Monday, 9 June 2025
POLITICS TEAM

'เสี่ยหนู'​ มั่นใจ 'ภท.'​ ไม่แหกมติพรรค บอกเล่า 'บิ๊กตู่'​ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับครม.ใด ๆ

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ​ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงคะแนนโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยจะมีการประชุมหารือร่วมกันก่อน เพื่อขอมติพรรคในการโหวตให้กับรัฐมนตรีแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการหารือในที่ประชุมครั้งนี้จะให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น 

เมื่อถามว่า หากสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายเป็นข้อมูลความจริง จะมีการโหวตอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องมีการประชุมหารือร่วมกันว่ามีความคิดเห็นอย่างไรในแต่ละคน 

สำหรับการโหวตเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะโหวตเหมือนกันหมด โดยคะแนนจะเท่าๆ​ กันหมด หากทุกคนชี้แจงได้ดี การประชุมพรรคเช้านี้ก็อยากให้​ ส.ส.พรรคได้ชี้แจง เพราะตนเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องรับฟังว่าคิดเห็นว่าเหมือนเราหรือไม่ ถ้าไม่เหมือนกันก็ต้องหารือกันให้ตกผลึก เพราะพรรคเราต้องฟังความคิดเห็นของแต่ละคนก่อนโหวตและทำแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาพรรคก็เคยโหวตไม่เหมือนกัน ซึ่งเราก็ไปทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ 

เมื่อถามว่า แสดงว่าให้เอกสิทธิ์​ ส.ส.แต่ละคนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ต้องบอกว่าอันนี้​ คือ​ มติพรรค และต้องดูความรู้สึกของแต่ละคนด้วย เช่น​ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปบังคับว่าเอาแบบนี้แบบนั้นก็ไม่ได้ เพราะส.ส.มีวุฒิภาวะ ต้องให้เกียรติกัน 

เมื่อถามว่า มติพรรคจะออกมาอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ประชุมจะมีมติได้อย่างไร เมื่อถามต่อว่า ถ้าจะต้องลงมติไว้วางใจ แต่มีส.ส.พรรคเห็นต่างนั้นจะให้เอกสิทธิ์อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ส.ส.ทุกคนควรทำตามมติพรรค เพราะหากแหกมติพรรคก็ต้องมานั่งคุยกัน เนื่องจากเราผ่านการประชุมพูดคุยรับฟังความคิดเห็นร่วมกันแล้ว ซึ่งต้องให้แสดงคิดเห็นได้ แต่จะไปล้อมคอกไม่ให้แสดงความคิดเห็นคงเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยทำ และไม่คิดจะทำ ทุกคนต้องเคารพมติพรรค และต้องมีวินัยพรรรคด้วย หลายอย่างรวมกันรับรองว่าออกมาดี สามารถอธิบายได้หมด ถามต่อว่าในส่วนของผลคะแนนโหวตของรมว.สาธารณสุขจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมาดูกัน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังการอภิปรายฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอบไปแล้วว่าไม่มีอะไร ถ้านายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณมา​ ก็ต้องประเมินรัฐมนตรีของเรา ถามว่า ถ้ามีการปรับจริง เก้าอี้ของพรรคภูมิใจไทยจะลดลงหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะและย้อนถามว่า “มีเหรอ” เมื่อถามต่อว่า จะรับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “มีแต่จะขอเพิ่ม” เมื่อถามว่า แสดงว่ารักษาเสถียรภาพได้ดี นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว อย่าพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด”

'สิระ' ซัดฝ่ายค้าน 4 วันพิสูจน์ไร้ข้อมูลทุจริตแหกรัฐบาล แต่กลับพยายามโยงสถาบัน ลั่น!! ขอจองเวร 'เสรีพิศุทธ์' ทั้งชาติ บอกทำอะไรไว้ให้รับกรรม เตรียมลุยฟ้อง 3 คดี และเชื่อยังมีอีกเพียบ

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวก่อนการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอด 4 วันที่ผ่านมา เห็นชัดกันแล้วว่าฝ่ายค้านพยายามโยงสถาบันเข้าสภาและแสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลอภิปรายประเด็นการทุจริตนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี​ (ครม.) มีแต่การจาบจ้วง ไม่มีเรื่องทุจตริตเลย ซึ่งขอถามว่ายังต้องการเป็นส.ส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย และเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่อีกหรือไม่

ดังนั้นให้ประชาชนตัดสินว่าคนเหล่านี้สมควรเป็นข้าราชการและตัวแทนประชาชนอยู่หรือไม่ ทั้งนี้มองว่าที่ผ่านมา 4 วันเสียเวลาเป็นเหมือนการยื่นกะทู้ถามสด ซึ่งสามารถทำได้อยู่แล้วไม่ต้องขอเปิดอภิปราย

นายสิระ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันสมาชิกฝ่ายค้านซึ่งเป็นผู้ยื่นญัตติกลับไม่อยู่ฟัง แต่ไปหาเสียงที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงขอให้ชาวนครฯ ตัดสินเองว่าคนที่เป็น​ ส.ส.​ แต่กลับไปหาเสียงให้ผู้สมัครในเวลานี้สมควรแล้วหรือ ที่คนยื่นญัตติไม่มาฟังการอภิปราย ฉะนั้นควรเลือกบุคคลดังกล่าวหรือไม่

อย่างไรก็ตาม​ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้​ เวลา 10.00​ น. ตนเองจะไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในคดีหมิ่นประมาท 3 คดี ซึ่งทำอะไรไว้ก็รับกรรมไป และเชื่อว่าชาตินี้คงยังมีอีกหลายคดี

ท้องไม่แท้ง ทางออกมีอยู่มากอย่าคิดสั้น กรมอนามัยช่วยได้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ยึดหลักการยุติตั้งครรภ์ที่ถูกกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาหญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อมและการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย ภายใต้หลัก 4S คือ Safe Virgin โดยผลักดันเพศสุขภาพวิถีศึกษา Safe Sex โดยเข้าถึงยาคุมกำเนิดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตามสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพ Safe Abortion คือยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยผ่านเครือข่ายอาสาส่งต่อเพื่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย (RSA) และ Safe Mom คือให้คำปรึกษาหญิงที่เปลี่ยนใจเห็นว่าควรตั้งครรภ์ต่อ

“กรมอนามัยร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้บริการยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัยในวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่อยู่ในภาวะหลังคลอดหรือแท้ง หรือต้องการคุมกำเนิดในทุกสิทธิสุขภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ยังพร้อมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 และมาตรา 305 โดยสามารถเข้าถึงบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย รวมทั้งเพื่อป้องกันหญิงที่มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ไปทำแท้งเถื่อน และเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยด้วย” นพ.สุวรรณชัย กล่าวและว่า

"สำหรับหญิงบางรายที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมและยังหาทางออกกับปัญหาไม่ได้สามารถโทร.ไปปรึกษาสายด่วน 1663 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 21.00 น. ได้ทุกวัน เพื่อจะได้รับบริการที่เป็นมาตรฐาน ไม่หลงไปทำแท้งเถื่อน ซึ่งผิดกฎหมายและอาจ ทำให้ตกเลือด ติดเชื้อจนถึงขั้นเสียชีวิตได้"


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/society/2036304

พิธาปลุกสภาใช้อำนาจในมือโหวต เลือกประเทศไม่เลือกประยุทธ์ พอกันทีกับ 7 ปีที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ (19 ก.พ. 64)​ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมุ่งเป้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายพิธา กล่าวว่า "ถ้าเราเลือกประเทศ เท่ากับสภาของเรายืนยันในหลักธรรมเนียมการปกครองของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ว่านายกนำพระราชกระแสมาแอบอ้างต่อไม่ได้ เพราะเป็นการเสื่อมเสียต่อพระเกียรติอย่างยิ่ง และเป็นการทำลายหลักการ อันสำคัญว่า “กษัตริย์ทรงทำผิดมิได้”

"ถ้าเราเลือกประเทศ เท่ากับว่าสภาของเราได้ร่วมกันยกเลิกเส้นแบ่งความขัดแย้งของประเทศ ที่มีคนพยายามทำให้คนไทยแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายโดยการแอบอ้างสถาบัน และเมื่อเราได้เปิดม่านมายาคตินี้ออกไป เราจะเห็นได้ถึงโจทย์ที่แท้จริงของประเทศไทย ว่าเราจะจัดวางและเชิดชูสถาบันอย่างไร เพื่อให้สถาบันมั่นคงสถาพร และวิวัฒน์ควบคู่ไปกับสังคมไทย ในโลกและจิตสำนึกแห่งยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลง

"ตอนโหวตเลือกนายกและตอนแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อนสมาชิกหลายท่านยังตัดสินใจโดยเกรงอำนาจของ ส.ว. ขอบเขตอำนาจของสภาหลายประการถูกลดทอนไปโดยศาลรัฐธรรมนูญ แต่อำนาจในการไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรียังคงเป็นอำนาจเต็มของสภาแห่งนี้ และถ้าพวกเรากล้า กล้าที่จะร่วมไปกับผม พวกเรามีอำนาจเต็มมือที่จะโหวตเอาชื่อประยุทธ์ออกไปจากสารบบการเมืองไทย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ในสภาแห่งนี้เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้กับประชาชนของท่าน ตอนที่หาเสียงเลือกตั้ง

"เวลานี้ชะตาของประเทศอยู่ในมือของสภาผู้แทนราษฎรอย่างสมบูรณ์ อยู่ที่การลงคะแนนของเพื่อนสมาชิกทั้งสิ้น ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีอำนาจใดที่สูงกว่า นี่เป็นวันเดียวในรอบ 7 ปีที่ผ่านมาที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้ยืนยันอำนาจตนเอง ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะได้ประกาศให้ประชาชนเห็นว่า

"นี่คือผู้แทนของราษฎร ไม่ใช่ผู้แทนของคุณประยุทธ์ ที่ทำหน้าที่เป็นนั่งร้านให้กับการสืบทอดอำนาจ พอกันทีครับกับ 7 ปีที่ผ่านมา มาร่วมกันยุติฝันร้ายของประเทศไทยไปด้วยกัน ถึงเวลาแล้วที่ทุกท่านจะต้องเลือกประเทศของเรา ร่วมกันถอดถอน พล.อ.ประยุทธ์ด้วยการโหวตไม่ไว้วางใจจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ให้บริหารประเทศอันเป็นที่รักของเราอีกต่อไปแม้แต่นาทีเดียว​" พิธา​ กล่าว

'ชวน' ยัน โหวตเสร็จก่อนเที่ยง ประชาธิปัตย์ไม่แตกแถวมติพรรค

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมสภาว่า ในวันนี้ใช้วิธีเสียบบัตรโหวตทีละคนทั้ง​ 10 คนตั้งแต่นายกรัฐมนตรี แต่จะใช้วิธีการนับองค์ประชุมก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่ครบองค์ประชุมก็ตาม แล้วจึงจะให้ลงมติได้ โดยวิธีเสียบบัตรพร้อมกันทั้ง 487 คน และใช้เวลาไม่นานเสร็จก่อนเที่ยง

ขณะเดียวกัน ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงกรณีมีกระแส ส.ส.ภายในพรรคประชาธิปัตย์เสียงแตก ว่า ทุกคนต้องทำตามมติพรรคอย่างแน่นอน เมื่อถามย้ำว่า ใช่หรือไม่ที่ทุกคนจะทำตามมติพรรค นายเฉลิมชัยยิ้มและกล่าวว่าก็รอดูแล้วกัน
 

ทลายขบวนการ IO ภาค 2 ‘ณัฐชา’ แฉหลักฐานเด็ดกลางสภา! ชี้ มีนายทหารสัญญาบัตรคุมปฏิบัติการอื้อ ตั้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ ไม่ไว้วางใจ ‘พล.อ.ประยุทธ์’

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต25 พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ 1.) ไม่ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่ท่านแถลงไว้เองต่อสภาโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบในเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ในทางตรงกันข้ามกลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง 2.) จงใจใช้งบประมาณแผ่นดิน เวลาราชการ และบุคลากรของรัฐในการสร้างความเกลียดชัง 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร และไม่ตอบสนองต่อการตรวจสอบของประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร

นายณัฐชา กล่าวว่า "พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้อาชีพทหารแทนที่ทหารจะได้ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนจากอริราชศัตรู กลับตั้งตัวเป็นศัตรูของประชาชน แทนที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ เทิดทูนไว้เหนือการเมือง กลับนำเอาพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะกำบังตัวเองจากการวิจารณ์ของประชาชน เอาความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มาเป็นอาวุธทำร้ายประชาชน ทั้งหมดก็เพื่อค้ำยันบัลลังก์อำนาจของตัวเอง"

นายณัฐชา ยังได้เปิดคลิปหลักฐานการประชุมออนไลน์ของ ม.ทบ. ที่ 21 กลางสภาอีกด้วย โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีการสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และมองประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังได้เผยหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอการประชุมของทหารอีกหนึ่งชิ้นด้วย โดยคลิปวีดีโอนี้เป็นการประชุมเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นเวลาสี่วันก่อนศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่มีการสั่งการให้เตรียมการรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดถึงรู้ก่อน เหตุใดจึงรู้ล่วงหน้าได้

นายณัฐชา ยังได้กล่าวต่อไปด้วยว่า จากหลักฐานที่เปิดออกมานี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าคนนั่งหัวโต๊ะมีความกังวล และย้ำว่าอย่าให้เอกสารหลุด โดยเฉพาะเอกสารการเงิน แสดงว่าปฏิบัติการนี้มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินภาษีของประชาชนใช่หรือไม่ ที่พวกท่านใช้มาทำงานด่าทอด้อยค่าประชาชน

“ทหารได้พูดในคลิปว่า ยังไงเราก็สู้ไม่ได้เพราะกำลังสู้กับฝั่งที่จัดตั้งมาดี มืออาชีพ ผมยืนยันตรงนี้นะครับว่าพวกท่านเข้าใจผิด เพราะคนที่ท่านคิดว่าเป็นปฏิบัติการไอโอของอีกฝั่ง แท้จริงเป็นแค่ประชาชน คนทั่วไปที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อท่านประเมินผิด นโยบายของพวกท่านจึงผิดพลาด คนที่เป็นทหารท่านน่าจะรู้ดีว่า หากกำหนดศัตรูผิดตัว มุ่งรบกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ปลายทางของพวกท่านมีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น เพราะยิ่งโดนแฉเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นว่า คนที่เกลียดรัฐบาล เกลียด พล.อ. ประยุทธ์ เป็นของจริง แต่คนที่ชมรัฐบาล คนที่คอยสรรเสริญประยุทธ์ เป็นของปลอม” นายณัฐชา ระบุ

นายณัฐชา กล่าวต่อไปด้วยว่า "เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเอกสารฉาวจากกองทัพหลุดมาอีกครั้ง ว่าด้วยการทำไอโอ โดยเป็นการเปิดอบรมผ่านหลักสูตรของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน มีกลไกการทำงานแบ่งทีมเป็นฝ่ายขาว ที่เป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของสถาบันกษัตริย์ และ ฝ่ายดำมุ่งโจมตีด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาไม่จงรักภักดี และล้มล้างสถาบัน เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมา ยังระบุกลไกการสั่งงานอย่างเป็นระบบผ่าน 2 แอพพลิเคชั่นที่ให้เอกชนทำขึ้น คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger โดยระดับแกนนำเท่านั้นที่จะใช้ 2 แอพนี้ในการทำงาน ส่วนระดับสนับสนุนใช้ไลน์กลุ่มตามเดิม ในเอกสารระบุหน่วยที่ใช้งาน 2 แอพนี้ ว่า มี ร.2.รอ. ร.11.รอ. ร.21.รอ. และป.2.รอ. ทั้งยังปรากฏเป้าหมายยอดบัญชีไอโอกว่า 54,800 บัญชีภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพถึง 19 หน่วย"

“การทวีตข้อความซ้ำ ๆ เป็นร้อย ๆ พัน ๆ สร้างกระแสปลอม ๆ ขึ้นมาในทวิตเตอร์ มันผิดกฎครับ องค์กรระดับโลกอย่าง Twitter เลยนิ่งเฉยไม่ได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ทวิตเตอร์ระงับบัญชี 926 บัญชี โดยระบุชัดครับว่าพบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ทวิตเตอร์ก็มาแบนอีกบัญชีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือบัญชีทางการหรือ official account ของ “โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน” ด้วยข้อหาเป็นสแปม หรือทวีตข้อความซ้ำๆ มากเกินไป” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อด้วยว่า "การทำไอโอทำในนามโรงเรียนจิตอาสาก็จริง แต่ใช้ทหารในกองทัพ อาทิ ชื่อทวิสเตอร์ ‘เฮียตือ สนามเป้า’ ตัวจริงคือ พันโทธรรม์ มาลัยทอง สังกัดกองพลทหารม้าที่สองรักษาพระองค์ หรือ ชื่อบัญชี ‘เสือขาว’ ที่ทวีตโจมตีผู้ชุมนุมทาง Twitter ปรากฎว่าภาพที่ประกอบทวีต ถูกชาวเน็ตนำไปขยายดูเงาสะท้อนจากกระจกรถ พบว่าสติกเกอร์ติดหน้ารถ ระบุว่าเป็นบัตรผ่านเข้าออก เขตพระราชฐานในพระองค์ 904 ปี 2563 ชื่อ คมทวน คล้ายอักษร ทะเบียนรถ 4กว 5004"

นายณัฐชา กล่าวว่า "มีหลักฐานอีกชิ้นว่ามีการสั่งการหลังบ้าน ให้ปฏิบัติการภารกิจไอโอ โดยผู้ประสานงานจิตอาสา 904 รุ่นหลัก 5/63 พลตรี จักรชัย ศรีคชา หรือที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พิมพ์สั่งลูกน้องโดยมีถ้อยคำที่ว่า "ให้เหมือนเราไปม็อบ แล้วบอกว่าการ์ดอาชีวะ กินเหล้า ทำพฤติกรรมรุนแรง ไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายของม็อบ" "

นายณัฐชา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องใช้ภาษีประชาชน ใช้หน่วยงานรัฐโดยไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะตอกลิ่มให้สังคมร้าวลึกแล้ว ยังทำให้บทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ถูกตั้งคำถาม จึงขอไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกต่อไป"

ก่อนหน้านี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุถึงความใจกล้าของกลุ่มอาจารย์ที่ยืนฟากม็อบ แต่ไม่เคยออกตัวลงสนามเองว่า...

เดือนตุลาคม 2563 มีอาจารย์ 1,118 คนขู่นัดหยุดสอนทั่วประเทศ เรียกร้องนายกฯ ลาออก มาอีกทีอาจารย์ 255 คน มาเรียกร้องให้ศาลให้ประกัน 4 แกนนำที่หน้าเรือนจำ และมีบางคนให้หยุดงานทั่วประเทศ

ล่าสุด นพ.วรงค์ ได้โพสต์ต่ออีกว่า...

#อาจารย์จะกล้าไหม

มีประชาชนจำนวนมากเสนอ ให้ผมทำแพลทฟอร์มล่าชื่อล้านชื่อถอดถอนอาจารย์ แต่ผมลังเลใจ เพราะคิดว่าเขาคงไม่มีสำนึก

เย็นนี้ 19 ก.พ.ม็อบสามนิ้ว นัดรวมตัวหน้าสภา น่าจะเชิญ 48 อาจารย์ หรือชุด 255 อาจารย์ มานำม็อบน่าจะดีกว่า

ถ้าแน่จริง ให้หยุดสอน มาร่วมกับม็อบ หลังจากที่อาจารย์เหล่านี้ หลบหลังม็อบมานาน

อยากรู้เหมือนกันว่า อาจารย์เหล่านี้จะกล้ากับ มาตรา 112ไหม

#รู้ไหมประชาชนเบื่ออาจารย์พวกนี้


ที่มา:

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2850694241868275&id=1635406246730420

เทพไท ระบุ เลือกตั้งซ่อมเมืองคอน ยังหงอย ชาวบ้านให้ความสนใจการอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า ชี้ กระแสนอกสภาเปลี่ยนการเมืองได้

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมเขต3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าการเลือกตั้งได้เดินมาถึงครึ่งทางแล้ว ผู้สมัครจาก 4 พรรคการเมือง ได้ลงพื้นที่แนะนำตัว กับประชาชนในตลาดนัดเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่มีการจัดเวทีปราศรัยย่อย จึงทำให้บรรยากาศการหารเสียงยังไม่คึกคักเท่าที่ควร คงจะหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะมี ส.ส.ของแต่ละพรรคการเมือง ระดมสมาชิกพรรคลงพื้นที่กันมากขึ้น

สำหรับตนในฐานะเจ้าของพื้นที่เดิม ยังลงพื้นที่พบปะประชาชนเหมือนเดิม และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น วันละหลายพื้นที่ จนต้องทานอาหารบนรถยนต์ระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีประชาชนติดตามการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างใกล้ชิด

ในบางพื้นที่ได้ติดตามรับฟังข้อมูลและประมวลผลการอภิปรายด้วย ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และการตอบของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย เป็นการให้คะแนนของภาคประชาชนว่าจะขัดแย้งกับการลงมติไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ และยิ่งเป็นยุคโลกสังคมโซเชียลด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้มาก

ฉะนั้นไม่ว่ามติในสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นเช่นใดก็ตาม แต่มติของประชาชนนอกสภา ก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นเดียวกัน กระแสการเมืองนอกสภา อาจมีผลทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาลได้

‘อันวาร์’ ส่งคลิปเข้าไลน์กลุ่ม ปชป.กระตุกเพื่อน ส.ส.โหวตข้างประชาชน ไม่ต้องสนมารยาททางการเมือง ยัน ‘จุรินทร์’ รู้แล้ว

นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทำจดหมายเปิดผนึกแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่าไม่ควรเอาคำว่ามารยาททางการเมืองมาผูกมัดการตัดสินใจโหวต และควรตัดสินตามอุดมการณ์ในการรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างที่ควรจะเป็น โดยนายอันวาร์ได้ส่งจดหมายในไลน์กลุ่มของพรรค ซึ่งมีทั้ง ส.ส.และอดีต ส.ส.อยู่ด้วย จนทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคบางส่วนเกิดความกังวลต่อการเคลื่อนไหวของนายอันวาร์ว่า เหตุใดจึงออกมาช่วงนี้

รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นวาน (18 ก.พ.) นายอันวาร์ได้ส่งไฟล์คลิปวิดีโอในไลน์กลุ่มพรรค ที่มีเนื้อหาตอกย้ำแนวทางของตัวเอง รวมถึงให้ข้อคิดแก่เพื่อน ส.ส.ว่า...

“ส.ส.ประชาธิปัตย์ ควรจะยึดหลักเกณฑ์ในการโหวตว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถตอบคำถามได้ชัดเจนหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวเรื่องการบริหาร ปัญหาการทุจริต รวมถึงขอให้ฟังเสียงประชาชนข้างนอกเป็นหลัก เพราะประชาชนเป็นผู้เลือก ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่และพรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้ด้วยเสียงประชาชน มาประกอบการตัดสินใจด้วย โดยไม่ต้องไปมองเรื่องมารยาททางการเมือง และความไม่มั่นคงของรัฐบาล จึงขอให้เพื่อน ส.ส.พิจารณาตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา”

ทั้งนี้ แกนนำพรรค โดยเฉพาะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับทราบเรื่องและเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคมีการแบ่งแนวคิดเป็นสองฝ่าย โดย 1.) เห็นว่าควรให้ ส.ส.ตัดสินใจเอง และ 2.) เห็นว่าควรคำนึงเรื่องการเมือง และการอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเรียกประชุม ส.ส.ก่อนวันลงมติเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในการลงมติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้เห็นจดหมายและคลิปวิดีโอของนายอันวาร์แล้ว ตนยอมรับแนวคิดของนายอันวาร์ เพราะตนยังยึดมั่นอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ และการจะลงมติดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับฟังการชี้แจงของรัฐมนตรี และการตัดสินใจของ ส.ส.ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว ขณะเดียวกันตนก็เชื่อว่าไม่มี ส.ส.ของพรรคคนไหนที่กระทำการขัดมติพรรค แต่ก็ต้องรักษาจุดยืน อะไรผิดก็คือผิด เพราะเราทุกคนต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง ทั้งนี้ ส่วนตัวขอดูข้อมูลของฝ่ายค้านและการชี้แจงของรัฐมนตรีทุกคนเสียก่อน โดยขณะนี้ ส.ส.และผู้ใหญ่ของพรรคยังไม่มีการพูดคุยกันว่าจะตัดสินใจอ่างไร ต้องรอประชุม ส.ส.อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งข้อความโดยเป็นเอกสารผ่านไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุถึงหลักเกณฑ์การตัดสินใจลงอภิปรายไม่ไว้วางใจขอยึดหลักถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด และอยากบอกเพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายท่านที่มาพูดคุยกับตนและมาปรึกษาเชิงด้วยความไม่สบายใจ ว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้พวกเราจะยกมืออย่างไร ตนก็ตอบไปว่าสำหรับตน ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชนและสังคมว่าครั้งที่แล้วเราถูกยกมือให้ไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนทั้งๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจ

นายอันวาร์ระบุต่อว่า ตนเชื่อว่าทุกท่านจำใจต้องลงมติสวนความรู้สึกของตนเอง เพราะผู้บริหารพรรคอ้างว่าเป็นมารยาททางการเมือง จึงทำให้นักการเมืองอย่างพวกเราถูกผูกมัดไว้ด้วยคำนี้ แต่วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศแล้วว่ามารยาททางการเมืองนั้นไม่มี เป็นประชาธิปไตย ที่จะต้องแข่งขันการทำประโยชน์เพื่อประชาชน มีคำถามว่าพวกเราพรรคประชาธิปัตย์จะยอมให้มีการถูกบังคับต่อหรือไม่นั้น ตนหวังว่าทุกท่านจะพิจารณาตัดสินใจในแนวทางที่รักษาระบอบประชาธิปไตย ที่ควรจะเป็นเพื่อรักษาภาพพจน์ของพรรคต่อไป


ที่มา: https://www.matichon.co.th/politics/news_2585757


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top