วก็โทร.หาวิกกี้ เผื่อจะมาพาดำน้ำ ก็เลยได้ติดต่อไปอีกครั้งหนึ่ง

ถามว่าเชิงจีบไหม ณ ตอนนั้นโสดแล้ว แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากอายุใกล้เคียงกัน เป็นเพื่อนกันมา แล้วเราก็ผ่านอะไรมาเยอะ เวลาพูดคุยกันมันก็พูดกันตรงๆ แต่ห่างการจีบผู้หญิงมานาน บางทีก็ไม่รู้ ถึงแม้อายุจะขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็เลยคุยเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน ตอนแรกวิกกี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวียร์เป็นใคร เพราะไม่ได้ดูโทรทัศน์

ด้านสาววิกกี้เล่าต่อว่า ครั้งแรกที่เห็นผู้ชายคนนี้ สูงดีนะ เวียร์เริ่มจีบด้วยการชวนไปไหนมาไหนบ่อยๆ ชวนบ่อยมาก จะมีกิจกรรมตลอด ชวนว่าไปเดินป่าไหม ชวนตลอด แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะไม่ว่าง มีทั้งไม่ว่างทิพย์และไม่ว่างจริงๆ ครั้งแรกที่พ่อแม่เจอเวียร์ แม่ก็มาสะกิดแล้วถามว่า ใช่พี่เคอรี่หรือเปล่า? พอมารู้ว่าเขาเป็นใคร ก็รู้สึกว่าไม่ดีกว่า ด้วยความต่างของอาชีพ ส่วนเราเป็นนักธุรกิจ ซึ่งหนุ่มเวียร์ได้กล่าวเสริมว่า การที่เป็นนักแสดงและมีชื่อเสียง วิกกี้ก็คงกลัว แต่สิ่งที่ทำได้ คือต้องทำให้วิกกี้ไว้ใจว่า เราอยากคุย อยากรู้จักด้วยจริงๆ

ก่อนวิกกี้จะเล่าต่อว่า เขาก็ชวนหลายรอบมาก เขาไม่ละความพยายามเขาเลย ก็เลยยอมไป ไปเพราะอยากรู้จักเขามากขึ้น เพราะเขาชวนไปในที่ที่เราอยากไป จนเขาเอาดำน้ำมาล่อ ซึ่งเป็นดำน้ำที่เราสนใจมาก หลังจากที่เป็นเพื่อนกันมาเรื่อยๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ก็คิดอะไรเหมือนกันหลายๆ อย่าง พอได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเราสามารถพึ่งพาเขาได้ และเราก็อยู่ง่ายกินง่ายเหมือนกัน ไปไหนง่ายๆ ก็เลยไม่มีปัญหาในเรื่องนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top