Saturday, 28 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

“อลงกรณ์” ชี้! ปชป.รีเทิร์น เพราะทุ่มเททำงานหนัก ทำได้ไว - ทำได้จริง หลังทราบผล มสธ.โพลระบุ “จุรินทร์” ขึ้นแท่นเบอร์ 1 เหมาะเป็นนายกฯคนต่อไป!! พร้อมเปิดตัวผู้ว่ากทม. และประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้าลุยสนามใหญ่

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ (5 พ.ย. 64) หลังทราบผล มสธ.โพล ว่า ผลสำรวจของมสธ.โพล เป็นการสะท้อนถึงความคิดเห็นของประชาชนซึ่งต้องขอขอบคุณคนกรุงเทพมหานคร ที่มอบความไว้วางใจให้กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และขอขอบคุณศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนในครั้งนี้ ตนมองว่า “มสธ.โพล” ไม่ใช่เป็นเพียงการสำรวจความนิยมเหมือนโพลอื่น ๆ ก่อนหน้านี้แต่เป็นการสำรวจความเชื่อมั่นที่มีต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคและพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐบาลในวันข้างหน้า ทั้งนี้ พิจารณาจากการตั้งคำถามสำรวจความเห็นประชาชนในหัวข้อต่าง ๆ

ตนมองว่า ประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับมาเป็นพรรคในใจประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ก็ด้วยผลงานจากการมุ่งมั่นทุ่มเททำงานหนักของทุกคนในพรรคในยุคอุดมการณ์ ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริงซึ่งทำงานเป็นทีมแบบอเวนเจอร์ และการมีจุดยืนที่มั่นคงในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“ผลโพลเสมือนกำลังใจ เราจะทำงานหนักแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนต่อไป และเตรียมประกาศยุทธศาสตร์ประชาธิปัตย์เพื่อประชาชนในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 18 ธันวาคม ที่จะถึงนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า

ส่วนการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานครเมื่อไหร่นั้นคงอีกไม่นาน หัวหน้าพรรค และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค กำลังพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม ขอให้อดใจรอ เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถในการบริหาร มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า เหมาะกับยุคกทม.เมตะเวิร์ส (METAVERSE) แน่นอน นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ศาสตราจารย์ ดร.วิทยาธร ท่อแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผย ผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับ “ประชาชนในกรุงเทพมหานครต้องการผู้นําที่มีคุณลักษณะแบบใดเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปและคุณลักษณะพรรคการเมืองแบบใดที่ผู้นําสังกัดหรือได้รับการเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” ดําเนินการสํารวจ ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 12,350 คน เป็นชาย 6,820 คน (55.22%) หญิง 5,530 คน (44.78%)

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสํารวจครั้งนี้ ชี้ให้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในสถานการณ์ช่วงเวลา 4-5 ปี ข้างหน้านี้ เนื่องด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคุณลักษณะความเป็นผู้นําเฉพาะตัวเด่นชัดและมีคุณลักษณะพรรคการเมืองที่สังกัดเด่นชัด ตามรายละเอียดของผลการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้

1. ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

1.1 ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนโดยภาพรวมสูงสุด (54.24%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.99%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (38.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (8.87%)

1.2 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 1 คือ ความสามารถในการกอบกู้และแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.30%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (41.31%), นายกรณ์ จาติกวณิช (32.02%) ตามลําดับ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.20%)

1.3 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 2 คือ คุณลักษณะด้านความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.89%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (43.44%), นายกรณ์ จาติกวณิช (30.14%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (7.72%)

1.4 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 3 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ มีผลงานโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์มาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (59.53%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (42.47%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (33.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.09%)

1.5 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 4 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รอบรู้ รอบคอบ ทุ่มเท ขยัน และรู้กลไกการผลักดันงานหรือนโยบายให้สําเร็จได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (63.58%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (58.72%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (42.20%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.36%)

1.6 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 5 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่อ่อนน้อม ปรองดอง เข้าถึงง่าย ทํางานกับทุกฝ่ายได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (55.51%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.83%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล (47.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (12.81%)

1.7 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 6 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เล่นพรรคเล่นพวก

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (64.72%) รองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (58.74%), พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (54.13%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.60%)

1.8 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 7 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (57.96%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (16.34%)

1.9 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 8 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ควบคุมกํากับความมั่นคงทางการทหารและตํารวจ

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (68.99%) และรองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (60.92%) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อย

ที่สุด (2.85%)

2. ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ได้รับเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

2.1 ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนรวมสูงสุด (58.15%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.59%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย, (40.74%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (31.44%)

2.2 ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 1 ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย (54.20%), ตามลําดับ ส่วนนางสาว พินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (26.28%)

2.3 ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 2 มีกลไกการทํางานที่เป็นระบบ เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง หรือ คณะบุคคล หรือ นายทุน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (58.74%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.93%), นายกรณ์ จาติกวณิช ผู้นําจากพรรคกล้า (42.63%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (23.46%)

 

“ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย”! จัดพิธีมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ประจำปี 2564 (ครั้งที่ 2) ในพื้นที่จังหวัดตาก

ระหว่างวันที่ 3 - 5 พฤศจิกายน 64 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการฯ พร้อมด้วยนายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางศิริพร กระจ่างหล้า หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่มอบทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษา สำหรับเยาวชนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ประจำปี 2564

ประกอบด้วย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 55 โรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม โรงเรียนโมโกรวิทยาคม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา (บ้านหม่องกั๊วะ) จังหวัดตาก รวม 45 ทุน รวมมูลค่าเป็นเงิน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) โดยจัดพิธีมอบทุนการศึกษา ณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 55 อำเภอเมือง และโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก

 

นราธิวาส - พัฒนาฝีมือแรงงานนราธิวาส! ประชุมขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพ แก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ

นายบุญพาศ รักนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุมบางนรา สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส เพื่อพิจารณากำหนดแผนการดำเนินงานโครงการ กำหนดหลักสูตรที่จะเปิดอบรม มอบหมายหน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษาจัดทำแบบสอบถามและแบบสรุปการสำรวจและจำแนกนักเรียนของจังหวัดนราธิวาส รวมถึงความร่วมมือจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการฯ นอกเหนือจากงบประมาณปกติของสถาบันฯ

นายเสริมสกุล พจนการุณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับจังหวัดนราธิวาสจากหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนราธิวาส และกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภาคการศึกษา ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม จำนวน 28 คน มีอำนาจหน้าที่อำนวยการวางแผนการดำเนินโครงการ โดยให้ความเห็นชอบปฏิบัติ ขั้นตอนการดำเนินงาน 12 ขั้นตอน ให้ความเห็นชอบหลักสูตรและงบประมาณ และจัดเตรียมตลาดแรงงาน มอบหมายและประสานการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับติดตามในการสำรวจและจำแนกกลุ่มนักเรียนเป้าหมาย ติดตามและสนับสนุนในการดำเนินการฝึกอาชีพและประเมินผลการดำเนินการโครงการ

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานโครงการฯ โดยกำหนดประชุมชี้แจงผู้อำนวยการโรงเรียนและครูแนะแนว ระหว่างวันที่ 7 – 9 ธันวาคม 2564 สถานศึกษานำนักเรียนกลุ่มเป้าหมายเข้าศึกษาดูงาน ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส ระหว่างวันที่ 21 – 25 ธันวาคม 2564 แต่เนื่องจากกลางเดือน เมษายน - พฤษภาคม 2564 เป็นช่วงเทศกาลถือศีลอด ดังนั้นจึงได้กำหนดวันรายงานตัวและปฐมนิเทศ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 สำหรับหลักสูตรที่เปิดฝึก เป็นหลักสูตรเตรียมเข้าทำงาน ระยะเวลาฝึก 420 ชั่วโมง

 

 

ตร.เตือน!! อย่าเชื่อ แก๊ง Call Center โทรขู่ อ้างเป็น “โฆษกตำรวจ” หลอกให้โอนเงิน!!

5 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีที่มีผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้โทรหาผู้เสียหาย แล้วแจ้งว่าผู้เสียหายนั้นมีส่วนร่วมในกระบวนการฟอกเงิน หลังจากที่ผู้เสียหายไม่เชื่อ ก็ได้มีการโอนสายให้กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวเป็น “พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” หรือ “พ.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” โฆษก ตร. และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินไปให้กับบัญชีของคนร้าย ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการแอบอ้างชื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ จึงขอให้ผู้ที่ได้รับสายในลักษณะดังกล่าวนี้ “มีสติ อย่าหลงเชื่อ” ตามคำกล่าวอ้างของคนร้าย และอยากแจ้งเตือนไปยังผู้ที่กระทำความผิดว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็น “อั้งยี่”  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็น “ซ่องโจร” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิด ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท

นครนายก - รองรับแผนเปิดประเทศ! ประชุมผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบริการ โรงแรม รีสอร์ท ตามมาตรการป้องกัน และควบคุมการระบาดของโควิด-19 เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว

ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก พลตำรวจตรี ดร.จักษ์ จิตตธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก พันตำรวจเอกกล้าหาญ โชคพิพัฒน์ไพบูลย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก พันตำรวจเอกทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก พร้อมคณะ จัดการประชุมผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบริการ โรงแรม รีสอร์ท ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รองรับแผนเปิดประเทศ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว โดยเชิญผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบริการ โรงแรม รีสอร์ท ในจังหวัดนครนายกจำนวน 80 ราย ได้เข้าร่วมประชุมชี้แจงและขอความร่วมมือเพื่อหาแนวทางในการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครนายก

ด้วยสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก ได้เชิญผู้ประกอบการฯ เข้าร่วมประชุมรับฟังคำชี้แจงให้เข้าใจข้อกฎหมาย ประกาศคำสั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องขอความร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันรักษากฎกติกา เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความจำเป็น และร่วมมือร่วมใจมิให้ฝ่าฝืน ลักลอบการกระทำผิดหรือสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

 

สุรินทร์ - ผบ.มทบ.25 นำกำลังพล จัดกิจกรรมจิตอาสาปลูกปอเทือง เนื่องใน ‘วันดินโลก 5 ธันวาคม 2564’

ณ บริเวณพื้นที่แปลงนา โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25 พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พันเอกสงคราม โชคชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน นายสุดเขต เขียวอุไร  ผู้จัดการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม KI GROUP บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ จำกัด พร้อมด้วยกำลังพล นายทหาร นายสิบ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และประชาชนจิตอาสา ในพื้นที่ชุมชนรอบค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมจิตอาสาปลูกปอเทือง เนื่องในวันดินโลก 5 ธันวาคม ประจำปี 2564

จันทบุรี - จัดพิธีมอบรางวัลคุณากร ‘รางวัลครูยิ่งคุณ และรางวัลครูขวัญศิษย์’ ประจำปี 2564 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ครูผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตลูกศิษย์และมีคุณูปการต่อการศึกษา

วันนี้ ( 4 พ.ย.64 ) ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นางสาวปาณี นาคะนาท รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีเป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการคัดเลือกครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เครือข่ายครูมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี และผู้เกี่ยวข้องด้านการศึกษาร่วมพิธีมอบรางวัลคุณากร รางวัลครูยิ่ง และรางวัลครูขวัญศิษย์ ประจำปี 2564ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โดยนายวิโรจน์ ต่อติด รองศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี รักษาการในตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี กล่าวรายงานว่าสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 4 ปี 2564ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกครูที่ได้รับการเสนอชื่อภายในจังหวัดจันทบุรี จากผลงานและการลงพื้นที่ออกประเมินเชิงประจักษ์ ตามกรอบแนวคิดหลัก คือ ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ชีวิตลูกศิษย์ และมีคุณูปการต่อการศึกษา ซึ่งมีผู้ผ่านการคัดเลือกต่อในระดับส่วนกลาง โดยมีคณะกรรม การมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเป็นผู้พิจารณาตัดสินรางวัล ซึ่งครูผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด จะได้รับ “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” ครูผู้มีคะแนนลำดับที่ 2 และลำดับที่ 3 จะได้รับรางวัล “รางวัลคุณากร” ครูผู้มีคะแนนลำดับที่ 4 ถึงลำดับที่ 20 จะได้รับ “รางวัลครูยิ่งคุณ” และครูที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัด คณะกรรมการคัดเลือกส่วนกลาง และการตัดสินจากคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจักรี จะได้รับ “รางวัลครูขวัญศิษย์”

‘ผบก.ตม.3’ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ‘ตม.จว.ชลบุรี’ กำชับเข้ม 7 ข้อปฏิบัติ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

วันนี้ 4 พ.ย.64 เวลา 9.30 น. พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3 ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติราชการและพื้นที่การให้บริการการตรวจลงตราของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติและการตรวจลงตราทั่วไป ของ ตม.จว.ชลบุรี โดยมีพ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก  ผกก.ตม.จว.ชลบุรี พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัด ร่วมให้การต้อนรับและได้นำตรวจบริเวณพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมรายงานผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษาผบก.ตม.3  ได้มอบนโยบาย และกำชับการปฏิบัติราชการให้แก่หน่วย ดังนี้

1. ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายถือปฏิบัติตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. 

2. ด้านกำลังพลกำชับความมีระเบียบวินัยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความรู้ด้านการปฎิบัติหน้าที่

3. ด้านอาคารสถานที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยความสะอาดของหน่วยงานจัดเป็นสัดส่วนพร้อมให้บริการประชาชน

4.ด้านวัสดุครุภัณฑ์ดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานซ่อมแซมพัฒนาปรับปรุงให้มีความพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา

5.การแต่งกายให้เป็นระเบียบทรงผมเครื่องแบบรองเท้าขัดเงา

6. กำชับข้าราชการตำรวจห้ามีพฤติกรรมข่มขู่รีดไถกรรโชกซับข่มเหงรังแกประชาชนห้ามเข้าไปเกี่ยวข้อง มีผลประโยชน์กับการกระทำผิดกฏหมาย

7.กำชับการปฏิบัติตามนโยบาย บก.ตม.3 ( 3's : Service  Smart Smile)

ทางด้าน พ.ต.อ.นเรนทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมของ ผบก.ตม.3 ในครั้งนี้ได้มาชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่และกำชับให้ปฏิบัติตามนโยบายของ  พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.,พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม. อย่างเคร่งครัด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานอย่างเข็มแข็งมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ พร้อมทั้งได้สอบถามปัญหาและอุปสรรค ข้อขัดข้องต่าง ๆ ตลอดจนให้ปฏิบัติตามาตรการสาธารณสุข พร้อมให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน 

จันทบุรี - ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เยี่ยมให้กำลังใจหน่วยงานกองทัพเรือในพื้นที่ พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็น ด้านความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนผลประสบสาธารณภัยแบบบูรณาการร่วมกับจังหวัด

วันนี้ ( 4 พ.ย.64 ) ที่ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมคณะได้ลงตรวจเยี่ยมหน่วยงานฝ่ายทหารที่ขึ้นตรงกับทัพเรือภาคที่ 1 และหน่วยงานประสานความร่วมมือ โดยนายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีให้การต้อนรับพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะทั้งด้านความมั่นคงทางทะเล ปัญหาเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย การอนุรักษ์ทรัพยากรทะเล ปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง การบูรณาการความช่วยเหลือประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรีในกรณีการเกิดสาธารณะภัยต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบแก้ไขสถานการณ์เข้าช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างทันท่วงที

อยุธยา - กองทัพเรือ ร่วมกับกลุ่มจิตอาสาร่วมรักษ์ราษฎร์ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

วันนี้ (4 พ.ย.64) พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะ หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมคณะ ร่วมกับกลุ่มจิตอาสาร่วมรักษ์ราษฎร์ มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ รร.ท่าเรือประชานุกูล อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมร่วมกิจกรรมปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาด และทาสีโรงเรียนและวัดในพื้นที่

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ประเภทอุทกภัย จำนวน 14 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เสนา อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางไทร อ.บางปะอิน อ.บางปะหัน อ.มหาราช อ.บางซ้าย อ.ลาดบัวหลวง อ.ท่าเรือ อ.ภาชี อ.นครหลวง และ อ.บ้านแพรกนั้น กองทัพเรือ โดยฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ จึงได้ร่วมกับ กลุ่มจิตอาสาร่วมรักราษฎร์ นำถุงยังชีพไปมอบให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.ท่าเรือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ภายใต้กิจกรรม “แจกถุงยังชีพ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย” พร้อมร่วมพัฒนาปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาด ทาสีโรงเรียนท่าเรือประชานุกูล และวัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top