Monday, 16 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

"กรณ์" ชี้ ยังมีงบหลายแสนล้านที่ยังไม่ได้ใช้ แนะรัฐบาลโยกมาเยียวยาประชาชน ผู้ประกอบการ และซื้อวัคซีน ‘วรวุฒิ’ ย้ำ ตั้งสภาเอสเอ็มอี ต่อลมหายใจผู้ค้ารายย่อย 4 ล้านรายทั่วประเทศ "จาตุรนต์" ร่วมวงแจมคลับเฮ้าส์ แลกเปลี่ยนความเห็นด้วย

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 64 เวลาประมาณ 19.30 น. พรรคกล้า ได้เปิดพื้นที่ ระดมสมองแบบคนต่างวัยต่างมุมมอง ผ่านแอปพลิชัน “คลับเฮ้าส์” (Clubhouse) แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็น “ถ้าเป็นรัฐบาลจะรับมือคิดรอบนี้อย่างไร” โดยมี ผู้บริหารของพรรคกล้า นำโดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค , นายวรวุฒิ อุ่นใจ , นายพงษ์พรหม ยามะรัต รองหัวหน้าพรรคกล้า ร่วมด้วยสมาชิกพรรค คนเจนกล้า และคนทั่วไป โดยมีนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง เข้ามาร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นด้วย  

นายกรณ์ กล่าวว่า ประเด็นปัญหาโควิด ขณะนี้มีหลายระดับมาก ตั้งแต่ผลกระทบเศรษฐกิจ จนถึงเรื่องของวัคซีน ตลอดจนความชัดเจนในการให้ความรู้กับประชาชนว่ากลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อนั้นต้องไปตรวจที่ไหน โดยมีน้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า ไปที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถตรวจได้ สุดท้ายต้องไปโรงพยาบาลเอกชน ก็ได้รับแจ้งว่าตอนนี้ยุติการตรวจแล้ว แต่อีกสองวันต่อมา ดาราชื่อดังโชว์ผลตรวจว่าตัวเองไม่ติดโควิด ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่น้องคนนั้นไปขอเข้ารับการตรวจแต่ได้รับการปฏิเสธ เกิดเป็นประเด็นกระทบความรู้สึกกัน ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ต้องการจากรัฐคือ ต้องให้ข้อมูลว่าโรงพยาบาลไหนบ้างที่รับหรือไม่รับตรวจ และถ้าไม่รับก็ต้องชัดเจนถึงเหตุผลที่ไม่รับ สถานพยายาลทุกที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งกรณีติดเชื้อแล้ว ตามกฎหมายคือกักตัวเองไม่ได้ ต้องในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ปัญหาคือ บางโรงพยาบาลไม่ตอบรับ กลายเป็นว่าต้องไปอาศัยระบบอุปถัมภ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบมีปัญหา และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ

"การโหลดแอป หรือการเช็คอิน ก็ไม่ได้มีข้อมูลเตือนว่าใครเสี่ยง ใครติด และไม่มีสัญญาณเตือนอะไร จนมีข่าวว่าผู้ติดโควิดขึ้นเครื่องบินไปลงที่ จ.นครศรีธรรมราชได้ สร้างความกังวลให้กับผู้ร่วมเดินทาง  ตอนนี้รัฐบาลต้องสื่อสารให้ชัดเจน และที่สำคัญคือการชี้แนะให้กับกลุ่มเสี่ยงว่าจะต้องไปตรวจที่ไหนบ้าง ถ้าตรวจแล้วติดต้องไปรักษาที่ไหน และถ้าไม่ติดต้องไปกักตัวที่ไหนได้บ้าง เพื่อลดความสับสนและความกังวลให้กับประชาชนที่ไม่รู้จะหันไปถามใคร ขณะเดียวกันในแต่ละจังหวัดมีมาตรฐานเหมือนกันหรือไม่ ผู้ว่าของทุกจังหวัดก็มาจากกระทรวงมหาดไทยเหมือนกัน นโยบายจากส่วนกลางให้อำนาจาผู้ว่าฯ แค่ไหน ถ้าให้ใช้วิจารณญาณส่วนตัวของผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัด ผมก็ว่าไม่น่าจะถูกต้องนัก” นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า ยังกล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้เอกชน สามารถซื้อวัคซีนมาฉีดได้เองว่า เท่าที่ดูข้อมูลประเทศอื่นยังไม่มีระบบนี้ ทั้ง อังกฤษ ญี่ปุ่น หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา ก็ยังถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะจัดสรรวัคซีนให้กับประชากรของเขา มีที่เดียวที่ถกกันเรื่องนี้คือประเทศมาเลเซีย แต่เขาก็ยังไม่ยอมให้เอกชนหรือประชาชนที่มีเงินสามารถซื้อวัคซีนได้ มองในมุมหนึ่งคือลดภาระของรัฐ ที่ไม่ต้องไปแย่งวัคซีนกับคนที่เงินไม่พอที่จะเข้าถึงวัคซีนได้เอง แต่มองอีกมุม เมื่อวัคซีนมีจำกัด การจัดสรรก็น่าจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลหรือไม่ นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินของประเทศเพียงพอที่จะผลักดันหนี้สาธารณะให้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าสามารถช่วยให้ประชาชนดีขึ้น ตนเห็นด้วย แต่ก็ต้องไปดูงบที่ยังมีอยู่ด้วยว่า ได้ถูกใช้ไปอย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง

“งบฟื้นฟูที่กันไว้สี่แสนล้านนั้น วันนี้ใช้ไปนิดเดียว เท่าที่ทราบตอนนี้มีเหลืออยู่สองแสนกว่าล้าน ตอนนี้ควรจะโยกมาก่อน แทนที่จะนำไปใช้กับโครงการตามระบบราชการ ตามสภาวะปกติ แต่ให้นำมาใช้เพื่อเยียวยาช่วยเหลือเอสเอ็มอี ประชาชน และการซื้อวัคซีน ซึ่งหากรัฐบาลบอกว่าซื้อไม่ได้ ก็จะมีคำถามว่า แล้วที่บอกว่าจะเปิดให้เอกชนไปซื้อ เขาไปซื้อจากไหน อยากเรียนว่า ฐานะทางการคลังของประเทศขณะนี้ยังไม่มีปัญหา ถ้างบฟื้นฟูหมด ก็ยังมีงบฉุกเฉินแสนล้านที่ยังไม่ได้ใช้  และงบกระทรวงสาธารณสุขที่กันไว้ห้าหมื่นกว่าล้านเพิ่งใช้ไปนิดเดียว จากเดิมที่เราคิดว่าเรารอวัคซีนได้ เราจะซื้อที่เราจองไว้ รวมกับที่เราจะผลิตได้เอง จึงไม่ได้รีบร้อนเพราะคนไทยติดเชื้อน้อย แต่วันนี้ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิด แล้วใช้เงินนี้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือการฉีดวัคซีน และเยียวยาประชาชน” นายกรณ์ กล่าว

ด้านนายวรวุฒิ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องปรับตัวตามสถานการณ์โควิดว่า การทำแอปพลิเคชันรวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เพื่อขอรับการเยียวยาจากภาครัฐบาล ในทางเทคนิคไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ว่าหน่วยงานภาครัฐยินดีที่จะแชร์ข้อมูลด้วยหรือไม่ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่ทำหน้าที่ได้ดีคือ กระทรวงสาธารณสุขเนื่องจากมีกลไก อสม. ที่มีจำนวนนับล้านคนทั่วประเทศ ถ้ามีสภาเอสเอ็มอีของแต่ละจังหวัด ก็จะคล้ายกับ อสม. ที่มีหน่วยงานไปประสานงานในพื้นที่ได้ การทำฐานข้อมูลก็จะเป็นรูปธรรม การเยียวยาผู้ประกอบการก็จะง่ายขึ้น และเสนอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้เอาสินค้าเกษตรกรเข้าสู่ตลาดการค้าออนไลน์ให้มากขึ้น เวลานี้ เกษตรกร เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการ เป็นจำนวนมากที่ใช้ออนไลน์ไม่เป็น ถ้ารัฐใช้โอกาสนี้ เชื่อว่าทุกคนจะขายของออนไลน์กันเป็นทั้งประเทศ  เนื่องจากเริ่มคุ้นชินกับการใช้แอพกระเป๋าตังมาแล้ว แต่ถ้าไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วนก็จะเกิดปรากฏการณ์โดมิโน่เอฟเฟกต์ หากรายย่อยเจ๊ง ธุรกิจต่อเนื่อง รวมถึงรายใหญ่ก็จะทยอยเจ๊งลงไปเรื่อย ๆ

นายพงษ์พรหม รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า มาตรการการตรวจคัดกรองของภาครัฐขณะนี้ มันทำหน้าที่ตรงไหน หลายคนใช้ชีวิตปกติทั้งที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง บางคนที่ตรวจพบว่าติดโควิด โทรหาโรงพยาบาลเพื่อให้ส่งรถมารับ แต่โรงพยาบาลบอกไม่มีรถ และบอกแค่เพียงให้ปฏิบัติตัวอย่างไร ในโรงพยาบาลมีการแยกการตรวจหาเชื้อโควิดกับโรคอื่น ๆ หรือไม่แค่ไหน มาตรการความปลอดภัยเป็นอย่างไร ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน

ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่า การดูแลเยียวยาประชาชน ต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะรายได้ของภาครัฐในรูปของภาษีน้อยกว่ารายจ่ายประจำ งบประมาณที่จะต้องนำไปใช้คือต้องเป็นเรื่องของการลงทุน หากผิดวัตถุประสงค์ก็เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญได้ ส่วนเรื่องวัคซีน ขณะนี้ประเทศไทย ตกขบวนติดอันดับโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลมีทั้งผู้มีประสบการณ์ตรงในภาครัฐ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และผู้ที่อยู่วงนอกที่อยากรู้ โดยมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ประเด็นเฉพาะหน้า ถ้าต้องกักตัว กักที่ไหน ถ้าป่วยรักษาที่ไหน จึงอยากให้ภาครัฐทำการประชาสัมพันธ์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ และขยายการตรวจให้กว้างขึ้นเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งกลายเป็นสถานที่เสี่ยงไปโดยปริยายโดยทุกคนยอมรับว่า แม้จะมีการขยายเตียงไปยังโรงพยาบาลสนามก็ตาม แต่หากบุคลากรทางการแพทย์ยังคงที่ การดูแลก็ไม่มีทางทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างภูเก็ตโมเดล ทำให้เอกชนกดดันเพื่อให้มีมาตรการช่วยเหลือ จนนำไปสู่นโยบายการเปิดเมืองให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ มีการระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้ว 1 แสนราย และสิ่งที่ถกกันมากที่สุด คือถ้าต้องอยู่กับโควิดไปอีกนานรัฐบาลจะทำอย่างไร การให้ข้าราชการ work from home ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดี ธุรกรรม นิติกรรม หลายอย่างก็ไม่สามารถดำเนินการทางออนไลน์ได้ บางคนเสนอให้มีการปรับโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เอื้อต่อการรับมือวิกฤต

คุณหญิงกัลยา ปลื้ม เตรียมจัดอบรมออนไลน์แกนนำโค้ดดิ้งต่อ หลังปั้นศึกษานิเทศก์โค้ดดิ้งครบทุกพื้นที่ และมีครูอบรมทั่วประเทศแล้วกว่าสองแสนคน

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขอขอบคุณครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้องที่สนใจเข้าอบรมหลักสูตรโค้ดดิ้งเป็นจำนวนมาก แม้ในช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 เผยหลังเปิดอบรมหลักสูตรสำหรับศึกษานิเทศก์ Coding Mentor (CM) รุ่นที่ 2 ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีศึกษานิเทศก์ ทั่วประเทศเข้าอบรมทั้ง 2 รุ่นในปี 2563 และปี 2564 กว่า 800 คน ครบทุกเขตพื้นที่ พร้อมเดินหน้าต่อเตรียมจัดอบรมหลักสูตรสำหรับแกนนำ Coding Core Training (CCT) ในเดือน พ.ค.นี้อีก 600 คน

นางดรุณวรรณ  ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้โค้ดดิ้งในโรงเรียนว่าขณะนี้เดินหน้าไปค่อนข้างมาก แม้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็มีการเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ เพื่อเปิดโอกาสให้ครูทั่วประเทศสามารถที่จะเรียนโค้ดดิ้งได้ ซึ่งปัจจุบันมีครูเข้ารับการอบรมไปแล้วทั่วประเทศกว่า 2 แสนคน  รวมถึงล่าสุดได้มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร อบรมการให้คำปรึกษาและการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณสำหรับนักศึกษานิเทศก์ Coding Mentor (CM) รุ่นที่ 2 รูปแบบออนไลน์ ผ่านระบบ ZOOM ทำให้ปัจจุบันมีศึกษานิเทศก์ Coding ทั่วประเทศแล้วกว่า 800 คน โดยผู้อบรมจะผ่านการอบรมโดยสมบูรณ์เมื่อส่งรายงานผลการนิเทศ Coding ของเขต หลังจากอบรมแล้วภายใน 2 เดือน โดยให้ลงมือปฏิบัติจริงด้วย ที่สำคัญคือสามารถนำเอาผลการนิเทศไปวางแผนพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าทางวิชาชีพได้

“การอบรมศึกษานิเทศก์ครั้งนี้ ใช้ระบบ ZOOM แต่สื่อสารสองทาง มีการแบ่งกลุ่มย่อยและมีวิทยากร กลุ่มย่อยนำอภิปราย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้ารับการอบรมอย่างมาก จนหลายคนไม่กล้าปิดกล้อง และไม่ยอมไปห้องน้ำ เพราะกลัวพลาดสาระสำคัญ รวมไปถึงตอนนี้มีกลุ่มแลกเปลี่ยนเชิงวิชาการของศึกษานิเทศก์มีรุ่นพี่ที่ผ่านการอบรมมาช่วยกันพัฒนาและตอบข้อซักถาม ทุกคนมีความสนใจและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เป็นอย่างมาก ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี” นางดรุณวรรณ กล่าว

ส่วนในเดือนพฤษภาคมนี้มีเป้าหมายจะจัดอบรมเพิ่มพูนศักยภาพการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณสำหรับวิทยากรแกนนำ Coding Core Trainer (CCT) อีกจำนวนกว่า 600 คน ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจเข้ารับการอบรมเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า คุณหญิงกัลยา ขอขอบคุณและให้กำลังใจครูทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ารับการอบรมและเห็นถึงความสำคัญของการเรียนโค้ดดิ้ง และกล่าวย้ำเสมอว่า “Covid cannot stop Coding” ส่วนแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการเรียนโค้ดดิ้งในปีงบประมาณ 2564 นั้นคุณหญิงกัลยาได้ให้นโยบายโดยจะให้ขับเคลื่อนการเรียนการสอนโค้ดดิ้งให้ได้มากที่สุด เพื่อส่งเสริมผู้เรียนให้มีทักษะคิดวิเคราะห์ต่อไป

ทั้งนี้การเรียนการสอนโค้ดดิ้งจะไม่มุ่งเน้นไปที่ครูและนักเรียนเท่านั้น แต่จะกระจายการเรียนรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ และทุกช่วงวัย ภายใต้แนวคิด “Coding for All” เพราะไม่ว่าใครก็ตามจะต้องเรียนรู้และเข้าใจการคิดอย่างเป็นระบบ และนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างมีเหตุมีผล คิดเป็นขั้นเป็นตอน เเก้ปัญหาเป็น และถือเป็นการเตรียมคนในศตวรรษที่ 21  อย่างรู้เท่าทันดิจิทัลอักด้วย

 

กาฬสินธุ์ – ปลูกแล้วกัญชาต้นแรก ถูกกฎหมาย ขอขอบคุณพรรคภูมิใจไทย ผลักดันสร้างโอกาสและรายได้ให้ประชาชน

เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2564 ที่วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่  อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานปลูกกัญชาถูกกฎหมายต้นแรก ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ มีนายพงศกร กรโสภา ผอ.รพ.สต.บ้านหนองแวงใต้, นางทศพร กรโสภา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.สต.หนองแวงใต้, น.ส.สุภาพร คำยุธา ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ พร้อมด้วยนายนิมิตร รอดภัย นายสถาพร ฉายประดิษฐ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ และนายยุทธนา เกียรติดำเนินงาม นายกสมาคมนักข่าวกาฬสินธุ์ และหัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคอีสานตอนบน ร่วมเป็นสักขีพยาน

การปลูกกัญชาต้นแรกนี้ วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายจาก องค์การอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ส่งเมล็ดกัญชาให้กลุ่มทำการเพาะปลูก ที่ผ่านมาได้มีการอนุบาลเมล็ดพันธุ์จนเติบโตและมีความแข็งแรง จนสามารถนำไปปลูกภายในโรงเรือนตามมาตรการคุมเข้มของทาง อย. โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ และ รพ.สต.บ้านหนองแวงใต้ กำกับดูแล

นายนิมิตร รอดภัย ที่ปรึกษาวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ ตำแหน่งนักวิชาการของวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ กล่าวว่าการปลูกกัญชาให้มีคุณภาพตรงตามคุณภาพมาตรฐานของ อย. นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นการปลูกภายในโรงเรือนระบบปิด การปลูกจึงต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ว่าจะเป็นการนำเมล็ดที่ได้รับมาจากทาง อย. มาเพาะจนมั่นใจว่าสามารถนำลงดินปลูก

“ในการปลูกนั้นเป็นลักษณะโรงเรือน เพื่อป้องกันศัตรูพืช มีการกางมุ้งและรดน้ำตามระยะเวลา ที่คาดว่าต้นกัญชาจะเติบโตได้นั้นจะมีระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน เพื่อให้มั่นใจในมาตรฐานก็ยังมีการจัดเวรยามดูแล ผ่านระบบน้ำ และกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันบุคคลภายนอกด้วย”

นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การปลูกกัญชาเท่าที่ดูจากวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ มองดูแล้วไม่ง่าย การเพาะปลูกต้องมีความเชี่ยวชาญ เพราะสิ่งสำคัญเมื่อต้นโตแล้วก็ยังต้องมาดูว่าเป็นต้นตัวผู้หรือตัวเมีย จะมีช่อดอกหรือไม่ ซึ่งหากเกษตรกรสนใจก็ต้องศึกษาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน และควรจะไปปรึกษาหาความรู้จากทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งทางจังหวัดก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นกัน

ด้าน น.ส.สุภาพร คำยุธา ประธานวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่ กล่าวว่า การได้ปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย ต้องขอบคุณพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ผลักดันให้สามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน เพราะกัญชาถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีมูลค่าในตัวและทางวิสาหกิจชุมชนฯ ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายในทุกขั้นตอน และในอนาคตในส่วนของ ลำต้น ใบ และราก เมื่อต้นกัญชาพร้อมที่จะตัดจำหน่าย ในส่วนผู้ที่สนใจจะนำไปแปรรูปต่อนั้น ก็สามารถติดต่อมาได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจใหม่


ภาพ/ข่าว ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯห่วง สถานการณ์โควิด-19 แบ่งโซนจังหวัดเร่งฉีดวัคซีน  จี้ ทุกหน่วยงาน เข้มมาตรการ - วอน ประชาชน มีสติ อย่าประมาท เดินทาง ช่วงวันหยุดที่เหลือ

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายอนุชา  บูรพชัยศรี  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และการเดินทางของประชาชน ตลอดช่วงวันหยุดที่ผ่านมาด้วยความห่วงใย พร้อมสั่งทุกหน่วยงานให้ดำเนินทุกมาตรการอย่างเข้มข้น  ทั้งการจัดเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม และเร่งการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19  ที่ได้เพิ่มเติมมาอีกจำนวน 1,000,000 โดสในเดือนนี้

สำหรับแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 จำนวน  1 ล้านโดสในเดือนเมษายนนี้  มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่สีแดง และกระจายให้กลุ่มเป้าหมายใน 77 จังหวัด ประกอบด้วย 9 จังหวัดขนาดใหญ่พิเศษ ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา  บุรีรัมย์  อุบลราชธานีและนครศรีธรรมราช   13 จังหวัดขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เชียงราย นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ร้อยเอ็ด สกลนคร สุรินทร์  ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สุราษฎร์ธานีและสงขลา และ  56 จังหวัดขนาดเล็ก อาทิ แม่ฮ่องสอน ลำพูน  นครนายก ลพบุรี เลย บึงกาฬ เป็นต้น 

แบ่งเป็น สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า  จำนวน  599,800 โดส  ควบคุมโรคระบาด พื้นที่สีแดง 100,000 โดส ประชาชนที่มีโรคประจำตัว 147,200 โดส  ตำรวจ ทหาร ด่านหน้า จำนวน 54,320 โดส รวมทั้งสำรองไว้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน 98,680 โดส   จนถึงวานนี้ (13 เมษายน 64 ) มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว 579,305 โดส เป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก จำนวน  505,744 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มสอง จำนวน 73,561 ราย

นายอนุชา กล่าวว่า "นายกรัฐมนตรียังเสียใจต่อการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ที่เกิดจากอุบัติเหตุจากการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ด้วย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ซึ่งยังคงเป็นยานพาหนะที่มีอุบัติเหตุสูงสุด โดยฝากความห่วงใยมาถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ให้มีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน  ไม่ประมาทในการใช้รถใช้ถนน ตรวจสภาพรถยนต์ และสภาพอากาศทุกครั้งก่อนออกเดินทาง  เมาไม่ขับ เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ ในช่วงวันหยุดที่เหลืออยู่ พร้อมชื่นชมพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการสาธารณสุข ลดการรวมกลุ่ม หลีกเลี่ยงการเดินทาง เน้นทำงานที่บ้าน หรือ work from home   มั่นใจว่า ไทยจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 ได้อย่างรวดเร็ว"

นายกฯสั่งเตรียมยกระดับคุมโควิด-19 ด้านกระทรวงสาธารณสุข จ่อชง ศบค.พิจารณา มาตรการล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่สีแดง เช่น กทม.-ปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ บางจังหวัดภาคตะวันออก

เมื่อวันที่ 14 เม.ย.พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ของ COVID-19 ในขณะนี้จากการประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การควบคุมสถานการณ์ ที่อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เช่น กทม.และปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคิรีขันธ์ และภาคตะวันออกบางจังหวัด แต่การประกาศมาตรการใดๆ ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) จะต้องฟังข้อมูลจากทีมงานของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี สั่งการ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมาให้เตรียมยกระดับ โดยขณะนี้ทีมงานได้เตรียมการไว้แล้ว เช่น การยกระดับพื้นที่ที่ผ่อนคลาย ให้เป็นพื้นที่สีแดง แต่ศบค. ระวังไม่ให้กระทบกับประชาชนโดยรวม ทั้งนี้นโยบายรายพื้นที่ จะไม่ทำเหมือนทั้งประเทศ เพราะจะกระทบประชาชน ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ต่อการนำมาตรการล็อกดาวน์ใช้ในพื้นที่แต่ต้องรอฟังข้อมูลจากสาธารณสุขอีกครั้ง

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ คือการห้ามเข้า-ออก ในพื้นที่จังหวัดควบคุม หรือหมายถึงพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม  แต่จากการประเมินขณะนี้ยืนยันว่าสถานการณ์ระบาดสามารถควบคุมได้ ยังใช้การมองเป็น 3 มิติ คือ มิติพื้นที่ ที่ต้องเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อสูง มิติกิจการใดที่เสี่ยง และกิจกรรมใดที่เสี่ยง ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้(15 เม.ย.)กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอการยกระดับพื้นที่ให้ทาง ศบค.ชุดเล็ก พิจารณาอีกครั้ง  ขณะเดียวกัน ศบค.เป็นห่วงกลุ่มคนที่เสี่ยงติดเชื้อ หรือคนที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือคนติดเชื้อแล้วยังไปที่พื้นที่สาธารณะ จึงขอความร่วมมือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ ส่วนโรงพยาบาลสนามที่รัฐบาล และ ศบค. จัดเตรียมไว้เพียงพอกับการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด

 

ดร.พิมพ์รพี ขอ รัฐ ช่วยเอกชน ร่วมจ่ายเงินเดือน ประคองการจ้างงาน เป็นของขวัญวันครอบครัว หวั่น covid ระบาดยืดเยื้อทำคนตกงาน 3 ล้านคน กระทบเศรษฐกิจในครัวเรือนกลายเป็นความรุนแรงในครอบครัว

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ขอรัฐช่วยประคองการจ้างงาน เป็นของขวัญวันครอบครัวให้คนไทย มีเนื้อหาระบุว่า วันนี้ 14 เมษายน เป็นวันครอบครัวที่ทุกปีคนไทยจะเดินทางกลับไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ เป็นวันรวมญาติพี่น้องให้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแต่เมื่อ covid ออกอาละวาด วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เราต้องจำกัดการเดินทาง จึงกลายเป็นวันครอบครัวทางไกล พบกันแบบห่าง ๆ ผ่าน เครื่องมือสื่อสาร ถามไถ่กันด้วยความห่วงผ่านระบบออนไลน์ เป็นวิถีที่ต้องปรับบนความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเอง ครอบครัวและสังคม สิ่งที่น่ากังวลคือโรคระบาดทำให้เกิดความเครียดในครอบครัวมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขปัญหามือเป็นระวิงสิ่งที่อยากให้ทำควบคู่ไปด้วยคือ การรณรงค์ ให้คำปรึกษา เพื่อคลายความเครียด ให้กับประชาชน ทั้งสายด่วนกรมสุขภาพจิต การให้ผู้นำหมู่บ้านสื่อสารผ่านเสียงตามสาย ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งการให้กำลังใจปลอบประโลมประชาชนคนในพื้นที่

"ที่สำคัญคือต้องประคองการจ้างงานไว้ให้ได้หากจำเป็นรัฐควรพิจารณาข้อเสนอของเอกชนที่ให้รัฐช่วยจ่ายเงินเดือนส่วนหนึ่ง เพราะหากปล่อยให้ยืดเยื้อออกไป เอกชนคงพยุงตัวเองได้อีกไม่นาน เมื่อธุรกิจพังอัตราการว่างงานอาจสูงถึง 3 ล้านคน ตัวเลขจากการศึกษาของนักวิชาการด้านแรงงานทีดีอาร์ไอ ปัญหา เศรษฐกิจและสังคมจะตามมาอีกมาก แต่หากช่วยประคองการจ้างงานได้ จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในบ้าน ลดความขัดแย้งในครอบครัวที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงภายในครัวเรือนด้วย นอกจากนี้รัฐบาลต้องเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับประชาชนจากที่เคยเน้นให้เกิดความกลัวต่อโรค covid-19 ต้องหันมาทำความเข้าใจว่าโลกนี้ไม่มีทางหายไปจากเราง่ายๆ เราจึงต้องอยู่ร่วมกับแบบมีสติ อยู่ในภาวะตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะหากรัฐบาลยังย้ำแต่ ข้อมูลที่ทำให้เกิดความกลัว ความเครียดสะสมในสังคมจะรุนแรง จนกลายเป็นระเบิดอารมณ์พุ่งใส่รัฐบาลในที่สุด"ดร.พิมพ์รพี ระบุทิ้งท้าย

ธุรกิจท่องเที่ยวรายได้ทรุดหมื่นล้าน จากโควิดรอบใหม่ ชี้ มีโอกาสที่จะใช้ระยะเวลาควบคุมสถานการณ์นานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อรายได้ในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องที่สูญเสียไปคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากคาดการณ์เดิมในช่วงเดือน มี.ค. 64 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ขณะที่ แผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงนี้ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์การระบาดของโควิด และมาตรการการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัด

ทั้งนี้ยังมองว่า การระบาดของโควิดที่เกิดขึ้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ต่อเนื่องถึงเทศกาลสงกรานต์ ได้ส่งผลกระทบทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้ รายได้ของการท่องเที่ยวในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย ซึ่งน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.37 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นรายได้ท่องเที่ยวที่หายไปเป็นมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท

การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 นี้ มีโอกาสที่จะใช้ระยะเวลานานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ในการควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายกลับมา เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อในประเทศมีจำนวนค่อนข้างสูง เชื้อโควิดเป็นไวรัสสายพันธุ์ที่แตกต่างจากเดิมที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่าสามารถแพร่ได้เร็ว อีกทั้งต้นตอของการระบาดมาจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสัดส่วนสูง ขณะที่ การระบาดรอบนี้ เกิดขึ้นหลังรอบก่อนหน้าภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน จึงส่งผลกระทบต่อตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 นี้ อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

กรมการขนส่งทางบก แจ้งงดทำใบขับขี่ใหม่ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป ตามข้อสั่งการ รมว.คมนาคม ส่วนการต่ออายุ จองคิวดำเนินการล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น กรมการขนส่งทางบก จึงจำเป็นต้องงดการอบรมด้านใบอนุญาตขับรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีกิจกรรมที่งดให้บริการดังนี้

1. งดการอบรมและทดสอบ ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับผู้ขอใหม่ ทั้งสำหรับกา รขอรับใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถใหม่ทุกชนิด ยกเว้น กรณีการผ่านการอบรมและทดสอบของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ให้นำผลผ่านการอบรมมาดำเนินการ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง

2. งดการอบรม ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถทุกชนิด โดยให้เข้าอบรมผ่านระบบ e-Learning ทางเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com สามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาเป็นหลักฐานเพื่อต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้

3. งดการออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และด้านใบอนุญาตขับรถ ณ หน่วยบริการเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน (Shop Thru for Tax) และศูนย์บริการร่วม

ทั้งนี้ ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ผ่อนผันการใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถที่สิ้นอายุแล้ว ยังสามารถใช้แสดงตนได้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และในส่วนของผู้ที่จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งตรงกับช่วงที่กรมการขนส่งทางบกงดให้บริการ จะยังคงได้รับสิทธิในการเข้ารับบริการเมื่อมีประกาศเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และสำหรับผู้ที่ใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถสิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเยียวยารองรับ ดังนี้ ผู้ที่ใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ สิ้นอายุเกิน 1 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบข้อเขียน กรณีสิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ หากเป็นใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถที่ไม่มีขั้นตอนการอบรมและทดสอบที่สำนักงานขนส่ง ยังคงเปิดให้บริการตามปกติในวันและเวลาราชการ เช่น การออกใบอนุญาตขับรถให้ผู้ที่มีหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนสอนขับรถมาก่อนแล้ว การออกใบแทนกรณีใบอนุญาตขับรถชำรุดหรือสูญหาย การเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 2 ปี เป็นส่วนบุคคล 5 ปี การต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลผ่านการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ทาง www.dlt-elearning.com โดยการต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลการอบรมออนไลน์ สามารถนำผลการอบรมติดต่อสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายและออกใบอนุญาตขับรถ ประกอบด้วย การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์, รถยนต์สามล้อ, รถจักรยานยนต์) ระยะเวลาอบรม 1 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ หรือ แท็กซี่, รถยนต์สามล้อสาธารณะ, รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง และการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ รถยนต์) ขาดต่ออายุเกิน 1 ปี ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผลการอบรมออนไลน์มีอายุ 6 เดือนนับแต่วันที่ผ่านการอบรม ดังนั้น ผู้ที่ยังไม่มีความจำเป็นไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการในด้านใบอนุญาตขับรถ หรือด้านทะเบียนและภาษี ควรงดเว้นการติดต่อที่สำนักงานขนส่ง หรือใช้บริการระบบออนไลน์ที่กรมการขนส่งทางบกมีไว้รองรับ

ในกรณีจำเป็นที่ต้องมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง ขอให้จองคิวดำเนินการล่วงหน้า ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เท่านั้น และขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในการติดต่อราชการ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดต่อแพร่กระจายของโรค

 

'ราเมศ'เผย ร่างแรกแก้รัฐธรรมนูญ ยันประชาชนต้องได้ประโยชน์ ไม่สนคนพูดให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย แนะให้กลับไปดูความตั้งใจแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ในส่วนของพรรคได้จัดเตรียมไว้เสร็จแล้วตั้งแต่ช่วงเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส.ส.ทั้งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวเพื่อป้องกันไว้ก่อน จึงเป็นเหตุให้ยังไม่ได้หารือร่วมกัน แต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการพูดคุยแนวทางในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีทั้งหมด 6 ร่าง ซึ่งต้องมีการนำไปประกอบการพูดคุยเพื่อหาข้อยุติที่ตรงกัน คาดว่าทันเปิดสมัยประชุมสามัญหน้า

นายราเมศกล่าวต่อว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีการตั้งคำถามจากคนบางกลุ่มว่าแก้แล้วประชาชนได้อะไร ในส่วนนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะร่างแรกของพรรคเราคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง สิทธิของประชาชนที่ลดน้อยถอยลงก็จะแก้ให้กลับคืนมาเช่น มาตรา 29 สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องดึงสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนกลับคืนมาเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสิทธิในการเข้าถึงด้วยความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมสิทธิในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจเอกสารอย่างเพียงพอ สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องรวดเร็วและเป็นธรรมสิทธิในการคุ้มครองและความช่วยเหลือที่จำเป็นและเหมาะสมจากรัฐ เด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการย่อมมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอย่างเหมาะสมในคดีอาญาผู้ต้องหาจำเลยมีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ได้รับความช่วยเหลือในทางคดีจากทนายและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นหลัก สาระสำคัญต่างๆเหล่านี้ควรที่จะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศเพื่อเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานให้กับประชาชน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในมาตรา 43 สิทธิชุมชน เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนและชุมชนซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมปกป้องสิทธิของประชาชนฉะนั้นหลักการที่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้กำหนดไว้ค่อนข้างชัดในการดูแลสิทธิชุมชน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย สวัสดิภาพ คุณภาพชีวิต การรับฟังความเห็น โครงการที่อาจเกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมมีองค์กรอิสระประกอบด้วยทุกภาคส่วน เพื่อดูแลจัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพเรื่องดังกล่าวนี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญเช่นกัน มาตรา 46 สิทธิผู้บริโภค ทุกคนเป็นผู้บริโภคหมด แต่สิทธิในรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันลดน้อยลงไปในเรื่องการคุ้มครอง การดึงสิทธิในส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชนกลับคืนมาก็เป็นเรื่องสำคัญ

 
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ในมาตรา 72 สิทธิในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งในเรื่องนี้สำคัญที่สุดที่จะต้องเป็นหลักประกันให้กับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับที่ดินเพื่อให้ประชาชนสามารถมีที่ดินทำกินได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต้องยอมรับความจริงว่าประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการถือครองที่ดินเนื่องจากยังไม่ได้มีการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินทำกินอย่างเป็นระบบและเป็นธรรมการจัดสรรที่ดินภาครัฐจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงสิทธิ์ในที่ดินทำกินตามความเป็นจริงด้วย การแก้ไขมาตราดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญกับพี่น้องประชาชน 

“อันนี้คือร่างแรกที่อยากนำเสนอว่า พรรคคิดถึงประโยชน์ของประชาชน การตั้งต้นคิดเช่นนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ จะไม่ขอพูดถึงใครที่พยายามพูดให้พรรคเสียหาย ว่าพรรคไม่มีความจริงใจ ให้คนพูดกลับไปดูความตั้งใจที่ผ่านมาจะเป็นคำตอบ ส่วนในเรื่องร่วมรัฐบาลอย่านำมาโยงกับเรื่องนี้เพราะจุดหมายคือมุ่งผลสำเร็จในการแก้รัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ถ้าคิดเพื่อให้ทุกอย่างเดินไม่ได้คิดง่ายเกินไป ส่วนวันนี้เป็นอย่างไรใครทำอะไรจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน วันข้างหน้าคนเหล่านั้นก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนอยู่แล้ว และในวันพรุ่งนี้(15 เม.ย.)ผมจะเปิดรายละเอียดร่างที่สอง เพื่อได้บอกกล่าวแลกเปลี่ยนความเห็นกันที่เกิดประโยชน์”นายราเมศ กล่าว

ตลกหมดมุก! ‘ณัฐชา’ ซัดกลับ ‘เเรมโบ้’ สมองกลวง หูอื้อ ปกป้องนาย ไม่สนใจข้อเท็จจริง ใช้มุกเดิม ๆ กล่าวหาฝั่งเห็นต่าง ยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่คิดล้มสถาบัน

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ตอบโต้นาย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ที่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องการบริหารงานของรัฐบาล รวมถึงการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาล และระบุว่าฝียังรักษาหายได้แต่มะเร็งในสมอง ของคนที่ไม่รักสถาบันโดยเฉพาะแกนนำคณะก้าวหน้าและคนบางส่วนในพรรคก้าวไกล ที่มีความคิดก้าวล่วงสถาบัน ว่า การที่นายเสกสกล ออกมาปกป้องรัฐบาลเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะตำแหน่งที่ถูกแต่งตั้งมาก็เพื่อคอยงับคนที่กล่าวถึงนายกรัฐมนตรี แต่การปกป้องโดยไม่ดูดาว ดูตะวันเช่นนี้ ช่างน่าเวทนา การปกป้องนายโดยการใส่ร้ายคนอื่นแทนที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงหรือมองสภาพการณ์ของรัฐบาลด้วยความเป็นจริงบ้าง น่าจะช่วยยกระดับการทำงานของนายเสกสกลได้บ้าง

และการกล่าวหาผู้อื่นว่าก้าวล่วงสถาบันซ้ำๆ เหมือนตลกไร้มุก กล่าวหาไม่จบสิ้น  ทั้งที่พรรคก้าวไกลเองก็มีการชี้แจงออกมาเป็น ร้อยครั้งพันครั้งว่า เราไม่มีความคิดจะก้าวล่วงหรือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ดูเหมือนข่าวสารส่วนนี้จะไม่เข้าหูซึมสู่สมองนายเสกสกลเลย หรือ สมองกลวงไปแล้ว หูอื้อไม่สนใจข้อเท็จจริงใดๆ ทำแต้มปกป้องนายไว้ก่อนอย่างนั้นหรือ

“ผมอยากสื่อสารไปยังนายเสกสกล ชื่อเดิมนายสุภรณ์ หรือแรมโบ้อีสาน​ยอดกตัญญู ว่า คุณก็อยู่แวดวงการเมืองมานานแม้จะไม่เคยไปถึงฝั่งฝัน แต่ก็น่าจะเข้าใจและเรียนรู้บ้างว่าปลายทางของการเป็นผู้แทนต้องมาจากการยอมรับจากประชาชน ไม่ใช่แค่ชื่อมงคล  และหากคิดจะสง่างามบนเส้นทางการเมืองนายเสกสกล ควรมีเหตุผล ข้อเท็จจริงในการปกป้องนายมากกว่านี้ หรือคิดจะเติบโตเยี่ยงสุนัขรับใช้ตลอดไปก็ตามสะดวก สุดท้ายไม่ต้องห่วงว่ามะเร็งร้ายในสมองของแกนนำคณะก้าวหน้าหรือคนในพรรคก้าวไกลว่าจะรักษาไม่หาย สิ่งที่ไม่มีทางรักษาหายและน่าเป็นห่วงที่สุดคือกมลสันดานของนายเสกสกลเองต่างหาก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top