Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

แกนนำเพื่อไทยร่วมลงนามแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคต 'สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2' แห่งสหราชอาณาจักร

(12 ก.ย.65) แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการฯ และ นางนลินี ทวีสิน ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ ร่วมลงนามแสดงความเสียใจ ต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย โดยมี นายมาร์ค กูดดิ้ง (H.E. Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยให้การรับรอง

นายแพทย์ชลน่านเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยนำส่งสารถึงรัฐบาลสหราชอาณาจักรว่า พรรคเพื่อไทยเสียใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทั้งนี้ราชอาณาจักรไทยและสหราชอาณาจักรมีสัมพันธไมตรีใกล้ชิดต่อเนื่องยาวนาน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีพระราชจริยวัตรอันอ่อนน้อม สง่างาม ตลอดพระชนม์ชีพทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง พระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติด้วยพระวิริยะอุตสาหะเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ดีและมีคุณธรรม

“พรรคเพื่อไทยขอถวายความอาลัยไปยังพระบรมวงศานุวงศ์แห่งสหราชอาณาจักรทุกพระองค์ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนและรัฐบาลสหราชอาณาจักร และขอให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งรัฐผู้ทรงครองราชย์ยาวนาน เสด็จสู่สวรรคาลัยนิรันดร์”

'มาดามแป้ง' คอนเฟิร์ม 'ชนาธิป-สุภโชค' มาแน่ ร่วมลุยศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ยืนยัน ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ สุภโชค สารชาติ สองแนวรุกที่ค้าแข้งในเจลีก ญี่ปุ่น ตอบรับมาช่วยทัพช้างศึก ลุยฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ณ จ.เชียงใหม่ เป็นที่แน่นอนแล้ว ภายใต้ปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ วันที่ 22-25 กันยายนนี้

ขุนพล ช้างศึก จับสลากมาพบกับ มาเลเซีย ส่วนอีกคู่เป็น ตรินิแดด และ โตเบโก พบกับ ทาจิกิสถาน โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้จัดการทีม ที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว และ จับสลากด้วยตัวเอง ถึง จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า 

‘รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์’ ฟันธง ไม่มีเด็ดขาด! เขตของบพาคนเที่ยว ชี้เป็นการศึกษาดูงาน

‘จักกพันธุ์’ ฟันธง ไม่มีเด็ดขาด! เขตของบ พาหัวคะแนนเที่ยว แจง ทำตามหลักทุกอย่าง ต้องผ่านด่านฝ่ายบริหาร ใช้อำนาจกรอง

เมื่อวันที่ 12 กันยายน สืบเนื่องกรณี นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เปิดเผยว่า พบความผิดปกติในงบประมาณกรุงเทพฯ ปี 2566 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 65 จำนวน 79,719 ล้านบาท โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อ่อนไหวน้ำท่วม พบว่าเขตจตุจักร ซึ่งมีจุดเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วม 11 จุด มีโครงการโยธาทางระบายน้ำถูกตัดงบประมาณทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นโครงการพาคนไปเที่ยวสัมมนาสูงถึง 9,783,300 บาท ต่อมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ตอบประเด็นดังกล่าวว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้น โดยสั่งการให้ ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช ดูแลอยู่ 

ล่าสุด นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า หลังเรื่องผ่านสภา กทม. ก็มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา ซึ่งมีทั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) กับข้าราชการ และในส่วนของฝ่ายบริหาร ร่วมกันพิจารณา ซึ่งคราวนี้การพิจารณาไม่แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา โดยหลังผ่านการพิจารณา คณะกรรมการก็จะไปพิจารณาว่าโครงการไหน รายการใดที่จะสามารถผ่านไปดำเนินการใช้ในปีต่อไปได้

“คราวนี้ ยืนยันว่าคณะกรรมการวิสามัญ ไม่ได้ตัดงบประมาณเกี่ยวกับเรื่องการระบายน้ำเลย แต่ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ก็พิจารณาว่าโครงการไหน หรือรายการไหน อาจจะมีการเบิกจ่ายเงินล่าช้า หรือการทำงานไม่เป็นไปตามสัญญา ก็อาจจะมีการลดจำนวนงบลง แต่ยืนยันไม่มีการตัด

ในส่วนของเขตจตุจักรก็เหมือนกัน เฉพาะเขตจตุจักร ใช้งบประมาณไปประมาณ 536 ล้านบาท ในรอบแรก คณะกรรมการวิสามัญ ตัดไปแค่ 60,000 บาท ซึ่งเป็นการพิจารณาเกี่ยกับการก่อสร้างพื้นที่สีเขียว แต่หลังจากนั้น เขตจุตจักร คณะกรรมการพิจารณาแล้ว ท่านผู้อำนวยการเขต แปรฯงบประมาณมากพอสมควร ประมาณเกือบ 20 ล้านบาทได้ ในจำนวนนี้ ก็มีเกี่ยวกับเรื่องการขอเงินไปลอกท่อระบายน้ำเพิ่มเติม 3 ล้าน และทำฝาท่อระบายน้ำเพิ่ม 2 ล้าน ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญให้ผ่านหมด” นายจักกพันธุ์ระบุ

นายจักกพันธุ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน งบประมาณโดยรวมของสำนักงานเขตจุตจักร มีงบเพื่อการแก้ไขน้ำท่วมขัง เกือบ 20 ล้าน คณะกรรมการวิสามัญ ไม่ตัดเลย ขณะเดียวกัน งบแปรฯของสำนักงานเขตจตุจักร ได้ขอเงินโครงการดูงานสัมมนามา 5 โครงการ

“โครงการแรก เป็นการสัมนนา โครงการของข้าราชการ โครงการที่ 2 ของคนงาน สำนักงานเขตจตุจักร อีกโครงการ เกี่ยวข้องกับทางชุมชน ไปศึกษาดูงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงานเขตจตุจักร ต้องการพิจารณาการทำงาน โดยประชาชนมีส่วนร่วมด้วย” นายจักกพันธุ์กล่าว

เมื่อถามว่าตอนนี้ ทาง กทม.ไม่มีข้อกังวลใด ๆ เรื่องการตัด-เพิ่มงบตามที่หลายคนตั้งข้อสงสัย ? นายจักกพันธุ์ ชี้ว่า ก็เป็นการขอจัดตั้งงบประมาณ และแปรญัตติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ต่างๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ถ้ากรณีสำนักงานเขตใดพิจารณาแล้ว อาจจะขอยกเลิกโครงการ ก็สามารถดำเนินการได้ตามปกติ

เมื่อถามว่าทางเขตจตุจักร ของบไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับอะไร ?
นายจักกพันธุ์เผยว่า โครงการแรก เป็นการดูงานของข้าราชการ สำนักงานเขตจตุจักร โครงการที่ 2 เป็นการศึกษาดูงานของลูกจ้าง คนงานของเขตจุตจักร อีก 3 โครงการ เป็นการพาชุมชนไปศึกษาดูงานต่างจังหวัดเช่นกัน ขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องของฝ่ายพัฒนาชุมชน ซึ่งผู้อำนวยการเขตเองก็มีความประสงค์เอาประชาชนในพื้นที่ของท่านมามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสำนักงานเขต

ส่วนเขตอื่นก็มีโครงการลักษณะนี้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีจำนวนโครงการมากน้อย แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจำนวนของข้าราชการ บุคลาการ ของสำนักงานเขตนั้น ๆ

เมื่อถามว่า ถือเป็นเรื่องปกติหรือไม่ มีข้อสังเกตเรื่องการของงบหรือไม่อย่างไร ?
นายจักกพันธุ์ระบุว่า โดยปกติที่ผ่านมา โครงการเช่นนี้มีมาทุกปี ขณะเดียวกัน ปี 2561-2562 มีปัญหาเรื่องโควิด-19 โครงการเหล่านี้จึงหายไป หากเอาคนนับ 100 คน ไปนอนรวมกัน กินอยู่ด้วยกัน อาจมีปัญหาติดโรคภัยไข้เจ็บ

'ปวีณา' พาผู้เสียหาย ร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ถูกหลอกค้าประเวณี-หลอกทำงานต่างประเทศ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหายวัย 16 ปี ที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานการสนทนาหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อพูดคุยเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายข้ามชาติกลุ่มนี้

โดย นางปวีณา เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ครอบครัวเหยื่อวัย 16 ปี ได้ร้องทุกข์เข้ามายังมูลนิธิปวีณา หลังลูกสาวถูกหลอกให้ไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทางมูลนิธิจึงพาครอบครัวผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กรมการกงสุลฯ และประสานทหารเมียนมาชุด TBC ที่ดูแลพื้นที่แม่สอดเมียวดีเข้าไปพาตัวออกมาจากร้านคาราโอเกะที่ถูกหลอกไปทำงาน จนสามารถพาตัวเหยื่อกลับมายังประเทศไทยได้เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา 

ขณะที่ แม่ของเหยื่อผู้เสียหายวัย 16 ปี เล่าว่าลูกสาวได้ถูกคนไทยทักมาใน Facebook ชักชวนให้ไปทำงานร้านคาราโอเกะ อ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนทำงาน 5 วัน จำนวนเงิน 50,000บาท ลูกสาวจึงมาขอตนว่าอยากไปทำงาน ตนถึงให้ไป แต่ปรากฏว่าลูกสาวทักข้อความมาบอกว่าตัวเองถูกหลอกและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ก่อนบอกว่าอยากตาย ตนจึงรีบไปแจ้งความตำรวจแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ บอกว่าเบื้องต้นได้พาเหยื่อเขาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยได้รับหลักฐานโทรศัพท์มือถือที่เป็นข้อมูลสำคัญในการติดต่อกับเครือข่ายนี้ โดยเบื้องต้นมองว่าจะต้องสืบถึงตัวชาวไทยที่เป็นนกต่อในประเทศ ก่อนขยายผลไปหาเครือข่ายในต่างประเทศต่อไป โดยมองว่าหากไม่มีคนไทยที่หลอกคนไทยด้วยกันเองตั้งแต่แรกก็จะไม่มีคนถูกหลอกไปเป็นค้ามนุษย์ในลักษณะนี้

รอง ผบ.ตร. ชื่นชมตำรวจจราจรช่วย 1 ชีวิต พาชายหมดสติส่งโรงพยาบาล

พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล ให้แก่ ด.ต.ชัยวัฒน์ นรารักษ์ ตำรวจฝ่ายจราจรของ สน.บุคคโล ที่ได้เข้าช่วยเหลือชายที่ป่วยใกล้เป็นลมหมดสติอยู่ภายในรถที่จอดอยู่ข้างถนนนานกว่า 40 นาที พาไปส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้อย่างปลอดภัย

โดย เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 9 ก.ย. 65 ด.ต.ชัยวัฒน์ นรารักษ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.บุคคโล ได้ขับรถตรวจตราพบรถกระบะจอดเปิดไฟส่งสัญญาณฉุกเฉินอยู่บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาดาวคะนอง จึงเข้าตรวจสอบ พบคนขับรถปรับเบาะเอนนอนกุมหน้าอกอยู่ภายใน ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ จึงได้ประสานหน่วยกู้ชีพให้การช่วยเหลือ และเนื่องจากการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างติดขัด ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ เกรงว่าผู้ป่วยจะไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปนอนเบาะซ้าย และขับรถพาผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง โดยมีตำรวจจราจรของ สน.บุคคโล และเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย คอยอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรนำผู้ป่วยไปถึงโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ได้แสดงความชื่นชมต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความใส่ใจประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือบนท้องถนน และสามารถใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล พร้อมทั้งให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไป

พร้อมกันนี้ รอง ผบ.ตร. ได้กำชับถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ใส่ใจให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ตรวจตรารักษาความสงบ ให้ความคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

'อลงกรณ์' นำทีมชลประทานลอกคลองป้องกันน้ำท่วมเพชรบุรีล่วงหน้า พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง6อำเภอ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และคณะประกอบด้วยนายพิเชษฐ์ จันทร์เต็มดวง อาสาสมัครชลประทาน(อสชป.) นายศราวุฒิ พุ่มจิตร และนายลือชัย พลายเผือก อดีตกำนันตำบลนาพันสาม ทีมงานเพชรบุรีโมเดลลงพื้นที่ตำบลนาพันสาม อำเภอเมืองเพชรบุรีติดตามความคืบหน้าการลอกคลองกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในคลอง D18เพื่อช่วยเหลือจังหวัดเพชรบุรีในการป้องกันน้ำท่วมล่วงหน้าโดยมี นายปริญญา คัชมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่14 นายบุญลือ คงชอบ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 นายอำนาจ ถี่ถ้วน ผู้อำนวยการส่วนเครื่องจักกล สำนักงานชลประทานที่14 นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำในคลองสายหลักของชลประทานและท้องถิ่นตามข้อเสนอของอดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ได้แก่ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ดร.กัมพล สุภาแพ่งและนายอรรถพร พลบุตร

นอกจากนี้ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและคณะยังได้รับคำแนะนำจากพระครูพิศาลวัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดนาพรม ในการลงพื้นที่ตำบลนาพันสามอีกด้วย

จากนั้นจึงเดินทางไปดูความคืบหน้าการพัฒนาคลอง ดี.18 ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างและการขุดลอกคลองกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาดโดยมีนายสุทธิพงษ์ พรหมมาตร์ นายกฯ. และคณะผู้บริหารอบต.ไร่มะขามรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่1ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณแทนพี่น้องชาวเพชรบุรีที่หน่วยงานชลประทานทำงานได้อย่างคืบหน้ามีประสิทธิภาพในพื้นที่คลองดี.18เช่นเดียวกับการดำเนินการที่คลองดี.25ในพื้นที่ตำบลบางจาน อำเภอเมืองและตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลมซึ่งตนลงไปตรวจราชการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน3วัน เหลือเพียงส่วนการกำจัดผักตบชวาบริเวณต้นคลองดี.25ซึ่งมีขนาดเล็กและแคบในพื้นที่ตำบลช่องสะแกนั้นทางท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน 'คิงส์คัพ' ครั้งที่ 48 ประจำปี 2565

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ร่วมกันแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 48 ประจำปี 2565 ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ 

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า ในโอกาสที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 จังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งทั้งสนามแข่งขันที่เคยจัดการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติมาแล้วรวมถึงความพร้อมทางด้านการคมนาคม โรงแรมที่พัก แหล่งท่องเที่ยวตลอดจนร้านอาหารต่างๆ มากมาย  การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 48 ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ และกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะข้าวซอย ที่ถือเป็น SOFT POWER อาหารไทยที่เผยแพร่ไปสู่นานาชาติ ขอขอบคุณที่ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันฟุตบอลในรายการสำคัญนี้ และจังหวัดเชียงใหม่พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพครั้งที่ 48 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีต่อไป

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าในนามของประธานอำนวยการจัดการแข่งขัน ที่ได้ขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ในครั้งนี้ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ พร้อมด้วยส่วนราชการต่างๆ องค์กรภาครัฐและเอกชนภายในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในรายการสำคัญนี้ และขอขอบคุณทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ ในนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ได้ให้โอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ และทางเจ้าภาพพร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันให้บรรลุเป้าหมายและเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศ แฟนบอลในภาคเหนือ และแฟนบอลในจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ได้อย่างทั่วถึง และร่วมเชียร์นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยต่อไป

‘SEED Thailand ภาคใต้' ปลุกปั้นผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่ ส่งต่อ 'ความคิด-พลังบวก' สรรสร้างเยาวชนพันธุ์ D

โครงการ ‘SEED Thailand’ ภาคใต้ อีกหนึ่งโครงการสร้างสรรค์ดีๆ ที่ใช้ 'ใจ' เป็นเครื่อง 'บันดาลแรง' สู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ จากผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อนำพลังบวกไปสร้างสรรค์ท้องถิ่น ส่งต่อความคิด สร้างเยาวชนพันธุ์ D ปลุกจิตวิญญาณ การเป็นต้นแบบแก่เยาวชน ในนิยาม DNA SEED Thailand

โดยไม่นานมานี้ เยาวชนรุ่นใหม่ระดับผู้นำหัวกะทิเกือบร้อยชีวิต ที่มาจากเกือบทุกจังหวัดของภาคใต้ ได้เข้ามาร่วมอบรมที่ โรงแรม คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 9 - 11 กันยายน 2565 ในหัวข้อ “การสร้างผู้นำยุคใหม่ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์” โดยมีวิทยากรมากมาย อาทิ พันเอกวันชนะ สวัสดี หรือที่เราเรียกันว่า ‘ผู้พันเบิร์ด’ ผู้รับบทพระนเรศวรในมหากาพย์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ในหัวข้อ Soft Power, นายอรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง พิธีกรรายการช่อง NBT ในหัวข้อ ทักษะการสื่อสารเห็นอกเห็นใจ, นายชนะชัย ประมวลทรัพย์ คณะทํางานเฉพาะกิจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายเยาวชน สํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ นักข่าวเยาวชนท้องถิ่น, นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ เลขาธิการมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ในหัวข้อ ทักษะการเป็นผู้นำและการดำเนินชีวิต โดยมี นางสาว ปาริสา สัทอินทรีย์ ประธาน SEED Thailand เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้

กิจกรรมครั้งนี้มุ่งให้ที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้นำเยาวชนให้เป็นต้นแบบของเยาวชนคนอื่น ๆ เพราะ ‘ผู้นำ’ เปรียบเสมือนเสาหลักของเยาวชน การพัฒนาทักษะทางความสามารถตลอดจนฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนได้

นายณัฐพล นาคโชติ สาขาวิชาการพัฒนาสังคม ตำแหน่ง ประธานนักศึกษาสาขาวิชาการพัฒนาสังคมและประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ระหว่างเข้าร่วมกับ SEED THAILAND ภาคใต้ ว่า...

“เหตุผลที่ผม…เข้าร่วมโครงการ SEED Thailand เพราะรู้จักผ่านเพจเฟซบุ๊ก เห็นว่ากิจกรรมมันน่าสนใจ  แล้วก็อาจารย์แนะนำมาด้วยจึงมั่นใจ เราอยากมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาดูว่าเพื่อนๆ ผู้นำแต่ละคนเขาคิดยังไง เพราะแต่ละคนก็เป็นแกนนำในด้านต่างๆ และมีความคิดที่หลากหลาย มันน่าสนใจมากๆ”

นอกจากนั้น นายแวอาฟีรดาวส์ แวอาลี พิธีกรแห่งสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 64 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ยังได้กล่าวว่าการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของ SEED น่าสนใจ ตลอดกิจกรรมเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีระหว่างเยาวชนระดับผู้นำในท้องถิ่น

“ผมรู้จักผ่านรุ่นพี่ที่เคยมา ชื่อพี่ดาว รุ่นพี่ SEED Thailand เลยตัดสินใจมาเพราะผมชอบเข้าค่ายและรูปแบบการจัดกิจกรรมน่าสนใจมาก ๆ ผมอยากมีเครือข่ายไว้คอยช่วยกันทำงานในท้องถิ่น การเป็นแกนนำนักเรียนและทำกิจกรรมในองค์การนักศึกษามันทำให้เราต้องหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอด โดยเฉพาะโลกออนไลน์มีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์กรอย่างมาก อย่างถ้าเราใช้สื่อเป็น รู้จักมันมากขึ้น ใช้ให้พอดี ใช้ให้ถูกทาง เพื่อนหลายๆ คนที่มางานนี้มีความสามารถมากๆ ผมว่าการเจอเพื่อนใหม่ ๆ มีเครือข่ายเพื่อน ๆ ที่มีความสามารถ ทำให้เด็กตัวเล็กทำอะไรได้เยอะมาก”

รมว.พม. แถลงเปิดตัวโครงการ Special Care บริการล้างแอร์ที่ใส่ใจฯ หนุนคนพิการสร้างอาชีพ สู้วิกฤตโควิด - 19

วันนี้ 12 ก.ย. 65 เวลา 10.30 น. "นายจุติ ไกรฤกษ์ " รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Special Care บริการล้างแอร์ที่ใส่ใจ โดยคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย พร้อมทั้งรับมอบสิทธิ์ล้างแอร์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง พม. กับ บริษัท แซนด์บ๊อกซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด / วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก / สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย / การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย / สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองและเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทั้งนี้ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวรายงานถึงการขับเคลื่อนงานและ

การสนับสนุนโครงการฯ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ชาวเน็ตรุมจวก!! หนุ่มเทน้ำเต้าหู้ลงท่อระบายน้ำ อ้าง "มันจะตันได้ไง มันเป็นของเหลว"

เป็นที่พูดถึงอย่างหนักหน่วงในโซเชียลมีเดียไทยเลยก็ว่า เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Red Skull' ได้นำคลิปวิดีโอของผู้ใช้ติ๊กต๊อก 'พ่อค้า เต้าหู้' ที่ปรากฏเป็นภาพของเจ้าของร้านขายน้ำเต้าหู้กำลังเทน้ำเต้าหู้ทั้งหม้อลงในท่องระบายน้ำ พร้อมระบุข้อความสั้น ๆ ว่า "เมื่อวานขายไม่ดีเลยครับ เหลือเยอะมาก เททิ้งหมดเลยครับ เพราะวันนี้หยุดร้าน 1 วัน" 

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Red Skull' ได้เขียนข้อความวิจารณ์คลิปดังกล่าวว่า "เทลงท่อเฉยเลย สุดท้ายกลายเป็นก้อนไขมันอุดอยู่ในท่อระบายน้ำ เขารณรงค์ไม่ให้ทิ้งลงท่อระบายน้ำอยู่ เหลือมากก็แจกสิ แปปเดียวก็หมด ได้ใจคนด้วย มีวิธีจัดการเยอะแยะที่ดีกว่าเทลงท่อ"

นอกจากนี้ ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต๊อกเข้าไปคอมเมนต์ในคลิปต้นทางว่า "ท่อตันน้ำท่วมอีก" ซึ่งเจ้าของคลิปก็ได้เข้ามาตอบว่า "มันจะตันได้ไงมันเป็นของเหลว"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top