Sunday, 15 June 2025
LITE

‘ลิซ่า’ ปังไม่หยุด!! ‘บิ๊กบอส PSG’ มอบเสื้อบอลให้ด้วยตัวเอง พร้อมสกรีนเบอร์ 75 บวกชื่อให้เสร็จสรรพ หลังมาชมเกม

(30 พ.ย. 66) ควันหลงหลังจาก ‘ลิซ่า BLACKPINK’ หรือลลิษา มโนบาล ศิลปินชาวไทยของวงเค-ป๊อป ‘BLACKPINK’ ได้ไปชมเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คู่ระหว่างปารีส แซงต์แชร์แมง กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่สนามปาร์ค เดส์ แปรงส์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งคู่นี้ลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 กลายเป็นที่ฮือฮาในโลออนไลน์ อีกทั้งยังมีภาพที่ไปกับเฟรเดริก อาร์โนลต์ ทายาทมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก นักธุรกิจเจ้าของเครือ LVMH เครือแบรนด์แฟชั่นอาทิ Dior, Fendi,Celine

โดยล่าสุดเมื่อวันนี้ ทางเพจ Paris Saint-Germain ได้โพสต์ภาพ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ลีกเอิงฝรั่งเศส มอบเสื้อทีม ‘เปแอสเช’ สกรีนเบอร์ 75 พร้อมชื่อ ‘LISA’ ให้กับ ลิซ่า Blackpink ด้วยตัวเอง พร้อมข้อความว่า “เรามีแขกรับเชิญพิเศษในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ยินดีต้อนรับลิซ่า”

‘คุณแม่น้อย-สาวณิชา’ แสดงความยินดี ‘โตโน่’ หลังเรียนจบหลักสูตร DAD รุ่นที่ 8 จาก NIDA

(29 พ.ย. 66) หากใครยังจำได้ ก่อนหน้านี้ ‘โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์’ นักร้องนักแสดงมากความสามารถ ได้โพสต์สตอรี่ไอจีส่งการบ้านอาจารย์ เนื่องจากเจ้าตัวได้ลงเรียนในโครงการ Development Administrator in Digital Era (DAD) ของ Nida (สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์) รุ่นที่ 8 โดยอยู่ในกลุ่ม DeFi ที่สนับสนุนแอปพลิเคชัน ‘YoldYeah’ แอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุจากทั่วโลก มาท่องเที่ยวในเมืองไทยได้ง่ายและสบายที่สุด และแน่นอนว่าการบ้านของกลุ่ม DeFi คว้าคะแนนมากเป็นอันดับ 1 และเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมาก็เป็นวันจบหลักสูตร DAD NIDA รุ่นที่ 8 

หลังจากรับใบประกาศนียบัตรแล้ว ‘หนุ่มโตโน่’ ก็ได้โพสต์คลิปลงในไอจี เป็นคลิปคุณแม่น้อยถือใบประกาศนียบัตรพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจและชื่นชมที่หนุ่มโตโน่เรียนจบ DAD รุ่น 8 โดยเขียนแคปชันชว่า…

“มอบให้กับ ‘ก้านมะยมที่รัก’ นะครับ
รักนะครับแม่ใหญ่น้อย 🤍

ขอบคุณครูอาจารย์ทุกคนนะครับ แล้วก็เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนทุกคนเลยครับ ที่สละเวลามาสอน มาให้ความรู้กับกระผม ให้ได้รับความรู้ที่หลากหลาย ได้รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาตัวเอง รวมถึงการทำงานเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม

แล้วพบกันใหม่นะครับ ครูอาจารย์และเพื่อนที่รักของกระผมทุกคน 🤍

#หลักสูตรDAD
#สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์นิด้า
#มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”

ภายหลังจากลงคลิปไปแล้ว ก็มีเหล่าแฟนคลับของหนุ่มโตโน่เข้ามาแสดงความยินดีและชื่นชมเป็นจำนวนมาก เช่น

“So proud of you ภูมิใจในตัวพี่ที่สุดดด ยินดีด้วยนะพี่โน่เก่งมาก ๆ 👏🏻🎉🤍”

“ความภูมิใจของแฟนคลับ….เก่งมากครับ☠️🖤👏”

“เห็นหน้าแม่น้อยที่ยิ้มแบบนี้ ก็สามารถแทนใจ พี่ และแฟนๆของโน่ ได้แล้วล่ะครับ ว่า ภูมิใจและดีใจขนาดไหน 😍😍😍🎉🎉🎉 เก่งมากๆๆๆน้อง”

“ยินดีด้วยนะค้าบพี่โน่ เก่งฟุดๆ👏👏❤️❤️” เป็นต้น

นอกจากคุณแม่น้อยจะยินดีแล้ว ทางด้าน ‘สาวณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์’ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและแสดงความยินดีกับหนุ่มโตโน่ด้วย โดยระบุว่า…

“เขาตั้งใจไปเรียนคอร์สนี้ อยากหาความรู้เพิ่มเติม เราก็รู้สึกว่าดีจังเลย ก็คล้าย ๆ กัน เป็นคนที่ชอบหาอะไรใหม่ ๆ ส่วนตัวหนูไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไร เพราะว่าหนูเองก็ไม่เคยเรียนคอร์สนี้ พี่เขาอยากที่จะไปเปิดโลกใหม่ ๆ มุมมองใหม่ ๆ เราก็ได้ฟังสิ่งที่เขาเรียนมาก็มีประโยชน์ค่ะ

นอกจากนี้สาวณิชา ยังบอกอีกว่า “ดีใจมากที่เขาเรียนจนจบคอร์สได้ ไปได้สิ่งใหม่ ๆ ได้เพื่อนใหม่ ๆ ได้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม เรียนจบคอร์สแล้วก็ไม่ได้ให้อะไรเขาเลยค่ะ เรียนจบก็โอเค แค่นั้น ก็ยินดีด้วย คือมันเป็นหลักสูตรสั้น ๆ ค่ะ ไม่ได้เหนื่อยมาก เขาไปเรียนด้วยความสนุกค่ะ เขาเอ็นจอย เลยไม่ได้หนักอะไร”

ทางเพจ THE STATES TIMES ขอแสดงความยินดีกับหนุ่มโตโน่ด้วยนะคะ❤️

30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ ‘กรมทหารเรือ’ เป็น ‘กองทัพเรือ’

วันนี้ เมื่อ 90 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ ‘กรมทหารเรือ’ เป็น ‘กองทัพเรือ’ ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม 

กองทัพเรือมีกำเนิดควบคู่มากับการสร้างอาณาจักรไทยนับตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี กองทัพไทยในสมัยเดิมนั้นมีเพียงทหารเหล่าเดียวมิได้แบ่งแยกออกเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ อย่างเช่นในสมัยปัจจุบัน หากยาตราทัพไปทางบกก็เรียกว่า ทัพบก หากยาตราทัพไปทางเรือก็เรียกว่า ทัพเรือ การจัดระเบียบการปกครองบังคับบัญชากองทัพไทยในยามปกติยังไม่มีแบบแผนที่แน่นอน ในยามศึกสงครามได้ใช้ทหารทัพบกและทัพเรือรวม ๆ กันไป ในการ ยาตราทัพเพื่อทำศึกสงครามภายในอาณาจักรหรือนอกอาณาจักร ก็มีความจำเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการลำเลียงทหารและเครื่องศัสตราวุธ 

เรือนอกจากจะสามารถลำเลียงเสบียงอาหารได้คราวละมาก ๆ แล้ว ยังสามารถลำเลียงอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ ไปได้สะดวกและรวดเร็วกว่าทางบกด้วย จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน้ำแล้วจึงยกทัพต่อไปทางบก กิจการทหารเรือดำเนินไปเช่นนี้จนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

พ.ศ. 2394 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กิจการทหารเรือเริ่มแบ่งออกมาชัดเจน และแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหน้า ขึ้นตรงกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กับทหารเรือวังหลวง หรือทหารมะรีนสำหรับเรือรบ ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม โดยทหารเรือวังหน้ามีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสาจาม และกองทะเล (บางทีเรียกว่ากองกะลาสี) ส่วนกรมอรสุมพลมีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสามอญ และกรมอาสาจาม ซึ่งทหารทั้งสองหน่วยนี้เป็นอิสระจากกัน

พ.ศ. 2408 ในสมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองประเทศยังเป็นระบบจตุสดมภ์อยู่โดยมีกรมพระกลาโหมว่าการฝ่ายทหาร ในขณะนั้นกิจการฝ่ายทหารเรือแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหน้า หรือทหารเรือฝ่ายพระราชวังบวร ขึ้นตรงกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) และทหารเรือวังหลวง หรือกรมอรสุมพล ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และต่อมาในปี พ.ศ. 2412 ขึ้นตรงกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม

พ.ศ. 2435 ได้มีการจัดระเบียบการปกครองแผ่นดินใหม่ และยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์ กำหนดให้มีกระทรวงในราชการ โดยกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ปกครองบรรดาหัวเมืองต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร เป็นผลให้กระทรวงกลาโหม ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการปกครองทางหัวเมือง คงมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทหารอย่างเดียว จึงได้โอนกรมทหารเรือมาขึ้นกับกระทรวงกลาโหม

11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนฐานะกรมทหารเรือเป็นกระทรวงทหารเรือ และในวันเดียวกันนั้นก็ได้ประกาศแต่งตั้งจอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกระทรวงทหารเรือกับกระทรวงทหารบกเป็นกระทรวงเดียวกัน ภายใต้นามกระทรวงกลาโหม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เป็นผลทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบกระเทือนดังกล่าวนี้ด้วย ทำให้ฐานะทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะตกต่ำ จำเป็นต้องพิจารณาตัดทอนรายจ่ายของประเทศให้น้อยลงให้สมดุลกับรายได้ เป็นผลทำให้มีการปรับปรุงการจัดระเบียบราชการใหม่ด้วย 

พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ กองทัพเรือถูกลดฐานะเป็นเพียงกรมทหารเรือเช่นเดิม กรมต่างๆ ของทหารเรือลดฐานะมาเป็นกองทั้งหมด เว้นแต่กรมเสนาธิการทหารเรือเท่านั้น นอกจากนั้นส่วนราชการของทหารเรือบางส่วนซึ่งได้เอาไปรวมกับฝ่ายทหารบกก็กลับมาสังกัดอยู่ในกรมทหารเรือตามเดิม

30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อกรมทหารเรือเป็นกองทัพเรือ ให้เป็นการสอดคล้องกับการเรียกชื่อส่วนรวมของทหารบกว่ากองทัพบก และขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม

‘มอริส เค’ ภูมิใจ!! ได้กลับมาใช้นามสกุลเดียวกับพ่อผู้ให้กำเนิด หลังเฝ้าตามหาเกือบทั้งชีวิต ตลอดเวลาที่พลัดพราก 57 ปี

เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.66) เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของนักแสดงรุ่นใหญ่ ‘มอริส เค’ เอามาก ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้เจอตัวคุณพ่อที่แท้จริง ซึ่งตามหาตลอดระยะเวลา 54 ปี และได้พบหน้าอย่างเป็นทางการครั้งแรกในชีวิต หลังรอคอยมานานเกือบ 57 ปี

ล่าสุด เจ้าตัวได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว @mor_ris_k เล่าความภูมิใจลึกๆ อีกหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยระบุข้อความว่า "4 ปีมาแล้วที่ผมได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของพ่อผู้ให้กำเนิดของผม หลังจากที่ใช้นามสกุลของผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิด

สิ่งนี้มันเป็นความภูมิใจลึก ๆ ของผมการเป็นลูกที่ไม่มีพ่อแม่ ทำให้ผมโดนล้อ โดนดูถูก โดนรังแกสารพัด สิ่งเหล่านั้นมันทำร้ายจิตใจผมอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผมพยายามค้นหาผู้ให้กำเนิดของผม มันไม่ง่ายเลย แต่ในที่สุดผมก็ได้พบทั้งแม่และพ่อของผม

การได้เจอพ่อและแม่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ สำหรับผม แต่ด้วยพระคุณและเมตตาของพระเจ้าโดยผมพร่ำอธิษฐานขอสิ่งนี้จากพระองค์นับตั้งแต่วันแรกที่ผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าและรับพระองค์เข้ามาในชีวิตผม แม้จะใช้เวลานานขนาดไหนแต่พระองค์ก็ไม่ลืมคำอธิษฐานของผม และตอบคำอธิษฐานของผมในเวลาของพระองค์ ขอบคุณพระเจ้า"

'วีระศักดิ์' เปิดความประทับใจ 'บุคคลในโลกมืด' ใต้การดูแล 'สุดละเอียดอ่อน' 'ทุกสัมผัส-คำอธิบาย' จากใจ ช่วยเติมไฟให้ท่องเที่ยวเชิงไทยทรงคุณค่า

(29 พ.ย. 66) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, อดีตเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ได้โพสต์เนื้อหาผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ 'โลกที่คนตาดี ยังมองไม่เห็น' (ตอนที่ 2) ระบุว่า...

เมื่อผมและคุณกฤษณะ ละไลไปกันถึงอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ

เราได้ให้การต้อนรับ Miss Martine Williamson สตรีตาบอดทั้งสองข้างอย่างสนิท ชาวนิวซีแลนด์ เธอเป็นประธานสหภาพคนตาบอดโลก มีประสบการณ์เดินทางไปครบทุกทวีปทั่วโลก เพื่อขึ้นกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับการกระตุ้นให้กำลังใจแก่ประชาคมต่าง ๆ ในการทำกิจกรรมร่วมกับคนตาบอด

วันนี้ Miss Martine เดินทางมากล่าวปาฐกถาในการประชุมสหภาพคนตาบอดโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกที่ภูเก็ต เธอออกบินจาก นิวซีแลนด์บ้านเกิด โดยใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมงครึ่งแล้วแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้นบินต่ออีกเกือบ 2 ชั่วโ*-+มงเข้าถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต

เครื่องถึงสนามบินภูเก็ตช่วงเช้าตรู่ ตรงเวลากับที่ผมและ คุณกฤษณะ ละไล บินจากดอนเมืองไปถึงสนามบินภูเก็ตเช่นกัน

ปรากฏว่ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของ Miss Martine ไม่ตามมาจากสิงคโปร์ แม้เธอจะไม่แสดงความกังวลออกมามากนัก แต่เราก็สัมผัสได้ว่าเธอต้องไม่สบายใจแน่นอน สอบถามแล้ว ในกระเป๋าที่พลัดหลงไปนั้นมีทั้งเสื้อผ้าและยาประจำตัวที่เธอจำเป็นต้องใช้ทุกวัน

เราจึงขอรบกวนให้ทีมเจ้าหน้าที่ของ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ที่มาทำหน้าที่ฝ่ายต้อนรับคณะเดินทางของคนตาบอดจากนานาประเทศที่สนามบินภูเก็ต ให้ช่วยติดตามกระเป๋าของ Miss Martine จากสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ให้

***(ได้ทราบต่อมาว่ากระเป๋าเดินทางของเธอถูกพบว่ายังตกค้างอยู่ที่สนามบินสิงคโปร์ และสายการบินรับว่าจะรีบส่งขึ้นเครื่องบินลำถัดไปที่จะออกจากสิงคโปร์มาที่ภูเก็ต คาดว่ากระเป๋าควรจะมาถึงที่สนามบินภูเก็ตในช่วงเย็นวันเดียวกัน)

***(ในเวลาที่ผมเขียนต้นฉบับชิ้นนี้ กระเป๋าเดินทางถูกนำส่งไปถึงห้องพักของ Martine เรียบร้อย)

ด้วยเหตุนี้ ผมและคุณกฤษณะจึงตัดสินใจขึ้นรถตู้ที่จะนำ Miss Martine จากสนามบินภูเก็ตไปส่งยังโรงแรมที่พักเพื่อจะได้ดูแลเป็นเพื่อนเธอไปด้วย

การนั่งรถตู้จากสนามบินภูเก็ตไปยังโรงแรมดวงจิตรีสอร์ท ย่านหาดป่าตอง สถานที่จัดการประชุมสหภาพคนตาบอดโลก เอเชียแปซิฟิก ยังไง ๆ ก็ต้องใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์นานราวหนึ่งชั่วโมงเศษ

ฝนตกเบา ๆ และตกยาว ๆ ทำเอารถติดตลอดทาง การจราจรเคลื่อนตัวช้า ทำให้เรามีโอกาสสอบถาม Miss Martine ว่าในการเดินทางของเธอไปประเทศต่าง ๆ นั้นอะไรคือ บริการการท่องเที่ยวที่เธออยากได้รับมากที่สุด

เธอตอบอย่างชัดเจนว่า สำคัญที่สุดคือ มิตรภาพและความมีไมตรีของคนในพื้นที่

ส่วนในแง่การบริการนั้น เธออยากได้ความปลอดภัยในการเดินเที่ยวในละแวกรอบ ๆ ที่พักแรม อยากใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ รับประสบการณ์ที่มีเสน่ห์ของเมืองนั้นๆ สิ่งที่จะช่วยได้มาก คือ การมีไกด์หรือเครื่องอุปกรณ์เช่นหูฟังอิเล็กทรอนิกส์ที่จะบอกเล่าให้ทราบถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น การไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ การไปหอแสดงนิทรรศการ เธออยากรับรู้สิ่งรอบตัว และเมืองรอบข้าง เธอบอกว่าอย่างที่ผมกำลังสื่อสารอยู่กับเธอนี่แหละ...

ที่เธออยากได้รับ เนื่องจากในการพาเธอนั่งรถผ่านสวนยาง ผ่านย่านการค้า ผ่านอนุสาวรีย์ ผ่านทุ่งโล่ง ผ่านสถานศึกษา ผมก็จะสาธยายให้ข้อมูลเธอไปเรื่อย ๆ ทำให้เธอสามารถหลับตาจินตนาการตามได้เป็นระบบ

ผมใช้นิ้วชี้ของผมลองเขียนแผนที่ประเทศไทยลงบนฝ่ามือของเธอเพื่ออธิบายว่าภูเก็ตอยู่ตรงไหนของประเทศไทย วาดรูปแผนที่ขวานทอง และประเทศเพื่อนบ้านของไทยในแต่ละทิศ ลักษณะอาหารการกินและภูมิประเทศโดยง่าย ๆ ของแต่ละภาคของไทย

เหล่านี้ช่วยทำให้เธอมีความสุขกับการรับรู้ข้อมูลผ่านการสัมผัสและการลากเส้นสมมุติบนฝ่ามือของเธอ

เธอกล่าวขอบคุณอย่างพึงพอใจ ซักถามอะไรต่อไปอีกหลาย ๆ อย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ในการช่วยพยุงเธอเดินขึ้นลงรถตู้ ผมสังเกตได้ว่าขาเธอไม่มีแรง เธออธิบายว่าเธอเพิ่งประสบอุบัติเหตุหกล้มในบ้านเธอที่นิวซีแลนด์ ทำให้เธอเดินไม่ถนัด เข้าใจว่าคงมีอาการเส้นพลิกที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง

ดีที่ผมยังพอจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง จึงสามารถให้เธอถ่ายน้ำหนักมาใส่ที่แขนของผมได้เต็มที่ งานนี้ยิ่งทำให้เราตระหนักว่า ทางลาดมีประโยชน์และปลอดภัย ใช้สะดวกกว่าบันได การมีราวจับที่มั่นคงแข็งแรงจะช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกกว่า ปลอดภัยกว่า

เธอก้าวเดินด้วยความยากลำบาก ยิ่งถ้าเจอบันไดหลายขั้น ธรณีประตู พื้นเปลี่ยนระดับบ่อย ๆ ผมต้องพากษ์ให้เธอรู้ล่วงหน้าแทบทุกสองก้าว เพื่อให้เธอขยับแข้งขาให้สอดรับกับสภาพพื้นที่

คุณกฤษณะเห็นว่ารถติด และขณะนั้นเกือบเที่ยงวันแล้ว คุณกฤษณะจึงขอเชิญชวนให้เราแวะหยุดรถทานกลางวันก่อนจะฝ่าการจราจรจากด้านเหนือของเกาะภูเก็ตซึ่งเป็นย่านที่ตั้งของสนามบิน ไปสู่โรงแรมที่พักย่านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ซึ่งต้องแล่นรถอ้อมเกาะ ผ่านภูเขาที่เส้นทางคดเคี้ยว น่าจะต้องใช้เวลาอีกนานพอควร เกรงเธอจะหิวข้าวเสียก่อน เพราะเมื่อเทียบกับเวลาที่นิวซีแลนด์แล้ว เท่ากับประมาณใกล้ทุ่มนึงของเธอแล้ว

เธอพยักหน้ารับไมตรี

เราจึงพาเธอแวะทานอาหารแบบติ่มซำภูเก็ต แม้เธอมองไม่เห็นอาหาร แต่เธอก็สามารถตักและจับอาหารรับประทานได้อย่างราบรื่น แสดงว่าเธอจดจำระยะของจาน แก้วน้ำ และกระดาษเช็ดปากที่เราจัดวางไม่ห่างจากตัวเธอ และพามือของเธอให้ไปแตะทุกอย่าง ๆ ละหนึ่งครั้งก่อนเริ่มทานอาหารเที่ยงด้วยกัน เธอทานไม่มากนักก็หยุด ปกติเธอจะทานไม่มากนัก แต่ออกปากชมว่าอาหารมีรสชาติดี อร่อย ถูกปาก

ผมอนุมานว่าเธอออกเดินทางจากบ้านที่นิวซีแลนด์มาตั้งแต่เกือบ 21 ชั่วโมง มาแล้ว เชื่อว่าน่าจะอ่อนเพลียพอควร คงอยากพักผ่อนมากกว่าสิ่งใดละ

คุณกฤษณะและคณะแยกตัวไปถ่ายทำรายการที่จุดอื่น ๆ ผมกับคุณมน ผู้ช่วยคนตาบอดประจำ สว.มณเทียร บุญตัน จึงพาเธอขึ้นรถมุ่งไปยังที่พักโรงแรมกันต่อ

กว่าจะได้กุญแจห้อง พาเปลี่ยนเป็นรถกอล์ฟไฟฟ้าของโรงแรม พาขึ้นลงอาคารหลักที่ล็อบบี้โรงแรมจนไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนไขกุญแจประตูเข้าห้องก็ล่วงไปอีกเกือบ 30 นาที

แต่เมื่อเราส่งเธอเข้าถึงห้องนอนในโรงแรมที่พักแล้ว ผมไม่ลืมที่จะถามเธอว่า เธอจะประสงค์ให้พาเธอเดินคลำทุกฝาผนังของห้องพักหรือไม่ เธอบอกทันทีว่า เป็นคำถามที่ดีมาก เพราะนั่นจะช่วยให้เธอจดจำได้ ว่าห้องนอนมีรูปร่างอย่างไร อะไรอยู่ทิศทางไหนจากทางเข้าและเตียงนอน พาเธอเดินไปเหยียบให้ถึงส่วนของห้องน้ำ ที่ยืนอาบน้ำ สัมผัสให้รู้ตำแหน่งชักโครก แตะคันโยกเปิดปิดฝักบัวน้ำอุ่น แตะอ่างล้างมือ และย้ายผ้าเช็ดตัว ให้มาวางกองบนเตียงนอน

เธอต้องการจะพยายามจดจำว่ามีพื้นเปลี่ยนระดับภายในห้องนอนอยู่จุดไหนบ้างมือจับประตูทางเข้าออกอยู่ตรงไหน ล็อคอย่างไร และสอบถามเธอว่าต้องการให้ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่กี่องศา และเธอขอทราบที่เสียบแผ่นพลาสติกแข็งหรือกุญแจห้องเพื่อทำให้ระบบไฟฟ้าต่างๆของห้องทำงาน ว่าติดอยู่ที่ตำแหน่งใดจากบานประตูเข้าห้อง

ละเอียดอ่อนใช่มั้ยครับ?

หมดเวลาไปกว่า 15 นาทีเพื่อการพาให้คลำทำความรู้จักห้อง

เราอาจไม่ต้องทำอย่างนี้บริการคนตาบอดทุกคนที่เดินทางมา ถ้าเค้ายังแข็งแรง กระเป๋าเดินทางไม่หาย หรือมีเพื่อนร่วมเดินทางไว้สนทนาปลอบโยน ให้กำลังใจกันและกันในยามไม่สบายตัว

แต่ผมเลือกทำในระดับเกินมาตรฐาน เพราะเห็นแล้วว่าเธอน่าจะกำลังไม่สู้จะสบายตัวและไม่สู้จะสบายใจ

สิ่งใดที่เราพอเข้าใจได้ ลองเอ่ยปากถามว่าอยากให้เราช่วยพาทำอย่างนั้นอย่างนี้ไหม ถ้าเธอบอกว่าอยากได้ เราก็เพียงแต่ต้อง 'ทำเป็น'

ถ้าทำไม่เป็น ย่อมไม่ทันนึกถาม เมื่อไม่ทันนึกถาม เราก็คงส่งเธอถึงห้องพักแบบบังกาโล ไร้กระเป๋าที่จะผลัดผ้า ไร้หยูกยา ไร้ ชุดนอน ไร้ครีมทา ไร้กรรไกรตัดเล็บ หรืออะไร ๆ ที่ปกติมีใช้ในฐานะข้าวของประจำติดตัวติดกระเป๋า

ถ้าเราทำจนแน่ใจว่าเมื่อปิดประตูแยกย้ายกันไปแล้ว เธอจะอยู่เองตามลำพัง ทำกิจส่วนตัวได้

และในวันถัดมาเห็นเธอขึ้นกล่าวต้อนรับมวลสมาชิกและนั่งเคียงข้างรัฐมนตรีพัฒนาสังคมฯ ของไทยด้วยชุดเสื้อผ้าของเธอ ใบหน้าสดใส เราก็สบายใจ

สิ่งเหล่านี้นี่แหละครับ คือปัจจัยและความเข้าถึงใจที่สำคัญยิ่ง

ทักษะความละเอียดอย่างนี้ ผมเองก็ได้รับถ่ายทอดมาจากมัคคุเทศก์ไทย คุณนัตตี้ นิธิ สืบพงษ์สังข์ ว่าเวลาที่คุณนัตตี้พานักท่องเที่ยวยุโรปที่ตาบอดเดินทางเป็นคณะนับ 10 คนไปเที่ยวทั่วไทยนั้น คุณนัตตี้ต้องจัดผู้ช่วยไกด์ฝ่ายไทยมาประกบพาแขกฝรั่งเช็คอินเข้าแต่ละโรงแรมในแต่ละจังหวัดในอัตรา ผู้ช่วยหนึ่งคนประกบแขกนักท่องเที่ยวตาบอด 2 คน

ไม่งั้นถ้าจัดลูกทีมมาน้อยไป แปลว่าแขกจะต้องนั่งคอยจนกว่าจะถึงคิวของตัวในการพาสำรวจทำความรู้จักห้อง

ในบ่ายนั้น ผมออกมาเดินสำรวจดูกิจกรรมที่เจ้าของงานเตรียมสำหรับคนตาบอดนานาชาติที่มาถึงได้มีกิจกรรมทำไปพลาง ก่อนการประชุมในวันรุ่งขึ้น

มีการแสดงผลงานและสิ่งประดิษฐ์ที่คนพิการทำขึ้น งานเครื่องมืออ่านและผลิตอักษรหรือภาพนูนต่ำที่สามารถให้คนตาบอดลูบจับ สัมผัสใช้ เครื่องแลปท้อปของคนตาบอด แทบเลตคนตาบอด มีกิจกรรมให้คนตาบอดร้อยลูกปัด พันผ้าหุ้มสายหิ้วกระเป๋าถือ มีจำหน่ายเสื้อผ้าท้องถิ่นภาคใต้ อาหาร ขนมจากกลุ่มท่องเที่ยวชุมชน โดยมีทีมอาสาสมัครวัยเยาว์จากโรงเรียนนานาชาติที่กรุงเทพบินตามเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกแก่คนตาบอดนานาชาติ

และแน่นอน มีน้องแอนนี่ นางฟ้ากู่เจิ้งตาบอดชาวภูเก็ตมาเล่นดนตรีให้ฟังในวันประชุม ชุมชนเมืองเก่าภูเก็ตสนับสนุนและดูแลน้องแอนนี่เป็นอย่างดี

นับเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์อย่างดี เป็นบรรยากาศที่น่ารัก

สำหรับการทำนโยบายการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพสำหรับประเทศไทยนั้น

การได้แขกกระเป๋าหนักและดูแลง่ายๆ นั้น ใครๆ ก็ปรารถนา

แต่แขกที่มีกำลังจ่ายนั้น ก็ย่อมคาดหวังความเป็นมืออาชีพของเราที่สูงขึ้น รอบรู้ และลุ่มลึก สามารถให้ประสบการณ์ที่เขาไว้วางใจ

ความสามารถในการรับนักเดินทางต่างชาติที่ตาบอด คาดน่าจะเป็นความท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งของระบบการท่องเที่ยวเดินทาง ถ้าไม่นับการขนย้ายผู้ป่วยเข้ามารับรักษานะครับ

ถ้าเราสามารถพัฒนาบุคลากรประจำเมือง ประจำพื้นที่ให้ดูแลแขกต่างชาติและคนไทยที่มีความเป็นพิเศษได้เป็น สถาปนิกวิศวกรท้องถิ่นก็ออกแบบห้องพัก โรงแรม ทางเดินเข้าออกสนามบิน อาคารสาธารณะ ฟุตบาททางเท้า ห้องน้ำ ลานจอดรถ ที่คำนึงถึงผู้พิการจากต่างภาษาได้ เราก็จะสามารถมั่นใจได้ว่า เราย่อมพร้อมรับใครๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะคนไทยและคนต่างชาติจากต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมจากทั่วโลก

ทางลาด ห้องน้ำ ราวจับ ทางข้ามถนน ป้ายสัญลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ดี จะทำให้ทุกคนใช้งานสะดวกและปลอดภัย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้สูงอายุ คนท้อง รถเข็นทารก คนที่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ นักกีฬาใส่เฝือก

ทำแล้วแม้ยังไม่มีแขกต่างชาติมาใช้ แต่ก็คนไทยเราเองนั่นแหละ ได้ประโยชน์

ที่เหลือก็คงเป็นเรื่องผู้จัดบริการ การใส่ใจ อธิบาย ให้ความอบอุ่น ให้ความมั่นใจ ให้ความปลอดภัย ให้ความสะอาดถูกหลักอนามัย และเสน่ห์จากวัฒนธรรมต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของไทย ให้กันและกัน

เท่านั้นเอง

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

สมาชิกวุฒิสภา

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

อดีตเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย

29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ในหลวง ร.9 ทรงปลูกต้นนนทรี 9 ต้น ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

วันนี้ เมื่อ 60 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทรงปลูกต้นนทรี 9 ต้น พร้อมร่วมการแสดงดนตรีที่หอประชุมของมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญเสด็จของคณะกรรมการสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

และได้ทรงปลูกต้นนนทรี 9 ต้น ณ บริเวณหน้าหอประชุม มก. ทั้งยังมีพระราชดำรัสถึงบุคลากรและนิสิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในคราวนั้นว่า

“ขอฝากต้นไม้นี้ให้มหาวิทยาลัยและนิสิตช่วยกันรักษาให้ดี อย่าให้หงอย ขอฝากนิสิตทั้งหลาย ขอให้ช่วยกันรักษาตัวเองให้ดี และอย่าลืมว่าตัวเองนั้นจะอยู่กันได้ก็ด้วยแผ่นดินไทย ขอให้ช่วยรักษาแผ่นดินไทยไว้ด้วย คนไทยถ้าไร้แผ่นดินก็จะหงอยกันหมด อยู่กันไม่ได้ และเราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น”

นอกจากนี้ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระมหากรุณาธิคุณร่วมการแสดงดนตรีที่หอประชุมของมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก อันนำไปสู่การเสด็จ ‘เยี่ยมต้นนนทรี’ ที่ทรงปลูกและ ‘ทรงดนตรี’ สืบเนื่องมาจนถึงปี พ.ศ. 2515

โดย ‘ต้นนนทรี’ เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 เพราะต้นนนทรีเป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวนาน มีใบเขียวตลอดทั้งปี ลักษณะใบเป็นฝอยคล้ายใบกระถิน ดอกสีเหลืองประปรายด้วยสีขาว ช่อดอกเป็นพวงระย้า ฝักไม่ยอมทิ้งต้น ทนทานในทุกสภาพอากาศของเมืองไทย 

ซึ่งต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น ได้สร้างความเป็นสง่าราศี เป็นขวัญกำลังใจ เป็นจิตวิญญาณและให้ความร่มเย็น แก่เหล่าลูกนนทรีมาโดยตลอด ปัจจุบันนนทรีทั้ง 9 ต้นเจริญเติบโตเป็นไม้ใหญ่ เต็มวัย มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 53 เซนติเมตร มีความสูงเฉลี่ย 15 เมตร 

มีพื้นที่เรือนยอดปกคลุม 123 ตารางเมตรต่อต้น หรือพื้นที่เรือนยอดรวม 1,108 ตารางเมตร ด้วยต้องยืนตระหง่านฝ่าร้อนฝ่าฝนและหนาวมาเป็นระยะเวลายาวนานย่อมถูก โรคภัยเบียดเบียน มหาวิทยาลัยได้เฝ้าดูแลต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น ด้วยความใส่ใจมาตลอด พร้อมทั้งทำศัลยกรรมตกแต่งปิดโพรงภายในจากการทำลายของโรคอย่างถูกวิธี เพื่อให้นนทรีทั้ง 9 ต้นดำรงความเป็นเกียรติประวัติแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สืบไป

‘ณวัฒน์’ เตรียมคุย ‘ชาล็อต’ ปมภาพหลุดคู่ผู้ชาย ลั่น!! ครั้งที่ 3 แล้ว เตือนบ่อยๆ ก็เบื่อและเหนื่อยล้า

(28 พ.ย. 66) หลัง ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ ได้ออกมาไลฟ์ฟาด เรื่องภาพความสนิทสนม ของสาว ‘ชาล็อต ออสติน’ รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 กับหนุ่มปริศนา ที่ภายหลังมีการโยงไปว่าเป็น ‘ซี ทวินันท์ อนุกูลประเสริฐ’ นักแสด งซีรีส์วาย ว่าอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ยังไงก็ไม่ใช่แฟนกัน เพราะไม่ได้อนุญาตให้มี แต่ถ้ามีก็จะหยุดรับงาน พร้อมซื้อผ้าอ้อมและอุปกรณ์เด็กอ่อนเตรียมให้ ก็ทำเอาโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันหนักมาก ถึงกฎที่บอกว่าห้ามมีแฟน 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 พ.ย. 66) ‘ณวัฒน์’ ก็เผยเหตุผลอีกครั้งหนึ่ง ระบุว่า…

“กับชาล็อตตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยคุยกัน แต่ตอนนั้นวันรุ่งขึ้นก็ตักเตือนทันที แต่เรียกเข้าไปไม่ทัน เนื่องจากน้องมีงานต่างจังหวัด ก็เลยโทร.หาแล้วเปิดลำโพง ให้ทุกคนในออฟฟิศได้ฟังด้วย ก็ตำหนิไปค่อนข้างเยอะ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำและไม่เหมาะสม บางคนบอกทำไมไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเขา มันเป็นเสรีภาพ แต่ผมอยากอธิบายว่าเวลาเราทำงาน เราจะเข้าใจว่าอะไรควรต้องทำหรือไม่ต้องทำ แต่ถ้าเรื่องส่วนตัวเขาทำได้ แต่ต้องย้ำอีกทีหนึ่ง ว่าถ้าทำเรื่องส่วนตัวแล้วงานมันหดหายไป คุณก็ต้องยอมรับสภาพด้วย เราเป็นคนตรง ๆ เราก็จะบอกว่าถ้าสิ่งนี้สำคัญกว่าสิ่งนี้ แล้วมันมีผลกระทบ คุณยอมรับมัน เราก็แฮปปี้ เราก็ยินดีที่จะซื้อผ้าอ้อมเด็กให้ แล้วก็ของใช้เด็กอ่อน ก็พูดไปแล้ว แต่ถ้าเกิดคุณคิดว่าอยากเป็นสตาร์ดวงใหญ่ อยากมีเงินเยอะ ๆ อยากโด่งดังไปอีกไกลแสนไกล คุณก็ต้องดูเส้นทางชีวิตของคุณให้ดี ควรจะเดินแบบไหน อันนี้เราก็เตือนอยู่”

เตรียมเรียกคุย และทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

“ตอนนี้ก็ได้แต่ตักเตือนอย่างเดียว ยังไม่ได้เรียกคุย กะว่าพรุ่งนี้หรือมะรืนจะขอคิวแล้วเรียกน้องไปคุยที่ออฟฟิศ ทำข้อตกลงที่เป็นทางการมากขึ้น แต่ต้องยืนยันว่ามันไม่ใช่แฟนหรอกครับ แต่มันเหมือนเป็นการปาร์ตี้กัน พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้น้องเข้าโหมดนักแสดง อยู่กับกอง มีเพื่อนมากขึ้น แล้วเพิ่งปิดกล้อง คนนี้เป็นเพื่อนคนนี้ ไปเที่ยวก็ไปด้วยกัน มันเลยไปเรื่อย ๆ ภาพมันเลยออกมาค่อนข้างหวือหวานิดหนึ่ง”

บอกลูกคนนี้ดื้อมาก รู้สึกถอดใจเพราะเบื่อคุยเรื่องเดิม ๆ นี่เป็นการเตือนครั้งที่ 3 แล้ว

“ดื้อมากครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้รู้สึกเฉย ๆ รู้สึกถอดใจนิดหนึ่ง เบื่อ เบื่อที่มานั่งคุยกันเรื่องเดิม ๆ แล้วก็เบื่อว่าตกลงจะเอายังไง เพราะเราสร้างมูลค่า แต่คุณจะไม่เอามูลค่า คุณมองไม่ออกเหรอว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ อันนี้มันหลุดออกไปได้ยังไง แล้วก่อนจะหลุดออกไปคือจะมาสนุกสนานอะไรกันมากมาย มันไม่ควรจะทำ แล้วไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งที่ 3 แล้วครับ (หัวเราะ) ก็เตือนทุกครั้งครับ ถึงบอกว่าจะเรียกเข้าออฟฟิศ ไปทำงานด้วยกัน 3 วันก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย เขาเข้าหน้าผมไม่ติดอยู่แล้ว ก็เห็นเขาพูดบนเวทีเมื่อคืนว่าขอโทษ อาจจะดื้อไปบ้าง แต่มันจะมากไปกว่านี้ไม่ได้ มันจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อย แล้วก็ล้า”

ไม่ได้ห้ามมีแฟน แต่ห้ามทำให้คนสับสน และแบรนด์ที่ปั้นอยู่สั่นสะเทือน

“จริง ๆ น้องยังทำอะไรได้อีกเยอะ ถามว่าให้โอกาสไหม ก็ให้โอกาสนะครับ แต่มันต้องเรียกมาคุยกันเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว (ลายลักษณ์อักษรคือห้ามมีแฟน?) ไม่ คือเราต้องตกลงกัน ว่ามันจะต้องไม่เกิดอะไรที่ทำให้คนสับสน และทำให้แบรนด์ที่เราปั้นอยู่มีมันเกิดการสั่นสะเทือน แล้วก็ต้องเห็นใจพรีเซ็นเตอร์สินค้าด้วย งานด้วย ก็คุยกันหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็ต้องให้ออฟฟิศช่วยดูแลด้วย ให้เป็นลายลักษณ์อักษร”

รู้ตัวคนแคปรูปมาปล่อย ไม่อยากพูด แต่อย่าทำอีก

“ภาพหลุดน้องเป็นคนถ่ายเอง สตอรี่เอง นักเลงพอ แต่เฉพาะโคลสเฟรนด์นะ มีไม่กี่คนในนั้น (เราสืบได้?) รู้ แต่ไม่อยากพูดแล้วกัน แต่ไม่เป็นไรครับ หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ใครที่ทำอะไรประหลาด ๆ ก็อย่าทำอีก มันอาจจะเป็นเรื่องที่คุณคิดว่าไม่ใหญ่ แต่บังเอิญว่าออกมาแล้วมันเป็นเรื่องที่เดือดร้อนคนอื่นด้วย ภาพลักษณ์ด้วย ก็อย่าทำกัน”

เส้นทางในการเติบโต ต้องใช้สติและสมอง

“ก็ยังดีที่รู้สึกตัวว่าเป็นคนดื้อ แล้วก็ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อายุก็ไม่น้อยแล้ว ปีนี้ย่าง 24 แล้ว เพราะฉะนั้นเส้นทางในการเติบโต มันต้องใช้สติ ใช้สมอง ต้องรู้ว่าต้องเลือกอะไร เราอยากอยู่บนภัตตาคาร เลือกอาหารที่ดีที่สุด แต่เราก็ยังพยายามไปกินบุฟเฟต์มาก่อน เละเทะไปหมด ชีวิตมันจะไม่สมบูรณ์”

ลั่นเป็นศิลปินไม่แนะนำให้มีแฟน ถ้าอยากมีก็ต้องยอมรับเรื่องลดงานให้ได้

“ถ้าเป็นศิลปินผมไม่แนะนำให้มีครับ โดยปกติอย่างอิงฟ้า ชาล็อต สแน็ก ไผ่หลิว มีนา ผมไม่แนะนำให้มี คือถ้าจะมีก็ได้นะครับ เดินมาบอกดี ๆ แล้วเราก็ต้องลดงานลง เพราะเราไม่อยากให้ลูกค้าคาดหวัง เพราะลูกค้าจะคาดหวังเสมอว่า น้องจะต้องสดใส ร่าเริง เป็นโสด นี่คือโจทย์ของสินค้าทั่วไปอยู่แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์เป็นแบบนี้ ถ้าอยากทำงานกับคนหมู่มาก ต้องเสิร์ฟเขาในบริบทแบบนี้ ถ้าเลือกมีครอบครัว ก็ต้องไปถาม น้ำ พัชรพร แต่งงานเรียบร้อย อันนั้นคือเลือก เราก็ใส่ซองให้เรียบร้อย เลือกได้ครับ ใครว่าเลือกไม่ได้”

แจ้งให้ทราบคนที่จะมาสมัคร ถ้าได้มงฯ แล้วจะมีครอบครัวก็ลาออก อย่าจับปลาหลายมือ

“ก็ทุกคนครับ ถ้าได้มงฯ แล้วจะแต่งงาน ก็แต่งได้ เดินมาบอกดี ๆ เดี๋ยวใส่ซองให้ แล้วก็จะหยุดรับงานให้ เราจะวุ่นวายอะไรกับคนที่เขาจะไปมีครอบครัว คนที่มีครอบครัวผมว่าเขาต้องโฟกัสครอบครัว ใครจะมาวุ่นวายมากมายในชีวิตแบบนี้ ความรักมีได้เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าไปอ้างว่าผมเผด็จการ มันเป็นลักษณะเฉพาะที่เรารีเควส คุณต้องเข้าใจ ถ้าคุณจะทำเรื่องส่วนตัว จะลาออกได้ ไม่มีปัญหาเลย แต่อย่าจับปลาหลายมือ งานก็จะเอา ดังก็อยากดัง เงินก็อยากได้ จะมีแฟนอีก มันทำไม่ได้หรอกในชีวิตจริง ถามว่าปีหน้าต้องเพิ่มกฎนี้เข้าไปไหม ก็ไม่หรอกครับ ผมว่าพูดดกันก็น่าจะเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็พูดกันบ่อย ๆ หน่อย เอาเป็นว่าใครอยากเจริญเร็วก็ปฏิบัติมา อยากเจริญช้าก็พักไปก่อน”

28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483  ฝรั่งเศส ทิ้งระเบิดถล่ม ‘นครพนม’  เปิดฉากสงคราม ‘กรณีพิพาทอินโดจีน’

วันนี้ เมื่อ 83 ปีก่อน ฝรั่งเศส ทิ้งระเบิดถล่ม ‘นครพนม’ เปิดฉากสงคราม ‘กรณีพิพาทอินโดจีน’

จากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ที่มหาอำนาจยุโรปแผ่อิทธิพลของลัทธิอาณานิคมเข้ามาในเอเชียตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศตกเป็น ‘รัฐอาณานิคม’ และเกิดกรณี ร.ศ.112 สำหรับประเทศไทย ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป และฝรั่งเศสมีสถานะที่อ่อนแอจนกระทั่งถูกเยอรมนียึดครอง (21 มิถุนายน 2483) เป็นการกระตุ้นให้รัฐบาลไทยขณะนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเคารพต่อการแบ่งดินแดนในเอเชียของชาติมหาอำนาจอาณานิคมอย่างฝรั่งเศสอีกต่อไป

เมื่อฝรั่งเศสยอมแพ้เยอรมนีได้ขอทำให้รัฐบาลไทยให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาไม่รุกรานกัน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ตอบ (11 กันยายน พ.ศ. 2483) ที่จะให้สัตยาบันด้วยข้อแม้ 3 ข้อคือ

1. ให้ถือร่องน้ำลึกเป็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศ

2. ขอไชยบุรีและจำปาสัก ซึ่งฝั่งขวาของแม่น้ำโขงตรงข้ามกับหลวงพระบาง และตรงข้ามกับปากเซ ให้ไทย โดยถือแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนระหว่างประเทศ

3. ขอให้ฝรั่งเศสรับรองว่าถ้าอินโดจีนเปลี่ยนจากอธิปไตยฝรั่งเศสไป ฝรั่งเศสจะคืนอาณาเขตลาวและกัมพูชาให้ไทย

รัฐบาลฝรั่งเศสตอบปฏิเสธ 2 ข้อหลัง

จอมพล ป. ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวแก่หนังสือพิมพ์ กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมจนเกิดขบวนการเรียกร้องดินแดนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเดินขบวนของคณะนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง (8 ตุลาคม พ.ศ. 2483)

ขณะที่จอมพล ป. เองก็ตัดสินใจใช้กำลังรบกับฝรั่งเศสอย่างฉับพลัน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐบาลญี่ปุ่นมีข้อตกลงระหว่างกันที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองทัพของตนเข้ามาตั้งในเวียดนามได้ แม้ญี่ปุ่นจะมีทีท่าเห็นใจไทยในการขอปรับปรุงดินแดนกับฝรั่งเศส แต่รัฐบาลไทยก็หวั่นว่าหากกองทัพญี่ปุ่นขยายเขตของตนจากเวียดนามเข้าสู่ลาวและกัมพูชาก็จะเป็นอุปสรรคต่อนโยบายของไทย

20 ตุลาคม พ.ศ. 2483 จอมพล ป. กล่าวขอบคุณนิสิตนักศึกประชาชนที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลทางวิทยุกระจายเสียง และปลุกความรู้สึกชาตินิยม เพลงปลุกใจออกเผยแพร่ เช่น เพลงข้ามโขง เพลงดอกฟ้าจำปาศักดิ์ เพลงเสียมราฐ ฯลฯ เริ่มมีออกเผยแพร่

และในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483 รัฐบาลออกประกาศว่าเครื่องบินฝรั่งเศส 5 ลำ โจมตีทิ้งระเบิดจังหวัดนครพนมและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ รัฐบาลไทยประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่เกี่ยวข้อง 24 จังหวัด พร้อมกันนั้นกองทัพไทยเคลื่อนเข้าไปยึดครองดินแดนที่มีข้อพิพาทกัน มีการต่อสู้ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเลที่เกาะช้าง จังหวัดตราด

ในสงครามครั้งนี้ญี่ปุ่นเสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาท (25 มกราคม พ.ศ. 2484) ตกลงให้มีการหยุดยิงในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2484 และมีการลงนามในอนุสัญญาโตเกียว 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 เป็นผลให้ไทยได้ดินแดนไชยบุรี, จำปาสัก, เสียมราฐ และพระตะบอง (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ลานช้าง, จำปาศักดิ์, พิบูลสงคราม และพระตะบอง ตามลำดับ) เรื่อยมาจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 2488 และต่อมาได้มีการสร้างอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงทหารไทยที่เสียชีวิตไปในการรบครั้งนี้เรียกว่า ‘อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ’

‘มามูย่า โคราช’ คึกคัก!! คนแห่ซื้อ ‘กางเกงแมว’ แน่น ต่อยอดสู่ ‘เสื้อ-หมวก-กระเป๋า-กระติกน้ำ’ ขายดีไม่แพ้กัน

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา ว่า ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ‘มามูย่า’ ได้มีประชาชนชาวโคราชเดินทางไปซื้อเสื้อแมว และหมวกแมว หลังจากก่อนหน้านี้หอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้ผลักดัน ‘กางเกงแมว’ เป็น Soft Power ของ จ.นครราชสีมา โดยเป็นลาย KORAT Monogram (โคราช โมโนแกรม) ไปสกรีนบนกางเกงแมว ซึ่งได้ต่อยอดนำลาย KORAT Monogram ไปสกรีนลงบนเสื้อยืด หมวก กระเป๋า และกระติกน้ำ ได้รับความสนใจจากประชาชนแห่ต่อคิวซื้อแน่นไม่แพ้กางเกงแมว

สำหรับลาย KORAT Monogram ที่อยู่บนกางเกงแมวนั้น เป็นภาพโมโนแกรมที่สื่อถึง จ.นครราชสีมา มีรูปแมวเป็นสัตว์ประจำจังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพิมาย ประตูชุมพล และดอกสาธร ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำ จ.นครราชสีมา โดยลวดลายที่ทำออกมานั้นสวยงามถูกใจชาวโคราชเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดเป็นกระแสคนต่อแถวยาวเข้าคิวซื้อกางเกงแมว

นางสาวพจนกร รัตนพงษ์วณิช รองประธานฝ่ายท่องเที่ยว และลงทุน หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้ผลักดันกิจกรรมงานมามูย่าในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.นครราชสีมา รวมทั้งผลักดันสินค้ากางเกงแมวให้เป็น Soft Power ของจังหวัด ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ประชาชนชาวโคราช และทั่วประเทศ ต่างให้ความสนใจสั่งจองซื้อกางเกงแมวกันอย่างล้นหลาม

“จากนี้ไปผู้ประกอบการหรือร้านค้าทั่วไปสามารถนำลวดลาย KORAT Monogram ไปใช้ในผลิตภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ ได้อย่างแพร่หลาย โดยสามารถเข้าไปโหลดลวดลาย KORAT Monogram ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก KORAT Monogram” นางสาวพจนกร กล่าว

‘BABYMONSTER’ เดบิวต์แล้ว!! เปิดตัว MV แรก ‘BATTER UP’ กวาดยอดวิวทะลุ 13 ล้าน ‘ภริตา-ชิกิต้า’ 2 สาวไทยสวยโดดเด่นสุดๆ

(27 พ.ย.66) BABYMONSTER เกิร์ลกรุ๊ปใหม่ในรอบ 7 ปีของ YG เดบิวต์อย่างเป็นทางการแล้ว กับเพลง ‘BATTER UP’ ดนตรีแนวป็อปฮิพฮอพ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์ YG

โดยมีสมาชิกทั้ง 6 คน ยกเว้น Ahyeon (อาฮยอน) ที่ขอพักทำกิจกรรมเพื่อรักษาสุขภาพ อย่าง Ruka (รุกะ), Pharita (ภริตา), Asa (อาสะ), Haram (ฮารัม), Rora (โรล่า) และ Chiquita (ชิกิต้า) ก็ทำออกมาได้ดีสมความเป็น BABYMONSTER

ซึ่งคำว่า BATTER UP เป็นสัญญาณที่ใช้ในการแข่งเบสบอล เพื่อเรียกผู้ตีคนต่อไป และเป็นคำที่ใช้บอกให้ผู้ตีเตรียมตีลูก

หลังจากปล่อยเพลงออกไปแค่คืนเดียวยอดวิวก็ทะลุ 13 ล้านแล้ว ชาวเน็ตไทยก็ไม่พลาดที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็น เพราะในวงมีคนไทยถึง 2 คน คือ ภริตา และ ชิกิต้า

ความคิดเห็นของชาวเน็ตส่วนใหญ่ชื่นชมเสื้อผ้าหน้าผม ความอลังการ ของ MV ส่งเสริมให้เด็ก ๆ ดูสวย มีออร่าศิลปิน โชว์ความเป็น BABY และ MONSTER ได้ดี ไม่หนักแต่ก็ไม่หวานจนเกินไป

แต่บางส่วนก็มองว่าในด้านของตัวเพลง ยังหนีความเป็น YG ไม่พ้น ทั้งสไตล์เพลง โครงสร้างเพลง ไม่มีความแปลกใหม่หรือไม่ได้เห็นเอกลักษณ์ ทั้ง ๆ ที่เด็ก ๆ มีศักยภาพที่จะโชว์มากกว่านี้

ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของวงการ K-POP วง BABYMONSTER ที่มีต้นทุนเป็นค่ายยักษ์ใหญ่ และมีฐานแฟนของตัวเองตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ จึงถูกจับตามองและคาดหวังจากแฟน ๆ ทั่วโลก ไม่แปลกที่จะมีคนทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นแรกเท่านั้น อนาคตของเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่นี้จะเป็นอย่างไร ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป

‘แอนโทเนีย’ รองอันดับ 1 MU 2023 กลับถึงไทยแล้ว ท่ามกลางประชาชนนับพันแห่ต้อนรับอย่างสมเกียรติ

เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.66) ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ คว้ารองอันดับ 1 Miss Universe 2023 ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในรอบ 35 ปี ได้เดินทางกลับถึงไทย พร้อมกับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ ประชาชนต่างแห่กันมาต้อนรับแอนโทเนียตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ และไปรอชมความงามของแอนที่จะขึ้นรถแห่ที่ใจกลางเมือง

โดยมีการขึ้นรถแห่โรลส์-รอยซ์ จากท้องฟ้าจำลองไปยังอุทยานเบญจสิริ ท่ามกลางแฟนนางงามมารอรับหลายพันคน โดยในงานมีการฉายภาพแอนโทเนียวินาทีประกวดมิสยูนิเวิร์สผ่านม่านน้ำพุ สวยอลังการเป็นการฉลองที่ยิ่งใหญ่สมตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe 2023

ต้องบอกว่าแอนโทเนียได้สร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศจริงๆ ตั้งแต่วันที่เข้าประกวดที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศสมัครสมานสามัคคีพร้อมใจกันเชียร์แอนโทเนีย และในวันนี้ที่กลับมา ประชาชนก็แห่กันไปต้อนรับ ตะโกนชื่อ แอนโทเนียๆ และ ไทยแลนด์ๆ ตั้งแต่ที่สนามบิน และเมื่อแอนโทเนียขึ้นรถแห่โรลส์-รอยซ์ที่กลางเมือง เสียงตะโกนนี้ก็ดึงกึกก้องไปทั้งถนน ในขณะที่แอนก็ถือธงชาติไทยโบกสะบัดตลอดเวลา เห็นภาพนี้แล้วต้องบอกว่าขนลุก แอนปลุกให้คนไทยเป็นหนึ่งเดียวสามัคคีกัน การครองตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Universe 2023 เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว

และในวันที่ 27 พ.ย.66 เวลา 19.30 น. ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ รองชนะเลิศอันดับที่ 1 Miss Universe 2023 และคณะนางงาม จะร่วมสืบสานประเพณีไทย ในกิจกรรมลอยกระทง ณ อุทยานเบญจสิริ โดย ‘แอนโทเนีย’ จะแต่งกายเป็นนางนพมาศ เพื่อมาร่วมลอยกระทงกับทุกคนด้วย

27 พฤศจิกายน ของทุกปี  ถือเป็น ‘วันสาธารณสุขแห่งชาติ’  สืบเนื่อง ร.6 ทรงก่อตั้ง ‘กรมสาธารณสุข’

วันนี้เมื่อ 105 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจัดตั้งกรมสาธารณสุขขึ้นแทนกรมประชาภิบาล จึงถือเอาวันนี้เป็น ‘วันสาธารณสุขแห่งชาติ’

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจัดตั้งกรมสาธารณสุขขึ้นในกระทรวงมหาดไทย แทนกรมประชาภิบาล โดยให้รวมกองบัญชาการ กองสุขศึกษา กองสาธารณสุข กองยาเสพติดให้โทษ กองโอสถศาลารัฐบาล กองบุราภิบาล เข้าด้วยกัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น กรมสาธารณสุข เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทรเป็นอธิบดีกรมสาธารณสุข องค์แรก นับเป็นวาระแรกที่มีการใช้คำว่า 'สาธารณสุข' จึงถือว่า วันที่ 27 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็น 'วันสถาปนาการสาธารณสุข'

เดิมทีในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยยังคงมีกิจการ ทางด้านการแพทย์ แบ่งออกเป็นหลายฝ่าย เช่น กองบัญชาการ กองสุขศึกษา กองสาธารณสุข กองยาเสพติดให้โทษ กองโอสถศาลารัฐบาล กองบุราภิบาล ต่อมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกระทรวงมหาดไทยมีความประสงค์ที่จะปรับปรุง กิจการของกรมพยาบาล ให้กว้างขวาง โดยการขอพระบรมราชานุญาตเปลี่ยนจากกรมประชาภิบาล มาเป็นกรมสาธารณสุข ซึ่งพระองค์ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้สามารถจัดตั้งได้ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นชัยนาทนเรนทร อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย เป็นอธิบดีกรมสาธารณสุข อยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2485 จึงได้มีการสถาปนากรมสาธารณสุขขึ้น เป็นกระทรวงสาธารณสุข โดยถือเอาวันที่ 10 มีนาคม เป็นวันสถาปนา 'กระทรวงสาธารณสุข'

26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตร ม.รามคำแหงรุ่นแรก

วันนี้ เมื่อ 48 ปีก่อน ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ และ ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ’ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงรุ่นแรก 

พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ดำเนินการขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จประกอบพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พร้อมพิธีเปิดพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชด้วย ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 เป็นวันเสด็จพระราชดำเนินในพิธี โดยใช้สถานที่จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรก คือ บริเวณหน้าสำนักหอสมุดกลาง

หลังจากพิธีเปิดพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งไปทางด้านหลังสำนักหอสมุดกลาง เสด็จขึ้นหอสมุดกลางทางประตูด้านหลัง เสด็จเข้าห้องรับรอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทูลเกล้าฯ ถวายครุยปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และรองอธิการบดีทูลเกล้าฯ ถวายครุยปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ทางสังคมวิทยา แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงฉลองพระองค์ครุย แล้วทรงลงปรมาภิไธยและพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยมของมหาวิทยาลัย เมื่อถึงหมายกำหนดการพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเสด็จพระราชดำเนินเข้าเวทีที่ประทับ ทรงบูชาพระรัตนตรัย แล้วเสด็จประทับพระราชอาสน์ ที่หน้าสำนักหอสมุดกลาง

นายกสภามหาวิทยาลัย ได้ขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลสดุดี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อธิการบดีเชิญปริญญาบัตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและรองอธิการบดีเชิญปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางสังคมวิทยาขึ้นทูลเกล้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

จากนั้น เป็นการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรตามลำดับ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะเศรษฐศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2517 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานปริญญาบัตรแล้ว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่บัณฑิต ความตอนหนึ่งว่า...

“มหาวิทยาลัยรามคำแหงนี้เป็นมหาวิทยาลัยในแบบที่ให้โอกาสแก่ ผู้ปรารถนาวิชาความรู้ ให้เข้ามาศึกษาค้นคว้าวิทยาการต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง และอย่างอิสระจึงอำนวยประโยชน์ได้มาก ในด้านสนับสนุนส่งเสริมบุคคลทั่วไป และโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานแล้ว ให้ได้ฟื้นฟูเพิ่มพูนความสามารถของตนทางด้านวิชาการ เพื่อนำไปปรับปรุง การงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยกฐานะหน้าที่ให้สูงขึ้น มหาวิทยาลัยมีความมุ่งหมายสำคัญประการหนึ่งที่จะส่งเสริม ผู้ที่เข้ามาศึกษาดังนี้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้วทุกคนควรจะได้มองเห็น และควรที่จะได้น้อมนำมาเป็นคติในการดำเนินชีวิต และการงานต่อไป โดยทำความตั้งใจและความเพียรให้มั่นคง ในอันที่จะฝึกฝนและปรับปรุงตนเอง ในการทำงานให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ และสำคัญที่สุดควรจะได้พยายาม หาทางนำความคิดวิทยาการซึ่งอุตส่าห์ฝึกฝนศึกษามาได้ด้วยยากนั้นมาใช้ ให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความ เจริญมั่นคงของชาติบ้านเมืองของเรา”

‘กางเกงแมว’ ซอฟต์พาวเวอร์ใหม่แห่ง ‘เมืองย่าโม’ ชู!! อัตลักษณ์เด่นประจำจังหวัด หวังสร้างภาพจำให้นทท.

(25 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีหรือย่าโม ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน ‘มามูย่า’ ได้มีประชาชนชาวโคราชแห่มายืนต่อแถวยาวเหยียดเกือบ 200 คน เพื่อรอต่อแถวซื้อกางเกงแมวกันอย่างคึกคัก หลังจากที่เกิดเป็นกระแสดังในโลกออนไลน์

โดยลวดลายเป็นกางเกงแมวนั้น เกิดจากการที่ทางหอการค้าร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการจัดประกวดออกแบบลาย KORAT MONOGRAM (โคราช โมโนแกรม) เพื่อนำผลงานออกแบบที่ชนะเลิศ นำไปต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ที่มีสัญลักษณ์เมืองโคราช เพื่อสร้างการจดจำให้กับนักท่องเที่ยว ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และบริการด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ซึ่งได้ผลงานชนะเลิศในครั้งนี้ และนำมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าต่างๆ และนอกจากกางเกงแมวแล้วลายโมโนแกรมยังถูกนำมาสกรีนบนเสื้อ กระเป๋า กระติกน้ำ หมวก ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้กางเกงแมวถือว่าเป็นคู่แข่งกับกางเกงช้างได้แล้ว

สำหรับลายที่อยู่บนกางเกงแมวนั้นเป็นภาพโมโนแกรมที่สื่อถึงจังหวัดนครราชสีมา ทั้งแมวซึ่งเป็นสัตว์ประจำจังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพิมาย ประตูชุมพล รวมไปถึงดอกสาธรซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งลวดลายที่ทำออกมานั้นสวยงามถูกใจชาวโคราชเป็นอย่างมาก โดยชาวโคราชรายหนึ่งที่มายืนต่อแถวรอซื้อกางเกงแมวบอกว่า เนื่องจากตนเป็นคนโคราชและกางเกงแมวและสินค้าชนิดอื่นที่วางขายนั้นเป็นของคนโคราชเลยตัดสินใจที่จะมาซื้อและชอบลายที่อยู่บนกางเกงแมวนั้นสวยถูกใจ ซึ่งตอนแรกตนตั้งใจจะมาซื้อทั้งหมด 32 ตัว เอาไปแจกญาติพี่น้องแต่ทางร้านบอกว่าจำกัดสิทธิ์แค่คนละตัวเท่านั้นตนเลยต้องมาต่อแถวรอบ 2 เพื่อจะซื้อเพิ่มอีก 1 ตัว

ทั้งนี้กางเกงแมวนั้นสามารถมาซื้อได้ที่งาน ‘มามูย่า’ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 พ.ย. 66 เวลาประมาณ 17.00 น. จำกัดสิทธิ์คนละ 1 ตัว และของมีจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อได้ที่ทางเพจเฟซบุ๊ก ‘มามูย่า’ ได้ใช้เวลา 14-15 วัน ถึงจะได้สินค้า สำหรับราคากางเกงแมวนั้นขายตัวละ 199 บาท 

‘นิกกี้ พิ้ม’ แฉ!! ร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์เจ้าประจำตรงเอกมัย คิดค่าเปิดเตาเพิ่ม-เมนูไม่ตรงปก-แกล้งลืมเสิร์ฟอาหาร

เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.66) ‘นิกกี้ พิ้ม’ นักร้อง นายแบบ และนักแสดงหนุ่ม ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Nicky Pimpz’ เกี่ยวกับพฤติกรรมร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ตรงเอกมัย ว่า…

พฤติกรรมร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ตรงเอกมัยที่มีโลโก้รูปลิง มีเวิ้งที่จอดรถ ข้างบนเป็นร้านชาบูน่าเกลียดมาก เป็นร้านประจำที่ไปกินกับครอบครัว ผมถือว่าผมเป็นลูกค้าประจำ บางครั้งไปกินใช้เงินเป็นหมื่นทุกครั้ง ไปไม่ต่ำกว่า 3-5,000 บาท วันนี้ถูกร้านวางยาหลายจุดเหตุเพราะไปถามว่าทำไมถึงคิดค่าเปิดเตาเพิ่ม ทั้งๆ ที่เราไปกัน 4 คน รวมเด็กด้วย 2 คนเป็น 6 คน ในโต๊ะเดียวกันมีอยู่ 2 เตา แต่มาคิดตังค์เราเพิ่ม ผมก็งงเพราะทุกครั้งไปไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เลยถามแบบสุภาพว่าทำไมถึงคิดค่าเปิดเตา เขาตอบแบบงูๆ ปลาๆ ว่าถ้านั่งโต๊ะนี้เป็นโต๊ะ 8 คน ถ้า 4 คนต้องคิดค่าเปิดเตา ผมไปไม่เป็นเลยทั้งๆ ที่มีลูกมาอีก 2 เป็น 6 คน

หลังจากนั้นผมก็สั่งอาหารตามปกติ เขาก็เริ่มเอาเนื้อที่ไม่เหมือนในเมนูเป็นคุณภาพชั้นต่ำเอาออกมาให้แล้วถ่วงเวลามาก ส่วนอาหารที่เป็นพวกหอยก็ไม่เอาออกมาให้ทำเป็นแกล้งลืมยื้อเวลาสุดๆ ถ่านก็ใส่มาน้อยเพื่อไม่ให้เผาไหม้ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นเนื้อที่เอาออกมาเป็นเนื้อที่เปรี้ยวเหมือนเสียแล้ว Cutting ก็ไม่ใช่แบบเดิม บอกได้เลยว่าเป็นเนื้อคนละเกรดจากในเมนู ถามว่าทำไมผมรู้เพราะว่าผมเป็นลูกค้าประจำ ผมมากินที่นี่บ่อยมากรู้เลยว่าเนื้อที่เอามาไม่ใช่เนื้อที่กินอยู่ประจำ แถมสภาพเนื้อแตกต่างกันอย่างฟ้าดิน ผมยอมกินไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเริ่มไม่ไหวเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มาบริการดูแล ทั้งๆ ที่ร้านก็ไม่ค่อยมีคน จนสุดท้ายผมเรียกพนักงานมาต่อว่าและพูดความรู้สึกกับเขา เขารีบยกมือขอโทษแล้วเอาเนื้อไปเปลี่ยนเป็นเนื้อที่ปกติ แบบที่กินประจำและเก็บทุกอย่างบนโต๊ะไปหมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วให้ข้ออ้างว่าอาจจะเป็นที่ห้องครัวข้างบนส่งผิดมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเริ่มบ่นและ Complain ก็เริ่มเอาหอยที่สั่งทั้งหมดออกมา แสดงว่าไม่ได้ลืม แค่ไม่อยากบริการแต่แรก บอกได้เลยว่าน่าเกลียดสุดๆ ใครอยู่ตรงนั้นจะเข้าใจความรู้สึก

ผมพาเพื่อนฝรั่งมากินเพราะเขาชอบที่นี่ทุกครั้งที่มาเมืองไทยผมจะพาเข้ามากินที่นี่เพราะเขาเป็นคน Request ขนาดเพื่อนฝรั่งครอบครัวเขายังรู้เลยว่าผิดปกติและถูกวางยาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลาในการยื้ออาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำออกมาแบบตั้งใจ ดังนั้นครั้งนี้ผมอยากจะเขียนเพื่อแสดงความรู้สึกในฐานะลูกค้าชั้นดีที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อนว่าถ้าทำธุรกิจแบบนี้ อย่าทำเลย เพราะเราเป็นผู้บริโภคเราไม่รู้ว่าอาหารที่คุณเอามาให้เรากินจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพของเราหรือเปล่า

หลังจากที่ร้านรู้ตัวว่าทางลูกค้าไหวตัวทันและไม่พอใจก็เริ่มส่งพนักงานผู้จัดการมาขอโทษขอโพย ทำเป็นตีบทละครน่าเศร้า แต่บอกตรงๆ นะผมไม่กล้ากินหรอกเพราะผมไม่รู้ว่าเขาจะถุยน้ำลายใส่อาหารผมที่ออกมาใหม่หรือเปล่า ด้วยซ้ำไป ผมพาลูกเล็กมากินที่นี่บอกตรงๆ ว่าไม่กล้ากินอีกแล้ว แล้วจะบอกคนในครอบครัวและเพื่อนผมทุกคนว่าให้เลิกอุดหนุนที่นี่เพราะว่าการบริการและการวางยาให้ลูกค้าน่าเกลียดมาก

ถามว่าเจ้าของไม่น่าจะรู้เรื่องก็เป็นไปไม่ได้เพราะเนื้อที่อยู่ในร้านไม่ใช่คุณภาพเดียวกัน ดังนั้นคงมีการเตรียมพนักงานมาเรียบร้อย

บอกตรงๆ นะไม่ใช่ราคาถูกร้านอาหารนี้ ควรจะปรับปรุงและไม่ทำอย่างนี้กับลูกค้าเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่อยู่แถวเอกมัยเป็นลูกค้าชั้นดีทั้งหมด ฝากไว้ให้คิด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top