Saturday, 14 June 2025
LITE

20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ เปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่น

วันนี้เมื่อ 56 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างเป็นทางการ และทรงปลูกต้นกาลพฤกษ์ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย 

ในครั้งนั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบพระบรมราโชวาทเนื่องในพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า

"...การตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่นขึ้นอีกแห่งหนึ่งนั้น เป็นคุณอย่างยิ่ง เพราะทำให้การศึกษาชั้นสูงขยายออกไปถึงภูมิภาคที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งต่อไปจะเป็นผลดีแก่การพัฒนา ยกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคนี้เป็นอย่างยิ่ง ความสำเร็จในการตั้งมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงเป็นความสำเร็จที่ทุกคนควรจะยินดี..."

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอุดมศึกษาสถานแห่งแรก ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้กำเนิดของมหาวิทยาลัยจะมีแนวความคิดย้อนหลังไปได้ถึงก่อน สงครามโลกครั้งที่สอง แต่การเตรียมการก่อสร้างอย่างจริงจัง กระทำกันในรัฐบาล ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในขณะที่เริ่ม พัฒนาภูมิภาคส่วนนี้ของประเทศ เมื่อ พ.ศ. 2505 การลงมือก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2507 โดยมีมติจัดตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูง ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเกษตรศาสตร์ขึ้นที่บ้านสีฐาน จังหวัดขอนแก่น และเสนอชื่อสถาบันนี้ว่า มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Khon Kaen Institute of Technology มีชื่อย่อ K.I.T. โดยมีสภาการศึกษาแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบ

ต่อมาในปีพ.ศ. 2508 คณะรัฐมนตรีมีมติให้เปลี่ยนชื่อ เป็นมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชบัญญัติ ‘มหาวิทยาลัยขอนแก่น’ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2509 ซึ่งถือเป็นวันสถาปนาของมหาวิทยาลัย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2510 

มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นศูนย์รวมทางความคิด สติปัญญาของสังคม และเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาสู่ภูมิภาค ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินดินลูกคลื่นสีแดง มีชื่อเรียกว่า 'มอดินแดง' บนพื้นที่ประมาณ 5,500 ไร่ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และหน่วยงานเทียบเท่าคณะอีกจำนวนมาก

‘หนุ่ม กรรชัย’ ฝากความในใจถึง ‘ครูตี๋สอนจีบสาว’ หลังทัวร์ลงยับ ขอให้หยุดความคิดนี้ ซ้ำ!! เป็นการเหยียดผญ.-คนเจ๋งจริงเขาไม่อวด

(19 ธ.ค.66) หลังจากเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลถึง ‘ครูตี๋สอนจีบสาว’ ไลฟ์โค้ชคนล่าสุดที่ออกมาสอนหนุ่มถึงเรื่องผู้หญิง จนถูกกระแสสังคมตีกลับ โดยล่าสุดวันนี้ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ก็ได้มีการเล่าข่าวเรื่องนี้เช่นกัน โดย ‘หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย’ หนึ่งในพิธีกรรายการก็ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ไว้ว่า

“คือในมุมของพี่นะ เป็นผู้ชายเหมือนกัน พี่มองว่าเป็นการเหยียดผู้หญิง คือเหมือนพยายามจะบอกตัวเองว่าเป็นเจ้าโลกอย่างนี้หรอ มันไม่ใช่อะ ทำแบบนี้มันได้หรอ”

คือเอาตรง ๆ นะตี๋ หนุ่มเนี่ยก็กระฉ่อนมาก่อน วิธีของตี๋นี่เลอะเทอะ บอกเลยตี๋นี่ครูกะปิเอง เชื่อครูกะปิอย่ามีความคิดแบบนี้ นี่ฝากบอกผู้ชายด้วยอย่ามีความคิดแบบนี้นะ มันไม่ถูกต้อง จะไปบอกว่าต้องดูมูลค่าผู้หญิงที่เขาต้องต่ำกว่าเรา แล้วเราก็ต้องเสนอเขาอย่างนี้ ทั้งที่เรามีเมียอยู่แล้ว แล้วเดี๋ยวผู้หญิงเขาจะเข้ามาหาเรา มันไม่ใช่

จะไปบอกว่านี่ไม่ได้เหยียดนะ แต่สิ่งที่คุณพูดมันคือการเหยียด และเอาตรง ๆ นะ คนที่เจ๋งจริง ๆ เขาไม่พูดหรอก เขาอมภูมิ เขาไม่อวดภูมิเรื่องพวกนี้ แหม่…จะไปสอนคนให้ไปจีบหญิงให้มีเมียน้อยได้

มันเป็นกติกาที่ใช้ไม่ได้เลยนะ ฝากบอกครูตี๋นะ จากครูกะปินะ คนจริงเขาต้องอมภูมิเขาไม่อวดภูมิหรอกลูก เชื่อพ่อ…อยู่ดี ๆ อยู่ในที่ของตัวเอง ไม่ต้องออกมาสาระกับคนอื่นแล้วเรื่องแบบนี้มันเป็นการชักจูง ทำให้คนที่ไปทำเลียนแบบคุณ หรือคิดว่าใช้ได้ แล้วไปทำเรื่องแบบนี้ขึ้นคุณรับประกันได้ยังไง ถ้าเกิดฝ่ายหญิงเขารู้ว่าคุณไปหลอกเขาแล้วเขาเอาปืนมายิงคุณตาย หรือเหตุฆ่ากันมันก็มาจากเรื่องชู้สาวเยอะ เพราะฉะนั้นสอนก็สอนให้มันอยู่ในวิถี มุมมองที่มันถูกต้อง

และทิ้งท้ายว่า “ก่อนจะหยุดพ่อเคยสุดมาก่อนลูก”

‘โซเชียล’ ยก!! ฉากปรากฏตัว ‘คุณยายบรรเจิดศรี’ ในวัย 98 ปี แม่ผู้เขียนบท-ย่าแท้ๆ ของอึ่ง เป็นซีนที่ดีที่สุดของตอนจบ ‘พรหมลิขิต’

โซเชียลยกซีนที่ดีที่สุด #พรหมลิขิตตอนจบ การปรากฏตัวของ ‘คุณยายบรรเจิดศรี’ ในวัย 98 ปี ในบทยายของเกศสุรางค์ ชีวิตจริงเป็นย่าแท้ๆ ของอึ่ง เป็นแม่ของผู้เขียนบท

(19 ธ.ค. 66) ปิดฉากจบบริบูรณ์ ‘พรหมลิขิต’ เป็นที่อิ่มอกอิ่มใจของแฟนละคร มีการพูดถึงแต่ละฉากสุดประทับใจ โดยเพจดังอย่าง ‘หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ’ ได้โพสต์ถึงซีนที่ตราตรึงใน #พรหมลิขิตตอนจบ กับฉาก ‘คุณยายนวล’ ยายของเกศสุรางค์ ปรากฏในความฝันของทั้ง เกศสุรางค์ที่อยู่ในร่างการะเกด และออกญาวิสูตรสาคร

โดยทางเพจเผยด้วยว่า “ซีนที่ดีที่สุดของพรหมลิขิตในตอนจบคืนนี้ คือการปรากฏตัวของ ‘คุณยายบรรเจิดศรี ยมาภัย’ นักแสดงอาวุโสในวัย 98 ปี ในบทของคุณยายนวล (ยายของเกศสุรางค์)

ซึ่งในชีวิตจริงคุณยายบรรเจิดศรีเป็นย่าแท้ๆ ของ ‘อึ่ง’ และเป็นแม่ของคุณศัลยา (ผู้เขียนบท) #จากแฟนละครขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรงนะคะ”

‘นุ่น รมิดา’ ก็เข้ามาส่งหัวใจ ขณะที่ แฟนละคร ต่างคอมเมนต์ประทับใจฉากดังกล่าวของคุณยายบรรเจิดศรี ยกให้เป็นซีนพิเศษ ซีนที่สุดอีกหนึ่งซีนด้วย อาทิ

“เป็นแฟนละครของคุณยายตั้งแต่เล็ก จำความได้ ก็เห็นคุณยายรับบท ยาย ย่า จนตอนนี้แม้อายุมากแต่เห็นท่านมีสุขภาพแข็งแรงตามอัตถภาพ เป็นเรื่องดีต่อใจมากเหลือเกินค่ะ”

“คุณยายถือเป็น MVP ของเรื่องเลยตั้งแต่ตามมา ว้าวมากๆ”

“ซีนนี้ประทับใจที่สุด ขอให้คุณยายสุขภาพแข็งแรงนะคะ”

“เป็นอีกฉากที่ร้องไห้หนักเลยค่ะแอด” เป็นต้น

19 ธันวาคม พ.ศ. 2423  วันประสูติ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

19 ธันวาคม พ.ศ. 2423 วันประสูติ ‘เสด็จเตี่ย’ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดากองทัพเรือไทย

พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอลำดับที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมารดาคือ เจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2423

พระองค์ทรงได้รับถวายพระสมัญญาจากกองทัพเรือว่าเป็น 'พระบิดาของกองทัพเรือไทย' และต่อมาได้แก้ไขเป็น 'องค์บิดาของทหารเรือไทย' เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2544 จากพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่ทรงวางรากฐานและพัฒนาปรับปรุงทหารเรือสยามให้เจริญก้าวหน้าตามแบบประเทศตะวันตก

ส่วนกรณีที่นักเรียนนายเรือพากันเรียกพระองค์ว่า 'เสด็จเตี่ย' นั้น พลเรือโท ศรี ดาวราย สันนิษฐานว่า มาจากการที่พระองค์ทรงขัดดาดฟ้าให้นักเรียนนายเรือใหม่ ๆ ที่ฝึกภาคทางทะเลบนเรือหลวงพาลีรั้งทวีปดูเป็นแบบอย่าง ในปี พ.ศ. 2462 หลังจากที่ทอดพระเนตรเห็นนักเรียนเหล่านั้นทำงานนี้ด้วยท่าทางเงอะงะเก้งก้าง โดยตรัสกับพวกนักเรียนเหล่านั้นว่า 'อ้ายลูกชาย มานี่เตี่ยจะสอนให้'

เมื่อช่วงต้นรัชกาลที่ 6 กรมหลวงชุมพรฯ ทรงออกจากราชการซึ่ง สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “…กรมหลวงชุมพรฯ ไม่ทรงสบาย ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตออกเป็นนายทหารกองหนุนอยู่ชั่วคราว ๑ จนถึงปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๖๐ จึงเสด็จกลับเข้ามารับราชการเป็นตำแหน่งจเรทหารเรือ…”

แต่กรณีนี้ ศรัณย์ ทองปาน มีความเห็นต่างออกไปโดยเห็นว่า “…ในช่วงต้นรัชกาลที่ ๖ เกิดเหตุนายทหารเรือผู้หนึ่งเมาสุราในร้านอาหารสันธาโภชน์ ที่ตำบลบ้านหม้อ แล้วเกิดวิวาทกับมหาดเล็กหลวง ทำให้รัชกาลที่ ๖ ทรงพิโรธ ดังความในพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า ‘…ปรากฏชัดว่าได้ฝึกสอนนักเรียนนายเรือในหนทางไม่ดี ทำให้มีจิตฟุ้งซ่านจนนับว่าเสื่อมเสียวินัยและนายของทหาร…สมควรลงโทษเป็นตัวอย่าง’

ประกอบกับมีข่าวลือว่า กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์กับกรมขุนนครสวรรค์วรพินิต กำลังวางแผนก่อกบฏ ชิงราชสมบัติ โดยแม้ว่าพระองค์ทรงออกจากราชการแล้วทางการก็ยังให้ตำรวจท้องที่คอยติดตามการเคลื่อนไหวของพระองค์…”

ระหว่างที่ทรงอยู่นอกราชการ กรมหลวงชุมพรฯ ทรงหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นหมอยา ใช้พระนามว่า 'หมอพร' ในช่วงนี้เองที่กล่าวกันว่า ทรงปราบนักเลงนางเลิ้งได้อยู่หมัด ได้นักเลงมาเป็นลูกน้องด้วย ช่วงเวลานี้กินเวลาราว 6 ปี พระองค์จึงได้กลับเข้ารับราชการกองทัพเรืออีกครั้ง หลังสยามประกาศสงครามกับเยอรมนี

เมื่อได้เสด็จกลับเข้ารับราชการทหารเรือและทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติราชการทหารเรือด้วยพระอุตสาหะวิริยะแล้วก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเลื่อนพระยศเป็นนายพลเรือโท และนายพลเรือเอก ทั้งยังได้โปรดเกล้าฯ เฉลิมพระอิสริยยศเป็น กรมขุนและกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตามลำดับ กับได้โปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ซึ่งเป็นตำแหน่งบังคับบัญชากำลังพลเทียบเท่าตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือในปัจจุบัน ก่อนที่จะโปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรืออันเป็นตำแหน่งสูงสุดในราชการทหารเรือ

ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ กรมหลวงชุมพรฯ ได้กราบถวายบังคมลาออกไปรักษาพระองค์ที่มณฑลสุราษฎร์ซึ่งเดิมมีชื่อว่า 'มณฑลชุมพร' อันพ้องกับพระนามกรม และได้ประชวรสิ้นพระชนม์เสียที่นั้น เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466

ตอนสุดท้าย ‘พรหมลิขิต EP.26’ ดูสดพร้อมกันคืนนี้ ลุ้น!! ความรัก ‘พ่อริด-แม่พุดตาน’ จะลงเอยเช่นไร

(18 ธ.ค.66) เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับ ‘พรหมลิขิต’ แฟนละครทุกท่านสามารถติดตามชม EP.26 ตอนจบ พร้อมกันได้ที่ทางช่อง 3HD กด 33 และช่องทางรับชมบนโทรศัพท์มือถือ กด 3Plus ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป และอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับใครที่กลัวดูสดไม่ทัน สามารถรับชมสตรีมมิ่งบน Netflix ได้เช่นกัน (คาดว่าลงหลังออนแอร์เหมือนกับหนังและซีรีส์ทั่วไป)

>> เรื่องย่อ พรหมลิขิต ตอนที่ 26 (ตอนจบ) 

พ่อริดเห็นความไม่โปร่งใสของพระยาโกษาธิบดีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อริดจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ พูดกับพระยาโกษาธิบดีตรง ๆ ว่ารู้เรื่องทุจริตทั้งหมดแล้วและขอไม่ทำงานด้วยอีก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับพระยาโกษาธิบดีเป็นอย่างมาก จนทำให้แม่หญิงแพรจีนตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว

ในขณะที่คุณหญิงจำปาเริ่มป่วยและอาการทรุดหนัก ก็ได้หลาน ๆ ผลัดกันมาดูแลอย่างใกล้ชิด แม้จะมีอุปสรรคความรักมากเพียงใด แต่พุดตานกับพ่อริดก็จับมือสู้กันมาทุกครั้ง ซึ่งการใช้ชีวิตของพุดตานก็ยังไม่เคยหยุดทำมาหากิน เธอยังขยันหาเมนูใหม่ ๆ มาทำขายที่ตลาด จนเป็นที่ติดใจทั้งขุนหลวงและหนุ่ม ๆ ที่ผ่านไปผ่านมา และระหว่างนั้นเกศสุรางค์เดินทางไปเยี่ยมตองกีมาร์เพื่อแสดงความยินดีที่เธอได้อวยยศเป็นท้าวทองกีบม้า

แล้วเมื่อเวลาผ่านไป จู่ ๆ วันหนึ่งเกศสุรางค์ได้ฝันเห็นยายนวลที่มาหาหลาน ๆ ซึ่งยายมาเพื่อบอกให้ทุกคนเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านพ้นไป เกศสุรางค์บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ลงสมุดบันทึกและปิดสมุดลงพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข

18 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ‘ไทยคม’ ดาวเทียมดวงแรกของไทย ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจร 

วันนี้ เมื่อ 30 ปีก่อน ดาวเทียมไทยคม (THAICOM) ดาวเทียมดวงแรกของไทย ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรจากฐานส่งของบริษัท แอเรียนสเปซ (Arianespace) แห่งฝรั่งเศส ที่เมืองคูรู (Kourou) ประเทศเฟรนช์ เกียนา (French Guiana) ทวีปอเมริกาใต้

ดาวเทียมไทยคม สร้างโดยบริษัท ฮิวจ์ สเปซ แอร์คราฟท์ (Hughes Space Aircraft) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อให้บริการสื่อสารผ่านช่องสัญญาณดาวเทียม รองรับการสื่อสารของประเทศที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว สามารถถ่ายทอดทั้งสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง โทรศัพท์ และการสื่อสารข้อมูล มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี (ถึง พ.ศ. 2551)

ทั้งนี้ ชื่อ ‘ไทยคม’ เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน โดยย่อมาจากคำว่า Thai Communications ในภาษาอังกฤษ หรือไทยคม (นาคม) เดิมดาวเทียมดวงนี้อยู่ที่พิกัด 78.5 องศาตะวันออก เรียกชื่อว่า ไทยคม 1 เมื่อย้ายมาอยู่ที่ 120 องศาตะวันออก ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2540 จึงเรียกชื่อใหม่ว่า ‘ไทยคม 1A’

‘ลิซ่า’ เยือนร้านเจ๊ไฝ ทานข้าวอย่างอบอุ่น พร้อมร่วมยินดีคว้าดาวมิชลิน 7 ปีซ้อน

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 66 ผู้ใช้อินสตาแกรม sooin_koco ได้โพสต์คลิปวิดีโอของ ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ จากวง BLACKPINK เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับ ‘เจ๊ไฝ’ โดยไปพร้อมกับคณะผู้บริหารของบะหมี่เกาหลีชื่อดัง ‘Nongshim’ ด้วย

ทั้งนี้ ลิซ่า ทีมงาน และผู้บริหารต่างๆ ยังได้ร่วมรับประทานอาหารในร้านเจ๊ไฝ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น และสนุกสนาน ทั้งยังมีเหล่าๆ แฟนๆ คนไทยที่มารอต้อนรับลิซ่าอยู่บริเวณหน้าร้านด้วย

สำหรับร้านเจ๊ไฝนั้น กลายเป็นร้านอาหารสตรีตฟู้ดที่ดังสุดๆ ไปไกลถึงระดับโลก เนื่องจากร้านของเจ๊ไฝนั้น ได้รับการการันตรีโดยรางวัลมิชลิน 7 ปีซ้อน หลังล่าสุดในปี 2567 ก็สามารถรักษาระดับมาตรฐานไว้ได้อย่างเหนียวแน่น กอดดาวมิชลินไปครองอีกปี

17 ธันวาคม พ.ศ. 2498  วันสวรรคตของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี  พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

17 ธันวาคม พ.ศ.2498 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระนามเดิม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา เสด็จสวรรคต

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระนามเดิม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) เป็นพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกของไทย รวมทั้งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ต้นราชสกุลมหิดล ซึ่งเป็นราชสกุลที่สืบราชสันตติวงศ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน

นอกจากนี้พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งองค์สภาชนนีสภาอุณาโลมแดง อันเป็นชื่อของสภากาชาดไทยเมื่อครั้งแรกตั้งในต้นรัชกาลที่ 5 เป็นพระองค์แรกและพระองค์เดียว และองค์สภานายิกา สภากาชาดไทย พระองค์ที่ 2 และทรงสร้างสถานพยาบาลขึ้น ปัจจุบัน คือ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสภากาชาดไทย

เมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระราชนัดดา เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเฉลิมพระนามสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ขึ้นเป็น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตามพระราชสัมพันธ์ของพระองค์กับรัชกาลที่ 8 คือพระอัยยิกา (ย่า) และดำรงพระอิสริยยศนี้จนตลอดพระชนมายุ

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีพระชนม์ชีพยาวนาน 6 รัชกาล ก็ทรงพระประชวรหลังตกจากพระที่นั่งสูง 6 ฟุตกระแทกกับพื้นห้องทำให้พระอัฐิที่คอต้นพระเพลาหัก และต้องรักษานานถึง 3 เดือน ต่อมาอีก 5 ปี ก็ประชวรด้วยมีอาการอักเสบที่พระปับผาสะ

วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมายังวังสระปทุมเมื่อเวลาประมาณ 2 ยาม เนื่องจากคณะแพทย์ที่ถวายการรักษาสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้ากราบบังคมทูลว่าพระอาการหนักสุดที่จะแก้ไขแล้ว พระชนมชีพคงจะถึงที่สุดในไม่ช้า ภายในห้องพระบรรทมของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้านั้น พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงยืนอยู่ปลายพระบาท พร้อมด้วยคณะแพทย์และพยาบาลที่เฝ้าพระอาการ ส่วนหน้าห้องพระบรรทมนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประทับอยู่

นอกจากนั้น ก็มีเสด็จพระองค์วาปีฯ หม่อมเจ้าหลาน ๆ และข้าหลวงหมอบเฝ้าเต็มไปหมด เนื่องจากเป็นที่ทราบกันแล้วว่าพระอาการน่าเป็นห่วงตั้งแต่ 5 ทุ่ม จึงมาคอยส่งเสด็จกันพร้อมหน้าในวาระสุดท้าย หลังจากตีสองชาววังที่เฝ้าอยู่ในที่นั้นทั้งปวงต่างก็ได้ยินเสียงสวดมนต์เบา ๆ ติดต่อกันโดยหาตัวผู้สวดไม่ได้ พอผ่านไปได้ 16 นาที สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าก็เสด็จสวรรคตด้วยพระหทัยวายในพระอาการสงบ เมื่อเวลา 2.16 น. โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงถวายบังคม ‘สมเด็จย่า’ อยู่ที่เบื้องปลายพระบาทนั่นเอง สิริพระชนมายุได้ 93 พรรษา 3 เดือน 7 วัน

ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ที่ประชุมใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีฯ เป็นบุคคลสำคัญของโลก เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 150 ปีวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555 ในฐานะที่ทรงมีผลงานดีเด่นด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์สุขภาพและการอนุรักษ์พัฒนาด้านวัฒนธรรม พร้อมกับบุคคลและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกอีก 97 รายการ

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566

รางวัลที่ 1 : 356757
เลขหน้า 3 ตัว : 058 410
เลขท้าย 3 ตัว : 964 584
เลขท้าย 2 ตัว : 85

16 ธันวาคม พ.ศ. 2510  ในหลวง รัชกาลที่ 9  ชนะเลิศการแข่งขันเรือใบในกีฬาแหลมทอง

วันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของไทย โดยกำหนดให้เป็น ‘วันกีฬาแห่งชาติ’ เพื่อน้อมรำลึกถึง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงชนะเลิศการแข่งขันกีฬาเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ 

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงเข้าร่วมการแข่งขันแล่นเรือใบในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 (ปัจจุบันคือซีเกมส์) ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 4 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทองร่วมกับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดกีฬาเรือใบเป็นพิเศษ ทั้งยังโปรดที่จะต่อเรือใบพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง เนื่องจากพระองค์ทรงโปรดปรานการช่างอยู่แต่เดิมแล้ว และเรือ ‘นวฤกษ์’ เรือใบประเภท OK ที่พระองค์ใช้ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ก็เป็นเรือที่พระองค์ทรงต่อขึ้นเองเช่นกัน

เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติในพระปรีชาสามารถและในฐานะที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย คณะรัฐมนตรีจึงเห็นชอบและกำหนดให้วันที่ 16 ธันวาคมของทุกปี เป็นวัน ‘วันกีฬาแห่งชาติ’

15 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันชาสากล เครื่องดื่มยอดนิยมของโลก

วันชาสากลตรงกับวันที่ 15 ธันวาคมของทุกปี มีจุดกำเนิดจากเกษตรกรผู้ปลูกชาในอินเดีย ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมในการค้าชา

รู้หรือไม่ ทุกวันที่ 15 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันชาสากล (International Tea Day) ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยจุดเริ่มต้นของวันชาสากลมากจากเกษตรกรผู้ปลูกชาในเบงกอลตะวันตกและหลายรัฐทางตอนเหนือของอินเดีย รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องถึงสิทธิและความชอบธรรมในการค้าชาของตนเอง 

ในช่วงนั้น แม้ชาจะเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่มีการปลูกอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ แต่อุตสาหกรรมค้าชาในประเทศอินเดียกลับมีความอ่อนแอและบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกชากลุ่มเล็กๆ ในหลายพื้นที่ได้นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการปลูก ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตดีขึ้น ได้ผลิตผลเพิ่มมากขึ้น และชาที่ได้ก็มีคุณภาพดี

แต่ทว่า เกษตรกรเหล่านี้กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมในการค้าขาย พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกกดราคา จนทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง จนกระทั่งองค์กรเพื่อการสื่อสารและการศึกษาของประเทศอินเดีย (CEC - Centre for Communication and Education) ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือสิทธิของเกษตรกรและผู้ผลิตรายย่อยในประเทศ ได้เล็งเห็นถึงปัญหาและได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พวกเขาได้ร่วมมือกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเข้ามาพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ค้าชากลุ่มย่อย ๆ ให้ได้รับความเป็นธรรมในการค้าชาและทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น 

ต่อมา ชาได้ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนับตั้งแต่นั้น และได้มีการจัดตั้งให้วันที่ 15 ธันวาคมของทุกปีคือวันชาสากล เพื่อระลึกถึงคุณประโยชน์ของชาและตระหนักถึงความสำคัญของเหล่าเกษตรกรตัวเล็ก ๆ ผู้ปลูกพืชซึ่งกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่า

ทั้งนี้ ชา ถือเป็นเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับมนุษย์มายาวนานกว่า 2,000 ปี โดยชาวจีนเป็นชนชาติแรกที่รู้จักการปลูกและบริโภคชา และเมื่อเวลาผ่านไปชาได้ถูกเผยแพร่ไปปลูกยังที่ต่าง ๆ จนกลายเป็นที่นิยม การดื่มชาถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในหลายชาติทั้ง อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย

‘กระแต อาร์สยาม’ ทุ่มเงิน 2 ล้าน ถอย ‘รถดับเพลิง-รถกู้ภัย’ ปลื้มใจ!! ได้ทำดีเพื่อสังคม สร้างกุศลช่วยชีวิตผู้ที่เดือดร้อน

(14 ธ.ค.66) อิ่มบุญอิ่มสุขกันยกใหญ่ สำหรับ ‘กระแต อาร์สยาม’ นักร้องลูกทุ่งสุดแซ่บ จัดหนักจัดเต็ม ประกาศดำเนินโปรเจกต์ใหญ่ ‘โครงการบุญ 10 ล้าน 10 ที่’ ร่วมกับแฟนคลับ เพื่อสมทบทุนเงิน มอบให้กับหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นการสร้างบุญกุศลใหญ่ให้กับทุกคน

โดยเริ่มต้นด้วยที่แรกกับการส่งมอบรถดับเพลิงและรถกู้ภัย เพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชน รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท แถมยังเตรียมสร้างทั้งอาคารเรียน ห้องคลอด ลานเอนกประสงค์อีกหลายที่

พร้อมโพสต์ระบุว่า “นำบุญใหญ่มาฝากทุกท่านนะคะ #อยากให้ดูคลิปนี้จนจบ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ‘บุญที่ทำแล้วเห็นผลทันตา’ คืออะไร?

#โครงการบุญ10ล้าน10ที่ วันนี้แตรและทีมงาน KATHY Cosmetics มาส่งมอบรถดับเพลิงและรถกู้ภัย รวมถึงอุปกรณ์ดับเพลิง ถังออกซิเจน ชุดป้องกันไฟ รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท ให้กับพี่ ๆ อาสาฐานธนภพ จุดบางกรวย นนทบุรี เป็นที่เรียบร้อยนะค้า

นอกจากนี้จะมีการเตรียมสร้างทั้งอาคารเรียน ห้องคลอด ลานเอนกประสงค์อีกหลายที่เลย แตรจะมาอัปเดตในแต่ละที่เรื่อย ๆ นะคะ

วันนี้ภูมิใจมากๆ ปลื้มปิติและอิ่มในบุญใหญ่ครั้งนี้มาก ๆ เลย ที่ได้เห็นรอยยิ้มของพี่ ๆ เหล่าวีรชนนักผจญเพลิงที่ เสียสละชีวิตมามากมาย ที่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ มีจิตอาสาช่วยเหลือจากใจจริง ๆ พี่ ๆ เอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพลิงไหม้ทุกครั้ง โดยไม่เคยมีเซฟตี้จากหน่วยงานใด ทุกคนใช้เงินตัวเองซื้ออุปกรณ์ เพื่อมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกครั้ง

ตอนนี้พี่ ๆ ได้นำไปใช้ออกเหตุในหลาย ๆ ที่ แล้วค่ะ นี่คือบุญที่ทำแล้วเห็นทันตา ทำแล้วเกิดประโยชน์จริง ๆ ขอกราบอนุโมทนาสาธุในทุก ๆ บุญที่ร่วมกันสั่งหนังสือสวดมนต์ สวดพลิกชีวิต @plickcheevit และลูกค้าแบรนด์ @kathycosmetics_th ทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมในบุญอันเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ ในการช่วยชีวิตผู้คนครั้งนี้ด้วยกันนะคะ"

14 ธันวาคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันลิงโลก’ สร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ลิง

‘วันลิงโลก’ ตรงกับวันที่ 14 ธันวาคม ของทุกปี ถูกตั้งขึ้นโดย ‘Casey Sorrow’ และ ‘Eric Millikin’ นักศึกษาจาก Michigan State University ในปี 2000 ต่อมาวันดังกล่าวมีการสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ลิง สัตว์โลกที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด

ลิงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับวานร มีมากกว่า 260 ชนิด อาศัยอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ลิงเป็นสัตว์ฉลาด โดยลิงและมนุษย์มีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อนที่จะมีวิวัฒนาการแยกตัวออกจากกัน

อย่างไรก็ตามลิงหลายสายพันธุ์ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย เผชิญภัยคุกคามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกล่า การถูกทำลายแหล่งอาศัย และอื่น ๆ 

ในประเทศไทยมีลิงหลากหลายชนิด โดยมี 6 ชนิดที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง คือลิงกัง ลิงลม ลิงวอก ลิงเสน ลิงแสม ลิงอ้ายเงี้ยะ โดยห้ามจับล่า ห้ามค้า หรือครอบครอง

‘เจ็ตสกีเวิลด์คัพ’ ประกาศความสำเร็จต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาวเวอร์ สร้างประโยชน์ชาติ 4 ด้าน พร้อมเปิดศึกเมืองพัทยา 13-17 ธ.ค.นี้

‘ศึกเจ็ตสกีเวิลด์คัพ’ ประกาศความสำเร็จสมบูรณ์แบบในฐานะต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาวเวอร์ไทย และสปอร์ตทัวริซึ่ม ‘WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023’ พร้อมจัด 13-17 ธันวาคม 2566 ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา และก้าวขึ้นเป็นคอนเทนต์กีฬาเจ็ตสกีพรีเมียม อันดับที่ 1 ของโลก ที่สร้างประโยชน์หลักชาติไทย 4 ด้าน ได้แก่ นำเข้าผู้ร่วมกิจกรรมจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน เติบโตขึ้นเทียบชั้น ‘มหกรรมกีฬา’ สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน, ประชาสัมพันธ์เมืองไทยโดยถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม 121 ประเทศ ผู้ชมกว่า 100 ล้านคน, นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก และยกระดับสร้างชื่อเสียงชาติไทยในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 66 จากการแถลงข่าวร่วมกันของ คุณณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, คุณสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, คุณ วีรพงศ์ พงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, คุณวงศ์สถิตย์ สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย และ พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ในฐานะประธานอำนวยการ จัดการแข่งขันฯ เปิดเผยว่า…

‘WGP#1 โมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาแบรนด์ทัวร์นาเมนต์กีฬาไทย เพื่อให้เกิดการเติบโตด้านทรัพย์สินทางปัญญา และพัฒนากีฬาไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างยั่งยืนบนเวทีโลกขณะนี้ กล่าวได้ว่า ทัวร์นาเมนต์ ‘WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023’ ที่จะเริ่มแข่งขันวันที่ 13-17 ธันวาคม 2566 ณ เมืองพัทยา ประเทศไทย ได้ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ สร้างความเชื่อถือต่อคณะนักกีฬา ได้รับความสำคัญเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาเจ็ตสกี อันดับที่ 1 ของโลก อย่างเป็นทางการแล้ว มีจำนวนทีมแข่งนานาชาติ นักกีฬามือหนึ่งของโลกมากกว่าทุกๆ ทัวร์นาเมนต์

ทัวร์นาเมนต์ WGP#1 ของไทย กำลังมีอิทธิพลด้านซอฟต์พาวเวอร์ครอบคลุมกว่า 55 ชาติ ในการแข่งขันบนทวีปต่างๆ ประเทศไทยมีเครื่องมือการขยายงานที่สำคัญคือ ‘การเป็นเจ้าของทัวร์นาเมนต์ เจ็ตสกีเก็บคะแนนชิงแชมป์โลก’ หรือ ‘World Series’ ที่จัดบนทวีปหลักของโลก 3 ทวีป ได้แก่ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา และทวีปเอเชียที่ประเทศไทย โดยขณะนี้ WGP#1 ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ควบคุมนโยบายการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีทั่วโลกในปัจจุบัน

งานหลักที่ขับเคลื่อนเป็นสิ่งแรก ก็คือ สนามตัดสินชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ดีที่สุดในโลก ต้องอยู่ที่ประเทศไทย เพื่อนำเข้าทีมงานรวมกว่า 3,000 คน และสามารถสร้างการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของภาครัฐด้วย ที่จะผลักดันเป็นโครงการสปอร์ตทัวริซึ่ม ที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายรัฐบาล ยังไม่รวมด้านผู้ชมอีกกว่า 5,000 คน ใน 4 วัน จึงเท่ากับทัวร์นาเมนต์กีฬาครั้งนี้ จะขับเคลื่อนผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 8,000 คน

การเติบโตนี้พัฒนาถึงขั้น ‘มหกรรมกีฬานานาชาติ’ แล้ว ตอบสนองด้านการสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ดี เป็น 1 ใน 4 เป้าหมายของ WGP#1 ด้านที่ 2 คือ การสร้างโอกาสประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปบนเวทีโลก โดยถ่ายทอดสดออกไป 121 ประเทศ มีผู้ชมกว่า 100 ล้านคน ด้านที่ 3 นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก ซึ่งสร้างประโยชน์ต่อยอดได้อีกหลายมิติ และด้านที่ 4 ยกระดับสร้างชื่อเสียงของชาติไทย ในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก สร้างเกียรติยศด้านกีฬาอย่างสูง ทั้งหมดเป็นความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น ขอขอบคุณการสนับสนุนของ การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, โตโยต้า, การบินไทย, สยามวอเตอร์คราฟ, เทอมินอล 21, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ฟรีด้อมเรซซิ่ง, JETPILOT โรงแรมดิวารี, เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, สมาคมกีฬาเจ็ตสกีโลก IJSBA และสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย

13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงรับ ‘คุณทองแดง’ เป็นสุนัขทรงเลี้ยง

วันนี้ เมื่อ 25 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงรับ ‘คุณทองแดง’ เป็นสุนัขทรงเลี้ยง

คุณทองแดง เป็นลูกของ ‘แดง’ สุนัขจรจัดบริเวณซอยศูนย์แพทย์พัฒนา ถนนพระราม 9 เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงนำมาเลี้ยงหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9 และนายแพทย์คนหนึ่งนำคุณทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตร คุณทองแดงเกิดหลังลูก ๆ ของคุณมะลิไม่กี่วัน และทรงยกให้คุณมะลิเลี้ยงดู ทองแดง มีพี่น้องรวม 7 ตัว ซึ่งชาวบ้านตั้งชื่อให้ว่าทองแดง เพศเมีย, คาลัว เพศเมีย, หนุน เพศเมีย, ทองเหลือง เพศผู้ ได้ไปอยู่บ้านของข้าราชบริพารคนหนึ่ง, ละมุน เพศเมีย, โกโร เพศเมีย, โกโส เพศเมีย

คุณทองแดงมีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายตัวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ขณะมีอายุได้ 5 สัปดาห์ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงค้นในหนังสือว่า ‘คุณทองแดง’ มีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดทางแอฟริกาใต้ นิยมใช้งานในการล่าสัตว์ แต่ ‘คุณทองแดง’ มีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกคุณทองแดงว่าเป็นสุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ ก่อนหน้านี้ทรงเรียกว่า เป็นสุนัขพันธุ์เทศ (ย่อมาจาก เทศบาล)

คุณทองแดงเป็นสุนัขทรงเลี้ยงตัวโปรดและปรากฏตัวตามสื่ออยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพระราชนิพนธ์เรื่อง 'ทองแดง’ หรือ ส.ค.ส. พระราชทาน โดยพระองค์ทรงฉายพระบรมรูปร่วมกับสุนัขทรงเลี้ยงต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2549-2559 รวมไปถึงระหว่างที่พระองค์ประทับรักษาพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลศิริราช ก็มีคุณทองแดงเฝ้าติดตามพระวรกายไม่ห่าง จนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 หลังอายุได้ 17 ปี คุณทองแดงก็สิ้นลมหายใจด้วยโรคชรา ณ วังไกลกังวล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top