Saturday, 28 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

‘ตำรวจภูธรภาค 5’ กวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ!! พบยาบ้า 20 ล้านเม็ด - ไอซ์ 631 กิโลกรัม - เฮโรอีน พร้อมอาวุธปืนอีก 500 กว่ากระบอก

ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ ประชาชน และเป็นภัยกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติด ,ชีวิต ร่างกายและเพศ และเกี่ยวกับทรัพย์ หรือกระทั่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น

เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.สุชาติ  ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) ,พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป) , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.(มค) จึงได้สั่งการให้ทุก บช. มีการะดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายต่างๆ ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ ผบก.ทุก ภ.จว. ในสังกัด ภ.5 ได้ดำเนินการสนองตอบนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าว โดยบูรณาการกำลังร่วมกันกับฝ่ายปกครอง หน่วยทหารกองทัพภาคที่ 3 และป.ป.ส.ภาค 5 โดยขอแถลงสรุปผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน 1,017 ราย ผู้ต้องหา 1,136 คน

2. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3,567 ราย ผู้ต้องหา 2,681 คน

3. ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง 770 ราย ผู้ต้องหา 772 คน

4. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 1,240 ราย ผู้ต้องหา 796 คน

5. ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 90 ราย ผู้ต้องหา 89 คน

6. จับกุมบุคคลตามหมายจับ 2,081 ราย ผู้ต้องหา 2,057 คน

7. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 288 ราย ผู้ต้องหา 75 คน

รวมทั้งสิ้น 9,053 ราย ผู้ต้องหา 7,606 คน

โดยเฉพาะผลการปฏิบัติที่สำคัญ มีการจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดรายใหญ่ที่ผ่านมา ได้แก่ที่

1.สภ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ยาบ้า 100,000 เม็ด (20 ต.ค.64)

2.สภ.แม่สรวย จว.เชียงราย ยาบ้า 310,000 เม็ด ไอซ์ 58 กก. เฮโรอีน 7 กก. (20 ต.ค.64)

3.สภ.เมืองเชียงราย ,แม่สรวย ยาบ้า 1,696,000  เม็ด ไอซ์ 9 กก. (20 ต.ค.64)

4.กก.สส.ภ.5 ร่วมกับ ป.ป.ส. 4,400,000 เม็ด ไอซ์ 288 กก. (20 ต.ค.64) ต้นทางจาก อ.ภูซาง อ.เชียงคำ จว.พะเยา จับกุมได้ที่ จ.อยุธยา

5.สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ยาบ้า 5,000,000 เม็ด (23 ต.ค.64)

6.สภ.แม่ลาว จว.เชียงราย ยาไอซ์ 235 กก. (29 ต.ค.64)

ซึ่งในวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำมาร่วมแถลงข่าว จำนวน 3 คดี คือ

คดีที่ 1 : ตรวจยึดยาบ้า 7,970,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : จุดตรวจแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จว.แพร่

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 7,970,000 เม็ด และ รถยนต์ขนส่ง 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

ข้อกล่าวหา : มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย

พฤติการณ์แห่งคดี: ด้วยเมื่อ วันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 10:00 น. ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 72-4852 นครปฐม ได้รับการติดต่อจากเพื่อนกลุ่มขับรถรับจ้างให้ไปรับงานที่ห้องพัก ต.ร่องฟอง อ.เมืองแพร่ จว.แพร่ เพื่อนำส่งปลายทางที่เขตมีนบุรีกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ติดต่อแจ้งว่าเป็นสุ่มไก่ เมื่อถึงจุดขึ้นของมีผู้ชาย 2 คน ยกของขึ้นรถบรรทุก เป็นลังไม้และสุ่มไก่ ผู้ขับขี่ฯ จะช่วยยกของขึ้นรถ ชายทั้งสอง บอกว่าไม่ต้องช่วย และไม่ต้องเปิดลังดูเพราะข้างในเป็นยาสำหรับไก่ชน ในระหว่างที่รอผู้ชายทั้งสองยกของขึ้นรถบรรทุก ผู้ขับขี่ฯ ก็เดินไปทำธุระส่วนตัวที่ปั้ม เมื่อกลับมาถึงรถบรรทุกชายทั้งสองก็แจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายรุ่งเพชรฯ ก็คลุมผ้าใบท้ายรถและขับรถบรรทุกออกจากจุดขึ้นของมุ่งหน้าทาง อ.เด่นชัย - อุตรดิตถ์ เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมัน ที่ อ.เด่นชัย ผู้ขับขี่ฯ จึงหยุดรถ แล้วเปิดดูลังไม้ที่บรรทุกมาให้หายสงสัยว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่ เปิดดูพบด้านในลังไม้มีถุงสีดำบรรจุก้อนสี่เหลี่ยมห่อด้วยกระดาษสีเหลืองประทับตรา 999 และโทรศัพท์แจ้ง สภ.เด่นชัย ช่วยตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นยาบ้า จำนวน 54 ถุง สรุปยาบ้าจำนวน 7,970,000 เม็ด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

คดีที่2 : สภ.เวียงมอก จว.ลำปาง จับกุมยาบ้า 599,600 เม็ด, ไอซ์ 41 กิโลกรัม

วันเดือนปีที่จับกุม : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่จับกุม : ด่านตรวจสะเลียมหวาน ต.เวียงมอก อ.เถิน จว.ลำปาง

ผู้ต้องหา : นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง อายุ 47 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จว.กาฬสินธุ์

ของกลาง : ยาบ้า 599,600 เม็ด,ไอซ์ 41 กิโลกรัม,รถยนต์ (ซีอาร์วี) จำนวน 1 คัน

พฤติการณ์แห่งคดี : เมื่อวันที่ 30 ต.ค.64 เวลา 06:10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงมอก ได้ตั้งด่านตรวจยาเสพติด ต่อมาได้มี นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน กง 5906 กาญจนบุรี จึงได้ทำการตรวจค้น ผลการ ตรวจค้นพบยาบ้า ลักษณะกลมแบน ประทับอักษร WY จำนวนประมาณ 599,600 เม็ด และไอซ์จำนวน 41 ห่อ น้ำหนัก 41 กก. ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังรถยนต์ ซึ่ง ผตห.รับว่าของกลางทั้งหมดรับมาจาก อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เพื่อส่งไปให้เป้าหมายที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามหา ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่3 สภ.เกาะช้าง จว.เชียงราย ร่วมกับ กองกำลังผาเมือง ตรวจยึดยาบ้า 320,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : ช่องทางธรรมชาติบ้านป่าซาง ม.6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จว.เชียงราย

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 320,000 เม็ด

พฤติการณ์แห่งคดี : ในห้วงวันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 14:00 น. จนท.กกล.ผาเมือง ได้ตรวจพบกลุ่มคนประมาณ 4 คน แบกถุงพลาสติกสีดำเดินมาจากประเทศเมียนม่า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว ขอทำการตรวจค้นกลุ่มคนดังกล่าว จึงได้ทิ้งถุงพลาสติกสีดำไว้แล้วได้วิ่งหลบหนีกลับไปยังประเทศเมียนม่า ชป.ขอกำลังสนับสนุน เข้าปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ พบเป็นวัตถุมีลักษณะเป็นกล่อง ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 2 กล่อง บรรจุยาบ้ากล่องละประมาณ 160,000 เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด จำนวนประมาณ 320,000 เม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขยายผลเพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และ ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวมของกลางทั้งหมด ยาบ้า 19,896,000 เม็ด , ไอซ์ 631 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 7 กิโลกรัม

 

อย. สหรัฐเผย! ตัวเลขวัยรุ่นใช้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ในอเมริกาลดลง 2 ปีต่อเนื่อง

ผลสำรวจการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นของสหรัฐอเมริกา พบการใช้ลดลงในช่วงปี 2563-2564 ถึง 42% และช่วงปี 2562-2563 ลดลง 29% ทำให้อัตราลดลงถึง 60% ภายใน 2 ปี สวนทางกับข้อมูลของกลุ่มรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่อ้างข้อมูลเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้า 27.5% ของปี 2562 โดยไม่ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนทั้งหมด เชื่อไทยจะป้องกันเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ ถ้านำเอามาควบคุมให้เหมาะสม

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ” และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “กรมควบคุมโรค และองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเพิ่งเปิดเผยตัวเลขการสำรวจระดับชาติเรื่องการบริโภคยาสูบในเยาวชนอเมริกัน ปรากฏว่าจำนวนวัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าลดลงอย่างมากติดต่อกันเป็นที่สอง โดยในปี 2564 นี้ มีรายงานว่ามีนักเรียนชั้นมัธยมใช้บุหรี่ไฟฟ้า 11.3 % ลดลงจากปีก่อนที่ 19.6% และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเคยสูงถึง 27.5% ขณะที่วัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวันมี 3.1% ตรงข้ามกับข้อมูลของกลุ่มรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่อ้างแต่ข้อมูลปี 2562 ที่ 27.5% เพื่อทำให้ผู้กำหนดนโยบายและสังคมไทยเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้วัยรุ่นในอเมริกานิยมใช้มากเพื่อที่จะได้แบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป”

“แม้ว่าการสำรวจจะทำแบบออนไลน์เพราะโรงเรียนปิดช่วงโควิดซึ่งอาจมีผลต่อการสำรวจ แต่ผมมองว่าที่เป็นสัญญาณที่ดีเป็นแนวโน้มที่ดีที่แสดงว่าเมื่อรัฐบาลอเมริกาหันมาจริงจังกับปัญหานี้ก็สามารถควบคุมได้ โดยไม่ไปตัดสิทธิผู้ใหญ่ที่ต้องการเข้าถึงทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่า เช่นบุหรี่ไฟฟ้า แม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องเด็กและเยาวชนแต่ก็ไม่ได้แบนบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนไทย แต่เขาเลือกแก้ปัญหาโดยการออกมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น มีการแจ้งเตือน ควบคุมการใช้และการจำหน่าย รวมถึงควบคุมการโฆษณาและการออกรสชาติที่อาจจะดึงดูดเยาวชน เช่น รสลูกกวาดและขนม หลังจากนั้นก็พบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนลดลง แต่ของไทยวันนี้บุหรี่ไฟฟ้ายังผิดกฎหมาย คุมอะไรไม่ได้เลย เด็กสั่งออนไลน์ได้ของมาส่งถึงบ้านโดยไม่ต้องตรวจบัตรประชาชน”

ขณะเดียวกัน รายงานการสำรวจในประเทศอังกฤษที่จัดทำโดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ของอังกฤษ (ASH UK) ที่ระบุว่า ในปี 2564 11.2% เยาวชนอายุระหว่าง 11-17 ปีเคยลองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งลดลงจาก 13.9% ในปี 2563 รายงานของ ASH UK ยังย้ำด้วยว่าเด็กส่วนหนึ่งโดยเฉพาะกลุ่มที่เคยลองสูบบุหรี่ อาจจะเคยลองใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำยังคงต่ำอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการติดตามและควบคุมให้เหมาะสม


 

ทัพเรือภาคที่ 1 ปูพรมเดินหน้าค้นหา 4 ลูกเรือที่สูญหาย จากเรือประมงอัปปางอย่างต่อเนื่อง ส่งนักประดาน้ำลงจุดเกิดเหตุ คาดติดอยู่ในซากเรือ

จากกรณี เรือประมง อนันตศักดิ์ อับปาง มีเรือประมงด้วยกันสามารถช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ลอยคออยู่ในทะเลได้ 3 คน และ ยังมีลูกเรือสูญหายอีก 4 คน คาดว่าน่าจะติดอยู่ภายในซากเรือ เหตุเกิดบริเวณกลางทะเล จังหวัดระยอง แลต 12 องศา 6.9 ลิปดา เหนือ , ลอง 100 องศา 45.5 ลิปดา ตะวันออก เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 และ ศรชล.ภาค 1 ได้ ประสานทัพเรือภาคที่ 1 โดย พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 ได้สั่งการให้ เรือ ต.264 จากทัพเรือภาคที่ 1 เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมนักประดาน้ำจำนวน 3 นาย เพื่อดำน้ำค้นหาลูกเรือที่สูญหายทั้ง 4 คน ที่คาดการณ์ว่าน่าจะติดอยู่ภายในซากเรือ อย่างต่อเนื่องนั้น

ล่าสุด เมื่อ 1 พ.ย.64 ผลการค้นหาลูกเรือทั้ง 4 คนที่สูญหาย จากการรายงานของนักประดาน้ำที่ดำน้ำค้นหาทราบว่า การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากระดับน้ำค่อนข้างลึก 30-40 ม. และมีอวน เชือก และเส้นเอ็นจำนวนมาก ปกคลุมรอบเรือ รัศมีประมาณ 10 ม. เป็นข้อจำกัดและเป็นอันตรายต่อการเข้าไปปฏิบัติงาน ส่งผลให้นักประดาน้ำไม่สามารถเข้าไปสำรวจภายในตัวเรือได้ และจากการสำรวจค้นหาบริเวณภายนอกตัวเรือ ยังไม่พบลูกเรือทั้ง 4 คนดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้อง ขอสนับสนุนอุปกรณ์ และนักประดาน้ำเพิ่มเติมในการตัดอวนและเชือก เพื่อเข้าไปค้นหาลูกเรือที่สูญหายทั้ง 4 คน ภายในตัวเรือ และเชิญหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมวางแผนในการค้นหาต่อไป

ประจวบคีรีขันธ์ - เปิดเมืองหัวหินวันแรก! ไม่คึกคัก โรงแรมไร้เงานักท่องเที่ยวต่างชาติ

วันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่นำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบาลรัฐบาลเป็นวันแรกไม่คึกคักเท่าที่ควร ถนนเพชรเกษมในเขตเทศบาลทั้งขาขึ้นและขาล่องใต้การจราจรคล่องตัว บริเวณชายหาดหัวหินตลอดแนวตั้งแต่หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมไปจนถึงหมู่บ้านเขาตะเกียบ ระยะทางราว 8 กม. มีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนไทย นั่งเตียงผ้าใบร้านค้า ขี่ม้าชายหาดและลงเล่นทะเลประปราย

นายอภิศักดิ์ แดงช่วง อายุ 43 ปี ผู้ประกอบร้านอาหารชายหาดหัวหิน กล่าวว่าบรรยากาศวันแรกเปิดเมืองก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้างแต่ยังไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยที่ใช้บริการชาวต่างชาติยังไม่มา คงต้องเป็นวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ น่าจะมีเพิ่มมากขึ้น สำหรับการเปิดเมืองในครั้งนี้ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่เคยเงียบเหงามานาน คนน่าจะกลับมาเที่ยวกันมากขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งทางร้านก็มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิดอย่างเคร่งครัด

ดร.รุ่งโรจน์ สีเหลืองสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมหัวหิน แกรนด์โฮเต็ล แอนด์พลาซ่า เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เปิดเผยว่าบรรยากาศเปิดเมืองหัวหินวันแรกไม่คึกคัก ขณะที่ยอดจองห้องพักของโรงแรมในเดือน พ.ย.นี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทยมีไม่ถึง 10% ไม่มีชาวต่างชาติเลย อาจจะเป็นเพราะมาตรการที่ยังไม่แน่ชัดในการที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย คาดว่าคงต้องรออีกสักระยะหนึ่ง แต่ในส่วนของโรงแรมเองทั้งพนักงาน สถานที่ ก็เป็นไปตามมาตรฐานที่สาธารณสุขกำหนดไว้

 

ตร. เตือน ‘สายซิ่ง – สายแว้น’ โทษหนัก!! เสี่ยงถูกยึดรถ ส่วนผู้ปกครอง เจ้าของรถและร้านแต่งรถ อาจโดนคดีด้วย!

วันที่ 2 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง (ศปข.ตร.) รับผิดชอบการป้องกันและปราบปรามในความความผิดการแข่งรถในทางฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 1,200,000 ราย และยึดรถที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนกว่า 320,000 คัน นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว ให้ทราบถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านอาจจะต้องถูกดำเนินคดี โดยมีฐานความผิดหลักที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้แก่

ส่วนของผู้ขับขี่

- ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8) ประกอบมาตรา 160

- แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกไม่เกิน 3 เดือน เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 ประกอบมาตรา 160 ทวิ

ส่วนของผู้ปกครอง

- ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(3) ประกอบมาตรา 78

- สนับสนุน ปล่อยปละละเลย ให้เด็กและเยาวชนรวมกลุ่มหรือมั่วสุมเพื่อแข่งรถในทาง เจ้าหน้าที่สามารถตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือให้วางเงินประกัน และหากเด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำอีก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท และให้ริบเงินประกัน ตาม คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ข้อ 2

ส่วนของเจ้าของรถ

- ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26(3) ประกอบมาตรา 78

- เป็นเจ้าของรถหรือคนขับรถยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือมีใบอนุญาตขับรถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้ เข้าขับรถของตนหรือรถที่ตนเป็นคนขับ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 56 ประกอบมาตรา 60

ส่วนของร้านรับแต่งรถ

- โฆษณา จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยรู้อยู่ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 55

- ดำเนินกิจการตามประเภทที่มีข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมตามมาตรา 32 ในลักษณะที่เป็นการค้า จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 33 ประกอบมาตรา 71

- ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถในทาง โดยการผลิต ครอบครอง จำหน่าย ประกอบ ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม คำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง ข้อ 3

 

“We prep for school” เปิดเทอมอย่างปลอดภัย! จากใจพี่ ๆ ทหารเรือ จัดกิจกรรมจิตอาสา BIG CLEANING ต้อนรับเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ นาย นาวิน มัตนาวี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านอำเภอ และคณะอาจารย์ ร่วมกันต้อนรับน้อง ๆ สำหรับการเปิดเทอมวันแรก เมื่อ 1 พ.ย. 2564 ซึ่งทางโรงเรียนบ้านอำเภอ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ผ่านมาตรการ COVID - Free Setting ในสถานศึกษา จังหวัดชลบุรี และรับอนุญาตจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี ให้สามารถเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site ได้ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564

การต้อนรับน้อง ๆ สำหรับการเปิดเทอมวันแรกในวันนี้ เป็นไปตามนโยบายการบูรณาการเชิงรุกของทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครองและนักเรียน อีกทั้งยังเป็นการติดตามความพร้อมในการเปิดเทอมวันแรก หลังจากที่ทัพเรือภาคที่ 1 ได้จัดกิจกรรมจิตอาสา BIG CLEANING โดยได้ร่วมกัน ทำความสะอาด พัฒนาพื้นที่ และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวัสโควิด-19

หลังจากนั้น ในเวลา 10.30 น. นาวาเอก เกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประชุมหารือรับฟังแนวทางในการเปิดสถานศึกษาตามมาตรการ COVID - Free Setting ในสถานศึกษา จังหวัดชลบุรี ณ โรงเรียนบ้านสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นางกาญจนา เทวศรัญยดิษฐ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสัตหีบ และคณะอาจารย์ ให้การต้อนรับ 

โรงเรียนบ้านสัตหีบ อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี จึงทำให้ยังไม่สามารถ เปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site ได้  โดยคาดว่าจะสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบ On -Site ได้ประมาณช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

ทั้งนี้ เมื่อทางโรงเรียนบ้านสัตหีบมีความพร้อมที่จะเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site แล้วนั้น ทัพเรือภาคที่ 1 จะให้การสนับสนุนกำลังพลในการ การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 และการทำความสะอาดโรงเรียน เพื่อสนับสนุนการเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ของ พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย  ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ให้หน่วยต่าง ๆ ของทัพเรือร่วมสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องการเปิดโรงเรียน

 

 

‘อินเตอร์ลิ้งค์ฯ’ เดินหน้า!! นำโดย ‘คุณสมบัติ’ ประธาน บมจ. จัดงานสัมมนา “FTTx – PON (Passive Optical Network) System พลิกบทบาทสำคัญในอนาคต

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานสัมมนา “FTTx – PON (Passive Optical Network) System ผ่านระบบ Zoom

พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมาอัพเดทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อด้วยระบบสายสัญญาณ เพื่อตอบโจทย์การติดตั้งระบบ Fiber Optic สำหรับอาคารสำนักงาน อาคารสูง คอนโดมิเนียม โรงแรม อพาร์ทเม้น หอพัก Smart Office และ Smart Home ที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต

เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเห็นภาพจริงและไปประยุกต์ใช้ได้ โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศกว่า 400 คน

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

“สุชาติ” รมว.แรงงาน ห่วงใยผู้ประกันตน มอบที่ปรึกษาแรงงาน “ธิวัลรัตน์” ลงพื้นที่ช่วยผู้ประกันตนทุพพลภาพ ที่จังหวัดชุมพร

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนทุพพลภาพ ในการนี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ นางวันทนา ณัฐพูลวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม นายพูลศักดิ์ ประมงค์ ประกันสังคมจังหวัดชุมพร ร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย

นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่ประสบอันตรายหรือมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น จนเป็นเหตุให้เป็นผู้ทุพพลภาพ รวมถึงให้ความสำคัญในการดูแลผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิด ในทุก ๆ ด้าน แม้ลูกจ้าง/ผู้ประกันตนประสบอันตราย จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในวันนี้ ตนได้รับมอบหมายจากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ในจังหวัดชุมพร เพื่อเยี่ยมสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้ทุพพลภาพและครอบครัว ได้มีความรู้สึกอบอุ่น และมีความรู้สึกที่ดีต่อระบบประกันสังคม อีกทั้งรับทราบปัญหาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้ทุพพลภาพ รวมทั้งติดตามอาการเจ็บป่วย เพื่อนำสู่การรักษา และฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ

ด้าน นางวันทนา ณัฐพูลวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ร่วมคณะลงพื้นที่จังหวัดชุมพรกับนางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำของใช้จำเป็นมามอบให้กับผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชุมพร ที่บ้านพักของตนเองจำนวน 2 ราย ได้แก่

นายสมชาย โกสุมา ปัจจุบันอายุ 39 ปี เป็นผู้ประกันตาม มาตรา 33 อยู่บ้านเลขที่ 10/2 หมู่ 2 ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานถูกรถบรรทุกถอยหลังมาชนเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ปัจจุบันได้รับเงินทดแทนรายเดือน เดือนละ 5,642 บาท ตลอดชีวิต (ได้รับเงินแล้วทั้งสิ้น ณ กันยายน 2564 เป็นเงินประมาณ 174,300.- บาท ) 

 

ซวยแทน!! 'Huawei'​ ถอนลงทุนใน 'แคนาดา'​ เหตุจับลูกสาวประธานหัวเว่ยตามใบสั่งมะกัน | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.26

‘แคนาดา’ สุดซวย!! หลัง​ Huawei ถอนลงทุน - โละคนงาน - ระงับสิทธิบัตร 5G เหตุเพราะออกหน้าจับลูกสาว Huawei ให้สหรัฐฯ

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top