Tuesday, 10 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

การตัดสินใจรับคำพิพากษาแบบแมน ๆ ของ 'สรยุทธ' ที่น่านับถือ

“ยืนยันว่าไม่เคยคิดจะหนี เพราะถ้าจะหนีต้องหนีตลอดชีวิต….ถ้าอยู่ในเรือนจำยังมีจุดสิ้นสุด”

การตัดสินใจรับคำพิพากษาแบบ แมนๆ ของสรยุทธ ที่น่านับถือส่วนหนึ่งของคำพูดที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดังกล่าวไว้ในขณะที่กำลังเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในชั้นศาลฏีกาของคดี “ไร่ส้ม” อันสั่นสะเทือนจริยธรรมของสื่อมวลชน แต่ด้วยความเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยมและได้รับพระราชทานอภัยโทษ จากเดิมที่ต้องโทษจำคุก 6 ปี 24 เดือน จึงลดเหลือ เพียง 3 ปี 6 เดือน 20 วัน และเมื่อหักวันต้องโทษจำคุกมาแล้วจึงเหลือโทษอยู่อีกเพียงแค่ 2 ปีเศษเท่านั้น ซึ่งเข้าข่ายหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยจะได้พักการลงโทษ ปล่อยตัวในวันที่ 13 มีนาคม 2564 นี้

แต่ต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไล EM (Electronic Monitoring) และต้องปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน รวมไปถึงต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นโทษ นี่เป็นอิสรภาพในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่น่าติดตาม แม้ว่าการพักโทษครั้งนี้อาจยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดการต้องโทษของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา แต่เมื่อ “กรรมกรข่าว” comeback เมื่อ “คนเล่าข่าวอันดับหนึ่ง” กลับคืนหน้าจอ วงการจะสั่นสะเทือนมากน้อยแค่ไหน ?

บนสังเวียนข่าวกว่า 30 ปี สรยุทธ เริ่มต้นเส้นทางนี้ที่ The Nation ในปี 2531 มา MCOT ที่เขาและรายการของเขาเป็นรายการเดียวที่ได้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีทักษิณ ในช่วงก่อนการรัฐประหาร 2549 ไล่เรียงมาจนถึงการเล่าข่าวและเป็นพิธีกรรายการข่าวถึง 4 รายการคือ เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้, เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์, จับเข่าคุย ทางช่อง 3 ซึ่งเป็นเขาที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้สังคมจากการรายงานข่าวอุทกภัยในปี 2554 อย่างเกาะติด พร้อมดึงเพื่อนในหลายแวดวงร่วมมือกันจนหาเงินบริจาคให้ชาวบ้านที่ทุกข์ร้อนได้มากมาย โดยไม่เคยมีผู้สื่อข่าวคนไหนทำมาก่อน

วีรกรรมของเขาครั้งนั้นโด่งดังขนาดที่คนนึกถึงและเรียกหาชื่อเขาก่อนนายกรัฐมนตรีเสียอีก เรียกได้ว่า สรยุทธ คือจ้าวแห่งการสื่อสารด้วยคำพูด (Speech Communication) โดยเฉพาะเรื่องเล่าของเขาที่สามารถสื่อสารไปยังผู้ชม ผู้ฟัง ได้อย่างลึกซึ้ง กว้างขวางและน่าเชื่อถือ ซึ่งเกิดจากเตรียมพร้อมและการย่อยข่าวอันเป็นพรสวรรค์ของเขา ว่ากันว่าการเตรียมพร้อมประจำวันของ สรยุทธ ตอนช่วงพีกสุด ๆ เขาต้องเดินทางมาถึงช่อง 3 ตั้งแต่ตี 4 กว่า เตรียมข้อมูลเพื่อออกอากาศ 6 โมงเช้า ช่วงบ่ายไปหาที่งีบหลับในตึกของช่อง พอบ่าย 2 โมงเริ่มเตรียมเนื้อหาข่าวเข้ารายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” วันหนึ่งเขานอนประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงเท่านั้น กิจวัตรนี้นับเฉพาะส่วนของงานข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ไม่รวมไปถึงผลงานการเขียนหนังสือและงานอื่น ๆ อีกมากมายของเขาในช่วงนั้น

โลกที่หมุนเร็วขึ้นจะเป็นอุปสรรคต่อกลับมาของสรยุทธมากน้อยแต่ไหน? การจะกลับมาอยู่บนจอท่ามกลางกระแสโซเชียลอันเชี่ยวกรากจะยากเกินไปไหม ? คำตอบคือไม่เป็นอุปสรรคและไม่ยาก หากดูจากเพจ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว” ที่มีผู้ติดตามอยู่เกิน 1 ล้านคน เขายังคงเป็น Main Influencer ของประเทศนี้ บริษัทของเขาก็ยังมีกำไรต่อเนื่องในฐานะผู้ผลิตรายการ ปัญหาของเขาน่าจะอยู่ที่ช่อง 3 นั่นเอง

แม้ทีวีดิจิตอลในวันนี้จะมีเม็ดเงินโฆษณาอยู่พอสมควรแต่การแข่งกันสร้างนักเล่าข่าวใหม่ ๆ ผนวกกับรายการข่าวที่พัฒนาทั้งรูปแบบและช่องทางเพื่อสนองต่อโลกที่ผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปสู่โลกวิถีใหม่ ก็ทำเอาทีวีดิจิตอลหลายช่องไปไม่เป็น โดยเฉพาะช่อง 3 ที่ประสบปัญหาขาดทุน มีการปรับเปลี่ยนและเลย์ออฟพนักงานอยู่หลายคราว

ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่อุปสรรคจะทำให้เรารู้ว่า “ชีวิตที่แท้จริง” เป็นอย่างไร เชื่อว่าการกลับมาของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา จะเป็นแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญของวงการข่าว สมใจบรรดาแฟนข่าวของเขา แต่การจะกลับมายืนเป็นเบอร์หนึ่งและเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจได้เหมือนเดิมหรือไม่ ? คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะหลายๆ ช่องทาง หลาย ๆ สื่อคงไม่มีใครอยู่นิ่ง ๆ แล้วให้รายการของสรยุทธกลับมากระชากเรตติ้งกลับไปเป็นของเขาเหมือนเดิมแน่ ๆ แต่ที่ได้ประโยชน์แน่ ๆ คงเป็นเรา ๆ ท่าน ๆ ผู้บริโภคข่าว เพราะต่อไปนี้รายการข่าวจะมีคุณภาพขึ้นกว่าช่วงที่ไม่มีสรยุทธอยู่แน่นอน

พาเที่ยว 'Kept Pier Cafe' คาเฟ่พัทยาล้อมด้วยทะเล ชมพระอาทิตย์ตก | Aon On Air EP.9

Aon On Air EP. นี้ อ้อนจะพาทุกคนไปที่ 'Kept Pier Cafe' คาเฟ่ที่พัทยา ซึ่งคาเฟ่แห่งนี้มีความพิเศษกว่าที่อื่นตรงที่บริเวณโดยรอบคาเฟ่ล้อมไปด้วย 'ทะเล' ทั้งหมด ! จะสวยงามขนาดไหน ตามอ้อนไปดูด้วยกันเลยค่ะ :)

'Kept Pier Cafe'

⏰ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 11.00 - 22.00

???? https://goo.gl/maps/f37yHrMuUze18MxeA 

.

.

‘เทพไท เสนพงศ์’ เท่านั้น ที่คนรัก ‘ลุงตู่’ ยอมไม่ได้!!

ความพ่ายแพ้ของตระกูล ‘เสนพงศ์’ ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบด้วย อำเภอชะอวด, อำเภอจุฬาภรณ์ เฉลิมพระเกียรติ และอำเภอพระพรหม ที่เรียกว่าเป็นฐานมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ สุดแข็งโป๊ก ไม่เคยแพ้เลยในรอบหลายสิบปี

แต่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ครั้งนี้ เทพไท เสนพงศ์ ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคที่ครองพื้นที่เจ็บปวดมาก เช่น เขตอำเภอจุฬาภรณ์ และร่อนพิบูลย์ บ้านเกิด อดีต ส.ส. และรัฐมนตรี ชื่อชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ยึดครองมาหลายสิบปีไม่เคยพ่ายแพ้

เขตอำเภอชะอวด อดีต ส.ส. ดร.อภิชาติ การิกาญจน์ ก็ยึดครองมานาน ไม่เคยพ่ายแพ้เช่น ส่วนอำเภอพระพรหม และเฉลิมพระเกียรติ ที่มีจำนวนประชากรไม่เยอะมาก และเป็นอำเภอตั้งใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่เคยพ่ายแพ้เช่นกัน งานนี้อดีต ส.ส.ชำนิ และอภิชาต หนาว ๆ ร้อน ๆ เพราะมีสิทธิ์เสียพื้นที่ถาวรให้พรรคพลังประชารัฐยาว ๆ ได้

‘คบเทพไท’ จะเรียกว่าคบเด็กสร้างบ้านได้หรือไม่?

จากผลการเลือกตั้งปรากฎ อดีตนายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ‘นายอาญาสิทธ์ ศรีสุวรรณ’ ชนะ ‘นายพงศ์สินธ์ เสนพงศ์’ โดยพื้นเพ นายอาญาสิทธ์ ศรีสุวรรณ นั้น คนที่มีนามสกุลนี้ มีพื้นเพเป็นคนอำเภอร่อนพิบูลย์ และจุฬาภรณ์ หรือเรียกว่าเป็นคนในพื้นที่เขต 3 เลยก็ว่าได้

แต่ตระกูลเสนพงษ์ เป็นคนอำเภอเชียรใหญ่ ไม่ได้อยู่ในเขตเลือกตั้งนี้ เลยมีความเสียเปรียบในเรื่องวงศาคณาญาติอยู่พอสมควร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนพื้นเพปักษ์ใต้

...ตำนานเทพไท

เทพไท เสนพงศ์ ไม่เคยได้ลง ส.ส.ในพื้นที่บ้านเกิด อำเภอเชียรใหญ่เลย เขาเข้าการเมืองมาเพราะมีชื่อเป็นนักกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง เลยคุ้นเคยกับบิ๊กเนมในรามคำแหง อย่าง ‘วัชระ เพชรทอง’ และ ‘จตุพร พรหมพันธ์’ หรือคนอื่น ๆ ที่ดังจากรั้วรามคำแหง

ในยุคแรกเขาอยู่กับ อดีต รมช.มหาดไทย ‘ชำนิ ศักดิเศรษฐ์’ ชื่อเขาโผล่ขึ้นมาในนามบอร์ดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จนพนักงานร้องยี้ เพราะไม่เคยมีชื่อนี้ในสารบบวงการการไฟฟ้า หลังจากนั้นป้ายขนาดยักษ์ของเขาติดที่สี่แยกหัวถนน ทางเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราช จนชาวบ้านงงว่าเขาเป็นใคร จะมาทำอะไร เพราะมีโลโก้พรรคประชาธิปัตย์ติดไปด้วย มารู้ทีหลังว่าคน ๆ นี้ จะกลับบ้านมาลง ส.ส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต่อมาทราบว่าพื้นที่ นครศรีธรรมราช ‘แน่นเอี๊ยด’ มีคนจับจองเต็ม ‘เทพไท’ จึงต้องตบยุงต่อไป

แต่เทพไท ก็มีวิธีลงจนได้ เพราะอดีต ‘ส.ส.ตรีพล เจาะจิตต์’ ยกพื้นที่ อำเภอทุ่งใหญ่ ให้เทพไท ‘แจ้งเกิด’ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยการมีข้อแลกเปลี่ยนให้ ตรีพล จำนวนนึง และตรีพล ไปลงสนาม ส.ว.แทน ในที่สุดเทพไท ก็ได้เป็น ส.ส. สำเร็จ แต่ ‘ตรีพล เจาะจิตต์’ แม้จะชนะเลือกตั้ง ส.ว. แต่โดนตัดสิทธิ์ เพราะลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ครบตามกำหนด เลยออกกำลังทรัพย์ กำลังแรง...ฟรี!!

...เส้นทางดังของเทพไท

เส้นทางเติบโตของ เทพไท เสนพงษ์ ในยุคลุงกำนันเป็นเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ‘เป็นใหญ่’ เทพไท ก็ไปสนิทด้วย โดยสังกัดมุ้งลุงกำนัน

ต่อมายุคนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จากการพลิกเกมส์ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาพรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ก็ถือว่าเป็นคนสนิทนายก คู่กับ นายศิริโชค โสภา ที่ได้ฉายาว่าวอลล์เปเปอร์ จนเสื้อแดงหมายหัว เมื่อมีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองแรงๆ ที่ต้องพานายกอภิสิทธ์ ไปหลบภัยในค่ายทหารราบ 11 ตัวเทพไท ก็เป็น 1 ในคนสนิทอดีตนายกอภิสิทธิ์ ที่ต้องไปหลบภัยเสื้อแดงด้วยกัน

หลังจากอภิสิทธ์ยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก แต่การบริหารงานมีแต่ความอื้อฉาว เช่น นโยบายรถคันแรก นโยบายรับจำนำข้าว และ พรบ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ที่ไม่โปร่งใส จนศาลรัฐธรรมนูญต้องยับยั้ง เพราะผิดรัฐธรรมนูญ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น...

นายเทพไท เสนพงศ์ ก็ดังเป็นพลุแตก จากการจัดรายการสายล่อฟ้า ทางช่องทีวีดาวเทียม ช่องบลูสกาย หรือเรียกว่าสามเกลอ ประกอบด้วย เทพไท เสนพงษ์ สส.นครศรีธรรมราช / ศิริโชค โสภา สส.สงขลา และ ชวนนท์ อินทรโกมารสุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ชื่อรายการ ‘สายล่อฟ้า’ รายการนี้เน้นวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนมีแฟนรายการที่ตรงข้ามรัฐบาลขณะนั้น ติดกันงอมแงม มีเนื้อหาล่อแหลม จนอดีตนายกยิ่งลักษณ์ ได้ฟ้องร้องสามเกลอ เรื่อง ว.5 โฟร์ซีซัน มาแล้ว

...ยุคล่มสลายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์

พรรคเพื่อไทย เสนอออกกฎหมาย พรบ.นิรโทษกรรม ตอนตี 3 หรือเรียกว่ากฎหมายสุดซอย ทำให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง จนเกิดมวลมหาประชาชน หรือ กปปส. แรก ๆ จะเห็น ส.ส.สายอภิสิทธ์ รวมทั้งเทพไท ขึ้นเวทีเป่านกหวีด พอมาระยะหลังหายหน้าหายตาไปหมด เหลือแต่สายลุงกำนัน และมีเสียงนินทามาตามหลังว่าพวกอภิสิทธิ์ไม่สู้จริง คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ หรือว่า ‘ดีแต่พูด’ นี่แหละ

...สนามเลือกตั้งปี 62

เทพไทต้องย้ายเขตจากอำเภอทุ่งใหญ่ มาเขตอำเภอชะอวด และอำเภอจุฬาภรณ์ เพราะ ส.ส.อภิชาติ การิกาญจน์ เลิกเล่นการเมือง แต่วงในว่าได้รับข้อแลกเปลี่ยนจากเทพไท ไปจำนวนหนึ่ง และการย้ายเขตครั้งนี้ มีเสียงประเมินว่าถ้าเทพไทลงเขตเดิม มีโอกาสแพ้ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐสูง เลยต้องย้ายเขตไปที่ฐานคะแนนพรรคระชาธิปัตย์แข็งโป๊ก ถึงจะช่วยได้ อย่างอำเภอชะอวด แต่ก็เจอคู่แข็งที่ไม่ธรรมดาอย่าง นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ คนอำเภอจุฬาภรณ์ แต่ดวงเทพไทยังดีเพราะเขตอำเภอจุฬาภรณ์ พรรคภูมิใจไทย ไปคว้า ร้อยโทสนั่น พิบูลย์ อดีต ส.จ.ที่ไม่เคยแพ้ใครมาได้เสียก่อน ส่งผลให้พรรคภูมิใจไทย ได้ที่ 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้ที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์ ได้ที่ 3 ในเขตอำเภอจุฬาภรณ์

ทำให้พรรคพลังประชารัฐโดนพรรคภูมิใจไทยตัดคะแนนไปเยอะ ส่งผลดีกับนายเทพไททันที

ผลการเลือกตั้งปี 62 นายเทพไท ชนะนายอาญาสิทธิ์ไป เกือบ 5,000 คะแนน

ส่วนผลการเลือกตั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กวาดไป 5 ที่นั่ง ส่วนพรรคพลังประชารัฐ กวาดไป 3 ที่นั่ง ซึ่งไม่เคยมีพรรคไหนเขย่าบัลลังก์พรรคเก่าแก่ได้แรงขนาดนี้

...เทพไท คือ หอกข้างแครกลุงตู่

หลังเลือกตั้งใหญ่ปี 2557 พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และเลือก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

เทพไทเป็น ‘ฝ่ายค้านในรัฐบาล’ ตลอดเวลา 2 ปี ที่เป็น ส.ส. เลยฝากรอยแค้นให้สาวกที่เชียร์ลุงตู่ และคนในพรรคพลังประชารัฐคอยเอาคืน

ถึงเวลาเหมาะสมเทพไท ที่เทพไทยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะศาลชั้นต้นตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการทุจริตการเลือกตั้งนายกอบจ. ที่น้องชาย คือ นายมาโนชย์ เสนพงศ์ ชนะการเลือกตั้งในอดีต เคราะห์ซ้ำกรรมซัดทั้งตระกูลเลือกตั้งซ่อม

อย่างไรเสีย คงไม่เคยมีใครคิดว่าฝ่ายรัฐบาลมาแข่งกันเองอย่างดุเดือด เอาเป็นเอาตายขนาดนี้ ถึงขนาดลุงป้อม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องลงมาพื้นที่กระโดดขึ้นเวทีเองเลย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็เสียพื้นที่ไม่ได้ ยกทัพหลวงมาหมด บิ๊กเนมมาครบครันทีเดียว

ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ทำให้พรรคพลังประชารัฐยึดเมืองคอนได้ 4 ที่นั่ง เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ตามนโยบายคนละครึ่งของลุงตู่ แต่คนหนาว ๆ ร้อนคือ ‘พรรคสีฟ้า’ นี่แหละว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ความศรัทธาต่อลุงตู่จะส่งผลต่อการล้มของโดมิโน่ ของพรรคเก่าแก่หรือไม่ คงประมาทไม่ได้เสียแล้ว

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างรอยปริในรัฐบาลหรือไม่ หรือว่าเพราะชื่อเทพไทเท่านั้น ที่สาวกลุงตู่ยอมไม่ได้ ส่วนคนอื่นยอมได้ เพราะการเลือกตั้งซ่อมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดชุมพร และสงขลา ทางพรรคพลังประชารัฐ ‘ไม่น่าส่งสู้’ เพราะชื่อ สส.ลูกหมี ‘ชุมพล จุลใส’ และ อดีตรัฐมนตรี ‘ถาวร เสนเนียม’ ใคร ๆ ก็รู้มา 2 คนนี้ นับถือนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา มากไม่น้อยกว่าไปกว่านับถือประธาน ชวน หลีกภัย เลย

เทพไท เสนพงศ์ โดมิโน่

‘เมื่อเสือจะคืนสู่จอ’ สรยุทธ Out หรือยังบนเวทีการเล่าข่าวยุคนี้ ?

กลายเป็นแรงกระเพื่อมได้ไม่น้อย สำหรับการถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ของคนข่าวนัมเบอร์วันที่ชื่อ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ โดยตามรายงานข่าว สรยุทธ ในฐานะนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม เข้าเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ทำให้เจ้าตัวจะได้รับการพักการลงโทษ และกำลังจะถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ หลังวันที่ 13 มีนาคมนี้

หลังข่าวเผยแพร่ออกไป กระแสการกลับคืนจอของคนเล่าข่าวเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ก็ถูกพูดถึงในทันที มีความเป็นไปได้ และเป็นไปได้ที่แฟน ๆ จะได้ชมและฟังผู้ชายคนนี้เล่าข่าวอีกครั้ง เพียงแต่ เขาจะกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ ‘คอนเท้นข่าว’ ได้หรือไม่? และเขา Out ไปแล้วหรือยัง บนเวทีข่าวในวันนี้?

เพราะนาทีนี้ มีสื่อที่ถูกเปิดตัวขึ้นมากมาย เมื่อคู่แข่งเยอะ แถมคู่แข่งยังถูกที่ถูกเวลา และร่วมสมัยกว่า งานนี้จึงต้องจับตาว่า เจ้าของเวทีตัวจริง จะยังคงรักษาพื้นที่ตัวเองไว้ได้หรือไม่ อีกไม่นานเกินรอ คงมีคำตอบให้รู้กัน!

.

 

“ถ้าวงการบันเทิงมี พี่เบิร์ด เป็นตำนาน วงการข่าวต้องมี สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นตำนานกว่า”

มั่นใจว่า คนไทย เติบโตมากับ สรยุทธ ผ่านหน้าจอทีวี เช้า เย็น ค่ำ ตามแต่ช่วงเวลาที่ สรยุทธ รายงานข่าว แบบไม่มีวันหยุด ไม่มีวันพัก ไม่มีวันป่วย หลายคนสงสัยวัน นอนตอนไหน

การทำงานสไตล์ สรยุทธ ถูกถ่ายทอด ผ่านหนังสือขายดีชื่อ กรรมกรข่าว และออกมาเป็นซีรีย์ ได้หลายเล่มทีเดียว บทสรุปของหนังสือเล่มนี้คือ ทำในสิ่งที่ชอบ และ รัก จะอยู่กับมันได้นาน เหมือนไม่ได้ทำอะไร

สไลต์ข่าวของ สรยุทธ คือ เล่าข่าวให้ชาวบ้านเข้าใจ เน้นเรื่องที่เกียวกับคนส่วนมาก ส่วนเรื่องการเมืองในหลาย ๆ กรณี สรยุทธ ไม่ออกตัวชัดเจนว่าเป็น สีไหน ข้างไหน แต่บางสี เลือกที่จะโจมตีบ้าง เลือกที่จะนำมาใช้ประโยชน์บ้าง สุดแท้แต่สิ่งที่ออกจากปาก สรยุทธ ว่าฝ่ายไหนจะตีความอย่างไร และเป็นประโยชน์กับใคร และใครมองไปทางไหน

สรยุทธ เลือกที่จะพุ่งเป้าไปที่คนหมู่มาก รู้จักการสร้างกระแส เคสใหญ่ ที่เรียกเสียงฮือฮา ได้คือ เมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2554 ถือเป็นการใช้สื่อ เพื่อช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา ได้ตรงจุด และ สร้างการรับรู้ ความไว้วางใจ ได้เผลอ ๆ จะมากกว่ารัฐบาลซะด้วยซ้ำ

ในชีวิตส่วนตัว สรยุทธ เลือกที่จะไม่เปิดเผย ทำตัวเรียบง่าย เงียบนิ่ง ให้สัมภาษณ์ไม่มากครั้ง เน้นการทำงาน

อีกสิ่งที่ สรยุทธ ทำแต่ได้ผลเสมอ คือ การสร้างทีมงาน ทั้งหน้าจอ และ หลังจอ ทำให้ สรยุทธ มี แก๊งค์ ก๊วนของตัวเอง คล้าย ๆ กับ Youtuber สมัยนี้ มีไม่ได้ออกแค่คนเดียว นับเป็นความสำเร็จที่ใครได้มา ประกบ หรือ ปั้น โดยยี่ห้อ สรยุทธ ถือว่าเกิดได้เพียงข้ามคือ ขออนุญาติไม่เอ่ยว่าเป็นใครบ้าง มั่นใจว่า ทุกท่านตอบถูกต้องแน่นอน และทุกคนที่ได้ร่วมงานกับ สรยุทธ รักและเคารพ สรยุทธมาก ๆ เช่นกัน

ในทางกลับกัน แม้มีเสียงชื่นชม แต่ในวิกิพีเดีย ก็มีข้อมูลที่ถูกสรุป ข้อวิพากษ์วิจารณ์ไว้ถึง 14 กรณี ไม่นับรวมคดีไร่ส้มที่มีปัญหาใหญ่สุด ต่าง ๆ นานา ต่างเคส ต่างคู่กรณีกันไป แต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง

สิ่งที่สรยุทธ ได้ทำตามคำพิพากษาของศาล นับเป็นเคสของกรณีศึกษาด้านจริยธรรมของสื่อเป็นอย่างมาก รายละเอียดต่าง ๆ สรยุทธ ได้เลือกที่จะเดินหน้าต่อสู้ตามกระบวนการธุติธรรมของ พิสูจน์ความจริง แม้จะใช้เวลา และที่สุดแล้ว ศาลพิจารณาให้จำคุก

สรยุทธ เลือกที่จะเดินตามกระบวนการ และ รับผิดตามคำพิพากษา ศาลฎีกา จำคุก 6 ปี 24 เดือน หลายต่อหลายคำวิพากษ์วิจารณ์ ว่าทำไมติดจริงแค่ปีเศษ ๆ ก็ได้รับการพักโทษ และ ใส่กำไรอีเอ็ม ต่างๆ นานา

ผลสุดท้าย ไม่ว่าอดีตเป็นอย่างไร

แหล่งข่าวคอนเฟิมว่า สรยุทธ จะกลับสู่หน้าจอทีวีช่อง 3 อย่างแน่นอน เพียงแต่รอวันเวลาว่าวันไหน เท่านั้น

14 มีนา นี้ I ll’be Back สรยุทธ กลับมาแล้วแน่นอน!!!

ต้องรอติดตามว่าจะเคลื่อนไหวอะไรอย่างไร มั่นใจว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน


อ้างอิง :

https://th.wikipedia.org/wiki/สรยุทธ_สุทัศนะจินดา

ก.ศึกษาธิการ เล็งแก้ปัญหาข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียนที่สรุปไปแล้ว หลังเปลี่ยนรมว.ศึกษาธิการ ต้องส่งให้คนใหม่พิจารณา ขณะ สพฐ. เตรียมชงเครื่องแบบนักเรียนไม่ต้องแก้ระเบียบใหม่ ส่วนทรงผมควรไว้ยาวได้ ตั้งแต่ระดับม.ต้น ขึ้นไป

ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหานักเรียน ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียน ประกอบด้วย 1.) คณะทำงานด้านการละเมิด-ความรุนแรง-ความปลอดภัยในสถานศึกษา 2.) คณะทำงานด้านกฎระเบียบที่ล้าหลัง 3.) คณะทำงานด้านการแสดงออกทางการเมืองในสถานศึกษา 4.) คณะกรรมการพิจารณาเรื่องเครื่องแบบ ทรงผมนักเรียน 5.) คณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ซึ่งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ได้สรุปข้อมูลการแก้ปัญหาให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาไปแล้ว แต่เมื่อนายณัฏฐพล พ้นจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ทำให้ข้อสรุปการแก้ปัญหานักเรียนยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้น จึงต้องรอให้ รมว.ศึกษาธิการคนใหม่เข้ามาทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง

ขณะที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ระบุ พิจารณาแล้วว่า เครื่องแต่งกายนักเรียน เห็นว่า ไม่ต้องแก้ระเบียบใหม่ รวมทั้งทรงผมนักเรียน คณะกรรมการมีข้อเสนอที่จะให้ไว้ผมยาวได้ตั้งแต่เด็กปฐมวัย - มัธยมฯ แต่ สพฐ.เห็นว่าควรให้เด็กไว้ผมยาวได้ ตั้งแต่ ม.ต้น เพราะเด็กระดับนี้มีความรับผิดชอบที่จะดูแลสุขอนามัยสุขภาพผมด้วยตัวเอง โดยจะเสนอรมว.ศึกษาธิการคนใหม่พิจารณาต่อไป


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/225135

สาธุ! ‘พระเทพวิสุทธิกวี’ เมตตาเก็บ ‘ค่าเช่า’ เก็บเพียง 9 บาท ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผู้เช่าที่ดิน ‘วัดโพธิ์ศรี’ ช่วงโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สิงห์บุรี ว่า พระเทพวิสุทธิกวี (ถาวร อธิวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เขตพระนคร กทม. รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มอบหมายให้คณะกรรมการวัดโพธิ์ศรี ประกอบด้วย พล.ท.โกศล มีจุล ประธานฯ , นายสมศักดิ์ ภักดีรักษ์ รองประธานฯ และกรรมการ จัดประชุมผู้ทำธุรกรรมการเช่านา เช่าที่ดินปลูกสร้างบ้าน เช่าที่ดินทำร้านค้าและเช่าที่อยู่อาศัย โดยการทำสัญญาเช่ากับทางวัดโพธิ์ศรี มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 50 คน

สำหรับผลการประชุมสรุปว่า พระเทพวิสุทธิกวี ให้แจ้งแก่ผู้ทำธุรกรรมการเช่าทุกประเภท ว่า ปีนี้วัดโพธิ์ศรี จะยกค่าเช่าให้ ด้วยรับทราบในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทุกคนลำบากในการประกอบอาชีพ แต่เพื่อเป็นสิริมงคล จึงขอเก็บค่าเช่าทุกประเภทรายละ 9 บาท ทำให้ผู้เช่าหลายคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นที่ปลื้มใจแก่ผู้เช่าที่อย่างยิ่ง ผู้เช่าที่ต่างอวยชัยให้พรในความเมตตาของท่านเจ้าคุณที่ได้เห็นถึงความยากลำบากในการประกอบอาชีพปีนี้ ด้วยโรคระบาดและเศรษฐกิจ ทำให้การเงินฝืดเคืองอย่างมาก เมื่อได้ยินว่าพระเทพวิสุทธิกวี เก็บค่าเช่า 9 บาท ทั้งปลื้มใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก

สำหรับวัดโพธิ์ศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นวัดธรรมยุตนิกาย มีหลวงพ่อนาคเป็นพระปางนาคปรก อายุกว่า 1,000 ปี และมี หลวงพ่อลา อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งพระผู้ใหญ่ในวัดบวรนิเวศฯ จะเดินทางมาดูแลเป็นประจำ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเคยเสด็จพระราชดำเนิน และ และ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2512

นอกจากทรงพระมหากรุณาปิดทองและทรงตัดลูกนิมิตกลางอุโบสถแล้ว ได้เสด็จออกหน้าอุโบสถ แล้วโปรดเสด็จตัดลูกนิมิตทั้ง 8 โดยมีพระสังฆราชฯ เป็นผู้สวดนิมิต นับว่าเป็นวัดแรกในรัชกาลที่ทรงตัดนิมิตทั้ง 9 ลูก รอบพระอุโบสถเป็นวัดแรก และในกาลต่อมา พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ประดิษฐานที่หน้าบัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวจังหวัดสิงห์บุรียิ่งนัก


ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/557841

‘หมอยง’ ไขข้อสงสัย ถึงเหตุผลไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเอง เพราะบริษัทผู้ผลิตจะไม่เจรจาตรงกับเอกชน

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Yong Poovorawan’ ว่า...

โควิด วัคซีน มีคนถามมามากมาย ทำไมไม่ให้เอกชนนำเข้า

ต้องเรียนว่า วัคซีนโควิด ในปัจจุบันทั่วโลก จะขึ้นทะเบียนแบบใช้ในภาวะฉุกเฉิน EUA (Emergency Use Authorization) เกือบทั้งหมด

ดังนั้นการใช้ในแต่ละประเทศ รัฐบาลของแต่ละประเทศจะต้องรับผิดชอบเอง บริษัทผู้ผลิตจึงจะไม่เจรจากับภาคเอกชน และไม่เข้ามารับผิดชอบร่วมด้วย ในกรณีที่เกิดมีอาการแทรกซ้อน หรืออาการไม่พึงประสงค์

การส่งมาจำหน่ายในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จึงต้องการติดต่อกับภาครัฐเท่านั้น

ภาคเอกชน เมื่อติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต บริษัทจะไม่ติดต่อด้วย จะต้องได้รับการรับรอง ร้องขอ หรือสั่งจองจากภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเช่น องค์การเภสัช หรือหน่วยงานอื่น ที่ภาครัฐมอบหมายเท่านั้น ทั้งๆ ที่วัคซีนหลายบริษัทขณะนี้ อยากขาย เพราะได้ราคาดีมาก

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหลังจากที่ประเทศทางตะวันตกได้ให้วัคซีนกับประเทศของตัวเองมากพอแล้ว วัคซีนก็จะเริ่มล้น และบริษัทก็ต้องการจะขายเอากำไร อย่างในอเมริกาตั้งเป้าการฉีดให้ได้ตามเป้าหมายภายในเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้นปริมาณการใช้วัคซีนก็จะลดลง บริษัทที่ผลิตถึง 3 บริษัท ก็ต้องการส่งออก หรือขายนั่นเอง

ดังนั้น ตามหลักความจริงแล้ว ภาคเอกชนจะไม่สามารถที่จะนำเข้ามาได้เลย ถึงแม้จะเป็นตัวแทน ให้ทางบริษัทผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนกับ ‘อย.’ ก็ตาม เพราะทางบริษัทจะไม่สนใจ ที่จะมาขึ้นทะเบียน ถ้าหากภาครัฐไม่ร้องขอ บริษัทจะต้องการหนังสือรับรองแสดงเจตจำนง (LOI) จากทางภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเท่านั้น

จนกว่าในอนาคต ที่ได้ขึ้นทะเบียนเต็มรูปแบบ และรับประกันความผิดชอบแล้ว ภาคเอกชนจึงจะสามารถนำเข้ามาได้ หรือนำมาขึ้นทะเบียนได้ อย่างวัคซีนหลายชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่อยู่นอกแผนการให้วัคซีนแห่งชาติ เช่นวัคซีนผู้ใหญ่ป้องกันปอดบวม วัคซีนเด็ก 5 โรค 6 โรค เพราะใช้ในยามปกติอยู่แล้ว และขึ้นทะเบียนได้ในภาวะปกติ

ทางออกที่จะให้ภาคเอกชน ได้ร่วมจัดซื้อ ลงทุน หรือบริการวัคซีน ช่วยภาครัฐได้ โดยเฉพาะพวกนายทุนใหญ่ๆ ที่ส่งฝากถามผมมา

ภาคเอกชนจะต้องรวมตัวกัน เจรจากับภาครัฐ และทางฝ่ายรัฐ หรือตัวแทนภาครัฐ จะต้องเป็นคนเจรจากับบริษัทวัคซีน จะต้องรับรอง หรือมีเงินกองทุน รับผิดชอบ กรณีมีปัญหาของวัคซีน เช่น อาการไม่พึงประสงค์ เพราะถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาครัฐ ภาครัฐจะต้องออกหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) Letter of Intent หนังสือนี้จะต้องเป็นของภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเท่านั้น แสดงเจตนาต่อคู่สัญญาก่อนที่จะเซ็นสัญญาร่วมกัน ถ้าไม่มีหนังสือแสดงเจตจำนง บริษัทวัคซีนต่างๆก็จะไม่มาขึ้นทะเบียน ก็เป็นไปไม่ได้ที่ภาคเอกชน จะนำเข้ามา

โดยหลักการแล้ว บริษัทใหญ่ๆ นายทุนใหญ่ๆ ก็อยากจะช่วยเหลือภาครัฐนำเข้าวัคซีน ที่เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอ ที่ต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นเร็ว แต่ในความเป็นจริง ภาคเอกชน หรือนายทุนที่จะช่วยเหลือ เช่น โรงงานต่างๆ สภาอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว ถ้าทางภาครัฐ ไม่เข้าร่วมเจรจา กับบริษัทวัคซีนแล้ว ก็จะเป็นการยากที่จะมีการนำเข้ามาในช่วงนี้ จนกว่าจะมีการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแบบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน

ดังนั้นหลายคนที่ถามมาว่า ทำไมภาคเอกชน ที่อยากนำเข้า แต่ไม่สามารถนำเข้ามาได้ คงจะได้เข้าใจ

ถ้าผมเข้าใจผิดที่กล่าวมาข้างต้น ผมก็ยินดีน้อมรับ ที่จะแก้ไข ข้อคิดเห็น และความถูกต้อง เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจ


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=5344163615626212&id=100000978797641

กบร่อนเปย์ 'กระต่ายและคริส' กำเงิน 2 พันตะลุยกิน 6 ร้านดังย่านโชคชัย 4 | กบร่อน EP.11

‘กบร่อน’ เปย์สองสาวพริตตี้ตัวแม่ ‘กระต่าย’ และ ‘คริส’ กินอาหาร 6 ร้านดัง ย่านโชคชัย 4 ในงบ 2 พันบาท งบเท่านี้จะพอเลี้ยงสองสาวไหมนะ ตามไปดูกันได้เลยย 

"กบร่อน" รายการที่ "กบ" จะพาคุณไป ร่อน ตามที่ต่าง ๆ พร้อม Guest สนุกๆ ให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น ในสไตล์กบร่อน

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top