Sunday, 15 June 2025
LITE

12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน เลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและขบวนราบ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.30 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและขบวนราบ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ณ ท่าวาสุกรี

ในครั้งนั้น บรรยากาศตลอดเส้นทางขบวนเรือพระราชพิธี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ตั้งแต่บริเวณท่าวาสุกรีจนถึงท่าราชวรดิฐ มีปวงชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เฝ้ารอรับเสด็จเนืองแน่น

เพื่อสัมผัสบรรยากาศแห่งความงดงามของประเพณีและวัฒนธรรมไทยของริ้วขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาติเพียงแห่งเดียวของโลก พร้อมกับการได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในเส้นทางเสด็จพระราชดําเนินเป็นเส้นทางเดียวกับที่เคยใช้มาตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

‘เบสท์ คำสิงห์’ เคลื่อนไหว หลังคุณพ่อเจอข่าวหนัก ท่ามกลางชาวเน็ตแห่ซัปพอร์ต ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้

(11 ธ.ค.66) กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนติดตาม หลังสาวอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยอ้างว่า ถูกอดีตนักมวยดัง ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ กระทำอนาจารในโรงแรม หลังรู้จักกันในผับแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น 

ล่าสุดในอินสตาแกรมของ ‘เบสท์ - รักษ์วนีย์ คำสิงห์’ ลูกสาวสุดรักของ ‘สมรักษ์’ ได้โพสต์ภาพไปหน้าที่บรรจุอัฐิคุณยาย ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว เขียนข้อความว่า "ที่สุดของหัวใจเบสท์”

โดยหลังจากโพสต์เผยแพร่มีแฟนๆ แห่เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจสาวเบสท์อย่างมากมาย อาทิ เป็นกำลังใจให้น้องนะคะ น้องเก่งมาก ผ่านอะไรมาตั้งหลายอย่างแล้ว ขอให้ครั้งนี้ผ่านมันไปให้ได้, ยิ้มเยอะๆ นะคนสวย ปัญหาทุกอย่างเข้ามาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป แฟนคลับอยู่ข้างๆ น้องเบสเสมอ กอดๆ, เข้มแข็งไว้นะพี่เบสท์

'สมรักษ์’ ยัน!! ไม่ได้ข่มขืนหญิงสาว-ไม่รู้เป็นเด็กอายุ 17 ปี พร้อมตั้งทนาย ให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย

(11 ธ.ค.66) ความคืบหน้ากรณีหญิงสาววัย 17 ปี ชาว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับ 'สมรักษ์ คำสิงห์' อดีตนักมวยทีมชาติไทยเหรียญทองโอลิมปิก โดยกล่าวหาว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลังไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น กระทั่งถูกพาไปล่วงละเมิดทางเพศที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เหตุเกิดเวลาประมาณ 03.30 วันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 เพจเฟซบุ๊ก 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 'สมรักษ์' ยืนยันไม่ได้ข่มขืนหญิงสาวที่เข้าแจ้งความ มีหลักฐานวงจรปิดหลายมุม เผยไม่รู้ว่าเป็นเด็กอายุ 17 ปี

สำหรับ กรณีเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความกล่าวโทษ อดีตนักมวยเหรียญโอลิมปิกคนดัง ทางผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถาม นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ถึงกรณีดังกล่าว โดยนายสมรักษ์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าว ตนเองทราบแล้ว และได้แต่งตั้งให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

นายสมรักษ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่ได้ข่มขืน ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายและนักชกเหรียญทองโอลิมปิก ตนไม่มีทางทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และตนเองก็ไม่ทราบมาก่อนว่า เด็กคนดังกล่าวอายุ 17 ปี

จากการรายงานของผู้สื่อข่าว เผยว่า นายสมรักษ์ บอกว่า ตนเองมาเที่ยวตามประสาคนเที่ยวทั่วไป ส่วนน้องเค้าก็มาเที่ยวของน้องเค้า และมาที่โต๊ะเดียวกัน ก่อนจะตามกันไปที่โรงแรม ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องรอพิสูจน์ ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืนใคร และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด ในคืนนั้นมีเพียงการถอดเสื้อผ้า และหอมกอดกันธรรมดา ก่อนจะถามอายุว่าเท่าไหร่ บอกว่า 17 พอรู้ก็ตกใจเลย จึงบอกว่าไม่ได้ๆ ก่อนจะนอนหลับอยู่บนเตียงเลย กระทั่งถูกถ่ายภาพตอนหลับเข้าแจ้งความดังกล่าว

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐานหลายมุม ส่วนตัวไม่อยากพูดอะไรมาก ทุกอย่างให้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ข่มขืนอย่างแน่นอน

นายสมรักษ์ ได้บอกอีกด้วยว่า ตอนนี้ตนเองเซ็นใบหย่ากับภรรยานานแล้ว ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนเองไม่อยากพูดเยอะ เพราะน้องก็เป็นเด็ก

11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ในหลวง รัชกาลที่ 10 นำพสกนิกร ร่วมกิจกรรม ‘ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad’

วันนี้เมื่อ 8 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เป็นประธานจัดกิจกรรม ‘ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad’

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชปณิธานที่จะจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ ผู้ทรงมีพระคุณอันประเสริฐ เปรียบดุจพ่อของแผ่นดิน

โดยมีพระราชประสงค์จะจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และจัดแสดงโขนกลางแปลงพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร่วมใจแสดงความกตัญญูและทดแทนคุณพ่อ เพื่อสร้างเสริมความสามัคคีของชาวไทยทั้งชาติ เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง มีจิตใจแจ่มใส และเพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ชื่นชมศิลปวัฒนธรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต รับสนองพระราชปณิธานจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ภายใต้ชื่อ ‘ปั่นเพื่อพ่อ Bike For Dad’

โดยกิจกรรมปั่นจักรยาน จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.00 น. โดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม

วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่ในหลวง รัชกาลที่ 7 พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นกฎหมายลำดับศักดิ์สูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองของประเทศ ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแล้วทั้งสิ้น 19 ฉบับ อันแสดงให้เห็นถึงความขาดเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ไทยเชิงการเมืองการปกครอง เมื่อคณะราษฎร ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการสายทหารบก ทหารเรือ และสายพลเรือน จำนวน 99 คน โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้า ได้ร่วมกันทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศจากพระมหากษัตริย์ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า ‘พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว’ สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ ได้แก่ การที่กำหนดว่า อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ

1. พระมหากษัตริย์
2. สภาผู้แทนราษฎร
3. คณะกรรมการราษฎร
4. ศาล

ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่าง ๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎร จึงจะใช้ได้สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้ว จึงจะมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้ว พิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม

กระทั่งถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวรซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครอง เป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็น ที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

‘อาร์ต พศุตม์’ ดีใจ!! มีเงินเก็บ 10 ล้านบาทตามเป้า หลังผันตัวเป็นพ่อค้าหมูกรอบ บวกกับรับงานในวงการ

(9 ธ.ค.66) ต้องยอมรับเลยว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหนุ่มที่ขยันทำมาหากินสุดๆ สำหรับ ‘อาร์ต พศุตม์’ ถ้าใครที่เป็นแฟนคลับก็จะเห็นว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนั้น ไม่ธรรมดานอกเหนือจากงานในวงการแล้วก็ยังเป็นพ่อค้าขายหมูกรอบอีกด้วยแถมในตอนนี้ก็ยังมีลูกค้าอุดหนุนมากมาย

ล่าสุด อาร์ต พศุตม์ ได้มีโอกาสออกมาเปิดใจ บอกว่า ตั้งใจจะเก็บเงินก่อนถึงสิ้นปี 10 ล้านบาท แต่ตอนนี้ก็สามารถทำได้แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มาจากการขายหมูกรอบเพียงอย่างเดียว เพราะยังรวมมาจากงานในวงการ งานอีเวนต์และงานโฆษณาต่างๆ อีกด้วย

และนอกจากนี้ยังบอกอีกว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเพราะอยู่ในวงการ สะสมชื่อเสียงมา 17 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้หนี้สินก็เหลืออยู่ประมาณ 1 ล้านบาท แต่ก็อยากให้เป็นอยู่แบบนี้ เพราะถือว่าเป็นแรงผลักดันในการทำงานนั่นเอง

9 ธันวาคม ของทุกปี  เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ร่วมสร้างการตระหนักรู้เรื่องทุจริต

วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปี ถูกกำหนดขึ้นให้เป็น ‘วันต่อต้านการทุจริตสากล’ หรือ ‘วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล’ (International Anti-Corruption Day) 

วันต่อต้านการทุจริตสากล ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหภาพสากล (The United Nation : UN) ที่มีมติเห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต พ.ศ. 2546 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2546 จากนั้นประเทศภาคีสมาชิก จำนวน 191 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญาระหว่างวันที่ 9 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2546 ณ เมืองเมอริด้า ประเทศเม็กซิโก

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักของผู้คนในเรื่องการทุจริต อันส่งผลกระทบต่อทั้งความมั่นคงของรัฐบาล เป็นตัวถ่วงการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังทำลายรากฐานของประชาธิปไตย และสร้างความตระหนักในบทบาทของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตในการต่อสู้และป้องกัน

ดังนั้น UN จึงได้กำหนดให้ทุกวันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็น ‘วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล’ สำหรับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 ได้กำหนดประเด็นความร่วมมือที่สำคัญของรัฐภาคี 3 ประการ ดังนี้

1. ด้านมาตรการเชิงป้องกัน : ทุกประเทศต้องมุ่งป้องกันปัญหาคอร์รัปชันเป็นอันดับแรก
2. ด้านการบัญญัติความผิดทางอาญา : ทุกประเทศต้องถือว่าการคอร์รัปชันทุกรูปแบบคืออาชญากรรม 
3. ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ : ทุกประเทศต้องให้ความร่วมมือในการทำให้อนุสัญญามีผลในทางปฏิบัติได้จริง

‘นายกฯ’ ดัน ‘มวยไทย’ ซอฟต์พาวเวอร์เบอร์ 1 ของไทย เล็งต่อยอดอาชีพนักมวย - สร้างรายได้จากทุกมิติ

(8 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงภายหลัง นายพิมล ศรีวิกรม์ กรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา นำผู้บริหาร One Championship พร้อม ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ว่า 

“ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับต้นของประเทศไทย เป็นกิจกรรมที่มีคำว่าไทยอยู่ด้วย และมวยไทยให้คุณค่าซอฟต์พาวเวอร์ความเป็นไทยเยอะ ตัวอย่าง ค่ายมวยไทยในประเทศอังกฤษมีประมาณ 5 - 6 พันแห่ง จึงเป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับ 1 ที่ถูกส่งไปทั่วโลก มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล มีการถ่ายทอดสดเป็น live Streaming รวมไปถึงการขายสินค้าและอุปกรณ์ เช่น กางเกงมวย นวม ที่ทำประโยชน์ให้ประเทศไทย กีฬามวยไทยถึงแม้นักมวยจะอายุมากถึง 41 ปี เหมือนนายบัวขาว ถ้ารักษาตัวดี ก็ยังสามารถเป็นความหวังและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมมวยไทย 

นอกจากนั้น คนไทยอยากมีอาชีพที่มั่นคง เพราะหากย้อนไป 30 - 40 ปีที่แล้ว อาชีพนักมวยมีระยะสั้น อายุนักมวยที่ขึ้นชกก็สั้นบางคนแค่ 3 - 4 ปี แต่หากดูแลตัวเองดีอายุ 40 - 50 ปี ก็ยังขึ้นชกได้ หากไม่อยากชกต่อก็สามารถเอามวยไทยไปบรรจุในกิจกรรมอื่น เช่น ในวิชาพลศึกษา หรือตั้งค่ายมวยในต่างประเทศ และจะเป็นช่องทางขยายอาชีพให้กับนักมวยไทย เช่นเดียวกับนักฟุตบอล ที่ไปเป็นโค้ด หรือผู้ฝึกสอนให้กับหลายสโมสร เป็นการต่อยอดอาชีพที่มั่นคงสร้างรายได้ต่อไป จากนี้จะเป็นการคิกออฟซอฟต์พาวเวอร์อันดับ 1 ของประเทศได้”

นายเศรษฐา กล่าวว่า “รายการ One Championship มีการถ่ายทอดสดและมีผู้ชมหลายร้อยล้านคน ทำให้แปลกใจ เหตุใดมีผู้ชมจำนวนมาก ทำให้คิดว่ามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีศักยภาพสามารถไปได้อีกไกลมาก และทำรายได้ให้ประเทศ โดยเชื่อมโยงไปกับการท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต มีการเข้าแคมป์เรียนมวยไทย ขณะที่เวทีมวยราชดำเนิน เวทีมวยลุมพินี เป็นศูนย์รวมขนาดใหญ่ใครอยากเรียนชกมวยก็มาเยี่ยม จึงต้องมีการส่งเสริม ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ธ.ค.จะมีการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกมวยไทย ที่เวทีมวยลุมพินี และถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ตนจะถือโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมการแข่งขัน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีแนวทางจะผลิตนักมวยอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ต้องมีหลายด้าน ทั้งการดูเรื่องตรวจคนเข้าเมือง ที่ต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีนักมวยไทยหลายคนอยากไปสอน และตั้งค่ายมวยในต่างประเทศ แต่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวทำให้ผิดกฎการเข้าเมือง ขณะที่คนที่สนใจกิจกรรมมวยไทย และอยากเข้ามาเรียนมวยไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ต้องอำนวยความสะดวกให้คนที่เข้ามาคนที่เข้ามา”

เมื่อถามว่า อยากเห็นปลายทางของมวยไทยอย่างไร อยากให้มวยไทยไปทั่วโลก หรือให้นักท่องเที่ยวและนักมวยต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า “ที่ถามมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เราอยากสร้างรายได้เสริมให้คนที่ต้องการมาทำกิจกรรมมวยไทย ตั้งแต่ผู้ผลิตกางเกงเจ้าของสนามมวย การท่องเที่ยว สำคัญที่สุดคือต่อยอดอาชีพให้นักมวยไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายกฯ ได้โชว์เข็มขัดแชมป์เปี้ยนโลก WBC ขนาดย่อ ที่สวมข้อมือด้านขวาให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ ส่วนเข็มขัดของจริง ประธานสภามวยโลกจะเป็นผู้นำมาโชว์ในงานอะเมซซิ่งมวยไทย ที่จัดระหว่างวันที่ 2 - 5 ก.พ. 2567

8 ธันวาคม พ.ศ. 2484  ญี่ปุ่น ยกพลขึ้นบก เหยียบแผ่นดินไทย  ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านไปตีพม่าและมลายู

การยกพลขึ้นบกของกองทัพญี่ปุ่น เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (ค.ศ.1941) ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. เมื่อกองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ปัตตานี และบางปู สมุทรปราการ และบุกเข้าประเทศไทยทางบกที่อรัญประเทศ กองทัพญี่ปุ่นสามารถขึ้นบกได้โดยไม่ได้รับการต่อต้านที่บางปู ส่วนทางภาคใต้และทางอรัญประเทศมีการต่อสู้ต้านทานอย่างหนักของทหารไทย ประชาชนทั่วไปและอาสาสมัครที่เป็นเยาวชน ที่เรียกว่า ยุวชนทหาร ในบางจังหวัด เช่น การรบที่สะพานท่านางสังข์ จังหวัดชุมพร

โดยกลุ่มยุวชนทหารและกองกำลังผสมทหารตำรวจซึ่งกำลังจะต่อสู้ปะทะกันอยู่ที่สะพานท่านางสังข์ โดยที่กลุ่มยุวชนทหารนั้นมีผู้บังคับการคือร้อยเอกถวิล นิยมเสน ในระหว่างการสู้รบร้อยเอกถวิลนำกำลังยุวชนทหารออกมาปะทะกองทหารญี่ปุ่น แม้ร้อยเอกถวิลจะถูกทหารญี่ปุ่นยิงเสียชีวิต แต่ยุวชนทหารยังคงสู้ต่อไปจนกระทั่งรัฐบาลสั่งหยุดยิง เมื่อเวลา 11.00 น. โดยประมาณ

และในที่สุดรัฐบาลไทยโดยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ได้ประกาศอนุญาตให้ทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยได้

และในวันที่ 8 ธันวาคม ของทุกปี ยังถือเป็น ‘วันนักศึกษาวิชาทหารอีกด้วย’

‘หนุ่ม กรรชัย’ แจ้งข่าวชนะคดีอาจารย์ดัง  พร้อมจ่อฟ้องแพ่งต่อ หลังคู่กรณีไม่สำนึก

(7 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘หนุ่ม กรรชัย’ โพสต์ข้อความผ่านเพจ ‘หนุ่ม กรรชัย’ ระบุว่า

สวัสดีครับ ผมกรรชัยเองครับ

ผมขออนุญาตแจ้งข่าวในคดี เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าใจผิดจากบุคคลบางท่านนะครับ

จากกรณีที่ผมได้มีการฟ้องร้องอาจารย์ท่านหนึ่งในหลายคดีทั้ง อาญาและแพ่ง และในวันนี้ในส่วนของคดีแพ่งนั้น ศาลท่านได้พิพากษาแล้วนะครับ ว่าผมได้ถูกจำเลยท่านนั้นกระทำผิดโดยการละเมิดจริงในการพูดจาให้ร้ายผมต่างๆ นานา เพื่อทำให้ผมเสียหาย การฟ้องแพ่งครั้งนี้ผมไม่ได้เรียกร้องเป็นตัวเงินไป เพราะอยากให้เห็นว่าผมไม่ได้ต้องการตัวเงิน แต่ผมต้องการความเป็นธรรมจากขบวนการยุติธรรมและจากศาล เพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นว่าบุคคลทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และผมจะได้นำเอาคำพิพากษาศาลแพ่งนี้ แถลงเข้าไปในคดีอาญาตามกระบวนการต่อไปด้วย

ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนนะครับว่า ถึงแม้จำเลยจะไม่ได้เอ่ยชื่อตัวโจทก์ แต่ความเชื่อมโยงที่จำเลยได้มีการพูดซ้ำๆ และโยงไปหลากหลายประเด็นก็สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าเขาละเมิด มีเจตนาไม่สุจริต ทำให้โจทก์เสียหาย และผมกำลังหารือกับที่ปรึกษาทางกฏหมายว่าจะฟ้องแพ่งครั้งต่อไป เพราะบุคคลท่านนี้ไม่สำนึก และยังทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเกินไป ซึ่งในคดีต่อไปผม จะเรียกค่าเสียหายเป็นตัวเงินด้วย เพราะผมรู้สึกว่าจำเลยไม่ได้สำนึกในการกระทำความผิดแม้แต่น้อย ถึงแม้ศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาว่าจำเลยผิดแล้วก็ตาม ขอบคุณครับ

ปล. ผมฟ้องไป 4 กรรม 3 กรรมรอศาลอาญาพิจารณา และกรรมสุดท้ายศาลพิพากษาจำเลยผิดจริงตามคำฟ้อง 

ผมสมเพชคนที่ศาลพิพากษาว่าผิดจริง แต่ออกมาบอกว่าตัวเองชนะ ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรรออยู่ข้างหน้า

สุดท้ายผมต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มอบให้ผมด้วยครับ

๗ ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี  กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชันษา 45 ปี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลากหลายด้าน ทางด้านกฎหมาย ทรงส่งเสริมหลักการยุติธรรมในสังคม โดยเฉพาะสตรีและผู้ต้องขังหญิง อีกทั้งส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติ โดยทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญา สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ

อีกหนึ่งพระราชกรณียกิจอันเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย โดยทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยวัตถุประสงค์ในการบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนคนไทย ทั้งในยามประสบภัยพิบัติ และส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันประสูติ ขอพระองค์ทรงมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของประชาชนคนไทยสืบไป ทรงพระเจริญ

‘เก่ง ธชย’ งง!! เจอดรามาหลังร่วมงาน ‘แอนโทเนีย’ เหตุเป็น PD มิสแกรนด์ เชื่อ!! ‘บอสณวัฒน์’ เข้าใจ

(6 ธ.ค.66) เจอดรามาสงครามนางงามเข้าจนได้ สำหรับศิลปินมากความสามารถที่โดดเด่นเรื่องวัฒนธรรมไทยอย่างพ่อยักษ์ ‘เก่ง ธชย’ ที่รับงานแสดง ขับร้องเสภา ซึ่งเป็นการแสดงเพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ร่วมกับการแสดงคณะหุ่นละครเล็ก โจหลุยส์ ในงานกิจกรรมวันพ่อ

พร้อมการแสดงพระแม่ธรณีบีบมวยผมในชื่อ พระมาตุเรศ วสุนธรา เทวีแห่งแผ่นดิน ของ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโชว์สุดอลังการและแสนประทับใจครั้งนี้

แต่มิวายมีแฟนนางงามบางกลุ่มดรามาติติงว่า "เก่ง ธชย เป็น PD (โปรดิวเซอร์) กองประกวดมิสแกรนด์มุกดาหาร 2024 ร่วมงานกับ MU ได้ด้วยหรือ?" ทำเอา ‘เก่ง ธชย’ ถึงกับยืนงงในดงสงครามนางงาม แต่หลายๆ คอมเมนต์ก็เข้าใจถึงบริบทการเป็นศิลปิน

โดย ‘เก่ง ธชย’ เผยว่า "เห็นข่าวแล้วตกใจ งงมากครับว่า ดรามาอะไรกัน ทำไมโยงกันมั่วแบบนี้แล้วคนที่เสียหายมันคือผมเต็มๆ อาชีพหลักเราคือ ศิลปิน นักร้องนักแสดง ที่ผมเน้นวัฒนธรรมไทยอย่างชัดเจน มีงานพ่อของแผ่นดิน น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ติดต่อเข้ามาให้ขับเสภา ประกอบกับการแสดงร่วมกับหุ่นละครเล็ก โจหลุยส์ ที่เราร่วมงานด้านวัฒนธรรมกันเป็นประจำอยู่แล้ว ผมก็รับงานปกติ

และก็ทราบเพิ่มเติมว่ามี ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ มาร่วมการแสดงด้วย และทั้งหมดมันคือโชว์ที่ทุกฝ่าย ทุกคนตั้งใจทำให้ออกมาให้ดีที่สุด เป็นการนำเสนอวัฒนธรรมไทยที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ตอนรับงานผมก็คิดดีแล้วว่า มันคืองานแสดง ในบริบทของงานศิลปิน

ครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเป็น PD (โปรดิวเซอร์) หรือเวทีประกวดใดๆ ถ้าเป็นในส่วนของการเป็น PD (โปรดิวเซอร์) มิสแกรนด์มุกดาหาร 2024 ผมก็เต็มที่ ทำให้ออกมาให้ดีที่สุดอย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน และผมมั่นใจว่า ทางบอสณวัฒน์ และเวทีแม่อย่างมิสแกรนด์ไทยแลนด์เข้าใจ, ให้เกียรติ และเคารพการตัดสินใจในการทำงานในส่วนนี้ของผมครับ

ผมไม่เข้าใจว่า มาโยงกันทำไม ผมรู้ดีว่าผมทำหน้าที่อะไร ในบริบทไหน ยิ่งงานที่เราได้โชว์ในด้านวัฒนธรรมของไทยแล้วเนี่ย เราคนไทยควรสนับสนุนกันนะครับ อย่ามาตั้งแง่ งอแงกันเลย ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยมันจะไปไกลได้มากขึ้นนะครับ ผมต้องขอบคุณทุกคนที่เข้าใจ รวมถึงคนเห็นต่าง แต่อย่างที่บอกไปข้างต้นแหละครับ แยกแยะกันหน่อยครับ คนที่ตั้งใจทำงานด้านวัฒนธรรมมันก็มีน้อยใจเหมือนกันนะครับ ที่อยู่ๆ ก็มีดรามาแบบนี้ ขอบคุณครับ"

อัศจรรย์ผลการรักษา 'วินัย ไกรบุตร' ร่างกายเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลัง 'ขมากรรม-อโหสิกรรม' บุคคล 5 คน ตามขั้นตอนพิธีบุญ

(6 ธ.ค.66) ‘หนุ่ม คงกระพัน’ เผยคลิปล่าสุด ‘วินัย ไกรบุตร ไปลำพูนรับชื่อเจ้ากรรม 2 คนสุดท้าย’ โดย ‘เอ๋ อรชัญญาช์’ ภรรยา ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนสามี เดินทางไปหา อ.ไพศาล แสนไชย ที่ จ.ลำพูน อีกครั้ง

โดยขณะนั่งรถไป หนุ่ม คงกระพัน ได้อัปเดตอาการ ‘เมฆ วินัย’ ซึ่ง ‘เอ๋’ ได้อัปเดตอาการสามีสัญญาณดีขึ้น หลายคนสังเกตผิวเริ่มสีชมพู จากที่ดำๆ เขียวๆ ที่บางคนบอกเหมือนศพ ตอนนี้สีผิวสีหน้าก็ดีขึ้น รูปหน้ากลับเข้ารูปเดิม

ย้อนการรักษาเกือบ 5 ปี ทดลองรักษามาหลายขนาน ยาที่ใครลองแล้วหาย หรืออย่างน้อยเสมอตัว แต่ ‘วินัย ไกรบุตร’ ลองแล้วอาการยิ่งแย่ โดย ‘หนุ่ม คงกระพัน’ กล่าวว่า คนอื่นหายหมด ยาระดับโลก นวัตกรรมใหม่ คนอื่นถึงไม่หายไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยแย่ลง แต่ ‘วินัย ไกรบุตร’ แย่ลง มันแปลก

‘เอ๋’ เผยว่า อาจารย์หมอประวิตร (อาจารย์หมอที่จุฬาฯ ผู้รักษาวินัย ไกรบุตร) ซึ่งเข้าใจคนไข้มาก และเราปรึกษาอาจารย์หมอทุกอย่าง และทำในสิ่งที่ไม่กระทบการรักษา อาจารย์เคยพูดคนที่เป็นเหมือนพี่เมฆเข้ามาหาอาจารย์หายหมดแล้ว บางคนเดือนหนึ่ง บางคนสิบปี พอเราได้มาหา อ.ไพศาล ทิศทางดีขึ้น ก็ดีใจมาก ล่าสุดอาจารย์หมอถอยยาแล้ว

ซึ่งทุกครั้งที่ถอยยา ตุ่มขึ้นอย่างน้อยๆ เป็นพัน ต้องจับมือสู้ เพราะ 7-14 วันมันถึงจะเริ่มสงบ ช่วงทรมานคือ 14 วัน - 1 เดือน หลังปรับยา แต่รอบนี้ไปปรับยามาเป็นอาทิตย์เหมือนกัน นิ่ง ตุ่มไม่ขึ้น (หนุ่ม คงกระพัน ถึงกับลั่นว่า อัศจรรย์) จนถ้าวันหนึ่งร่างกายเราผลิตสเตอรอยด์ได้เอง เราถึงจะไม่ต้องใช้ยา (รายการยังเปิดภาพที่ ‘เมฆ วินัย’ เคยป่วยช่วงพีกๆ อาการรุนแรงผิวหนังเป็นตุ่มไปหมดด้วยมีเลือดออก)

โดยไปถึงบ้าน อ.ไพศาล เบื้องต้นทราบว่า อาจารย์เปิดบุพกรรม สำหรับเจ้ากรรมนายเวรอีก 2 คนที่เหลือ ก่อนจะได้พบอาจารย์ซึ่งตอนนี้มีคนมาเข้าคิวรอพบอาจารย์พบมาก ได้คุยกับผู้ช่วยอาจารย์ ทราบว่า 2 เจ้ากรรมนายเวรที่เหลือของ ‘เมฆ วินัย’ มีคนใดคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ และทั้ง 2 คนอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วย

‘BLACKPINK’ จรดปากกาต่อสัญญาใน ‘ฐานะวง’ ดันหุ้น YG Entertainment พุ่งเกือบ 23% 

(6 ธ.ค.66) วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ แถลง ‘BLACKPINK’ ได้ต่อสัญญาการทำกิจกรรมกลุ่มกับทางค่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของการทำกิจกรรมเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคนนั้น ทางวายจีกล่าวว่ายังคงอยู่ระหว่างการเจรจา

ทั้งนี้ ลิซ่า เจนนี่ จีซู โร่เซ ได้เปิดตัวในฐานะสมาชิกแบล็กพิงก์เมื่อปี 2016 โดยสัญญาฉบับแรกที่กินเวลา 7 ปี ที่ทำกับทางวายจีได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาท่ามกลางการจับตามองว่าจะมีการต่อสัญญากันครบทั้งวงหรือไม่

การต่อสัญญาครั้งนี้ทำให้วายจียังคงได้สิทธิ์บริหารจัดการการทำเพลง การจัดคอนเสิร์ต ตลอดจนกิจกรรมการโปรโมทของวงแบล็คพิงก์ต่อไป

“ผมมีความสุขที่ได้รักษาความสัมพันธ์กับ BLACKPINK ต่อไป เราจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยให้แบล็คพิงก์เปล่งประกายสุกสว่างกว่าเดิมในตลาดดนตรีโลก” ‘หยางฮยอนซอก’ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานค่ายวายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ กล่าว

ทั้งนี้ ราคาหุ้น YG พุ่งขึ้นเกือบ 23% จากข่าวการต่อสัญญากิจกรรมวงของ BLACKPINK

6 ธันวาคม พ.ศ. 2443  ในหลวง ร.5 อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ 33 รูป มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

วันนี้เมื่อ 123 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาราธนาพระสงฆ์จำนวน 33 รูป มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เพื่อทำให้เป็นวัดที่สมบูรณ์

วัดเบญจมบพิตรเดิมเป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่ครั้งสมัยใด ชาวบ้านเรียกว่า วัดแหลม หรือวัดไทรทอง

เมื่อถึงปี 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ดินระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมจนถึงคลองสามเสน เพื่อสร้างที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถส่วนพระองค์ โดยพระราชทานนามว่า ‘สวนดุสิต’ ซึ่งก็คือพระราชวังดุสิต ในปัจจุบัน ซึ่งบริเวณที่ดินที่ทรงซื้อนั้นมีวัดโบราณ 2 แห่ง คือ วัดดุสิตซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมโดยถูกใช้เป็นที่สร้างพลับพลา และวัดร้างอีกแห่งซึ่งจำเป็นต้องใช้ที่ดินของวัดสำหรับตัดเป็นถนน พระองค์จึงทรงกระทำผาติกรรม สร้างวัดแห่งใหม่เพื่อเป็นการทดแทนตามประเพณี โดยทรงเลือกบริเวณที่เป็นวัดเบญจมบพิตรปัจจุบัน เป็นวัดที่ทรงสถาปนาตามพระราชดำริว่า การสร้างวัดใหม่หลายวัดยากต่อการบำรุงรักษา ถ้ารวมเงินสร้างวัดเดียวให้เป็นวัดใหญ่และทำโดยฝีมือประณีตจะดีกว่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรวัตถุอื่น ๆ และมีพระยาราชสงครามเป็นนายช่างก่อสร้าง

ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมายังวัด ก็มีพระบรมราชโองการประกาศพระบรมราชูทิศถวายที่ดินให้เป็นเขตวิสุงคามสีมาของวัด พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตร อันหมายถึง วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 และเพื่อแสดงลำดับรัชกาลในราชวงศ์จักรี

และ พระองค์ก็ได้ถวายที่ดินซึ่งพระองค์ขนานนามว่า ดุสิตวนาราม ให้เป็นที่วิสุงคามสีมาเพิ่มเติมแก่วัดเบญจมบพิตร ครั้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ ทรงโปรดให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์จำนวน 33 รูป ซึ่งโปรดให้คัดเลือกไว้แล้ว และให้รวมฝึกอบรมอยู่ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรทำให้วัดเป็นวัดที่สมบูรณ์ และในคราวนี้เองได้พระราชทานที่วัดเพิ่มเติม และสร้อยนามต่อท้ายชื่อวัดว่า ‘ดุสิตวนาราม’ เรียกรวมกันว่า ‘วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม’ เช่นในปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top