"ความงัวไม่ทันหาย ดันเอาควายเข้ามาแทรก"
ผมมิได้อยาก 'บิด' สุภาษิตโบราณแต่อย่างใด แค่ใจมันรู้สึกอยากบอกออกมาอย่างนั้นดัง ๆ เมื่อเห็นข่าวผู้บริหารกรุงเทพมหานคร 'ปลดล็อก 12 สวน ให้ใช้เสียง - เล่นดนตรีได้ ไม่ต้องขออนุญาต'
ต่อเรื่องนี้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาชี้แจงต่อสื่อว่า "...ทาง กทม. ได้ผลักดันนโยบายหลายข้อ เพื่อสร้างเสียงดนตรีให้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมเมือง ซึ่งเทศกาลดนตรีในสวน เป็น 1 ในนโยบาย 214 ข้อด้านสร้างสรรค์ดี คือ กรุงเทพฯ พื้นที่แห่งดนตรี และศิลปะการแสดง จึงดำเนินการจัดกิจกรรมในสวนสาธารณะทั้ง 12 สวน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดปี 2566"
ฟังเหมือนว่ากำลังใช้งาน เอนเตอร์เทน นำทิศทางเมือง
"...โดยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม เป็นต้นไป กทม. ได้ปลดล็อกสวนสาธารณะ 12 สวน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้าไปเล่นดนตรีได้โดยไม่ต้องขออนุญาต โดยมีเงื่อนไข คือ การเล่นดนตรีนั้นจะต้องไม่มีการหารายได้หรือผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ใช้เครื่องขยายเสียง หากเป็นการเล่นดนตรีที่ใช้เสียงดังเกิน 85 เดซิเบล จะต้องเล่นดนตรีในพื้นที่ที่สวนสาธารณะจัดเตรียมไว้ ซึ่งถ้ามีผลตอบรับดีทาง กทม. จะแก้ไขกฎระเบียบเพื่อให้ทุกสวนสาธารณะในกรุงเทพมหานคร ใช้งานได้" รองผู้ว่าฯ สำทับ
เอาล่ะ ใครมีกีต้าร์ มีบองโก้เชิญ ลำโพงบลูทูธก็น่าจะมาครานี้
ถามว่าอะไรคือหลักการ 'เปิดพื้นที่สวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนสามารถเข้าไปเล่นดนตรีได้โดยไม่ต้องขออนุญาต!' ประชาชนส่วนที่ไม่ต้องการเสียงดนตรีล่ะ ต้องขออนุญาตไหม?
ผมว่าพวกท่านกำลังเบี่ยงประเด็นเก่าเรื่องที่ชาวบ้านด่ากันระงมทั้งเมือง? เรื่องบรรดาแผงลอยเข้าจับจองพื้นที่ค้าขายเต็มฟุตบาทสาธารณะ เรื่องนโยบายขนส่งมวลชนปลอดมลพิษที่ (พวกท่าน) ขอทบทวนโดยอ้างว่าขาดทุน ทั้งที่มีคนรอใช้เรือนหมื่น หรือเรื่องดูแลรักษาสภาพพฤกษ์พรรณไม้ของสวนสาธารณะที่ดูเหมือนจะฝากไว้กับเทวดามากกว่าเจ้าหน้าที่ กทม.
เชื่อเหลือเกินว่าประชาชนเกิน 10 ล้านชีวิต ทั้งในสำมะโนฯ จริง และประชากรแฝง (แรงงาน) ของเมืองหลวง มิได้หลงใหลคลั่งไคล้เสียงดนตรีเสียทั้งหมด มีหลายคนอยากใช้ชีวิตบนสวนสาธารณะอันเงียบสงบยามวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงเพื่อพักผ่อนสมองที่อ่อนล้ากับเสียงต่าง ๆ ในเมืองมาตลอดอาทิตย์
แต่แล้วจู่ ๆ ผู้ว่ากรุงเทพมหานครและคณะ ก็เอานโยบายดนตรีฟรีสไตล์มายัดหูความฝันมหาชนจนบรรลัย ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จำเพาะเจาะจงตรงวันหยุดสุดสัปดาห์แห่งฝันนั้นพอดี
สุนทรียรมย์ มิได้ถูกผูกติดกับเสียงดนตรีเสมอไป - เรื่องนี้คนบ้าพลังคงฟังไม่เข้าใจ!
ชายชราหน้าตาดีผู้รักการออกกำลังใต้สายลม แสงแดด และเสียงนกร้อง เคยปรารภชื่นชมชีวิตกลางสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ ว่าช่างรื่นร่มรมเยศราวสรวงสวรรค์แห่งพันธุพฤกษ์ มีเ_ี้ย มีนกหนู มีงู มีกระรอก แถมยังได้ยินราวเสียงกระซิบของเหล่าสรรพสัตว์ใหญ่น้อยนั่นยามจ้องตา - จนกระทั่งทุกสิ่งพินาศลงเมื่อวิ่งผ่านลานเต้นแอโรบิก!