Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

ชาวสงขลากว่าครึ่งพัน แห่ให้กำลังใจพร้อมชื่นชมในสปิริตนักการเมืองของนายนิพนธ์ รองหน.ปชป.

วันที่ 10 กันยายน 2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดบ้านพัก ณ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ต้อนรับตัวแทนมวลชน กว่า 500 คนทั้งกลุ่มอาชีพ ตัวแทนสมาคม กำนันผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชน ในจังหวัดสงขลา ที่นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อแสดงสปิริตของนักการเมือง ในการเตรียมการเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมในเรื่องของการฮั้วประมูลรถ อบจ.สงขลา 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจ ซึ่งทุกคนคงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาสื่อมวลชนทุกแขนงได้ลงในรายละเอียดของผม รวมถึงการประชุมถ่ายทอดในรัฐสภาก็ได้อธิบายถึงรายละเอียดทุกขั้นตอนหมดแล้ว ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีนี้ ทั้งนี้ให้พี่น้องสบายใจได้ว่าทาง ป.ป.ช.ได้ชี้มูลผมฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้ชี้มูลว่าทุจริต ซึ่งมันก็คล้ายกับในเรื่องของบริษัทฟ้องกทม.ไม่จ่ายเงินในเรื่องของรถไฟฟ้า บีทีเอส ซึ่งก็เป็นเรื่องของทางแพ่งที่ยังสู้กันอยู่ ไม่มีเจตนากระทำความผิดเพราะมีเรื่องร้องเรียน ว่าการซื้อรถมันทุจริต โดยเฉพาะการยื้อเรื่องของการขยายระยะเวลานั้นมันไม่ชอบด้วยกฏหมาย

ดังนั้นคนที่มาซื้อซองหลังหมดการขยายระยะเวลาแล้วจึงไม่ชอบด้วยกฏหมาย ในการซื้อซองประมูล จึงไม่มีสิทธิ์มาประมูลจนในที่สุดมีคนมาร้องว่ามีการฮั้วประมูล ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะผู้ชนะการประมูลไปฮั้วกับบริษัทผีที่อยู่ต่างประเทศ รวมถึงออกเอกสารปลอม จนขณะนี้ผู้ฮั้วประมูลทั้ง 3 ครั้ง ตำรวจสั่งฟ้องหมดแล้วว่าใช้เอกสารปลอม และมีการฮั้วประมูล ซึ่งบริษัทผู้ฮั้วประมูลขณะนี้ได้หนีออกต่างประเทศเกือบหมด และบางคนก็ถูกฟ้อง และถูกคุมขัง ดังนั้นการที่ผมไม่จ่ายจึงมีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่จ่าย เพราะมันมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น พี่น้องจึงสบายใจได้ว่าการที่ผมไม่จ่ายเงินนั้นจึงไม่มีความผิด

'อัษฎางค์' ชี้!! 3 ปัจจัยที่ทำให้ฝรั่งดูเจริญกว่าไทย พร้อมเปิดอีกมุม 'ค่าครองชีพ-ค่าแรง-ย้ายประเทศ'

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' โดยระบุว่า...

“ค่าครองชีพ ค่าแรง ย้ายประเทศ”

จะเล่าอะไรให้ฟัง จากคนที่มีประสบการณ์อยู่ในออสเตรเลียมากว่า 20 ปี

ผมมาออสเตรเลียครั้งแรกก็ติดใจสิ่งแวดล้อมของประเทศเขา

สิ่งแวดล้อมในที่นี้คือ บ้านเรือน ผู้คน รวมถึงสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา

ผมก็กลับไปหอบครอบครัวมาอยู่ออสเตรเลีย อยากให้ลูกโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ 

แต่ไม่ได้ย้ายประเทศ เพราะเมืองไทยมันห่วย รัฐบาลไทยมันห่วย สถาบันพระมหากษัตริย์เอาเปรียบประชาชน ไม่มีเรื่องพวกนี้ 

ผมรักเมืองไทย รักความเป็นไทย และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับผมเกี่ยวกับเมืองไทย คือ การเมือง 

การเมืองไทยที่มีนักการเมือง (บางส่วนหรือส่วนใหญ่) ที่มักอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชน อ้างว่าเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อชาติและประชาชน ทั้งที่เขาทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง

แต่การย้ายประเทศของผม เกิดจากแรงบันดาลใจจากคนรุ่นก่อนๆ และการอยากผจญภัย ซึ่งมันมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน 

ย้ายมาอยู่เมืองฝรั่ง เพราะอยากรู้ว่า ฝรั่งเจริญกว่าไทยตรงไหน ได้อย่างไร ก็ลองมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเขาเลย ให้มันรู้กันไป

>> แค่เพียงไม่กี่เดือน ผมก็ได้คำตอบว่า ฝรั่งเจริญก้าวหน้ากว่าไทยเพราะ...

***หนึ่ง ไม่มีคอร์รัปชัน (จริงๆ มีแต่น้อยกว่าไทยหลายเท่า)

คอร์รัปชัน คือ ปัญหาอันดับ 1 ที่กีดกั้นความเจริญก้าวหน้าของชาติ

***สอง การศึกษาที่มุ่งเน้นให้นักเรียนนักศึกษา หาคำตอบหรือทางแก้ไขปัญหา และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่ท่องจำบทเรียน ที่เขียนกันไว้มานานแสนนาน มีแต่การจดจำ คัดลอก เลียนแบบ ซึ่งสร้างปัญหาต่อคนไทยอยู่ทุกวันนี้ เพราะลองถ้าเชื่อใครเข้าแล้ว จะเชื่อเขาแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ถูกรู้ผิด แยกแยะดีชั่วไม่ได้ 

***สาม การสร้างจิตสำนึกให้พลเมืองของเขาเข้าใจใน ”หน้าที่พลเมือง” ตั้งแต่เป็นเด็กน้อย

>> ผมว่า 3 สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ 

พลเมืองต้องรู้จักหน้าที่ของตน ต้องมีจิตสำนึก ต้องแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อหน้าที่รับผิดชอบของตน

สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่ผมตามหา และพาครอบครัวโดยเฉพาะลูกน้อยที่จะเป็นอนาคตของประเทศชาติและของสังคมโลก ให้มารับการฝึกฝน อบรม บ่มนิสัย ในสิ่งเหล่านั้น

ผมไม่ได้ย้ายประเทศเพราะ ค่าแรงงานเมืองไทยต่ำ ค่าครองชีพสูง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ต่างๆ นานา

ไม่ได้ย้ายประเทศเพราะ มาอยู่เมืองนอกแล้วจะทำให้กินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อ หรือกินส้มตำได้ 7 จาน ซึ่งผิดกับตอนอยู่เมืองไทยที่กินจิ้มจุ่มได้แค่ 1 หม้อกินส้มตำได้แค่ 1 จาน 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมทันทีที่ย้ายประเทศคือ ผมไม่สามารถเดินมาปากซอยหรือซอยถัดๆ ไปแล้วมีร้านอาหารเป็นร้อยให้เลือกกิน ในราคาที่กินได้ จนถึงดึกดื่นเที่ยงคืน

แต่ผมอยู่เมืองนอก 5-6 โมงเย็น ห้างร้านปิดหมด แหล่งที่จะมีร้านอาหารขายถึงมืดนั้นมีอยู่เป็นจุดๆ ในเขตชุมชนที่ห่างไกลออกไปเท่านั้น

อยากกินบะหมี่หมูแดง ส้มตำ ข้าวมันไก่ ต้องขับรถไปหลายกิโลหรือหลายสิบกิโล ถึงจะมี หรือทั้งเมืองอาจมร้านขายส้มตำเพียงร้านเดียว

คนไทยที่มีรายได้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับฝรั่ง คือคนไทยที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ วันละ 2-3 jobs นอนวันละ 4-5 ชั่วโมง จนไม่มีเวลาจะทำกิจกรรมอื่นๆ เลย 

ไอ้เรื่องที่จะออกไปกินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อ หรือกินส้มตำได้ 7 จาน นานๆ จะเกิดขึ้นเสียที ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะไม่มีเวลา

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็ให้นึกถึงภาพแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย คนพวกนั้นหาเงินได้มากกว่าคนไทยอีกจำนวนมาก แล้วดูความเป็นอยู่ของเขาซิ ทำงานอย่างเดียว เก็บเงินส่งกลับบ้าน ส่วนชีวิตตัวเอง อยู่อย่างอัตคัดหรืออย่างประหยัดสุดๆ ค่าแรงในเมืองไทยของแรงงานพม่า ก็ทำให้เขามีเงินกินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อเหมือนกัน แต่นานๆ เขาถึงจะมีโอกาสได้กินเสียที

ถามจริงว่า แบบไหนน่าจะมีความสุขมากกว่ากัน ระหว่างหาเงินได้มาก แต่เวลาทั้งหมดในแต่ละวันของชีวิตหมดไปกับการทำงานหาเงิน กับหาเงินได้น้อยนิด แต่เป็นความน้อยที่มีเวลาและเงินมากพอที่ออกไปกินอะไรที่อยากกินได้ตลอดเวลาทุกวัน

ผมมาอยู่ออสเตรเลียไม่กี่ปี ผมก็มีรายได้เป็นแสน ในขณะที่เพื่อนในเมืองไทยยังมีเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ

ผ่านไป 20 กว่าปี เพื่อนๆ ในเมืองไทยที่เคยกินเงินเดือนหมื่นต้นๆ ตอนนี้ บางคนเป็นเจ้าของกิจการ บางคนเป็นผู้อำนวยการ บางคนเป็นรองประธาน บางคนเป็น CEO ไปแล้ว เงินเดือนเป็นแสนเป็นล้านแล้ว

>> มาอยู่เมืองนอกแล้วจะมีอนาคตดีกว่าคนอยู่เมืองไทยจริงหรือ ?

คำตอบ คือ ไม่เสมอไป มีทั้งดีและไม่ดี ก็เหมือนอยู่เมืองไทย มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

คนที่อยู่เมืองนอกจะมีสักกี่คนที่ได้เป็นผู้บริหารใหญ่ในบริษัทฝรั่ง ! ส่วนใหญ่ยังคงมีอาชีพเดิม ทำงานแบบเดิมๆ อย่างที่เคยทำ

>> ชีวิตในเมืองนอก ดีกว่า ในเมืองไทยจริงหรือ ?

ค่าแรงแพง มันหมายความว่า ทุกอย่างก็แพงตามกันไปหมด ไม่ใช่ว่าเราได้ค่าแรงแพงแล้วเราจะจ่ายเงินซื้อของได้ทุกอย่าง

ยกตัวอย่างง่ายๆ สักเรื่องสองเรื่อง

ห้างร้านปิดตั้งแต่เย็นเพราะอะไร เคยรู้กันบ้างมั้ย?

ห้างร้านทั้งใหญ่น้อย ปิด 5 หรือ 6 โมงเย็นเพราะถ้าไม่ปิด เจ้าของธุรกิจต้องจ่ายค่าแรงพนักงานเป็นเท่าตัว พอค่าแรงแพง เจ้าของธุรกิจก็จ่ายไม่ไหว คนจะไปซื้อของก็จ่ายไม่ไหวเหมือนกัน

สมัยแรกๆ ที่มาอยู่ที่นี่ ผมเคยขับรถ(มือสอง)แล้วโดนชน 2 ครั้ง ทั้ง 2 คัน บริษัทประกันไม่จ่ายค่าซ่อมให้ แต่จ่ายเป็นราคาประเมินตามราคาตลาด ให้ไปซื้อคันใหม่ เพราะค่าแรงที่จะซ่อมแพงเหมือนไปซื้อใหม่

ผมเคยทำงาน 2 Jobs ได้เงินเดือนเยอะมาก แต่พอสิ้นปี จ่ายภาษีแล้วตกใจ ปีต่อไป ผมเลิกทำงานแบบนั้นเลย เพราะเหมือนว่า เราทำงานเพื่อจ่ายให้รัฐบาล แล้วรัฐบาลเอาเงินของเราที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำนั้น ไปเลี้ยงคนออสซี่ที่ไม่ทำงาน 

เหมือนที่เด็กสามนิ้วเรียกร้องรัฐสวัสดิการนั้นแหละ สวัสดิการ ที่เอาเงินจากคนที่รายได้มาก จากที่เขาทำงานหนัก ไปให้คนมีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนไม่ยอมไปทำงาน นี่แหละความเท่าเทียมกันกับรัฐสวัสดิการ

แล้วคนไทยในออสเตรเลียทำอย่างไรรู้มั้ย เขาก็หางานที่รับเป็นเงินสด เพื่อหลบภาษี หลบทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมันคือการคอรัปชั่น แล้วมันจะหวนไปบั่นทอนประเทศชาติในที่สุด

แจ้งรัฐบาลว่ามีรายได้น้อย เพื่อรับสวัสดิการจากรัฐ แต่แอบทำงานมีรายได้มหาศาล รับทั้งขึ้นทั้งล่องตามวิถีคอรัปชั่นโกงๆ แบบไทย

คนไทยทำกันแบบนี้ไง เหมือนในเมืองไทย พ่อค้าแม่ขายหาเงินกันได้มากๆ ทั้งนั้น แต่แจ้งว่ารายได้ต่ำ เพื่อเลี่ยงภาษี แล้วก็เรียกร้องรัฐสวัสดิการ แต่ไม่มีใครคิด ว่าในเมื่อทุกคนทำแบบนี้ รัฐจะมีรายได้ที่ไหนไปทำรัฐสวัสดิการ

สมัยผมมาแรกๆ ยังเรียนหนังสือ รู้มั้ยมื้อกลางวันผมกิน แมคโดนัลด์ แทบทุกวัน เมืองไทยเป็นของแพงใช่มั้ย เป็นร้านที่คนจนๆ ไม่มีปัญญาเข้าใช่มั้ย

แต่ในเมืองนอก มันคืออาหารราคาถูก อาจจะพูดได้ว่า เหมือนข้าวไข่เจียวหรือข้าวแกงในเมืองไทยดีๆ นั้นเอง

ผมกินแมคโดนัลด์ เพราะมันไม่ถึง 10 เหรียญ ในขณะที่ข้าวผัดกระเพราไข่ดาวกับโค้กสักแก้วต้องมี 20 เหรียญ

20 เหรียญสมัยนั้นคือ 600 กว่าบาท

กองทัพเรือ ระดมสรรพกำลังเพิ่มเติม เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากเหตุน้ำท่วมระยอง อย่างต่อเนื่อง

(9 ก.ย.65) กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้การสนับสนุนเทศบาลตำบลทับมา เทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลแกลงกะเฉด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ในการร่วมบรรจุกระสอบทรายกั้นน้ำ และแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงการลำเลียงกระสอบทรายไปวางในพื้นที่ต่างๆ การแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 

อีกทั้ง ยังได้จัดรถครัวสนามเพื่อประกอบอาหารจัดเลี้ยง ให้แก่ผู้ประสบภัย และจัดเจ้าหน้าที่พยาบาล ออกให้บริการประชาชน แจกจ่ายยา พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ ในห้วงสถานการณ์น้ำท่วม ตลอดจนจัดเรือท้องแบน เรือพาดท้ายเพลายาว และเรือท้องแข็ง ออกให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามพื้นที่ต่างๆ 

ในการนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ยังได้สนับสนุนกำลังพลร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ประกอบอาหารจัดเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจัดอาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็น มื้อละ 5,000 กล่อง 

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง ในวันนี้บางพื้นที่ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้ว ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้จัดกำลังพลเข้าร่วมทำการฟื้นฟู และทำความสะอาดในพื้นที่ดังกล่าว

จับแก๊งลักทรัพย์โรงแรมเกาะสมุย 9 ราย ร่วมกันวางแผน-ลักทรัพย์ร่วมเดือน

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจาก นางวารี โชคคณาพิทักษ์ ว่า ตนเป็นเจ้าของโรงแรมบลูลากูน เดอะ ทีค วิง ตั้งอยู่ที่ ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีคนร้ายเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าวจนได้รับความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น 

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมดูแล การสืบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก รวมทั้งเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว 
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นทราบว่า สถานที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว ได้ถูกเช่าเพื่อนำไปทำเป็นโรงแรมตั้งแต่ปี 2533 ภายใต้สัญญาเช่า 30 ปี ครบกำหนดเมื่อปี 2563 โดยผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้รับพื้นที่ดังกล่าวคืนพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (โรงแรมและทรัพย์สินภายในโรงแรมทั้งหมด) เมื่อประมาณปลายปี 2564 ซึ่งทางผู้เสียหายได้มีการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยทิ้งร้างหลังจากหมดสัญญาจ้างกับพนักงานรักษาความปลอดภัย ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 ผู้เสียหายได้เข้าไปตรวจดูภายในโรงแรมพบว่า มีทรัพย์สินภายในโรงแรมสูญหายไปเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 23.5 ล้านบาท จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เช่าเดิมที่เพิ่มส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ผู้เสียหาย และได้วางแผนกลับมาลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าว เพื่อนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย 

1. นายโอมชัยศักดิ์ หรือโอม จันทร์แจ่ม อายุ 50 ปี เป็นผู้วางแผน
2. น.ส.ณัชชา หรือแพท โนภูเขียว อายุ 31 ปี เป็นผู้วางแผน
3. น.ส.ขวัญใจ หรือน้อย นิยม อายุ 40 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
4. นายอภิพัฒน์ หรือโอ๊ต จันทร์แจ่ม อายุ 33 ปี บุตรชายของนายโอมชัยศักดิ์ฯ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
5. นายกฤษณะ หรือหนุ่ย ขำเมือง อายุ 33 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
6. Mr.Thuya Soe อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
7. Mr.Min Phyo Aung อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
8. Mrs.Phyu อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
9. น.ส.ภัคจิรา ประยูรชาญ อายุ 42 ปี เป็นผู้รับซื้อของที่ได้มาจากการลักทรัพย์

โดยจากการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว สามารถยึดทรัพย์สินของกลางในคดีได้หลายรายการ ได้แก่ รถที่ใช้ในการก่อเหตุจำนวน 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน ชุดถังแก๊สที่ใช้ในการตัดเหล็ก จำนวน 1 ชุด ท่อนเหล็ก วงกบประตู บานหน้าต่างไม้ แผ่นเมทัลชีท ที่ได้จากการลักมาจากที่โรงแรมจำนวนมาก 

มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายประมาณการในครั้งแรกประมาณ 17,548,000 บาท ขณะนี้สามารถติดตามกลับมาได้จำนวน 381 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 659,000 บาท และตรวจพบทรัพย์สินในที่เกิดเหตุที่ยังไม่สูญหายจำนวน 1,001 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,557,500 บาท สรุปความเสียหายเบื้องต้นคิดมูลค่าประมาณ 14,334,500 บาท 
โดยกลุ่มผู้ต้องที่ร่วมกันก่อเหตุนี้จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” อัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

ครบรอบ 2 ปี วันคล้ายวันสถาปนา กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ - Cyber Cop Thailand

วันที่ 9 ก.ย. 65 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นประธานพิธี เดินตรวจแถวกองเกียรติยศ บช.สอท. (ในชุดเครื่องแบบสนาม ตามสภาพงานและสนามภูมิประเทศ) ซึ่งแสดงออกถึง แนวคิดของ ผบ.ตร. ในการพัฒนาเครื่องแบบของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ คล่องตัว ทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งได้กำหนดให้ ข้าราชการตำรวจ สวมเครื่องแบบชุดสนามฯ เพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิตและยกย่องเชิดชูเกียรติ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการและวันคล้ายวันสถาปนา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครบรอบปีที่ 2

โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช. ปรก. บช.สอท. และข้าราชการตำรวจในสังกัดให้การต้อนรับ

ก่อนจะขึ้นเวทีอวยพรเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยมีนายเอกพันธ์ วรรณสุทธิ หรือ เพียว เดอะวอยซ์ ร่วมร้องเพลง The rose ของ Westlife และเพลง Somewhere over the rainbow ของ Branden Sipes 

และ การขับร้องบทเพลง “เธอผู้ไม่แพ้” โดย ข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้รับโอกาสจาก ผบ.ตร. ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ที่ยังคงเล็งเห็นคุณค่า ไม่ทอดทิ้งผู้ใต้บังคับบัญชา สร้างขวัญกำลังใจ ในความเสียสละและเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณงามความดีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ พ.ต.อ.ยงยุทธ เรืองเดช รอง ผบก.กม., พ.ต.ท.สุขสันต์ สุดสง่า รอง ผกก.3 บก.สอท.2, พ.ต.ท.นำพล  ทองภูสวรรค์  รอง ผกก.1 บก.สอท.4

สำหรับงานวันคล้ายวันสถาปนา บช.สอท. ครบรอบปีที่ 2 ได้กำหนดให้มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศาลพระภูมิและศาลตายาย ประจำที่ทำการ, ตรวจแถวกองเกียรติยศ และ พิธีสงฆ์ ถวายเครื่องไทยธรรม ภัตตาหาร แด่พระภิกษุสงฆ์ วัดท่าไม้ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.สอท.

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เชื่อมต่อ 'แอปแทนใจ' และ 'แอป My GPF' เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการตำรวจ

(9 ก.ย. 65) ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดย ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญ เป็นผู้แทนฯ ลงนาม โดยมี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คุณบุญเลิศ อันประเสริฐพร รองเลขากลุ่มงานปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งรองเลขากลุ่มงานสมาชิกสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร และคุณรณชัย วินทวาร ผู้ช่วยเลขาธิการ กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และรักษาในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กรและการวิจัย เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ

สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ได้มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง แอปพลิเคชัน “แทนใจ”  และ แอปพลิชัน “MY GPF”  เพื่อให้ข้าราชการตำรวจผู้ใช้แอปพลิเคชันแทนใจ และเป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สามารถเข้าถึงข้อมูลและสิทธิประโยชน์ของข้าราชการตำรวจ สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้...

'จุรินทร์' ดันไทยศูนย์กลางค้าอัญมณีของโลก ขณะที่ยอดขายแตะ 3 พันล้าน ด้านแบรนด์ PSG เชื่อมั่นช่วยธุรกิจจิวเวลรี่กลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น

วันที่ 9 กันยายน ที่อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์และการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 67 (Bangkok gems and Jewelry fair :BGJF 67th Edition) เป็นงานแสดงและเป็นเวทีการค้าสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยได้พบเจรจาการค้ากับผู้ซื้อจากทั่วโลก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้า อัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 เป็นการจัดงานในรอบ 2 ปี ซึ่งอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เผชิญความท้าทายต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง โดยมอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการส่งออกเชิงรุก มีเป้าหมายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า อัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก มุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าที่เคยเป็นตลาดสำคัญ 

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29.8 ในปี 2564 ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่า สามารถนำรายได้เข้าประเทศ 194,950 ล้านบาท และในปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 234,000 ล้านบาท ซึ่งช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ การส่งออกมีมูลค่าสูงถึง 149,842 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.64

"อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่อยู่ในอุตสาหกรรมถึงกว่าร้อยละ 90 มีการจ้างแรงงานในห่วงโซ่อุปทานถึงกว่า 664,000 คน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยยังมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ที่มีทั้งความเชี่ยวชาญด้านการผลิต ช่างฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะและฝีมืออันประณีตในการคัดสรร การเจียระไน การขึ้นรูป รวมถึงการออกแบบ จึงผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ซื้อจากทั่วโลกเดินทางมาเจรจาการค้ามากกว่า 15,000 ราย คาดว่าจะมียอดการซื้อขายภายในงานสูงถึง 3,000 ล้านบาท"

ด้าน คุณปารณีย์ อำนวยรักษ์สกุล กรรมการ บริษัท ปิยะสยามกรุ๊ป (2001) แบรนด์ PSG Jewelry หนึ่งในผู้ประกอบการกล่าวว่า การจัดการแสดงในครั้งนี้ ทางแบรนด์ PSG เชื่อมั่นว่าการจัดแสดงครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจจิวเวลรี่ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งนับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการรวมถึงคนในแวดวงอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลกได้มาพบและเจรจาธุรกิจกัน

กองทัพเรือ ร่วม ม.บูรพา ลงนาม (MOU) ผลิตแพทย์เพิ่มรองรับเมืองการบิน และ EEC สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพของท้องถิ่น

(9 ก.ย.65) พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้แทนร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกองทัพเรือ กับมหาวิทยาลัยบูรพา ในการผลิตแพทย์เพิ่มตามโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี 2561 - 2570

โดยมี รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมคณบดีคณะแพทยศาสตร์, พลเรือตรี อานัน นิ่มนวล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ, ผู้บริหาร และคณาจารย์ ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยาน ณ ห้องประชุมภูหลวง หอประชุมโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดทำบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งความร่วมมือกันระหว่าง โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯและคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในครั้งนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมด้านวิชาการ ด้านการวิจัย การพัฒนาบุคลากร และร่วมกันดำเนินกิจกรรมโครงการอื่นๆ ตามที่ทั้ง 2 สถาบันเห็นสมควร อันจะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ วิชาการทางการแพทย์ให้ทันสมัย และยังสามารถผลิตบัณฑิตแพทย์ให้มีคุณภาพและจริยธรรม สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพของท้องถิ่น และเพิ่ม คุณภาพการให้บริการด้านสุขภาพกำลังพลทหารเรือ และประชาชนทั่วไป

 

พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ กล่าวว่า นับเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่จะได้มีความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในการเป็นสถาบันหลักร่วมผลิตแพทย์ชั้นคลินิก เป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ไปสู่การเป็น Academic Hospital การศึกษาและวิจัยทางการแพทย์

'วราวุธ' มอบนโยบายให้ ปม.และ อส. ผนึกกำลังช่วยกันในการดูแลป้องกันรักษาป่า

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน ให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมทั้งเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การโอน ภารกิจ หน่วยงาน พื้นที่และทรัพยากรการบริหาร ระหว่างกรมป่าไม้ กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชโดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้บริหารของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงาน

วันนี้ (9 กันยายน 2565) กรมป่าไม้ ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดการประชุม
รับมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานให้กับสองหน่วยงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานตามแผนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด สำหรับการลงนามในบันทึกข้อตกลง การส่งมอบ - รับมอบ ภารกิจ หน่วยงาน พื้นที่และทรัพยากรการบริหาร ระหว่างกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งเป็นการลงนามในการดำเนินการระหว่างสองหน่วยงานให้ถูกต้องตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบ และพิจารณาในการดำเนินการ โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการโอนพื้นที่และหน่วยงาน อัตรากำลังให้กับกรมป่าไม้ อาทิ สถาบันประชารัฐพิทักษ์ป่า จังหวัดแพร่ อาคารหอพรรณไม้ และหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่อยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ เช่น ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า หน่วยป้องกันรักษาป่า โครงการพระราชดำริ หน่วยควบคุมไฟป่า หน่วยจัดการต้นน้ำ ฯลฯ ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 

'อลงกรณ์' เดินลึกรุกพัฒนาเพชรบุรีคิกออฟโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลเป็นจังหวัดแรก

'อลงกรณ์' เดินลึกรุกพัฒนาเพชรบุรีคิกออฟโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลเป็นจังหวัดแรก พร้อมผนึกศูนย์ AIC มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีร่วมขับเคลื่อนเขตส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมอาหาร 'เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์' และตั้งคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรีเพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า วันนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี  ผศ. พจนารถ บัวเขียว รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ดร.จุฑามาศ ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันเกลือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี  นางสาวศิริวรรณ เครือเล็ก เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี และนายสันฑ์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สำนักงานชลประทานที่ 14 นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยในภาคเช้าเป็นการประชุมหารือและรับทราบผลการดำเนินงานของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมจังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ความเป็นเลิศเกลือทะเล ศูนย์ความเป็นเลิศเกษตรอินทรีย์ และโครงการฟู้ดวัลเลย์จังหวัดภาคกลางตอนล่างรวมทั้งความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีในการขับเคลื่อนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley) ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก (Western Economic Corridor) ซึ่งจะมีการนำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในเดือนตุลาคม และยังได้รับฟังรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ.จากเกษตรและสหกรณ์จังหวัดและส่วนราชการต่างๆโดยนายอลงกรณ์ได้แสดงความยินดีที่ศูนย์ AIC เพชรบุรีได้รับรางวัลศูนย์ AIC สมรรถสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศและชื่นชมผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2565 ของหน่วยงานในสังกัดตลอดจนการขับเคลื่อนโครงการ 'เพชรบุรีโมเดล' เพื่อเป็นต้นแบบตัวอย่างการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตการแปรรูปและการตลาดทั้งออนไลน์ออฟไลน์และตลาดกลางสินค้าเกษตร 

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้ประกาศคิกออฟ โครงการสำคัญที่เป็นอีกคานงัดการปฏิรูปภาคเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ.เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่จังหวัดเพชรบุรีได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล  ภายใต้แนวคิด บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน และเพื่อชุมชน โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลของจังหวัดเพชรบุรีเรียบร้อยแล้วจะเป็นกลไกพัฒนาหมู่บ้านตำบลแบบบูรณาการทุกภาคส่วนตามแผนพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล ควบคู่กับการเดินหน้าโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง “เพชรบุรีสีเขียว” (Green Petchburi) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมระบบเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบต่างๆ เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน โดยมีการวางโครงสร้างและระบบแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่เมืองและพื้นที่ชุมชนซึ่งทั้ง2โครงการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนแห่งชาติ ซึ่งมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและมีที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ.เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนครอบคลุม 77 จังหวัด 

ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ยังแจ้งให้ทราบถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรีเป็นชุดแรกเพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

นอกจากนี้ยังได้หารือการเตรียมงาน "สร้างการรับรู้สู่เกษตรกรและการขับเคลื่อนงานแปลงใหญ่จังหวัดเพชรบุรี" และ "โครงการมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโคกระบือ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565" โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาเป็นประธานในวันที่15กันยายนที่จะถึงนี้

สำหรับช่วงบ่ายที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.และคณะได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำของ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สำนักงานชลประทานที่ 14 ในการขุดลอกผักตบชวาในคลองระบายน้ำ D25 พื้นที่ ต่อเนื่องตำบลช่องสะแก หมู่ที่ 6 ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม และพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลบางจาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี และตลองD.18 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ต่อจากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง ตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีนายสุพจน์ กลิ่มพ่วง เป็นประธาน ดำเนินกิจกรรมปลูกผักเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษแบบยกแคร่ (ผักสลัด) และแบบโรงเรือนอัจฉริยะ ซึ่งเป็นต้นแบบงานวิจัยในพื้นที่ ได้รับงบประมาณและการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. ) มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด มีกิจกรรมการแปรรูปอาหาร ข้าวเกรียบงาน้ำตาลโตนด กิมจิ (การแปรรูปกิมจิ ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอ อย.) การทำผักเคลผง (สำหรับโรยข้าว) และผักเคลคีโต ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการทำปุ๋ยชีวภาพ (ปุ๋ยโบกาฉิ ดินปลูกต้นไม้) และการดำเนินงานของศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดเพชรบุรี ( young smart farmer )ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรม ไข่ไก่อารมณ์ดี ไข่ไก่ชน การขายทำตลาดออนไลน์ขายสินค้าผ่าน shopee Lazada เช่น ต้นตำแยแมวหรือกัญชาแมว ตู้ฟักไข่ไก่จากลังโฟม (ฟักไก่ชน) โคมไฟจากก้านตาลควบคุมการเปิดปิดด้วยสมาร์ทโฟน ฯลฯ เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยใช้หลักตลาดนำการผลิต และมีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการมีพัฒนารถโมบายและร้านค้าชุมชน เพื่อจำหน่ายผลผลิตการเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top