Saturday, 28 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

นราธิวาส - รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานทอดกฐินสามัคคี ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ณ วัดศรีภิญโญศรัทธาราม บ้านศรีภิญโญ หมู่ที่ 6 ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี 2564 ซึ่งเป็นการทอดกฐินประจำปีครั้งแรกของวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จัดขึ้นเพื่อให้ผู้มีจิตและกำลังศรัทธา ถวายปัจจัยสมทบทุนเพื่อนำไปบูรณะทำนุบำรุงศาสนสถาน พัฒนาวัดให้เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจ ของพี่น้องพุทธศาสนิกชนในพื้นที่  โดยมีพระสมุห์นพเดช ฐิตเตโช เจ้าอาวาสวัดศรีภิญโญศรัทธาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์, พร้อมด้วยพลตรี เฉลิมพร  ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ,ส่วนราชการในพื้นที่ ตลอดจนพี่น้องพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมในพิธี  โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมในบริเวณรอบวัดร่วมช่วยประกอบอาหาร แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงาน เนื่องจากชุมชนแห่งนี้ เป็นชุมชน 2 วีถี มีทั้งไทยพุทธไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้มาตราการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

สำหรับประเพณีการทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสืบทอดอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีการทำบุญและปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเกิดความรักความหวงแหนในวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามต่อไป โดยปัจจัยที่ได้จากบริวารกฐิน ซึ่งมียอดรวม 999,999 บาท นั้นทางวัดศรีภิญโญศรัทธาราม จะนำไปใช้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่อไป

 

นครราชสีมา - “นิพนธ์” กำชับ! บริหารจัดการน้ำเขื่อนลำตะคองให้เหมาะสม ลดผลกระทบพื้นที่เศรษฐกิจโคราช และเก็บกักน้ำเพื่อใช้อุปโภค-น้ำการเกษตร มั่นใจปีหน้ามีน้ำใช้เพียงพอ!!

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่เขื่อนลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันยังคง มีปริมาณน้ำในอ่างฯประมาณ 316 ล้าน ลบ.ม. หรือ 103 % ของพื้นที่ความจุยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 50 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคาดการณ์ในช่วงวันที่ 27-28 ต.ค นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนลำตะคองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อำเภอพิมายที่เป็นจุดรับน้ำหลายสาย และไหลต่อไปยังอำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ได้กำชับให้กรม ปภ. จังหวัดนครราชสีมา ผอ.ชลประทานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะชุมชนเขตเศรษฐกิจตัวเมืองโคราช ร้านค้า ที่อยู่อาศัย โรงพยาบาล ศาสนสถาน โบราณสถานต่างๆของอำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง ฯลฯให้เร่งขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง เพื่อลดผลกระทบจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนลำตะคองในวันพรุ่งนี้ 25 ต.ค. ซึ่งได้สั่งการให้ปภ.เป็นผู้ประสานงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ในพื้นที่ และเคลื่อนย้ายเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูงให้มีความพร้อมปฏิบัติงานตามแผนเผชิญเหตุฯ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกัน ในการเพิ่มการระบายน้ำในวันพรุ่งนี้ พี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ฝ่ายปกครองได้ประสานท้องถิ่นในการแจ้งเตือนประชาชนผ่านทุกช่องทางให้ทุกครัวเรือนทราบถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ การเฝ้าระวังสถานการณ์พายุลูกใหม่และเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอำเภอพิมาย ที่น้ำแต่ละสาขาจะไหลไปรวมกัน กระทบต่อโรงพยาบาล โบราณสถาน เป็นต้นก็เร่งได้ให้เตรียมการป้องกันแล้ว"

 

'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์' สุดยอดแผนฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย โลกชื่นชม อาเซียนเดินตาม | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.25

ใครบางคนกำลังอกแตก!! เมื่อ​ ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ กลายเป็นแม่แบบที่ชาติอาเซียนทยอยเดินตาม

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

ถอดรหัส ‘เกาหลีใต้’ ‘อุตสาหกรรมบันเทิง’ สร้างชาติ ทะยานสู่ระดับโลก | Knowledge Times EP.30

????Knowlegde Times BizView
????ถอดรหัส ‘เกาหลีใต้’ ‘อุตสาหกรรมบันเทิง’ สร้างชาติ ทะยานสู่ระดับโลก

ซีรีส์ ดนตรี ภาพยนตร์ เชื่อว่าในยุคนี้ต้องเคยได้สัมผัสกับความบันเทิงที่ส่งตรงมาจากแดนกิมจิ หรือประเทศเกาหลีใต้กันบ้าง ประเทศที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศล้าหลังแห่งเอเชีย แต่ในวันนี้กลับพลิกโฉมหน้าและพุ่งทะยานสู่สุดยอดอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก....เขาทำได้อย่างไร?

เมื่อย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1950-1970 อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีนั้นถือว่าเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยกระทั่งการเผด็จอำนาจของปักจุงฮี ที่ทำให้อุตสาหกรรมบันเทิงเสื่อมลงจากการถูกเซนเซอร์และโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งทำให้ตกต่ำอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปี 1988 จนกระทั่งปักจุงฮีเสื่อมอำนาจลง 

อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีก็ยังถูกครอบงำด้วยกลุ่มธุรกิจแชโบลมาจนถึงวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ทำให้บริษัทใหญ่ในเกาหลีประสบภาวะเสียหายอย่างรุนแรง กลุ่มทุนแชโบลจึงถอยออกจากการครอบงำวงการภาพยนตร์ 

นอกจากนี้วิกฤตต้มยำกุ้ง หรือที่คนเกาหลีรู้จักกันในชื่อวิกฤต IMF ก็สร้างความเสียหายไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมหนักของเกาหลีใต้ ที่ในขณะนั้นเปรียบเสมือนภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเสาหลักของประเทศ จนต้องชะงักลง

ดังนั้นรัฐบาลเกาหลีใต้ จึงได้ตระหนักถึงความสำคัญของภาคธุรกิจอื่น ๆ นั่นก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และอุตสาหกรรมบันเทิง

โดยในปี 1998 รัฐบาลได้ตั้งกฎหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม ทำให้เกิดองค์การมหาชน และศูนย์วิจัยทางวัฒนธรรม ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ ทั้งดนตรี ละคร และภาพยนตร์ เพื่อผลักดันสิ่งที่จับต้องไม่ได้ให้กลายเป็นสินค้า และสามารถส่งออกเพื่อมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

‘การวางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง’ คือกลยุทธ์สำคัญที่ใช้ดันอุตสาหกรรมบันเทิงจนสำเร็จ เพราะ ทุกอย่างได้ผ่านการวางแผนเป็นอย่างดี ทั้งผลงาน กลุ่มลูกค้าและเนื้อหา เพื่อสร้างอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ให้แข็งแรง

โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้มีจุดเด่นอยู่ 4 ประการหลัก ๆ ประกอบไปด้วย...

ประการที่ 1 ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิง

โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้ตั้งเป้าหมายส่งเสริมทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นไป โดยมี Korea Creative Content Agency ทำหน้าที่วางแผนนโยบายอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม ทั้งดนตรี ละคร และภาพยนตร์ โดยมีการดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจาก

1.) สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อเอื้อให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม   
ด้วยการออกกฎหมายปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ลงดาบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ การออกกฎหมายสนับสนุนภาพยนตร์ในประเทศ โดยกำหนดจำนวนวันฉายภาพยนตร์เกาหลีในโรงภาพยนตร์ รวมถึงจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน เพื่อให้เป็นแหล่งพบปะ และแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์จากทั่วโลก ทำให้เทศกาลภาพยนตร์ที่ปูซานกลายเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย

2.) จัดตั้งกองทุนด้านวัฒนธรรม Korea Venture Investment Corporation ในปี 2005 เพื่อระดมเงินทุนช่วยเหลือบริษัทเอกชนสร้างสรรค์ผลงานบันเทิงต่าง ๆ โดยรัฐบาลลงทุนในสัดส่วน 20% ส่วนอีก 80% เป็นค่ายเพลง และบริษัทเอกชนต่าง ๆ

3.) สนับสนุนกลุ่มนายทุนผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ก่อตั้งบริษัทที่เน้นด้านธุรกิจบันเทิง โดยบริษัทที่โดดเด่นก็คือ CJ Group ซึ่งได้ก่อตั้งบริษัทในเครือ CJ ENM ในปี 1995 ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นผู้ผลิตสื่อรายใหญ่ของเกาหลีใต้ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของช่องเคเบิลทีวีที่โด่งดัง ได้แก่ Mnet /tvN /OCN 

4.) สร้างบุคลากรที่มีความสามารถ โดยรัฐบาลได้จัดทำโครงการ Broadcast Video Promotion Plan เพื่อสนับสนุนให้มีการเปิดหลักสูตรการสอนนักแสดงและบุคลากรในวงการบันเทิงในรั้วมหาวิทยาลัย และจัดตั้งโรงเรียนสอนการแสดง ที่ร่วมกับค่ายเพลง-บริษัทด้านบันเทิงต่าง ๆ เพื่อปั้น ‘ไอดอล’ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แม้ว่าจะมีกลุ่มคนไม่เห็นด้วยเพราะสัญญาที่ยาวนานและการฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้สร้างความพร้อมให้กับเหล่าไอดอลได้อย่างมาก

ประการที่ 2 สร้างตัวตนให้โดดเด่น ด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร

เมื่อคนและเงินทุนพร้อม ประการต่อมา คือการสร้างภาพลักษณ์ ให้มีความโดดเด่น และน่าดึงดูดใจ อย่างเช่น วงการ K-pop จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเพลง มิวสิกวิดีโอให้มีฉากโดดเด่น เน้นขายคุณภาพการเต้น และท่าเต้นที่พร้อมเพรียง รวมไปถึงการวางแผนการสร้างศิลปิน ที่จะถูกวางแผนไว้ล่วงหน้าอย่างละเอียด ตั้งแต่จำนวนสมาชิก ภาพลักษณ์  สไตล์เพลง กลุ่มตลาด รวมถึงการบริหารจัดการภาพลักษณ์ไม่ให้มีเรื่องอื้อฉาว 

ในขณะที่วงการซีรีส์ ที่กลายเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสังคมเกาหลี เช่น การวางบทตัวละครเพศชาย ให้อบอุ่น อ่อนโยน เพื่อปลูกฝังและลดพฤติกรรม ‘ชายเป็นใหญ่’ ในสังคมเกาหลี รวมไปถึงสอดแทรกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเข้าไปในซีรีส์และภาพยนตร์หลายเรื่อง 

ประการที่ 3 การวางแผนการตลาดในระดับโลก

การที่เกาหลีใต้ต้องการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตีตลาดโลกให้ได้ ซึ่งได้มีการตั้ง ‘ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี’ ไว้ทั่วทุกมุมโลก ที่ปัจจุบันมีกว่า 33 ประเทศ ใน 6 ทวีป เพื่อใช้ในการเผยแพร่วัฒนธรรม รวมถึงการจัดงานต่าง ๆ เพื่อโปรโมตสื่อเกาหลี

นอกจากนั้นการที่จะซื้อใจคนได้ทั่วโลกต้องเข้าใจตลาดของชาตินั้น ๆ เสียก่อน จะเห็นได้ว่า K-pop บางวงจึงมีการเพิ่มสมาชิกที่เป็นชาวต่างชาติเข้าไป อย่างเช่น วง BLACKPINK ที่มีสมาชิกชาวไทย อย่างสาวลิซ่า ที่โด่งดังและสร้างฐานแฟนคลับทั้งเมืองไทยและชาติอาเซียน 

นอกจากนี้ฝั่งซีรีส์เอง ก็มีการพากย์เสียงภาษาต่าง ๆ ก่อนนำไปเผยแพร่ในต่างประเทศ และหลีกเลี่ยงการออกอากาศในประเทศที่มีธรรมเนียมปฏิบัติทางเพศที่เข้มงวด

ประการที่ 4 การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมบันเทิง

แน่นอนว่าการมุ่งสร้างแต่คอนเทนต์บันเทิงยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เพราะแต่แรกเริ่ม รัฐบาลเกาหลีใต้มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และอุตสาหกรรมบันเทิงควบคู่กัน ดังนั้น สถาบันวิจัยด้านอิเล็กทรอนิกส์และสื่อสารทางไกล, ETRI จึงเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีในการประกอบความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็น การใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ โฮโลแกรมประกอบการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ต หรือการออกแบบมิวสิกวิดีโอให้มีความสวยงามล้ำสมัย หรือในวงการภาพยนตร์ ละคร ก็มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกมาสร้างสรรค์ฉากที่สวยงามและล้ำสมัย

ในด้านภาคเอกชนเองก็มีบทบาทไม่แพ้กันโดย บริษัท CJ Group ก็เป็นผู้พัฒนา 4DX System ที่กลายเป็นจุดกำเนิดโรงภาพยนตร์ 4 มิติแห่งแรกของโลก ในปี 2009 ที่ทำให้ผู้ชมสัมผัสความเสมือนจริงไปอีกขั้น ด้วยกลิ่นและการสั่นสะเทือน

นอกจากนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีการใช้กลยุทธ์ Creative Economy ที่เพิ่มมูลค่าสินค้าหรือพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น หากแต่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ สติปัญญา ในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทในกลุ่ม อุตสาหกรรมแฟชั่น การออกแบบ สื่อ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ เพลง และงานศิลป์ในแขนงต่าง ๆ

เรียกได้ว่าการข้ามผ่านจุดตกต่ำสู่การกลับมาผงาดอีกครั้งของเกาหลีใต้ แบบไม่ง้ออุตสาหกรรมแบบเดิม แต่หันไปจับอุตสาหกรรมใหม่ที่ผ่านการวางแผนอย่างดีและเป็นขั้นเป็นตอน 

ทำให้การดันอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จและไปไกลถึงระดับโลก ทั้งยังกลายเป็นหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองในการใช้ Soft Power มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและยังแตกแขนงไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ผ่านการวางยุทธศาสตร์ที่เฉียบคมของเกาหลีใต้ ที่หลายชาติยากจะเลียนแบบ

เปิดตำนานเสด็จเตี่ย!! มหาเวทย์แห่งสยาม ศิษย์เอกหลวงปู่ศุข | MEET THE STATES TIMES EP.32

???? เปิดตำนานเสด็จเตี่ย!! มหาเวทย์แห่งสยาม ศิษย์เอกหลวงปู่ศุข
???? ค้นต้นแบบ!! “กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ลูกศิษย์คนสำคัญ “หลวงปู่ศุข” 

???? ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

???? ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่สมุยพลัสโมเดล เสียงผู้ประกอบการที่รอแสงสาดส่อง | MEET THE STATES TIMES EP.31

???? “จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่สมุยพลัสโมเดล เสียงผู้ประกอบการที่รอแสงสาดส่อง”​​​ ​​​!!
???? คุยกับผู้ประกอบการตัวจริง!! ‘คุณอภิเดช คำแก้ว’ นายสนามมวยเพชรบัญชา!!

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

"นายกชาย" พร้อม “คณะกรรมาธิการการปกครองสภาผู้แทน” ลงพื้นที่เกาะสี่ เกาะห้า จังหวัดพัทลุง ตรวจสอบการขโมยรังนก และทำลายพันธุ์นกอีแอ่น

นายไพจิต ศรีวรขาน ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง ได้มอบหมายคณะกรรมาธิการและคณะทำงาน ลงพื้นที่เกาะสี่ เกาะห้า หมูที่ 3 ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ตรวจสอบกรณีมีการขโมยรังนกและทำลายพันธุ์นกอีแอ่นในพื้นที่จังหวัดพัทลุง 

นำโดย ส.ส.สุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ รองประธานคณะกรรมาธิการ , ส.ส.อารี  ไกรนรา รองประธานคณะกรรมาธิการ,ส.ส.เดชอิศม์ ขาวทอง รองประธานคณะกรรมาธิการ , ส.ส.กวินนาถ ตาคีย์ กรรมาธิการ และคณะทำงาน ส.ส.สุรินทร์ปาลาเร่ ,ส.ส.นริศ ขำนุรักษ์, ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

 

ปมเดือด!! “รัสเซีย” ต้นตอ…วิกฤตพลังงานยุโรปขาดแคลน!! | Knowledge Times EP.29

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘KnowledgeTimes’ | EP.29
???? ปมเดือด!! “รัสเซีย” ต้นตอ…วิกฤตพลังงานยุโรปขาดแคลน!!

สำนักข่าว Bloomberg รายงานราคาพลังงานที่ปรับตัวพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ส่งออกน้ำมันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลกในเวลานี้ โดยเฉพาะรัสเซีย 

ซึ่งมีรายงานว่า ค่าเงินรูเบิล แข็งค่ามากกว่าค่าเงินของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางการลงทุนอย่างกะทันหันของนักลงทุนในกลุ่มตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ องค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียส่งออกก๊าซธรรมชาติมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ และพลังงานที่แพร่ระบาดไปทั่วทั้งยุโรป โดยกล่าวอ้างว่า “รัสเซียเป็นต้นตอความขาดแคลนพลังงานในครั้งนี้ และจงใจระงับการจัดส่งก๊าซให้ยุโรป จนทำให้ราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้น”

ในขณะที่ยุโรป กำลังเผชิญวิกฤติราคาพลังงาน โดยราคาก๊าซเพิ่มสูงขึ้นถึง 250% นับตั้งแต่เดือนมกราคม โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การขาดพลังงานหมุนเวียน ไปจนถึงปริมาณก๊าซธรรมชาติในสต๊อกที่ลดต่ำลงหลังผ่านหน้าหนาวเมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น ความต้องการพลังงานในหลายประเทศก็กำลังเพิ่มขึ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากโควิด-19

นักวิเคราะห์บางคนสงสัยว่า นี่คืออาวุธทางการเมืองที่รัสเซียกำลังใช้วิกฤติพลังงานที่เกิดขึ้น…เพื่อเป็นตัวเร่งและกดดันให้ยุโรปอนุมัติโครงการ “นอร์ด สตรีม 2” (Nord Stream 2) หรือไม่ ซึ่งโครงการดังกล่าว จะเพิ่มขีดความสามารถการส่งออกก๊าซธรรมชาติของรัสเซียสู่เยอรมนีมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า และเป็นเส้นทางสำคัญในการส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปผ่านทะเลบอลติก

ในขณะที่ยุโรปยังไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ และฝ่ายคัดค้านเชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้ยุโรปต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียมากขึ้น ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนบอกว่า เรื่องนี้จะทำให้ยุโรปซื้อก๊าซได้ในราคาที่ถูกลง

ซึ่งล่าสุด “ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน” ผู้นำฝ่ายรัสเซีย ได้เข้าร่วมประชุมเรื่องพลังงานในกรุงมอสโกเมื่อวันพุธที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยปูตินออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า รัสเซียกำลังใช้พลังงานเป็นอาวุธทางการเมืองซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ และพร้อมให้ความช่วยเหลือผ่อนคลายวิกฤตพลังงานในยุโรป 

พร้อมกล่าวด้วยว่า “เราไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ เลย แม้กระทั่งในช่วงที่ยากลำบากที่สุดในยุคสงครามเย็น รัสเซียก็ยังคงปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาและจัดหาก๊าซให้กับยุโรปอยู่เป็นประจำ และไม่มีข้อสนับสนุนใด ๆ ที่จะกล่าวหาว่ารัสเซียใช้พลังงานเป็นอาวุธ เพราะในทางตรงกันข้าม รัสเซียนั้นขยายการจัดส่งพลังงานไปยังยุโรปต่างหาก และขอให้ยุโรปหยุดโยนความผิดให้คนอื่น อันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤตพลังงานในภูมิภาคเอง”

พร้อมทั้งได้ตำหนิวิกฤตพลังงานในยุโรปขณะนี้ด้วยว่า หลังจากฤดูหนาวรุนแรงที่ผ่านมา ยุโรปไม่ได้สูบก๊าซในปริมาณที่เพียงพอเพื่อไปเก็บสำรองไว้ในโรงเก็บ ซึ่งถือว่าสำคัญมากและเป็นกลไกระยะยาว เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดพลังงาน

และปูตินย้ำอีกว่า บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ แกซพรอม (Gazprom) ของรัสเซีย ได้จัดส่งก๊าซไปยังยุโรปในระดับที่สูงที่สุดภายใต้ข้อตกลงในปัจจุบัน และพร้อมที่จะจัดส่งเพิ่มให้อีกหากได้รับการร้องขอ โดยรัสเซียจะเพิ่มให้มากเท่าที่หุ้นส่วนร้องขอ ไม่มีการปฏิเสธใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งในปีนี้ รัสเซียได้จัดส่งเพิ่มเติมไปแล้วถึง 15%

ด้านโฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ ระบุว่า รัสเซียได้จัดส่งก๊าซให้ยุโรป ในปริมาณที่มากที่สุดตามสัญญาแล้ว และย้ำว่า รัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มปริมาณการส่งก๊าซผ่านยูเครน หากยุโรปจะเพิ่มงบประมาณการจัดซื้อ

ทั้งนี้ รัสเซีย ถือเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจัดส่งให้กับยุโรปมากกว่า 40% จากการนำเข้าพลังงานทั้งหมดของยุโรป ด้วยเหตุนี้ รัสเซียจึงนับเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกพลังงานที่สำคัญที่สุดของโลก และมีบทบาทที่จะสร้างความแข็งแกร่งและอ่อนแอให้กับแต่ละภูมิภาคได้

นอกจากนี้ รัสเซียยังใช้แหล่งทรัพยากรเหล่านี้ เป็นตัวหนุนรายได้หลักของรัฐบาล ซึ่งตอนนี้โลกกำลังเริ่มจะเปลี่ยนแปลงจากการใช้พลังงานฟอสซิล ไปเป็นพลังงานสะอาดแทน และนั่นหมายความว่า อาจมีความต้องการที่ลดน้อยลงในอนาคตก็เป็นได้

รวบ!! 'เครือข่ายค้ามนุษย์' หลอกคนไทยทำงานผิดกฎหมายในกัมพูชา พร้อมจับกุมสมาชิกเครือข่ายค้าแรงงานข้ามชาติเมื่อปี 2558

จากกรณีปรากฏข่าวทางสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อโทรทัศน์ต่าง ๆ ว่ามีคนไทยถูกหลอกลวงและบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายในเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการไทยให้ช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ตามที่ทราบแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการให้การช่วยเหลือเหยื่อคนไทยให้ได้กลับประเทศเป็นการเร่งด่วน และทำการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันยคนร้ายหรืออาชญากรได้ถือโอกาสที่คนได้รับผลกระทบจากปัญหาในช่วงไวรัสโควิด-19 สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยการหลอกลวงให้ไปใช้แรงงาน ทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นภัยต่อประเทศ ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) จึงได้ทำหน้าที่สืบสวนและปราบปรามอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว โดยได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวน พร้อมพวก ทำการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าว จนสามารถออกหมายจับเครือข่ายผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 10 ราย ประกอบด้วยผู้ต้องหาชาวจีนจำนวน 4 ราย, ผู้ต้องหาชาวกัมพูชาจำนวน 4 ราย และผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 2 ราย

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ชุดปฏิบัติการสืบสวน ศพดส.ตร. ได้ทำการจับกุม สองผู้ต้องหาชาวไทยที่ได้ถูกออกหมายจับจากกรณีดังกล่าว ประกอบด้วย

1) น.ส.อุบลรัตน์ พุฒิไพรสกุล อายุ 22 ปี

    ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1701/2564 ลงวันที่ 19 ต.ค.64

2) น.ส.เทียนฟ่ง แซ่หลี่ อายุ 28 ปี

    ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1702/2564 ลงวันที่ 19 ต.ค.64

โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้ในพื้นที่ สภ.ฝาง และสภ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศพดส.ตร. ได้ประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศกัมพูชา เพื่อให้ความช่วยเหลือเหยื่อคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทางเอกสารเพื่อขอรับตัวเหยื่อคนไทยกลับประเทศไทยต่อไป

นอกจากนี้ ได้มีกรณีที่ทางการมาเลเซีย โดยสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย ได้มีคำร้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ร้องขอให้ทางการไทยส่งตัวบุคคลสัญชาติไทยจำนวน ๙ รายเป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนย้ายแรงงานโดยผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย ต่อมา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดของไทย ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับบุคคลทั้ง ๙ รายตามคำร้องขอของทางการมาเลเซีย เพื่อดำเนินการจับกุมและส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศมาเลเซียต่อไปนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ดังกล่าว

“อลงกรณ์” มอบ “กรกอ.” ภาคเหนือเดินหน้ากลยุทธ์โลจิสติกส์ใหม่ ใช้ด่านรถไฟโมฮ่าน - โลว์คอสต์แอร์คาร์โก้ “เชื่อมเหนือ-เชื่อมโลก” เปิดตลาดจีนทุกมณฑล – เอเชียกลาง - ยุโรปภายในสิ้นปีนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.)เปิดเผยวันนี้(21ต.ค.)หลังจากเข้าร่วมการประชุมทางไกลพร้อมมอบนโยบายให้แก่คณะอนุกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภาคเหนือ(กรกอ.ภาคเหนือ)ซึ่งมีนายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยภาคเหนือเป็นประธาน

โดยมีคณะกรรมการทั้งภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการศูนย์ AIC ละภาคเกษตรกรเช่นดร.สุขกิจ ยะโสธรศรีกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นายพิศณุ ไชยนิเวศน์ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรภาคเหนือ นายสุพจน์ ป้อมชัย ผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-2-12 และหน่วยงานกระทรวงเกษตร ในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมประชุมกว่า 50 คน เพื่อบูรณาการทำงานเชิงรุกขับเคลื่อนโครงการสำคัญ ๆ ได้แก่

1.โครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม 2 ล้านไร่ทั้งเฟส 1 และเฟส 2 ปี 2564-2566 ในสินค้าเป้าหมาย 15 ชนิด: ปาล์มน้ำมัน และยางพารา อ้อยโรงงาน ข้าวโพดหวาน และมะเขือเทศ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างระบบเกษตรแปลงใหญ่(Big Farm)ที่กระทรวงเกษตรฯสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่ม และบริหารจัดการแผนการผลิตและจำหน่ายจับคู่กับบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่(Big Brothers)ตามความต้องการของอุตสาหกรรมทั้งด้านปริมาณ คุณภาพและช่วงเวลาการรับซื้อ พร้อมพัฒนากระบวนการจัดการเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต โดยใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ

2.โครงการ1กลุ่มจังหวัด 1นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร

3.โครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกของกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง 1 (พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ตาก) เช่นโครงการศูนย์พัฒนาผลไม้สดเพื่อการส่งออก ประกอบด้วยโครงการโรงอบไอน้ำและคัดบรรจุมะม่วง 2.โครงการโรงงานแปรรูปแช่แข็งบรรจุมะม่วง วงเงินงบประมาณ 150 ล้าน

4.โครงการพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือ (Northern Thailand Food Valley : NTFV)ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรมอาหารของไทย

5.การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือตามแนวคิดใหม่ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 ว่าด้วยทิศทางการพัฒนาภาคเหนือ ปี 2566 - 2570 ซึ่งเน้น“เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สานสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ สุขภาวะดี วิถีชีวิตยั่งยืน” บนทิศทางการพัฒนาบน “4C” ได้แก่

1.Creative : พัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง

2.Connect : สร้างโอกาสในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายในประเทศ และอนุภูมิภาค

3. Clean : พัฒนาตามแนววิถีใหม่ (New Normal) บนฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานสะอาด

4.Care : ที่ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส

ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่เป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปในอาเซียนยุทธศาสตร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top